13 ธันวาคม 2549 12:29 น.

กระท่อมฟางข้าวคฤหาสน์แห่งชาวนา

วิจิตรวาทะลักษณ์

     เสียงตุบตับสดับดังดั่งคีตศิลป์
บนแผ่นดินผืนแผ่นแดนอิสาน
เมื่อคราครั้งเกี่ยวเก็บข้าวขึ้นเหล่าลาน
ศิลป์อิสานจึงเริ่มร่ายลงลายมนต์


     ลมเหมันต์ผันผ่านลานรวงข้าว
สะนูว่าวดังแสดงทุกแห่งหน
ระคนเคียงเสียงตีข้าวของเหล่าชน
ล่วงลมบนระคนคู่สู่ท้องนา


     เศษฟางข้าวที่เรียงลานหลังการฟาด
ถูกเก็บกวาดลงเรียงชั้นกั้นเป็นฝา
ไม้ไผ่มัดรัดเศษฟางกางหลังคา
เอาพื้นหญ้าต่างกระเบื้องเป็นเมืองนอน


     พ่อตีข้าวในเหล่าลานเป็นงานหลัก
แม่เก็บผักหาปูหอยคอยพร่ำสอน
ลูกเล่นว่าวละลู่ลมพรางล้มนอน
ดึกพักผ่อนก็เข้ากล่อมกระท่อมฟาง


     มีเสียงว่าวธนูลมพรมพัดกล่อม
มีแสงย่อมปลุกนิทรายามฟ้าสาง
มีอาหารย่านชาวดินบนถิ่นทาง
สุขมิสร่างบ้านฟางข้าวแห่งชาวนา


     เมื่อเวลามาผันผ่านสู่กาลใหม่
เครื่องจักรใหญ่มาแทนที่สิ่งมีค่า
กระท่อมฟางแห่งคำนึงเคยตรึงตรา
ถูกโลกาอภิวัฒน์กำจัดจร

วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
วันพุธที่  13  ธันวาคม  2549
เวลา  12.30  น.
				
6 ธันวาคม 2549 15:27 น.

ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

วิจิตรวาทะลักษณ์

     ทรงพระเจริญ  ทรงพระเจริญ  ทรงพระเจริญ
เสียงยอพระยศสรรเสริญ ทรงพระเจริญ  ทั้งหล้า
เนื่องน้ำเสียงเพียงถึงชั้นสวรรค์อินทรา
เอ่อน้ำตาด้วยปลื้มปลาบกำซาบจินต์

	     ตลอดทางพระราชดำเนินสรรเสริญยอยก
ไพร่พสก  ทรงพระเจริญ  สรรเสริญมิสิ้น
หยาดน้ำตามหาปีติที่ไหลริน
ทาแผ่นดินต่างลาดพระบาทองค์กษัตรา

	     แสงเสียนทองส่องสว่างทั้งทางท่อง
ดั่งทาทองทั่วแผ่นดินถึงถิ่นฟ้า
พิภพพื้นผืนแผ่นดินถิ่นนครา
ดั่งทองทาให้ทั่วแคว้นเป็นแดนทอง

	     ดั่งมหาพระบารมีจักรีบาท
ก้องประกาศประจักษ์ชนคนทั้งผอง
กำจรกระจายดั่งสุริยาทาสีทอง
สาดแสงส่องทั่วทั้งหล้ามหาบารมี

	     ภาพ  ธ  ทรง  แย้มพระสรวลโบกพระหัตถ์
ยังแจ่มชัดในหัวใจไทยทุกที่
ความปลื้มปลาบกำซาบซึ้งซึ่งพระบารมี
กลั่นวารีให้ไหลเย็นเป็นน้ำตา

	     มหาชนชาวสยามทุกนามผู้
ไหลมาสู่สนามหลวงทั้งห้วงหล้า
รวมหัวใจใส่เสื้อเหลืองเรืองทองทา
เปล่งวาจา  ทรงพระเจริญ  สรรเสริญพระองค์

	     ประจักษ์แท้แก่สายตาประชาโลก
คือประโยคที่คนไทยไม่ลืมหลง
เกิดคำถามจากต่างชาติถึงพระบาทองค์
เหตุใดทรงเป็นที่รักจากปวงประชา

	     ภาพที่เห็นประจักษ์ใจในคำตอบ
เสียงประกอบประจักษ์ล้ำเกินคำค่า
เราหลอมร่วมรวมหัวใจไทยประชา
เปล่งวาจา  ทรงพระเจริญ  ทรงพระเจริญ
     
      ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
     ข้าพระพุทธเจ้า  นายวีระพงษ์  คำทอน
     วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
     วันพุธที่  6  ธันวาคม  2549
     เวลา15.30  น.
				
4 ธันวาคม 2549 21:46 น.

สำนึกจากก้อนดิน

วิจิตรวาทะลักษณ์

     เมื่อแผ่นดินสิ้นน้ำยามฝนแล้ง
ก็เหือดแห้งระแหงดินเพราะสิ้นฝน
แผ่นดินแยกแตกระแหงแบ่งชั้นชน
ทิ้งพืชผลให้ล้มตายดั่งไฟลาม

	     เมื่อฟ้าฝนหล่นรินสู่ถิ่นหล้า
พสุธาได้รับฝนอย่างล้นหลาม
ดินเคยแยกแตกระแหงเคยแบ่งนาม
ถูกฝนลามให้หลอมรวมร่วมเป็นดิน

	     เราก็ดั่งก้อนดินบนถิ่นนี้ 
ที่หลอมรวมร่วมชีวีมิมีสิ้น 
เป็นผืนแผ่นแดนสยามนามแผ่นดิน
ทอดชีวิตเป็นลาดพระบาทองค์กษัตรา

	     มีพระเจ้าแผ่นดินปิ่นประเทศ
ดั่งบิตุเรศแห่งแผ่นดินปิ่นเกศา
มีพระบรมมหาราชวงศ์องจักรา
ดั่งฉัตราป้องแผ่นดินให้ถิ่นไทย

	     แต่แผ่นดินถิ่นไทยในยามนี้
หาหลอมรวมร่วมชีวีดังนี้ไม่
ด้วยก้อนดินแห่งไพร่ฟ้าประชาไทย
มาผิดใจแบ่งแยกแตกเป็นจุณ

	     ดินก้อนนี้ว่าตนถูกเชื่อลูกฉัน
ดินก้อนนั้นว่าตนเก่งให้เร่งหนุน
ดินก้อนโน้นว่าตนแน่ไม่แพ้บุญ
แผ่นดินไทยกลายเป็นจุณจนขุ่นใจ

	      น้ำพระทัยแห่งพ่อหลวงลงล่วงหล้า
สู่ดินป่าที่แตกแหง  ณ  แห่งไหน
หาหลอมรวมร่วมเป็นทางแต่อย่างใด
จนพ่อต้องทุกพระทัยไม่เว้นวัน

	     แด่ก้อนดินถิ่นไทยในยามนี้
ควรหรือที่ให้พระองค์ทรงโศกศัลย์
จงมาร่วมรวมเป็นดินถิ่นไทยธรรม์
เป็นของขวัญถวายพระองค์  ขอจงทรงพระเจริญ

     ด้วยเกล้าด้อยกระหม่อมขอเดชะ
     
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวิจิตรวาทะลักษณ์