24 กรกฎาคม 2548 14:38 น.

ครูบัวศรี

วิจิตรวาทะลักษณ์

ครูบัวศรี  เป็นครูสอน  อยู่ดอนป่า
อุดมการณ์  อันแรงกล้า  พาสร้างสรรค์
ยึดมั่นอยู่  คู่ศรัทธา  จรรยาบรรณ
จึงยึดมั่น  สอนเด็กดอย  พลอยได้เรียน

อยู่ป่าเขา  ลำเนาไพร  ในดงป่า
สอนวิชา  ให้เด้กน้อย  คอยขีดเขียน
มอบขุมทรัพย์  แห่งปัญญา  พาเด็กเรียน
เพื่อแปรเปลี่ยน  มาสร้างสรรค์  บ้านเกิดตน

อยู่วันหนึ่ง  ทางการตรง  ส่งหนังสือ
มาถึงมือ  ครูบัวศรี  จึงมีผล
ให้ทุนครู  ไปเรียนต่อ  เพื่อก่อตน
เพื่อกลับมา  พัฒนาคน  บนบ้านไพร

ครูบัวศรี  จึงขอลา  มาเรียนต่อ
เพื่อหวังรอ  กลับโรงเรียน  เปลี่ยนสิ่งใหม่
ด้วยครูเก่ง  เป็นที่จ้อง  ของใคร  ใคร
โรงเรียนใหญ่  จึงทาบทาม  ตามเป็นครู

ด้วยเงินเดือน  สูงกว่าเดิม  เพิ่มเป็นเท่า
โรงเรียนใหม่  ใหญ่กว่าเก่า  เข้าปิดหู
อุดมการณ์  แห่งศรัทธา  วิชาครู
จึงไม่สู้  อุดมการณ์  ชั้นเงินตรา

หลายวันผ่าน  ครูบัวศรี  หนีไม่กลับ
เด็กรอรับ  ต้องผิดหวัง  นั่งก้มหน้า
มาลัยร้อย  ไว้คอยรับ  กลับโรยรา
หยาดน้ำตา  ของเด้กน้อย  พลอยไหลริน

เด็กนักเรียน  เดินกลับบ้าน  บนลานเขา
แววตาเศร้า  บนใบหน้า  ฤามาสิ้น
ชุดนักเรียน  ถอดเก็บไว้  ใส่โอ่งดิน
ต้องทำกิน  ตามวิสัย  คนไร้วิชา
				
8 กรกฎาคม 2548 23:32 น.

อายสีแสงนีออน

วิจิตรวาทะลักษณ์

แสงเรืองราว  สีขาวนวล  ชวนคลั่งไคล้
ดูเรืองใส  ดูเลิศหรู  ดูนุ่มอ่อน
นี่นะหรือ  เขาเรียกสี  แสงนีออน
ที่คนดอน  มานอนหลง  ดงแสงไฟ

เจอชายชาญ  มาเชิญชวน  ด้วยเชิงชู้
พาเที่ยวดู  แหล่งแสงสี  มีแสงใส่
เห็นราตรี  หลากสีแสง  ด้วยแรงไฟ
จึงหลงใหล  แสงนีออน  อันอ่อนนวล

ดั่งแมงเม่า  ระเริงไฟ  ที่ใสสาด
ฤาขยาด  เห็นแสงใส  ให้หอมหวน
เขาพาเที่ยว  ดูแสงไฟ  ที่ใสนวล
สุดท้ายชวน  ดูแสงไฟ  ในโรงแรม

ต้องกลายเป็น  แมงเม่า  เฝ้าหลงใหล
เห็นแสงไฟ  นึกว่าเย็น  เป็นชื่นแช่ม
แสงนีออน  สะท้อนร่าง  นางจ้าแจ่ม
ไฟโรงแรม  ทำความสาว  เจ้ามลาย

พอตื่นขึ้น  มองหาชาย  กลับหายหน้า
รอเขามา  ก็ไร้เงา  เขาหนีหาย
ไฟขาวนวล  แสงนีออน  สะท้อนกาย
ให้นึกอาย  แสงสีอ่อน  นีออนดู

แสงเรืองราว  สีขาวนวล  ชวนคลั่งไคล้
มาโลมไล้  ร่างขาวนวล  ชวนอดสู
ขอลาแล้ว  แสงนีออน  อันอ่อนชู
ไม่กล้าอยู่  เพราะอายสี  แสงนีออน
				
8 กรกฎาคม 2548 23:29 น.

ตายาย กับ หลานน้อย

วิจิตรวาทะลักษณ์

สองยายตา  ทำนาไร่  ในบ้านนอก
จนหัวหงอก  ยังยากจน  จึงทนสู้
ดำรงตน  เพียงจับปลา  และหาปู
ลูกไม่อยู่  ไปทำงาน  ในบ้านไกล

สองยายตา  ยังรอรับ  ลูกกลับบ้าน
จะปีใหม่  หรือสงกรานต์  ผ่านปีไหน
ไร้แวววี่  ที่ลูกหลาน  คืนบ้านไพร
ไม่มีใคร  มาเหลียวมอง  สองยายตา

จนปีนี้  เห็นลูกสาว  ก้าวกลับบ้าน
หอบเอาหลาน  มาฝากยาย  ไว้ต่างหน้า
เงินห้าร้อย  ให้ซื้อนม  ขยมยา
แล้วบ่ายหน้า  กลับสู่กรุง  มุ่งเร็วไว

กายซูบผอม  ยังยอมจน  ทนหาเลี้ยง
ความหวังเพียง  เลี้ยงดูหลาน  นั้นเติบใหญ่
แม้อดบ้าง  อิ่มบ้าง  ช่างปะไร
แต่ขอให้  หลานอิ่ม  ก็ยิ้มบาน

ทั้งเสื้อผ้า  ค่านม  ขนมเห็น
ทั้งของเล่น  ก็ชื้อหา  มาให้หลาน
เมื่อแม่เจ้า  เขาบอกยุ่ง  มุ่งแต่งาน
ตากับยาย  จะเลี้ยงหลาน  ไม่หวั่นใด

สองยายตา  ฝากคนโทร  เรียกลูกกลับ
จะรอรับ  วันสงกรานต์  หรือวันไหน
ไม่ห่วงแม่  ห่วงลูกมั่ง  บ้างเป็นไร
มันเจ็บใจ  ใครเรียกหลาน  มันกำพร้ามึง
				
8 กรกฎาคม 2548 23:25 น.

สู่ขวัญพี่ บายศรีสู่ขวัญ แด่อัลมิตรา

วิจิตรวาทะลักษณ์

เอาหัวใจ  ต่างใบตอง  มาลองร่าง
แล้วเสกสร้าง  เป็นบายศรี  ศิริขวัญ
เอาดอกรัก  จากหัวใจ  ใส่พานพัน
ประดับชั้น  ปั้นบายศรี  มาลีดวง

เอามือน้อง  ต่างพาน  เป็นชั้นตั้ง
บายศรียั้ง  ตั้งมือไว้  ใช้บวงสรวง
เอาคำสัตย์  จากใจน้อง  ใช่ลองลวง
มาต่างห้วง  บทคาถา  มาร่ายมนต์

เอาสายใย  จากใจน้อง  กรองเป็นด้าย
ใช้ต่างฝ้าย  ด้ายผูกแขน  เป็นแผ่นผล
เอาน้ำใจ  จากใจน้อง  ทุกผองคน
ต่างน้ำมนต์  ประพรมพร  ขจรขจาย

มาเถิดเย้อ  มาเยอ  ขวัญเอย
ขวัญพี่เคย  หลบลี้  แล้วหนีหาย
กลับมาเถิด  อย่างเริงรื่น  คืนสู่กาย
สายสิญน์ด้าย  จะเรียกขวัญ  พี่หันคืน

จากบัดนี้  สืบไป  ในเมื่อหน้า
ความเมตตา  จากพี่นั้น  คือขวัญชื่น
หนทางไกล  กี่ร้อยวัน  กี่พันคืน
น้องคงชื่น  ถ้ามีพี่  คอยชี้ทาง

ด้วยเดียงสา  ยังน้อย  ยังด้อยนัก
ยังไร้หลัก  ยึดเหนี่ยว  ยามเปลี่ยวว่าง
ยังรอพี่  คอยชี้นำ  ตามแนวทาง
ทุกก้าวย่าง  ขอให้พี่  ชี้นำเทอญ
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวิจิตรวาทะลักษณ์