18 มิถุนายน 2547 11:46 น.

รัตติกาลคนจน

แก้วประเสริฐ


     สุริยันช่างเลิศล้ำ		        นภาลม   แดงกร่ำ
รัศมีโชติช่วงงามชม		        แช่มช้า
ย่อแสงให้ภิรมย์		               เย็นค่ำ     สนธยา
รัตติกาลเยือนหล้า		            พาใจใฝ่ถวิล

     ทวิบาทวิหคกู่ก้อง	       จริงแฮ
แม้นบ่มีใครแล	               ไป่หวน
ฮักห่อหุ้มดวงแด	              หนอนก่อ     นอนเอย
ก่อกกใกล้เชิงควน	           ก่ายกอดคำราม.


       พอฟ้าค่ำชิงพลบสุดหดหู่
ดูดู๋ดูยุงน้อยคอยเรียกหา
เจ้านี้ช่างไม่แสนจะเวทนา
กลับเรียกหาเพื่อนฝูงมารุมเร้า

       ต้องหากาบมะพร้าวมาเฝ้าสุม
ก่อไฟรุมไล่เจ้าแม้ใจเหงา
ด้วยขาดคู่ชู้ชื่นเหลือเพียงเงา
ดีที่เรามีเพื่อนคอยปลอบใจ

       เจ้าด่างเอยเพื่อนยากไม่ยักหนี
เหมือนคู่ชีวีที่เขาหนีไปได้
ความเหนื่อยยากแสนจนไม่ทันใด
เขาหนีไปสู่เมืองฟ้าแห่งธานี

       พลางหยิบขลุ่ยขึ้นมาสู่ปากเป่า
ทอดลำเนาเพลงรักเคยสุขี
ร่วมชีวิตรักใหม่ด้วยไมตรี
สุดเปรมปรีดิ์หวานชื่นทุกคืนวัน

       เสียงขลุ่ยน้อยลอยผ่านละล่องแผ่ว
เจ้าด่างแว่วหอนรับจับใจฉัน
ทั้งนายบ่าวเคล้าคลออ้อล้อกัน
เหมือนวิมานคนจนต้องทนเอา

       จนเดือนต่ำดาวคล้อยลอยเลือนลับ
น้ำค้างจับใบหน้าทั้งนายบ่าว
ทั้งสองเดินลุกขึ้นก้าวเท้ายาว
เดินสู่เข้ากระท่อมวิมานปลายนา.

                    แก้วประเสริฐ. 				
16 มิถุนายน 2547 22:23 น.

สุริยนสนธยาสะอื้น

แก้วประเสริฐ


       โอ้อนาถวาสนาคราครั้งนี้
ทำให้พี่ละอายใจหนักหนา
เจ้าไม่เห็นฉันบ้างนะกานดา
สู้อุสส่าห์เฝ้าถนอมในความรัก

       วันเวลาไร้มลทินกริ่งเกรงเจ้า
จนต้องเศร้ามากมายเสียยิ่งนัก
เฝ้าถนอมยอมทนเสียแรงภักดิ์
สุดช้ำนักจางหายจนจากไป

       เหตุไฉนใยเป็นได้ถึงเพียงนี้
ทำให้พี่วุ่นวายด้วยเธอได้
รักกันมาตั้งนานช่างกระไร
ไม่เห็นใจพี่บ้างนะแก้วตา

       สู้อุสส่าห์ดูแลเฝ้าถนอม
ยอมอดออมรสรักมักหวนหา
ช่างหวานซึ้งตรึงใจดุจดวงตา
แต่วาสนาพบพานจบสิ้นกัน

       สุริยายามพลบค่ำพบรัก
สัญญาจักว่าไว้ไม่แปรผัน
บัดนี้เจ้ากลับมาช่างรำพัน
ทำตัวฉันด่างพร้อยรอยมลทิน

       ในครรภ์เจ้าเฝ้ามาจะหาพ่อ
ใครนั้นหนอสร้างไว้หัวใจหิน
โอ้ตัวฉันนั้นไร้ซึ่งราคิน
จะสูญสิ้นหมดแรงด้วยตัวเธอ

       น้ำตานี้พี่จะคอยเช็ดให้
แม้หัวใจพี่ปวดร้าวอยู่เสมอ
แต่ยังภักดิ์รักมั่นแสนเลิศเลอ
ขอตัวเธอเชื่อมั่นในสัญญา.

                    แก้วประเสริฐ.				
15 มิถุนายน 2547 15:11 น.

โสมส่องแสง

แก้วประเสริฐ


       ดาริกาพรรณรายพรายเพริศแพร้ว
จำเนียรแจ้วแว่วสกุณาพาขับขาน
พระพายพัดโชยอ่อนเสียงกังวาน
ไผ่ใบสั่นหวีดหวิวพลิ้วตามลม

       สำเนียงเสนาะเพราะพริ้งกริ้งกริ้ว
วาบหวิวหวิวเหมือนคล้ายอาบแสงโสม
เย็นยะเยือกสะท้านจิตห้วงกมล
น้ำค้างพรมชุ่มชื่นระรื่นใจ

       ศศิธรลอยพ้นผ่านหมู่เมฆ
แสงนวลเสกเมฆไม้แลสดใส
เหลือบแลชมท้องฟ้าให้ชื่นใจ
ที่หลับใหลพลันฟื้นตื่นอารมณ์

       กลิ่นราตรีแผ้วผ่านซ่านกลิ่นหอม
ชโลมน้อมจิตใจให้ได้สม
ดั่งแมนสรวงเปิดฟ้าให้ได้ชม
แสนภิรมย์กลิ่นหอมทิพย์ราตรี

       แม้นมาดพี่ได้มีนารีหนึ่ง
มาคลอคลึงรึงเร้าแม่โฉมศรี
ทิพย์อาสน์วางไว้ในราตรี
ต่างจู๋จี๋ชวนจ้องแสงโคมทอง

       รัตติกาลยามมีแสงโสมส่อง
ทั้งโลกต้องอยู่ใต้ในเราสอง
อาณาเขตกว้างใหญ่ที่เคยปอง
คงจะต้องเหลือไว้ธุลีดิน

       ยืนมองคิดพิศเดียวให้เปลี่ยวเปล่า
มันเป็นเศร้าฝันเราจนสุดสิ้น
น้ำค้างพรมชโลมล้างที่ราคิน
ด้วยมันสิ้นรักแล้วหนทางรัก

       รักหนอรักรักเราสุดหวนหา
ใครจะมาปลอบเล่าที่ใจหัก
มันแตกแยกเสียสิ้นเคยลิ้มรัก
สิ้นความรักกับโสมลับเมฆา.

                   แก้วประเสริฐ.				
12 มิถุนายน 2547 14:01 น.

ตราบสิ้นพสุธา

แก้วประเสริฐ


       งายงุนงงหลงใหลในรูปรส
ไล้ลิ้มจรดนุชนาถอาจเอื้อมถึง
ตลึงแลยลเจ้าเฝ้าครวญคะนึง
แสนตราตรึงรูปลักขณาวิลาวัลย์

       บุษยบันพรรณรายลายรูปลักษณ์
วิไลพักตร์งามจรัสรัศมีเฉิดฉันท์
กรอ่อนช้อยแลคล้ายศรองค์รามัน
พระศอนั้นกระชั้นพักตร์ลักขณา

       ปทุมมาศรัดรึงตรึงดุจบัวหลวง
อร่ามล่วงแรกแย้มล่อหมู่มัจฉา
กลิ่นหวนหอมดอมเร้าให้ทัศนา
วิเวกพาอร่ามเร้าเฝ้าตะลึง

       องค์เอวช่างกลมกลึงดุจนางหงส์
นาถอนงค์ย่างกรายใฝ่ปองถึง
ขาทั้งสองนวยนาดช่างกลมกลึง
แลคำนึงถึงนงนุชบุษบา

       ยามแย้มยิ้มพริ้มพักตร์ช่างเลิศนัก
ใคร่ประจักษ์ทักเจ้าสุดเสน่หา
กริ่งเกรงน้องหมองใจในลักขณา
รูปกายาพี่เจ้าเฝ้าใฝ่ปอง

       สวยจริงนะกานดาแม่เจ้าเอ๋ย
แม่ทรามเชยหยาดฟ้ามิเป็นสอง
สาวใดหาใครเทียบยังเป็นรอง
สุดจะมองยากหาตราบสิ้นพสุธา.

                   แก้วประเสริฐ.  				
10 มิถุนายน 2547 19:17 น.

สิ้นแสงสูรย์

แก้วประเสริฐ


       แสงสูรย์สิ้นสิ้นเสียงสำเนียงรัก
ที่เคยภักดิ์รักมอบสู่จอมขวัญ
แว่วสำเนียงอ่อนหวานเคล้ารำพัน
แสงอำพันพลันวับลับตาไป

       ดุเหว่าร้องก้องอำลาพนาสน
วิหควนเวียนหารังอาศัย
สำเนียงเสียงทวิบาทมาแต่ไกล
แสนอาลัยในความรักภักดีชม

       ลมเอยลมเคยพัดเสียงหวิวหวิว
บัดนี้สยิวเหมือนรักที่เคยสม
อารมณ์รักพักไปเหมือนอย่างลม
เงียบสงบจมลงหายดุจคลายรัก

       โอ้อนาถในวาสนาคราครั้งนี้
เห็นเป็นที่รักสลายคล้ายประจักษ์
เมื่อก่อนนั้นเคยพร่ำเสียยิ่งนัก
คงจะสลักสิ้นสลายคล้ายตะวัน

       เคยกอดรัดรักรสซบไออุ่น
พสุธาวุ่นสุดเสมือนแทบไหวหวั่น
กระแสน้ำในธารน้อยกระฉอกพลัน
ใบหญ้านั้นกลับราบแลสีใส

       ปทุมมาลย์ชูช่อกลางสายน้ำ
ถูกลมซ้ำพัดพาจนอ่อนไหว
กลิ่นหอมหวนชวนดมชิดสนิทใจ
ระรื่นไหวใจสั่นสะท้านกลอง

       สองเราพลอดอ้อล้อต่อแสงสูรย์
กายเป็นศูนย์กวัดรัดอาบทั้งสอง
แสงตะวันมาบัดนี้สุดหมายปอง
ไร้ซึ่งน้องแลสายลมพลันเงียบงัน

       นอนทอดกายไร้คู่สุดจะคิด
มองเพ่งพิศแสงตะวันคอยลับสูญ
ความมืดเข้าย่างกรายสุดอาดูร
สิ้นแสงสูรย์เหมือนสิ้นรักกับตะวัน.
. 

                    แก้วประเสริฐ.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ