17 มิถุนายน 2551 08:13 น.

ขอกลับมา....สู้

กิ่งโศก

จำหลบลี้ หนีหาย ไปสุดหล้า
ณ.แดนไกล ปลายฟ้า  พนาสน
หวังสงบ หลบวุ่นวาย ในใจตน
แหวกม่านฝน กระหน่ำ ซ้ำเติมตี

เอาแมกไม้  ไล้โลม ข่มใจป่วน
เอาดารา  แทนมิตรมวล  ทุกถิ่นที่  
เอาสายลม  ปัดเป่าใจ ทุกราตรี
เอารัศมี จันทร์นวล  อาบแทนธาร

แต่....หาสงบ พบเย็น แห่งใจไม่
กลับเหมือนไฟ ยิ่งลาม  กระเซ็นซ่าน
หลับตาลง คงแปลบปวด สุดร้าวราน
ภาพเจ้าผลาญ ล่อหลอน สั่นคลอน...ใจ

สามสิบ ราตรี  ที่ปวดร้าว
สามสิบวัน ผะผ่าว  จนเกรียมไหม้
สามสิบ   ราตรี  จวนเจียนไป
สามสิบวัน ที่ร้องไห้ ไร้น้ำตา

จะแหวกหนี ไปหนไหน ก็ไม่พ้น
หนีใจตน  ที่วนเวียน  จวนเจียนบ้า
จึงฝืนกาย หยัดเย้ย   เกณฑ์ชาตา
พร้อมเชิดหน้า ฝ่าม่านใจ  สู้ผจญ

หวนคืนสู้ ให้รู้  กันไปข้าง
จักอัปปาง  แตกดับ สักกี่หน
เจ็บให้พอ จนไม่เจ็บ เพราะด้านทน
เมื่อนั้นฉัน คงพ้น  ทุกข์...........ทรมาน				
10 พฤษภาคม 2551 17:42 น.

ขออำลา ชั่วไม่นาน

กิ่งโศก

คือความเจ็บ แต่ไม่จำ  ถลำซ้ำ
เขาเขี่ยงทิ้ง ยังถลำ  ถูกย่ำป่น
แบกน้ำตา ขอความเห็น  ดวงกมล
เพียงแค่ปน รอยยิ้ม  เราแทบคลาน

เขาก้าวข้าม น้ำใจ  ไร้แยแส
มันสุดแย่  ครั้งนี้  อาวสานต์
เหลือแต่ซาก รักเศร้า  สุดใดปาน
เธอประหาร ฉันด้วย คมมีดใจ

กิ่งโศก โศกซ้ำ  อยู่ไม่หยุด
ครั้งนี้สุด ฝืนทน  ประครองไหว
คงได้แต่ หาสงบ  กล่อมดวงใจ
ขอจากไกล บ้านกลอน ไม่นานวัน

หากสงบ พบทางสว่าง มรรค
กิ่งโศกจัก กลับเคหา  แดนสวรรค์
บ้านกลอน คือพำนัก พักพิง  ชีวัน
แลเมื่อนั้น กิ่งโศก  จะกลับมา				
28 เมษายน 2551 11:27 น.

ฤๅ...สิ้นแล้วความหวัง

กิ่งโศก

มีแก้วใส ในมือ กลับวางทิ้ง
ด้วยกลัวยิ่ง ยากรักษา แก้วไว้ได้
แก้วหลุดมือ ปลิวหาย ลับไปไกล
ได้แต่แล ร่ำไห้   มณีนิล

มณีไป ไกลลับ ลับสายตา
มณีไป ลับฟ้า สุดเอื้อมถวิล
มณีจาก ยากกลับ สู่อกดิน
มณีไป จากสิ้น ไร้...สัญญา..

ได้แค่เพียง เหยียดมือ คว้ามาใหม่
แต่คว้าได้ เพียงสายลม  พัดต้องหน้า
ได้แต่แล  ส่งใจ ถึงแก้วตา
คงแหงนหน้า  เฝ้าปอง เพียงข้างเดียว

ไร้วาสนา ไร้หวัง ไร้ปองหมาย
ชาตินี้กลาย มลายรัก สิ้นหมดเสี้ยว
ได้แต่เก็บ ภาพเก่า ซบแดเดียว
คงเก็บเกี่ยว ไอรักเก่า ประโลมตน.
ไป ไป ไป  ไปแล้ว  ไปไม่ลา
ไปไม่ลา ลับฟ้า หลบเวหน
ไปไม่เหลือ เยื่อใย  ผูกกมล
ไปไกลพ้น ทิ้งฉัน รำพันตรม...				
25 เมษายน 2551 22:07 น.

นิราศ...เมืองระยอง...

กิ่งโศก

กิ่งโศก มีโอกาสได้ไปพักผ่อนที่ระยองนะครับไม่นานมานี้...มีแวะท่องเที่ยวตามรายทางขาไปและขากลับ คือ เริ่มจากชลบุรี  ระยอง และ ระยอง-ชลบุรี ...


                                          @จำจากน้อง ล่องแคว้น แดน สุนทรภู่
             ดินแดนงาม น้ำเค็ม  หาดน่าดู
             ทะเลรู้ เราเยือน  เมืองระยอง
             พรรครวมพล  กระโจน โหนรถใหญ่    
             จึ่งมุ่งไป  ในวิถี ที่ผ่านล่อง
             เวียนแวะชม  แดนดิน ถิ่นที่จอง        
               มวลหมู่ผอง  เฮฮา สาระเพ
  
@ ถึงบ้านบึง เหลียวหาบึง หามีไม่    
              โอ้บึงใหญ่  บึงรัก บึงหักเห
             หม่อมถนัด ท่านครวญ  มานานเน
             สาวไฉเฉ  เกรัก  สาวบ้านบึง
            โอ้น้องนุช สุดใจ อย่าได้เฉ     
            อย่าได้เก เหรัก หักห้วนขึ้ง
            อย่าลืมร้าง สร่างซา เช่นบ้านบึง      
            พี่รำพึง จึงเคลื่อน  เยือนต่อไป

@ถึงสวนเสือ ศรีราชา เยือนถิ่นเสือ    
          สัตว์กินเนื้อ นอนนิ่ง  ไม่ติงไหว
          กั้นกรงกรอบ รอบชิด  สนิทใน     
          สิ้นสดใส  ไร้ราศรี  พยัคฆา
          เสือถูกกัก กางกั้น  กันเสรี	
          ดั่งเช่นพี่ ถูกกัก กันรักหนา
         เสือกักกรง พี่กรงกัก ดักอุรา   
         ไห้โหยหา  พธู  ชู้ชวนชม
         จำเศร้าโศก อกตัน ตื้อดวงจิตร     
         ด้วยผุดคิด จิตรทนฝืน ความขื่นขม
         จำขึ้นรถ  ลาไกล ไปตามลม    
          หาภิรมณ์ แดนไกล ที่เมืองแกลง

@ถึงเมืองแกลง แหล่งรู้ ครูกานท์กลอน     	 
         ครูผู้สอน  กระฉ่อนทั่ว  หัวระแหง
         ครูเคยเขียน  เรื่องนิราศ  ของเมืองแกลง   
         เราจำแจ้ง  แจ่มใจ สนิทนำ
         เยือนถิ่นแกลง  แสงระวี  ที่เริ่มออ่น    
         จึงรีบจร เข้าเคหา  คราใกล้ค่ำ
         ออกมาเดิน หาดทราย  คล้ายทองคำ      
        ได้แต่ย่ำ ผืนทราย คลื่นม้วน-วน
        มองเห็นคลื่น กลืนเกลียว   เรียวระลอก      
         คลื่นภายนอก  ระรอกพริ้ว ปลิวเวหน 
        โอ้ใจเรา  เผาลุก  ดุจไฟลน	
        ใจกระโจน  โผนหา  ถลาบิน
         บินบินไป หาเจ้า ที่ไกลกื้อ       
       ฝากลมฮือ ผ่านคลื่นเกลียว  เลี้ยวโผผิน
        ฝากลมเล  ด้วยลมปาก ฝากลมอินทร์    
        ถึงยุพินว่าพี่ครวญ รัญจวนใจ
        เหงาเหงาเหงา เศร้าทรวง ดวงจิตนัก       
        จำจึงพัก จากอำลา     เมืองแกลงได้
        ด้วยวันพรุ่ง รุ่งเช้า จำแวะไกล      
        ขากลับไซร์ เวียนว่าย ตามรายทาง

@ถึงหาดโศก ชื่อโศก แม่รำพึง      
         ใครหนอจึง  พึงรำพึง ถึงใครบ้าง
         แม่รำพึง เธอรำพึง   จนบอบบาง   
         แม่รักร้าง  นางร่ำ  จำรำพึง  
         แล้วน้องน้อย คอยพี่ อยู่หรือเปล่า     
        อย่าให้เศร้า โศกศัลย์ รำพันถึง
        ดวงใจหวัด วาดไป ให้คำนึง      
        สุดรำพึง ถึงรัก ทุกวันวาร

@ถึงสวนสน สวนพฤษา พนาริ้ว     
         ปลายสนพริ้ว ปลิวรับ  วับวับหวาน
         สวนสนงาม นามเพราะ  เสนาะนาน  
         ด้วยคำขาน สาวคม นัยตาทราย
         พี่จักหิว ลิ่วหา อาหารหอม       
         พบพยอม ยิ้มยวน ชวนไหวว่าย
         ข้าวเหนียวนุ่ม ไก่ย่าง  มีมากมาย     
         แลคนขาย ขำคม นิยมมอง
         ถึงหิวน้อย ก็กินมาก  ปากซักถาม    
         น้องคนงาม  ขาดคนเคียง เรียงสนอง
         นวลน้องตอบ พองาม ตามครรลอง 
         เอ่อคือน้อง  ต้องเลี้ยงดู ลูกสองคน
         จำต้องอิ่ม ยิ้มหุบ หลุบหลุบหลู่    
         ค่อยค่อยลู้ หลบไกล ไถลพ้น
         ใยนางงาม   น้ำใจลวง  หลอนผู้คน     
          เพียงแค่ยล  ยากนัก หักห้ามใจ

@ ถึงอีกหาด ลัดเลาะ เพราะสุดสวย  
         แม่พิมพ์หาด  ร่ำรวย  ด้วยน้ำใส
         แม่พิมพ์หาด ใช่พิมพิลาลัย	
         ไม่มีใจ  มากสอง ให้คนลือ
          หาดแม่พิมพ์ พิมพ์ใจ เรายิ่งนัก
         น้องนุชพักตร์ ผ่องผุด สดุดชื่อ
          โอ้แม่ค้า ตาคม  สมคำลือ  	
          พี่คนซื่อ จำจ้อง  มองตะลึง
          ด้วยงามหน้า งามยิ้ม  งามกริยา
          อกอุรา  โรยหลุด หยุดตั้งขึง
          อยากจะหยุด  อยุ่ที่นี่  พี่คะนึง	
          คงรำพึง ถึงน้อง ไปอีกนาน
         จำลาพิมพ์  พิมพ์ใจ ของพี่แล้ว
         ด้วยใจแป้ว  แผ่วมือลา แม่ตาหวาน
          อย่าลืมพี่  คนนี้นะ  คงไม่นาน
          คงได้ผ่าน  มาชมชิด  สนิทใน

@ถึงถิ่นเพ  เพบ้าน  และอ่าวเพ
         เราจึงเฉ  เหเปลี่ยน จากพิมพ์ใส
         พบนวลน้อง ผ่องเพ็ญ เป็นยองใย      
         สวยสดใส  ขายของฝาก ให้คนชม
        ยิ้มชวนเชิญ  เพลินตา  พาหลงยิ้ม       
        งามประพิม  พริ้มพราย  ให้สุขสม
         ของแสนสวย  แม่ค้างาม  อร่ามชม    
        กลัวอกตรม  จึงตัด ใจ  ได้ของดี
        แลเหลือบไกล ทะเลกว้าง ห่างลิบลิบ   
        จ้องกระพริบ ลิบไกล  อะไรนี่
         มองเห็นเกาะ ไกลห่าง     กลางนที      
        นามเกาะนี้   เสม็ดเกาะ  ก่อเกิดกรรม
         หากพี่ไกล  ใครลัก ขโมยรัก     
         แล้วนำจัก พรากหอบใจ  หนีไกลล้ำ
         แอบมาหลบ เกาะน้อย ที่ลอยลำ     
         เสม็ดนำ  ลี้หลบ ฤาจะเจอ
         จึงรีบจาก กลัวเป็น เช่นใจคิด        
         ด้วยชีวิต  ชีพนี้ พี่ไม่เผลอ
         จะห่างน้อง นวลสวาท  พลาดห่างเธอ    
         เพราะพี่เพ้อ ละเมอครวญ  หวน พ-วง 

@ ถึงสัตหีบ  รีบเร่ง ไม่ได้แวะ        
        ด้วยระแคะ ระคาย  พิศวง
        ถิ่นนาวี  มีรัก  มากอนงค์	
        เรากลัวคง  คล้ายเช่น ทหารเรือ
        กลัวนุชน้อง ข้องจิตร ว่าเจ้าชู้       
        ว่าเป็นผู้  โปรยเสน่ห์ เร่รักเหลือ
        ลอยล่องรัก ฝากเพื่อพร่ำ กับลำเรือ     
        มีใจเผื่อ รักล้น  จนหญิงกลัว

@ถึงพัทยา  ฟ้าใส ไร้เมฆฝน	
         เงาผู้คน ล้นทะลัก    อยู่ถ้วนทั่ว
         ระคนปน ชนชาติอื่น  ให้ตื่นตัว         
         ด้วยเนียนัว  หลายชาติ หลายเผ่าพันธ์
         ดุจเราหลง งงงวย  ด้วยแปลกถิ่น       
        ในแดนดิน ถิ่นพัทยา  เมืองสวรรค์
         สาวสาวสวย ชวนโลม  เนื้อโนมพรรณ    	
        ด้วยเธอนั้น   น้อยชิ้น  เสียเหลือเกิน
       ได้แต่เบิ่ง เบิกตา ประกายโรจน์
        ด้วยใจโอด ทำใจ  อยู่นานเนิ่น
        ไฉนกลาย  ประเพณี   นี้ยับเยิน       
         คนไม่เขิน  ไม่ขวย  ช่างกระไร
        ได้แต่ปลง ปลุกจิตร ไม่คิดมาก  
         ค่อยลาจาก พัทยา  หาช้าไม่
         ซื้อของฝาก จากหนองมน  ตำบลไกล  
         หรือจะไป ชมบางแสน  แดนมนต์เมือง

@ ถึงหนองมน  ชลปุระ น่าท่องเที่ยว    
        ของขบเคี้ยว  ข้าวหลาม นามกระเดื่อง
        ไปที่ไหน มาที่นี่  สิสิ้นเปลือง
        ด้วยมีเรื่อง เลือกซื้อ ของมากมาย
        ก้าวไปร้าน แม่อี๊ด  แสนอร่อย
        แม่เฝ้าคอย ร้องเชิญ  เพลินของขาย
        สี่กระบอก ร้อยบาท ยั่วน้ำลาย
        ให้ชิมก่อน ซื้อขาย   ได้ชิมฟรี
        เราจึ่งชิม  ซ้ำต้องซื้อ เพราะแม่ค้า     
        ด้วยใบหน้า หลานป้าอี๊ด สวยสดสรี
        ผิวนวลใย ใฝฝ้า  ไร้ราคี         
        แต่งเติมสี  ที่โอษฐ์อิ่ม  ยิ้มน่ายล
        หลานป้าอี๊ด ชวนซื้อ ขนมจาก     
        เรากลัวพราก จากรัก จึงเบี่ยงพ้น
        แต่น้องตูน  ลุ้นให้ชิม  พร้อมยิ้มปน    
        ดั่งถูกดล จนใจซื้อ  มนต์ภวังค์
        รสข้าวหลาม อร่อยล้น  จนต้องหลง   
        ด้วยอนงค์  คนขาย  ชวนให้หวัง
        หรือหนองมน  มีมนต์ นะจังงัง     
        ใครต้องพลั้ง เผลอไผล ในหนองมน 
        กลัวอกแตก ใจเต้น ต้องเผ่นก่อน      
         โอ้งามงอน   จรจาก พราก-ลาโพ้น
          ทีแรกจัก แวะชม บางแสนชล
          แต่ใจแป้ว  ป่วนป่น  ถึงนางนวล
          จึงจากลา หนองมน  มนต์แม่ค้า      
          สู่เคหา  รังรัก รังสงวน
         พบแต่นวล  ในรูป ยิ้มยั่วยวน          
          จึงคร่ำครวญ แนบ-อก  ว่าจากนาน
          รูปจ๋ารูป  จูบภาพ เพราะคิดถึง       
          ด้วยคนึง ถึงรูป อยู่วาบหวาน
          จะไม่ไป ไหนห่าง  รูปไปนาน         
           จะอยู่บ้าน  สานกอดรูป ทุกคืนเอย
				
20 เมษายน 2551 15:53 น.

สายสัมพันธ์ต่างวัย

กิ่งโศก

arx1208682495e.JPG
สองอนง  คงเหมือน ม่านชมพู 
ประดับดู งามล้ำ งามสง่า 
รอยแย้มเหมือน  เยือนยิ้ม พิมสุดา 
สองหลานยาย ต่างเริงร่า อารมร์รื่น 

ยายจ๋ายาย   ยายกินใบ อะไรนั่น 
มีเปลือกพันธ์ อาบแดง สีสดชื่น 
อิ่มหรือเปล่า เล่าคุณยาย เห็นอมกลืน 
แต่กลับคืน คายออก รสคงจาง

มามะยาย  มามะ  หนู จะช่วย 
ยายเอาใบ  ยาย้วย ช่วยลงบ้าง 
หนูจะโขก จะตำ ให้ยายพลาง 
ยายต้องจ้าง หนุตำ ครกต่อไป

เสียงหัวเราะ เฮฮา  มาพักพัก 
เสียงหลานซัก โน่นนี่ วุ่นวายใหญ่ 
เสียงยายบอก จ๊ะจ๋า ตอบหลานไป 
เสียงหลานใส กลีกุจอ ขอแบ่งงาน

สองอนง คงเหมือน จิตผ่องผุด 
สองอนง  วัยพิสุทธิ์  เป็นยายหลาน 
สองอนง   ผูกพันธ์  ด้วยสายพาน 
ไมตรี เป็นสายป่าน ยึดโยงใย
				
Calendar
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกิ่งโศก