29 ธันวาคม 2549 10:02 น.

ทุกท่านประทับใจเรื่องใดในปีเก่าบ้างครับผม

ตราชู

ปี ๒๕๔๙ นี้ มีเรื่องราวมากมายให้เราได้จดบันทึก ผนึกจำไม่รู้ลืม สำหรับผม หากจะให้เรียงลำดับเหตุการณ์ซึ่งจะอยู่ในสำนึกตลอดไป ผมขออนุญาตเรียงลำดับดังนี้ครับ
1.	ความจงรักภักดีที่พสกนิกรชาวไทยมีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
		ณ วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ประชาชนจำนวนมากมาย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในหลวง ณ ถนนราชดำเนิน เสียง ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ กึกก้อง ความปิติสุขหลั่งรินเอ่อล้น เมื่อองค์พระประมุขที่เราเทิดทูนเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวล ความจงรักภักดี สถิตอยู่ในวิญญาณคนไทยตลอดกาล ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปหนใด เราได้อวดโลกแล้ว ว่าไทยเรานี้ เป็นประเทศเดียวที่มีพระเจ้าแผ่นดินประเสริฐสุด
	๒. สถานการณ์แตกสามัคคีขนานใหญ่ของคนไทย
	ท้ากกกกกกกกกกษิณณณณณณณณณณณณณ...............ออกไป  ท้ากกกกกกกกกกกกกษิณ.........ออกไป ดังกึกก้อง แข่งประชันกับสำเนียง ทักษิณสู้สู้ ทักษิณสู้สู้ เรื่องทางการเมือง จุดประเด็นร้อนให้คนไทยทะเลาะกันเป็นโกลาหล เราได้เห็นการเคลื่อนขบวน ทั้งกลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อย เรารับรู้ถึงการเลือกตั้งอันสกปรก นำมาสู่การตัดสินของศาลให้ผลการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะ ซึ่งผมเพิ่งจะเคยได้ยินก็ปีนี้แหละ นอกจากนั้นแล้ว คดี แก๊งพี่หนา ก็สะเทือนเลื่อนลั่นไม่แพ้กัน
	๓. สิบเก้ากัญญา วันปฏิรูป
	ประมาณสามทุ่มกว่าๆของวันที่ ๑๙ กัญญายน พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อนของคุณน้าท่านโทรศัพท์มาบอกด้วยความตื่นเต้น ปฏิวัติแล้ว เขาปฏิวัติแล้ว ตอนนั้นผมสับสนไปหมด ทั้งตื่นเต้น ทั้งงง ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ (แม้สังหรณ์ลึกๆว่าอาจต้องเกิดก็ตาม) ใครจะคิดบ้างว่า หลังจากพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ แล้ว ประวัติศาสตร์การเมืองไทยจะต้องจดบันทึกไว้อีก แหละก็ไม่รู้ว่า จะต้องจดบันทึกอีกกี่ครั้งหนอ???
	นี่แหละครับ เหตุการณ์ใหญ่ๆที่ผมจำไม่มีวันลืม แล้วเพื่อนๆเล่าครับ ปีเก่าที่กำลังจะผ่านไป มีเหตุการณ์อะไรบ้างที่น่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของแผ่นดิน หรือเป็นเรื่องประทับใจท่าน เรามาแลกเปลี่ยนกันฟังเถิดครับ				
23 ธันวาคม 2549 10:52 น.

ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีวันนี้

ตราชู

ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒ณ๕๔๙ ผมเข้ามาสู่บ้านกลอนไทย เพื่อมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม แล้วก็นึกสนุกๆ อยากลองส่งผลงานเข้าร่วมสร้างความครื้นเครงให้แก่สมาชิกด้วย อนึ่ง หากได้รับคำวิจารณ์ คำชี้แนะ จากเพื่อนๆทุกท่าน ก็จะเป็นประโยชน์ยิ่ง จึงทดลองสมัครสมาชิกดู คิดว่าจะไม่ผ่านแล้วเชียว แต่ก็ผ่านจนได้ เป็นความดีใจของคนตาบอดคนหนึ่งเหลอเกินครับ
	นับจากบทแรก รำลึกพฤษภาทมิฬ กระทั่งบทล่าสุด เพื่อนๆทุกท่านให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอมา ทำให้รู้สึกว่า การเป็นคนตาบอดนั้น มิใช่อุปสรรคอันใดเลย ความเป็นคนพิการ ก็มิใช่กำแพงขวางกั้น ผมสามารถสื่อสารกับทุกท่านในเว็ปแห่งนี้ได้ และพยายามสื่อความคิดของตนสู่ท่านผู้อ่านเรื่อยมากระทั่งจวนสิ้นปี ๒๕๔๙ รวมระยะเวลาตั้งแต่เริ่มสมัครสมาชิก จนถึงปัจจุบัน ก็ ๖ เดือน ๖ วันพอดี		
	ขอให้สัญญากับทุกท่านว่า ตราบใดที่เพื่อนๆยังไม่เบื่อหน่ายตราชู หรือเกลียดชังผมเสียก่อน ผมจะไม่ทิ้งที่นี่ไปไหนหรอกครับ สุดท้ายนี้ ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านนับถือ ดลบันดาลให้สมาชิกบ้านกลอนไทยทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ตลอดปี ๒๕๕๐ และตลอดไปครับ
รักเพื่อนๆทุกท่าน จากใจจริงครับ
ตราชู				
18 ธันวาคม 2549 11:11 น.

ฉันรักเธอ เธอรักฉัน จากเรารักกัน สู่ เรารักประชาชน

ตราชู

........เพลงยาวฉบับสั้น..........

ความรัก
ใครใครก็รู้จักและอยากได้
อยากจะมอบแก่กันและกันไว้
เป็นดวงใจเป็นชีวิตเป็นวิญญาณ

ฉันรักเธอ
รักเธอยิ่งจริงเสมอเกินกล่าวขาน
มีความหวังความเรียกร้องความต้องการ
สารพัดจะบันดาลดังใจนึก
ความรักคือความปรารถนาดี
เป็นเรี่ยวแรงบรรดามีที่รู้สึก
อยากให้คนที่รักได้รำลึก
แนบผนึกน้ำใจเป็นใจเดียว
เธอรักฉัน
เรารักกันรักกันไม่เปล่าเปลี่ยว
เราจักอยู่ด้วยกันด้วยกลมเกลียว
มือเราเกี่ยวกระหวัดมั่นกระชั้นชับ

หนทางเถื่อนเราจะถางเป็นทางทอง
ที่เนืองนองหนามขวากจะถากสับ
ที่ลุ่มเละเลนตมจะถมทับ
ก่อนจะนับชัยชนะระยะยาว

ยุคสมัยสามานย์จักหมดไป
ยุคใหม่ใหม่ทายท้าคนกล้าก้าว
อาจจะไปไม่ถึงครึ่งดวงดาว
แต่ก็เป็นเรื่องราวของยุคนี้
เอาเรี่ยวแรงแห่งรักไปผลักโลก
ให้สร่างโศกสร้างสุขในทุกที่
ฉันรักเธอเสมอมาทุกนาที
ขอเธอมีรักบ้างอย่าร้างรัก!

๑๖ ม.ค.๒๕๒๔
............................................................
จากหนังสือ "ตากรุ้งเรืองโพยม"
บทประพันธ์ของ ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ 
(นำข้อมูลจาก 
http://www.managerradio.com/radio/webboard/Question.asp?GID=56535&Mbrowse=1
ครับ)
	ผมนำบทกวีของท่านกวีรัตนโกสินทร์มาเริ่มเป็นการโหมโรง ก็เพื่อจะกราบขอร้องทุกๆท่าน โปรดช่วยกันดูแลสังคมเถิดครับ ความรักอันยิ่งใหญ่ มิใช่หยุดอยู่เพียง เธอรักฉันฉันรักเธอ ฉันไม่รักเธอ เธอไม่รักฉัน รักอย่างนั้นคือรักเฉพาะตน แต่หากแผ่รักไปให้สังคม ให้ผู้ทุกข์ลำเค็ญ ให้แก่ประเทศชาติ รักนั้นพิไลพิลาสอนรรฆค่าหาที่เปรียบมิได้เลย
	ในโลกยุคโลกาภิวัตน์อย่างเช่นปัจจุบันนี้ ประเด็น ความรักเพื่อมวลชน ดูจะมีความสำคัญในความคำนึงของวัยรุ่น ยุวชนหนุ่มสาว อันถือเป็นหน่อแก้วของแผ่นดิน น้อยลงเรื่อยๆ เพราะความรักตนเองอันเพิ่มมากขึ้น และนับวันจะพอกพูน บทกวีเพื่อผู้ถูกกดขี่ซึ่งมีอยู่อเนกอนันต์ คนรุ่นใหม่กลับมองเมิน โดยถือว่าเป็นเรื่องพ้นสมัย คงทำอะไรไม่ได้นอกจากปลงว่านี่คือหนึ่งในสภาพอนิจจัง แต่....เป็นความอนิจจังที่อนิจจา อนิจจา.... ไม่น่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
	บางท่านอาจมีข้อโต้แย้งว่า ถึงจะให้เขียนกลอนเพื่อสังคมสักเท่าไรก็ไม่ช่วยให้สังคมดีขึ้นหรอก ข้อนี้หากมองเผินๆก็ต้องว่าถูก ทว่า มองให้ลึกก็ว่าผิดถนัด ผมขออุปมาเทียบเคียงอย่างนี้นะครับ สมมุติว่าตัวเราเป็นไข้หวัดใหญ่ ลองประมวลดูเถิดว่า ต้องใช้ยากี่ขนาน ยาลดไข้, ยาลดน้ำมูก, ยาแก้ไอ, ยาละลายเสมหะ, ยาแก้อักเสบ, (บางคนอาจใช้ยามากกว่าที่กล่าวแล้ว) และยาเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะกินมื้อเดียว หรือวันเดียวหาย หากต้องใช้เวลาสักหน่อย โรคจึงทุเลา ลำพังเพียงคนแค่คนเดียว เป็นโรคโรคเดียว ยังต้องใช้ยาหลายขนาน ก็สังคมเล่าครับ สังคมขนาดใหญ่ เป็นโรคหลายโรค ท่านลองนึกดูเถิดว่า ต้องใช้ยาปริมาณมหาศาล แหละมากมายหลายล้านหลายโกฏิชนิดเพียงใด บทกลอนเป็นยาขนานหนึ่งในจำนวนยานับไม่ถ้วนเหล่านั้นครับ
	ท่านที่เคารพครับ โปรดมั่นใจเถิดว่า ในทุกครั้งที่ท่านเขียนกลอนเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม มือของท่านได้ทำหน้าที่ป้อนยาให้แก่สังคมแล้ว ยิ่งหลายมือเท่าไร ประโยชน์ยิ่งใหญ่ก็จะพึงได้แก่มหาชนเท่านั้น ผมทราบดีว่า ข้อเขียนของตนเอง อาจก่อให้หลายๆท่านขุ่นเคือง หากท่านไม่พึงใจ โปรดด่าผมเถิดครับ ผรุสวาทอย่างไรก็ได้ ผมยอมรับแล้วว่าผมกระทำผิด ผิดที่ก่อความรำคาญแก่ท่าน เมื่อผิด ผมก็พร้อมน้อมรับโทษทัณฑ์ทุกประการ ลงโทษผมเถิดครับ ผมผิดจริงๆ สุดท้ายของกระทู้ ผมคงไม่มีอะไรจะกล่าวแก่ท่าน นอกจาก กราบวิงวอนทุกท่าน มาป้อนยาสังคมกันเถิดครับ 
ขอบฟ้าขลิบทอง โดย ท่านอุชเชนี

Table with 2 columns and 23 rows
   

๏ มิ่งมิตร...
เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น

ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน
ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม ฯ
   

๏ ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว
ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม

ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม
ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน ฯ
   

๏ ที่จะแล่นเริงเล่นเช่นหงส์ร่อน
ที่จะถอนใจทอดกับยอดสน

ที่จะหว่านสุขไว้กลางใจคน
ที่จะทนทุกข์เข้มเต็มหัวใจ ฯ
   

๏ ที่จะเกลาทางกู้สู่คนยาก
ที่จะจากผมนิ่มปิ้มเส้นไหม

ที่จะหาญผสานท้านัยน์ตาใคร
ที่จะให้สิ่งสิ้นเธอจินต์จง ฯ
   

๏ ที่จะอยู่เพื่อคนที่เธอรัก
ที่จะหักพาลแพรกแหลกเป็นผง

ที่จะมุ่งจุดหมายปรายทะนง
ที่จะคงธรรมเที่ยงเคียงโลกา ฯ
   

๏ เพื่อโค้งเคียวเรียวเดือนและเพื่อนโพ้น
เพื่อไผ่โอนพลิ้วพ้อล้อภูผา

เพื่อเรืองข้าวพราวแพร้วทั่วแนวนา
เพื่อขอบฟ้าขลิบทองรองอรุณ ๚ะ๛
(นำข้อมูลจาก 
http://www.geocities.com/siamintellect/poems/uchenee_friend.htm
ครับ)				
14 ธันวาคม 2549 10:22 น.

มาท่องบทอาขยานกันเถิดครับ

ตราชู

ท่านที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ อย่าเพิ่งพร่ำบ่นก่นด่าผมก่อนนะครับ ในทันทีที่เห็นชื่อกระทู้ ผมเขียนข้อความทั้งหลายขึ้น ก็เพื่อจะ เชื่อมต่อรากเง่าวัฒนธรรม ของเรานั่นเอง
	มีเพื่อนๆบางท่าน ตั้งปุจฉาว่า ทำอย่างไรจึงจะเขียนกลอนดี ซึ่งก็มีสมาชิกของเราให้คำแนะนำไปแล้ว แหละผมก็เห็นด้วยกับข้อแนะนำเหล่านั้น แต่ที่ใคร่จะเขียนเพิ่มเติมลงก็คือ การท่องจำบทกวี เพื่อให้สามารถรู้เคล็ด รู้กลเม็ดในอันจะลงจังหวะกลอน, ใช้เสียงให้ถูกต้อง ฯลฯ อันจะขอกล่าวสืบไป
	ผมไม่ขอกล่าวถึงประโยชน์ข้ออื่นๆในการท่องอาขยานนะครับ นำเข้าประเด็นเพื่อผู้รักเขียนกลอนโดยตรงเลยดีกว่า สำหรับผู้ใฝ่ใจในวิทยากลอนแล้ว บทอาขยานจะช่วยเราได้มาก เพราะเมื่อเราปิดหนังสือไป เราก็ยังจำได้ จำนี่ไม่ใช่จำแค่เนื้อความนะครับ แต่จำท่วงทำนอง, ลีลา, จังหวะ, ระดับสูงต่ำของเสียง ฯลฯ ได้ด้วย ถึงคราวเราจะแต่งกลอนกันจริงๆ คำเกินหรือไม่, เสียงพลาดประการใด เราจะรู้ได้เลยโดยการฮำทำนองในหัว อาศัยบทอาขยานเป็นเกณฑ์นั่นแหละครับ จะขอยกตัวอย่างดังนี้
บทที่ ๑ จาก พระอภัยมณี ของ ท่านสุนทรภู่
	วิเวกหวีดกรีดเสียงสำเนียงสนั่น
คนขยั้นยืนขึงตะลึงหลง
ให้หวิววาบซาบทรวงต่างง่วงงง
ลืมณรงค์รบสู้เงี่ยหูฟัง
	พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต
ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง
อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย
	ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้
ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย
โอ้ยามดึกดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย
น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร
	หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น
ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร
แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอน
จะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง
	จับจังหวะ ๓ ๒ ๓ ดูเถิดครับ หากค้นลึกลงไป ท่านก็จะพบว่า เสน่ห์กลอนของท่านสุนทรภู่ มิได้อยู่ตรงสัมผัสในเป็นคู่ๆอย่างเดียว หาก ท่านเล่นสัมผัสพยัญชนะด้วยอีกชั้นหนึ่ง ฉะนั้น ถ้าจะแต่งเลียนลีลาของท่านจริงๆ จึงถือว่า ยากแสนเข็ญ เอาจริงๆ กวีที่จับลีลาได้ เพราะท่านท่องอาขยาน คลุกคลีกับวรรณคดีเก่า ท่านก็จะสามารถเขียนกลอนได้ใกล้เคียงกับท่านบรมครูสุนทรภู่เลยทีเดียว เช่น
	ก่อนหยาดฝนหยดฝากจะพรากฟ้า
ก่อนน้ำท่าท่วมเหม็นเป็นหมึกหม่น
ก่อนทุ่งข้าวถูกเข่นเป็นทุ่งคน
ก่อนวิกลวิการจะผ่านเยือน
	จะโอ่ช่ออ่อนช้อยคอยโบกบอก
จะร่วงดอกดาษรายกระจายเกลื่อน
จะหยาดย้อยค่อยยกสะทกสะเทือน
จะเป็นเพื่อนผีเสื้อเผื่อใยยอง
	จะเหยียดทัดหยัดท้ากับหญ้าท่วม
จะบานร่วมเบิกรับกับลมล่อง
จะอวดช่ออิ่มฉ่ำกับน้ำนอง
จะเชิญทองชูธงกับผงคลีฯลฯ
(จากบทกวี ลำนำดอกโสน โดย ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ หนังสือ ข้างคลองคันนายาว เล่มที่ ๑๐)
	เห็นลีลาไหมครับ ท่านเนาวรัตน์ท่านใช้สัมผัสอันละเอียดอ่อน ประณีตยิ่งในการแต่งกลอน ทั้งนี้เพราะท่านอ่านมาก ท่องมาก ท่านจึงรู้ว่า จะวางเสียงหนัก เบา หรือจังหวะตกกระทบอย่างไร ทีนี้ขอยกกลอนอีกสักชุดมาให้อ่านนะครับ
	เจ้าปักเป็นพระลอดิลกโลก
ถึงกาหลงทรงโศกกำสรดสุด
แสนคะนึงถึงองค์อนงค์นุช
พระทรงเสี่ยงสายสมุทรมาเป็นลาง
	แสนคำนึงถึงองค์พระเจ้าแม่
พระลอแลน้ำแดงดั่งแสงฝาง
ละลักษณวดีไว้โดยปรางค์
คะนึงนางพระพี่น้องทั้งสององค์
	ปู่เจ้าท้าวใช้ให้ไก่แก้ว
มาล่อแล้วพระลอไล่เตลิดหลง
ถึงสวนพระยิ่งแสนกำสรดทรง
ปักเป็นองค์พระเพื่อนพระแพงทอง
	สู่สวนพิศวาสประพาสโฉม
พระลอโลมเสพสุขประสมสอง
พี่เลี้ยงเคียงข้างคอยประคอง
นางรื่นนางโรยรองบาทบงสุ์ฯลฯ
(คัดจาก เสภาขุนช้างขุนแผน  ตอนที่ ๑๗ (ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างได้นางแก้วกิริยา)  พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธ์เลิศหล้านภาลัย
	สังเกตในเบื้องต้นก็จะพบว่า กลอนบางวรรคไม่ได้ใช้สัมผัสสระเป็นสัมผัสในเยี่ยงแนวของท่านสุนทรภู่ แต่ก็อ่านรื่นเพราะสัมผัสอักษรที่นำมาวางอย่างได้จังหวะ เช่น
	เจ้าปักเป็นพระลอดิลกโลก หรือ
	มาล่อแล้วพระลอไล่เตลิดหลง
ถึงสวนพระยิ่งแสนกำสรดทรง เป็นต้น
	ต่อไป ขอให้ลองอ่านออกเสียงบทกลอนต่อไปนี้เทียบแนวดูนะครับ
	ได้เด็ดดาวลืมดินที่ดำด่าง
ชาติอึ่งอ่างขอดโอ่งก็ครางอ๋อย
ได้เซลโล่ลืมซอคันน้อยน้อย
ที่เคยคอยคร่ำครางเมื่อค่อนคืน
	เจ้าปักเป้าป่ายเป้าจนเข้าปัก
จุฬายักย้ายโต้ขึ้นตีตื้น
เตลิดลอยลมเล่นอยู่เข่นครื้น
สนั่นพื้นพสุธาพระเมรุทอง
	ว่าโอ้โอ๋ดินฟ้ามาอาเพศ
เจ้าพุ่มพวงมาเลศมาลอยล่อง
แต่เหินหาวก็หักล่มลงลำคลอง
ไม่ทันกรายก็ร่ายร้องเป็นเพลงลาฯลฯ
(บทกวีชื่อแล้งลมว่าว โดย ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ในหนังสือ เพียงความเคลื่อนไหว)
	เห็นไหมครับ กวีร่วมสมัยอย่างท่านเนาวรัตน์ฯ สามารถเลียนลีลาได้ทั้งสองแบบ แบบท่านสุนทรภู่ และแบบกลอนเสภา เพราะท่านรู้เคล็ด เคล็ดนั้นมาจากไหน ไม่ขอกล่าวซ้ำนะครับ
	อีกตัวอย่างแล้วกันครับ นี่คืออีกครรลองของกลอน เพียงแต่ไม่ใช่กลอน ๘ หากเป็นกลอนบทละคร ลีลาจะกระชับกว่ากลอน ๘
	
	บุษเอยบุษบกแก้ว
สีแววแสงวับฉายฉาน
ห้ายอดเห็นเยี่ยมเทียมวิมาน
แก้วประพาฬกาบเพชรสลับกัน
	ชั้นเหมช่อห้อยล้วนพลอยบุษร์
บัลลังก์ครุฑลายเครือกระหนกคั่น
ภาพรายพื้นรูปเทวัน
คนธรรพ์คั่นเทพกินนร
	เลื่อนเมฆลอยมาในอากาศ
อำไพโอภาสประภัสสร
ไขแสงแข่งสีศศิธร
อัมพรเอี่ยมพื้นโพยมพราย
	ดั่งพระจันทร์เดินจรส่องดวง
แลเฉิดลอยช่วงจำรัสฉาย
ดาวกลาดดาษเกลื่อนเรียงราย
เร็วคล้ายรีบเคลื่อนเลื่อนลอยมาฯลฯ
(คัดจาก บทละครในเรื่อง รามเกียรติ์ บทพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)
ตัวอย่างเทียบเคียง		
	บัดนั้น....
ฟ้าแจ้งแฝงจันทร์กระจ่างไข
เรื่องคาวร้าวระคายพลันหายไป
คนทนคนไทยพลิกไหวตัว
	สรรค์ทางสร้างทิศชีวิตถือ
จิตใสใจซื่อระบือทั่ว
แข็งแกร่งแข็งกล้ามิขลาดกลัว
รู้เห็นรวมหัวขับชั่วร้าย
	เลือดไทยไหลท้นข้นแท้
เนื่องแนวแน่วแน่กระแสสาย
หลอมเชื้อเหลือชาติผงาดพราย
ไทยใหม่ไทยหมายเลิกงายงม
	ธรรมพึ่งถึงพุทธ์ศีลผุดผ่อง
ไสกากซากกองกิเลสถม
คนฉลคนฉาวคาวชม
ตกโลกตกหล่มถอยจมลับฯลฯ


(จากบทกวี เพลงยาวร้าวสมัย โดย ท่านคมทวน คันธนู ในหนังสือ เรียงถ้อยขึ้นร้อยถัก)
	จบก่อนดีกว่าครับ เกรงเพื่อนๆจะรำคาญ ตราชูเอง ว่าอันที่จริงก็ยังเป็นกบในกะลาครอบ ทว่าที่เขียนนี่ก็เป็นทำนอง เล่าสู่กันฟัง เท่านั้น ขอยืนยันอีกครั้งว่า ถ้ารักจะก่อตึก รากฐานต้องแกร่งพอ และกวีร่วมสมัยหลายท่านก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ท่านใกล้ชิดกับวรรณคดี ผลก็คือ ความเป็น กวีชั้นครู สอนพวกเรารุ่นหลังอยู่ทุกวันนี้ ข้อสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ก็คือ โปรดอย่าถือวรรณคดีเป็นเรื่องพ้นยุคเลยครับ พบคำศัพท์ใดยากๆ ก็เปิดพจนานุกรม แล้วหาสมุดเล็กๆสักเล่มจดตุนเอาไว้ วันละคำสองคำ พอมากเข้า ก็อุปมาเหมือนเรามีเงินเก็บ จะหยิบมาใช้คราวใดก็ได้ดังประสงค์ มาท่องอาขยานกันเถิดครับ
หมายเหตุ บทกลอนซึ่งใช้ประกอบการเขียน คัดจากความจำของผม จึงอาจมีผิดพลาดได้ ต้องกราบขออภัยทุกท่านด้วยครับ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตราชู