29 กันยายน 2549 10:50 น.

สนทนาปัญหาน้ำ

ตราชู

สนทนาปัญหาน้ำ
	ถึงปีนี้ปีจอน้ำก็เจิ่ง
เหมือนน้ำเริงร่ารี่ปรี่ปรี่ไหล
ภาคเหนือน่วมท่วมหน่วงหนาวทรวงใน
น้ำยังไล่ลงมาทางภาคกลางพลัน
	ถิ่นกรุงเทพฯ น้ำยังไหลถั่งท่วม
น้ำเหนือรวมน้ำฝนไหลด้นดั้น
มีทั้งน้ำทะเลด้วยมาช่วยดัน
น้ำเลยถั่นมาท้นมนฑลไทย
	แม้การเมืองเรื่องน้ำยังกำหนด
คือน้ำลดตอผุดพิศูจน์ได้
เห็นตอตั้งสะพรั่งเด่นแลเห็นไกล
ปลาอาศัยน้ำเก่าก็เซาโซ
	กลัวแห้งตายตะกายคล่ำหาน้ำใหม่
บ้างหลบตัวกลัวภัยยังไม่โผล่
ฝ่ายไอ้โขงไอ้เข้ที่เฉโก
คอยจ้องเหยื่อตัวโตโตไม่วางตา
	ถึงปีจอจ่อจ้องน้ำนองเจิ่ง
มันยุ่งเหยิงทุกยามคราวน้ำบ่า
เมื่อน้ำยังหลั่งรินไม่เลิกรา
ชาวประชาทำไฉน ฉันใดดี?				
25 กันยายน 2549 14:57 น.

รถถังที่ใจเรา

ตราชู

รถถังที่ใจเรา
	มองเห็นภาพรถถังพร้อมพรั่งแถว
คงคล่องแคล่วนักหนาเวลาเคลื่อน
ทั่วธาณินทร์ถิ่นสถานสะท้านสะเทือน
กงล้อเลื่อนไล่ล่าไล่ราวี
	แม้รถถังทั้งหลายผันผายลับ
แต่ภาพแท้ยังประทับอยู่กับที่
ที่ห้วงแห่งหัทยาเห็นท่าที
เห็นถ้วนถี่ทุกบท ความอดทน
	เราต่างมีรถถังกันทั้งนั้น
คือความมาดมุ่งมั่นไม่หมองหม่น
ไล่กวาดทางถางฉะเหล่าทรชน
ด้วยแรงเราเข้าประจญประจัญบาน
	เมื่อเรากล้าฝ่าฟัน กล้าฝันใฝ่
กล้าฝ่าไฟฟูมเพลิงโรจน์เริงผลาญ
กล้าเป็นไทย แหละเป็นไทยที่ทนทาน
กล้าทวงสิทธิ์สื่อสารถึงสัจธรรม
	นั่นคือเคลื่อนรถถังเราทั้งหลาย
ศัตรูกรายกลากลาดไม่อาจกล้ำ
เราไม่ท้อต่อเกณฑ์กฎเวรกรรม
ย่อมพรูพร่ำฝนดอกไม้ลงพรายแพรว
	นั่น! กลองรบกลบลั่นกำลังเริ่ม
มาเถิดมาเหิมเกริม ทวยหาญแกล้ว
ประจำทัพให้ถนัดยืนหยัดแนว
แล้วเคลื่อนแถวรถถังที่ใจเรา
------------------------------------------------				
24 กันยายน 2549 11:54 น.

อำนาจเป็นของประดาประชาชน

ตราชู

อำนาจเป็นของประดาประชาชน
(แรงบันดาลใจจากบทกวีชื่อ องค์นำในอำนาจ 
ในหนังสือ เรียงถ้อยขึ้นร้อยถัก ของ ท่านคมทวน คันธนู

โคลง ๔ ดั้นบาทกุญชร

...ใครเห็นมันหมั่นเพ้อ..........ลำพอง
ใครต่อใครอยากโต..............เติบบ้าง
ใครต่อใครใคร่สนอง............สนุกเสพย์
ใครต่อใครคว้างคว้าง.........ไขว่หา

...ยกคนเป็นเทพได้.............บัดดล
ยกสู่เมืองเมฆา...................เขตแคว้น
ยิ่งงำยิ่งชวนฉงน................ฉงายหนัก
ไยเล่าคนคล้ายแม้น...........หมู่อมร?

...กลใดปักหลักแล้ว...........ลึกลง
หลักปักยากเปลี่ยนถอน....ถอดทึ้ง
เห็นตนเพ่งตนหลง.............ลอยผงาด
แบกยศศักดิ์อื้ออึ้ง..............โอ่เสมอ

...นี่แหละอำนาจนี้..............อนาถครัน
นี่แหละพาคนเผยอ............พยศกร้าว
นี่แหละที่คนกระสัน............เกินสัตว์
จนไป่ยอมน้อมน้าว.............นอบกาย

...อำนาจนำจรัสเรื้อง.........ดำรู
อำนาจนำตกตาย..............ต่ำต้อย
อำนาจโทษคุณขู................ควรตรึก
นำสุข, นำเศร้าสร้อย.........นิจศีล

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

ด่วนดั้นประดังรถยด้นธิ์..........ตะละตนระเร่งตีน
ปั่นป่วนปะปนวิจลปีน.............บทป่ายกระหายปอง
ได้มาก็หมายสถิตย์มั่น...........ปิติครันสราญครอง
ยวดยงทะยานจิตผยอง..........ฐิตย้ำประจำยาม
มีสัจกษัยวจนสัจ......................เพราะมนัสทะนงนาม
หลงลาภ, ตลอดกิรติหลาม.....วจิหลายละลายเลือน
เมินหมางมิมองนิกรหมู่............สติฟูซิ่ฟั่นเฟือน
ไล่เชือดกระชากพลวเฉือน......ปะทะฉินท์ชิวินชน
กี่ครั้งก็ครั่นหทยคร้าม..............มนะหวามแหละกังวล
คนเหลิงละลิ่วนยน์ถลน............มิละลดสลดเหลือ

กาพย์ฉบัง ๑๖

ก่อนนั้นมรสุมคลุมเครือ.........อดีตหวนทวนเมือ
มาย้อนยังถวิลวิญยาณ
ปางเก่าคราวเกิดเผด็จการ....กาจไกรใช้ทหาร
โหมเพลิงพันลึกฮึกฮือ
คึกคำรามลั่นบันลือ................มากมายหลายมือ
มาเข่นมาฆ่าประชาคาม
ปวงชนล้นหลายตายตาม.......เติมเลือดเดือดลาม
รินไหลไล้หล้าธาตรี
ปัจจุบันผันร้ายกลายดี............โดยทหารหาญมี
มานัสผดุงรัฐภารา
กวาดล้างเผด็จการพาธา.......ธำรงอาณา
อำนาจอาจนำอำนวย
ถ้วนทั่วท่วมท้นชนทวย.............อื้ออึงเอออวย
เอิกศัพท์แซ่ซั้นสรรเสริญ
พร้องพรเพรียกพร่ำจำเริญ......จงด้าวก้าวเดิน
ดลชาติประชาธิปไตย

กลอนสุภาพ

กุหลาบปรายรายดื่นรวยรื่นดอก
คล้ายดั่งบอกบ่งคำขานร่ำไข
เรารักท่าน ทหารผู้กอบกู้ไทย
จงจริงใจจำถนัดในสัจจา

เมื่อสรรจัดรัฐบาลเสร็จการแล้ว
อย่าคลาดแคล้วคำมั่นในวันหน้า
คืนอำนาจราษฎร์นั้นพ้นพันธนา
เพื่อประชาธิปไตยจักได้เต็ม

ใช่เพียงลวงล่วงลับก็กลับกลอก
พกดาบหอกห้ำหั่นหลายพันเล่ม
ค่อยค่อยเถือเหยื่อแทะเที่ยวและเล็ม
ดวงตาเข้มเครียดเคร่งคอยเพ่งมอง

อำนาจใช่ให้ลองเหมือนของเล่น
อย่าขู่เข็นเข้มข้นเหนือคนผอง
อย่ายึดเขาเอามาเพื่อคว้าครอง
เพื่อลอยล่องเริงร่าไม่ราแรง

เรารักท่าน ทหารกล้าบรรดาแกล้ว
ท่านรู้แน่วในหลักประจักษ์แจ้ง
อย่าให้เราเฝ้าหวังกลับพลั้งแพลง
ชีวิตแห้งแล้งหายไม่วายเว้น

อำนาจแท้แน่นั่นใครนั้นถือ
อำนาจคือของของใครมองให้เห็น
อำนาจใครได้ครองควรตรองประเด็น
อำนาจเป็นของประดาประชาชน
-------------------------------------------------------------------				
20 กันยายน 2549 14:06 น.

แผ้วแผ่นดิน

ตราชู

โคลงจิตรลีลา

ดังเพิกด้าว............ผืนดิน
ดลธานิน.............สนั่นก้อง
ปานภูว์ผิน...........ผันผก
ทั่วทั้งท้อง............ถิ่นฐาน

มารมุ่งม้วน........เขมือบโกง
ยกพวกโหง........ห่ามเหี้ยม
ดวงตาโพลง........ลิ้นแผล็บ
คิดสร้างเสี้ยม......ศึกเสริม ส่งเสริม

เหิมหนักแล้ว.....แลหนอ
ใครไป่รอ...........รุกต้าน
ลูกไล่ผลอ..........พลอดเอ่ย
ใครโต้ค้าน........ข่มเขา ขู่เขา

เมาห์โลดหล้า.....โลดลอย
เดินดุ่มทะยอย....เหยียบย้ำ
หลายคนถอย-....แถวถด
ร้าวเจ็บกล้ำ.........กลบกลืน

ขืนข่มแท้..........เกินทาน
จึงก่อการ..........กอบกู้
จึงรวมหาญ......หาญหัก
จึงเข้าสู้............สิ่งทราม

ขามคร้ามยั่น.....เยงไย
ไทยคือไทย.......ที่แกล้ว
ไทยใช่ใหล-.....หลับตลอด
รู้ตื่นแผ้ว...........แผ่นดิน

ภินท์พวกพ้อง....พาลา
พังยักษา.............ย่ำเสี้ยน
จำเป็นมา...........ประมวลหมู่
หั่นให้เหี้ยน......หดหาย เหือดหาย

อีทิสังฉันท์ ๒๐

จึงพิรีย์ขนัดสมรรถขจาย
พลังพิลึกอธึกทลาย......................ทุชนลาญ
ลาญริปูอธรรม์มหันตพาล
ประทุก, ประเทิง ระเริงสถาน......สถุลพรรค์
พรรค์ปิศาจฉกาจไฉกรฉกรรจ์
ธนาเสาะหา, อุราน่ะหรร-............ษฮือเหิม
แผ่ประภาพเผด็จประเทศเผดิม
ฉลาดฉลุยตะลุยเฉลิม..................โฉลกตน
ตูสิใหญ่ผิว์ใครจะใคร่ผจญ
ณรงค์ก็พ่ายมลายเพราะพล..........พิทักษ์ตู
สูงและต่ำมิคิดพินิจและดู
ระหงระเหิดจะเชิดจะชู................จะชุบตัว
ร่านขย่มระริกขยิกระรัว
กระหังกระหายระราย ณ หัว-......ระแหงเห็น
สร้างยุบลตะบิดประดิษฐ์ประเด็น
ประชาซิ่ป่วนละล้วนจะเป็น.........ประลัยกาล
แตกสมานสมัครอะดักก็ดาล
ผิว์ปล่อยฉะนี้บุรีพิศาล.................สะเทือนครืน
จึงทหารถนัดสมรรถก็ยืน
เถลิงผงาดพิลาส ณ ผืน..............ไผทพลัน

กาพย์ยานี ๑๑

แค้นเคืองคนเขื่องโข..................ยิ่งเติบโต ยิ่งตีบตัน
ใครแข่ง ใครแข็งขัน...................ก็ขบเขี้ยวคอยเคี้ยวคน
ย่างผ้ายเยื้องย้ายผิน...................โลดลิ่วบินลอยลมบน
พวกผีพ่วงพีผล- .........................ประโยชน์ผองพวกพ้องพูน
สร้างภาพให้ทราบผ่อง...............แท้หม่นหมองมากมองมูล
สิ้นทรัพย์ สิ่งสรรพสูญ..............ด้วยหมู่ทรามมูมมามโซม
ตวงชั่งให้ต่างชาติ.......................มาย่างยาตรเหมือนญาติโยม
ซ้องแห่เซ็งแซ่โหม....................มาซ้องฮือ มาซื้อหา
เลวฉายทำลายชาติ......................อวดลีลาศ โอ่ลีลา
โสมมสั่งสมมา...........................เสพสามานย์ซึมซ่านมอม
ถึงทีพวกผีท้น.............................ต้องยับย่น ต้องยินยอม
กำลังไหลหลั่งหลอม..................จักกวาดหล้า กวาดกาลี

กลอนสุภาพ

พิรุณหลั่งพรั่งลงบรรจงล้าง 
ให้เสื่อมสร่างคาวอสัตย์ คาวบัดสี
หวังผืนแดนแผ่นดินคงยินดี 
ทุกชีวีหวังไว้วับไววาว

ขอแสงฉายพรายเฉิดพริ้งเพริศช่วง 
ขอหนห้วงหาวแห่งเจิดแจ้งหาว
ขอแก้วก่ำล้ำเกิดกำเนิดสกาว 
ขอรอยร้าวรอยรานบรรสานรอย

วารวันใหม่ไม่หม่นมืดมนมิด 
จงสืบทิศศรัทธาไม่ซาถอย
ดวงใจที่พลีถั่งย่อมหลั่งทอย 
ลบความถ่อยที่ทาบที่ฉาบทา

ถึงนับหนึ่งพึงน้อมพึงพร้อมนับ 
เพื่อสร้างสรรพเสริมสรรค์สิ่งหรรษา
ประชายืนขึ้นหยัดท่ามรัถยา 
สืบสัมฤทธิ์อิสราปรีดารมย์

ไทยสร้างไทยใสถ่องทุกท้องที่ 
สร้างสิ่งศรีแสวงเสาะโดยเหมาะสม
คนเคลื่อนขับคับคั่งสร้างสังคม 
เพื่อชื่นชมเฉิดฉันนิรันดร์ชัย	

(เขียนไว้ในช่วงวันที่ ๑๙ ถึง ๒๐ กันยายน วันปฏิรูปการปกครองอีกครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย)				
19 กันยายน 2549 11:24 น.

การประท้วง

ตราชู

การประท้วง

(แรงบันดาลใจจากบทกวีชื่อ การเมือง ประพันธ์โดย ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ในคอลัม ข้างคลองคันนายาว หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

การประท้วงมิใช่ทำอย่างพร่ำเพรื่อ

การประท้วงมิใช่เถือไม่ยอมถอย

การประท้วงมิใช่ขู่ไม่รู้คอย

การประท้วงมิใช่ต้อยกันตามตาม

การประท้วงมิใช่ก่อโดยไร้แก่น

การประท้วงมิใช่แผนอันผลีผลาม

การประท้วงมิใช่เหลิงเป็นเพลิงลาม

การประท้วงมิใช่ข้ามขอบเขตใคร

การประท้วงต้องทำโดยรู้เท่า

การประท้วงต้องเพลาต้องผ่อนได้

การประท้วงต้องรอไม่ท้อใจ

การประท้วงต้องใคร่ต้องครวญคิด

การประท้วงต้องหนักในหลักแก่น

การประท้วงต้องแผนไม่พลาดผิด

การประท้วงต้องสุขุมคุมเข็มทิศ

การประท้วงต้องไม่ติดในอัตตา

แหละนี่คือหลักการ การประท้วง

มอบแด่ปวงวีรชนคนแกล้วกล้า

ผู้โบกธงบ่ายทัพสรรพโยธา

เพื่อมุ่งหน้านำชัยให้มวลชน

 [ 13 ธ.ค. 2548 เวลา 16:34 ]				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตราชู