28 เมษายน 2551 19:01 น.

นายจันรำพึง

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.กูมาเยือนค่ายคูที่กูสร้าง
มันรกร้างย่อยยับกองทับสุม
ทั้งชื้นมืดพืชรกขึ้นปกคลุม
มากราบหลุมศพชนคนระจัน

๒.กูชื่อจัน หนวดเขี้ยว ชอบเคี้ยวหมาก
กูต่างหากควรตายอยู่ในนั้น
ที่เรียกกูทุกคำ..พ่อกำนัน
กูจำมั่นไม่ลืมจงปลื้มใจ

๓.นึกถึงพ่ออยู่หัวบรมโกศ
ที่ทรงโปรดรับสั่งให้ฟังไว้
ถ้าทรงลับดับขันธ์ลงวันใด
อย่าให้ขุนขี้เรื้อนครองบัลลังก์

๔.ชาติจักล่มวิบัติทั้งรัฐราษฎร์
ด้วยความขลาดด้อยปัญญาและล้าหลัง
และจริงดั่งพระองค์ทรงระวัง
พม่าฟังข่าวผลัดกษัตริย์ไทย

๕.เมื่อรามัญพม่ากรีฑาทัพ
ขุนขี้เรื้อนรู้ขยับรับไม่ไหว
นิมนต์ขุนหาวัดมาปัดภัย
ให้ลาไตรสิกขาออกมารบ

๖.แม้ว่าทัพพม่าจะล่าถอย
ท่านต้องคอยห่วงหลังระวังหลบ
เพราะเชษฐาเหนือเกล้าไม่เคารพ
ถ้าปล่อยสบโอกาสท่านอาจตาย

๗.จึงออกบวชอีกครั้งเมื่อหลังศึก
ไม่เคยนึกครองราชย์ไม่คาดหมาย
ขุนขี้เรือนครองบุรีเถิดพี่ชาย
น้องยอมตายเป็นผีในจีวร

๘.เอกทัศน์..คือนามยามครองราชย์
แต่หากชาติถูกเชือดใครเดือดร้อน
พม่ากลับทัพทหารมารานรอน
กูสังหรณ์ใจแล้วไม่แคล้วภัย

๙.กูเคยกรำศึกเจนเป็นทหาร
กูแหละเห็นพระประธานท่านร้องไห้
ข่าวพม่ารามัญเหมือนควันไฟ
จะอยู่ไกลสุดอ่าวย่อมข่าวรู้

๑๐.อยุธยาธานินทร์จะสิ้นฉัตร
เอกทัศน์ราชาหรือกล้าสู้
กูรวมพวกเพื่อนพ้องพี่น้องกู
กูทนอยู่ดูดายไม่ได้แล้ว

๑๑.ทั้งอีอ้ายชายชาญทหารเก่า
จะเด็กเฒ่าคราวกล้าก็ทแกล้ว
เลือดรักชาติฉาดจ้าทุกตาแวว
ร่วมสร้างแนวป้องขวาง..บางระจัน

๑๒.จะยั้งทัพพม่าให้ช้าเคลื่อน
กูแหละเตือนกรุงศรีถึงที่มั่น
กูแหละขอปืนใหญ่ไว้ป้องกัน
กูจาบัลย์ร้องไห้ไม่ได้ปืน

๑๓.เขากลัวว่าพม่าชิงจึงนิ่งเสีย
ไม่กลัวเมียลูกโดนโจรข่มขืน
ไม่กลัวชาติสิ้นสุดไร้จุดยืน
ไม่กลัวผืนดินเย็นลุกเป็นไฟ

๑๔.ถามใจกู..กูจะสู้ให้รู้แพ้
แผ่นดินแม่อยู่นี่หรือที่ไหน
แผ่นดินแม่อยู่เย็นและเป็นไท
โอบลูกไว้ให้แน่นจะแทนคุณ

๑๕.ผ้าประเจียดแจกจ่ายให้ชายกล้า
กันศาสตราอาวุธหยุดกระสุน
พระธรรมโชติเสกคาถาอย่างการุญ
เป็นบุญคุ้มหัวหูพวกกูนัก

๑๖.เพื่อนกูเอ๋ยเคยขลาดขยาดไหม
เอากายใจเข้าแลกยอมแตกหัก
กี่เลือดหลั่งสังเวยไม่เคยพัก
เพราะความรักธรณียอมพลีกาย

๑๗.แม้พม่าชะตาขาดตายกลาดเกลื่อน
แต่เสียเพื่อนทีไรกูใจหาย
วิญญาณเพื่อนอับปางลงกลางทราย
จะละลายหลอมแน่นกับแผ่นดิน

๑๘.แม้ชนะศึกเสร็จถึงเจ็ดครั้ง
แต่หล่อปืนยิงพังดับหวังสิ้น
ข่าวรามัญหาญสู้นั้นกูยิน
ไอ้เหลือบริ้นกินกายแล้วขายรัง

๑๙.แผ่นดินไทยคุ้มหัวยังชั่วชาติ
บังอาจเป็นปรปักษ์คิดหักหลัง
เป็นนายกองสุกี้มีกำลัง
พม่าตั้งเป็นใหญ่เพื่อใช้งาน

๒๐.ศึกครั้งแปดครานั้นกูหวั่นนัก
ไอ้คนชักศึกใหญ่เข้าใส่บ้าน
มันขุดทางกลางคืนเอาปืนคลาน
พอขึ้นลานถาโถมระดมยิง

๒๑.กูก็รู้ไม่ใช่กูไม่รู้
ถ้ากูสู้คงตายทั้งชายหญิง
กูหาที่ตั้งหลักเพื่อพักพิง
ที่ตายจริงเล็กน้อยไม่ค่อยมี

๒๒.ให้เพื่อนยินดินรู้ว่ากูรัก
แต่ยากจักรอดครบเมื่อหลบหนี
เรารวมเป็นกลุ่มวงในพงพี
ดักขยี้สุมซ่องเป็นกองโจร

๒๓.เมื่อกรุงไกรไฟเผาเป็นเถ้าซาก
พระยาตากหักด่านไปย่านโพ้น
เป็นทหารรานรอนแต่อ่อนโยน
จะรอโค่นพม่ากับรามัญ

๒๔.จึงรวมคนรวมใครที่ใจสู้
พรรคพวกกูที่เหลือก็เชื่อมั่น
ทั้งหญิงชายจากค่ายบางระจัน
เข้าร่วมกันทันทีไม่ลีลา   

๒๕.พระยาตากรวมพลทุกหนแห่ง
ฝึกจนแกร่งเชี่ยวการทหารกล้า  
แต่งตั้งกูนำทัพจับศาสตรา
ชื่อ..พระยาศรีสิทธิสงคราม	

๒๖.กูยืนยันสัญญาต่อหน้าเถ้า
ใครที่เผาอโยธยามันกล้าหยาม
กูจะกอบกู้กรุงให้รุ้งงาม
จะไว้นามบรรพชนคนระจัน

๒๗.หลับตาเถิดเพื่อนเอ๋ยผู้เคยรบ
สุขสงบสู่ห้วงสรวงสวรรค์
กูบอกเพื่อนไหมว่ากูจาบัลย์
เคยเอาหลังพิงกันประจัญบาน

๒๘.ไทยจักภูมิใจทั่วไปชั่วลูก
เถ้ากระดูกปู่ย่าผู้กล้าหาญ
จักฝังแน่นแผ่นดินตราบสิ้นนาน
ให้ลูกหลานจดจำความลำเค็ญ

๒๘ เมษายน ๒๕๕๑				
22 เมษายน 2551 06:35 น.

อริยสงฆ์

ฤทธิ์ ศรีดวง

จากกลอน สมมุติสงฆ์ 
ของคุณบ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
๒๑  เมษายน  ๒๕๕๑

เดินไปเถิดหมู่สงฆ์ผู้ทรงศักดิ์
น้อมใจภักดิ์ในธรรมอันล้ำค่า
ก้าวสู่หลักไตรรัตน์วัฒนา
เป็นบุญญายิ่งยวดได้บวชเรียน
............................................


เพื่อสืบสานศาสนาจึงมาบวช
ได้ท่องสวดใบลานได้อ่านเขียน
รู้บาลีดีเท่าเก้าเปรียญ
แต่ยังเวียนว่ายวนไม่พ้นกรรม

มีศีลครองสองร้อยยี่สิบเจ็ด
มุ่งสำเร็จธรรมกถึกอันลึกล้ำ
ภาวนาเช้าเย็นเป็นประจำ
ได้ดวงตาเห็นธรรมจากบำเพ็ญ

จนบรรลุถึงฌานได้ญาณรู้
เปิดประตูปัญญาอย่างตาเห็น
ธรรมอันใดไม่กระจ่างบางประเด็น
กลับชัดเจนฉับพลันเพราะปัญญา

ศีลและธรรมวินัยจะไร้ผิด
แต่จริตกลับไปไร้เดียงสา
ด้วยกิเลสเหตุดับไม่กลับมา
ดั่งพระสารีบุตรครั้งพุทธกาล

ถกจีวรโจนข้ามลำน้ำเล่น
ผู้ที่เห็นถามทำทำไมท่าน
เพราะเป็นถึงเถระพระอาจารย์
ปฏิสัมภิทาญาณและชาญฤทธิ์

พระพุทธองค์ทรงเล่าตรัสเอาไว้
ที่ทำไปอย่างนั้นท่านไม่ผิด
เพราะกิเลสเศษก้อยอันน้อยนิด
ไม่เหลือติดอีกแล้วจึงแคล้วทัณฑ์

พระอริยสงฆ์อยู่ตรงไหน?
อยู่ที่ใดในหลวงทรงไปที่นั่น
ถึงสุดฟ้าป่าปรกสูงรกชัน
ทรงบากบั่นรีบบึ่งกราบถึงตัว.				
17 เมษายน 2551 20:40 น.

คำพ่อสอน

ฤทธิ์ ศรีดวง

แม่สอนให้มีศรัทธาอย่ายอมแพ้
พ่อสอนแค่ให้เจ้ามีเป้าหมาย
แล้ววิ่งท้าฝ่าไปหากไม่ตาย
ใจและกายจะแข็งกล้ายิ่งกว่าเดิม

หากตั้งต้นคนโห่ว่าโง่เขลา
อย่าคุกเข่า..จงฮึดให้ฮึกเหิม
เมื่อยืนหยัดหยามคำเคยซ้ำเติม     
ใครจะเริ่มต้นไล่ย่อมไม่ทัน                               

ผู้ยิ่งใหญ่ใครเลยไม่เคยล้ม
แต่ให้ก้มหัวพ่ายอย่าได้ฝัน
เมื่อบอบช้ำกำหมัดทนกัดฟัน
ความหวาดหวั่นกลั้นไว้อย่าให้รู้

ความอดทนแท้จริงเป็นสิ่งขื่น
แต่ผลชื่นหวานนักถ้ารักสู้
เมื่อก้าวข้ามความยากย่อมมากครู
เมื่อเหลียวดูย่อมสร้างกำลังใจ

อุปสรรคคือทรัพย์ให้ลับดาบ
จะกำราบปราบเถือหรือเหลือไว้
หากสบายไว้ก่อนเพราะอ่อนวัย
ลูกหลานใครจะสอนถ้าอ่อนแอ

บางคนเป็นต้นไม้ในลานกว้าง
กิ่งก้านกางต้นใหญ่พุ่มใบแผ่
มีนกกามาอยู่คอยดูแล
เป็นต้นแม่เก็บไว้ขยายพันธุ์

บางคนเป็นต้นไม้ในป่าดิบ
ต้นสูงลิบเป็นแท่งเพราะแข่งขัน
ต้นแน่นชิดปิดแหล่งแสงตะวัน
สูงไม่ทันแดดแตะก็แคระแกร็น

ลูกอยากเลือกหรือลูกอยากถูกเลือก
อยากรู้เปลือกรู้กะลาหรือว่าแก่น
หากปัญญารู้ศาสตร์ยังขาดแคลน
จะวางแผนใหญ่อาจจะพลาดพลั้ง

ความดีคือหางเสือนำเรือล่อง
คอยประคองนาวาไปหาฝั่ง
ความรู้ฤๅลอยลำตามลำพัง
จงมีทั้งความรู้คู่ความดี


๑๗ เมษายน ๒๕๕๑



ที่มาของภาพ : nonstriker.wordpress.com				
4 เมษายน 2551 07:10 น.

พระสีวลี

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.ตีผึ้ง
๑.ในป่าไม้สายลมช่างร่มรื่น
ความชุ่มชื้นฉ่ำลึกทั่วพฤกษา
ชายหนึ่งเพลินเดินทางกลางพนา
ตั้งใจหารังผึ้งสักหนึ่งรัง

๒.ไว้เยี่ยมเยือนเพื่อนพ้องเป็นของฝาก
น้ำใจจากเพื่อนเก่าแต่คราวหลัง
เพราะหาเช้ากินค่ำตามลำพัง
ไม่มีทั้งสินทรัพย์ต้องอับจน

๓.ถึงต้นไม้ใกล้เคียงยินเสียงหึ่ง
เห็นรวงผึ้งรังใหญ่สุดปลายต้น
จึงเก็บฟืนกลางป่าสาละวน
จุดไฟลนฟืนสุมเป็นกลุ่มควัน

๔.เมื่อควันไฟไล่ผึ้งบินบึ่งหนี
ไม่เหลือมีผึ้งหลงรังตรงนั้น
จึงออกจากซอกช่องที่ป้องกัน
ปีนต้นพลันเร่งรัดไปตัดรวง

๕.ได้รังผึ้งรวงใหญ่กว่าใจนึก
พลอยรู้สึกสุขจินต์เหมือนสิ้นห่วง
ออกเดินจรก่อนแดดจะแผดดวง
มุ่งเมืองหลวงเขตขัณฑ์..พันธุมคี

๒. ถวายน้ำผึ้งดิบ
๖.พระศาสดาจาริกเสร็จธุระ
พระนามพระทรงสวัสดิ์..วิปัสสี
จะเสด็จคืนหลังยังธานี
ความยินดีแผ่ทั่วทุกครัวชาน

๗.สาธุชนราชันย์ต่างขันแข่ง
เตรียมต้มแกงข้าวปลาภัตตาหาร
จะจัดสรรอาคันตุกะทาน
แด่องค์ท่านศาสดาและสาวก

๘.สังฆทานจักรพรรดิ์ย่อมจัดเลิศ
อาจประเสริฐคุณค่ากว่าพสก
แต่ชาวบ้านมิสะท้านหวั่นสะทก
ทุกห่อพกลงแรงแข่งราชา

๙.วันรุ่งเชิญพระภควันต์ฉันอาหาร
พร้อมส่งสาส์นเชิญราชันย์ขวัญหล้า
กษัตริย์ทรงทราบเหตุเสด็จมา
ทอดพระเนตรภักษาประชาชน

๑๐.เห็นยิ่งใหญ่เพียบพร้อมไม่ยอมแพ้
จึงตรัสแก่อำมาตย์ด้วยคาดผล
วันพรุ่งนี้เราดำริจะนิมนต์
พระทศพลเข้าวังทำสังฆทาน

๑๑.จงตระเตรียมปัจจัยเอาให้พร้อม
อย่าได้ยอมน้อยหน้ากว่าชาวบ้าน
เพื่อคณะพุทธองค์สงฆ์บริวาร
จะชื่นบานกุศลอิ่มผลบุญ

๑๒.เมื่อกษัตริย์จัดทานไพศาลกว่า
ชาวประชาทุกจุดจึงอุดหนุน
จัดอาหารถวายพระสละทุน
ให้เลิศคุณล้ำค่ากว่าราชันย์

๑๓.ต่างแข่งทำถวายทานเป็นงานหลัก
เพื่อบุญหนักใช่แค่แต่แข่งขัน
เวลาเลื่อนเคลื่อนมาครบห้าวัน
ไม่ยอมกันแข่งสร้างแต่ทางดี

๑๔.สาธุชนปรึกษาเป็นวาระ
เพื่อชนะราชันย์วันพรุ่งนี้
จะแต่งทานทุกวัตถุในธานี
จะต้องมีทั้งหมดทุกหมวดทาน

๑๕.เมื่อจัดทานครบหมวดจึงตรวจของ
พินิจมองของคาว ข้าว ของหวาน
น้ำผึ้งสุกจัดวางอยู่กลางจาน
น้ำผึ้งสดรสซ่านอยู่จานใด

๑๖.จึงรู้ว่าขาดซึ่งน้ำผึ้งดิบ
จะซื้อหยิบอนิจจาหาที่ไหน
ประตูเมืองคนออกเข้านอกใน
คงมีใครเอาของป่ามาทุกวัน

๑๗.จัดสี่คนคอยระวังไปนั่งอยู่
สี่ประตูดูคนทุกชนชั้น
ให้ถือทรัพย์นับเอาเท่าเท่ากัน
คนละพันกหาปณะน่าจะพอ
......................................................
๑๘.เห็นชาวป่าเดินผ่านมาด้านหนึ่ง
ถือรวงผึ้งร่างมอมดูซอมซ่อ
จึงรีบรุดหน้าตั้งไม่รั้งรอ
แล้วซื้อต่อรังนั้นในทันที

๑๙.ผู้เจริญเดินหาแต่ป่าไหน
ได้รังใหญ่เกินคาดขนาดนี้
น้ำผึ้งซึ่งเหลือน้อยไม่ค่อยมี
ท่านยินดีขายไหมเท่าไรกัน

๒๐.น้ำผึ้งดิบของป่าย่อมหายาก
เอามาฝากพวกพ้องเพื่อนของฉัน
คงไม่ขายใต้เท้าเรายืนยัน
ต้องบากบั่นแทบตายกว่าได้มา

๒๑.เราให้หนึ่งกหาปณะจะขายไหม?
นึกสงสัยหรือบังเอิญว่าเงินหนา
เพราะน้ำผึ้งแค่นี้มีราคา
แค่เศษค่ากหาปณะได้กระมัง

๒๒.เรามิขายใต้เท้าอย่าเซ้าซี้
ลองดูที่ทางถนนคนข้างหลัง
อาจมีรวงผึ้งขายอยู่หลายรัง
อย่ามาหวังกับเราเลยเจ้านาย

๒๓.ค่ารังผึ้งจึงทวีทีละขั้น
ให้หนึ่งพันกหาปณะคงจะขาย
 ไยตีค่ารังผึ้งถึงมากมาย
จงแย้มพรายสักนิดอย่าปิดนาน

๒๔.เหตุเราทำทานใหญ่ถวายพระ
สมณะผู้ตัดวัฏฏ์สงสาร
รวมวัตถุทุกอย่างเพื่อสร้างทาน
ขาดของหวานน้ำผึ้งดิบเพียงหยิบมือ

๒๕.ได้ฟังคำทำทานชื่นบานจิต
จึงครุ่นคิดช้าช้าประสาซื่อ
ถวายทานพระพุทธเจ้าอย่างเขาลือ
บุญระบือสิ้นลำบากสิ้นยากจน

๒๖.รังผึ้งเราไม่พร้อมจะยอมขาย
ขอถวายร่วมทานการกุศล
ขอฟังคำธรรมะพระทศพล
เพื่อบันดลดื่มด่ำสุขสำราญ
.....................................................
๒๗.เริ่มศรัทธามหาทานสะท้านแคว้น
สงฆ์หกล้านแปดแสนแน่นสถาน
พระศาสดาสมณะเป็นประธาน
ภัตตาหารสารพัดจึงจัดมา

๒๘.ถาดทองคำใบใหญ่ใส่ผสม
น้ำนมส้มเคล้าซึ่งน้ำผึ้งป่า
ถวายองค์โลกนาถศาสดา
และนานาสงฆ์ฉันทั่วกันไป

๓.อจินไตย
๒๙.น้ำผึ้งดิบนิดหน่อยซึ่งน้อยมาก
สงฆ์ล้นหลากปานนั้นได้ฉันไหม
เรื่องบางจุดสุดเราจะเข้าใจ
พุทธวิสัย..ประการหนึ่งอย่าพึงรู้

๓๐.วิสัยมนุษย์สุดหยั่งก็ยังใกล้
แต่วิสัยพระวิสุทธิ์ไกลสุดกู่
เรารับภาพทราบแค่ตาแลดู
บรมครูเห็นทุกอย่างดั่งกลางวัน

๓๑.เหมือนน้ำผึ้งพอเพียงจะเลี้ยงสงฆ์
พระพุทธองค์ทรงวางไว้อย่างนั้น
ด้วยฤทธาสมาบัติอัศจรรย์
เรารู้ทันมิได้อย่าไปคิด

๓๒.ฌานวิสัย..คือสิ่งประการสอง
จะเห็นคล่องชัดได้ต้องใช้จิต
ต้องเข้าถึงอรหันต์ขั้นมีฤทธิ์
เราไร้สิทธิ์รู้ลึกอย่านึกตรอง

๓๓.กรรมวิสัย..คือสิ่งประการสาม
ผู้รู้ตามกฏกรรมชำนาญคล่อง
มีเพียงพระอรหันต์ผู้ช่ำชอง
เราทั้งผองอย่าหวังยังห่างไกล

๓๔.โลกจินไตย..คือสิ่งประการสี่
โลกใบนี้จบลงที่ตรงไหน
โลกใบนี้มีมาแต่คราใด
โลกย่อมไม่สิ้นสุด คำพุทธองค์

๓๕.เหมือนดั่งคำถามพระพุทธเจ้า
ใครสร้างเรามีชีวีโปรดชี้บ่ง
พระศาสดาตอบความไปตามตรง
มนุษย์เกิดจากวงวิญญาณธาตุ

๓๖.คืออณูที่ร่วมรวมกันติด
เกิดเป็นจิตจากอณูที่รู้ศาสตร์
ทั้งเคลื่อนไหวเร็วถลาและสามารถ
ป่วยการคาดรู้สิ้น..อจินไตย

๔.พุทธพยากรณ์
๓๗.ฝ่ายชาวป่าเคลื่อนกายมาใกล้พระ
หลังคณะตถาคตผู้สดใส
สำเร็จฉันอาหารสำราญใจ
ก้มกราบไหว้ปฎิบัติอย่างศรัทธา

๓๘.ลูกจะขอตั้งจิตอธิษฐาน
ด้วยบุญทานเพียงหนึ่งน้ำผึ้งป่า
ให้ลูกเลิศลาภเถิดถ้าเกิดมา
ทั้งชาติหน้าอนาคตตามกฎทาน

๓๙.พระองค์ทรงทราบครบแต่ภพหลัง
ชาวป่าครั้งมีศรัทธาเรื่องอาหาร
เคยเกิดเป็นกุลบุตรครั้งพุทธกาล
เมืองสถาน..หงสวดี บุรีรมย์

๔๐.พระปทุมุตตระตถาคต
ผู้ปรากฏเป็นศาสดาอยู่อาศรม
แสดงธรรมนำสุขดับทุกข์ตรม
เพราะนิยม..กุลบุตรจึงหยุดฟัง

๔๑.แล้วเข้าเฝ้าฟังธรรมจนฉ่ำจิต
ได้พินิจพระองค์ทรงแต่งตั้ง
ผู้เลิศลาภสักการะทรัพย์ประดัง
คือพระหนึ่งผู้นั่งไม่ห่างกาย

๔๒.ตำแหน่งเอตทัคคะแห่งพระนั้น
กุลบุตรมุ่งมั่นกระสันหมาย
จึงทูลเชิญพุทธองค์สงฆ์รอบราย
ทำทานถวายพระโลกเชษฐ์ครบเจ็ดวัน

๔๓.แล้วทูลขอพรโชคพระโลกนาถ
ลูกหมายมาดเป็นพระอรหันต์
เจริญในลาภทรัพย์นับอนันต์
พระภควันต์จึงตรัส ณ บัดนี้

๔๔.เธอจะสมคาดแม้นอีกแสนกัป
เป็นเลิศทรัพย์ลาภหนักสมศักดิ์ศรี
บวชในศาสน์สมณะโคตมี
นามคือ..สีวลี ผู้มีลาภ.
....................................................
๔๕.ชาวป่าฟังตรัสพระวิปัสสี
 จงยินดีตั้งใจทำลายบาป
เธอจะเลิศในลาภทรัพย์จงรับทราบ
จะอิ่มอาบบริสุทธิ์วิมุตติชน

๔๖.จะได้บวชเป็นพระอรหันต์
องค์สำคัญช่วยงานการกุศล
ในศาสนาโคตมะพระทศพล
จงอดทนสร้างบุญเก็บตุนไว้
 
๕.สร้างบาป
๔๗.เมื่อถึงคราวชาวป่าอายุสิ้น
เกิดในถิ่นสวรรค์ฟ้าจวบลาขัย
มาเกิดเป็นเจ้าฟ้าราชาลัย
ณ กรุงไกรพาราณสีบุรีนคร

๔๘.ครองพาราหลังบิดาสวรรคต
ตามกฎมณเทียรบาลแต่กาลก่อน
หลงอำนาจวาสนาฐานันดร
เข้าริดรอนเมืองน้อยผู้ด้อยแรง

๔๙.ยกทัพใหญ่หมายล้อมให้ยอมพ่าย
ให้ถวายนครรัฐโดยตัดแบ่ง 
แต่ราชาชอบธรรมหลังกำแพง
ยังขืนแข็งแต่มิหลงทำสงคราม

๕๐.ทรงบอกชนในชาติอย่าหวาดจิต
ทำชีวิตปรกติทรงมิห้าม
ประตูเมืองทุกทิศแม้ปิดดาม
ประตูเล็กเปิดหลามมีน้ำกิน

๕๑.ประชาชนคนอยู่มิรู้ร้อน
จะสัญจรค้าขายได้ทั้งสิ้น
จนเจ็ดปีเจ็ดเดือนเลื่อนโบยบิน
ตีแผ่นดินไม่ได้ดังใจนึก

๕๒.เห็นช้านักชักนานจนป่านนี้
ชนนีมีเคล็ดเผด็จศึก
ให้ล้อมจุดอุดประตูทุกรูลึก
ปิดผนึกทั้งหมดให้อดตาย

๕๓.ทรงทำตามชนนีที่ชี้แผน
ความขาดแคลนแร้นเข็ญกระเซ็นสาย
ทุกท้องถิ่นดิ้นรนทุรนทุราย
สุดท้ายทูลราชันย์ให้ปันเมือง

๕๔.แต่ราชาปฏิเสธอ้างเหตุผล
จนฝูงชนปาขว้างกระด้างกระเดื่อง
จนวันเจ็ดสำเร็จโทษด้วยโกรธเคือง
พอจบเรื่องปลงพระชนม์จำนนยอม

๕๕.พาราณสีราชาปรีดานัก
แม้บาปหนักอนิจจาว่ายาหอม
เมื่อสิ้นชีพตักษัยพระทัยตรอม
ถูกไฟหลอมกลางทะเลอเวจี

๕๖.กัปแล้วกัปเล่าไฟเผาผลาญ
ร่างแหลกลาญไฟกรดบดขยี้
จวบดินหนาหนึ่งโยชน์ล้านโกฏิปี
ครบกาลที่ทนตกนรกร้อน

๕.กำเนิด
๕๗.จุติจากแดนโหดโทษมหันต์
มาสู่ครรภ์เสด็จแม่แต่ชาติก่อน
เพื่อร่วมรับเศษกรรมร่วมทำตอน-
ล้อมนครจนประชาจลาจล

๕๘.นามสุปปวาสา..มารดาใหม่
ครองสักกะแคว้นใหญ่หว่างไพรสณฑ์
เมื่อทรงครรภ์รันทดต้องอดทน
เนิ่นนานจนเจ็ดปีไม่มีเตือน

๕๙.แม้มีลาภเกินการประมาณค่า
ด้วยบุตราบุญใหญ่หาใครเหมือน
แต่กลับทุกข์ทับทวีหลายปีเดือน
ครรภ์ไม่เคลื่อนไม่คลอดยิ่งถอดใจ

๖๐.สวามีทอดพระเนตรเทวษหนัก
นวลน้องรักมีกรรมทำไฉน
จึงเข้าเฝ้าสมณะพระจอมไตร
ขอพรให้ราชินีจงปรีดา

๖๑.พระโคตมะพุทธเจ้าในคราวนั้น
สดับพลันประทานพรสุนทรค่า
ให้ราชินีปลอดภัยไร้โรคา
คลอดบุตราง่ายแท้เหมือนเทน้ำ

๖๒.ให้ประสูติโอรสผู้หมดโรค
ทั้งทุกข์โศกทั้งหลายมิกรายกล้ำ
เมื่อดำรัสพระมุนินทร์นั้นสิ้นคำ
ความชื่นฉ่ำจับอุราจอมราชันย์

๖๓.เวทนาราชินีก็หนีหาย
วรกายเคยทุกข์กลับสุขสันต์
จนเจ็ดปีเจ็ดเดือนจบเจ็ดวัน
ธ ทรงครรภ์นานเนาว์เท่าล้อมกรุง

๖๔.จึงมีประสูติกาลกุมารน้อย
งามชดช้อยคลอดง่ายเหมือนหมายมุ่ง
ส่วนมารดาราชันย์หมั่นบำรุง
ทั้งยาปรุงเสวยกลืนก็คืนกาย

๖๕.ประยูรญาติกาต่างมาเยี่ยม
ต่างตระเตรียมของขวัญกำนัลหมาย
เห็นโอรสงดงามดังทำนาย
ร่วมถวายนามะ..สีวลี

๖.ออกบวช
๖๖.พระมารดาเมื่อกายหายสนิท
องค์บพิตรจึงตรัสว่าบัดนี้
หมดทุกข์โศกโชคงามฤกษ์ยามดี
เราพร้อมที่ทำทานนานเจ็ดวัน

๖๗.อัญเชิญพระพุทธองค์สงฆ์ทั้งวัด
แล้วเตรียมจัดเสบียงทานอาหารฉัน
ประยูรญาติบริวารช่วยงานกัน
ได้แบ่งปันภาระพระราชา

๖๘.กุมารนั้นอัศจรรย์ขั้นวิเศษ
เดินเสด็จราวท่านเจ็ดพรรษา
เหมือนเติบใหญ่ในครรภ์ท่านมารดา
ทั้งพูดจาสื่อได้เข้าใจความ

๖๙.จึงช่วยงานพระบิดาสารพัด
ถ้าติดขัดไม่เข้าใจก็ไต่ถาม
บรรดาสงฆ์ตรงมาจากอาราม
ขึ้นนั่งตามอาสนะตระเตรียมไว้

๗๐.กุมารน้อยถวายน้ำบริสุทธิ์
พระสารีบุตรฐานะพระผู้ใหญ่
สังเกตดูอยู่ก็นึกพอใจ
จะเข้าไปคุยเล่นเมื่อเห็นควร

๗๑.จนวันเจ็ดจบงานทานกุศล
สาธุชนดื่มด่ำสิ้นกำสรวล
กุมารมองผองพระเคลื่อนขบวน
เถระชวนบวชตามเป็นสามเณร

๗๒.พระกุมารอยู่ครรภ์นั้นนานนัก
คงทุกข์หนักตรมใจมิใช่เล่น
เพราะชาติก่อนก่อกรรมกระทำเวร
เธอคงเห็นกรรมเก่ามาเอาคืน

๗๓.ถ้าเบื่อหน่ายว่ายเวียนควรเรียนบวช
หมั่นท่องสวดธรรมบทให้สดชื่น
อันร่างคนป่นไหม้ในไฟฟืน
ถ้าจิตตื่นถึงวิมุตติก็หลุดพ้น

๗๔.กุมารตอบเถระอยากจะบวช
การผนวชบรรพชามหากุศล
ทั้งคู่คุยแคล่วคล่องอยู่สองคน
มารดายลยินคำก็สำราญ

๗๕.เจ้าชายทรุดกายแนบกราบแทบบาท
อนุญาตเถิดหนามารดาท่าน
ลูกขอบวชบรรพชากับอาจารย์
ญาติวงศ์วารทั้งผองจะครองบุญ

๗๖.ทั้งชนกชนนีญาติพี่น้อง
ต่างแซ่ซร้องขานรับสนับสนุน
กุมารกอดแม่แน่นได้แทนคุณ
รับไออุ่นสุดท้ายก่อนไคลคลา

๗๗.แล้วร่วมทางย่างสู่ประตูวัด
พิธีจัดตามหลักมิชักช้า
พระสารีบุตรเถระอุปัชฌาย์
ให้พิจสังขาราห้าประการ

๗๘.อันฟัน เล็บ ขน ผมและผิวหนัง 
ย่อมผุพังลงดินสิ้นสังขาร
ให้พิจดูรู้ทุกข์ทรมาณ
ในครรภ์นานเบ็ดเสร็จกว่าเจ็ดปี

๗๙.เมื่อตรึกตามความงามล้วนทรามสิ้น
ไฟ น้ำ ดิน ลม..เรามีเท่านี้
ด้วยบุญกาลอธิษฐานบารมี
สีวลีจิตสงัดในบัดดล

๘๐.มีดโกนหนึ่ง..จึงลงปลงเกศา
พลันบรรลุโสดาปัตติผล
มุ่งนิพพานมั่นหมายเมื่อวายชนม์
ถือศีลจนกรรมบถมิงดวัน

๘๑.มีดโกนสอง..ลองโกนโคนเกศี
ถึงสกิทาคามีนาทีนั้น
รูป กลิ่น เสียง สัมผัส รส โทษอนันต์
ก็รู้ทันด้วยฌานสำราญตน

๘๒.มีดโกนสาม..ตามลงปลงเกศา
พลันบรรลุอนาคามีผล
ทรงฌานสี่สุกสว่างกลางกมล
จวนหลุดพ้นจากกิเลสทุกเหตุแนว

๘๓.มีดโกนสี่..ทีสุดท้ายสิ้นไร้ผม
ดวงอารมณ์ภายในใสเหมือนแก้ว
เป็นพระอรหันต์เต็มขั้นแล้ว
กิเลสแผ้วพาลใจจึงไม่มี.

๗.เป็นผู้เลิศในลาภ
๘๔.อานิสงส์สังฆทานน้ำหวานผึ้ง
ส่งผลถึงชีวาตม์ในชาตินี้
อันโชคลาภสักการะพระสีวลี
อยู่ทุกที่ย่างบาทไม่ขาดแคลน

๘๕.สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ สงฆ์ห้าร้อย
เสด็จคล้อยข้ามไพรที่ไกลแสน
ป่าตะเคียนจุดหมายสุดปลายแดน
ที่แร้นแค้นยากเข็ญเป็นที่สุด

๘๕.เพื่อเยี่ยมเยียนสมณะ..เรวตะ
ผู้น้องพระเถระสารีบุตร
ถึงทางแยกสองทางจะย่างยุด
พระทรงหยุด ปุจฉาพระอานนท์

๘๕.แยกข้างหน้าสองทางเลือกข้างไหน
จึงจะใกล้เร็วลัดไม่ขัดสน
มีหมู่บ้านข้าวปลาประชาชน
ชี้ถนนเถิดหนาอย่าช้านาน

๘๖.พระอานนท์ทูลคำชี้นำว่า
ทางข้างหน้าเท่าที่รู้มีหมู่บ้าน
ไม่ระกำลำบากเพราะมากทาน
ต้องอ้อมผ่านหกสิบโยชน์ทางโหดไกล

๘๗.ส่วนถนนข้างข้างเป็นทางลัด
แค่เดินตัดไม่ช้าถึงป่าใหญ่
สามสิบโยชน์เท่านั้นมิทันไร
แต่ยากไร้ของกินอย่างสิ้นดี

๘๘.จึงดำรัสแห่งพระพุทธเจ้า
สีวลี มากับเราแต่คราวนี้
ความลำบากยากไร้ย่อมไม่มี
เลือกทางที่เดินลัดเพื่อตัดตรง

๘๙.ถึงกลางพฤกษ์ไพรแคว้นไม้แน่นหนา
เทพเห็นทั้งศาสดาสัมมาสงฆ์
แม้จะมีพระวิสุทธิ์พุทธองค์
กลับจำนงพระสีวลีเพื่อพลีทาน

๙๐.แสดงกายพร้อมพรักเทพรักษ์ป่า
ถวายทิพย์โภชนากระยาหาร
ทั้งศาสดาและพระบริวาร
จึงสำราญภัตตาเทพารักษ์

๙๑.ความเป็นผู้เลิศในลาภสักการะ
ภิกษุพระทุกแห่งแจ้งประจักษ์
ตำแหน่งเหมาะเจาะจริงใหญ่ยิ่งนัก
เป็นเสาหลักองค์หนึ่งได้พึ่งพา

๙๒.ช่วยงานพระจอมไตรมิได้หยุด
เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ตราบนิพพานดับขันธ์สังขารา
กราบบูชาพระเถระ..สีวลี..


ที่มาของข้อมูล
http://www.84000.org/one/1/16.html     
http://www.palungjit.com/smati/books/indexphp?cat=196
http://www.palungjit.com/smati/books/index.php?cat=197
http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=2006
http://www.geocities.com/athens/atlantis/2946/siv.html
บุพกรรมของพระสีวลี โดยพระราชพรหมยาน
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรมฉบับพิเศษ เล่ม ๒  โดยพระราชพรหมยาน


ที่มาของภาพประกอบ
http://article.pornpra.com/userfiles/1180371839b46-a.jpg				
12 มีนาคม 2551 07:23 น.

หวัง

ฤทธิ์ ศรีดวง

เศษข้าวสุกคลุกดินทนกินได้
หากทำให้ร่างกายพอหายหิว
แม้วันนี้ชีวิตไม่ปลิดปลิว
ก็เหมือนลิ่วร่วงเหวกลางเปลวไฟ

มองคนที่มีพ่อยิ่งท้อแท้
มองหาแม่ไม่รู้ว่าอยู่ไหน
นั่งกอดเข่าหนาวสั่นข้างบันได
หวังอะไรกันหนอ..เด็กขอทาน

มีเศษเสื้อเหม็นสาบกลิ่นคราบเหงื่อ
ไว้ห่อเนื้อหุ้มใจที่ไร้บ้าน
มีคุณค่าแค่ขยะใต้สะพาน
มีวิญญาณผุผุเท่าธุลี

ลูกนกคงหลงทางอยู่กลางป่า
หมดปัญญาสูญสิ้นแรงบินหนี
หวังใดใดเจ้าเอยไม่เคยมี
ใจดวงนี้แหลกลาญไปนานแล้ว				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง