2 กรกฎาคม 2551 21:25 น.

สารขัณฑ์นคร

วิจิตรวาทะลักษณ์

          กาลครั้งหนึ่ง  อีกไม่ไกล  ในเมื่อหน้า
มีเมืองหนึ่ง  นามว่า  สารขัณฑ์
เกิดปัญหา  รุกเร้า  เข้าโรมรัน
อีกสามวัน  น้ำมัน  จะไม่มี

	          เพราะราคา  แสนแพง  สำแดงฤทธิ์
เขาจึงติด  เรื่องเงินทอง  สำรองหนี้
ประเทศอื่น  ร่ำรวย  ด้วยเงินมี
ประมูลชี้  ขายขาด  สู่ชาติตน

	          ทั้งเบนซิน  ดีเซล  น้ำมันก๊าด
แก๊สธรรมชาติ  เอ็นจีวี  ย่อมมีผล
แก๊สโซฮอล์  แอลพีจี  ที่เกินตน
จะเกลี้ยงจน  หมดไป  ในสามวัน

	          จึงประกาศ  ทั่วราช  อาณาจักร
เราจะพัก  การใช้  ในวันนั้น
ก่อนที่เรา  จะหาหรือ  ซื้อน้ำมัน
ด้วยการกู้  ชาติชั้น  อันมั่งมี

	          สามวันผ่าน  ประชาชน  บนประเทศ
ตื่นมาพบ  ความเพท  ในเช้านี้
วิกฤตการณ์  ขาดน้ำมัน  ในทันที
เป็นวันที่  ประวัติศาสตร์  ชาติต้องจำ

	          ขาดน้ำมัน  ขาดไฟฟ้า  ขาดรารถ
เกวียนปรากฏ  เรือพาย  ว่ายลงน้ำ
ถนนโล่ง  คนเพลิน  เดินเท้านำ
ไร้ควันดำ นำภัย  ให้แผ่นดิน

	          เมื่อหิวข้าว  ก่อไฟฟืน  ยืนคนหม้อ
ไม่ต้องง้อ  แก๊สเตา  เราอิ่มสิ้น
ไร้ทีวี  ส่งเสียง  เพียงโสภิณ
นั่งล้อมวง  ติฉิน  นินทากัน

	          พอมืดค่ำ  เสียงเทียน  เวียนตามบ้าน
ต่างตระการ  แสงดาว  ราวเสกสรร
ไม่มีแอร์  เปิดเย็น  เช่นวานวัน
หน้าต่างนั้น  เปิดไว้  ให้ลมเย็น

	          เมื่อผ่านพ้น  คืนวัน  อันเลวร้าย
กลับไม่มี  คนตาย  ให้เราเห็น
ขาดน้ำมัน  ฉันขาดใจ  ใช่จำเป็น
คือบทเรียน  ชี้ให้เห็น  ความเป็นไป

	          มิได้ทาน  น้ำมัน  นั้นแทนข้าว
จะไปง้อ  ให้ปวดร้าว  เราแค่ไหน
บรรพบุรุษ  เคยพึ่งพา  ซะเมื่อไร
ไร้น้ำมัน  เราไม่ตาย  ให้คิดดู

	          สารขัณฑ์  นคร  ในตอนนี้
ใช้วิถี   พอเพียง  เลี้ยงตัวอยู่
อนาคต  เขาข้างหน้า  ช่างน่าดู
เขาจะอยู่  โดยไม่ใช้  ไอ้น้ำมัน

				
23 มิถุนายน 2551 21:25 น.

“ก็มันไม่เคยนิ” ไดอารี่เล่มสุดท้าย ของลูกผู้ชาย ผู้ยอมตายเพื่อแผ่นดิน

วิจิตรวาทะลักษณ์

          เพลงอิ่มอุ่น  ยังขับขาน  สะท้านเว็บ
หยาดน้ำตา  ไม่อาจเก็บ  เอาไว้ได้
บันทึกหนึ่ง  จากชายหนึ่ง  ซึ่งจากไกล
เหลือเอาไว้  เพียงอักษร  ก่อนไปดี

	          คืนยี่สิบ  มิถุนา  เวลาดึก
หมวดตี้นึก  จารึกไว้  ไดอารี่
คืนครบรอบ  อายุ  ลุยี่สิบสี่ปี
พร้อมกันนี้  คือวันเกิด  ของมารดา

	          ถ้อยอักษร  บรรยาย  หลายคำกล่าว
ถึงเรื่องราว  ความใจใน  หลายทีท่า
คำขอบคุณ  บิดร  และมารดา
ดึงน้ำตา  คนอ่าน  สะท้านใจ

	          เห็นหัวอก  คนไกล  ในต่างถิ่น
มารักษา  แผ่นดิน  ถิ่นเมืองใต้
ไกลตักแม่  ตักพ่อ  รอวันไป
ไม่รู้ว่า  วันไหน  จะตายตาม

	          ฝากเบอร์โทร  เอาไว้  ให้คนรู้
ส่งแมสเซส  อวยพรอยู่  ผู้หมวดถาม
พรุ่งนี้หมวด  มีงานเช้า  เข้าติดตาม
จึงฝากความ  ในใจ  ใส่เว็บรอ

	          ทั้งเพื่อนฝูง  ญาติสนิท  มิตรสหาย
คนทั้งหลาย  โพสอวยพร  ตอนเช้าหนอ
ทั้งแมสเซส  ส่งเข้าชื่อ  มือถือรอ
หวังหมวดขอ  รออ่าน  หลังงานไป

	          ระหว่างที่  เพื่อนอวยพร  ตอนวันเกิด
เสียงระเบิด  ปืนดัง   ยังแดนใต้
ผู้หมวดตี้  สู้ศึก  ผนึกไทย
ต้องกระสุน  จนตาย  วายชีวิน

	          ขอจงหลับ  ให้สบาย  นะชายชาติทหาร
ดวงวิญญาณ  สู่สวรรค์  ชั้นโกสินทร์
วีรกรรม  พลีเลือดเนื้อ  เพื่อแผ่นดิน
อยู่ในใจ  ไทยทุกถิ่น  นิรันดร์กาล

          "วันนี้อยู่ดูโลกให้โสภิณ  พรุ่งนี้ชีวิตสิ้น  ไม่รู้วันตาย"
บันทึกสุดท้าย  ที่ถือเป็นลางร้าย  ของหมวดตี้
				
6 มิถุนายน 2551 22:59 น.

ใครกันหรือ คือฆาตกร

วิจิตรวาทะลักษณ์

          หนึ่งบุรุษ  วาจา  ประกาศิต
หวานเคลือบพิษ  ลวงสาว  ให้เขาหลง
ใช้หน้าตา  แสนซื่อ  ว่าซื่อตรง
ใช้ฐานะ  มั่นคง  ซ่อนลงลาย

	          ถ้ารักพี่  ต้องยอมพี่  ซิอย่าเฉย
คำเอื้อนเอ่ย  คนเจ้าชู้  มิรู้หาย
น้องไม่ยอม  เป็นของพี่  พี่คงตาย
อยากให้กาย  และใจ  ใกล้ชิดกัน

	          หลงคารม  ถมใจ  ให้ยอมเขา
หวังจะเอา  ความสาว  เข้าแข่งขัน
ด้อยเดียงสา  เรื่องท้อง  ไม่ป้องกัน
หลายคืนวัน  ก็ตั้งท้อง  ฟ้องประจาน

	          อันตัวการ  ทำท้อง  จนป่องแล้ว
ก็ส่อแวว   ห่างไป  ให้สงสาร
ทิ้งลูกน้อย  ด้อยพ่อ  ทรมาน
ให้หมอเถื่อน  เลื่อนสังขาร  สะท้านใจ

  	          หนึ่งบุรุษ  ฉุดร่าง  กลางมดลูก
ราคาถูก  ล่อลูกค้า  เข้ามาใหม่
ทั้งแหย่ยัน  ดันเข้า  เอาหัวใจ
ให้ก้อนเนื้อ  ข้างใน  วายชีวา

	          คำว่าหมอ  ไม่ควรใช้  ให้บัดสี
คนเหล่านี้  ฆาตกรรม  ย้ำชัดกว่า
เพราะคือผู้  ฆ่าก้อนเนื้อ  เพื่อเกิดมา
ให้เลือดทา  ทั่วพื้น  ผืนแผ่นดิน

	          หนึ่งสตรี  ผู้ก่อกรรม  ให้กำเนิด
แล้วบังเกิด  ความกลัว  ชื่อตัวสิ้น
แม้เลือดเนื้อ  เชื้อไข  ในชีวิน
ยังดิบดิ้น  ด้วยใจ  ไม่กลัวกรรม

	          หนึ่งบุรุษ  ผู้ได้นาม  คำว่าพ่อ
หนึ่งบุรุษ  คือหมอ  ก่อกรรมซ้ำ
หนึ่งสตรี  ที่ชื่อแม่  แต่กลับคำ
ถามสักคำ  ใครกันหรือ  คือฆาตกร
				
2 มิถุนายน 2551 21:05 น.

อาชญากรแห่งแผ่นดิน ผู้ไม่ยอมเคารพเพลงสรรเสริญฯ

วิจิตรวาทะลักษณ์

          บุรุษหนึ่ง  ผู้ถือสิทธิ์  ผิดเบื้องสูง
ผู้หมายมุ่ง  สร้างกระแส   ดีแค่ไหน
ถึงบังอาจ  ประกาศกร้าว  แก่ชาวไทย
ว่าสิทธิ์ตน  ยิ่งใหญ่  ในแผ่นดิน

	          บทเพลงแห่ง  พระเกียรติยศ  ปรากกฎหล้า
ไทยประชา  ทูนเทิด  ประเสริฐศิลป์
ควรแล้วหรือ  ถือสิทธิ์  คิดต่ำดิน
เมื่อได้ยิน  ไม่ยืน  ฝืนทำเนียม

	          เป็นเพียงแค่  เศษธุลี  สีพระบาท
ยังบังอาจ  ว่าเสรี  ตนดีเยี่ยม
ดูน้ำหน้า  ก็น่าชัง  ยังไม่เจียม
คิดจะเทียม  เอาดิน  หมิ่นเดชา

	          เราคนไทย  รักชาติ  ศาสน์กษัตริย์
เรามีวัฒ-  นธรรม  อันล้ำค่า
รักพระเจ้า  แผ่นดิน  ปิ่นนครา
มิให้ใคร  หาญกล้า  มาล่วงเกิน

	          อันว่าสิทธิ์  เสรีภาพ  เราทราบอยู่
ท่านก็รู้   เรื่องสิทธิ์นั้น  แต่นานเนิ่น
สิทธิ์ที่ใช้  อย่าถึงขั้น  อันล่วงเกิน
คนที่เรา  สรรเสริญ  แต่นานนม

	          เมื่อความคิด  ท่านแยก  จนแตกต่าง
คนละข้าง  กับคนไทย  ให้ขื่นขม
แผ่นดินนี้  เคยสำราญ  แต่นานนม
ไม่อยากจม  ต่ำลง  จงออกไป

	          แผ่นดินสูง  เสียดฟ้า  หาต้อนรับ
คนใจต่ำ  เจียนดับ  กลับมาใหม่
แผ่นดินนี้  คงสูงขึ้น  กว่าผืนใด
ถ้าไม่มี  คนจัญไร  ในแผ่นดิน

	          ขอประกาศ  เจตนา  ข้าผู้นี้
ขอจงรักษ์  ภักดี  มิมีสิ้น
แม้นผู้ใด  หมิ่นพระองค์  ทรงภูมินทร์
ขอยอมสิ้น  ชีวา  เทอดบูชาพระองค์
				
21 พฤษภาคม 2551 20:14 น.

พนมรุ้ง...รำพัน

วิจิตรวาทะลักษณ์

          อนิจจา  ปราสาท  อำนาจขอม
ที่พรั่งพร้อม  ศิลปกรรม  อันล้ำค่า
มาแตกหัก  ปรักพัง  ล่างศิลา
เพราะน้ำมือ  คนชั่วช้า  มาราวี

	          บนสะพาน  นาคราช  บังอาจทุบ
เศียรนาคยุบ  บุบพัง  ยังหลายที่
แลองค์เทพ  ทวารบาล  ผ่านธรณี
ยังถูกตี  แขนหัก  ปากพังไป

	          โคนนทิ  หมอบราบ  อยู่กับพื้น
ยังหยิบยื่น  ความต่ำ  ทำลายได้
ทุบทั้งปาก  ทุบทั้งเขา  ไม่เข้าใจ
ว่าเหตุใด  จึงกล้า  ขึ้นมาทำ

	          ศิวลึงค์  ก็ทุบฐาน  จนถลอก
แล้วกลิ้งออก  โยนลง  ตรงรางน้ำ
รูปปั้นสิงห์  ยืนคู่  อยู่ประจำ
ก็ถูกคน  ใจต่ำ  มาทำลาย

	          พนมรุ้ง  ศิลปกรรม  อันล้ำค่า
ตระหง่านตา  กว่าพันปี  มิมีหาย
เทวสถาน  อันควรค่า  ไศวนิกาย
ถูกทำลาย  ให้พัง  ยังชั่วคืน

	          พนมรุ้ง  รำพัน  สั่นสะท้าน
เป็นน้ำฝน  ไหลผ่าน  สั่นสะอื้น
คนทั้งไทย  ใจหาย  ในชั่วคืน
ต้องกล้ำกลืน  น้ำตาหลั่ง  ไม่ต่างกัน

	          ขออันเชิญ  พระศิวะ  นารายณ์เทพ
แลพระพรม  ผู้ทรงเสพย์  ทิพย์สวรรค์
ประทับองค์  ทรงหล้า  มาลงทัณฑ์
ให้พวกมัน  แตกดับ  นับนี้ไป

	          ถึงรอยรูป  เทวสถาน  นั้นแตกหัก
แต่แรงรัก  แห่งศรัทธา  หามอดไหม้
แม้เหลือเพียง  เศษซาก  จากนี้ไป
แรงศรัทธา  ยังยิ่งใหญ่  ไปกัปกัลป์
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวิจิตรวาทะลักษณ์