19 ตุลาคม 2548 20:48 น.

..ผึ้ง..

หมอกจาง


ในห้องทำงาน ผมนั่งเงียบๆกับความคิดที่วุ่นวาย..
ฮึ่มมม ฮึ่มมม เสียงบางอย่างครางขึ้นมา
แรกเลยผมคิดว่ามันเป็นเสียงของคอมพิวเตอร์ ซึ่งกำลังสั่งให้รันโปรแกรมอยู่ ซึ่งเวลาที่เครื่องร้อนมากๆมันก็จะส่งเสียงคล้ายๆแบบนี้..
สักพักเสียงนั้นก็ดังใหม่ สลับกับเสียงแปะๆๆๆๆ
เอ..หรือว่าไฟจะช๊อตในเครื่อง?
ผมเงี่ยหูเข้าไปฟังใกล้ๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าเสียงนั้นมันไม่ได้ออกมาจากคอมพิวเตอร์
พักใหญ่..กว่าที่ผมจะค้นพบว่า เสียงนั้นเกิดจากผึ้งตัวหนึ่ง..

ห้องทำงานผมมีหน้าต่างเป็นกระจกเลื่อนขึ้นลง ธรรมดาผมจะแง้มไว้เล็กน้อยพอให้มีลมเย็นๆจากภายนอกลอดเข้ามา..

เจ้าผึ้งตัวนี้ก็คงลอดเข้ามาทางช่องนั้น
และตอนนี้..มันกำลังหาทางออก

ที่หน้าต่างกระจกมีรูปโปสเตอร์ขนาดย่อมๆที่เจ้าของห้องคนเก่าแปะไว้ ผมเห็นว่ามันน่ารักดีเลยไม่ได้แกะออก
พอผ่านแดด ผ่านเวลา รูปนั้นก็ไม่ได้แนบติดกับกระจกต่อไป มันพองเผยอออกมา มีเฉพาะส่วนที่แปะกาวสองหน้าไว้เท่านั้นที่ยังยึดกับกระจกอยู่

เสียงแปะๆที่ผมได้ยินคราวแรกและคิดว่ามีอะไรผิดปกติในคอมพ์นั้นคือเสียงที่เจ้าผึ้งตัวนั้นลอดไปลอดมาผ่านใต้โปสเตอร์ที่เผยอนั้น

ผมนั่งฟังเสียงหึ่งๆของมันอยู่พักนึง คิดว่าสักประเดี๋ยวมันคงจะหาทางออกได้ เพราะกระจกผมก็ยังแง้มไว้เหมือนเดิม มันคงค้นพบได้ไม่ช้า ว่ามันเข้ามาทางไหน
แต่ความเป็นจริงกลับไม่ใช่อย่างนั้น
มันบินขึ้น บินลง บินขึ้น บินลง ส่งเสียงหึ่งๆสลับกับแปะๆอยู่อย่างนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะหาทางออกได้

ผมลุกขึ้นไปแง้มหน้าต่างออกให้กว้างกว่าเก่าอีกเกือบคืบแล้วมานั่งทำงานต่อ

สักพักนึงผมก็พบว่ามันยังคงหาทางออกไม่ได้

ผมลุกไปเลื่อนหน้าต่างอีกครั้ง คราวนี้เลื่อนขึ้นไปจนเลยครึ่งหน้าต่าง ช่องที่เปิดออกนั้นราวฟุตนึงได้


แต่เจ้าผึ้งตัวนั้นมันก็ยังหาทางออกไม่ได้อยู่ดี..

ผมเลยละมือจากงานแล้วนั่งดูมัน
ไม่ช้าผมก็ค้นพบว่าทำไมเจ้าผึ้งตัวนี้มันถึงหาช่องที่ผมเปิดไว้ให้ไม่พบ..

อย่างที่บอก หน้าต่างของผมเป็นกระจกใส มีกรอบเป็นอลูมิเนียม ที่กรอบด้านล่างแถบอลูมิเนียมจะถูกออกแบบให้ยื่นออกมาเพื่อความสะดวกในการยกเปิดปิด

เจ้าผึ้งตัวนี้มันพยายามที่จะออกไปด้านนอกกระจก ออกไปสู่ท้องทุ่งที่มันมองเห็น ด้วยการบินปะทะกระจก ลัดเลาะไปรอบๆครั้งแล้วครั้งเล่า เข้าแตะเข้าปะทะเพื่อทดสอบว่าตรงไหนที่มันจะลอดออกไปได้

แต่แปลกที่มันไม่เคยออกนอกกรอบอลูมิเนียม..

เมื่อมันเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆจนลงมาถึงกรอบอลูมิเนียมด้านล่าง มันก็เลาะๆไปตามขอบจนสุดและบินขึ้นไปใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้

ผมจึงเข้าใจ..ว่าทำไม ไม่ว่าผมจะเปิดหน้าต่างออกกว้างสักเท่าไร ผึ้งตัวนี้มันก็ยังหาทางออกไปไม่ได้

มันติดอยู่ในกรอบอันนั้น..

ไม่ว่ากรอบเลื่อนไปทางไหน มันก็ยังคงตามกรอบไป ไม่ว่าช่องเปิดไปสู้อิสระจะกว้างสักแค่ไหน มันก็ไม่เคยมองเห็น..

สำหรับมัน..ช่องทางไปสู่โลกภายนอกที่มองหา ปิดตายอยู่ตลอดเวลา

ผมนั่งดูและแปลกใจว่าทำไม แทนที่มันจะบินถอยหลังสักนิด เพื่อที่จะเห็นอะไรกว้างขึ้น และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องเห็นทางออกที่ผมเปิดไว้ให้
 
..แต่มันก็ไม่เคยถอยหลัง

บางที..มันมีความมุ่งมั่นมากเกินไป บางที..มันมีความพยายามมากเกินไป

ผมได้แต่ดู นึกจะเอาหนังสือไล่ให้มันบินไปทางอื่นแต่ก็กลัวว่ามันจะหันมาเล่นงานเอา

นั่งทำงานไปก็เหลือบดูไปเป็นระยะ เสียงหึ่งๆแปะๆก็ยังคงดังอยู่เป็นระยะ

บ่ายจนหัวค่ำมันก็ยังหาทางออกไม่ได้ หมดแรง..คลานต้วมเตี้ยมอยู่บนโต๊ะทำงานผม


ผมนึกสงสารมันยื่นปากกาไปให้หวังว่ามันจะไต่มาเกาะ และผมอาจจะช่วยโยนมันออกไปได้.. ถ้ามันยังมีแรงบิน

พอปากกาถูกยื่นไปใกล้ๆ มันก็พยายามที่จะไต่ปากกาขึ้นมา แต่พอขยับปากกานิดนึงก็หล่น.. คงไม่มีแรงเหลือแล้วจริงๆ

คราวนี้ผมถือปากกานิ่งๆ.. มันไต่ขึ้นจนสุดปลายปากกา แล้วขึ้นมาบนมือผม หยุดและขยับก้น..

ผมสะบัดมือทันที ด้วยกลัวมันต่อย มันกลิ้งลงไปกองบนโต๊ะทำงานอีกครั้ง..

เห็นสภาพมันแล้วก็นึกเสียใจที่ทำไป แต่มันมีเหล็กไน ยังไงเสียผมก็อดที่จะระแวงไม่ได้..

อดสงสัยตัวเองไม่ได้ ว่าเราจะวางใจเฉพาะผู้ที่ไม่มีทางทำอะไรเราได้เท่านั้นเองหรือ..

ผมพยายามกลั้นใจ ตั้งสติใหม่ เอามือยื่นไปให้เจ้าผึ้งมันไต่ขึ้นมาอีกครั้ง มันค่อยๆต้วมเตี้ยมขึ้นมาใหม่ช้าๆ

แต่พอผมเดินไปใกล้หน้าต่าง ผมก็รู้ว่ายังไงเสียผึ้งตัวนี้ก็คงออกไปข้างนอกไม่ได้แล้ว..

ลมกลางคืนข้างนอกพัดแรง แม้ว่าจะไม่พัดเข้ามาในห้องผมก็ตาม สภาพของเจ้าผึ้งตอนนี้ ถ้าผมโยนออกไป มันไม่มีทางจะต้านลมได้แน่ๆ แค่อากาศธรรมดาผมยังไม่แน่ใจเลย ว่ามันจะบินไหว

ผมปิดหน้าต่าง วางมันบนโต๊ะเหมือนเดิม แต่คราวนี้หยิบกระดาษทิชชู่มาทบ วางมันลงบนนั้น..

มันอยู่นิ่งสักพักก็หงายท้อง พอผมค่อยขยับให้มันคว่ำเหมือนเดิม มันก็คว่ำได้ ขยับปีก ขยับขาพอให้รู้ว่ายังไม่ตาย

ฟ้าข้างนอกมืดสนิทแล้ว..

นึกถึงบทกวีเล็กๆที่เคยเขียนไว้..


ดาวเอยดาวหอม..
ฉันเป็นผึ้งหวังตอมเพียงดอมดาว
ขยับปีกจนปีกร้าว
พอแรกเช้าก็หล่นลงสิ้นใจ..


เจ้าผึ้งตัวนั้นหงายท้องอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวได้อีก

เงยหน้ามองฟ้า ลมแรง ฟ้าใส ดาวเกลื่อนฟ้ายังคงแจ่ม

หวนนึกถึงตัวเอง หวนนึกถึงดาวน้อยดวงนั้น ดวงที่ผมไม่เคยสักครั้งที่จะลดละความพยายาม ไม่คิดที่จะถอยจะถอนตัว..

อีกนานไหมนะกว่าจะเช้า..

แล้วตอนนี้..ปีกของผมร้าวไปแค่ไหนกัน..


----------------------------------------------


				
8 ตุลาคม 2548 08:51 น.

..เขา..

หมอกจาง


สิ้นเสียงประตูเปิดแล้วก็ปิดดังโครม.. ผมก็กลับเข้ามาอยู่ในห้อง ห้องของตัวเอง

จากบ้านแก้วกลับมายังที่พักผม ไกลพอดู ผมไม่รู้หรอกว่าขับกลับมาอย่างไร ในหัวไม่มีความสนใจอื่นนอกจากเรื่องของแก้ว..

คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดที่สุดชนิดที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำมาก่อนได้เลยในชีวิต แต่ก็นั่นแหละนะ..ผมก็ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนเท่าแก้วเหมือนกัน

อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้ละมั้ง ผมถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้..

ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่ผมแคร์ที่สุด ผมคงไม่เก็บเรื่องของเธอมาใส่ใจมาเป็นอารมณ์ ก็คงเออออห่อหมกปลอบเธอด้วยคำหวานๆไปตามเรื่อง

นั่นสิ..เพียงแค่ปลอบ เพียงแค่บอกกับเธอถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพียงเท่านั้นก็จบ.. เท่านั้นเอง

..โยนกุญแจรถไว้ข้างหมอน เปิดตู้เย็น หยิบเบียร์มารินใส่แก้ว นั่งสงบสติอารมณ์ตัวเอง..

ทำไมผมต้องหงุดหงิดขนาดนี้ น้อยใจขนาดนี้นะ..

เรื่องที่แก้วถามมาน่ะ มันไม่จริงสักนิดเดียว  ..ผมไม่เคยบอกรักผู้หญิงคนนั้น.. ไม่แม้แต่กระทั่งคิด กระทั่งให้ความสนใจกับเธอคนนั้น ผมเล่าความสัมพันธ์ ความรู้สึกของผมที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นให้แก้วฟัง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเอ่ยปากถามถึง
..เพื่อนร่วมงานกันธรรมดาน่ะแก้ว ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาหรอก
แล้วเขาคิดอะไรกับคุณหรือเปล่าล่ะ
อืมม..ไม่รู้แฮะ ต้องถามเค้าเอง อาจจะนะ..ผมยิ่งหน้าตาดีๆอยู่ ผมพูดยั่วให้แก้วหัวเราะเพื่อที่เธอจะได้สบายใจขึ้น ใจจริง..ผมรู้อยู่เต็มหัวใจว่าเพื่อนร่วมงานผม..ผู้หญิงคนนั้น คิดยังไงกับผม.. แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกไปให้แก้วไม่สบายใจทำไม..

แต่ผู้หญิงคนนั้น เป็นคนที่ชอบเอาชนะ อะไรที่เธออยากได้ เธอต้องเอาให้ได้ ไม่ว่าวิธีไหน
ชั้นจะเอาคุณมาเป็นของชั้นให้ได้ คอยดู เธอพูด สบตาผมอย่างท้าทาย ในวันที่ผมบอกกับเธอว่า ผมไม่สนใจเธอและผมจะไม่มีวันนอกใจแก้วเป็นอันขาด
..เธอมั่นใจในเสน่ห์ ในวิธีการของเธอ ผมก็มั่นใจความหนักแน่นของผมเหมือนกัน แต่แก้วนี่สิ..

วันเสาร์คุณไปที่ไหนมา แก้วถามผมในวันหนึ่ง
ผมไปประชุมไง ก็บอกคุณแล้วนี่นา ผมตอบเรื่อยๆ แก้วคงลืม
มีคนบอกแก้วว่า เห็นคุณไปเดินกับ..เธอ..คนนั้น เสียงแก้วลังเล เหมือนไม่แน่ใจว่าควรถามไหม
ผมเปล่า..แก้ว บ่อยครั้ง หลายครั้ง ที่ผมบอกกับแก้วว่าให้ทำใจให้หนักแน่น ผมไม่มีวันไปมีคนอื่นนอกจากแก้วเด็ดขาด ก่อนพบกับแก้วผมอาจคบกับคนโน้นคนนี้ไปตามประสาคนที่ไม่คิดจริงจังอะไรกับใคร เหมือนผึ้งที่แวะชมดอกไม้ดอกนั้นที ดอกนี้ที ดอกไม้บางดอก..หอมกลางวัน ดอกไม้บางดอก..หอมกลางคืน.. แต่แก้วคือดอกไม้ดอกเดียวที่ทำให้ผมละจากดอกไม้ทุกๆดอก ตั้งแต่เจอแก้ว..ผมรู้ทันทีว่านี่คือดอกไม้เพียงดอกเดียว..ที่ผมอยากได้

..แต่ดอกแก้วดอกนี้ก็กลีบบางเสียเหลือเกิน..



ผมอยากได้ความเชื่อใจ.. ผมอยากได้ความเชื่อมั่นจากผู้หญิงที่ผมรัก..ในทุกๆเรื่อง

บางที..นี่อาจเป็นสิ่งที่ผู้ชายต้องการที่สุด หรืออย่างน้อย ก็คือสิ่งที่ผู้ชายอย่างผมต้องการที่สุด

จำได้..ว่ามีหนังอยู่ไม่กี่เรื่องที่ทำให้ผมร้องไห้ อาจจะฟังดูตลกถ้าผมบอกว่าหนึ่งในนั้นคือหนังเด็กเรื่อง Shark Tale
ตัวเอกที่เป็นปลาที่มีความทะเยอทะยาน อยากเป็นผู้มีชื่อเสียง อยากเป็นคนที่ใครๆรู้จักและยอมรับ จนหลงลืมปลาอีกตัวที่รักเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร มีชื่อเสียงหรือไม่ก็ตาม.. ปลาตัวที่มองเขาอย่างเชื่อมั่นเสมอมา

.. I wanna be somebody.. 

เขาเล่าความใฝ่ฝันของเขาให้เธอฟังในวันหนึ่ง

สุดท้ายหลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆมากมาย ปลาตัวนั้นกลับมาหาปลาที่รักเขาอีกครั้งหนึ่ง เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการอะไรอื่นนอกจากเธอ

..แต่คุณก็มีชื่อเสียงแล้วนี่ ใครๆก็รู้จักคุณ ใครๆก็ชื่นชมคุณ คุณเป็น Somebody อย่างที่คุณอยากเป็นแล้วไง คุณยังต้องการฉันทำไมอีก..

แล้วปลาตัวที่กลับมานั้นก็ตอบ..ด้วยประโยคที่ทำให้ผมร้องไห้

.. Without you, Im nobody..

ผมแค่ต้องการความเชื่อมั่นจากคุณแค่นั้นเอง..แก้ว จากคุณ..เพียงคนเดียว แววตาที่มองผมเหมือนอย่างที่คุณเคยมอง ไม่ใช่แววตาอย่างวันนี้..

ผมคงไม่ตามไปอธิบายกับคุณในทุกๆเรื่องที่ผมไม่ได้ทำ มันไม่ได้หมายความเพียงแค่เรื่องของเธอคนนั้น แต่ถ้าคนสองคนไม่เชื่อใจกันเป็นพื้น คำถามมันคงไม่มีวันหมด และคำอธิบาย..ก็คงไม่มีวันพอ

ผมถึงไม่อธิบายอะไรให้คุณฟังในวันนี้ มันจะมีประโยชน์อะไร ลงว่าถ้าคุณไม่เชื่อใจ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ คำถามมันก็จะมีมาไม่สิ้นสุด..

..ไม่สิ้นสุด จนผมเคยนึกกลัว ว่าความรักเราจะสิ้นสุดลงก่อนคำถาม..

ทำไม..คุณไม่เชื่อใจผม เหมือนที่ผมเชื่อใจคุณ

ทุกครั้งที่ผมถามหาความเชื่อใจ คุณบอกเสมอว่าคุณเชื่อใจ แต่สิ่งที่คุณแสดงออกมันไม่ใช่อย่างนั้น..

แก้ว..ผมรู้คุณรักผม ไม่น้อยกว่าที่ผมรักคุณ

แต่บางที ความรักมันก็ช่างเหนื่อยเหลือเกิน จนผมนึกสงสัยว่าระหว่างการมีความรัก กับการไม่มีความรัก อย่างไหนมันดีกว่ากัน

ก็แค่ความสงสัย..ที่ตอนนี้ผมเอง..ก็ยังไม่อยากได้คำตอบ


----------------------------------------------------------




				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหมอกจาง