3 กุมภาพันธ์ 2548 17:07 น.

อนิจจานี่หรือคืออนิจจัง

แก้วประเสริฐ


                         อนิจจานี่หรือคืออนิจจัง

          ลมพัดไหวแกว่งไกวจนใบลู่
มองยืนดูกิ่งก้านแทรกแตกสาขา
บ้างงอคดลดเลี้ยวเกี่ยวไปมา
อีกชี้ฟ้าตั้งตรงจนหลงต้น

          มีเถาวัลย์พันเกี่ยวดูเคี้ยวคด
มิอาจกำหนดกฎไว้คล้ายมิสน
ว่าต้นอื่นเป็นฉันท์ใดให้ปะปน
อีกใบหล่นปนเปรอมิเป็นทาง

          สุดจำแนกแยกแยะเป็นหมวดหมู่
ลมพัดกรูใบปลิวไปไร้สะสาง
เฝ้าเพ่งพิศคิดดูมิอาจวาง
ใจอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเกี่ยวชีวิต

          แม้นเป็นมนุษย์สุดแสนหาแก่นแท้
ยากจะแก้สิ่งในตัวเพราะมัวจิต
หลงพะวงพร่ำเพ้อละเมอคิด
ที่สถิตนอกในปองเป็นของเรา

          เปรียบใบไม้หลุดไปจากขั้วต้น
บางก็หล่นใกล้โคนจนอับเฉา
มีบ้างไกลสลายสิ้นสุดทำเนา
ยากจะเข้าเฝ้ากลับมาสู่ถิ่น

          คิดย้อนกลับเข้าในสุดให้สะท้าน
ความเบิกบานหดหู่จนดูถวิล
ความแน่แท้เปลี่ยนไปสุดอาจินต์
ดูสูญสิ้นของกายคล้ายละลายไป

          อันเนื้อหนัง-มั่งสาหุ้มภายนอก
เหมือนลางบอกกาลเวลามาผลักไส
ดูยับย่นหม่นหมองจนห่างไกล
อีกข้างในให้แสดงบ่งบอกมา

          ความทุกข์เจ็บปั่นป่วนรวนร้าวสนิท
ยากจะปลิดคิดหักจริงเจียวหนา
สุขที่เคยได้รับมันกลับลา
เหลือเพียงมรณาเวลามาจับจอง

          ดุจดั่งใบไม้ซึ่งไร้จากขั้วต้น
พอมันพ้นยากทวนหวนกลับสนอง
ต้องอ้างว้างกลางพระพายมิสมปอง
แลหม่นหมองเพราะคะนองจนลืมตัว

          อนิจจังนี่คือแก่นแท้ที่แน่หรือ
ช่างกระพือสื่อกิเลศจนปวดหัว
หากไม่ลดละมันจะหมองมัว
รุกระรัวมั่วไปกลายเป็นอนิจจา.

            ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙  				
1 กุมภาพันธ์ 2548 15:39 น.

ดินแดนแห่งความอาดูร

แก้วประเสริฐ


                ดินแดนแห่งความอาดูร. 

          ตะวันเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า
เดือนดาวพราวพร่างสว่างแสง
ระยิบวับจับนัยนาดูอ่อนแรง
มิได้แสดงแข็งกล้าพาหายไป

          เมฆหมอกครึ้มรุมล้อมน้อมเฉารส
เดินรันทดหมดอาลัยแทบสลาย
ฝ่าความมืดที่สลัวมัวเรียงราย
ภูเขาปรายป่าชัฏคล้ายจัดวาง

          หันเบื้องหลังเงาตะคุ่มเดินเรียงแถว
ตามเป็นแนวแล้วก้มหน้าดุจผีสาง
ไม่มีสำเนียงเพรียกพร่ำตลอดทาง
เสียงนกร้างสัตว์หายกลายวังเวง

          บัดเดี๋ยวไปใกล้ถึงประตูเหล็ก
มีเสียงเล็ดลอดมาหากระฉับกระเฉง
เป็นเสียงโหยหวนป่วนปั่นล้วนยำเกรง
ฟังคล้ายเพลงที่ใช้ในงานศพ

          พอย่างเข้าขอบขันธ์พลันกระจ่าง
เงาต่างต่างพาแยกแตกบรรจบ
แบ่งออกเป็นหลายสายมิได้พบ
มีนักรบนำทางแล้วพลางชี้

          พลางเดินไปในศาลาอันกว้างขวาง
ล้วนกระจ่างแสงตระการมีสันสี
แดงดำขาวเงาละเลื่อมรอบชีวี
คนที่มีต่างนั่งกันเรียงราย

          เมียงมองแล้วหันหลังพลางเดินออก
ไปข้างนอกเดินมองทางสองสาย
ทางที่หนึ่งราบเรียบไม่ประปราย
ส่วนอีกสายล้วนพฤกษานานาพันธุ์

          แล้วเลาะเลี้ยวไปในทางไพรพฤกษ์
พบสระตรึกตรองดูสุดเกษมสันต์
มีบันไดแก้วแพร้วเพริศวิลาวัณย์
ก้าวเท้าพลันเดินสู่มุ่งหมู่เมฆา

          พลันสว่างกระจ่างจ้าพล่าอร่าม
แสนงดงามหอมหวนชวนนาสา
กลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์นั้นงามตา
หญิงชายพาร้องรำขานลำนำ

          แลยืนตลึงพึงพิศจิตซาบซ่าน
ช่างตระการผ่านมาดูน่าขำ
นี่ที่ไหนหนอสุดชวนให้ล้วนจำ
ความโศกช้ำช่างหายละลายไป

          วนเวียนไปในทางเบิกบานจิต
ล้วนวิจิตรพิสดารกว่าไหนไหน
ในโลกมนุษย์ว่างามต้องห่างไกล
ยากไฉไลไหนเทียบเปรียบแดนดิน

          สัมพุทธัสสะนาสามาบังเกิด
ความพริ้งเพริศหยุดอยู่สู่หายสิ้น
ความวิเวกอเนกอนันต์นั้นอาจินต์
กลับเข้าถิ่นขันธ์ห้าพร้อมอารมณ์.

            ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ