16 พฤศจิกายน 2553 19:56 น.

อทิสมานกาย ๑๓

แก้วประเสริฐ

76.gif
                       อทิสมานกาย ๑๓

         กำนันมั่น   ครั้นได้รับฟังข่าวเกี่ยวกับอาจารย์ดำก็ถึงกลับตกตลึง  มันไม่คิดว่าคนอย่างอาจารย์ดำนี้จะเสียชีวิตได้
ในระเวลาไม่เท่าไหร่ แล้วก็ไม่รู้เรื่องว่าใครทำ    บาดแผลหรือก็ไม่มีหรือจะเหมือนคำพังเพยที่กล่าวว่า
        หมองูย่อมตายด้วยงู       หมอผีย่อมตายด้วยผี ทำนองเดียวกัน  แต่มันเป็นคนที่มีจิตใจเหี้ยมอยู่แล้วจึงเฉยๆ
   หันไปสั่งเด็กให้ไปบอกเจ้าแม้นลูกชายมันพร้อมแจ้งข่าวและให้ไปรีบจัดการศพโดยเร็ว  
   พร้อมขออนุญาติทางการด้วย  พลางหันไปทางจ่าเจียมกล่าวว่า....
     จ่าๆ...ช่วยดำเนินเรื่องนี้ช่วยเหลือเจ้าแม้นในเรื่องนี้ให้เรียบร้อยด้วยนะจ่า
  จ่าเจียมพลางกล่าวตอบว่า  
             เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาหรอก ไม่ต้องให้ไอ้แม้นไปหรอก ข้าจะเป็นธุระช่วยเจ้าแม้นดำเนินเรื่องภายในให้
แต่ให้จัดการทำลายศพโดยเร็วเท่านั้นด้วยมันไม่ใช่คนไทย  แล้วเรื่องการขอนั้นนายอำเภอก็ถูกย้ายไปแล้ว   
     คนมาใหม่ก็พึ่งจะเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้เองและดูเขาจะเป็นคนเอางานเอาการอยู่ด้วย  
 ส่วนผู้ว่าฯก็มาจากกระทรวงโดยตรงนั้นพอรับมอบหมายงานจากรองผู้ว่าที่ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น ผู้ว่าฯคนใหม่  
   หลังจากรับมอบงาน   ก็รีบตรวจสอบงานต่างๆทันทีเพียงรับรู้ว่าเป็นคนเอางานเอาการละเอียดรอบคอบด้วย

    พร้อมเรียกประชุมคนระดับสูงในศาลากลางและเจ้าหน้าที่อื่นๆทันที  หลังจากตรวจสอบงานในวันรุ่งขึ้นเลย  
สงสัยว่าจะเป็นคนเคร่งครัดหรือได้รับคำสั่งจากปลัดกระทรวงมาก็ไม่รู้    อาจจะเป็นการสั่งจากคนระดับสูง ๆ  
น่าตาขึงขัง  ทางสถานีตำรวจซึ่งรองผู้กำกับทั้งทางอำเภอทุกๆหน่วยงานที่เข้ามาประชุมรับแผนงานใหม่ 
ส่วนผู้กำกับคนใหม่ยังไม่รู้เลยว่า สำนักงานตำรวจจะส่งใครมา  เพียงให้ท่านรองฯดูแลไปพลางๆก่อน
   กำนันรีบอ่านหนังสือจากนายอำเภอคนใหม่ซิ  เขาแจ้งมาว่าอย่างไรกันบ้าง
กำนันเมื่อได้รับคำกล่าวเช่นนี้   ก็รีบฉีกซองอ่านข้อความสักครู่ก็กล่าวว่า......
   จ่าไม่มีอะไรหรอกเขาสั่งให้เรียกพวกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและรองผู้ใหญ่บ้านเข้าประชุมในวันมะรืนนี้เท่านั้นแหละ
ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป   แต่เอ๊ะ???....ข้าเองก็สงสัยเหมือนกันว่า  อะไรๆมันทำไมจึงรวดเร็วกันนัก   ไม่เหมือนก่อนนี้
เลย   ที่มักจะมากำหนดนี่หมายถึงนายอำเภอนะ   แต่นี่กลับให้กำนันไปหาเอง
      แต่ข้าว่าใหม่ๆก็คงเป็นแบบนี้ทุกๆคนแหละว้า  คนก่อนก็เหมือนแบบนี้ พอนานๆเข้าก็เข้าอีหรอบเดิมแหละ...  
      ข้า มันดูออกจะแปลกๆ...ชอบกลเหมือนกันนะกำนัน  ด้วยการย้ายครั้งนี้เหมือนยกบางกันเลย  จ่าตำรวจตอบ

        นั่นซิข้าเองก็นึกเหมือนกันว่ามันจะยังไงๆๆดูนะ  หรืออาจจะไม่เหมือนคนเก่าๆ.... กำนันเอ่ยขึ้น
  ในเมื่อเสร็จธุระแล้วข้าก็จะกลับเลยล่ะ  ด้วยทิ้งงานด้านตรวจศพอยู่ ทางเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขกำลังชัณสูตรศพอยู่
       อ้าวๆๆแล้วไม่ร่วมกินข้าวเช้าก่อนเลยหรือ??....    กำนันถาม
       ไว้วันหน้าเถอะกำนัน   เรื่องมันช่างวุ่นๆจริงๆและทางรองฯท่านก็กำชับมาด้วยว่าให้รีบไปรายงานผลโดยด่วน
เสียด้วยซิ  กำนันท่านรองกำกับคนใหม่นี้นั้นเป็นคนไม่ค่อยพูด  และมักจะขัดขวางงานเสมอๆเลยล่ะ   เสียงจ่าเปรยๆ
        ก็ได้ในเมื่อมีงานเร่งด่วนเช่นนี้  ไว้วันหน้าข้าจะเลี้ยงดูปูเสื่อให้ก็แล้วกัน   กำนันกล่าวขึ้น
ดังนั้นจ่าขอตัวแล้ว  ก็รีบลงบันได  แล้วเดินไปที่แคร่ยังมีพวกหนุ่มๆสาวๆยังเฮฮากันอยู่   
พลางกล่าวว่า...
       เออๆๆ!!!!!..... ข้าไปก่อนล่ะโว้ย อยากจะนั่งเป็นเพื่อนพวกมึง  แล้วหันไปทางสาวลัดดายิ้ม อยากจะคุยกันด้วย
แต่ว่างานมันเร่งมากว๊ะ   จ่าเจียมกล่าวขึ้น
       เชิญตามสบายเถอะจ่า.....หากว่างๆแวะมาอีกก็ได้ส่วนใหญ่พวกข้าก็นั่งอยู่ที่นี่แหละ ส่วนสาวๆมันก็มากินอยู่
เหมือนกับพวกข้านี่แหละ  ไอ้สนตอบพร้อมหันไปทางอีพวกสาวๆ
       พวกมึงก็เหมือนกันเวลาจ่ามาก็ตอบรับขับสู้ด้วยก็แล้วกัน  อย่าให้เสียหน้าพ่อกำนันและไอ้แม้นมันเสียล่ะ...
       ดูก่อนว่าไอ้สน....ว่าพวกกูจะมีอารมณ์หรือไม่บางทีอาจจะมีธุระต้องทำว๊ะ   พวกมันตอบ พลางหันไปยักคิ้วให้จ่า

  เล่นเอาจ่าเจียมชักไม่อยากจะไปเสียแล้ว  เลยเสแสร้งมาทางไอ้สน  งั้นกูขอเหล้าสักแก้วเถอะว๊ะ??......
      ได้ซิจ่า.....เฮ้ยๆๆไอ้เบี้ยวมึงรินเหล้าให้จ่าท่านหน่อยว๊ะ
ไอ้เบี้ยวรีบรินเหล้าให้ทันที  แล้วยื่นให้จ่าเจียม
       จ่าเจียมกล่าวว่า   งั้นพวกเรามาชนแก้วกันทุกๆคนนะ    พวกสาวๆมองหน้ากันแต่ก็ต้องทำตามยกแก้วขึ้นชนกับ
แก้วของจ่าด้วยความจำใจ  ในใจพวกมันจริงๆมันไม่อยากกินร่วมหรอก  แต่หวังในความสะดวกเท่านั้นเองแหละ
เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป  จ่าก็ขอตัวแล้วเดินออกจากประตูรั้ว  เสียงรถมอเตอร์ไซค์คำรามลั่นแล้วก็หายไปทางด้านป่าช้า
จนกระทั่งเสียงเงียบหายไป......
       ฝ่ายเจ้าแม้นครั้นรู้ตัวจากเด็กสาวของพ่อมัน  มันถึงกับตกใจอย่างยิ่งเมื่อทราบข่าวเช่นนี้   แล้วนึกว่าหากไม่มี
อาจารยย์มันแล้วต่อไปใครจะมาทำหน้าที่แทน   มันรีบลงมาไปหาพวกที่ยังนั่งบนแคร่  พร้อมกล่าวว่า.....
      ไอ้สนกับไอ้เบี้ยว....มึงไปกับข้าด้วยกัน เพื่อไปดูศพอาจารย์ดำและจะได้จัดการเผาเสียวันนี้ในป่าช้าแหละว๊ะ
       อ้าวไอ้แม้นมึงไม่ตั้งศพสวดเลยหรือ?????......
       แต่พ่อกูสั่งว่าหากทางการอนุญาตก็ให้รีบๆเผาเสียเลย  แต่กูคิดว่าวันนี้คงเรียบร้อยด้วยจ่าเจียมอยู่  และอีกอย่างหนึ่งจ่าเจียมก็ดูและทางด้านนี้อยู่แล้วล่ะ  คงดำเนินเรื่องให้แก่เราได้ว๊ะ     ไอ้แม้นกล่าวขึ้น
 
       แล้วทางอำเภอล่ะว๊ะ   อ้อๆ!!!!!....เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกปลัดอำเภอพวกเราก็มีอยู่ไม่ยากวันเดียวคงเสร็จ  พอ
ตกตอนเย็นก็นิมนต์พระมาสี่องค์สวด แล้วก็เผาเสียเลย  พวกเอ็งก็รู้นี่นาว่าอาจารย์ไม่ใช่คนไทย
  และหลักฐานนั้นก็ทำปลอมขึ้นจากนายอำเภอคนเก่าโมเมขึ้นมาให้นี่นา 
 แล้วนายอำเภอคนใหม่เป็นคนอย่างไรก็ไม่รู้ เสือกหากตรวจพบละมึงยุ่งกันใหญ่เลย  ดีไม่ดีจะลามปามมาถึงพวกเรา
ด้วยก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะว๊ะ.......    ไอ้แม้นพูดให้เพื่อนๆมันฟัง   
       เมื่อกี้นี่พ่อกูเล่าให้กูฟังหมดแล้วล่ะว่า  นายอำเภอมันเฮี้ยบมากเสียด้วยมันอาจจะตรวจสอบเจอก็ได้  ดีนะที่มาตาย
ไปก่อนมิฉะนั้นคงจะยุ่งมากกว่านี้อีกว๊ะ
       ไปก็ไปว๊ะ.....ทั้งสองคนตอบพร้อมลุกขึ้น หันไปทางอีกสาวๆทั้งหลาย  
        งั้นมึงกินกันไปก่อนก็แล้วกันนะ  สงสัยจะกลับมาได้ก็คงจะดึกมากๆเสียด้วย   ทั้งสองกล่าวขึ้น
        พวกมึงไม่ได้กลับมาง่ายๆหรอกว๊ะ เรื่องแบบนี้  งั้นเลิกกันเลยกูจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนบ้างเมื่อคืนก็หนักมาก
โขอยู่ว๊ะ  ทางเข้าของมึงไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพวกกูจัดการเก็บเอง   ทางเหล่าหญิงเปรี้ยวทั้งหลายกล่าว
         เออดีแล้วต่างก็ช่วยกันเถอะว๊ะ   งั้นพวกกูไปก่อนล่ะ...
         เออไอ้แม้นแล้วมึงจะเอารถอะไรไปหรือว๊ะ???.....
        ก็รถกะบะซิว๊ะจะได้ใช้ประโยชน์หากมีอะไรมากเกิดขึ้นว๊ะ....  ไอ้แม้นกล่าว
       เออๆ...ดีเหมือนกันทางมันก็แคบด้วย  หากขี่มอเตอร์ไซค์มันเร็วก็จริงแต่ต้องทำเรื่องหลายๆอย่าง...ไอ้สนไอ้เบี้ยว
กล่าวกับลูกพี่มัน
       ไอ้เบี้ยวมึงคอยไปเปิดประตูให้กว้างไว้นะ   อ้อๆๆแล้วพวกอีสาวๆ  เมื่อพวกกูไปแล้วก็ไปปิดประตูด้วยล่ะ...
  เสียงรถกะบะดังขึ้นแล้วทั้งสามคนก็ออกจากบ้าน  มุ่งหน้าไปทางป่าช้ากระต๊อบของอาจารย์ดำทันที

       ครั้นไปถึงเห็นเพียงจ่าเจียมและตำรวจอีกสองสามนาย ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขกลับไปแล้ว   มันก็เข้าไปจอด
รถใกล้ๆกับรถมอเตอร์ไซค์ของจ่าและรถตำรวจอีกคันหนึ่ง
       ไอ้แม้นกล่าวขึ้นว่า...จ่าๆ...ขอพวกข้าไปดูศพอาจารย์ข้าหน่อยนะ....  เจ้าแม้นกล่าวขึ้น
       เออ!!!!....ไปเถอะยังนอนเหมือนเดิมแหละว๊ะ...เสียงจ่าตอบ
มันทั้งสามก็เดินเข้าไปในกระต๊อบ   เห็นร่างอาจารย์ดำนอนหงายดวงตาเหลือกโพลงแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวหรือไม่
ก็คงจะตกใจมาก  ส่วนมือขาแขนนอนกางแผ่หรา คล้ายผีที่กำลังขึ้นอืดอยู่
 ส่วนจ่าและตำรวจอีกนายก็เดินตามมาด้วย  ไอ้แม้นเห็นดังนั้นหันมาถาม จ่าว่า
      ข้าไปปิดตาอาจารย์ได้ไหมจ่า???....
      ตอนนี้มึงทำอะไรก็ได้ว๊ะไอ้แม้น  เรื่องเรียบร้อยแล้วนี่สาธารณะสุขเขาเซ็นต์มาให้แล้วว่ามันหัวใจวายตายเอง
ดังนั้นไอ้แม้นเดินเข้าไปยังร่างอาจารย์มัน ด้วยทนความทุเรศไม่ได้  ยกมือขึ้นหมายลูบดวงตาให้ปิดสนิท  แต่ทว่าไม่
สามารถทำได้  ดวงตายังเบิกโพลงอยู่มันพยายามหลายครั้งก็ไม่ได้  จึงหันไปทางไอ้สนกับไอ้เบี้ยวกล่าวว่า
       เฮ้ยๆๆมึงมาช่วยปิดตาอาจารย์หน่อยว๊ะ????.....  ไอ้แม้นสั่ง
    ไอ้สนกับไอ้เบี้ยว  พากันสั่นหน้า  ก็มึงยังทำไม่ได้เก่งกว่ากูเป็นลูกศิษย์เรียนวิชาอาคมมาทำไม่ได้แล้วพวกข้า
ไม่ใช่ศิษย์ร่ำเรียนอะไรมาเลยจะทำได้หรือว๊ะ นอกจากให้สักยันต์เท่านั้น  อาจารย์คงจะไม่ยอมกระมัง....พวกมันกล่าว
     คราวนี้ไอ้แม้นพึ่งนึกได้    เออๆถ้าจะจริงของมึงกูก็เป่าอาคมแล้วตาก็ยังไม่ยอมลงปิดเลยมันตอบ

พลางหันมาทางจ่าที่กำลังจะก้าวออกไป   พลางร้องบอกว่า
      จ่าๆๆอย่าพึ่งไปพ่อฝากของมาให้จ่าและพวกนะ???....  ไอ้แม้นตอบ
      อะไรว๊ะ???....จ่าหันหลังกลับมามองถามขึ้น
ไอ้แม้นก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบซองค่อนข้างหนาคงใส่อะไรไว้เสียตุง  ยื่นให้จ่า   พลางกล่าวว่า
      พ่อสั่งว่าให้เอาไปแบ่งใช้กัน  หลังจากดำเนินเรื่องให้เรียบร้อยด้วย   ที่เหลือจ่ากับพวกไปแบ่งกันใช้     ไอ้แม้นตอบ
จ่าเจียมหันมาหยิบซองยาวใหญ่และหนาคิดว่าคงจะมาก  แล้วหันไปกล่าวกับลูกชายกำนันว่า
     เออ...ไปบอกกำนันด้วยไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวจ่าจะจัดการให้เรียบร้อย    กล่าวแล้วพลางเอาซองเข้าไปในกระเป๋า
มัน  แล้วบอกว่าเดี๋ยวกูจะให้คนนำใบมรณะบัตรและการชัณสูตรศพ  ส่วนทางนี้มึงจะจัดการเลยก็ได้ไม่ต้องห่วงหรอก
     ข้าว่าจะเผาศพเสียเลยจะนิมนต์พระที่วัดมาสี่รูปสวดเป็นพิธีเท่านั้นเอง ว่าจะเผาก่อนค่ำๆนี้แหละ เมื่อจ่าพูดเช่นนี้ก็ดี
แล้วด้วยจะได้ทำลายหลักฐาน ไปด้วย  อ้อๆๆจ่ามาพบเห็นมีหญิงสาวเขมรอยู่หรือเปล่าล่ะ??.....มันถาม
      กูไม่พบอะไรเลยว๊ะ....มันคงหนีไปแล้วกลับเมืองมันแน่ๆเสื้อผ้าเงินทองก็ไม่มีเหลืออะไรสักอย่างเดียว....จ่าตอบ
      เออๆๆๆ!!!!!......ดีเหมือนกันจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวเสียที    เสียงจ่ากล่าวต่อ
      ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละจ่า   จะได้หมดเรื่องจึงต้องรีบเผาๆเสียให้หมด  เรื่องจะได้ไม่บานปลาย  ไอ้แม้นตอบ
       นั่นซิว๊ะ...กูก็คิดเหมือนมึงนี่แหละ อีกอย่างปลัดและนายอำเภอที่ถูกย้ายไปแล้วมันจะรับผิดชอบก็ช่างหัวมัน
ให้มึงกับพ่อมึงและทุกๆคนปฏิเสธว่าไม่รู้จัก  รู้เพียงมาอาศัยอยู่ในป่าช้าเท่านั่นนะ จำไว้อย่าลืมบอกเสียล่ะ....

       เอาล่ะเท่านี้นะโว้ย...กูจะได้รีบกลับไปรายงานให้ท่านรองฯทราบและทางอำเภอด้วยเพื่อเอาใบมรณะบัตรให้คน
เอามาให้แก่กำนันเขาเก็บไว้เป็นหลักฐานในฐานะกำนันดูแลชาวบ้าน
 กล่าวจบก็เดินออกจากระต๊อบไป คงปล่อยไว้แค่พวกศิษย์อาจารย์ดำเท่านั้น   เสียงรถมอเตอร์ไซค์กับรถตำรวจแล่น
ห่างออกไปจนเสียงหายไป   ความเงียบวังเวงก็เข้ามาแทนที่   เสียงลมพัดต้นไหม้รู้สึกว่าจะค่อนข้างรุนแรงเท่านั้น
       ไอ้แม้นมันก็หันไปทางไอ้สนซึ่งสนิทกับหลวงพ่อจวนเจ้าอาวาสวัดบางกระดี่  แจ้งข่าวให้ทราบเพื่อออกหนังสือ
ให้เผาได้และนิมนต์พระมาสี่รูปเท่านั้นพอ
        เออ...ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละอ้าวแล้วก็ต้องเอารถกะบะไปด้วยนะ  เพราะเดี๋ยวต้องนินิมนต์พระมาด้วยเลยและ
อาจจะมีพวกสัปเหร่อจะมาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้???...มันกล่าว
ไอ้แม้นก็ล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจรถยื่นส่งให้ทันที  

        มึงรีบไปแล้วรีบมาก็แล้วกันนะโว้ย  กูเองก็ชักเสียวๆเหมือนกันว๊ะ....เสียงไอ้แม้นไอ้เบี้ยวกล่าวขึ้นกูรู้สึกว่ามันจะ
วังเวงยังไงก็ไม่รู้ นี่หากนำเหล้ามาด้วยเสียก็ดีซิว๊ะจะได้ย้อมใจบ้าง  ไอ้ห่าต้องมานั่งเฝ้าศพอยู่ถึงเป็นอาจารย์ก็เถอะว๊ะ
แต่ตอนนี้มันเป็นศพผีไปแล้วนี่นา   มันรำพึงรำพันให้ไอ้สนฟัง
      ไอ้สนไม่ตอบ....พลางเดินออกไปแล้วเสียงรถยนต์ก็หายเงียบไป......
  ไอ้ห่าเอ้ย!!!!!....ไหง๋บอกว่าไปเดี๋ยวเดียวป่านนี้ยังไม่เห็นไอ้เหี้ยสนมาเลยมันกล่าวนี้ก็เย็นมากๆแล้วล่ะว๊ะ  แล้วใคร
จะเป็นคนหาโลงและไม้มาเผาว๊ะ  กูก็ลืมสั่งไอ้สนมันเสียด้วย
         มันคงจะรู้เองแหละว๊ะ หากไม่มีโลงก็คงเผากันแบบนี้แหละว๊ะ  แต่กูคิดว่าอย่างไรหลวงพ่อจวนก็คงจะให้
สัปเหร่อมาด้วยหรอก   สัปเหร่อมันก็รู้หน้าที่มันแหละว๊ะ....     ไอ้เบี้ยวตอบปลอบใจมันและไอ้แม้น
        เออๆๆๆถ้าจะจริงว๊ะ....  นั่นเสียงรถมาแล้วล่ะจะใช่มันหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอ๊ะๆๆ...เสียงมันคล้ายมาสองคันนี่หว่า
        จริงของมึงเสียด้วย หรือว่าจะเป็นรถทางวัดกระมัง??....ไอ้เบี้ยวออกความเห็น

        เวลาผ่านไปนานนับเป็นชั่วโมงก็ว่าได้  ทั้งสองได้เพียงแต่มองหน้ากันไปๆมาๆ  ไม่ยอมมองไปยังศพอาจารย์
มันเลย  เลยออกมานั่งเฝ้ายังนอกกระต๊อบ คงปล่อยร่างศพอาจารย์มันอยู่อย่างโดดเดี่ยวเท่านั้น  เวลาหรือก็จวนจะใกล้
ใกล้ๆค่ำ  อากาสเริ่มขมุกขมัวแล้ว   ไอ้สนก็ยังไม่มาเสียงไอ้แม้นบ่นให้ไอ้เบี้ยวฟัง......
     สักครู่รถยนต์แล่นเข้ามาจอด  มันทั้งสองดีใจมากรีบวิ่งไปถามไถ่ทันที  แลเห็นไอ้สนพร้อมพระและอีก
หลายคนต่างทะยอยลงจากรถ   มันรีบพาเดินเข้าไปในกระต๊อบทันที  คนที่มาก็เดินเข้ามาในกระต๊อบ
มีทั้งพระและอีกหลายๆคนรวมด้วย  ไอ้สนเดินนำหน้าไอ้แม้นและไอ้เบี้ยวตามหลังไอ้สนเข้ามา 
พร้อมด้วยพระสี่รูป  ด้านหลังไอ้สนมีสัปเหร่อกับลูกน้องกำลังยกโลงเก่าๆเข้ามาด้วย.....
        ไอ้แม้นและไอ้เบี้ยวยกมือขึ้นไหว้พระ  แล้วหันไปทางไอ้สนถามว่า....หลวงพ่อว่าอย่างไรบ้างว๊ะ???....
         หลวงพ่อพอรู้ไม่ได้ว่าอะไรก็เซ็นต์หนังสือมอบให้  แล้วบอกว่าจะเผายังไงกันล่ะหากไม่มีสัปเหร่อไปช่วย
กูจึงบอกว่าขอให้หลวงพ่อจัดการด้วย  แล้วท่านก็ให้พระไปตามสัปเหร่อมาพร้อมแจ้งให้รู้   สัปเหร่อมันหายไปสักพัก
เพื่อตามลูกน้อง  พร้อมนำถ่านกับฟืนมาเพี๊ยบเลยว๊ะ....   กูถึงได้มาช้านี่แหละ....มันตอบ

        เออๆๆๆ....มึงมันฉลาดสมเป็นลูกผู้ใหญ่บ้านว๊ะ....  ไอ้แม้นชม
หลังจากนั้นพวกมันก็ถอยมา   พระท่านก็ยกตาลปัตรยกขึ้นยืนสวดมนต์สักพักทั้งสี่รูป   แล้วก็หันไปทางสัปเหร่อวัด
ว่าให้จัดการได้แล้ว   สัปเหร่อวัดก็สั่งลูกน้องมันให้เข้าไปมัดตราสังศพทันที
       ลูกน้องสัปเหร่อมันกดอย่างไรไม่รู้นัยน์ตาที่ลืมโพลงก็หลับตาลงได้ แล้วช่วยกันมัดตราสังศพ
ในระหว่างการมัดมันได้ยินเสียงสวดเบาๆจากลูกน้องสัปเหร่อ  พลางหันกลับไปบอกหัวหน้าสัปเหร่อว่า
มันแรงจ๊ะพ่อ  มันไม่ยอมเลยล่ะไอ้ศพนี้มันแรงจริงๆมันไม่ยอม
พอพันผ้าและสายสินธ์มันต่างพากันหลุดออกหมดเลยจ๊ะพ่อ....  เล่นเอาไอ้แม้นไอ้สนไอ้เบี้ยว ต่างตาเหลิกหลั่กไป
ตามกัน  พลางถอยออกมาอีกเกือบถึงหน้าประตูกระต๊อบ  หากมีเหตุการณ์มันจะได้รีบวิ่งหนีเสียก่อน  พวกมันคิด
แต่ก็ยังอดหันไปมองดูการกระทำอยู่
       คราวนี้หัวหน้าสัปเหร่อก็ล้วงไปในย่ามที่คล้องไหล่ไว้หยิบมีดออกมาเล่มหนึ่งมันใหญ่ยาวพอสมควร 
พลางก้มลงไปยังร่างของศพอาจารย์ดำ   พลางหลับตาลงภาวนาอาคมของตนยกมีดขึ้นจรดหน้าฝากภาวนาเป่าลงไป
ยังตัวมีดและร่างของศพ   แล้วชักมีดหมอที่ลงไว้ด้วยอาคมที่เขียนยันต์อักขระต่างๆมากมาย กดลงบนหน้าผากด้วย
ปลายมีดอันแหลมคมนั้นกดลงไปบนหนังหน้าฝากศพนั้น  แล้วเป่าลมไปตั้งแต่หัวถึงเท้าสามครั้ง พร้อมกำทรายเสก
สาดไปยังร่างของศพนั้น  แล้วเป่ามนต์ลงไปกำกับอีกครั้งหนึ่ง    พลางถอยหลังออกมาหันไปบอกลูกน้องทันทีว่า  
พวกมึงจัดการได้แล้ว  นั่นแหละลูกน้องสัปเหร่อถึงได้จัดการมัดร่างมันได้สำเร็จ  แล้วพากันยกเข้าโลงศพเก่าๆ
และลูกน้องสัปเหร่อต่างนำศพลงใส่โลงใบเก่าๆ    พลางช่วยกันหามออกไปนอกกระต๊อบทันที

      สักครู่หนึ่งเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอด จ่าเจียมและพวกอำเภอก็มาเข้ามา     ส่วนไอ้แม้นหันไปคุยกับจ่าและ
เจ้าหน้าที่อำเภอสักพักใหญ่ๆ  รถของทางอำเภอก็กลับไปพร้อมจ่า  มันจึงหันมาทางสัปเหร่อ ถามขึ้นว่า
ต่อไปจะทำอย่างไรล่ะพ่อสัปเหร่อ  หัวหน้าสัปเหร่อซึ่งเป็นคนรูปร่างเล็ก
ไม่สูงใหญ่นัก    แต่ทว่ามีรอยสักหลายๆแห่งตามแขนทั้งสองข้าง  หันไปตอบไอ้แม้นทันทีว่า
       ก็ต้องเอาไปเผาที่เชิงตะกอนที่อยู่ใกล้นี่แหละ   แล้วหันไปสั่งยังลูกน้องให้แบกโลงศพไปยังเชิงตะกอนเผาศพ
 ส่วนพระท่านก็เดินนำหน้าถือสายสินธ์จูงนำศพไป...  ส่วนไอ้แม้นก็ล้วงกระเป๋าหยิบเงินมาฟ้อนใหญ่
ส่งให้หัวหน้าสัปเหร่อพร้อมบอกให้ถวายพระท่านด้วย นอกนั้นเป็นของพ่อสัปเหร่อกับพวกก็แล้วกัน
    หัวหน้าสัปเหร่อยิ้มแล้วนำเงินเข้าเก็บไว้ พลางสั่งลูกน้องให้จัดการให้เร็วๆ  ด้วยมันจะมืดเสียก่อน และยังให้อีกคน
ไปหยิบตะเกียงในกระต๊อบออกมาเตรียมไว้ด้วย   ลูกน้องพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในกระต๊อบออกมานำตะเกียงถือมา
     ครั้นถึงเชิงตะกอน ก็ให้ลูกน้องยกร่างศพที่ห่อผ้าตราสังออกจากโลงศพ  แล้วนำไปวางยังตระแกรงเผาศพ  พลิกคว่ำหน้าศพลงแล้วให้จัดการก่อไม้เรียงสลับกันไปมาพร้อมทั้งถ่านทีละชั้นๆเพื่อเผาศพ  ก่อนเผาพระก็ไปถือตาลปัตสวด
มนต์สักพักก็ถอยออกมา   ลูกน้องก็จัดการจุดไฟจากตะเกียงที่เริ่มจุดสว่างไว้แล้ว  โดยนำเอาน้ำมันก๊าด
ราดศพจนทั่วพร้อมทั้งถ่านและไม้แล้วจุดไฟขึ้นทันที  ไฟก็ลุกโหมขึ้นลุกโชนไปทั่วร่างศพ  สักพักหนึ่งร่างศพก็โก่ง

งอขึ้นทันที  แต่แปลกตราสังและผ้าที่พันศพไว้กับไม่ไหม้ไฟสักนิดเดียว   เพียงแค่ร่างศพนั้นงอโก่งโค้งเท่านั้น 

    บัดนี้อากาศมึดสนิทลงแล้ว  หัวหน้าสัปเหร่อให้จุดตะเกียงตั้งไว้ให้แสงสว่างสอดเห็นชัดเจน  ทันใดเสียงลมพัดอู้ๆ
ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  เสียงลมคล้ายเสียงโหยหวนยิ่งนัก  หัวหน้าสัปเหร่อหันไปมองพลางร่ายมนต์เป่าขึ้น
  เสียงลมและเสียงโหยหวนนั้นก็หยุดชะงักหายไปสิ้น   ความมึดและความสงบกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังมีเสียง
เห่าหอนของหมาภายในวัด   ส่วนด้านซ้ายมือของเชิงตะกอน  มีร่างหมาดำสูงใหญ่เกือบเท่าม้าเทศยืนมองดูอยู่มา
 ทางด้านเชิงตะกอนนั้น   ลูกน้องสัปเหร่อพากันหน้าตาเหลิกหลั่กไปตามกัน   ต่างเหลียวซ้ายแลขวา 
ไอ้แม้นไอ้สนและไอ้เบี้ยวต่างทรุดตัวลงกอดกันกลมส่งเสียงร้องฮือๆๆ  เนื่องจากมันมองเห็นร่างของหมาดำนั้น
ตัวยิ่งสูงยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  ส่วนพระนั้นท่านเองก็คงจะรู้สึกกลัว หน้าตาเปลี่ยนสีกันแทบทุกๆองค์  ต่างองค์สีหน้าไม่ผิดกันกับสีหน้าของลูกน้องสัปเหร่อ 
      ลูกน้องคนหนึ่งท่าทางจะเป็นรองหัวหน้าสัปเหร่อท่าทางไม่ค่อยกลัว   จึงหันไปทางหัวหน้าสัปเหร่อ กล่าวขึ้น
ว่า???.........

         พ่อๆศพมันไม่ไหม้แต่มันดิ้นได้จ๊ะ    สงสัยจะมีของดีอยู่ในตัวมันกระมัง.....และยังมีหมาดำสูงใหญ่ยืนมอง
ดูอยู่ด้วย  แต่มันคงไม่ทำอะไรสงสัยว่าจะเป็นนายป่าช้ากระมังพ่อ   มันกล่าวรายงานขึ้น.......
       หัวหน้าสัปเหร่อเฒ่าเห็นเช่นเดียวกัน   พลางเดินถือมีดหมอเดินเข้าไปยังเชิงตะกอน 
 แล้วมือข้างหนึ่งล้วงหยิบของสองสิ่งออกมากำไว้แล้วยกมือขึ้นร่ายอาคมทั้งมีดพร้อมด้วยสิ่งของ  
 พลางเป่ามนต์ลงสามครั้ง แล้วหว่านทรายไปยังเชิงตะกอนและไม้ชิ้นหนึ่งไปยังใต้ตะแกรงศพ  ที่ยังติดไฟลุกอยู่
แล้วจึงเดินเข้าไปหาศพพลางเพ่งสักพักหนึ่ง   พร้อมทั้งหันไปทางหมาดำตัวใหญ่พลางพึมพรำเบาๆเหมือนพูดจากัน
ฉับพลันนั้นเอง  ร่างของหมาดำสูงใหญ่นั้นก็ค่อยๆจางหายไป   เมื่อเป็นเช่นนี้ หัวหน้าสัปเหร่อก็เดินไปทางร่างศพแล้ว  
      ก็เอามีดหมอกรีดไปบนหัวไหล่ข้างขวาศพผ่าผ้าหุ้มห่อไปยังหัวไหล่กรีดเอาเม็ด  สีคล้ายปีกแมลงทับส่งแสงวาว
ออกมา เป็นก้อนกลมๆเล็กๆคล้ายเมล็ดถั่วเขียวแล้วนำเอาผ้ายันต์ในย่ามออกมาห่อก้อนกลมๆสีคล้ายปีกแมลงทับ
เก็บไว้ในย่าม  แล้วสั่งให้จัดการเสริมฟืนถ่านแล้วเผาอีกครั้ง    

     พอหัวหน้าสัปเหร่อทำพิธีเสร็จไม่ช้าไฟก็ไหม้ร่างศพเสียงดัง ฉี่ๆๆน้ำเหลืองไหม้ไหลเป็นน้ำหยดลงไปยัง
กองฟืนใต้ตะแกรง กลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายไปทั่วด้วยศพที่ถูกไฟไหม้  จนไอ้แม้นไอ้สนและไอ้เบี้ยวตลอดจน
พระทั้งหมดก็ต้องยกมือขึ้นปิดจมูกไว้    เวลาผ่านไปจนมืดมากแล้วนั่นแหละร่างศพจึงไหม้หมด 
  สัปเหร่อหันมาถามไอ้แม้นว่าจะเอากระดูกไว้หรือไม่???......
     เมื่อร่างของหมาดำหายไปแล้ว พวกมันต่างยืนขึ้น บ้างหลับตาข้างลืมตาทั้งหมดบ้าง จ้องไปที่เชิงตะกอนกำลังไหม้
       ไอ้แม้นตอบว่า.....ไม่หรอกพ่อสัปเหร่อพวกที่เหลือเอาไปโยนหรือจะทำอะไรๆก็ได้....มันตอบ
 สัปเหร่อหันไปสั่งลูกน้องทันทีตามคำของไอ้แม้น   คอยสักพักไฟก็หายหมดเหลือแต่เศษขี้เถ้าทั้งฟืนถ่านและผง
กระดูกซึ่งวางลงบนสังกะสีรองรับไว้   พวกลูกน้องสัปเหร่อก็นำไปเททิ้งยังโคนต้นไม้ไหญ่ทันที.....
       สัปเหร่อหันไปถามว่าแล้วกระต๊อบและของบูชาล่ะพ่อแม้นจะเก็บไว้หรือเปล่าล่ะ ส่วนโต๊ะบูชาถ้าจะให้เผานั้น
ข้าเผาไม่ได้  หากพ่อแม้นไม่เอาข้าก็จะขอเก็บไว้ที่บ้านข้าเอง....หัวหน้าสัปเหร่อกล่าว

       เผาให้หมดเลยจ๊ะพ่อสัปเหร่อ  ส่วนของนั้นข้าไม่เอาหรอกยกให้พ่อสัปเหร่อหมดแหละ.....ไอ้แม้นตอบ
 ถ้าอย่างนั้นกลับไปกระต๊อบกันเถอะ   แล้วคนทั้งหมดก็เดินกลับไปยังกระต๊อบ  ส่วนพระก็แยกทางไปยังกุฎีท่าน
รวมกลุ่มต่างคนต่างสวดมนต์พึมพรำไปแต่ละองค์ที่เรียนรู้มา     เมื่อมาถึงที่กระต๊อบนั้นหัวหน้าสัปเหร่อยืนสำรวม
สักครู่ใหญ่  พร้อมหยิบทรายเสกมาภาวนาแล้วหว่านไปตามหลังคาและแถวบริเวณกระต๊อบทันที
       เสียงนกแสกร้องลั่นไปทันที  พร้อมทั้งบินหนีไป  เล่นเอาไอ้แม้นไอ้สนและไอ้เบี้ยวต่างกอดกันเดินไปใกล้
หัวหน้าสัปเหร่อ   ซึ่งหัวหน้าสัปเหร่อก็เดินเข้าไปพร้อมพวก   เห็นหัวหน้าสัปเหร่อเข้าไปนั่งหน้าโต๊ะบูชา
พลางก้มลงกราบแล้วเพ่งจ้องไปยังฤๅษีที่ตั้งไว้สูงใหญ่สามตน และของในพาน  แล้วกล่าวพึมพรำๆๆสักพัก
  ก็หยิบของในพานที่วางไว้ออกมากสองสามชิ้นใส่ลงไปในย่ามของแก
       ไอ้แม้นเห็นเป็นรูปปั้นที่ทำด้วยดินทั้งหญิงและชายคล้ายกุมารทองกุมารีและสิ่งบางอย่างที่แกคัดเลือกไว้
  ถูกหัวหน้าสัปเหร่อนำเก็บไว้ในย่ามแล้วหันไปสั่งให้ลูกน้อง
ยกรูปปั้นฤๅษีทั้งสามตนไปไว้ในรถเพื่อไปเก็บที่บ้านแก  ส่วนจำพวกกุมารทองทั้งหลายที่ไม่ต้องการ
แกร่ายเวทย์มนต์  พร้อมทั้งพึมพรำเหมือนจะบอกกล่าวอะไรสักอย่างหนึ่งแก่ผู้ที่แกไม่ต้องการ
   สักพักก็ปรากฏคล้ายๆควันลอยพุ่งออกจากร่างกุมารเหล่านั้น และอีกหลายๆอย่างเป็นควันดำเป็นสาย 
หายไปทางหน้าต่างทันที  แล้วหันไปถามไอ้แม้นว่า
       ขากลับช่วยไปส่งข้าที่บ้านด้วยนะจะได้นำรูปปั้นฤๅษีไปเก็บไว้พร้อมของด้วย.... หัวหน้าสัปเหร่อกล่าว

      ได้ๆๆๆพ่อสัปเหร่อ....อ้อ...รูปปั้นชายหญิงนั้นอะไรหรือ???....ไอ้แม้นถาม
       ก็รูปปั้นทำด้วยดินในป่าช้าเป็นผีผู้หญิงและผีผู้ชาย  แต่เอ็งคงเลี้ยงไม่ได้หรอกมันแรงมาก หรือว่าอยากจะเอาไปก็
ได้นะข้าไม่หวงหรอก เพราะเป็นของอาจารย์ของเอ็ง  แต่ว่าส่วนฤๅษีนั้นเอ็งเอาไปไม่ได้หรอกจะเผาพร้อมกระต๊อบ
ก็ไม่ได้  เอ็งจะว่าอย่างไรล่ะ???....หรือจะเอาไปเก็บไว้ที่บ้านก็ได้นะข้าจะได้ไม่ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นอีก  หัวหน้าสัปเหร่อ
กล่าวขึ้น....
      อย่างนั้นพ่อสัปเหร่อเอาไปเถอะข้าไม่เอาหรอก  แม้จะร่ำเรียนวิชาจากอาจารย์ดำมาแต่ไม่หมด คิดว่าจะบังคับมัน
ไม่ได้หรอก  ไปอยู่กับพ่อสัปเหร่อก็แล้วกันนะดีแล้วเหมาะสมแล้วล่ะ   มันกล่าวขึ้น....
 เออๆๆๆ....ขอบใจว๊ะ   หัวหน้าสัปเหร่อกล่าว
     แต่เวลาขากลับของพวกข้าจะขอของบางอย่างจากพ่อสัปเหร่อติดตัว บอกตรงๆว่ากลัวผีจ้า  ไอ้แม้นและพวกกล่าว
หัวหน้าสัปเหร่อหัวร่อ  เรื่องนั้นข้าให้คนของข้าไปส่งพวกมึงแล้วไม่ต้องห่วงหรอกว๊ะ  ไม่ต้องเอาของๆข้าไปหรอก
ข้ารับรองว่าพวกมึงจะไม่เจออะไรทั้งสิ้นจนถึงบ้านมึงแหละ    ส่วนเรื่องของที่บอกเอ็งไว้และข้าต้องเก็บไว้ด้วยหาก
ใครเอาไปใช้ในทางไม่ดีก็จะมีโทษ หรือคุมไม่อยู่ก็จะทำร้ายตัวเจ้าของเองว๊ะ.......หัวหน้าสัปเหร่อบอก

      ไม่ใช่ข้าจะห้ามนะ  แต่ข้ามองออกว่าเอ็งไม่ควบคุมมันอยู่ได้หรอก  ไม่ใช่ข้าหลอกเจ้านะด้วยอาคมพวกมึงมันยัง
ไม่ถึง  และอาจจะทำร้ายมึงและคนในบ้านมึงได้ว๊ะ....  หรือหากเปลี่ยนใจไม่เชื่อข้าจะเอาไปก็ได้นะ???...
       ไม่ๆๆๆๆหรอก  อ้อ....แล้วเม็ดกลมคล้ายถั่วเขียวสีมันออกสีแมลงทับล่ะ คืออะไรหรือ???....  ไอ้แม้นถาม

       อ๋อๆๆ...มันเป็นเหล็กไหลว๊ะ...หรือเอ็งจะเอาข้าก็ไม่หวงด้วยเอ็งเป็นศิษย์ของเขา  ข้าจะให้    หัวหน้าสัปเหร่อตอบ
       ไม่หรอกเมื่อข้าบอกไม่เอาก็ไม่เอาทั้งหมดหรอก  พ่อสัปเหร่อเอาไปเถอะ....เดี๋ยวข้าจะเพิ่มเงินให้อีกพลาง
มันก็ล้วงกระเป๋าหยิบเงินมาส่งให้พ่อสัปเหร่ออีก  คราวนี้พ่อสัปเหร่อกล่าวว่า  พอแล้วข้าไม่หวังเงินเท่าไหร่
ที่ทำไปเกรงใจหลวงพ่อ  เด็กๆข้ามันก็เตือนข้าเหมือนกันจึงได้เตรียมตัวเข้าของมาไว้ เมื่อจำเป็นต้องใช้  เงิน
เอ็งเก็บไว้ไปนั่งกินเหล้ากับพวกเถอะ  มันต่างกำลังรอฟังข่าวจากพวกมึงอยู่นะ  หัวหน้าสัปเหร่อกล่าวขึ้น 
    หัวหน้าสัปเหร่อก็สั่งให้พวก ถอยออกมาจะได้เผากระต๊อบกันเสียที 
หมดสิ้นเรื่องราวข้าก็จะได้กลับบ้านเสียที    ไอ้แม้นกล่าว

พวกข้าเมื่อส่งพ่อสัปเหร่อกับพวกแล้วก็จะกลับบ้าน  และนำหลักฐานไปให้พ่อข้าจ๊ะ....ไอ้แม้นตอบ
      สักครู่ใหญ่ๆลูกน้องสัปเหร่อและไอ้สนและไอ้เบี้ยว  ต่างช่วยกันหาฟืนแห้งๆแถวนั้นมาโยนใส่
ในกระท่อมเห็นว่าพอแล้ว  ลูกน้องสัปเหร่อก็เอาน้ำมันราดภายในกระต๊อบ  และสาดไปบนหลังคา
ที่ทำด้วยหญ้าแฝกแล้วจุดไปเผาทันที      สักพักกระต๊อบก็ไหม้หมดเหลือเพียงเถ้าถ่านกองไว้   
       แล้วมันก็ขับรถไปส่งบ้านหัวหน้าสัปเหร่อและพรรคพวก   แต่มันและพวกได้แต่ยืนมองไม่กล้า
เข้าไปช่วย นอกจากครั้นพรรคพวกสัปเหร่อขนของหมดแล้ว  ก็รีบขับรถกลับบ้านทันทีไม่รอช้า บ้านของ
หัวหน้าสัปเหร่อยิ่งน่ากลัวกว่าบ้านอาจารย์มันมากนัก  ด้วยข้างฝาบ้านพื้นนั่งล้วนแล้วแต่ทำด้วยไม้โลงศพ
ทั้งสิ้น  กลิ่นก็ยังเหม็นสางๆอยู่   พวกมันไม่กล้าเข้าไปนั่งนอกจากยืนอยู่ข้างนอกเท่านั้น ยังได้กลิ่นลอยลมมา 
     พอรถพ้นป่าช้า เข้าสู่ทางเร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว ด้วยเป็นเวลามืดมากแล้ว ทุกๆคนในรถได้ยินเสียงร้องอย่าง
โหยหวนมาจากป่าช้าที่พึ่งจากมา   เสียงร้องคร่ำครวญบ้าง ร้องไห้บ้าง  เอะอะโวยวายบ้างระงมไปทั่วป่าช้า  
เล่นเอาทั้งสามเกิดความกลัวรีบเร่งเครื่องอย่างแรงเพื่อหนีเสียงร้องคร่ำครวญที่ยังดังแว่วเข้าไปในหูพวกมัน...........

                                 *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
15 พฤศจิกายน 2553 19:00 น.

อทิสมานกาย ๑๒

แก้วประเสริฐ

76.gif
                      อทิสมานกาย  ๑๒

       หลังจากหุ่นที่แปลงโฉมหายไปแล้ว  ชายหนุ่มก็พลันนึกถึงคำพ่อขึ้นมาได้ว่า   หากเราใช้ของใดๆก็ตามนั้น
อย่าประมาทหลับนอน  คอยจนกว่าของที่เราใช้ออกไปจะกลับมาเสียก่อนมิฉนั้นบางครั้งถูกปล่อยกลับคืนมาจะ
ทำให้เราเสียทีแก่ของๆเราได้
       เมื่อชายหนุ่มนึกได้ดังนี้  จึงไม่ยอมหลับคอยเจ้าหุ่นที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งกลับมาเสียก่อน  ระหว่างนั้น
ไม่รู้จะทำอะไรก็นึกถึงใบลานของอาจารย์เลื่อมขึ้นได้  จึงรำลึกนึกถึงอาจารย์ที่มอบให้มา  ยกมือขึ้นพนมรำลึกนึกถึง
      พลางก้าวไปหยิบใบลานที่วางไว้ติดกับหมอนนอนของเขาออกมา  พลันพลิกอ่านเป็นอักขระขอมเกือบทั้งสิ้นจะมี
ภาษาไทยบ่งบอกไว้เป็นบางส่วนเท่านั้นว่าเป็นมนต์บทใดใช้อย่างใด   แต่ตัวหนังสือที่เขียนในใบลานสีดำๆนั้นยังจาง
พอจะอ่านออกได้  พร้อมด้วยยันต์ต่างๆ
      ดังนั้นเขาจึงยกใบลานนั้นด้วยมือทั้งสองข้างขึ้นพนมเหนือศีรษะเขา พลางบอกกล่าวกับอาจารย์เลื่อมว่า
จะขอศึกษาหากติดขัดประการใด   ขอความกรุณาช่วยชี้แจงให้ด้วยครับ     เขาเอ่ยปากบอกกล่าว
       พอชายหนุ่มอธิษฐานจบ ร่างเขารู้สึกว่ามีลมเย็นๆมากระทบกายเบา   ความปิติก็บังเกิดขึ้นขนเขาลุกชันรู้ในใจว่า
ท่านอาจารย์เลื่อมคงจะติดตามมาด้วย    เมื่อเปิดดูครบทุกๆหน้าแล้ว เขาสามารถอ่านอักขระขอมออกและรู้ความหมาย
สามารถเขียนอ่านได้คล่องแคล่ว   เห็นว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นมนต์คาถาที่เหมือนกับหลวงพ่อทองกับพ่อแม่เขาเป็นส่วน
มากจะมีบางบทเท่านั้นที่แตกต่างกันออกไป    ฉะนั้นเขาคิดว่าคงใช้เวลาไม่นานนักหรอกก็สามารถเรียนจบได้อย่าง
รวดเร็ว

       พลางเลือกบทที่ไม่เหมือนกับที่เรียนรู้มาท่องบ่น  อาศัยความจำเขาดีเพียงแค่ไม่นานนักเขาก็สามารถท่องจำได้จน
เกือบทั้งหมด   เขานั่งหลับตาท่องทบทวนและลืมตาท่องตรวจสอบดู   เพียงแค่ชั่วคืนเดียวเท่านั้นเองเขาก็สามารถเรียน
รู้มนต์อักขระจนหมดสิ้น  พลางกราบขอบคุณอาจารย์เลื่อมแล้วกล่าวอธิษฐานในใจว่าบัดนี้เขาเรียนรู้มนต์ต่างๆได้หมด
แล้ว  พร้อมยันต์ต่างๆขออาจารย์จงรับรู้ไว้และจะใช้ในทางที่ถูกที่ควร   ช่วยเหลือคนอื่นๆและพระศาสนาไว้
      สิ้นแรงอธิษฐานเขารู้สึกว่าเหมือนมีลมเย็นเป่าลงมาบนกระหม่อมศีรษะเขาทันที   เขาหัดเขียนยันต์ต่างๆทั้งของ
หลวงพ่อ พ่อแม่และอาจารย์เลื่อมเพื่อมิให้หลงลืม  ในขณะที่เขียนไปด้วยความคล่องแคล่วนั้น   ก็นึกถึงสาวอ้อยขึ้นมา
ได้คงจะคอยเขาอยู่หน้าห้องแน่นอน  จึงเรียกหญิงสาวทันทีหวังจะสอนวิชาบางอย่างให้แก่หล่อนเพื่อใช้ในการป้องกัน
ตัวหากเจอปัญหาที่เขาไม่อยู่อาจจะช่วยเหลือหล่อนได้
     ทันใดนั้นร่างหญิงสาวก็ปรากฏร่างขึ้นทันที  หล่อนกล่าวว่า
         พี่ๆเรียกอ้อยมีธุระอะไรจะใช้หรือจ๊ะ???....
         ไม่มีหรอกอ้อยพี่มาคิดว่า   หากพี่ไม่อยู่ไปทำธุระบางอย่าง จึงคิดจะสอนวิชาอาคมให้อ้อยไว้ใช้ป้องกันตัวจาก
พวกมิหวังดีแก่เธอ  ด้วยอำนาจของเธอที่มีนั้นเป็นแค่พลังงานของสัมภเวสีเท่านั้นเอง
          จ๊ะพี่???......หากพี่จะสอนอ้อย   อ้อยขอกราบขอบคุณพี่มากเลยจ้า ...     พลางหล่อนก็ก้มลงกราบเขาทันที
          ไม่เป็นไรหรอกอ้อย   พี่เป็นห่วงอ้อยเท่านั้นเอง กลัวคนมีวิชาอาคมจะทำร้ายจ๊ะ    ชายหนุ่มตอบ
           อย่างไรๆ.....อ้อยก็ติดตามพี่ไปจะไปกลัวอะไรหรือจ๊ะ....
           รู้ไว้ก็ดีจ๊ะจะได้ป้องกันของที่พวกอาจารย์ชั่วมันมีอยู่ได้จ๊ะ        ชายหนุ่มกล่าวขึ้น

    แล้วชายหนุ่มก็เริ่มสอนการสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย   กำชับว่าก่อนการใช้คาถาต้องบูชาพระรัตนตรัยก่อนทุกๆ
ครั้งไปเสมอ   แล้วก็เริ่มสอนวิชาอาคมที่เขาคัดเลือกว่าสามารถจำได้ง่ายและสำคัญใช้ในการปกป้องตัวหล่อนเองได้
      ครั้นหญิงสาวรับฟังและพยายามท่องตามทุกๆครั้ง  เพียงไม่นานหล่อนก็สามารถท่องอาคมได้ครบถ้วน เมื่อเขา
ให้หล่อนท่องให้ฟัง   หล่อนสามารถท่องได้ไม่ผิดเพี้ยนสักคำ   ดังนั้นเขาหัวร่อพร้อมกับชมหล่อนว่า
      อ้อย.....ช่างมีปัญญาดีมาก  สงสัยก่อนนั้นคงจะเรียนหนังสือเก่งกระมัง???...  
      จ๊ะพี่เรียนหนังสืออ้อยสามารถสอบได้ที่ลำดับดีๆได้เลขตัวเดียวเสมอๆจ้า....   เสียงอ้อยตอบเขา
      นั่นซินะ   พี่ถึงสงสัยถามอ้อยจ้า   เพราะมนต์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอักขระขอมที่แปล
และไม่ได้แปลแต่อ่านเป็นภาษาเขมรส่วนมากจะเป็นภาษาไทยก็ไม่เท่าไหร่หรอกจ๊ะ???...
      แต่อ้อยอยากจะให้พี่สอนอ้อยทุกๆวันจ๊ะ....หล่อนกล่าวแล้วยิ้มประจบเขา  หล่อนนึกว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้อยู่
ใกล้ชิดเขา   ด้วยเวลาเขาสอนนั้นจะนั่งใกล้ชิดหน่อย บางครั้งยังจับมือหล่อนเพื่อเขียนอักขระบางตัวด้วย
      ได้ซิอ้อย  แต่ว่าพี่จะสอนวิธีนั่งสมาธิแก่อ้อยด้วยเพื่อสร้างพลังงานให้เพิ่มมากขึ้นด้วยนะ  เอาล่ะในระหว่างคอย
หุ่นกลันมา  ด้วยพ่อพี่สอนไว้ว่าเมื่อใช้ของไปแล้วต้องรอให้กลับมาก่อนถึงจะนอนได้จ้า
       แล้วเขาก็หัดให้หล่อนนั่งท่าสมาธิ  อันที่จริงสาวอ้อยรู้มานานแล้วด้วยหลวงพ่อทองท่านเวลาเรียกอบรมพวก
หล่อน และก็สอนวิธีนั่งสมาธิให้    ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาเพียงแต่เขาบอกเคล็ดลับบางอย่างแก่หล่อนและให้หล่อน
เริ่ม   พร้อมเขาเองก็นั่งสมาธิด้วยเพื่อรอการกลับมาของหุ่นพยนต์สองตัว......

       ณ.หมู่บ้านบางกระดี่  ซึ่งตอนนี้บรรดาพรรคพวกของเจ้าแม้นก็ต่างคนต่างมึนเมา บ้างหลับไหลไปบนแคร่นั่นเอง
และในบ้านกันหมด  ส่วนที่ กระต๊อบในป่าช้าซึ่งอาจารย์ดำอาศัยอยู่ริมป่าช้านั้น  แสงไฟตะเกียงยังส่องสว่างอยู่ ร่าง
ของอาจารย์แม้นเปลือยเปล่าเนื่องจากกามตัณหากำลังปฏิบัติการกับสาวชาวเขมรที่นำมาด้วย  ทั้งสองประกอบภาระ
กิจกันอย่างสนุกสนาน   ไม่คำนึงถึงภัยด้วยเชื่อมั่นตัวของมันเองว่าไม่มีใครกล้าบังอาจจะมาทำอันตรายได้
      เสียงลมพัดอู้มา  แว่วเสียงบรรดาพวกผีต่างๆร้องทักทายเมื่อแลเห็นเจ้าหุ่นพยนต์ของอาจารย์ดำกลับมาใน
ท่าร่างกายทรุดโทรมท่อนกลางมันแทบขาดจากกัน มองเห็นไส้ไหลออกมา กำลังเดินกระย่องกระแย่ง  เข้าไปหา
อาจารย์ในกระต๊อบ  ผีนางหญิงแจ๋วต่างร้องทักขึ้นว่า  อ้าวพี่ทั้งสองกับมาแล้วหรือเห็นอาจารย์เป็นห่วงพี่อยู่นา
       หุ่นพยนต์แสงและสินไม่กล่าวอะไรมากเลย  พลางแค่เอ่ยว่าจะให้อาจารย์ช่วยมันหน่อย ปวดเหลือเกิน
       ผีนางแจ๋วและพวกที่เขานำมาจากป่าช้าวัดโคกอีแร้งต่างพากันกล่าวว่า   

       พี่อย่าพึ่งเข้าไปตอนนี้หรอก  อิอิ...พลางหัวร่อ...อาจารย์กำลังสมสู่กับนางเขมรอยู่จ๊ะ
       เจ้าหุ่นแสงตอบว่าหรือ   เออๆๆขอบใจว๊ะ แต่ข้าปวดเหลือเกินเอ็งไม่ต้องเข้าไปหรอกข้าสองตน
จะเข้าไปก่อนนะ  อย่างไรอาจารย์ก็ต้องช่วยกูปวดมากๆ หากคอยเห็นจะทนไม่ไหว พวกเอ็งเฝ้า
อย่าให้ใครเข้ามาได้เสียล่ะ.......
       พวกบรรดาผีทั้งหลายต่างรับคำ    ผีนางแจ๋วกล่าวว่า.........
        ข้าบอกพี่แล้วนา เดี๋ยวอาจารย์จะโมโห ยิ่งตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยจะดี  พอมาถึงจากบ้านโน้น หมายถึงบ้านเจ้าแม้น
ก็มีอารมณ์แปลกๆเลยมาระบายอารมณ์กับนางเขมร???...       คงตอนนี้กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่กระมัง?????...

       ช่างเถอะว่าเพียงให้ข้าค่อยบรรเทาหายปวดก็แล้วกัน  มันทั้งสองไม่กล่าวอะไรอีก พลางเดินเข้าไปในกระต๊อบ
ทันที   แล้วกำชับอีกทีว่า  พวกมึงก็เหมือนกันได้ยินเสียอะไรอย่าเสือกเข้ามาล่ะ  เดี๋ยวพิธีจะเสียหมด มึงบอกว่า
อาจารย์กำลังอารมณ์ไม่ดี  สำหรับข้าคงไม่เท่าไหร่หรอกอยู่กับแกมานานแล้วก่อนพวกมึงเสียอีก
       จ๊ะพี่พวกข้าจะไม่ให้ใครไปรบกวนหรอก    บรรดาผีต่างๆกล่าวขึ้น
        ดีแล้ว  มันตอบสั้นๆ
         แล้วร่างมันก็ก้าวเข้าประตูกระต๊อบไป   ครั้นเห็นร่างอาจารย์ดำบัดนี้เปลือยเปล่าทั้งนางเขมร
กำลังทำภาระกิจกันอยู่อย่างสนุกสนาน  เสียงร้องครวญครางพร้อมกับเสียงหายใจดั่งวัวดั่งควาย 
    นับว่าเป็นโอกาสเหมาะหุ่นทั้งสองคิดด้วยมันไม่ระวังตัว  แม้นจะมีวิชาอาคมอยู่มากมายแต่ ช่วงนี้มันเสื่อมไป
มากแล้ว   เจ้าแสงหันไปมองทางเจ้าสินพลางพยักหน้ากัน  เหมือนมันจะรู้ใจกัน
    ร่างเจ้าแสงพลันพุ่งร่างเข้าไปสิงยังร่างอาจารย์ดำทันที  คาถาอาคมรอยสักต่างๆที่ลงไว้ไม่อาจจะยับยั้งร่างเจ้าแสง
ได้     บัดนี้เจ้าแสงและเจ้าสินมันไม่เหมือนเดิมเสียแล้วด้วยได้รับพลังงานจากชายหนุ่มและวิชาเลขยันต์ที่ชายหนุ่ม
ทำไว้ใหม่นั้นมีพลังมากกว่า รอยสักยันต์ของอาจารย์ดำเสียอีก

       ร่างอาจารย์ดำสะดุ้งเฮือกแล้วฟุบหน้าลงไปยังร่างเปล่าเปลือยของสาวเขมรทันที  เล่นเอาเจ้าของร่างตกใจลืมตา
มันขึ้นมอง ด้วยอารมณ์ของมันกำลังใกล้ๆจะสำเร็จสมปรารถนาแล้ว   อาจารย์ดันมาเสือกหยุดไปเฉยจึงเกิดอารมณ์บูด
ทันที   มันผลักร่างอาจารย์หล่นจากร่างของมันทันที  พร้อมหันหน้าไปมองเห็นอาจารย์ดำนอนหงายลืมตาโพลงมัน
ตะลึงงัน  
       ทันใดนั้นร่างของเจ้าสินก็ปรากฏร่างพุ่งเข้ามาบีบคออาจารย์ดำพร้อมกับหักคอ  เสียงดังกร๊อบ
สนั่นลั่นดังกร๊อบๆๆๆๆไปทั่วห้องกระต๊อบ    คอมันหมุนรอบตัว  ด้วยเจ้าสินมันไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ไม่มีเสียงร้อยสัก
แอะเดียวจากอาจารย์ดำ   เพราะใจมันมุ่งอยู่กับภาระกิจที่มันกระทำไว้นั่นเอง   มิได้ระวังตัวเพราะมีพวกผีๆเฝ้าอยู่
หุ่นสินจับคอหมุนเป็นเกลียวด้วยความแค้นที่ฝังลึกๆมันไว้  ด้วยการที่อาจารย์ดำเคยทำกับมันไว้มากก่อนนั้น  
      ร่างเจ้าแสงพุ่งร่างออกจากร่างอาจารย์ดำทันที  มันกล่าวว่าข้าเองก็ทำลายไส้พุงมันซะเละหมดแล้วเหมือนกัน
ความแค้นของหุ่นทั้งสองยังไม่ยอมหาย  มันกระชากแขนขาดึงหมุนหักออกเป็นท่อนๆทันที ถึงแม้จะไม่หลุดจากหนัง
      ร่างหญิงสาววัยรุ่นเขมรมองเห็นเท่านั้น  ก็ส่งเสียงร้องกรี๊ดๆๆๆออกมา   มันไม่คิดว่าเจ้าหุ่นพยนต์ที่อาจารย์ดำ
สร้างไว้ มันรู้จักดีและยังเคยเข้ามาร่วมเสพย์สังวาสกับมันเสมอๆ  ใยจึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้
      เจ้าแสงกับเจ้าสินพลันกลับคืนร่างดังเดิมเมื่อแน่ใจว่าอาจารย์ดำนั้นตายแล้ว   มันเหลือบมองร่างเปลือยสาวเขมร
แต่ไม่สนใจใยดีกับสาวเขมรคนนั้น   มันพากันหัวร่อลั่นแล้วร่างมันก็ค่อยๆจางหายไปทันที  
       สาววัยรุ่นเขมรหันไปมองร่างอาจารย์ดำพลันเขย่าร่างปลุกทันที  เขย่าสักเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นขึ้น มันก็เอามือวางที่จมูก
ปรากฏว่าอาจารย์ดำตายเสียแล้ว  มันร้องไห้โฮๆๆออกมาดังลั่นสนั่นไปทั่วห้อง  ร่างมันกระตุกนิดๆหน่อยๆแล้วค่อย
รีบแต่งตัว  บัดนี้อาคมที่อาจารย์ลงไว้แก่นางได้หายไปหมดสิ้น ทำให้นึกละอายใจคิดถึงผัวและครอบครัวที่เขมรทันที

     เสียงร้องของนางวัยรุ่นเขมรร่ำไห้อยู่นั้น  บรรดาผีนางแจ๋วและพวกผีทั้งหลายก็งงแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปในกระต๊อบด้วย
หุ่นพยนต์สั่งเตือนมันไว้  จึงได้แค่คอยเฝ้าดู  และเมื่อเสียงร้องไห้เงียบไป  พวกมันเข้าใจว่า อาจารย์ดำคงปลุกช่วยเหลือ
พี่แสงกับพี่สินได้แล้ว  จึงพากันกลับไปพักผ่อนยังที่เดิม   ด้วยนี่ก็จวนจะสว่างอยู่แล้วเหลืออีกไม่กี่เพลาก็สว่างทันที
     คงปล่อยเรื่องในกระต๊อบไว้เพียงเดียวดาย  คิดว่าพี่แสงกับพี่สินของมันคงจะหายปกติดีแล้ว  และอาจารย์ดำก็คงจะ
ดำเนินการสมสู่ต่อไป  ด้วยนางแจ๋วรู้ดีว่า บางครั้งมันยังเคยถูกอาจารย์ดำสมสู่กับมันเลยแต่แม้มันจะแปลงกายได้
เหมือนคนก็จริงแต่ก็เป็นแค่สภาพวิญญาณสัมภเวสีเท่านั้น  ไม่อาจจะสมใจปรารถนาอาจารย์ดำได้  นอกจากมันเท่านั้น
ที่สมความปรารถนาในรสตัณหากามารมณ์  ด้วยผีนางแจ๋วก็เป็นผีที่ร่านราคะเหมือนกัน.........
        ครั้นรุ่งขึ้น สาววัยรุ่นเขมรก็หอบผ้าแบกสพายบนบ่าบ้าง  ยกทั้งสองข้างบ้างเดินออกจากกระต๊อบเพื่อหนีกลับไป
ยังบ้านเกิดเมืองของมันทันที 
 คงปล่อยร่างอาจารย์ดำให้นอนตายเป็นผีอยู่ภายในกระต๊อบผู้เดียว   นางเขมรก็รีบหนีด้วยเกรงกลัวหากเวลาล่วงเข้า
ค่ำคืนแล้ว   บรรดาพวกผีทั้งหลายจะออกมาสอบถามและอาจจะเล่นงาน ด้วยมันไม่มีวิชาอาคม ตอนนี้วิชาอาคมด้าน
เสน่ห์ของอาจารย์ดำหมดแล้ว  มันคิดถึงผัวมันที่ประเทศเขมรจึงใคร่หาทางกลับบ้านมัน 
มุ่งหน้ารีบเดินจนลับหายจากไปด้วยชำนาญทางด้วยไม่ห่างไกลกันเท่าไหร่นัก......

       ส่วนทางบ้านเจ้าแม้นนั้น  พรรคพวกมันครั้นส่างจากมึนเมาและล้างหน้าล้างตากันก็มายังนั่งคุยกันอยู่อย่างเฮฮา 
ต่างยั่วเย้ากันไปต่างๆนาๆไปๆมาๆ   บ้างก็นำเหล้าที่เหลือมากินต่อกันอีกเสียงเริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆ
   สักครู่ใหญ่เสียงเฮฮาก็หยุดชะงักด้วยมีเสียงเรียกดังมาจากประตูรั้วหน้าบ้าน
      กำนันมั่นๆๆๆๆ......อยู่หรือเปล่าๆ.........    ข้ามีเรื่องจะมาแจ้งจากทางการนะ.....
บรรดาพรรคพวกครั้นได้ยินเรียกเช่นนั้น   ไอ้สนก็เดินไปเปิดประตูรั้วหน้าบ้านทันที   พอมองเห็นก็ยกมือไหว้
      อ้าวจ่าเองหรือ???.... เข้ามาซิพ่อกำนันอยู่บนบ้านนะ   เข้าบ้านก่อนหรือว่าจะขึ้นไปหาเดี๋ยวให้ไอ้เบี้ยวมันไป
แจ้งให้รู้ก่อนดีกว่า จ่ามาครับมานั่งกินสักหน่อย พร้อมรินเหล้ายื่นส่งให้  จ่าเมื่อรับแก้วเหล้าก็ยกดื่มพรวดเดียวหมด
    แล้วเมื่อคืนนี้พวกมึงไปทำอะไรมาหรือเปล่าล่ะ???...... เสียงจ่าตำรวจถาม
    ไม่ได้ไปไหนนี่จ่า   พวกเรานั่งกินเหล้ากันพึ่งจะฟื้นนี่แหละ  มีอะไรหรือจ่า...   ไอ้สนถามด้วยความสงสัย???...
    ก็แล้วไป..... แปลกๆว๊ะ??.....  เสียงจ่ารำพึงเบาๆ
      ข้าเองก็รู้เหมือนกันว่า ไอ้อาจารย์ดำมันพวกเดียวกับเรา  ไอ้ห่าเอ้ย!!!!.....มันเสือกมาตายเมื่อคืนนี้ การตาย
ของมันก็แปลก บาดแผลหรือก็ไม่มี  ดันแขนขาหัก คอหักเสียด้วย  กูจะมาบอกพร้อมกับเรื่องของทางการด้วย
เสียงจ่าตำรวจเอ่ยขึ้น....พร้อมรับแก้วเหล้าที่ไอ้สนรินต่อส่งมาให้อีก
      ทั้งหมดอ้าปากค้าง ร้องเสียงหลงพร้อมๆกันว่า   อะไรๆๆๆอาจารย์ดำตายแล้วหรือจ่า???...
     เออซิว๊ะ....นี่ตำรวจกำลังพิสูจน์หลักฐานอยู่เลยล่ะ   แต่กูต้องมาก่อนด้วยมีเรื่องทางการมาแจ้งกำนันด้วย จ่าตอบ
          สักพักใหญ่ไอ้เบี้ยวก็ก้าวลงบันไดมา  แล้วเชิญจ่าทันที
          กำนันให้ท่านจ่าขึ้นไปจ๊ะ  กำลังรอคอยอยู่เชิญจ่าได้เลยจ้า    ไอ้เบี้ยวกล่าวเสร็จ พลางเดินไปนั่งยังแคร่
          แหม๋ๆๆๆหากไม่มีงานมากูก็จะขอร่วมวงสนุกกับพวกมึงสักหน่อย
  ไว้วันหน้าก็แล้วกันนะโว้ยพลางหลิ่วตาไปทางอีพลอย  กับ อีลัดดา ทำท่ากรุ้มกริ่ม.....แล้วรีบเดินขึ้นบันไดไป
หากำนัน  เพื่อนำเอกสารทางราชการมาส่งให้กำนันพร้อมบอกข่าวการตายของอาจารย์ดำด้วย.....

       ไอ้ห่ามีเมียแล้วยังเสือกเจ้าชู้  นี่แหละน๊า กูถึงไม่ยอมมีผัวก็ด้วยเหตุนี้แหละ มันกวนหัวใจไม่เหมือนทำตัวเป็นโสด
ทั้งสองสาวกล่าวลอยๆ
        ใช่แล้วว๊ะ.....ไอ้สนเสริมสู้มาสนุกกับพวกกูดีกว่า  เออๆๆๆถามจริงๆว๊ะมึงกินยาป้องกันไว้หรือเปล่า เสือกท้องไส้
ขึ้นมาจะไปรู้หรือว่าลูกของใครว๊ะ   ไอ้สนถามด้วยความสงสัย???...
        เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงกูไปในเมืองมาซื้อมาเต็มเพียบเลยล่ะ  อีกอย่างกูก็ไม่อยากมีลูกกับพวกมึงหรอกไม่เห็นมีอะไร
นอกจากกินๆๆๆแดกๆๆๆแล้วก็นอน  จะมีงานทำบ้างก็บางครั้งเท่านั้น อยู่ไปกับมึงกูก็อดตายซิว๊ะ ไหนๆต้องเลี้ยงลูก
กูเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นลูกของใครว๊ะ  ไอ้สน???....     อีกลัดดาตอบ
        ไอ้กูนะพอทนได้คนแรกว๊ะ เพราะพวกเราทั้งนั้นช่างหัวมัน   หากเป็นจริงกูรับเองก็ได้ส่งไปให้พ่อกูซึ่งเป็นผู้ใหญ่
บ้านกับแม่กูเลี้ยงก็เท่านั้นเองแหละว๊ะ  แต่ทว่ามึงต้องเลิกแบบนี้ให้หมดนะโว้ย!!!!!!......
        มึงจำคำไว้นะโว้ยไอ้สน  อีพลอยกับอีลัดดากล่าว  พร้อมหัวร่อลั่น  ไม่แน่นาพวกกูอาจจะพลาดลืมกินยาไปก็ได้
นา   คราวนี้ไอ้สนและไอ้เบี้ยวเงียบเสียงทันที  แต่หันไปบอกสาวๆว่า

       ไอ้สนนั่นแหละดี พ่อแม่มันมีฐานะ  ส่วนกูเองชาวบ้านธรรมดาพ่อแม่หรือก็ยากจนดีนะที่พ่อกำนันให้
โฉนดไว้จึงไม่เหมือนชาวบ้านอื่นๆ  เหมาะสมดีแล้ว
       ไอ้เหี้ยเบี้ยว  มึงโยนมาให้กู   กูกับมึงก็มีสัมพันธ์กับอีพลอยอีลัดดาและคนอื่นๆเหมือนกันแหละว้า เสือกโยนให้กู
คนเดียว   ไอ้สนตอบเพื่อน
       ก็จริงนี่นา  มึงไม่เชื่อลองถามพวกมันดูก็ได้  ถ้าเลือกจะให้มันเลือกใคร   พูดจบก็หัวร่อลั่น
   ถ้าให้พวกกูเลือก  ก็เลือกไอ้สนทั้งหมดแหละโว้ยไม่ต้องเถียงกัน ส่วนไอ้แม้นยกเว้นไม่มีปัญญาหรอกนอกจากหากกู
เป็นจริงมึงอย่าหึงหวงก็แล้วกัน   แล้วพวกหล่อนก็หัวร่อ รวมทั้งอีชบาด้วยซึ่งลงมาร่วมฟังได้ยินพอดี
      ก็ใช่ของมึงแหละว๊ะ......พ่อกำนันก็ไม่ยอมเห็นร่ำๆว่าจะหาเมียให้ไอ้แม้นอยู่   กูแอบไปได้ยินมาว๊ะ  ไอ้เบี้ยวเอ่ยขึ้น
      ใครว๊ะ????.....ทั้งหมดร้องถามโดยพร้อมเพรียงกันทันที.................

                       *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
14 พฤศจิกายน 2553 22:56 น.

อทิสมานกาย ๑๑

แก้วประเสริฐ

76.gif
                           อทิสมานกาย  ๑๑

     หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป  ชายหนุ่มโชติซึ่งร่ำเรียนวิชาจากพลวงพ่อและพ่อแม่ได้สำเร็จแล้ว  ก็พลันนึก
ถึงสิ่งที่เขานำมาและเก็บไว้ในห้องซึ่งอยู่ภายในห้องนอนของเขา     หลังจากสวดมนต์ไหว้พระแล้ว
เขาก็นึกถึงเรื่องหุ่นพยนต์อาจารย์ดำที่เขาได้กำหลาบไว้  และเก็บร่างทั้งสองตัวซึ่งร่างกายมันทั้งสองได้ขาด
ออกจากกันทั้งคู่  เขานำมานั่งพิจารณาเห็นเป็นหุ่นที่สร้างจากดิน  เขาคิดว่าคงจะไม่ใช่ดินธรรมดาแน่นอน
แต่ร่างภายในทำโครงหุ่มห่อไว้เป็นผ้าซึ่งอาจจะเป็นผ้าที่เขียนยันต์กำกับไว้แน่นอน  ด้วยเห็นลายเส้นที่
พอจะมองออกจากด้านภายในที่ขาดออกจากกัน   ซ้ำยังหุ้มห่อด้วยสีผึ้งสีออกมอๆเหลืองๆไว้กำกับโครงร่าง
      ตลอดทั้งร่างยังถูกมัดด้วยด้ายสายสินธ์อีกชั้นหนึ่งพร้อมทั้งชุบยางรักจนดำไว้   บนตัวหุ่นนั้นมีการเขียนยันต์
อักขระขอมแลเห็นจางๆ    ลักษณะของหุ่นนั้นกางมือกางขาทั้งหมดทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก   
ในหุ่นนั้นมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพถึงแม้จะถูกยางรักดำๆชุบไว้อีกทีก็ตามส่งกลิ่นโชยออกมาคละคลุ้งไปทั่วห้อง
ส่วนสีผึ้งที่หุ้มไว้ไหลย้อยออกมาเล็กน้อย  แต่เขาเอาสิ่งที่พอจะหาได้ในขณะนั้นมาหุ้มห่อร่างหุ่นไว้ก่อนจึง
นำมาพร้อมวิญญาณที่ถูกปลุกด้วยอาคมใส่ไว้ในท่อนไม้แห้งที่หาได้ในที่นั้น
   โดยใช้ผ้าขาวม้าหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่งผูกมัดชายไว้  คิดว่าจะเอาไปให้พ่อเขาดู   แต่ความคิดมาเปลี่ยนภายหลังจึงไม่ได้
บอกให้พ่อแม่รู้  นอกจากเอาของที่พ่อมอบให้เขาไปส่งคืนเท่านั้น  และเล่าเหตุการณ์ให้พ่อแม่เขาฟัง  พอพ่อฟังก็หัวร่อ
    พลางกล่าวว่ามันร้ายนัก พ่อรู้จึงได้เพิ่มอาคมให้แก่ควายธนูอีกแรงหนึ่ง  แล้วขอตัวไปนอนเสียทั้งพ่อและแม่  

เขานึกถึง ในขณะที่กำหลาบหุ่นนั้นเขาใช้วิชาอาคมนำวิญญาณที่สิงสถิตย์อยู่บนร่างหุ่นมิให้หนีไปไหน ด้วยการนำเอา
ท่อนไม้แห้งที่ริมทางมาเรียกเจ้าวิญญาณหุ่นให้สิงในท่อนไม้เล็กๆมิให้หนีไปไหนได้  
    พลันขณะนั้นเขาคิดถึงคำพูดของผู้เฒ่าที่เขามักจะไปวัดเสมอๆว่า  หากหากผู้ใดปล่อยสิ่งปล่อยของออกมาแล้วหากถูกจับได้และส่งย้อนคืนกลับไปหาเจ้าของเดิม เมื่อไหร่เจ้าของเดิมก็จะต้องลำบากแน่นอน  ยากจะแก้ไขได้
    เขายังจำได้อย่างแม่นยำ  จึงคิดว่าในเมื่อมันประสงค์ร้ายและเขาได้เรียนรู้วิชาอาคมมามากมาย
ผ่านการทดสอบไว้แล้ว   จึงอยากจะขอลองวิชาว่าจะจริงตามได้ยินมาหรือไม่   อีกอย่างหนึ่งเขาคิดคนอย่างอาจารย์ดนั้น   คงจะไม่ใช่คนดีช่วยเหลือผู้อื่นแน่  คงเที่ยวระรานถึงได้ทำเช่นนี้   
            ดังนั้นเขาจึงนำหุ่นทั้งสองมาพิจารณาต่อเข้าด้วยกันวางไว้บนจาน   หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้อง  
หันไปบอกแก่หญิงสาวซึ่งนั่งเคียงข้างมองการกระทำเขาอยู่ว่า.........
          อ้อยๆ....พี่ฝากดูแลหน่อยนะเดี๋ยวพี่จะกลับมาจ๊ะ
          อ้าวแล้วพี่จะไปไหนล่ะ  นี่ก็ดึกมากแล้วนะ????......   หญิงสาวถามด้วยความสงสัย???...
          พี่จะไปยังป่าช้าวัดเราหน่อย  ไม่นานหรอก   แต่หากพ่อแม่ถามว่าไปทำไม  ให้บอกว่าไม่รู้พี่ไม่ได้สั่ง
ไว้เพียงแต่ให้เฝ้าของนี้ไว้   แต่อย่าให้ท่านเห็นนะให้ อ้อย รีบออกไปต้อนรับก่อน แต่หากท่านไม่มาก็เฝ้าไว้
พี่คิดว่า   ท่านคงจะนอนหลับไปแล้วด้วยต้องไปทำงานที่ไร่อีก

       แล้วชายหนุ่มก็ค่อยๆแง้มประตูเดินไปยังรถจักยานรีบขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว  ระยะป่าช้าวัดกับบ้านเขานั้น
ไม่ห่างกันมากนัก   เมื่อเขาถึงยังป่าช้าที่ตอนนี้เงียบสนิท  เขายืนภาวนาสักครู่หนึ่งก็เดินเข้าไป  ไม่มีสิ่งใดๆเกิด
ขึ้นนอกจากได้ยินเสียงหมามันหอนกันในวัดอยู่เท่านั้นเอง   อากาศตอนนี้มึดเขานำไฟฉายติดตัวมาด้วยจึงทำให้
แลเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวล้วนแล้วด้วยหลุมฝังศพ เรียงรายติดๆกันไปตามแบบฉบับคนบ้านที่ห่างไกลความเจริญ
       ชายหนุ่มเดินไปยังที่กลางป่าช้า ยกมือขึ้นภาวนา    สักพักเสียงลมพัดอู้ๆมา  บรรดาต้นไม้ต่างไหวเอนไปทั่ว
ร่างดำทะมึนร่างหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเขา   เขากล่าวขอขมาด้วยรู้ว่านี่คือนายป่าช้าที่ควบคุมบรรดาพวก
สัมพเวสีทั้งหลายอยู่    ร่างนั้นกล่าวขอโทษเขาว่าช่วงนั้นไม่ได้อยู่เฝ้าดูแลจึงเกิดเหตุร้ายขึ้นแก่เขา  ด้วยต้องไปเฝ้า
ผู้ใหญ่และรายงาน   พอกลับมาถึงได้รู้ว่าจะลงโทษมันแต่มันทั้งหมดได้หนีหายไปอยู่ที่วัดบางกระดี่หมดแล้ว
ร่างที่มองเห็นดำทะมึนเอ่ยขึ้น    พลางกล่าวว่า.....

        แล้วพ่อหนุ่มมานี่มีธุระอะไรหรือ.....ข้าพอจะช่วยเหลือได้ไหม???...
ชายหนุ่มยกมือไหว้ พลางกล่าวว่า  
         ขอบคุณมากครับผมมารบกวนท่านและบรรดาพวกๆหรือเปล่าล่ะ??...
          ไม่หรอกพ่อหนุ่ม  ฉันรู้แล้วตั้งแต่พ่อหนุ่มย่างเข้ามา พ่อหนุ่มเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนน่ารักมากที่ขอขมาฉัน
ตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามา   และยังมาขอขมาฉันอีก    ฉันถึงได้ปรากฏตัวเพื่อจะช่วยเหลือพ่อหนุ่มนะฉันรู้ว่าพ่อหนุ่มต้องการ
อะไร  เชิญได้เลยฉันจะนำไปเอาของที่แรงๆที่สุดในที่นี้ให้นะ....   ชายหนุ่มหันไปยกมือไหว้พลางกล่าวว่า...... 
        ขอบคุณท่านนายป่าช้ามากที่กรุณากับผม  อันที่จริงผมเองก็ไม่อยากจะทำหรอก  แต่มาคิดว่าหากไม่ทำคนดีๆก็จะ
ต้องถูกรังแกอยู่เรื่อยๆ
        จริงของพ่อหนุ่มแต่ระวังตัวหน่อยนะ  มันไม่ใช่คนในเมืองนี้เรา  มันมาจากนอกเมืองแต่ตอนนี้มันสู้พ่อหนุ่ม
ไม่ได้แล้วหรอก   หากได้ดินที่ฉันจะให้ไปด้วยรับรองว่ามันถึงฆาตแน่นอน..... นายป่าช้ากล่าว

       ผมเพียงคิดจะลงโทษมันเท่านั้นไม่อยากให้ถึงตายหรอกครับ   ชายหนุ่มกล่าว
       พ่อหนุ่มเป็นคนดี   แต่ว่าดีก็ต้องว่ากันไปในส่วนดี  ไม่ดีก็ต้องว่ากันในส่วนที่ไม่ดี  อีกอย่างหนึ่งท่านผู้ใหญ่ท่านก็รู้
และบอกฉันไว้ด้วยว่า   อีกไม่นานคนชั่วร้ายจะถูกกำหลาบฉันนึกฉงนเหมือนกันว่าใครจะมาปราบมัน ไม่คิดว่าจะเป็น
พ่อหนุ่มนี่เอง     นายป่าช้ากล่าวขึ้น
       แล้วแต่บุญแต่เวรเถอะ  หากมันแก้ไขไม่ได้ก็แสดงว่าถึงฆาตจ๊ะ   ชายหนุ่มตอบผีนายป่าช้า
       อย่าคิดมากเลยล่ะพ่อหนุ่ม   มาๆนี่ก็ใกล้ๆจะถึงแล้วล่ะ   
    แล้วผีนายป่าช้าก็เดินนำหน้าชายหนุ่มไป  พอเลี้ยวพุ่มไม้ก็เป็นโคกที่ใช้ฝังศพๆหนึ่ง    เขาได้ยินเสียงนายป่าช้า
พึมพรำเบาๆกับหลุมศพ
      ฉับพลันหลุมศพที่ถูกดินทับไว้ก็แยกแตกออกจากกัน แลเห็นโลงผุเก่าๆที่นอนไว้ด้วยโครงกระดูกที่ค่อนข้างจะป่น
อยู่แล้ว ส่วนโลงผุพังไปแค่ยังมองออกว่าเป็นโลงอยู่ด้วยยังมีลักษณะเป็นโลงไม้เก่าๆผุๆพังๆ    
      ผีนายป่าช้าหันไปบอกกับชายหนุ่มทันทีว่า  ให้ไปขุดตรงกลางระหว่างโลงและโครงที่ผุๆนั้นได้แล้ว  เขาอนุญาต
ด้วยฉันบอกเล่าให้เขาฟัง   อดีตศพนี้เป็นอาจารย์วิทยาคมแก่กล้าคนหนึ่งแต่เขาประพฤติตัวอยู่ในศีลธรรม หมดวาระ
ญาติพี่น้องไม่มี  หลวงพ่อท่านก็นำมาจัดการสวดศพแล้วนำมาฝังไว้ที่นี่  พร้อมทั้งยังลงอาคมไว้ด้วย  ฉนั้นดินแถวนี้
จึงขลังกว่าดินตามหลุมศพอื่นๆอีกนะ
       ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังเช่นนั้น  เขาก็ก้มลงกราบยังหลุมฝังศพขอขมาที่ต้องขอเอาดินไปประสานกับหุ่นไว้ด้วย
เสมือนจะรับรู้   ดินตรงใจกลางหลุมนั้นก็พลันแตกแยกอีกชั้นหนึ่งมีห่อผ้าเล็กๆซุกอยู่  แต่ผ้าที่ห่อได้เปื่อยไปหมดแล้ว
แต่ยังพอจะหลงเหลืออยู่บ้างภายในซุกอะไรไม่รู้เขาฉายไฟไปดูเห็นเป็นวงกลมๆ นอกนั้นคงเหลือเพียงแต่เนินเล็กๆ
เท่านั้น  แต่แปลกอย่างหนึ่งดินนั้นกลับมีสีแตกต่างกันหลายๆสี ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดงหรือดำ แต่นี่เป็นสีออกเทาๆ
ปะปนกับสีอื่นๆอยู่ล้อมรอบห่อผ้าที่ใช้คลุมอะไรไม่รู้เป็นวงกลมๆ

      ครั้นชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็ยกมือไหว้โครงกระดูกและก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมโลงต้องฝังสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย
 เสียงนายป่าช้าเตือนเขาว่า
      รีบๆหน่อยพ่อหนุ่ม  อาจารย์เขาอนุญาติหลีกทางให้แล้ว  พ่อหนุ่มอาจจะสงสัยที่เห็นในห่อผ้าเปื่อยนั้นคือใบลาน
ที่จารึกวิชาต่างๆของอาจารย์ท่านนี้ไว้  แต่ยังม้วนเป็นวงกลมไว้พ่อหนุ่มเอาไปศึกษาเพิ่มเติมก็แล้วกัน ส่วนดินที่ใต้
ใบลานนั้นพ่อหนุ่มขุดเอาไปให้พอก็แล้วกันนะ
       เมื่อเขาได้ยินเสียงเร่งของผีนายป่าช้าเช่นนั้นก็อดถามไม่ได้ว่า   ท่านอาจารย์ท่านนี้ชื่ออะไรหรือท่านนายป่าช้า
เวลาผมร่ำเรียนจะได้รำลึกบูชาไว้ด้วย 
       เสียงนายป่าช้าหัวร่อเบาๆ   พลางกล่าวว่าเขาเองก็ดีใจที่จะได้คนดีมารับการถ่ายทอดที่เขาไม่แสดงตัวนั้นไม่ต้อง
การให้มีเรื่องมากนัก   เขาชื่อเลื่อมจ๊ะพ่อหนุ่ม
       ชายหนุ่มท่องชื่อจดจำไว้  แล้วกล่าวขึ้นว่า   ผมชื่อโชติครับอาจารย์เลื่อมหากอย่างได้ช่วยแนะนำสั่งสอนด้วยครับ
กระแสลมพัดอย่างแรงมากระทบร่างชายหนุ่มทันที   ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งมันรู้สึกเย็นยะเยือก คล้ายๆกับหลวงพ่อทอง
ที่เรียกเขาไปเป่ากระหม่อมไม่ปานเลย   
       หลังจากชายหนุ่มลงไปในหลุมแล้วนำเอาใบลานเก่าๆค่อนข้างจะผุพังพร้อมขุดดินมาห่อไว้ที่ชายผ้าขาวม้าคนละ
ข้าง   แล้วยกสะพายคล้องคอไว้  ก้าวขึ้นจากหลุม  
    หันไปทางนายป่าช้าแล้วยกมือไหว้ พร้อมทั้งหันไปยกมือไหว้เจ้าของหลุม  ที่มีชื่อว่าอาจารย์เลื่อมกล่าวขอขมาฝาก
เนื้อฝากตัวไว้ด้วย

        ผมขอกราบขอบพระคุณท่านทั้งสองที่กรุณาแก่ผมครับ   พลางยกมือขึ้นไหว้มาทางนายป่าช้าและข้างๆ
แล้วผมจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้อย่างสม่ำเสมอ   จะหมั่นศึกษาร่ำเรียนวิชาจากใบลานก็ขออาจารย์จงช่วยดล
บันดาลให้สำเร็จด้วย   ผมขอกราบลากลับนะครับด้วยจะรบกวนเวลาท่านทั้งสองมากไปครับ     
ผีนายป่าช้าก็กล่าวขึ้นว่า
      จำเริญๆเถอะพ่อหนุ่ม  อาจารย์เลื่อมท่านยิ้มแย้มแจ่มใสอวยพรด้วย  และบางทีจะติดตามไปช่วยแนะนำให้อีกทาง
หนึ่ง  แต่อย่ากลัวนะ   ผีนายป่าช้ากล่าวขึ้น......
      หลังจากร่ำลาแล้วชายหนุ่มก็รีบออกจากป่าช้า ไปยังจักรยานแล้วรีบปั่นอย่างรวดเร็วเดินทางกลับบ้านทันที
เมื่อเขาจูงรถจักรยานผ่านรั้วเข้ามา  ก็แลเห็นหญิงสาวและเด็กผมแกละกำลังเล่นกันอยู่  ทั้งสองหันมาทางเขาแล้วก็ส่ง
ยิ้ม  หญิงสาวพลางกล่าว่า
       เรียบร้อยแล้วหรือพี่.... หญิงสาวตอบ
      กำลังเล่นกันอยู่หรือชบา   เดี๋ยวพี่จะรีบไปทำหน่อยนะด้วยนี่ก็ย่างเข้าวันเสาร์แล้วจะต้องทำก่อนสว่าง  
 ชายหนุ่มกล่าว
      อ้าวถ้าพี่ทำเสร็จแกละก็มีเพื่อนเล่นอีกซีพี่   เจ้าแกละหันมาตอบบ้าง
      คงไม่อย่างนั้นนะ   อ้าว!!!!???.....แล้วไม่ไปชวนพี่อ้อยเขามาเล่นด้วยล่ะ???.......
      พี่อ้อยเขาคอยเฝ้าของให้พี่อยู่จ๊ะ  เมื่อกี้นี้ชบาไปชวนเขาแล้วจ้า   หญิงสาวตอบ
       เอาล่ะๆ....พี่ไปก่อนนะนี่ก็จวนจะได้ฤกษ์อยู่แล้วล่ะ   ชายหนุ่มกล่าวเสร็จก็รีบเดินขึ้นบันไดไปเข้าห้องเขาทันที

       พอเปิดห้องก็แลเห็น สาวอ้อยยังนั่งมองหุ่นที่วางอยู่บนจานที่ชายหนุ่มต่อไว้แต่ยังเป็นรอยขาดอยู่
ครั้นชายหนุ่มเดินเข้ามา   อ้อยก็ถามว่าทำไมไปนานนักล่ะพี่โชติ
       อ้อ???...พี่ไปคุยกับผีนายป่าช้ามาและได้วิชาจากอาจารย์เลื่อมมาอีกด้วยจ๊ะ นี่ไง   พลางปลดผ้าขาวม้าที่คล้องคอไว้
แก้ปมอีกปลายหนึ่งออกมา   เขาเห็นหญิงสาวสะดุ้งถอยหลังกรูดๆๆ   ไม่ต้องกลัวหรอกจ้าเป็นแค่ใบลานเก่าๆไม่รู้ว่า
จะอ่านได้อีกหรือไม่   กล่าวจบก็รำลึกยกมือไหว้อาจารย์เลื่อมบอกกล่าวว่าหญิงสาวอ้อยเป็นคนของเขาเอง
     ดังนั้นเห็นสาวอ้อยยิ้มออกมาได้  พลางกระเถิบเข้ามาใกล้ๆมองดู  เห็นเป็นใบลานที่ม้วนเป็นวงกลมๆไว้  ชายหนุ่ม
จึงนำไปวางไว้ที่หัวหมอนเขาทันทีพร้อมยกมือไหว้ไปทางหน้าประตูห้อง    แล้วรีบมาแก้ปมอีกด้านหนึ่งของผ้าขาวม้า
เป็นดินสีเทาหลากสี    เขาจึงนำมาพร้อมทั้งยกหุ่นที่ร่างขาดออกมาตัวหนึ่งพร้อมนำดินนั้นมากเสกมนต์สักพักใหญ่แล้วพันต่อร่างหุ่นไว้มิให้ขาดกลางพร้อมนำเชือกที่เขาเตรียมไว้พร้อมผ้าขาวเล็กๆมาแล้วมา
ท่องมนต์สักครู่หนึ่งเอาผ้าพันรอบเอวที่ขาดแล้วเอาเชือกรัดไว้   แล้วก็ไปทำกับอีกตัวหนึ่งเหมือนๆกัน   
      ครั้นเสร็จแล้ว  เขาก็นำหุ่นทั้งสองไปวางยังที่เดิม   พลางหันไปหยิบท่อนไม้สองท่อนที่ยังหลังตู้เสื้อผ้าเขาออกมา
วางเคียงข้างหุ่นแต่ละตัว   พร้อมหันไปบอกอ้อยให้ออกไปจากห้องได้แล้ว  ไปเล่นกับพวกชบาและเจ้าแกละก่อน
      อ้อย....ไปเล่นเถอะนะพี่จะต้องทำพิธีคนเดียวจ้า
      อ้อยจะคอยนั่งเฝ้าที่หน้าประตูห้องไม่ได้หรือพี่   อ้อยไม่ค่อยยากจะไปเล่นมันรู้สึกชักจะอายๆอย่างไรชอบกล
หญิงสาวเอ่ยขึ้น???.....

      อย่างงั้นก็ได้แต่ห้ามอ้อยเข้ามาจนกว่าพี่จะเปิดประตูนะ  หากได้ยินเสียงอะไรก็ไม่ต้องเข้ามานะจำคำพี่ไว้ด้วย...
ชายหนุ่มสั่งสาวอ้อยทันที......
       จ้าพี่....อ้อยเชื่อพี่อยู่แล้ว   เสียงอ้อยรู้สึกจะแช่มชื่นเมื่อเขาอนุญาตหล่อน
ดังนั้นเขาจึงรีบไปปิดประตู  หลังจากสาวอ้อยเดินออกไป   เขาเดินไปที่จานที่วางร่างหุ่นไว้    แล้วนั่งสมาธิภาวนา
วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาจากตาที่สอนแม่ไว้และได้ถ่ายทอดให้แก่เขา  เรื่องเกี่ยวกับหุ่นพยนต์
       สักครู่หนึ่งเสียงลมพัดอู้ๆๆจนหน้าต่างเปิดเข้าเปิดออกประตูก็เปิด  แต่แปลกจริงๆ  พ่อแม่เขาไม่ได้ยินหรือว่า
ท่านคงจะรู้แล้วกระมัง
      เขาเพ่งวิชาของพ่อด้วยวิชากสิณที่ร่ำเรียนมาพลางเพ่งไปยังท่อนไม้ทันที  ฉับพลันเงาดำๆพวยพุ่งออกจากท่อนไม้
ทันที  พุ่งมาหาเขาแต่ก็ต้องชะงัก  เขาร่ายมนต์กำกับไว้  เสียงมันร้องอย่างโหยหวนแล้วในที่สุดก็คุกเข่าลงยังเบื้องหน้า
เขา      ชายหนุ่มกล่าวว่า
      บัดนี้ข้าจะชุบชีวิตใหม่ให้แก่พวกเอ็ง  ต่อไปเอ็งต้องเป็นพวกของข้าจำไว้ด้วยอย่าทำอะไรโดยที่ข้าไม่สั่งนะ...
      นายจะให้ข้าทำอะไรหรือ  หากว่านายชุบชีวิตข้าไว้ให้เกิดอีกครั้งหนึ่ง   ข้าขอสาบานว่าจะอยู่รับใช้นาย เชื่อฟังนาย	
      งั้นเอ็งก็เข้าไปในร่างของเอ็งได้แล้วข้าทำพิธีต่อร่างใหม่ให้เอ็งแล้วล่ะ....
 มันทั้งสองหันไปมองยังร่างที่ใส่จาน   แล้วหันมากราบชายหนุ่มทันที  ข้าทั้งสองขอขอบใจนายที่กรุณาแก่ข้าเว้นการ
กักขังข้าไว้     ครั้นแรกนึกว่าจะนำไปฝังให้ข้าทุกข์ทรมานเสียอีก   มันกล่าวสีหน้าแสดงความขอบคุณชายหนุ่ม
     ไม่หรอก....ข้าไม่ใจร้ายเหมือนอาจารย์ดำเก่าของเอ็งหรอก  

แต่จะให้เอ็งทำแต่ความดี  เพื่อช่วยเหลือพวกมนุษย์ที่ดีๆจะได้เป็นบุญกุศลแก่เอ็งต่อไป  เวลาจุติไปจะได้ไปบังเกิดใน
ภพดีๆ   แม้ว่าวิญญาณเอ็งมาสิงในหุ่น      ก่อนนั้นเอ็งคงจะทำแต่ความชั่วช้าโหดร้ายมาก  อาจารย์ดำถึงสร้างเอ็งขึ้น
มา  เป็นไงพอถึงตัวเองจะรู้สึกว่าเจ็บปวดมากแค่ไหน   ให้เขาใช้วิชาบังครับเอ็งโดย  เขาใช้ทำให้สิ่งที่ชั่วร้าย   
แต่ข้าจะให้เอ็งทำแต่ในสิ่งดีๆ    หัดเป็นคนรู้จักบาปบุญคุณโทษ จะได้ผ่อนหนักเป็นเบากับเขาบ้าง
        ปีศาจหุ่นทั้งสองกล่าวว่า  ที่จริงก่อนนั้นข้าเองก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอะไรหรอกนาย  ด้วยเมืองที่ข้าอยู่นั้นเกิด
สงครามฆ่ากัน   และมีคนที่มีอำนาจมาฆ่าพ่อแม่พี่น้องข้าจนหมดไม่ยกเว้นแม้แต่เด็กๆและหญิงทั้งสิ้นต่างตายหมด  
 ข้าทั้งสองจึงได้ต่อสู้เพื่อป้องกันตัวและหาพวกไปปล้นพวกมันเพื่อแก้แค้นพวกมันที่มาทำกับพวกข้าก่อน  โดยกลับไปและฆ่าคนที่มาฆ่าพวกของข้าเอง  แต่มันกับทางการรู้กันจึงส่งทหารมาล้อมพวกข้าและฆ่าพวกเราเสียหมด 
 แรกๆข้าก็ทำมาหากินโดจสุจริต   
        ด้วยความจำเป็นจึงต้องโหดเหี้ยมมิฉะนั้นอยู่ไม่ได้จ้า   พวกข้าทั้งสองเป็นหัวหน้า
รวบรวมกลุ่มที่ถูกฆ่าตาย ซึ่งมิได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย  ออกไปทำไร่กันหมด กลับมาถึงได้รับรู้มันทรมานพวกข้า จึงได้
ต่อต้าน  กิติศัพท์ข้าเลื่องลือไปไกลและมาถูกฆ่าตายด้วยพวกข้ายกพวกไปฆ่าพวกที่มาฆ่าพ่อแม่พี่น้องข้าจนพวกมัน
ตายหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก  และยังยกพวกไปปล้นพวกทหารฆ่าพวกมันที่ร่วมมือกันมาฆ่าพวกหมู่บ้านเรา  
       ฉนั้นอาจารย์ดำจึงไปนำข้ามาเลี้ยงไว้ด้วยเห็นว่าฆ่าไม่เกรงกลัวใครๆแต่เขามอมเมาข้าด้วยวิชาอาคมบังคับแต่สู้เขา
ไม่ได้  มันให้ข้าไปทำให้สิ่งบางครั้งข้าก็ไม่อยากทำแต่ต้องทำ  ด้วยตกอยู่ในอำนาจของมัน ปีศาจทั้งสองกล่าวกับชายหนุ่ม         ถ้าอย่างงั้นเอ็งก็ไม่ใช่คนโหดเหี้ยมในสันดานนี่หวา   เอาล่ะหากมาอยู่กับข้า  ข้ารับรองว่าจะไม่ใช้พวกเอ็ง
ในทางที่ผิดหรอก  และจะให้เอ็งสร้างแต่ผลบุญกุศลรู้จักธรรมบ้าง 
ข้าเองก็จะสั่งสอนทางธรรมให้เอ็งรับรู้ไว้บ้างจะได้ค่อยๆคลายจิตที่ถูกบังคับเกาะกุมมานาน   ชายหนุ่มตอบ

        หากข้าได้นายเช่นนี้ข้าขอสาบานว่าจะจงรักภักดีแก่นายและจะทำความดีไม่จำเป็นจะไม่ฆ่าใครเด็ดขาดจ้า  มัน
รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ  พร้อมก้มลงกราบชายหนุ่มทันที
        ถ้าอย่างนั้นเอ็งจงไปสู่ยังร่างหุ่นของเอ็งได้แล้ว นี่ก็จวนจะได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว  ข้าจะได้ปลุกเสกเอ็งให้ฟื้นแถม
ยังมีพละกำลังอำนาจมากกว่าเดิมอีก   ชายหนุ่มกล่าว
       ร่างปีศาจสองตนเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ก้มลงกราบชายหนุ่มทันที  มันทั้งสองนึกในใจว่า   ชายหนุ่มรูปร่างหล่อคนนี้
เหตุใดจึงมีวิชาอาคมเก่งกาจเหลือหลายนัก   แล้วร่างมันก็ค่อยสลายเป็นควันทางยาวพุ่งไปยังร่างของหุ่นที่ชายหนุ่ม
วางไว้ในจานทันที
       ครั้นชายหนุ่มเห็นดังนั้น   ก็เข้าฌานสมาธิเดินลมปราณทั้งทางฌานและทางกสิณ ด้วยอำนาจที่บริสุทธิ์แห่งจิตใจ
ร่างของหุ่นพยนต์ก็เริ่มไหวตัว ลุกขึ้นยืนบนจานนั้นทันที   ชายหนุ่มรีบพรมน้ำมันที่เขาสร้างขึ้นไว้มีกลิ่นหอมมาก
พรมลงไปยังร่างของหุ่นทั้งสองทันที พร้อมร่ายพระเวทย์กำกับไว้อีกคาบ   พร้อมใช้คาถาอาคมถอดถอนมนต์ต่างๆ
ที่อาจารย์ดำทำไว้ แล้วใช้อำนาจจิตเขียนยันต์ลงแทนพร้อมทั้งจารอักขระเสียใหม่ กลิ่นเหม็นสาปสางก็หายไป 
บังเกิดกลิ่นหอมใหม่ขึ้นมาแทนที่พร้อมทั้งพรมน้ำมนต์ที่เขาทำไว้สำทับลงไปอีกครั้งหนึ่ง เมื่อหุ่นนั้นฟื้นคืนชีพ
อีกครั้งหนึ่ง   จึงทำให้เจ้าหุ่นพยนต์นี้ รู้สึกตัวว่าร่างของมันมีพลังงานมหาศาลมากกว่าเดิมเสียอีกแผ่ซ่านเข้ามา
ซึมซ่านภายในกายหุ่นมัน  มันเหลือบมองไปยังบริเวณที่ถูกควายธนูขวิดขาดเป็นสองท่อน  บัดนี้หายสนิทไม่มี
บาดแผลใดๆเลย    มันจึงก้าวลงจากจาน   แล้วเข้ามาคุกเข่าก้มลงกราบชายหนุ่มทันที  รูปร่างหุ่นก็เปลี่ยนไปจากที่
เคยกางแขนขา  กลายกลับเป็นคล้ายๆคนธรรมดาไปด้วยมีรูปร่างใบหน้าเหมือนพวกกุมารทองมิผิด
          ชายหนุ่มกล่าวว่า  เอ็งไม่ต้องกลัวยันต์ที่ห่อหุ้มเป็นโครงร่างเอ็งหรอก ข้าได้ทำลายเสียสิ้นหมดแล้วไม่สามารถ
ทำอะไรหรือบังคับเอ็งได้อีกแล้ว  ในทำนองเดียวกันข้าได้ใช้อำนาจข้าสร้างยันต์ของข้าทับกำกับลงไว้แทนหมดแล้ว
อีกประการหนึ่ง  บรรดาสิ่งชั่วร้ายในการใช้บังคับเอ็งบัดนี้ข้าทำลายเสียสิ้น  และปรับแต่งกายเอ็งเสียใหม่ด้วยอำนาจ
ฌานกสิณของข้าหมดแล้ว  แต่ข้าจะให้เอ็งทำงานให้แก่ข้าอย่างหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์  ที่ไม่รู้วิชาอาคมถูกทำ
ร้ายเอ็งจะยอมทำหรือไม่     หากไม่ยินยอมข้าก็ไม่บังคับใจเอ็งหรอก   ชายหนุ่มกล่าวขึ้น.....

         ข้าอยากรู้ว่านายข้าชื่อไร??.... หุ่นตัวใหญ่กว่ากล่าว ส่วนข้าก่อนนั้นอาจารย์ดำเรียกข้าว่า แสง  ส่วนอีกตัวเรียกว่า
สิน  มันหันไปกล่าวกับชายหนุ่มด้วยความเคารพนอบน้อม
       ชายหนุ่มจึงกล่าวว่า  เอ็งเรียกข้าว่าโชติก็แล้วกัน ส่วนชื่อเดิมนั้นข้าจะตั้งให้เป็น แสงสี  กับสินชัย นะ เพียงแค่
เพิ่มขึ้นเท่านั้น
       หุ่นทั้งสองท่องชื่อมันและนายมันอย่างจดจำ   พลางกล่าวว่า
     แล้วนายจะให้ข้าไปทำอะไรหรือ???......  หุ่นทั้งสองถามขึ้น
     ข้าเพียงแต่ให้เอ็งย้อนรอยไปทำร้ายมันด้วยตอนนี้มันกำลังจะคิดชั่วร้ายจึงไม่อยากจะไว้ชีวิตมัน ด้วยข้ารู้มาว่ามันถึง
คราวต้องใช้กรรมเก่า  หากเป็นสิ่งอื่นคงจะทำมันไม่ได้นอกจากของที่มันเคยทำไว้เองด้วยการเรียกว่าหอกนั้นคืนสนอง
 วิชาอาคมมันย้อนรอยเท่านั้น  ชายหนุ่มกล่าวตอบ
      ตกลง....นายข้าจะไปจัดการให้ตามที่นายสั่งไว้ทุกๆประการจ้า.....มันทั้งสองกล่าวพร้อมเพรียงกัน
      ดีแล้วจะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่มันกำลังคิดจะทำอยู่กำจัดมันเสียก็แล้วกัน แต่อย่าให้มันสงสัยมันถามอะไรก็
ตอบมันไปตามสถานะการณ์แต่งเติมของเอ็งก็ได้ มันจะได้ไม่สงสัยอะไร  ไม่ระวังตัวมันก็จะถึงเวลาที่ลงมือได้
  ชายหนุ่มกล่าวหากจนปัญญาก็รีบกลับมาหาข้าก็แล้วกันนะ
      ครับนาย...... พอมันกล่าวจบร่างมันก็จางหายพุ่งออกจากหน้าต่างหายลับไปทันที..................

                          *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
13 พฤศจิกายน 2553 17:43 น.

อทิสมานกาย ๑๐

แก้วประเสริฐ

76.gif
                       อทิสมานกาย  ๑๐

         กำนันเองก็แสดงตนเป็นคนใจดีแต่ลึกๆนั้นซ่อนเล่ห์เหลี่ยมไว้ในใจหวังแต่ผลประโยชน์ทั้งสิ้น ใบหน้าจะยิ้ม
แย้มแสดงตนเป็นคนเห็นอกเห็นใจลูกบ้านเสมอๆ   โดยยินยอมให้กู้เงินแต่เพียงคิดเอาดอกเบี้ยไม่มากนัก
ไม่ยุ่งยากมากมายอะไร   หากมีสิ่งของเช่นพวกใบโฉนดที่ดิน นส.3   หรือใบจับจองที่ดินมา
   แต่มีข้อแม้ว่าต้องมาซื้อของที่บ้านแก  ได้แก่เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์และสิ่งอื่นๆที่แกขายเป็นต้น 
 และต้องนำสิ่งของที่ทำได้ทั้งหมดโดยให้มาส่งเฉพาะบ้านกำนันเท่านั้น 
 ห้ามไปซื้อขายกับพ่อค้าคนกลาง  มิฉะนั้นดอกเบี้ยจะขอเพิ่มมากเป็นสองสามเท่า      ตอนแรกแกคิดแค่ร้อยละบาท เท่านั้น  เพียงแค่นำใบจับจองหรือใบ นส.3 มาค้ำประกัน แต่จำนวนเงินนั้นไม่ต้องลง เพียงหาคนมาเป็นพยานก็พอ
  แกบอกว่าไม่ต้องกลัวแกจะเบี้ยวหรอกแกไม่ทำกับลูกบ้านแกด้วยเห็นใจทุกๆคน   หากยินยอมก็เอาเงินไปเท่าใดก็ได้กำนันกล่าว

          ดังนั้นชาวบ้านที่ล่มจมจากการทำไร่ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหนี้แกเกือบทุกครัวเรือน  เพราะหากไปที่ในเมืองก็ต้อง
ใช้เวลานาน จะไปกู้ ธกส.หรือก็เรื่องมาก  หากไม่มีนส.3หรือโฉนดก็ไม่ได้  แต่ชาวบ้านบางกระดี่เกือบทุกครัวเรือน
น้อยคนนักจะมี ใบ นส.3หรือโฉนดที่ดิน   ส่วนใหญ่แล้วการจับจองถึงจะหลายปีสมัยปู่ย่าตายายทวด
มาแล้วก็ตามแต่ทางอำเภอที่ดินก็ยังไม่ยอมออกใบ นส.3 ให้อ้างสิ่งต่างๆนาๆเสมอ หรือก็ต้องไปหลายๆครั้ง
ยกเว้นพวกกำนันทั้งนั้นที่จะได้รับ   และคนกู้เงินก็ล้วนแล้วแต่เป็นใบจับจองเกือบทั้งสิ้นเฉพาะหมู่บ้านบางกระดี่
ทางกรมที่ดินมักจะหาเหตุเรื่องต่างๆนาๆมาอ้างเสมอ จนชาวบ้านรำคาญ บางรายต้องไปหลายๆรอบ ไปแต่ละครั้ง
ก็ต้องหาที่นอนในเมือง  ด้วยระยะทางมันใช้เวลาเป็นวันๆ   ส่วนใหญ่อิทธิพลกำนันจะควบคุมทางการไปหมด

         เหตุดังนี้พวกชาวบ้านจึงต้องยอมแกทุกๆอย่าง  พอนานๆเข้า   กำนันก็มีที่ดินเป็นจำนวนมากด้วยชาวบ้านไม่มี
เงินส่งค่าดอกหรือไถ่ถอนคืน กลายเป็นผู้เช่าอาศัยแกอยู่และต้องทำตามคำสั่งแก    กำนันจึงสามารถชี้นกเป็นนกชี้ไม้
เป็นไม้ได้เกือบจะทุกๆหลังคาเรือนเลยทีเดียว  ซ้ำร้ายยังคิดของที่แกรับไว้มาขายอีกด้วย
โดยการบังคับให้ซื้อไว้  ส่วนราคาที่แกจำหน่ายก็สูง  ผลผลิตหรือก็ได้พอสมควรตามแต่แกจะตั้งราคาให้  โดยคนของแกจะอ้างโน่นอ้างนี่ต่างๆนาๆ
   พวกชาวบ้านที่กู้เงินแกก็จำยอมรับดีกว่าจะไม่ได้อะไรเลย  คนกลางหรือก็จะเข้ามายังหมู่บ้านไม่ได้ด้วยกลัวเกรง
อิทธิพล   เคยมีมาเหมือนกันแต่ก็ต้องถูกปล้นกลางทางเสมอ  จนพวกนั้นขยาดไม่กล้าเข้ามาในหมู่บ้านนี้
       ดังนั้นกำนันจึงครอบครองทั้งผลผลิตการจำหน่ายจากชาวบ้านแต่เพียงผู้เดียว  ส่วนผู้มาซื้อต่อนั้นก็ต้องได้รับ
การอนุญาตจากกำนันเสียก่อนถึงจะเข้ามาซื้อของจากแกได้ในราคากลางโดยปลอดภัย

              ฐานะคนในหมู่บ้านบางกระดี่จึงไม่ดีนักไม่เหมือนกัน  หากเป็นพวกของแก่ก็ล้วนแล้วจะมีฐานะดีทั้งนั้น
ซึ่งต่างกับคนหมู่บ้านโคกอีแร้งอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ  ทุกๆคนสมานสามัคคีกลมเกลียวกันช่วยเหลือกันและกัน
กำนันหมู่บ้านบางกระดี่จึงหมายมั่นปั้นมือนักว่าจะเข้าไปแทรกแซงคนหมู่บ้านโคกอีแร้ง    ส่งคนไปก็แล้วจะหา
วิธีการกลั่นแล้งนานาประการจากทางจังหวัดก็แล้ว   ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ผล  จึงทำให้กำนันเจ็บใจมากนักด้วยไม่รู้
จะทำอย่างไรดี  ก็เลยหันไปทางหมู่บ้านอื่นที่อยู่ไม่ห่างไกลกันนัก   

            ถ้าหากแกต้องการลูกสาวใครในหมู่บ้านแกก็ย่อมจะได้  หากขัดขืนแกก็ใช้คนของแกไปฉุดมาเสียดื้อๆ 
 พ่อแม่ขัดขืนหรือมักจะต้องตายไปในเวลาไม่นานนัก    ดังนี้ก็มีคนในหมู่บ้านบางคนต่างอพยพหนีไปก็มากแต่
ก็ต้องหนีไปได้ไม่เท่าไหร่   มักจะไม่พ้นเงื้อมมือคนของแกจนชาวบ้านต่างพากันเกรงกลัวขยาดไปตามๆกัน
         ฉะนั้นอิทธิพลของแกจึงครอบคลุมหมู่บ้านบางกระดี่โดยสิ้นเชิง  ในเมื่อทุกๆคนลูกบ้านแกหมดสิ้นเนื้อ
ประดาตัวไม่มีเงินมีแต่กายที่ต้องทำไปเพื่อมีกินไปวันๆหนึ่ง   แกจึงเปลี่ยนวิธีการใหม่โดยไปคบกับเสี่ยเม้ง
และพวกตัดไม้ทำลายป่า  แก่เอาเกือบทุกๆอย่างที่ทำเงินให้แก่แกพร้อมอิทธิพลคอยหนุนหลังแก  เมื่อแก
ดำเนินกิจการใหม่  ยิ่งทำให้ฐานะแก่มั่งคั่งร่ำรวยมากยิ่งขึ้น  จนชื่อเสียงแกดังไปในจังหวัดจนสนิทกับผู้ว่าฯ

ตลอดจนผู้ใหญ่บางคน  แต่แกมีนิสัยดีอย่างหนึ่งคือถึงคราวเสียแกยอมเสียไม่เสียดายเงิน เท่าไหร่เท่ากัน
แต่เพื่อหวังผล   ในการปกครองคนในหมู่บ้านของแกตลอดความสะดวกกับทางการเสมอๆ ไปที่ไหนก็ได้รับ
การต้อนรับ  นับน่าถือตาจากพวกพ่อค้าหรือคนในวงราชการเสมอๆ ซึ่งผิดกับกำนันหมู่บ้านอื่นบางหมู่บ้าน   
            กูเสียไปเท่าไหร่ช่างหัวมันแต่กูต้องการอำนาจและเหตุการณ์ข้างหน้า    มันมักจะกล่าวกับลูกชายของมัน
เสมอๆ    มึงจงดูกูเป็นตัวอย่างไว้เลี้ยงคนก็ต้องอย่าเชื่อใจให้มากนักมันอาจจะแว้งกัดมึงเมื่อไหร่มึงก็ไม่รู้
 ยิ่งหากพวกชิดสนิทเท่าไหร่ก็ควรระวังไว้ให้มากด้วย  แดกเท่าไหร่แดกไปมันก็แค่อิ่มเท่านั้น
แต่หากมันต้องทำประโยชน์ให้แก่เรามากๆ   สิ่งได้จะมากกว่าที่มันแดกเสียอีก   
แล้วมึงก็อย่าเมาจนลืมตัวไปล่ะไอ้แม้น  กำนันมั่นกล่าวสอนลูก......

         เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับทางจังหวัดที่เป็นพวกของแกจึงทำให้กำนันหวั่นไหวใจมาก และพวกพ่อบางคน
โดนทางตำรวจในกรุงฯเข้ามาจับและคุมตัวเข้ากรุงเทพฯ  ล้วนแล้วแต่เป็นพวกแก  กำนันยิ่งตกใจกลัวว่าหากอ้าง
ว่าแกมีส่วนร่วมด้วยยิ่งทำให้แกยิ่งกลัวมากขึ้น  และสั่งพวกให้เพลาๆมือไว้ก่อน คอยรอจังหวะเหมือนเดิมเสียก่อน
 ซึ่งตอนนี้กำนันกำลังคิดหาหนทางอยู่ยังไม่รู้เลยว่าใครจะมา และแกจะเข้ากับเขาได้เหมือนสมัยก่อนได้หรือไม่
  แกมานั่งนอนคิดไป   ส่งคนของแกเข้าไปสืบในจังหวัดหากทราบว่าใครมาให้รีบกลับมารายงานแก   จนป่านนี้
ก็ยังไม่มีใครเข้ามารายงานแกสักคนเดียว   ส่งคนไปอีกเพื่อติดตามกลับมาแจ้งว่าแม้แต่คนทางการยังไม่รู้ว่าใครจะมา  
           ดังนั้นแกมักจะเรียกไอ้แม้นมาปรึกษากับมันเสมอๆ  แต่ส่วนใหญ่แล้วแก่จะหมกมุ่นอยู่กับกามารมณ์
เสียเป็นส่วนมากเพื่อระบายความเครียดที่แกกระวนกระวายใจแทนไปพลางๆก่อน  แท้จริงแล้วแกกลัวว่าจะลามมาถึงแกเองในภายหน้า    จึงหาทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะพอผ่อนคลายอารมณ์ให้บางเบาไปได้  โดยให้คนไปสืบหาสาวๆมาเพื่อรองรับอารมณ์ของแกแทน    และคอยฟังข่าวคราวๆเสมอดับอารมณ์ด้วยการกินเหล้าให้มันเมาๆไปวันๆหนึ่ง

        ในระยะนี้บ้านใครมีลูกเป็นหญิงพอใกล้จะเป็นสาวมักจะถูกส่งไปอยู่ที่อื่นเสียเป็นส่วนมากแอบหนีไป
  นับวันกำนันแกยิ่งขาดแคลนนอกเสียจากพวกติดของ ของแกเท่านั้น     แต่แกเป็นคนไม่ค่อยชอบเพราะพวกนี้
ร่างกายมักสกปรกเหม็น    แกกำลังคิดหาหนทางอยู่บ้านเรือนเฉพาะคนในบ้านที่อยู่ประจำโดยมีหญิงสาวเดิมอยู่  
       ส่วนบนแคร่ใต้ต้นมะขามก็กำลังสนุกสนานเฮฮากันด้วยพวกหนุ่มๆสาวๆกำลังเมาได้ที่ต่างหยอกเย้ากัน
เล่นจนบางครั้งก็ไม่อายฟ้าอายดินกันเลย     ในขณะที่บรรดาพวกลูกชายกำนันกำลังสนุกสนานเฮฮากันนั้น  
ไอ้แม้นก็ได้ยินเสียงเรียกดังออกมาจากริมรั้วหน้าบ้าน   ซึ่งตอนนี้อากาศมันมืดด้วยค่อนข้างจะเกือบข้างแรมมาก
       ไอ้แม้นโว้ย ๆ  ไอ้แม้น .......เสียงเรียกเป็นชายค่อนข้างชราแต่ร่างกายกำยำบึกบึนยิ่งนักกว่าวัยมากนัก
รูปร่างกายนั้นดำมะเลื่อมสักยันต์เต็มตัวแทบจะไม่มีที่ว่างเลยนอกจากใบหน้าไม่เว้นแม้แต่หน้าผากเท่านั้นเอง
ส่งเสียงตะโกนลั่น   อย่างมิเกรงกลัวใครๆ   ซึ่งแม้แต่กำนันเองยังเกรงใจมันเคยใช้มันให้ช่วยเหลืองานให้แก่กำนัน
บางอย่างซึ่งกำนันไม่อาจจะทำได้   แต่อาจารย์คนนี้ไม่เคยสร้างความผิดหวังเลย   กำนันได้ยินแล้วแต่ทำเป็นเฉยๆไว้

       ใครว่าไอ้สน.... เสียงไอ้แม้นส่งเสียงอ้อแอ้  ถามขึ้น   ด้วยอากาศมันสลัวด้วยตกเย็นๆมากๆแล้ว
        ไอ้สนป้องหน้าดูพลางเขม่นสายตา  แล้วกล่าวว่า...   อ้าวอาจารย์ดำหรือ....เฮ้ยไอ้แม้นอาจารย์มึงมาโน่นแน๊ะ??..
ไอ้แม้ทะลึ่งพรวดทันที  ลุกขึ้นยืน พลางไล่ให้อีชบาถอยออกห่างไปก่อนแล้วรีบกลับไปห้องมันเสีย อย่าให้อาจารย์
เห็นเป็นอันขาด   อีชบารู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงรีบวิ่งหลบไปไม่ยอมพบหน้าอาจารย์ไอ้แม้นก่อนที่จะแลเห็น   
  ไอ้แม้นรีบเดินสะเงาะสะแงะ  เซซ้ายเซขวา  รีบไปหาที่ริมรั้วทันที  รีบเปิดประตูรั้วที่ทำด้วยไม้อย่างดีล้อมรอบด้วย
คอนกรีตเสริมเหล็กกั้นเป็นบริเวณขอบสูงบนรั้วกั้นด้วยลวดหนามค่อนข้างสูง ด้วยการขายของผิดกฎหมาย
จึงป้องกันไว้    หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันข้างหน้า

       พอเห็นอาจารย์มันก็ยกมือไหว้  นึกว่าใครอาจารย์หรือ    เชิญ มาม๊ะมา อาจารย์เข้ามาเถอะมีธุระอะไรหรือ???..
    ชายชราร่างกายกำยำสักยันต์ตั้งแต่หน้าผาก  ตลอดร่างลำคอลงมาแกผิวดำอยู่แล้วยิ่งออกเป็นสีเขียวด้วยรอยสัก
ทั้งตัวผสมกับผิวแกที่ดำมะเลื่อมทำให้ร่างกายแกน่าเกรงขามนัก  เดินตามหลังไอ้แม้นมา   
    ไอ้แม้นบอกให้ไอ้เบี้ยวถอยห่างไปหน่อยเพื่อให้อาจารย์มันนั่ง  พร้อมรินเหล้าส่งให้อาจารย์มันทันที 
พร้อมถามว่า.....
        มีเรื่องอะไรหรืออาจารย์  ข้าพอจะช่วยได้ไหมล่ะ???......
       มีซิว๊ะ ไอ้แม้นงั้นกูจะมาหามึงเองหรือ  อยากจะให้มึงกับพวกมึงไปสืบดูซิว่า  ไอ้คนหมู่บ้านโคกอีแร้งมีใคร
เป็นหมอผีที่เก่งมากว๊ะ....
            อ้าวทำไมหรืออาจารย์ต้องไปถามหาพวกมันด้วยล่ะ???....  คราวนี้ไอ้แม้นชักสงสัย   พลางกล่าวขึ้นว่า
ก็เด็กๆของอาจารย์ล้วนแล้วแต่พวกผีทั้งนั้นมันไม่ง่ายกว่าหรือ ล้วนแต่ละตนเก่งๆทั้งนั้นนี่นา    หรือต้องใช้คนไป
สืบหาจะยากกว่านาอาจารย์......ไอ้แม้นถาม???....
       อ้อๆๆมึงจำไม่ได้หรือว่าให้กูปล่อยของไปเล่นงานไอ้พวกโคกอีแร้งนั่นนะ   กูใช้หุ่นกูไปชักชวนพวกผีในป่าช้ามา
เป็นพวกหลายตัวแล้ว   แต่เมื่อคืนนี้มันหายไปกูสงสัยว่ามันไปไหน นึกว่าไปชวนพวกอีก เลยปล่ยอมันไป แต่กู
สังหรณ์ใจชอบกลถามพวกเด็กมันบอกว่า พี่พยนต์ไม่ได้บอกว่าไปไหนเพียงแต่บอกว่าจะหาพวกมาเพิ่มอีกเท่านั้น

          กูก็เลยใช้ให้อีพรายแจ๋วตามมันไปดู  แต่มันไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆเพียงแต่แอบดูเท่านั้น พอเรื่องสงบก็รีบกลับมา 
 พอมาถึงบอกกูว่า  ไอ้หุ่นพยนต์สองตัวนั้นตายห่าหมดแล้ว  ร่างกายมันขาดสองท่อน ไส้ไหลเลือดนองแต่ร่างหายไป 
     ถึงอย่างนั้นมันก็ควรจะกลับมารายงานกูได้แต่คงถูกคนมีอาคมจับตัวมันไปว๊ะ   อาจารย์ดำกล่าวกับศิษย์มัน
แต่ถึงอย่างไรร่างมันก็ควรจะกลับถึงจะขาดสองท่อนก็ตามจริงไหมล่ะอาจารย์   ไอ้แม้นถาม??..
     ข้อนี้ก็จริงว๊ะ .....กูถึงสงสัยยิ่งนัก ปกติแล้วสิ่งที่กูปล่อยไปมันจะมาทุกๆครั้ง  ถึงจะเป็นอย่างไร หากมิถูกคนมีอาคม
จับตัวไว้เสียก่อน  ดังนั้นกูถึงมาหามึงแหละ.....อาจารย์ดำกล่าว.....
       เอ้!!!!!ๆๆๆแปลกนะอาจารย์  ยกเว้นหลวงพ่อทองคนเดียวเท่านั้น
ที่มีวิชาอาคมเก่งกล้า  นอกนั้นข้าไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีใคร นอกจากพวกชาวไร่ธรรมดาเท่านั้นเองแหละ 
หรือว่า???....เอ๊ะๆเป็นไปไม่ได้นาเพราะมันพึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯคงมาเยี่ยมพ่อแม่มันเท่านั้นเอง 
 แต่ก็เพียงสงสัยด้วยไม่รู้จักว่ามันเป็นลูกเต้าเหล่าใครอาจารย์    ส่วนทางโน้นก็ไม่มีอาจารย์ใดๆหรือหากมาที่หลังมันคงไม่เก่งกว่าอาจารย์ไปได้   ส่วนหนุ่มที่มาจากกรุงเทพฯหากมีวิชาก็คงมาจากพระอาจารย์ทางกรุงเทพฯที่ดีแต่
สร้างพระหลอกขายชาวบ้านเท่านั้นเองแหละ อืมม!!!!???แปลกๆ

      อีแจ๋วมันบอกว่าไม่ใช่พระหรอกเป็นชายหนุ่มกับชาวบ้านว๊ะ   เลยทำให้กูงงจำต้องมาหามึงให้พวกมึงไปช่วยสืบ
ข่าวดูหน่อย....เคยใช้พวกเด็กไปเหมือนกันแต่ไม่มีใครกลับมาได้สักคน  กูก็ยิ่งสงสัยว่ามันหายไปไหนกันหมด ไม่ว่า
ทั้งหญิงทั้งชายเหมือนกันหมด  หายไปหมดเลยว๊ะ!!!!???..... ว่าแล้วอาจารย์ดำก็ยกเหล้าขึ้นดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว
  แล้วหันไปบอกว่าไม่ต้องเติมโซดานะ  กูชอบ   เพียวๆ  มึงไม่ต้องเติมอะไรทั้งนั้นนะโว้ย.......
       ไอ้เบี้ยวก็รีบรินเหล้าไม่เติมอะไรส่งให้อาจารย์ดำอีก  มันก็ยกขึ้นดื่มอีกพรวดเดียวหมดแก้ว เล่นเอาพวกไอ้แม้น
ต่างมองหน้ากัน  ไม่ใช่หรอกกลัวเหล้ามันจะหมด พวกมันจะไม่ได้กิน หากอาจารย์มันกินแบบนี้นะ
      เหมือนไอ้แม้นรู้ใจพวกมัน บอกว่าพวกมึงไม่ต้องห่วงหรอกพ่อกูมีเป็นโหลๆและว๊ะ  นานๆอาจารย์กูจะมาสักที
แล้วหันไปถามอาจารย์มันอีกว่า
       ข้าสงสัยเห็นอีนางพรายมันบอกอาจารย์ว่าเป็นคนหนุ่มจะมีใครหรือที่เก่งอาคม หากเป็นชาวบ้านข้าเองก็ต้องรู้ซิ
พวกชายหนุ่มก็ชาวบ้านเท่านั้นเอง ทางโน้นไม่มีใครร่ำเรียนอาคมกันเลยสักคน  เก่งแต่ทางต่อสู้เท่านั้นด้วยพวกเป็น
ทหารผ่านศึกมาช่วยสอนพวกมัน  ตั้งเป็นหน่วยป้องกันหมู่บ้าน  พวกข้าก็ยังไม่กล้าไปยุ่มย่ามหญิงมันเลย พวกมันดุๆ
กันทั้งนั้น   แต่ไม่เคยได้ยินว่าจะไปร่ำเรียนวิชาอาคมกับใครๆเขา   เก่งแต่ดาบและปืนเท่านั้นนะอาจารย์  ไอ้แม้นกล่าว
ข้าเห็นว่าคนมีวิชาอาคมเห็นมีแต่หลวงพ่อเท่านั้นถ้า หากไม่ใช่หลวงพ่อทองนะ  ว่าพลางมันเกาหัวมันดังแกรกๆๆๆ

      นั่นซิกูก็บังคับถามมันหลายครั้งจนกระทั่งกูโมโหตีมัน  มันร้องไห้แต่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า  ว่าเป็นชายหนุ่มว๊ะ 
ข้าก็ยิ่งงง  เพราะไม่เคยมีใครเก่งวิชาอาคมเลยในหมู่บ้านนั้นเลยกูก็ได้ยินมาเหมือนมึงนี่แหละ ไอ้พวกเด็กๆที่รอดมา
มันบอกว่าไม่กล้าเข้าไปในหมู่บ้าน  เห็นพวกเข้าไปไม่ได้ออกมาสักคนเดียว   มันจึงรีบกลับบ้านแล้วมาบอกกูว๊ะ...
     มึงลองไปใช้คนของมึง หรือมึงจะไปก็ได้จะได้รู้จริงๆว๊ะ  กูจะคอยฟังข่าวจากมึงนะ  กูเองก็ชักจะไม่ไว้ใจเสียแล้วซิ
      ครับอาจารย์เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปสืบข่าวดูว่าเป็นใครแล้วจะมาบอกอาจารย์ ส่วนหุ่นพยนต์ของอาจารย์ที่
อาจารย์รักนักรักหนานั้นมันสลายไปได้อย่างไรกันถึงกับขาดสองท่อนนะ  มันงงสงสัยนัก???...
       ระหว่างกล่าวกับลูกศิษย์มันพลางหันหน้าไปจ้องหน้าอีนวล  ซึ่งรู้สึกว่าตาอีนวลชักจะลอยๆชอบกล  
ไอ้แม้นเห็นดังนั้นก็ร้องลั่นทันที   อาจารย์ๆๆๆๆอย่าๆๆๆๆ.....
      อาจารย์อย่าคนนี้คืนนี้อาจารย์อย่านะ  พ่อผมจองมันไว้แล้วเดี๋ยวมีเรื่องใหญ่โต   ข้าขี้เกียจทะเลาะกับพ่ออยู่ด้วยหมู่
นี้อารมณ์แกไม่ค่อยจะดีเสียด้วย  เพราะเรื่องในจังหวัดนั่นแหละ.......มันกล่าวขอร้องอาจารย์มัน
      พ่อมึงจะทำอะไรกูได้หากกูต้องการว๊ะไอ้แม้น.....

      น่าๆๆๆไอ้แม้นยกมือไหว้   ข้าขอเถอะ ยกเว้นอีสร้อยกับอีนวลคนอื่นข้าไม่ว่าหรอกจ๊ะ??...  ไอ้แม้นครวญ
     ได้ๆๆๆสำหรับมึงที่ขอร้องกูนะโว้ย  นี่ดีนะที่มึงเป็นศิษย์กูให้กูได้อาศัยอยู่ มิฉะนั้น ฮึๆๆๆ มันคำรามในลำคอ
      จ๊ะๆๆๆ....ขอบใจอาจารย์มาก   ข้าไม่อยากจะผิดใจกับพ่อจ๊ะอาจารย์   ไอ้แม้นกล่าวด้วยความดีใจ อาการเมา
แทบหายไปเมื่อได้ยินอาจารย์มันจะเอาอีนวลไป   ตอนนี้มันโล่งอก  มันรู้ดีว่าหากอาจารย์มันต้องการหญิงใดแล้ว
ไม่เคยพลาดสักรายเดียว
       ถ้าอย่างนั้นกูกลับก่อนว๊ะ  ไม่มีอารมณ์เหมือนกันเห็นอีนี่มันเย้ายวนดีเท่านั้น คนอื่นกูเฉยๆว๊ะ  กูไปก่อนนะ...
แต่อย่าลืมล่ะพรุ่งนี้มึงไปหากูด้วย    เดี๋ยวกูจะใช้พวกผีมันไปค้นหาดูอีกทีว๊ะ   ว่าแล้วไอ้อาจารย์กล่าวจบมันก็ลุกขึ้น
เดินกลับไป    ท่าทางกระฉับกระเฉงยังกับคนหนุ่มๆหาความชราแทบไม่เจอเลย  
         พวกไอ้แม้นพากันยกมือไหว้กล่าวขอบใจอาจารย์ทุกๆคน    เห็นหลังอาจารย์เดินออกจากรั้วบ้านไปแล้ว
ร่างเดินลับหายไปในความมืดที่ปกคลุมด้วยพุ่มไม้และต้นไม้ใหญ่บางต้น

        ไอ้แม้นหันไปถามพวกมันทันทีว่า .....ใครว๊ะเก่งกว่าอาจารย์กูเสียอีก  นี่ขนาดกูต้องไปเชิญมาจากเขากิเลนในเขมร
เชียวนะโว้ยกว่าจะได้มาแทบตาย ไข้ป่าแดก  ดีอาจารย์ดำช่วยไว้มิฉะนั้นไข้แดกกูตายห่าไปแล้วล่ะ  เพราะกูอยากจะ
ร่ำเรียนวิชาคงกะพันชาตรีให้ร่างกายกูเหนียว ปืนดาบฟันไม่เข้า ปืนยิงไม่เข้าว๊ะ....เลยฝากตัวเป็นศิษย์ได้อาบน้ำว่าน
มาตั้งหลายๆวัน  ทนเจ็บให้อาจารย์สักยันต์กูและร่ำเรียนอาคมมา  ไอ้ห่า!!!!....กูจำไม่ค่อยจะได้ว๊ะเลยรู้ไม่มาก  ก็
เลยเชิญอาจารย์มาอยู่ด้วย   โน่นพรุ่งนี้พวกมึงไปกับกูด้วยนะกระต๊อบในป่าช้าบ้านเราว๊ะ
       ป่าช้าหรือว๊ะ???....ไอ้สนถามพร้อมกับไอ้เบี้ยวแทบเป็นเสียงเดียวกัน....
       เออ!!!ก็ในป่าช้าแหละว๊ะ  อาจารย์อยู่คนเดียวว๊ะ  แต่มีหญิงที่อาจารย์นำมาด้วยคนหนึ่งดำแต่สวยนะมึง  เป็นคน
เขมรเหมือนกัน  กูกับพ่อกูวิ่งเต้นแทบตายกว่าจะให้เป็นคนไทยได้      ไอ้แม้นกล่าวกับพวก
      หากเป็นกลางวันกูจะไปด้วย  หากเป็นกลางคืนกูไม่ไปหรอกว๊ะ  ไอ้สนตอบ
      กูก็เหมือนไอ้สนว๊ะไอ้แม้น   ไอ้เบี้ยวก็ตอบเช่นกัน
     ส่วนพวกสาวๆที่ได้ยินต่างบอกไม่เอาด้วยล่ะ  มึงสามคนไปกันเถอะพวกกูไม่ไปแน่นอน
  แล้วใครบอกว่าจะให้พวกมึงไปล่ะว๊ะอีพลอย
     งั้นก็แล้วไป  ขอบใจล่วงหน้าว๊ะคุณพ่อแม้น   บรรดาสาวๆตอบ
      ให้กูไปนอนกับพวกมึงยังดีกว่า  แต่ขออย่างเดียวอย่าให้กูไปนอนกับอาจารย์มึงก็แล้วกัน  คนอะไรเหม็นฉิบหาย
เลยขนาดนั่งใกล้ๆยังเหม็นบรรลัย   อีลัดดาตอบขึ้นบ้าง

       มึงตอบกับพวกกูได้แต่อย่าพูดมากนะโว้ยเดี๋ยวมึงจะถูกลองดี   พวกเด็กอาจารย์มันอยู่ทุกๆทีในหมู่บ้านนี้ด้วยล่ะ
คราวนี้พวกสาวๆเงียบสนิท หน้าตาเหลิกหลั้กไปตามๆกัน
      อาจารย์มึงเก่งวิชามหาเสน่ห์ด้วยหรือว๊ะ   อีพลอยถาม
      เก่งไม่เก่งเดี๋ยวมึงถามอีนวลดูซิ   หากคืนนี้มันไม่ไปหาพ่อกู  และกูไม่ขอร้องเสร็จอาจารย์กูแน่ว๊ะ   ไอ้แม้นหัวร่อร่า
      จริงหรือว๊ะ!!!!.....อีนวล  พวกมันต่างหันไปถามอีนวลทันที   อีนวลยกเหล้าขึ้นดื่มย้อมใจแล้วก็เล่าว่า....
                 กูก็เหมือนมึงแหละต้องยกมือปิดจมูกเหม็นฉิบหาย!!!...  คนห่าอะไรเหม็นๆหืนๆ เหม็นเขียวอีกด้วยกูสงสัยเลยมองหน้ามันดู      พอกูมองหน้ามันเห็นตามันเท่านั้นไม่รู้เป็นยังไง ใจมันสั่นๆ บอกไม่ถูกว๊ะ มันรุ่มร้อนข้าง
ในโดยเฉพาะที่นั่นนะ...มันสั่นๆไปหมดเลยล่ะว๊ะ!!!!......ชอบกลว๊ะ   ใจกายกูอยากจะตามมันไปนอนด้วย 
 ไอ้เหม็นๆดันหายไปเสือกมีกลิ่นหอมๆอะไรไม่รู้กูก็ไม่เคยได้ดม มันหอมๆเย็นๆบอกไม่ถูกโว้ย    
 ส่วนไอ้นั่นมันสั่นใหญ่เลยล่ะว๊ะ    แล้วทั้งใจทั้งกายมันร่ำร้องอยากจะไปสมสู่กับมันว๊ะ        
 อีนวลเล่าให้พวกเพื่อนๆฟัง......
              คราวนี้พวกสาวๆต่างเงียบกริบไม่ยอมพูดถึงอาจารย์ในเรื่องใดๆอีกเลย   ต่างหันไปมองหน้ากันไปๆมาๆ
     เออ!!!!....นี่ยังไม่ดึกเลยเหล้าเสือกหมดเสียแล้วจะทำอย่างไรดีว๊ะ   ทุกๆคนหันหน้าไปมองทางไอ้แม้นทันที
     พวกมึงไม่ต้องห่วง  ว่าแล้วร่างไอ้แม้นก็เดินตุปัดตุเป๋ เซซ้ายทีขวาทีก้าวขึ้นบนบ้านไป   ไม่นานนักมันก็หยิบเหล้า
มาอีกสองขวดหนีบใต้จักกะแร้มันแน่น  ค่อยๆก้าวลงบันไดมา มือหนึ่งเกาะราวบันไดไว้  ค่อยๆเดิน  จนมาถึงแคร่นั่ง
     ให้มันได้อย่างนี้ซิว๊ะไอ้เพื่อนยาก  ไอ้สนกล่าวขึ้น  ส่วนพวกสาวๆก็เชียร์กันใหญ่
      อย่างนี้สนุกแน่โว้ย!!!!..... ร้อนมากๆก็แก้ผ้ากันซะเลย   มึงจะบ้าหรืออีชบา  เสียงอีพลอยกล่าว
ไม่รู้เหมือนกันว่าอีชบามันแอบมาตั้งแต่เมื่อไหร่  คงเห็นว่าไอ้หมอผีมันกลับไปแล้วดีนะที่ไอ้แม้นไล่มันไปเสียก่อน

      อีสร้อยกับอีนวลมึงอย่าเมาให้มากนักนะ  เดี๋ยวพ่อกูจะด่ากูหาว่ามอมเหล้ามึง    เดี๋ยวกูโดนด่าแหลกเลยว๊ะ...
      เออๆๆๆ!!!!.....ไม่ต้องห่วงหรอกโว้ย   กูกลัวพ่อมึงจะหงายเก๋งเสียก่อน  หงายเก๋งเมื่อไหร่กูจะรีบลงมาต่อกับ
พวกมึงนะโว้ย  อย่าพึ่งเลิกเสียล่ะ...  ทั้งสองกล่าวขึ้น
      เออๆๆๆ....พวกกูจะคอยว๊ะ  คอยจนมึงจะลงมาโว้ย  แต่หากเหล้าหมดกูไม่รู้นะบางทีอาจจะนอนมันเสียที่นี้ก็ได้
คืนนี้พระจันทร์มันเสี้ยวว๊ะ      พวกมึง ฮ่าๆๆจะเสี้ยวเหมือนจันทร์หรือเปล่าไหมว๊ะ???...   ไอ้เบี้ยวถาม... 
     เฮอะๆน่า....แล้วมึงจะได้เห็นคอยดูก็แล้วกันนะโว้ย  แต่ว่าคงจะไม่มีวาสนาหรอกว๊ะ เมาหมาไม่แดกแบบนี้
เดี๋ยวก็พับเสียก่อนหรอก.......   อีลัดดากล่าว
         ไอ้ห่าแน๊ะๆๆดูถูกกูซะแล้ว  หรือว่ากูไม่เคยเห็นพวกมึงมาว๊ะ  มันตอบเสียงอ้อๆแอ้ๆ
          ไม่เหมือนกันโว้ย!!!!....คนเราเปลี่ยนกันได้ว๊ะ   จริงไหม๊ว๊ะอีชบา??.....หรือว่ามึงโกนหมดแล้ว อีชบาเอ่ยขึ้น

    พวกมึงไม่ต้องพูดมากหรอก  มาม๊ะมาอีชบาพยุงกูไปนอนก่อน   พวกมึงกินกันไปล่ะ  แล้วหันไปทางอีสร้อย
กับอีนวล  มึงก็เหมือนกันมาๆตามกูมาด้วยไปหาพ่อกู  นี่ก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวแกบ่นว๊ะ
      แล้วทั้งสี่ก็ต่างช่วยกันพยุงร่างกัน  เดินขึ้นบันได   ทิ้งให้ไอ้สน  ไอ้เบี้ยว  อีลัดดา กับอีพลอย นั่งกินเหล้ากัน
พลางๆก่อนเพื่อคอย อีสร้อยกับอีนวล  บางทีอาจจะมีอีชบาจะลงมาด้วยเพื่อร่วมวงสนุกกันมันกินเหล้าไปคอยไป
      ต่างคนต่างเมา  ไอ้สนเอาหัวพิงต้นมะขามหลับตา   ส่วนไอ้เบี้ยวเดินหนีไปทำธุระ  เสียงอ๊วกๆดังสนั่นไปทั่ว
อีกสองสาวหัวร่อกันลั่น   ไอ้ห่า....นึกว่าจะแน่แค่ไหน  สู้พวกเราไม่ได้จริงไหมว๊ะอีพลอย
   อืมมมๆๆๆๆ....จริงของมึงแค่นี้ก็บ่มิไก๊แล้วล่ะ?...............
คืนนี้อากาศหรือก็ดี พระจันทร์ก็งาม ดวงดาวก็เต็มท้องฟ้าระยิบระยับไปหมด  ไอ้ห่า!!!..อารมณ์กูกำลังจะเกิด
แหม๋ๆๆ....ไอ้ห่าราก...มันเสือกมาเมาเสียก่อนได้   มาๆๆๆอีลัดดามาชนแก้วกับกูหน่อย  แล้วทั้งสองก็ยกแก้วชนกัน
เอ๊ๆๆๆ....ดื่มให้หมดแก้วทีเดียวนะโว้ยใครหมดก่อนชนะว๊ะ.... 
      เอ้าๆๆดื่มๆๆดื่มให้เมา ความสุขของเรา ใครเล่าจะดีเท่าเหล้า  หม๊ามะมาๆดื่มๆให้เมา  ความสุขของเรา....  แล้ว
ทั้งสองหัวร่อกันแล้วพากันยกแก้วขึ้นแหงนหน้ามองท้องฟ้า  แล้วจ้องหน้ากันเหมือนจะนึกในใจกันว่าจะทำอะไร
ต่อกันดีอีกต่างยิ้มให้แก่กันและกัน   และกันแล้วยกแก้วขึ้นดื่มๆๆพร้อมจ้องท้องฟ้าไปจนต่างหมดแก้วพร้อมๆกัน
        แล้วก็พากันหัวร่อกันลั่นสนั่นเสียงดังไปทั่วบริเวณ......แล้วชวนกันพากันเดินกอดกันหายลับไปทางพุ่มไม้ที่ไม่
เพียงได้ยินเสียงหัวร่อระริกๆต่อกระซิกๆกันและกัน  แล้วเสียงก็เงียบหายไป  พุ่มไม้ที่มืดสนิทเนื่องจากมีต้นไม้
หลายๆพุ่มเป็นทางแนวขั้นไว้ไม่สามารถมองเห็นได้  ซ้ำยังมีต้นไม้ใหญ่ๆปกคลุมไว้อีกด้วย   ระยะทางก็ไม่
ห่างไกลจากแคร่มากนัก คงปล่อยให้ไอ้สนนั่งหลับตา  ส่วนไอ้เบี้ยวมันหายไปยังไม่กลับมา...........

                             *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
12 พฤศจิกายน 2553 18:35 น.

อทิสมานกาย ๙

แก้วประเสริฐ

76.gif
                        อทิสมานกาย  ๙

     รถที่ไอ้แม้นขับส่ายไปส่ายมาด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว  ด้วยหลบหลุมต่างๆทำให้คนในรถพากันหัวสั่นหัวคลอน
กันไปหมด    เสียงในรถกล่าวขึ้นว่า  
     เฮ้ยๆๆๆ!!!!.....เบาๆหน่อยก็ได้ว๊ะไอ้แม้น   เสียงไอ้เบี้ยวกล่าวขึ้น
      ใช่แล้วพี่แม้น....ฉันเยี่ยวจะแตกอยู่แล้วล่ะ บรรดาหญิงที่นั่งข้างหลังพากันร้องลั่น
       งั้นมึงมาขับเองซิว๊ะไอ้ห่า!!!!......  มันกล่าวด้วยอารมณ์ที่ยังไม่คลายโมโห เนื่องจาก ไอ้สนกับอีสร้อยไม่ได้
เข้าข้างมัน
        หากกูขับรถยนต์ได้มึงยอมให้กูขับ ก็จะขับเองว๊ะ  กูขี่ได้แต่รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น    เสียงไอ้เบี้ยวกล่าว
        ไม่ได้แล้วเสือกพูดหาห่าอะไรล่ะ?   ไอ้เหี้ย....เสียงที่กำลังฉุนเฉียวกล่าว
         มึงไม่เห็นหรือถนนมันขรุขระ  หลุมบ่อก็เยอะแยะ  จะให้กูขับบนกระบาลมึงเหรอ!!!!...ไอ้แม้นเอ่ยต่อ
         เออๆๆๆงั้นตามสบายเลยเจ้าพ่อเหี้ยแม้น   เสียงไอ้เบี้ยวเอ่ยขึ้น   แล้วหยุดพูดขึ้นพลางไปกอดสาวข้างหลังมัน
         มึงมันนั่งสบายๆยังบ่นแถมเบียดอีลัดดากับอีพลอยแถมยังนวดอีนวลอีกด้วย มึงนะมึง  กูเองก็ใช่ว่าจะดีไป
กว่ามึงกูก็เจ็บตูดกูเหมือนกัน   มันบ่นพลางรีบเบี่ยงรถหลบหลุมข้างหน้ามัน   แต่กระนั้นล้อรถสองข้างยังตกไป
ข้างหลุมน้ำแตกกระจายกระเด็นใส่รถมันอีก

        มันขับรถขึ้นเนินเขาไปแล้วเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามทางที่คดเคี้ยวไปๆมาๆ  ไม่นานนักรถก็เลี้ยวเข้าเส้นทางเล็กๆ
มายังหมู่บ้านบางกระดี่  ก่อนจะถึงบ้านซึ่งมองไปเห็นเป็นบ้านไม้สองชั้นทำด้วยไม้สักอย่างดี  ใต้ถุนกว้างขวางใหญ่โต
พลางมันหันไปสั่ง  พวกนั่งข้างหลังทันที    เมื่อนำรถไปจอดยังที่เก็บรถที่ใต้ถุนบ้านมัน
       ไอ้เบี้ยวและอีพวกทั้งหลายมึงช่วยกันล้างรถกูให้สะอาดด้วยนะ  เออๆๆๆไปเอาของกับแกล้มไปจัดการแล้ว
นำไปที่แคร่ใต้ต้นมะขามหน้าบ้านด้วย  แล้วไปช่วยไอ้เบี้ยวมันล้างรถด้วยนะ   มันสั่งทันที
       อ้าวๆๆแล้วไอ้สนกับอีสร้อยล่ะ  มึงไม่ใช้มันหรือไง???....
       ก็มันปากไม่มากเหมือนมึงนี่หว่า มันนั่งเฉยๆไม่พูดอะไรเหมือนพวกมึง  ไอ้แม้นกล่าว
       ตอนแรกมันก็พูดไม่ใช่เหร๋อ???....   ไอ้แม้นเถียง
       ใช่แต่แล้วมันก็ไม่พูดอะไรเพียงแค่คุยกับอีสร้อยเท่านั้น  มึงกับพวกอีสาวๆบ่นตลอดทางทั้งขาไปและกลับ
  มันกล่าว    แล้วพวกมึงอย่าเสือกพูดมากนะโว้ยเดี๋ยวกูหยุดรถเข้าไปถีบพวกมึงหรอก  ไอ้แม้นกล่าวขึ้น
       ไม่ยุติธรรมนี่หว่าไอ้แม้น   ก่อนไปมันก็บ่นเหมือนกัน
        แต่มันน้อยกว่าพวกมึงนี่หว่า  จะทำหรือไม่ทำบอกกูมาไอ้เบี้ยว....  ไอ้แม้นชักโมโหเมื่อเห็นมันเถียงไม่ตกฟาก

    คราวนี้ไอ้เบี้ยวเงียบเสียงทันที  รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากมันเถียงอีก   มันรีบไปจัดการล้างรถทันที  ส่วนอีลัดดา 
ก็ไปช่วยไอ้เบี้ยวบ้างรถ  ส่วนอีนวลกับอีกพลอย รีบไปเข้าครัวจัดเตรียมกับแกล้มพร้อมยกเหล้าที่ซื้อมาไว้ออกมา
นำเสื่อไปปูที่แคร่ใต้ต้นมะขามกัน   
    พอทั้งหมดจัดการเรียบร้อย  ไอ้แม้นเห็นพวกมันช่วยกันล้างรถแล้วก็เดินมายังใต้ต้นมะขามล้อมวงกินเหล้า
ซึ่งพวกมัน  รินรอไว้ให้แล้ว  ต่างคนต่างคุยกันล้วนแต่หยาบโลนทั้งสิ้น  โม้ขยุยฉุยเฉ่งกันตามประสาคนกินเหล้า
เมื่อมันกินไปค่อนข้างจะเมาแล้ว   เสียงทั้งหมดดังลั่นไม่เกรงใจใครๆทั้งสิ้น  จวบจนร่างชายค่อนข้างมีอายุแต่ร่างกาย
ยังดูกระฉับกระเฉงอยู่   ก้าวเดินลงบันไดมา    พวกที่นั่งล้อมวงต่างพากันยกมือไหว้
     สวัสดีจ้า....พ่อกำนัน
ชายร่างค่อนข้างมีอายุกล่าวขึ้น   เออๆๆๆ...ตามสบายโว้ย กูจะมาถามเรื่องที่ให้พวกมึงไปดำเนินการให้กูเป็นอย่างไร
บ้างแล้ว   ร่างกำนันก็ก้าวเข้ามาร่วมวงด้วย  ไอ้สนรีบรินเหล้าผสมโซดาส่งให้พ่อกำนันทันที
      พ่อกำนันหรือกำนันมั่นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด  แล้วหันไปถามลูกชายว่า

     
     เรื่องที่พ่อให้เอ็งไปทำที่หมู่บ้านบางโค  กับ หมู่บ้านโคกยายหอยล่ะสำเร็จไหมไปถึงไหนแล้วล่ะ
           ไอ้แม้นลูกชาย  พลางกล่าวว่า.......
            เรียบร้อยจ๊ะพ่อ  เก็บเงินมาครบหมดแล้ว โน่นอยู่หลังรถว่าจะเอาขึ้นไปให้พ่อแต่คิดว่าพ่อกำลังให้อีหนูมันนวด
อยู่แล้วไม่อยากไปขัดจังหวะ เข้าไปแล้วเห็นกำลังสบายเลยลงมานั่งคอยพ่อนี่แหละ  มันกล่าวขึ้น
            เออๆกูเชื่อมึง....ทำไมพวกมึงหายไปทั้งคืน  ส่วนทางบ้านโคกอีแร้งล่ะ มึงเจาะไปได้หรือเปล่าล่ะ
            หมู่บ้านนั้นมันยากจะพ่อ   ไอ้กำนันจ้อยและผู้ใหญ่อาจมันตรวจสอบเสมอ  หากใครเกี่ยวข้องมันบอกว่าไล่
ออกทั้งครอบครัว  ที่ดินก็จะไม่ออก นส.3 ให้ จะยึดใบจับจองหมดจ๊ะ  และให้พ่อแม่พวกมันคอยดูแลมันบอกว่า
หากใครเล่นของไม่รายงานให้มัน   มันก็จะไล่ให้หมด จึงไม่มีใครกล้า  หลอกพวกมันก็แล้วทำทุกๆอย่างเลยจ๊ะพ่อ
           อืมม????....เสียดายว๊ะมันเป็นหมู่บ้านใหญ่เสียด้วยในแถบนี้   หากได้หมู่บ้านมันของๆเราก็จะไปได้โลดเลย
เสียงผู้เป็นพ่อกล่าว   มึงยังไม่ตอบว่าหายไปไหนทั้งคืน  กำนันถาม???....

      อ้อ...หลังจากนั้นก็ไปพักผ่อนให้หายปวดเมื่อยในจังหวัดมาจ๊ะแล้วรีบกลับมาหาพ่อนี่แหละ    มันกล่าว
       แล้วมึงเอาเงินไปใช้มั่งหรือเปล่าล่ะ???...กำนันถาม
       ไม่ได้ยุ่งเงินที่เก็บมาหรอกจ๊ะพ่อ   เพียงแค่หยิบเงินในกระเป๋ากางเกงพ่อไปแค่หมื่นสองหมื่นเท่านั้น
        เออๆๆๆให้มันได้อย่างนี้ซิลูกกู  แต่ช่างเถอะว๊ะทำงานแล้วก็ต้องพักผ่อนบ้างเป็นธรรมดา แล้วหันไปกล่าวต่อ
          แต่กูจะบอกพวกมึงหน่อย  ตอนนี้ให้ระวังตัวไว้ด้วย   เมื่อวานนี้เสี่ยเม้งมันกับพวกมาหากู มันเอาเงินแล้วแจ้งว่า
ในจังหวัดวุ่นกันไปหมด   ผู้ว่าฯผู้ช่วยบางคน  สารวัตร  นายอำเภอ โดนเด้งไปหมด  เลยเกิดความวุ่นวาย  เสี่ยมันเอง
ก็เพลาๆงานไว้   แล้วรีบมาส่งข่าวให้กูรู้นี่แหละ  กำนันมั่นกล่าว พลางยื่นแก้วเหล้าที่ว่างๆส่งให้ไอ้สนอีก
        ไอ้สนรีบจัดการรินเหล้าผสมแล้วส่งให้กำนันทันที  พร้อมทั้งตักกับแกล้มยื่นส่งให้อีก  กำนันรับมาจิบหน่อยจึง
ตักกับแกล้มเข้าปาก  อะไรว๊ะ???....กำนันเงยหน้าหันไปถามไอ้สน...

         เนื้อเก้งผัดเผ็ดจ๊ะ...พ่อกำนัน
         ไอ้ห่า...ไม่ใช่เก้งเอ็งนะโว้ย???....  
          ไม่หรอกจ้าพ่อ   ผมซี้กับเจ้าของร้าน  เขารับรองครับพ่อกำนัน         
ไอ้สนตอบพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มพร้อมตักแกล้มที่ตักให้พ่อกำนันขึ้นกิน เพื่อยืนยันคำพูดมัน
          คราวนี้ไอ้แม้นถามว่า  แล้วเสี่ยบอกหรือเปล่าว่าใครจะมาแทนจ๊ะพ่อ????....
          กูก็ไม่รู้เสี่ยเองมันก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน  แต่รู้ว่าท่านผู้ว่าย้ายเข้ากระทรวง ส่วนท่านรองเสด็จลงใต้ไปพร้อม
ด้วยสารวัตรด้วย  ส่วนนายอำเภอเห็นว่าไปทางตะวันออกน๊ะ  เขาบอกแค่นี้แหละว๊ะ     กำนันมั่นตอบลูกชาย
         เออๆ....หมู่นี้มีคนแปลกหน้ามาแถวหมู่บ้านต่างๆหรือเปล่าว๊ะ   กำนันย้อนถามบ้าง
         ตอนนี้มีด้วยกันมากส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆของพวกชาวบ้านมาเที่ยวกัน ด้วยนี่ก็จะเข้าสงกรานต์อีกไม่เท่าไหร่นี่นา
         นั่นซิกูกลัวว่า  จะมีพวกตำรวจแปลกปลอมเข้ามาว๊ะแต่คงจะไม่ใช่กระมัง  หากมันมากูก็จะรู้เพราะพวกจ่าๆมัน
กินเงินกูอยู่คงจะบอกนะ   กำนันเอ่ยขึ้นลอยๆ
         ก็ไว้ใจไม่ได้เหมือนกันนะพ่อ  ด้วยเดี๋ยวนี้ตำรวจมันมีหลายๆหน้าที่กันด้วย เช่นพวกกองปราบ หรือพวกปราบยา
เสพย์ติด  มันแบ่งหน้าที่กันสามารถจับกุมได้เลย  เราระวังไว้บ้างก็ดีจ๊ะพ่อ   ไอ้แม้นเอ่ยแสดงความคิด

        อืมม!!!???....ก็จริงของมึง  ไอ้พวกนี้มันจับก่อนค่อยส่งสถานี  มันมีอำนาจมากเสียด้วย  แต่พวกมึงก็คอยๆ
ตรวจดูไปด้วย หากผิดสังเกตก็เก็บมันเสีย  อย่าทิ้งไว้ก็แล้วกัน   กูก็บอกพวกเราไว้ด้วยแล้ว   กำนันหันมากล่าว
       อ้าวๆๆๆ....แล้วสารวัตรไม่อยู่แล้วใครจะรับผิดชอบเหมือนเก่าล่ะพ่อ?????......
       มึงมันโง่หรือจะให้มันจับได้หรือว๊ะไอ้แม้น???.....
       ผมพูดไว้เผื่อๆเท่านั้นเอง  หากถูกจับได้จะได้มีวิธีแก้ไข    ลูกชายกล่าวขึ้น
       แต่พวกจ่าพวกกูก็ยังอยู่นี่นาอย่างน้อยก็อาจจะเปลี่ยนสำนวนก็ได้  หรืออาจจะช่วยทางอื่นก็ได้ไม่ต้องคิดมาก
มึงแดกๆๆ   อ้อๆๆเหล้าหมดมึงขึ้นไปเอาข้างบนได้นะ  แต่อย่าเสือกปากมากไปบอกให้ใครฟังเสียล่ะ   และอีกพวก
สาวๆนี่ก็เหมือนกัน   พ่อกำนันเอ่ยขึ้น
      โอ้ว...โอ้ยๆ!!!....ใครจะกล้าหรืออยู่กับพ่อกำนันสบายจะตายไป  เออกูชักจะเบื่อ อีช้อยกับอีแช่มเสียแล้ว
คืนนี้มึงอีลัดดากับอีกนวลขึ้นไปปรนนิบัติกูนะ
ทั้งสองสาวมองหน้ากัน  

        จ๊ะพ่อ...แล้วพ่อจะไหวเหรอ!!!!????..... มันยอดถาม  อีสร้อยมันไม่ใช่เล่นนะพ่อ ส่วนฉันไม่เท่าไหร่หรอก
        ฮ่าๆๆๆ...มึงดูถูกกูเสียแล้ว  ไอ้พวกนี้....พลางชี้หน้าไปที่หนุ่มทั้งสาม  มันหรือจะสู้กูได้แล้วมึงก็จะรู้หรอกว่า
เป็นอย่างไร.....  พ่อกำนันหัวร่อร่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน  พลางกำชับว่า  เออๆแดกเสร็จพวกมึงอย่าลืมล่ะ  กูจะขึ้นบ้านล่ะ?...
     เดี๋ยวพ่อ...เมื่อตอนกลับเย็นๆพบคนๆหนึ่งท่าทางคล้ายๆกับไอ้โชติลูกตาเชียร มันกลับจากกรุงเทพฯชักสงสัย
มัน เพราะมันไม่เคยกลับมาหลายปีนี่นา???...ไอ้แม้นรายงานพ่อ
      ช่างมันเถอะว๊ะ...อย่าคิดมากไปกูได้ยินคนเขาพูดเหมือนกันว่ามันทำงานเป็นหัวหน้ายามบริษัทอยู่ไม่อาจจะ
ปลีกตัวมาได้โว้ย... บางทีมันจะลางานมีคนช่วยแทนมันมาเยี่ยมพ่อแม่มันก็ได้นี่หว่า....   ชายเป็นพ่อกล่าว
      พูดถึงไอ้โชติยังเจ็บใจไม่หายพ่อ  มันเคยกระทืบผมเมื่อสมัยมันเด็กๆที่งานวัดโคกอีแร้ง  หากใช่อยากจะไป
กระทืบมันหน่อยพ่อ    ไอ้แม้นกล่าวด้วยความเจ็บใจ
       ช่างมันเถอะว๊ะไอ้แม้น เรื่องมันนานนมมาสมัยมึงยังเป็นเด็กรุ่นอยู่ หากมึงยังคิดแก้แค้น แล้วมึงจะทำงานใหญ่ๆ
ได้อีกหรือ?   ไม่ต้องไปแก้คงแก้แค้นมันหรอกเชื่อพ่อเถอะว๊ะ   ชายผู้เป็นพ่อกล่าว
       ไม่ได้กระทืบมันไม่หายแค้นจ๊ะพ่อ เมื่อพ่อขอก็ช่างหัวมันแต่อย่าให้มาแหย๋มกับผมก็แล้วกัน...ไอ้แม้นกล่าวขึ้น
เออๆๆๆดีแล้วล่ะคิดถึงงานของเราให้มากๆไว้   กูขึ้นบ้านก่อนล่ะ   กล่าวแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปแต่ยังตะโกนบอก
อีสร้อยกับอีนวล  มึงสองคนไม่ต้องกลับบ้านคืนนี้มาปรนนิบัติกูด้วยนะอย่าลืมล่ะของเก่ากูเบื่อแล้วโว้ย...

      พอลับหลังพ่อขึ้นบ้านไปแล้ว  ไอ้แม้นก็เอ่ยขึ้นทันที...  พลางอุทานว่า  พ่อนะพ่อกู ...ปัดโถ่...ไม่เจียมตัวเล๊ย!!...
   หน๋อยทำเป็นอวดเก่ง???...   คราวก่อนเรียกหายาดม กูวิ่งพล่านแทบตาย  เมาก็เมากว่าจะเจอก็แกก็เกือบตายแน๊ะ...
แล้วหันมาทางอีสร้อย   มึงก็เหมือนกันอย่าทำรุนแรงกับพ่อกูให้มากนะ  เดี๋ยวจะตายห่าเสียก่อน ไอ้แม้นกำชับ
   อีสร้อยหันไปหัวร่อคิ๊กๆๆๆ....  ถ้าไม่ลืมตัวนะพี่แม้น....  อีสร้อยเอ่ยขึ้นเป็นที่อารมณ์จ๊ะว่าจะข่มได้เท่าไหร่???...
   อีนวล มึงก็คอยเตือนอีสร้อยด้วยนะ   พ่อกูก็แปลกชอบทีเดียวหลายๆคน  อายุปูนนี้จะไหวเหร๋อ???....มันพึมพรำ
    ก็ไม่แน่นะพี่แม้น.....ดูท่าทางแกแข็งแรงไม่ใช่เล่น   อีสร้อยกับอีนวลกล่าวพร้อมๆกัน
     ฉันสองคนเจอมาแล้วเก่งกว่าพี่แม้นซะอีก เสียอย่างเดียว  แล้วสองสาวก็หยุดเฉย...เล่นเอาไอ้แม้น งง.....
      เป็นอย่างไรหรือว๊ะ???.... เสือกหยุดพูดไปได้ทำไมพูดเสียล่ะ   แก่ป่านนี้แล้วมีหรือว๊ะที่จะสู้กูได้ 
โถๆๆๆ  พวกมึงมันไม่รู้เหมือนกูหรอก  แกโม้เสียมากกว่าว๊ะ  แกจะเหมือนกูหรือจริงไหมอีสร้อย...พลางหันไปถาม
     ก็พี่แม้นหนุ่มนี่นา   อะไรๆก็ดีอยู่หรอกแต่ เสียดายนกกระจอกไม่ทันน้ำเลย....????    อีนวลตอบจริงไหมว๊ะ
อีสร้อย.....ฮ่าๆๆๆๆๆ......... 
 
     จริงๆว๊ะอีนวล   กูก็เหมือนมึงแหละท่าดีทีเหลวว๊ะ  ฮ่าๆๆๆ....มันกล่าวจบก็หัวร่อพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
     อีห่า!!!....เสือกมาประจานกูต่อหน้า ไอ้สน ไอ้เบี้ยวเสียด้วย   มึงนะมึง...กูไม่เกรงใจว่าเป็นหญิงล่ะ ฮึๆๆๆกูจะ
ถีบมึงตกแคร่เลยล่ะ??...
    ไอ้แม้นกล่าวหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วรินเหล้าเสียหนาๆไม่ผสมยกดื่ม อั๊กๆๆ...
     ไอ้สนกับไอ้เบี้ยวมองหน้ากันพากันอมยิ้ม   แต่ไม่กล้าพูด ด้วยมันรู้นิสัยไอ้แม้นดี  มันคบกันมาตั้งแต่เด็กๆ
ไปไหนไปด้วยกันเสมอจนกระทั่งโต   แต่พวกมันดีอย่างไม่ติดของที่ขายทั้งหมด ด้วยพ่อกำนันห้ามไว้ แม้
พวกมันอยากจะลองของก็ตาม  พ่อกำนันสั่งว่าคนอื่นไม่เป็นไร  แต่หากเป็นพวกกูห้ามทุกๆคนอย่ายุ่งเด็ดขาด
      มันจึงไม่รู้ว่าจะมีรสชาติอย่างไรบ้าง???....ทั้งๆที่สงสัยก็ตามแต่ก็ไม่กล้า ด้วยพ่อกำนันบอกว่าใครเล่นของ
กูรู้นะโว้ยแม้แต่ครั้งเดียวหรือหลายๆอาการมันบอก  หากมึงเล่นของต่อไปจะทำงานให้กูไม่ได้ 
ดังนั้นพวกมันจึงไม่กล้า  ด้วยรู้ว่าคนอย่างกำนันนั้นโหดร้ายขนาดไหน  แม้แต่อีตัวบางคนทำอย่างไรไม่รู้ ไม่ถูก
ใจกำนัน  ก็ยังโดนยิงตายคาห้องก็มีมาให้เห็น  และพวกมันเองนี่แหละต้องเป็นคนจัดการนำไปนั่งยางยังที่อื่น
ในไร่   เรื่องก็เงียบหายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      ทั้งตำรวจ นายอำเภอ ผู้ใหญ่ๆตลอดจนนักการเมืองก็ล้วนต้องพึ่งพาบารมีพ่อกำนันทั้งสิ้น  ถึงแม้จะสืบรู้ก็ตาม
แต่ก็ไม่กล้ามายุ่งเกี่ยวกับกำนัน  คงปล่อยเลยตามเลยไป   ถึงแม้จะมีคนร้องเรียนไปในจังหวัดก็ตามเรื่องก็เงียบหาย
ไปหมด   
      ดังนั้นทุกๆคนในหมู่บ้านบางกระดี่จึงไม่ค่อยมีใครกล้ามายุ่งกับพวกของกำนันเลยสักรายเดียว
 แม้แต่งานศพกำนันก็ไปช่วยเป็นแม่แรงให้จ่ายเงินให้ไม่อั้นแก่ครอบครัวนั้นๆ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่ไม่ค่อยจะ
ร่ำรวยทำไร่อาศัยกินไปปีๆหนึ่งเท่านั้น ผลิตผลก็ไม่มากนักเนื่องจากเป็นถิ่นกันดารมาก  
      ถึงแม้จะรู้แต่ก็ต้องทำใจแม้นจะไม่ใช่คนที่กำนันทำก็ตามหากเป็นลูกบ้านอื่นๆก็เช่นเดียว
กัน    ฉะนั้นการเลือกตั้งกำนันจึงไม่มีคนมาลงสมัครเข้าเลือกแข่งขัน นอกจากพวกของกำนันเท่านั้นที่มาลงสมัคร
เพื่อให้คนเขารู้ว่ามีคนสมัครหลายๆคนเท่านั้น  การเป็นกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านจึงเป็นดังเก่าเสมอจนป่านนี้
      แม้แต่คนของกำนันเองไปมีเรื่องกับคนในหมู่บ้าน   ก็เหมือนไม่มีด้วยต่างคนไม่อยากจะมีเรื่องกับกำนัน มีปากก็
เหมือนไม่มี ต่างเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กันหมดแทบทุกหลังคาเรือน 
       เหตุนี้พวกกำนันจึงมีมากหากเป็นพวกของกำนันแล้วจะยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นๆไปหมด   แต่กำนันก็จะเลือกคนที่ใช้ได้ทั้งนั้น      ตลอดจนยังรับเลี้ยงพวกนักเลงหัวไม้ที่มีเรื่องกับถิ่นอื่นๆหรือแม้ในจังหวัดหรือกรุงเทพ ฯ
ที่หนีคดีอาญามาอาศัยกำนันอยู่   ก็อยู่อย่างปลอดภัยด้วยตำรวจที่อาศัยเงินของกำนันช่วยเหลือเสมอทำเป็นไม่รู้
ไม่เห็น  จะมีส่วนน้อยที่รักหน้าที่การงานแต่เป็นชนชั้นผู้น้อย  เรื่องจึงไม่ค่อยจะเกิดขึ้น หากมีก็ต้องขอต่อกำนัน
เสียก่อน   

       ดังนั้นกำนันก็จะรับเลี้ยงไว้หมดจึงมีอิทธิพลมากมายนัก บางหมู่บ้านยังต้องเกรงใจหมู่บ้านบางกระดี่ 
 ยกเว้นหมู่บ้านโคกอีแร้งเท่านั้นที่ไม่ยินยอมและต่อต้านเสมอๆ  ด้วยคนในหมู่บ้านล้วนแล้วแต่ไม่เกรงกลัวพวก
อิทธิพลใดๆโดยเฉพาะพวกผู้ชายเคยผ่านศึกสงครามเป็นทหารออกรบมากันอย่างโชกโชน  
      เมื่อกลับมาก็ได้สอนการต่อสู้ให้กับพวกเด็กวัยรุ่นอยู่เป็นประจำ ด้วยกำนันจ้อยและผู้ใหญ่อาจเป็นคนไม่กลัวคน
และยังให้การสนับสนุนแก่พวกฝึกเด็กอีกด้วย ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่างๆ  ด้วยมองออกว่าถ้าไม่ทำเช่นนี้พวกบางกระดี่
ก็จะมาคุกคามและขายของในสิ่งที่ทางการกำลังปราบปรามอยู่
      ฉะนั้นผู้ใหญ่บางคนในจังหวัดและอำเภอที่ไม่เห็นด้วยทราบดีแต่ไม่กล้าพูดก็ยังให้การช่วยเหลือตลอดจนนักการ
เมืองบางพรรคก็ให้การช่วยเหลือลับๆเสมอมา  ดังนั้นค่าใช้จ่ายจึงไม่เดือดร้อนเท่าใดนัก  และอีกอย่างพวกคนในหมู่
บ้านรู้ถึงพิษภัยของยาที่พวกกำนันมั่นทำอยู่   แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวข้องป้องกันเฉพาะหมู่บ้านตนเองเท่านั้น 
      ตลอดกำนันและผู้ใหญ่บ้านทั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นคนจริงไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆด้วยแล้ว  หมู่บ้านโคกอีแร้งจึง
สงบ   การแพร่ขยายอิทธิพลของกำนันบ้านบางกระดี่จึงไม่สามารถเข้าถึงในหมู่บ้านนี้ได้ทั้งๆที่ก็ไม่ห่างไกลกันมากนัก
อีกอย่างหนึ่ง อาวุธต่างๆก็มีกันครบเกือบทุกๆบ้านครัวเรือน  ต่างเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดีด้วยได้รับการส่งมอบจากทาง
กรุงเทพฯเสมอๆ

        เคยมีคนต่างถิ่นแต่อยู่ในหมู่บ้านบางกระดี่มาสร้างความเดือดร้อนแก่คนในหมู่บ้านโคกอีแร้งต่างไม่ตาย ก็เจ็บตัว
ได้แผลกับไปเกือบทุกๆคน  เมื่อเอ่ยถึงหมู่บ้านโคกอีแร้งแล้วฝ่ายกำนันมั่นและพวกจึงไม่ค่อยมีใครกล้ามายุ่ง และยิ่ง
การย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ช่วย ตลอดจน สารวัตรตำรวจ นายอำเภอปลัดด้วยแล้วยิ่งทำให้หมู่บ้านโคกอีแร้ง
กลับฮึกเหิม  การเฝ้ายามทั้งกลางวันกลางคืนที่เคยมีมาก็ค่อยเบาลง   ต่างก็มุ่งทำมาหากินกันโดยสุจริต  จะดูเหมือน
ว่าดินทางหมู่บ้านโคกอีแร้งจะดีหมู่บ้านอื่นๆ   ด้วยการเพาะปลูกก็ได้ผลงอกเงยขึ้นมากจำนวนคนมาอาศัยก็มีมาก
เพราะผืนดินทำมาหากินนั้นทำได้ผลเสมอมา   ทุกครอบครัวต่างมีรถกระบะกันเกือบทุกครอบครัวที่ไม่มีก็ส่วนน้อย
เท่านั้น  ราคาผลิตผลก็ได้ราคามากกว่าที่อื่น  เพราะมีธารน้ำป่าไม้แยะการเกิดอุทกภัยจึงไม่ค่อยเกิดขึ้น  ผิดกับหมู่บ้าน
อื่นๆที่  ภูเขามักจะโล้นปราศจากต้นไม้ใหญ่มีแต่ต้นไม้เล็กๆบ้างที่ขึ้นแซมนิดๆหน่อยๆ  ส่วนต้นไม้ใหญ่นั้นถูกตัดกัน
ไปหมด  มักจะเกิดน้ำป่าเสมอๆๆผลิตผลย่อมเสียหายมาก บางคนถึงกับล่มจมต้องกู้หนี้ยืมสินกำนัน...........

                         *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ