27 สิงหาคม 2554 21:10 น.

มือสะอาด ชาติไม่ล่ม

แทนคุณแทนไท

1162995.jpg

ธรรมชาติให้ได้แค่พรสวรรค์ แต่พรแสวงเป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่จะต้องสร้างขึ้นเอง
ธรรมชาติให้ได้แค่มโนวิญญาณ  แต่มโนธรรมเป็นเรื่องที่มนุษย์จะต้องสร้างขึ้นเอง
ธรรมชาติให้ได้แค่สองมือ แต่การใช้สองมือสร้างประโยชน์สุขให้กับประเทศชาติ ก็เป็นเรื่องที่มนุษย์จะต้องสร้างขึ้นเอง เช่นกัน
 
ถ้ามือสะอาด ชาติจะไม่ล่ม
 
คนที่มือสะอาด คือคนที่ซื่อสัตย์สุจริต และรู้จักพอ
เพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้นไม่รู้จักพอ
ไม่ชอบปรับขนาดของใจให้เท่ากับจำนวนเงิน แต่ชอบปรับจำนวนเงินให้เท่ากับขนาดของใจ
ความทุกข์ของมนุษย์จึงไม่ใช่การไม่ได้
ความยากของมนุษย์จึงไม่ใช่การไม่มี
แต่ความทุกข์ยากของมนุษย์ อยู่ที่การไม่พอต่างหาก
ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนบ้าน
ข้าราชการก็เปรียบเสมือนหลังคา
ชาวประชาก็เปรียบเสมือนพื้นบ้าน
ถ้าหลังคาบ้านรั่ว พื้นบ้านย่อมตากแดดตากฝนจนตัวบ้านผุพังทลาย
ประชาชนไม่ได้เกิดมาเพื่อรองรับพายุฝนแห่งการทุจริตของใครบางคน
ไม่ได้เกิดมาเพื่อรองรับเปลวแดดการโกงกินของคนบางกลุ่ม
และไม่ได้เกิดมาเพื่อโต้ลมพายุแห่งความเห็นแก่ตัวของคนบางพรรค
การทุจริตคอรัปชั่นจึงเป็นมารดาแห่งความชั่วทั้งปวง
โดยมีความยากแค้นของประชาชน ความยากจนของประเทศชาติเป็นบุตรหลาน
โลภะทุจริตเป็นรากแก้ว ยืนต้นเติบโตเป็นการโกงกิน
มีกิ่งใบที่แหลมคมประดุจหอกและดาบคอยทิ่มแทง
ออกดอกเป็นกลิ่นคาวเลือด ให้ผลที่มีรสฝาดเฝื่อน และแสบเผ็ดแก่คนทั้งแผ่นดิน
ประเทศชาติจะอยู่รอดได้ ต้องอาศัยคนที่มีใจสัตย์ซื่อ มือสะอาด ปกป้องชาติไม่ให้ล่ม
 
เท้าที่ไม่มีบาดแผลย่อมกล้าลุยโคลน
คนที่ไม่มีความทุจริตในหัวใจ ย่อมกล้าต่อกรกับอิทธิพลความชั่วร้าย
 
มือที่สะอาดกล้ากำยาพิษฉันใด ใจที่สะอาดย่อมไม่หวั่นไหวต่ออามิสเครื่องล่อฉันนั้น
 
จะรอเทพที่ไหนให้ช่วยผล รอกุศลที่ไหนให้ช่วยสร้าง
มีแต่มือมีแต่ใจไม่จืดจาง ที่ต้องล้างที่ต้องรื้อลงมือทำ
 
มือต้องสะอาดชาติจึงไม่ล่ม
ด้วยการปฏิบัติตามโอวาสสามประการดังนี้
 
หนึ่ง มือนี้ต้องปล่อยวางความชั่ว
เพราะการทำความชั่วครั้งแรก ย่อมเปิดประตูให้ทำความชั่วครั้งที่สองครั้งที่สามตามมา เพียงเพื่อปกปิดความผิดนั้น ต้องทำความผิดอีกหลายครั้ง การ
 
ทุจริตโกงกินครั้งแรก ย่อมจูงมือความชั่วนานับประการตามมา
 
สอง มือนี้ต้องทำดี
ธรรมชาติให้สองมือไว้ไม่ใช่เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ แต่ให้ไว้เพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติ  ดั่งพระบรมราโชวาสของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตอนหนึ่งว่า "คนเรานั้นต้องหมั่นทำความดีบ่อยๆ เพื่อให้จิตคุ้นชินกับความดี  เพราะถ้าไม่ทำดีก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ความชั่วเข้ามาแทรกแซงได้ง่าย"
 
สาม ใจดวงนี้ต้องเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงต้นกล้าแห่งคุณธรรม ไม่ใช่เรือนเพาะชำต้นกล้าแห่งกิเลสตัณหา
สองมือนี้ต้องนำต้นกล้าแห่งคุณธรรมในจิตใจ มาเพาะปลูกลงบนผืนแผ่นดินไทย
ให้กิ่งใบแห่งคุณธรรมนั้นแผ่สาขา ก่อให้เกิดร่มเงาแห่งความผาสุขตลอดไป
ไม่มีมือที่พิการใด จะพิการไปกว่ามือที่ไม่ยอมสร้างประโยชน์ให้แก่แผ่นดิน
ไม่มีมือของอาชญากรใดจะน่ากลัว ไปกว่ามือที่สกปรกของคนที่โกงกินชาติบ้านเมือง
และไม่มีพระหัตถ์ของพระพรหมองค์ใด จะสร้างสรรค์ประเทศชาติให้งดงามได้เท่ากับมือสะอาด ชาติไม่ล่ม
เกิดมาแล้วต้องใช้ชีวิตให้สมค่าคำว่าคน โดยการใช้สองมือที่สะอาด สร้างชาติให้เจริญ
เมื่อตอนเราเกิด เราร้องไห้ในขณะที่คนอื่นยิ้มระรื่น
ตอนเราตาย เราต้องยิ้มระรื่นในขณะที่คนอื่นร้องไห้
ทำอย่างนี้ได้จึงจะเป็นผู้ที่มีมือสะอาดชาติไม่ล่ม อย่างแท้จริง
 
(แกะจากคำพูดการประกวดสุนกรพจน์นักเรียนระดับประเทศ นางสาวกษริน วงศ์กิตติชวลิต)

http://www.youtube.com/watch?v=RsfLTVuHBTA				
26 สิงหาคม 2554 13:18 น.

ผู้หญิงมักมีเหตุผลที่ฟังขึ้นเสมอ

แทนคุณแทนไท


สายวันหนึ่งระหว่างหญิงสาวสวยกำลังซักผ้าอยู่ริมน้ำนั้นแปรงซักผ้าคู่มือก็หลุดมือจม
ลงน้ำไป หญิงสาวสวยก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ริมน้ำ

ทันใดนั้นเองเทวดาก็ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำแล้วถามว่า ' มีปัญหาอะไรรึ '
' แปรงซักผ้าดิฉันตกลงไปในน้ำแล้ว และตรงนี้น้ำลึกมาก
ต่อไปดิฉันจะเอาอะไรไปซักผ้าหาเลี้ยงลูกสามีได้หละท่าน '

เทวดาได้ยินดังนั้นก็ดำน้ำลงไปสักพักแล้วขึ้นมาพร้อมกับแปรงซักผ้าทองคำ
' เอ้าแปรงซักผ้านี้ใช่แปรงซักผ้าของเจ้าใช่รึไม่ ?'! เทวดาถามหญิงสาวสวย
' ไม่ใช่ค่ะ '

เทวดาก็ดำน้ำลงไปอีกครั้งกลับขึ้นมากับแปรงซักผ้าเงิน
' เอ้าแล้วแปรงซักผ้านี้หละใช่ของเจ้ารึไม่ ?'
' ไม่ใช่ค่ะแปรงซักผ้าของดิฉันทำจากเหล็กมีด้ามไม้เก่าๆ
ไม่ใช่แปรงซักผ้าเงิน แปรงซักผ้าทอง '

เทวดาจึงดำลงน้ำไปอีกครั้งแล้วกลับขึ้นมาพร้อมกับแปรงซักผ้าเหล็กคู่มือหญิงสาวสวย
' เอ้าแปรงซักผ้าของเจ้า แต่! เร าเห็นเจ้าเป็นคนดีซื่อสัตย์ไม่โกหก
เราจะให้แปรงซักผ้าเงิน กับแปรงซักผ้าทองคำแก่เจ้าไปด้วย
เพื่อตอบแทนในการที่เจ้าเป็นคนดี '
หญิงสาวสวยจึงรับแปรงซักผ้าไว้แล้วกลับบ้านด้วยความสุข

หนึ่งเดือนต่อมา ............

ระหว่างที่หญิงสาวสวยกำลังเดินเล่นอยู่ริมน้ำพร้อมกับสามีของเธออยู่นั้น
สามีก็ลืนตกน้ำไป หญิงสาวสวยทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร้องไห้ริมน้ำ

ทันใดนั้นเทวดาองค์เดิมก็ปรากฏกายออกมาอีกครั้ง
' เอ้าคราวนี้เจ้ามีปัญหาอะไรรึ '
' สามีดิฉันลื่นตกน้ำไปเมื่อกี้นี้ค่ะ '

ได้ยินดังนั้นเทวดาจึงดำน้ำลงไป
และขึ้นมาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่เหมือนกันกับพี่เคน ธีรเดช
วงษ์พัวพันธุ์

ตั้งแต่หัวจรดเท้า ' ผู้ชายคนนี้ใช่สามีเจ้ารึไม่ ?'

'ใช่แล้วค่ะ ' หญิงสาวสวยตอบทันที

เทวดาจึงโกรธมาก เพราะเห็นว่าหญิงสาวสวยโกหก และไม่ซื่อสัตย์เหมือนก่อน

' ขออภัยด้วยค่ะท่านเทวดา มันเป็นการเข้าใจผิดค่ะ '

หญิงสาวสวยรีบชี้แจงทันใด

'ถ้าเกิดดิฉันตอบว่าไม่ใช่ ดิฉันเดาว่าท่านก็คงจะลงไปในน้ำอีกครั้ง

แล้วกลับขึ้นมาพร้อมกับผู้ชายที่เหมือนกับ มาริโอ้

และเมื่อดิฉันปฏิเสธอีกท่าก็คงจำดำลงไปอีกครั้งแล้วนำสามีดิฉันตัวจริงขึ้นมา
สุดท้ายท่านก็คงจะให้ผู้ชายอีก 2 คนดิฉันด้วย
เพื่อตอบแทนที่ดิฉันไม่โกหก

แต่ว่า ..... ดิฉันเป็นแค่หญิงสาวสวยจะมีปัญญาอะไรไปหาเงินเลี้ยงสามีพร้อมกัน!
3 คนได้หละค่ะ
(รับไม่ไหวค่ะ ได้ทีละคน)
ดิฉันจึงจำเป็นต้องตอบว่า ใช่ ตั้งแต่แรก '

เทวดา ' เออ!!! จริงของมึง '

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อใดที่ผู้หญิงโกหก

แสดงว่าหญิงผู้นั้นจะต้องมีเหตุผลจำเป็นในการโกหก และมีเจตนาดีอย่างแน่นอน				
22 สิงหาคม 2554 22:56 น.

ปราชญ์ ฤา เปรต..!!

แทนคุณแทนไท

แม้ยังไม่ถึงกำหนดวันแรม 1 ค่ำเดือนสิบ
พญายมยังไม่ทันปล่อย เปรต จากนรกภูมิ
ให้ขึ้นมาพบญาติพี่น้องของตน
แต่เปรตบางตัวฉวยโอกาสช่วงโกลาหล
เล็ดลอดหนีออกมาท่องแดนมนุษย์
ไม่ได้หวังมาขอส่วนบุญ
แต่มาเพื่อหลอกหลอนและครอบงำ
อยากให้มนุษย์ผู้บริสุทธิ์หลงกระทำเยี่ยงมัน
เปรตเหล่านี้มีฤทธิ์มีวิชชาพอควร
สามารถสร้างภาพหลอนให้หลงเชื่อ
บางคราวมาในรูปของปราชญ์
เที่ยวเทศนาสั่งสอนคนอื่นในความเชื่อของหมู่ตน
อวดอ้างถึงแนวคิดจากโลกไกลโพ้น
ที่ไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนไปเยี่ยมถึง
ใครไม่ยอมเชื่อก็เกรี้ยวกราดข่มขู่
ดูถูกดูแคลนว่าไร้อารยะไม่ทันยุค
...........
ท่ามกลางภาวะรอบข้างอันสับสน
เราต้องใช้สมาธิเพียงไร
เราต้องเพ่งจิตและปัญญา
คิดใคร่ครวญแยะแยะให้หนักประมาณไหน
จึงมองออก ว่าแท้แล้ว..
ภาพที่ปรากฎตรงหน้า
เป็น"ปราชญ์"หรือ"เปรต" กันแน่..!!

เปรตเหล่านี้มีฤทธิ์มีวิชชาพอควร
สามารถสร้างภาพหลอนให้หลงเชื่อ
บางคราวมาในรูปของปราชญ์
เที่ยวเทศนาสั่งสอนคนอื่นในความเชื่อของหมู่ตน
อวดอ้างถึงแนวคิดจากโลกไกลโพ้น
ที่ไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนไปเยี่ยมถึง
ใครไม่ยอมเชื่อก็เกรี้ยวกราดข่มขู่
ดูถูกดูแคลนว่าไร้อารยะไม่ทันยุค
...........
ท่ามกลางภาวะรอบข้างอันสับสน
เราต้องใช้สมาธิเพียงไร
เราต้องเพ่งจิตและปัญญา
คิดใคร่ครวญแยะแยะให้หนักประมาณไหน
จึงมองออก ว่าแท้แล้ว..
ภาพที่ปรากฎตรงหน้า
เป็น"ปราชญ์"หรือ"เปรต" กันแน่..!!				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแทนคุณแทนไท
Lovings  แทนคุณแทนไท เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแทนคุณแทนไท
Lovings  แทนคุณแทนไท เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแทนคุณแทนไท