10 เมษายน 2556 22:18 น.
คีตากะ
คนอวดผีอวดสางวางท่าก๋า
ออกลีลายั่วเย้ากระเซ้าผี
ผีงุนงงสงสัยในท่าที
คนใจดีสู้สางพลางทักทาย
คนแหย่ผีเย้าหยอกแสร้งหลอกล่อ
ผีเอียงคอแคลงใจในจุดหมาย
คนลบหลู่ผีทั่วไม่กลัวตาย
ผีซ่อนกายหลบไว้ไม่เผยตน
คนหลอกผีแกล้งหมิ่นถึงถิ่นที่
ทำภูตผีโกรธาตาถลน
ผีเผยกายปรากฏสิ้นอดทน
หลอนหลอกคนขวัญผวาแทบบ้าตาย
คนเห็นผีหวาดกลัวจนตัวสั่น
ผีเย้ยหยันหัวร่อตัวงอหงาย
คนคือผีที่ยังไม่ถึงตาย
ผีคือคนทอดกายนอนวายวาง
คนหรือผีใครเห็นควรเผ่นหนี?
หลายคดีคนร้ายอายผีสาง
เจอผีร้ายอาจหนีมีหนทาง
พบคนร้ายถึงวายวางร้างชีวา
คนเจอผีในใจกลับไม่หวั่น
หลอนทุกวันทุกคืนตื่นผวา
หลอกให้รักให้ชังนั่งโศกา
ยังร้ายกว่าผีตนใดในแผ่นดิน!...
10 เมษายน 2556 22:19 น.
คีตากะ
ฝูงหิ่งห้อยกะพริบระยิบแสง
ประชันแข่งจันทร์เพ็ญเด่นเฉิดฉาย
แฝงลำพูชูกิ่งเพริศพริ้งพราย
ส่องประกายดั่งคบเพลิงเถกิงไพร
ห้วงท้องธารกระเพื่อมเลื่อมพรายสี
กลางนทีปรากฏจันทร์อันสุกใส
นั่งเรือแหวกม่านน้ำลำนำไกล
ราวหลงในภาพวาดพิลาสงาม
เสียงไม้พายกระทบคลื่นในคืนเปลี่ยว
คุ้งแควเคี้ยวคดไกลใจไหวหวาม
ทัศนาม่านหมอกเย้าหยอกตาม
ทั่วเขตคามปกคลุมคล้ายกลุ่มควัน
วัดโบราณเรียงรายเคียงสายน้ำ
กลองย่ำค่ำดังรัวทั่วเขตขัณฑ์
กระท่อมหลบดงมะพร้าวพราวอรัญ
อัมพวันยามค่ำล้ำตระการ
ดารกะประดับโพยมระยับ
เรไรขับเพลงไพรใกล้ละหาน
เหมือนเสียงใจแว่วดังฟังกังวาน
ให้ก้าวผ่านสู่ฝั่งดั่งตั้งใจ....
13 สิงหาคม 2558 22:41 น.
คีตากะ
ปีเสือดุ...ดินไหวไปทั่วโลก
เฮติโศกชิลีเศร้าเรากลัดหนอง
น้ำป่าหลากมากฝนบนเขานอง
อีสานต้องหวาดผวาน้ำมาแรง
ปีกระต่าย...ลอยคอพอบรรจบ
ญี่ปุ่นสบสึนามิพิบัติแผลง
เหนือฝนฟ้าพายุดุรุนแรง
ภาคกลางแหนงน้ำท่วมอ่วมบ้านเรา
ปีมังกร...คุกคลาน...คชสารล้ม
เขาว่าจมหนักกว่าพาอับเฉา
ดั่งควาญช้างตกหลังนั่งซึมเซา
ความมืดเข้าปกคลุมรุมพารา
กรรมหนอกรรม!...มนุษย์ยากหลุดพ้น
สำนึกตนหรือก็ไม่ไร้สิกขา
มุ่งประโยชน์โทษใดไม่นำพา
ท้ายต้องมาอพยพ...หนีหลบภัย
13 สิงหาคม 2558 22:42 น.
คีตากะ
อันช้างม้าวัวควายมากมายป่า
ยังนำมาฝึกหัดดัดนิสัย
สิ้นผยองพองขนกมลใน
สันดานไพรดิบเถื่อนเลือนมลาย
ความพยศหมดไปในจริต
กลายเป็นมิตรก่อประโยชน์โทษห่างหาย
เลิกร่อนเร่พเนจรซ่อนเร้นกาย
เคยดุร้ายกลายเชื่องเรืองปัญญา
แต่จิตคนวายวุ่นทั้งขุ่นข้อง
เดี๋ยวร่ำร้องเดี๋ยวหัวเราะเพราะตัณหา
เดี๋ยวก็มืดเดี๋ยวสว่างสร้างมายา
คอยผลาญพร่าเจ้าของต้องทุกข์ทน
กลับเพิกเฉยปล่อยไปไม่ฝึกหัด
ทรมานสัตว์ในจิตคิดฝึกฝน
จึงเป็นบ้าเป็นหลังเวียนวังวน
หนีไม่พ้นหมองเศร้ากร่อนเผาทรวง
*** ภาวนา คือการอบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผลอรรถธรรม รู้จักวิธีปฏิบัติต่อตัวเองและสิ่งทั้งหลาย ไม่ให้จิตผาดโผนโลดเต้นแบบไม่มีฝั่งมีฝา ยึดการภาวนาเป็นรั้วกั้นความคิดฟุ้งของใจให้อยู่ในเหตุผลอันจะเป็นทางแห่งความสงบสุข ใจที่ยังมิได้รับการอบรมจากภาวนา จึงยังเป็นเหมือนสัตว์ที่ยังมิได้รับการฝึกหัดให้ทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์
ข้อคิดธรรมจากอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส
10 เมษายน 2556 22:23 น.
คีตากะ
ฐีติจิต...จิตเดิมแต่เริ่มต้น
พิสุทธิ์พ้นมลทินสิ้นสงสาร
ดำรงอยู่อิสระสุดประมาณ
เหนือห้วงกาลนานมาสถาวร
ดั่งบิดามารดาพากำเนิด
กายใจเกิดเป็นมาอุทาหรณ์
ชื่อมนุษย์สุดประเสริฐเลิศอาภรณ์
เที่ยวเร่ร่อนในวัฏฏะประดาชน
ฐีติจิต...กอปรไปในความหลง
จึงเสริมส่งอวิชชาพาก่อผล
ปรุงแต่งเป็นสังขาร....อุปาทานดล
ภพชาติวนเรียกว่าปัจยาการ
จิตเดิมแท้กอปรหลงบ่งชี้เหตุ
อุปกิเลสหมักหมมจมสงสาร
อบรมจิตภาวนาพาเกิดญาณ
จึงประหารโมหันธ์หักบรรลัย
สังสารวัฏตัดขาดสิ้นชาติภพ
สว่างสงบด้วยจิตพิศผ่องใส
จากสมมุติเป็นวิมุตหลุดพ้นไป
ประหนึ่งน้ำกลิ้งในใบบัวเอย...
บางส่วนจากมุตโตทัย
อาจารย์มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส
ในปัญหาที่ว่า มนุษย์เกิดมาจากไหน
เกิด เพราะอะไร พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ได้มีสิ่งที่เป็นปัจจัยต่อเนื่องกันมาเป็นเหมือนลูกโซ่
เรียกว่า ปัจยาการ, บางทีก็เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท ดังนี้
๑. อวิชชา (ความไม่รู้) เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร
๒. สังขาร (การปรุง) เป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ
๓. วิญญาณ (ปฏิสนธิจิต) เป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป
๔. นามรูป (ขันธ์ ๕) เป็นปัจจัยให้เกิดสฬายตนะ
๕. สฬายตนะ (อายตนะ ๖) เป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ
๖. ผัสสะ (ความสัมผัสกับสิ่งนอกตัว) เป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
๗. เวทนา (ความรู้สึกสุขทุกข์) เป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา
๘. ตัณหา (ความอยาก) เป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน
๙. อุปาทาน (ความยึดถือ) เป็นปัจจัยให้เกิดภพ
๑๐. ภพ (การถือกำเนิด) เป็นปัจจัยให้เกิดชาติ
๑๑. ชาติ (ความเกิด) เป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์ต่างๆ,
คำบาลีว่า "อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ นามรูปปจฺจฺยา สฬายตนํ สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส ผสฺสปจฺจยา เวทนา เวทนาปจฺจยา ตณฺหา ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ อุปาทานปจฺจยา ภโว ภวปจฺจยา ชาติ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา.