ช่ออักษราลี
๏ พลิ้วลมโชยกลิ่นหอมล้อมกอหญ้า
พวงลัดดาบานเบ่งเปล่งเครือเถา
สร้อยอักษรขจรไหวในลำเนา
กลีบจักเคล้าวลีฟ้ามาโปรยดิน
๏ หอมบุปผามาลัยในโลกหล้า
ไม่หอมกว่าภาษาสรรค์วรรณศิลป์
โชยละมุนไหลล่วงจากดวงจินต์
ขจรกลิ่นหอมหวานบนลานกลอน
๏ ลายสือไทยไหวพลิ้วดั่งริ้วเมฆ
งามราวเสกสวรรค์สู่บรรจถรณ์
ดอกสร้อยศิลป์ผลิช่ออรชร
เรณูกลอนปลิวฟุ้งรุ้งกวี
๏ อิ่มไหนเล่าเท่าอิ่มทิพยรส
ยามเสพบททุกตอนอักษรศรี
ดั่งเสวยสวรรค์อันรุจี
ชั้นกวีเพริศแพร้วแก้วกรองกานท์
๏ ร่ายสำเนียงสังคีตคำทำนองเสนาะ
หวานไพเราะดุจคนธรรพ์นั้นวาทย์ขาน
พลิ้วจังหวะฉันทลักษณ์กล่อมสำราญ
บนวิมานลานทองของกลอนไทย
๏ บรรเลงถ้อยร