6 มิถุนายน 2556 16:38 น.

๏.. โอ้เจ้าการเวก ปักษาสวรรค์..๏

กิ่งโศก

        ๏ สิ้นเสียงทิพย์สะท้อน      ไตรภพ
มนตร์กฤติยากลบ                  กรุ่นถ้วน
สามโลกแน่นิ่งซบ                 สถิตย์แน่น 
สะกดเกลื่อนเคลื่อนล้วน        สดับทิ้งอิริยา
      ๏ ปักษาชาติแห่งเชื้อ         สายสวรรค์
เจ้าขับเจ้าขานขัน                 พิเราะเพี้ยง
วาทกะเอกสุวรรณ                 ทิพยะ  สร้างเฮย
จึงกล่อมสรรพชาติเกลี้ยง       หยุดก้าวพร้อมกัน
     ๏ เทพปักษีว่ายฟ้า          จันทร์เริง เล่นแฮ
แลแค่เงาเถกิง                     ร่างรู้
เสพลมห่มเมฆเถิง                 เวหาส
เห็นแค่หางสู่ผู้                     ผ่านให้โดยบุญ
    ๏ ดุจตัวแทนเทวะท้าว      คีตศิลป์
เพียงลำดับจับยิน                ยุดยั้ง
ทารกผกชีวิน                       ยอหยุด คลอดนา
เพชฆาตรดาบค้างตั้ง           นิ่งเงื้อรอประหาร       
          
    ๏ กาลกล่าวเล่าย้อนเทพ     ปกีรณัม
อภินิหารสัม-                       ปยุตพร้อม-
ก่อยอชาติย้ำกำ-                  เนิดศักดิ์  ยศนา      
ภาระเทพย่อมล้อม               บรรญัติด้วยบทสวรรค์
    ๏ ศานติเถิดชาวโลกสิ้น      กำสรวล
ประดิษฐ์ทำนองชวน         รื่นซร้อง
ครื้นเครงบทเพลงอวล      เอิบอิ่ม  เร้าเนอ
ร่ำสุขสนุกร้อง                  เสกสร้อยมโหรี  ๚ะ๛
             
                   + กิ่งโศก+
             ๕ มิถุนายน ๒๕๕๖
๐ " นกฟ้ากำลังร้องเพลง เล่นแสงเดือน" 
"คนเห็นมันแต่เงา คนได้ยินมันแต่เสียง ไม่มีใครรู้แหล่งที่อยู่ ไม่มีใครได้สัมผัสแม้แต่โคนหาง 
แต่คงมีสักโอกาสหนึ่งที่วิหคฟ้าผละแดนสวรรค์ลงมาเกลือกเล่นธุลีดิน 
วันนั้นย่อมเป็นวันปีติโสมนัสของพสุธา"
 ข้าพฯเจ้า กำลังนึกบทสนทนา ระหว่างกระเหรี่ยงไพร (แงซาย) กับจอมพราน (ระพินทร์)...บนเทือกเขาสูงอันหนาวเหน็บ
..หากแม้นวิหกฟ้านั้นมีจริงชาวดินเยี่ยงเรา ฤาจักมีวาสนาได้เห็นไหมหนอ..
3 มิถุนายน 2556 16:42 น.

๏.. ลานมรณะ..๏

กิ่งโศก

     ๏ สำเนียงเสียงเสนาะก้อง      กังวาน  พฤกษ์เฮย
สำทับถี่นี้เนื่องนาน         "นกหว้า"
เพรียกเรียกคู่กู่ขาน         คอโก่ง 
ฤอัตคัดคู่ค้า                 ชิดเคล้าแนบเขนย
      ๏ จักเผยเปรยเล่าร้อย        เรียงหลัง
เช้าเกลี่ยลานเกลี้ยงรัง      สะอาดแล้ว
ใบไม้เศษหล่นบัง            ปากคาบ ทิ้งนา
ลานจึ่งพึงผ่องแผ้ว         พิศล้วนเรือนหวง
     ๏ ลานผูกปลูกสเน่ห์ล้อม          คู่เรียง
นางนกตกปลงเคียง        แนบเคล้า
ลานรักประจักเพียง         รังสวาท
สมสู่ชู้เอินเย้า               หยอกเพี้ยงสิเน่หา
    ๏ ลานสลดกำสรดด้วย      หวงลาน
อิริยารู้พราน               ทุกผู้
หลาวปักที่โปรดปราณ    แปรชีพ
คมไผ่บางเบารู้           ประพฤติเจ้าของเรือน                 
    ๏ เบื้องนั้นพลันนกผู้      เล็งเห็น
หลาวเกะกะกลางเป็น      ปักชี้      
โทสะจิกกระเซ็น           กระชาก
ปีกตะปบขบขยี้           บาดเข้าโทรมแผล
    ๏ แลหลาวปักแน่นด้วย      ทักษะชน
สิ้นท่าพามืดมน             หมดสิ้น
ศอม้วนมัดรัดวน            แรงตวัด ดึงนา
ฆาตปลิดชีวิตดิ้น            ดับด้วยลานตน ๚ะ๛
             + กิ่งโศก+
        ๓ มิถุนายน ๒๕๕๖
๐ เรื่องราวอันหวาดเสียวนี้ ข้าพเจ้า พบในหนังสือนวนิยาย เรื่องเพชรพระอุมา โดยกล่าวถึงพฤติกรรมของ"นกหว้า"
"คล้ายนกยูงแต่ขนมีน้ำตาลไม่เขียวเหมือนนกยูง รำแพนได้สวยกว่านกยูง ป่าไหนมีนกหว้าแปลว่าเป็นป่าลึก เวลาร้องจะร้องโหยหวล
 นกหว้าตัวผู้มักจะทำลานไว้สำหรับรำแพนเรียกตัวเมีย เรียกลานนกหว้า มันจะใช้ปีกกวาดจนลานสะอาดไม่ยอมให้แม้ใบไม้สักใบตกลงมา
 พรานป่าทุกคน เมื่อพบลานรำแพนของนกหว้า ถ้าเขาต้องการจะได้ตัวมัน เขามีวิธีจะเอาตัวมันได้โดยไม่จำเป็นจะทำบ่วงแร้วดัก หรือเสียลูกปืน 
โดยอาศัยสัญชาติญาณรักษาความสะอาดลานของมันนี่แหละเป็นเครื่องฆ่าตัวมันเอง 
ตอนนี้หวาดเสียวมาก..(คนยังจะกินนกอีกนิ)
"คือเขาจะเอาไม้ไผ่ยาวสักสองสามคืบมาหลาว วิธีหลาวก็หลาวเฉพาะครึ่งหนึ่งของไม้ไผ่นั้น ให้บางและคมราวกับใบมีดทั้งสองคมขนาดกว้างประมาณหนึ่งเซนติเมตร 
ส่วนอีกครึ่งไม่ต้องหลาว เอาด้านที่ไม่ได้หลาวย่องไปปักแน่นไว้กลางลาน ในเวลาที่มันออกไปหากินห่างจากลานโดยให้ใบอันหลาวไว้อย่างคมกริบนั้นโผล่พื้นดินขึ้นมาราวคืบกว่าๆ
 พอมันกลับมาถึงลาน เห็นไม้ไผ่ระเกะระกะลูกตาอยู่กลางลานอันแสนหวงแหนของมันเช่นนั้น มันก็หาวิธีเขี่ยออกมาให้พ้น แต่ไม้ไผ่อันนั้นปักแน่นเกินกว่าที่มันจะจิก
หรือคุ้ยให้ออกไปได้ ในที่สุดมันก็จะใช้ลำคอยาวของมันพันเข้ากับไม้ไผ่อันคมกริบนั้น เอาเท้ายันพื้นแล้วกระชากถอนขึ้นโดยแรงเพื่อจะให้หลุดตามประสาของมัน" 
......ฮือๆๆๆ โหดร้ายจังมนุษย์...
ปล.ทำไมเม้นไม่ได้ละครับนี่....ใส่พาสเวิด อีเมล ก้อแล้ว เม้นมิได้ขอรับ
23 พฤษภาคม 2556 12:41 น.

๏..ชาตาเมือง...อัปลักษณ์..๏ (ฉบับโคลงฯห่อกลอน)

กิ่งโศก

๏ เหมือนตกฟากประจักนำโดยกำหนด
กำเนิดดวงรันทดยิ่งถดถอย
พระศุกร์เข้าพระเสาร์ล่มระทมลอย
ชะตาซ้ำด้ำพลอยคล้ายลอยแพ ๚ะ๛
     ๏ ตกฟากวิบากพื้น........กำหนด 
เลขทุรธึกทด ...................ทับแจ้ง
เงาอัปลักษณ์จักจรด .........เจียดจับ ร่างเนอ
ภูตภาคถากแถแสร้ง .........กำเนิดเชื้อทุรชน
    ๏ หนก่อนบาปเก่ากล้ำ ....บุญเดิม
ต่อต่ำย่ำเตี้ยเติม ............ ตกใต้
สกนธ์เกลือกกลั้วเสริม......แทรกก่อ
ออ-ปริยีเย้ยไซร้ ..............สำทับถ้วมเทินหัว
    ๏ รั้วบ้านรานแบะร้าว ...ล่มเมือง
ใต้บาทอสูรเนือง- ...........แน่นห้อม
เปรตตะปบขบเฟือง ....... ฝังแผ่น- ดินนา
ฉีกละเลงเขย่งล้อม ........ ปลิ้นปล้อนตาถลน    
    ๏ ไฟพะเนียงเสี่ยงชิ้น ....กระเซ็น
กาลกิณีเล็งเห็น .............ฮึ่มฮ้อง         
สิ้นศักดิ์เสื่อมกระเด็น ..... ดารดาษ ดื่นเฮย
คืนค่ำคาดชาดคล้อง...... แสยะเขี้ยวเคี้ยวกิน
   
   ๏ แผ่นดินสิ้นดับด้วย ... เดียรถีย์
นรชาติชนอัปรีย์ .............เถื่อนถ้วน
เหลิงโดยโลดฤทธี ........ ลุบ่อน ทำลายเนอ
เนรคุณดินล้วน ............. พินาศแล้วอบาย
   ๏ อัปลักษณ์รูปแล้ว..... พอทน
  ขุนกลับงับหางตน .........แตกหวิ้น
สั่งไพร่โห่แหนพล ........ ขู่ข่ม
ไฟจ่อรอสั่งสิ้น ............ ซุกเชื้อ-ย่างเมือง
  ๏ ดวงเมืองหรี่มอดแล้ว .... เมลืองโรจน์
มารขบข่มคว่ำโชติ ......  ดับซ้ำ
กาลกิณีโฉด...............  ชั่วยิ่ง เยงนา
โลหิตฉานนองน้ำ ........ ท่วมพื้นนาคร
   ๏ เหิมแหวกฟ้าข่มพื้น ...ปัถพี
บังอาจวาดป้ายสี ....... ใส่ใคร้
บ่เจียมชาติทรพี ........  พองศักดิ์
ตัวต่ำนรกใต้ ............. เทียบฟ้าได้ฤา 
        
  ๏ ประณตกรกราบไหว้..... ภาวนา
เทวะเทพรักษา .......... ช่วยฟื้น
 ป้องปกปักประชา ..... พสก ถ้วนนอ   
 ขจัดปัดภัยปื้น ......... ครอบเข้าถือครอง ๚ะ๛
                   + กิ่งโศก +
             ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖
14 พฤษภาคม 2556 12:57 น.

๏..กระสือที่ ไร้วันตาย.. ๏ ( โคลงฯห่อกลอน ภายใต้กล : กบเต้นสามตอน)

กิ่งโศก

                ๏กล่าวซึ่งกึ่งสากระสือ

         เห็นลือฮือลั่นหันเหล่

         ครั้นเนิ่นเขินนับขับเน-

       -ติเหเตร่ให้ไต่ฮาม ๚ะ๛

  ๏กระสือสื่อพร้องเยี่ยง        เพียงหญิง

พิงอยู่สู่แนบสิง                       นิ่งซ้อน

นอนซุกลุกไหวติง                   วิ่งต่าง

วางติดจิตสะท้อน                    ซ่อนทั้งร่างเดียว

  ๏ เรืองเขียวเปลววาบฟุ้ง      วุ้งฝาย

ว่ายฝ่าหาพลิกหงาย                 ผ่ายแง้ม

แพลมงับจับสัตว์ปลาย             ใส่ปาก

ซากเปล่าคาวเปรอะแต้ม          ประแหล่มต้องชิวหา 

๏ชะหิวริ้วตับไส้                ไตซาก

ตากซ่อนร่อนเทียวลาก            ถาก-ลิ้ม

ทิ่ม-รกจกกระชาก                   กากเสพ                       

เก็บเศษเช็ดเปื้อนยิ้ม               ปริ่มย้อมแสยะหยัน              

๏ยังเล่ากล่าวฝากไว้           ใฝ่หวาด

ฝาดว่าฆ่าพิฆาต                      พาธเข้า

เผาขุดกุดมิขาด                      มาตรฆ่า

มาขุกทุกข์ปิ่มเศร้า                  เปล่าสิ้นตาย         

๏สายตกผกผ่านเข้า            เผาคอย

ผล็อยคว่ำค่ำคืนถอย               ค่อยทึ้ง

ขึงทอดกอดลูกพลอย             รอยพล่าน

รานพ่ายป่ายผ่าวอึ้ง                พึ่งอ้อมอกมารดา

๏อาโดยโชยผ่านเชื้อ         เพื่อสาย

พรายสืบหนืบน้ำลาย               หน่ายล้อ

หน่อหลุดผลุดเหล่าพราย         หลายเพาะ

เลาะผ่านขานต่อข้อ                ต่อข้างสืบพันธุ์ ๚ะ๛

                      + กิ่งโศก +

6 พฤษภาคม 2556 12:29 น.

๏.. กาฬยุค ..๏ ( กล : นาคบริพันธ์ ฉบับโคลงห่อกลอน)

กิ่งโศก

  ยุคกระเบื้องลอยนองฟูฟ่องน้ำ

ฟ่องเหนือห่าสาระยำย่ำแสยง

สยายมือมืดดำเดชสำแดง

สำเดชอวดกำแหงผ่าแล่งเฮือน ๚ะ๛

        ๏ ยุคกระเบื้องบุบเบี้ยว           ฟูลอย

ฟูล่องฟ่องพรายฝอย         ผิดเพี้ยน

ผิดพร้องผิว์เช่นพลอย        ดีพ่าย

ดีพราก-ลากแหล่งเหี้ยน     หดเร้นหลบหัว

       ๏ หลบหายพ่ายเหล่าผู้            แสยะ  สยองนา

สยบกลบกัดแซะ               ฉีกดิ้น

ฉีกดุจกุดลูกแกะ               งอก่อง

งอก่อระย่อสิ้น                  ซบก้มโน้มคอ

        ๏ โน้มคราวน้าวข้อนั่น          บ่งนัย

บ่งเนื่องเบื้องสมัย             เปลี่ยนหน้า

เปลี่ยนน้ำถ่ายเนื้อไถ         เถือแก่น

เถือแกว่งกานบั่นอ้า           บากเอื้อมบ่ถึง

        ๏ บ่ทานต้านทัพฮ้อง          โหมฮือ

โหมหักปรักแปฤา             ขื่อบ้าน

ขื่อบนล่างร้างหรือ            จึงข่ม

จึงคร่าพร่าทุกด้าน            ดะเข้าระดม

         ๏ ระด่าวร้าวรุกด้วย              ทุรชน

ทุรชาติเชื้อฉล                 อสุเรศร้าย

อสุระล่อรานจน                ป่นแหลก      

ป่นร่วงป่วงบิดใบ้              บดสิ้นสรรพสา

         ๏ สรรพสิ้นวิ่นแหว่งแล้ว    เลี่ยงรูป

เลี่ยงร่างก้างแกล้งซูบ       กร่อนเชื้อ

กร่อนส่อก่อสุมสูบ           เฉาเหี่ยว

เฉาห่อนซ่อนสายเอื้อ      หน่ายโอ้อาดูร

        ๏ อาดั่งจักวักฟ้า                 พลิกดิน

พลิกดะระนาบติณ           แหลกตั้ง

แหลกต้องต่างพังภินท์    พินาศ แน่เนอ

พินิจจิตยอยั้ง                บ่ยื้อถือยัน   ๚ะ๛

 

                                 + กิ่งโศก +

                         ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖    

 
Calendar
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกิ่งโศก