24 สิงหาคม 2550 14:22 น.

เธอกะฉัน

คีตากะ

ฉันคือรวงข้าวงามเหลืองอร่าม
เธอเป็นด้ามคมเคียวเกี่ยวข้าวเหลือง
ฉันคือคลองหนองน้ำเจิ่งนองเนือง
เธอเป็นปลาตัวเขื่องเยื้องย่างกราย

ฉันคือทางทอดยาวให้ก้าวย่าง
เธอเป็นนักเดินทางต่างมุ่งหมาย
ฉันเป็นลมพลิ้วไหวอยู่ไม่คลาย
เธอเป็นนกเริงร่ายบินว่ายวน

เธอคือผีเสื้อสวยด้วยสะคราญ
ฉันเป็นดอกไม้บานทุกย่านหน
เธอคือเมฆล่องลอยเคลื่อนคล้อยวน
ฉันเป็นฟ้าเบื้องบนคำรนครวญ

เธอคือผลรังสรรค์อันไร้เขต
ฉันเป็นเหตุต้นตอรอสืบสวน
เธอคือฉันความฝันอันรัญจวน
ฉันคือเธอเพ้อครวญหวนหาคอย.....
				
31 กรกฎาคม 2550 19:14 น.

ราตรีหนึ่ง

คีตากะ

คืนพระจันทร์ทรงกลดช่างงดงาม
แขวนกลางท่ามเมฆินทร์ถิ่นสวรรค์
กลบแสงดาวพราวแพรววับแววอัน
คราวสันต์เข้าพรรษาหน้าฤดู

เพียงพริบตาเวลาลับลาล่วง
วิตกห่วงกังวลไยใจอดสู
พลันหนุ่มสาววัยเยาว์ผมขาวพรู
ก้าวเข้าสู่วัยชราตาฝ้าฟาง

ท่องโลกไปด้วยใจที่เบิกบาน
สุขสำราญผ่านวันอันแตกต่าง
เปิดเผยใจให้เปลือยเปล่าจนเบาบาง
ล่องลอยคว้างกลางหาวก้าวล่วงกาล

ลืมตาตื่นขึ้นมองจันทร์อันผ่องผุด
ลอยสูงสุดสาดส่องแสงสืบสาน
เหนือขุนเขาซับซ้อนผ่อนวิญญาณ
คืนสะคราญปล่อยผ่านตาน่าเสียดาย....
				
28 กรกฎาคม 2550 15:27 น.

น้ำกลิ้งบนใบบัว

คีตากะ

รัตติกาลยาวนานได้ผ่านพ้น
น้ำค้างหล่นพร่างพรายใกล้รุ่งสาง
แสงขอบฟ้ามาเยือนเริ่มเลือนราง
ควันเบาบางพลางลอยอ้อยอิ่งไกล

บัวชมพูชูช่อรอแสงส่อง
ณ ลำคลองหนองบึงซึ่งน้ำใส
หยาดน้ำค้างพร่างพรมสะสมใบ
ยามลมไหวใบส่ายกลิ้งไปมา

มองความจริงน้ำกลิ้งบนใบบัว
มิเกลือกกลั้วแปดเปื้อนใบให้กังขา
เหมือนกิเลสก่อทุกข์รุกอุรา
ไม่ซึมซับรับมาย่อมผาเย็น

เคล้าโลกีย์ด้วยใจที่มิหวั่นไหว
เพลินหลงใหลในโลกสุขโศกเห็น
ลับปัญญาให้กล้าคมทางร่มเย็น
ไม่ยอมเป็นเช่นทาสประกาศไท....
				
28 กรกฎาคม 2550 14:26 น.

ต้นกล้วยไร้แก่น

คีตากะ

จิตคือจิต อารมณ์คืออารมณ์
หากผสมอารมณ์จิตย่อมมิดหมอง
หลงรักใคร่ใฝ่ฝันเกินครรลอง
ยังจิตเขลาเศร้าครองคว้าปองเงา

ธาตุดินน้ำลมไฟก่อกายสร้าง
หลงเรือนร่างลางเลือนเหมือนว่างเปล่า
จะงดงามอัปลักษณ์ทึกทักเอา
ท้ายถูกเผาเป็นเถ้าถ่านกาลเวลา

ใจคือขัณฑ์อันมีรูป ความรู้สึก
ความคิดนึก ความจำ ความรู้สา
สร้างตัวตน บุคคล บนมายา
แรงปรารถนาพาไปไม่รู้ตน

แท้กายใจไม่เที่ยงเยี่ยงความฝัน
ต้องมีอันผันแปรแน่นอนผล
เฉกไม้กล้วยไร้แก่นแม่นมั่นคน
หาทานทนถาวรแออ่อนเอน.....
				
26 กรกฎาคม 2550 17:13 น.

เท่านี้หรือ

คีตากะ

เท่านี้หรือ ! ชีวิตลิขิตเขียน
คล้ายเปลวเทียนเจิดจ้าแล้วสลาย
มอดไหม้ทั่วจรดหัวตัวมลาย
ไยง่ายดายเช่นนี้ชีวีเอย

เท่านี้หรือ ! หน้าที่วิถีชน
ต้องดิ้นรนจนตายเปล่าดายเอ๋ย
สืบทอดพงษ์ดำรงเผ่าเช่นเก่าเคย
มิเหลือไว้ใดเลยโธ่เอ๋ยคน

เท่านี้หรือ ! มนุษย์สุดประเสริฐ
ผู้เป็นเลิศเหนือสัตว์ดูขัดสน
สิ้นปัญญาป่าเถื่อนเลือนกมล
วิ่งเวียนวนบนทางสร้างเวรกรรม

เท่านี้หรือ ! พงษ์เผ่าจ้าวสรรพสิ่ง
ผู้ใหญ่ยิ่งนิ่งนิจคิดน่าขำ
ทิ้งสวรรค์หันเกลือกกลั้วสิ่งมัวดำ
เพิกเฉยทำย่ำเหยียดรังเกียจตน....
				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ