6 กันยายน 2550 15:19 น.

นิยามความยิ่งใหญ่

คีตากะ

มั่นคงดั่งภูผาแลปฐพี
ค้ำจุนสรรพชีวีที่อาศัย
เจือจุนดั่งสายธารชื่นบานใจ
ผ่านเลื่อนไหลหล่อเลี้ยงเยี่ยงมารดา

บริสุทธิ์ดั่งอุบลพ้นราคิน
ไร้มลทินประเสริฐเลิศบุปผา
ไม่หลงใหลไปกับโลกอุปโลกน์มา
เหนือคงคาผลิบานสราญรมย์

ไพศาลดั่งท้องนภากว่าบริเฉท
ไร้ขอบเขตกว้างไกลไม่อาจถม
แผ่ปกคลุมหุ้มดาราสง่าชม
อัมพรห่มสรรพสิ่งอิงชีวา

รักที่ไร้เงื่อนไขดั่งตะวัน
ทอแสงอันจำรัสยื่นหัตถา
โดยมิเห็นแก่ตัวทั่วโลกา
มิเคยมาเรียกร้องปองสิ่งใด....
				
5 กันยายน 2550 14:36 น.

ร่องรอยแห่งอดีต

คีตากะ

เป็นเพียงหนามในกำมือเธอถือไว้
ยามคราใดคิดถึงจึงกำมั่น
หวนอดีตอันปวดร้าวคราววานวัน
เลือดแดงพลันรินหลั่งเกรอะกรังใจ

เป็นเพียงเข็มร้อยพันเธอสรรค์สร้าง
ร้องครวญครางกลางจิตยามคิดใฝ่
ย้ำเรื่องราวคราวหลังพลาดพลั้งไป
เข็มแทงใจเจ็บปวดร้าวรวดทรวง

เป็นยาพิษลิดรอนเธอซ่อนไว้
กัดกร่อนใจด้านชาเวลาล่วง
ตามระลึกนึกถึงซึ่งรักลวง
พิษเผาทรวงซ้ำซากยากเยียวยา

เป็นแผลเก่าร่องรอยเธอคอยซ้ำ
ยังเจ็บจำพร่ำเพ้อละเมอหา
ความผิดหวังจำพรากการจากลา
รินน้ำตาพร่าเลือนเหมือนวันวาน...

****หนามในกำมือ อันใจยึดมั่นไว้ คอยซ้ำเติมความเจ็บปวดในจิตใจ
ทุกครั้งครา เมื่อหวนระลึกถึงเรื่องราวในอดีต คนๆนั้นอาจทำให้เราเจ็บ
แค่เพียงครั้งเดียว แต่ตัวเราเองเล่า? ไยตอกย้ำความเจ็บอยู่ซ้ำๆให้แก่ตัวเองไม่หยุดหย่อนสุดคณนานับ.......แด่เธออันเป็นที่รัก ที่ยังคงเจ็บช้ำกับวันวาน....
				
30 สิงหาคม 2550 13:50 น.

เอกัคตา

คีตากะ

อสรพิษตัวนิดน้อยกระจิริด
อาจแพร่พิษล้มพญาคชสาร
อัคนีที่น้อยด้อยปริมาณ
อาจเผาผลาญพฤกษ์ไพรให้วอดวาย

ลมเบาบางจางอ่อนร่อนตลบ
อาจสยบคลื่นบ้าคลั่งหยุดยั้งหาย
ละอองน้ำราวหมอกควันอันเรียงราย
อาจก่อสายพิรุณหลั่งโถมถั่งมา

ผมเพียงเส้นอาจบดบังทั้งบรรพต
น้ำเพียงหยดอาจทะลุแท่งภูผา
เชื้อโรคน้อยอาจผลาญพร่าคร่าชีวา
คลื่นบนฟ้าอาจกำเนิดเกิดอัสนี

เฉกดวงจิตกระจ้อยร่อยอันน้อยนิด
ยากเพ่งพิศร่องรอยใดไร้แสงสี
หากหลอมรวมเป็นหนึ่งพึงอาจมี
ยังโลกนี้เป็นผุยผงลงพริบตา...........

                                   
 *****เอกัคตา : ความมีจิตแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว...				
26 สิงหาคม 2550 16:24 น.

ฤาจะเปรียบ.....

คีตากะ

อย่านำทรายกรวดหินดินไร้ค่า
เทียบเพชรนิลจินดาเลอค่ายิ่ง
อย่านำวิชาความรู้ดูอ้างอิง
เทียบปัญญารู้จริงสรรพสิ่งนัย

อย่านำหิ่งห้อยแสงน้อยนิด
มาเปรียบติดสุริยาเจิดจ้าใส
อย่านำพละกำลังแห่งกายใจ
เทียบเทียมในธรรมกายไร้เขตแดน

อย่านำทรัพย์ศฤงคารในล้านโลก
มาเทียบโมกขธรรมค่าล้ำแสน
อย่านำวิมานน่าหลงใหลในเมืองแมน
เทียบเปรียบแดนพุทธาสง่างาม

อย่านำน้ำเพียงน้อยในรอยเท้า
มาเทียบเท่าท้องนทีที่ล้นหลาม
อย่านำชีวิตนิดน้อยด้อยโมงยาม
มาเปรียบความอมตะแห่งอาตมัน.....
				
26 สิงหาคม 2550 14:41 น.

ความทุกข์ ความสุข ความว่างและความรัก

คีตากะ

ความทุกข์ ราวแสงแดดยามแผดกล้า
แจ่มเจิดจ้าทิวาวันสร้างสรรค์สี
เคี่ยวกรำใจให้เรียนรู้สู่ความดี
ยากหลีกหนีหลบพ้นจนสนธยา

ความสุข ราวแดดอุ่นยามอรุณรุ่ง
หอมจรุงฟุ้งเฟ้อละเมอหา
กำลังชื่นพลันลับหายกับสายตา
รอเวลาอุษาคืนหวังชื่นชม

ความว่าง ราวค่ำคืนยามดื่นดึก
ดูล้ำลึกกว้างไกลยากไถถม
ยังจิตคร้านเฉื่อยชาน่าภิรมย์
สุขทุกข์จมห่างหายมลายเลือน

ความรัก ราวสายลมพรมถ้วนทั่ว
อยู่รอบตัวทุกที่มีกลาดเกลื่อน
ยิ่งค้นหายิ่งห่างไกลให้รางเลือน
รู้สึกเหมือนไม่มีทั้งที่เต็ม............
				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ