14 มีนาคม 2548 15:57 น.

ฟ้าสางที่กลางกรุง

อัลมิตรา

...แม้ว่าไม่บ่อยครั้งนัก ที่ผู้เขียนมีโอกาสไปเยือนดินแดนต่างถิ่น
...ความไม่ประสาของผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนไม่เคยรู้เลยว่ามีมาก .. 
...แต่ทว่า มากนัก
...คงเริ่มตั้งแต่กางมุ้ง ซึ่งกว่าผู้เขียนจะเก้ๆกังๆ หามุมแขวน 
...ซึ่งก็ได้สี่เหลี่ยมตามวิชาพิชคณิตมาหนึ่งชุด ..
...เป็นสี่เหลี่ยมมุมด้านไม่เท่า
...อย่าหวังว่าการเก็บมุ้งในยามเช้าจะเรียบร้อยหมดจด 
...ผู้เขียนใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงในการหามุมรวบเก็บได้
...เหมือนก้อนผ้าอะไรสักอย่าง แต่เอาเถอะ นั่นเป็นฝีมือที่สุดประณีตแล้ว

...ผู้เขียนอาจจะเป็นคนเดียวในหมู่บ้านนั้น 
...ที่หอบเสื้อผ้ารวมถึงผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ
...สายตาก็มองหาตะปู เพื่อแขวนสัมภาระดังกล่าว 
...ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อที่จะจัดแขวน
...น่าขำ ! หากผู้เขียนมีเพียงผ้าผลัดผ้านุ่ง ก็คงไม่ต้องเรื่องมากขนาดนี้
...น้ำขันแรก ที่บรรจงเอามือแตะ และนำมาลูบไล้ตามแขนขาก่อน
...ส่วนขันต่อไป ก็ต้องกลั้นใจตัดรดตัวไปเรื่อย ประมาณสิบขัน
...เรื่องที่จะต้องขัดสีฉวีวรรณ .. ยังพอมีเวลา 
...กลับกรุงเทพฯเมื่อไหร่ ค่อยคิด				
8 มีนาคม 2548 15:58 น.

เรียบง่าย..สายน้ำ..อัมพวา

อัลมิตรา

อาทิวา .. ลูกลิงอยากไปเที่ยวอัมพวาจัง มีโฮมสเตย์ด้วยนะอา นี่งัย ลูกลิงไปอ่านเจอที่เวป น่าสนใจนะคะ 
  ข้อความที่ผ่านสื่อทาง IT ปรากฏที่หน้าจอของหนุ่มใหญ่ใจดี เจ้าของผลงานคาวราตรีพ๊อตเก็ตบุคหมาดๆ  
ไหน ดูก่อน อ้อ !! เห็นว่าศาลาไทยจะไปนะ ลองถามดูสิ อาทิวาส่งข้อความกลับมาให้เห็น ทันทีลูกลิงก็ตอบกลับไปว่า 
เหรอ อา ดีจังเลย อยากไป อยากไป..  ตัวหนังสือที่แสดงอารมณ์ตื่นเต้นดีใจ แต่ตัวจริงที่นั่งคีย์ข้อความนี้นั่งยิ้มแต้ และฝันไปไกลแล้ว				
3 กุมภาพันธ์ 2548 14:39 น.

เปลื้อง

อัลมิตรา

 สวัสดีจ๊ะ เอาหนังสือมาคืน   ผู้เขียนหมายถึงหนังสือสองเล่มที่ยืมไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
 อ่านจบแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง น่าสนใจทีเดียว กับหนังสือที่ชายคนนั้นเขียน ขอสิทธิ์ที่จะตาย   บรรณารักษ์กล่าวถึงหนังสือที่ผู้ป่วยเป็นอัมพาตทั้งตัว เขียนบันทึกและในนั้นมีจดหมายถึงท่านประธานาธิบดี เพื่อขอใช้สิทธิ์ที่จะตาย นับได้ว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจ 
 อืม ! อ่านจบแล้ว ในเมื่อความตายคือสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ และความตายคือสิ่งที่สวยงามสำหรับเขา เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ทรมาน หากเราเป็นแม่ของเขา เราก็คงต้องทำอย่างนั้นเหมือน  ชุดประดาน้ำและผีเสื้อนั่นก็น่าเห็นใจนะ จู่ๆ คนที่มีอนาคตสดใส ต้องกลายมาเป็นผู้พิการโดยสิ้นเชิง คำว่าชุดประดาน้ำของเขา แค่คิดก็ดูอึดอัดแล้วล่ะ แต่ก็นึกภาพออกตาม ยามที่เขากล่าวถึงผีเสื้อ ผู้เขียนสนทนากับบรรณารักษ์ เกี่ยวกับหนังสือสองเล่ม ที่เป็นสมบัติส่วนตัวของบรรณารักษ์ การที่ได้สนทนากับบุคคลที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน รู้สึกว่าอรรถรสดีแท้ หากไม่ติดว่าผู้เขียนมีเวลาจำกัด เนื่องจากต้องรีบเตรียมเอกสารเข้าห้องประชุม  เห็นทีจะต้องเสียเวลาอยู่ที่ห้องสมุดนี่อีกนาน 

จัดชั้นหนังสือใหม่ รึ มีหนังสือวรรณคดีมาเพิ่มหรือเปล่า ? ผู้เขียนถาม
 ไม่มีจ๊ะ แต่ลองดูนะ อาจจะมีเล่มอื่นที่ยังไม่ได้หยิบอ่าน บรรณารักษ์เสนอ พร้อมกับหยิบหนังสือมาให้ผู้เขียนหนึ่งเล่ม หน้าปกเขียนว่าแมลงสาบ พร้อมกับคะยั้นคะยอให้ผู้เขียนลองนำไปอ่าน 
นี่หนังสือส่วนตัวของเราเอง ผู้ชายคนนี้นัยว่า ถึงขีดสุดแล้ว ลองอ่านดูนะ บรรณารักษ์แนะนะ
หือ ! ชื่อหนังสืออย่างกับหนังสือเกี่ยวกับกับสัตว์ประหลาด หนังสือในมือที่ผู้เขียนถือ เป็นรูปผู้ชาย ด้านล่างเขียนสั้นๆว่า  กลาย  ผู้เขียนพลิกดูปกด้านหน้าด้านหลังและอดใจที่จะยังไม่เปิดเนื้อความด้านใน 
ไปล่ะ ขอบคุณมากค่ะ มีประชุม ผู้เขียนออกจากห้องสมุดพร้อมกับหนังสือในมือ

หลายหนที่ผู้เขียนเห็นบรรณารักษ์ง่วนอยู่กับการซ่อมแซมหนังสือ บางทีก็ปีนเก้าอี้ไปเก็บหนังสือบนชั้น ดูแววตามุ่งมั่นและความทุ่มเทที่บรรณารักษ์มี บวกกับความสุขบนใบหน้ายามที่บรรณารักษ์ทอดสายตาไล่อ่านตัวอักษร มีอยู่ครั้งหนึ่งบรรณารักษ์สังเกตเห็นว่าผู้เขียนจับตามองอยู่ จึงรู้สึกตัวและถามกลับมาว่า มองอะไร มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ผู้เขียนก็ได้แต่ตอบว่า ไม่มีหรอก ไม่มีอะไร  สิ่งที่ผิดปกตินั้นผู้เขียนคงไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากผู้เขียนกำลังแยกไม่ออกว่า ผู้เขียนชอบอะไร อยากทำสิ่งใด ความรู้สึกอิจฉาเล็ก ๆที่เห็นบรรณารักษ์ทำงานอย่างมีความสุข อยู่ท่ามกลางหนังสือ มีความเป็นเอกเทศในการทำงาน ผู้เขียนเคยถามตนเองว่า ..  อยากเป็นบรรณารักษ์ไหม   ถามตนเองในใจ และไร้คำตอบสะท้อนกลับมา  

 เอ !! แปลก ๆ ต้องมีอะไรในใจแน่เชียว  บรรณารักษ์จับพิรุธได้ทันทีที่ผู้เขียนถอนใจ
 อืม  มีนิดหน่อย! เรามาแลกงานกันทำสักเดือนดีไหม  ผู้เขียนกล่าว และไม่รอรับคำตอบใด ผู้เขียนรู้สึกโล่งอกที่ได้กล่าวออกไป แม้ว่าคำถามลอย ๆ นั้น จะทำให้บรรณารักษ์งงอยู่นาน  ไม่หรอก .. ใช่ว่าผู้เขียนอยากทำอย่างที่บอกไป เพียงแต่ผู้เขียนอยากจะผ่อนคลาย อยากอยู่ในส่วนที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด แต่ผู้เขียนก็ไม่อาจรู้ว่า หากเป็นจริงได้ ผู้เขียนจะมีความสุขกับกองหนังสือท่วมหัว ท่วมโต๊ะ นี้ได้หรือเปล่า .. ไม่อาจรู้จริง ๆ				
27 มกราคม 2548 14:24 น.

..เจ้าชายน้อย..

อัลมิตรา

ที่ อ. สิเกา ผู้เขียนได้ไปเยี่ยมเยียนบุคคลที่ผู้เขียนนับถือเป็นพี่สาว แล้วใช่ว่าจะมีโอกาสบ่อยนักที่ผู้เขียนจะมีโอกาสลงไปหา พอดีสบโอกาสตรงที่ครูผู้สอนภาษาอรับของผู้เขียนต้องลงไปเยี่ยมญาติ เนื่องในโอกาสวันอีดิ้ลอัฏฮา ผู้เขียนได้รับทราบล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่า พี่สาวได้รับอุปการะเด็กชายผู้นี้ไว้ หากนับญาติกันแล้วถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันโดยสายทางบิดาของเด็กชายผู้นี้ 

ผู้เขียนเอง แม้จะเตรียมใจมาอยู่บ้างแล้วว่าจะต้องพบกับเขาในสภาพที่ไม่เคยเจอมาก่อน เด็กชายเมาคลีลูกหมาป่า เด็กลูกป่า ผู้เขียนเคยอ่านแต่ในหนังสือซึ่งเป็นเรื่องเล่า ผู้เขียนนึกไม่ถึงว่า ตัวตนจริงของตัวละครในหนังสือที่เคยอ่านนั้น ปรากฏอยู่ตรงหน้านี้เช่นกัน 

เด็กชายผู้นี้อายุย่างเข้า ๑๒  ปี มีน้ำหนักตัวเพียง ๑๙ กิโลกรัมเท่านั้น แต่นั้นยังดูดีกว่าเมื่อเทียบระดับสมองด้วยแล้ว เขามีสติปัญญาเทียบเท่าเด็กอายุ ๓ ขวบเท่านั้น แววตาของเขาดูสดใส ไร้จริตใดให้เป็นกังวล ภาษาพูดที่ยากต่อการเข้าใจ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเขา ต้องอาศัยผู้คนรอบข้างเอาใจใส่ การจะพัฒนาเขาต้องพัฒนามารดาของเขาควบคู่กับไปด้วย ซึ่งเป็นยากที่จะปรับคนที่มีอายุ ๕๔ ให้เรียนรู้ 

ผู้เขียนได้แต่ฟังเรื่องราวที่พี่สาวเล่ามา .. สามเดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสอนให้รู้จักใช้ช้อนทานข้าว และเข้าห้องน้ำแทนที่จะวิ่งเข้าทุ่งเข้าป่า  แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่า ปัจจุบันนี้ยังมีบางคนที่ดำรงชีวิตแบบลูกป่าเช่นนี้  ผู้เขียนได้แต่นั่งฟังและนึกภาพตาม พลางคิดอยู่ในใจว่า จะทำอย่างไรดี เพื่อจะช่วยเหลือเขา ลำพังมารดาของเขาคงอาศัยอะไรไม่ได้มากนัก  เส้นทางข้างหน้าของเขาดูมืดมนซึ่งผู้เขียนไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นเลย ผู้เขียนยังจำสีหน้าและแววตาของเขาได้ เขาไม่ได้ตื่นประหม่าต่อคนแปลกหน้าแต่ประการใด เขาชอบที่จะสนทนาด้วย ผู้เขียนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจภาษาพูดของเขาเท่าใดนัก จำได้ว่า ผู้เขียนชักชวนให้เขาตัดเล็บมือ เขาแสดงอาการหวาดกลัว เขาปฏิเสธที่จะให้ผู้เขียนช่วยเหลือเขา เขาบอกว่าเจ็บ จะตาย .. แม้ว่าผู้เขียนจะเอาขนมมาหลอกล่อประการใด ก็ยังไม่สำเร็จ เขาคงรอให้มารดาของเขาทำให้ดูก่อนว่า การตัดเล็บจะไม่เป็นอันตรายสำหรับเขา ซึ่งผู้เขียนก็รอที่จะให้มารดาของเขาทำเป็นตัวอย่าง ยังคงมีอีกหลายเรื่องที่เขาต้องเรียนรู้ และนั่นก็หมายความว่าเรื่องเหล่านั้นจะต้องนำมารดาของเรามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย 

ค่ำนั้น ผู้เขียนและพี่สาวอยู่คุยกันนาน ถึงแนวทางที่จะดูแลเขา และความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาการเรียนรู้ของเขา รวมถึงการที่เขาจะได้มีโอกาสไปเรียนหนังสือ  จนถึงตอนนี้ ผู้เขียนก็ยังไม่อาจลืมแววตาของเขาได้ แววตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ รอยยิ้มที่เขาแต้มสีสันให้กับโลกหม่น ๆ  เด็กชายผู้มีอารมณ์ดี กระทั่งเจ้าหมูแฮม สุนัขเลี้ยงในบ้าน เขายังร้องเพลงให้มันฟังอย่างสนุกสนาน  และดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขอยู่กับโลกส่วนตัวของเขา  สองเท้าที่เปล่าเปลือยวิ่งเล่นไปตามสวน ปากก็พร่ำร้องเพลงไป ผู้เขียนไม่แน่ใจนักว่าจะอิจฉาเขาหรือสงสารเขาดี 				
29 พฤศจิกายน 2547 17:51 น.

คือพลังใจอันยิ่งใหญ่ ..

อัลมิตรา

ผู้เขียนมองเพื่อนร่วมงานที่เป็นชาย พยายามที่จะพับนกกระดาษ มือที่ใหญ่เทอะทะของเขากับกระดาษขาวขนาด  4*4 นิ้ว ดูแล้วช่างขัดตาเหลือเกิน แต่ผู้เขียนก็พยายามเอาใจช่วยให้เขาทำสำเร็จ เขาเป็นโปรแกรมเมอร์ฝีมือเยี่ยม งานที่ซับซ้อนเพียงใด เขาก็สร้างผลงานได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าเขาใช้เวลามากไปสักนิดในการพับนกกระดาษ เอาเถอะ .. ตัวแรก ตัวที่สอง และตัวถัด ๆไป การทำเวลาจะดีขึ้นเรื่อย ๆ 

เริ่มจากตอนเช้า ขณะที่ผู้เขียนมานั่งประจำโต๊ะทำงาน  ทันทีที่จัดเก็บของส่วนตัวลงลิ้นชักเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินมาหาพร้อมยิ้มแบบเขินอายนิด ๆ 
 คุณครับ คุณพับนกกระดาษเป็นไหมครับ    เสียงทุ่มที่คุ้นเคยทำให้ผู้เขียนเงยหน้าขึ้นมามอง พลางยิ้มรับแทนคำตอบ
 คือผมอยากพับนกกระดาษบ้างครับ กรุณาสอนผมหน่อยนะครับ  เขาทอดเสียง 
 ยินดีค่ะ คุณมีกระดาษมาหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีจะได้เตรียมให้ค่ะ พอดีมีกระดาษใช้แล้วอยู่บ้างค่ะ ผู้เขียนตอบ

นกกระดาษหลากสีสวย ๆ ในขวดโหลของผู้เขียน เป็นเหตุที่ทำให้หลายวันมานี่ ใครต่อใครเดินมาหาผู้เขียนเพื่อให้สอนพับนก  ความทรงจำในวัยเยาว์ วันที่คุณปู่ของผู้เขียนจับเด็ก ๆ ซึ่งหมายถึงมีผู้เขียนด้วย นั่งล้อมวงและดูคุณปู่พับนก พับกบ พับตั๊กแตน ด้วยเศษกระดาษ ในตอนนั้นผู้เขียนเป็นผู้ที่มีความอดทนน้อยที่สุด และอาศัยความเป็นหลานคนโปรด จึงเอาแต่อ้อนให้คุณปู่พับให้ ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆพยายามหัดพับ นานเหมือนกันจนผู้เขียนอยากจะหัดพับเอง ความประณีตในชิ้นงานจึงไม่ค่อยมีสักเท่าใดนัก  

เมื่อปีกลายที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เขียนเดินผ่านร้านขายเครื่องแก้ว ขวดโหลใบหนึ่งสะดุดตา ลายดอกไม้เล็กที่ฉาบลายบนแก้วเนื้อใส และเส้นปอที่พันรอบฐานแก้ว  ผู้เขียนซื้อกลับบ้านโดยที่ยังไม่รู้เป้าหมายเลยสักนิดว่า จะเอาโหลแก้วใบนี้ทำอะไร ครั้นจะนำไปเลี้ยงปลาทองและตั้งไว้บนโต๊ะอาหาร เหมือนอย่างเช่นเคย ผู้เขียนก็ไม่อยากจะทำ คราวนั้นปลาทองของผู้เขียนตาย ผู้เขียนยังเศร้าไปหลายวัน  มองลายหางและครีบโบกพลิ้วน้ำก็น่าเพลินอยู่หรอก แต่คราวที่ต้องมองโหลเปล่า ๆ นี่สิ ความรู้สึกหดหู่พลันเกิดขึ้น บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าในสิ่งที่เคยทำมา สมควรแล้วหรือเปล่า ผู้เขียนแยกแยะไม่ใคร่จะออกเรื่องการเลี้ยงสัตว์ที่ถูกกักอาณาบริเวณ  เนื่องจากผู้เขียนรักอิสระ เช่นกันย่อมไม่ปรารถนาสิ่งกักขัง 

ขวดโหลใบเก่าที่เคยเลี้ยงปลาทองไว้ ตอนนี้กลายเป็นขวดโหลที่ใส่ปลาตะเพียนตัวน้อย และดาว ผู้เขียนเก็บเศษกระดาษลายสวย ยิ่งช่วงเทศกาลของขวัญ ผู้เขียนจะมีปลาตะเพียนและดาวสวยๆจากกระดาษเหล่านั้น  ตอนนี้ก็ได้ค่อนโหล หากจะเทออกมานับแล้วคาดว่าคงเกินสี่ร้อยชิ้น  ซึ่งก็นับว่ามากกว่าขวดโหลแก้วใบใหม่ที่ตั้งบนโต๊ะทำงาน นกตัวกระจ้อยขนาดเท่าแป้นอักษรคีย์บอร์ด ผู้เขียนใช้เวลาว่าง ( ซึ่งก็มีอยู่น้อยนิด ) พับนกวันละตัว  สองตัว บางสัปดาห์ไม่ได้เลยสักตัว จนกระทั่งเต็มโหล ผ้าลูกไม้เย็บชายถูกนำมากุ๊นรอบปากขวดและคาดสายด้วยริบบิ้นสีฟ้าสลับขาว 

จากแรกเริ่มที่ผู้เขียนพับจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ จุดประสงค์ถูกเปลี่ยนไป ครั้งแรกผู้เขียนคิดว่าหากพับนกตัวจ้อยได้เต็มโหลแก้ว ผู้เขียนจะเอาไปเป็นของขวัญให้คุณพ่ออุปถัมท์ แต่ทว่าตอนนี้คงไม่มีโอกาสนำไปมอบให้ เนื่องจากคุณพ่ออุปถัมท์ท่านออกบวชและคาดว่าคงไม่สึก  ขวดโหลนี้เป็นค่าแทนใจ เป็นตัวแทนให้คิดถึง ในเวลาที่ทำงาน มีบ้างที่ทุกข์ท้อ และประสบปัญหา  หลายครั้งที่อยากปลดภาระที่แบกไว้ทั้งหมด  และแล้วสายตาพลันเห็นนกกระดาษในโหลแก้วนั้น   ค่ะ คุณพ่อ หนูจะพยายามบิน 

เขาพับนกตัวแรกได้ในเวลายี่สิบนาที รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเขา คงเหมือนรอยยิ้มครั้งแรกของผู้เขียนในวัยเยาว์เช่นกัน
 คุณปู่ขา ดูให้หนูหน่อย นกของหนูปีกขยับได้ไหมคะ นกของหนูสวยไหมคะ   ผู้เขียนในวัยเยาว์นอนเกยคางที่ตักคุณปู่แล้วอ้อนถามแกมอวดผลงานชิ้นแรก
  คุณครับ ผมทำเสร็จแล้ว คุณช่วยดูให้ผมหน่อย โอเคไหมครับ   เสียงของเขาทำให้ผู้เขียนกลับสู่โลกปัจจุบัน
 เก่งค่ะ สวยแล้ว ตรงนี้ต้องพับริมให้เสมอกันจะเรียบร้อยกว่านี้ค่ะ แต่ก็โอเคแล้วนะคะ ครั้งแรก คุณเก่งจัง   ผู้เขียนกล่าวอย่างจริงใจ
 ก่อนหน้านั้น ผมไม่เคยสนใจเลยครับ ผมคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะถึงอย่างไร ผมก็คิดว่ายากที่ไฟใต้จะสงบนะครับ เห็นฆ่ากันตายไม่เว้นแต่ละวัน  เขากล่าว
 คงมีบางสิ่งที่ทำให้คุณเปลี่ยนความคิดสิคะ  ผู้เขียนกล่าวเชิงถาม

 ครับ มีบางอย่างทำให้ผมปรับเปลี่ยนความคิด บางอย่างที่ผมไม่น่ามองผ่านไปในตอนแรก  คุณจำได้ไหมครับที่นักร้องดังป่วยหนัก และบรรดาแฟนเพลงพับนกกระดาษให้เขา พับไปทั้งที่น้ำตานองหน้า ในตอนนั้นผมยังอดสังเวชใจไม่ได้ เด็กพวกนี้ ดึกดื่นก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง มัวแต่มานั่งจุ้มปุกพับนกกระดาษ ผมว่ามันไร้สาระนะครับ ปาฏิหาริย์มันคงไม่ได้เกิดจากกระดาษอะไรนี่หรอก   คำที่เขาเล่า ทำให้ผู้เขียนย้อนทบทวนไปเมื่อเหตุการณ์หลายเดือนก่อน ซึ่งผู้เขียนก็รู้สึกสลดใจที่เห็นอาการของนักร้องดังคนนั้นสาหัสเกินที่แพทย์จะเยียวยาให้เป็นปกติดังเดิมได้ 

ผมเห็นหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวกันครึกโครมทุกวัน คนขายข่าวก็ขายกันไป ส่วนพ่อแม่ของเด็กพวกนั้น ก็ต้องเฝ้าดูแลลูกตัวเองกันไป คนป่วยนั่นรึจะรู้สึกรู้สาอะไร เขานอนอาการเพียบออกขนาดนั้น นี่ครับความรู้สึกของผมในครั้งนั้น   
ขณะที่เขาเล่าอยู่นั้น เขาก็ยังไม่ได้ละมือจากการพับนกกระดาษตัวที่สองของเขา อะไรหนอที่ทำให้ความคิดของเขาปรับเปลี่ยนไป ผู้เขียนไม่อาจตัดสินได้หรอกว่า เขาปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือเปล่า แต่ที่รู้ ๆ ผู้เขียนรู้สึกดี กับความเป็นกันเองของเขาที่เล่าให้ผู้เขียนรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจ
 ค่ะ น่าสงสาร ตอนนี้ไม่ทราบข่าวเลยว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ทราบแต่ว่าตอนที่อาการหนักคราวก่อน แพทย์ก็ไม่รับประกันความเสี่ยงเลย แย่จังเขายังอายุไม่เท่าไหร่  ผู้เขียนกล่าว
 ครับ กำลังดังเสียด้วย แต่นั่นแหล่ะครับ ใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ตีตั๋วเที่ยวไปไม่ได้กลับ เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกครับ ส่วนเรื่องที่พับนก  ผมเห็นเด็กข้างบ้าน ชั้นอนุบาล นั่งบรรจงพับนกกระดาษ ผมถามว่าเอาไปส่งคุณครูหรือเปล่า เด็กน้อยตอบว่า ส่งไปภาคใต้ค่ะ คุณลุง นกกระดาษของหนูจะบินไป พวกเขาจะได้ไม่โกรธกัน ผมก็ย้อนถามนะครับ ว่าเขาจะเอาตังค์ดีกว่ามั๊ง เด็กน้อยตอบว่าอะไรรู้ไหมครับ ผมสะอึกกับความคิดของเด็กสี่ขวบเลย 

คุณตอบว่าไงคะ   ผู้เขียนสนใจจะรู้คำตอบ
 ครับ แม่หนูน้อยตอบอย่างนี้ครับ.. หนูไม่มีเงินหรอกค่ะ คุณลุง คุณแม่บอกว่าอยู่ชั้นอนุบาลยังไม่ต้องใช้เงิน หนูเอาเศษกระดาษมาพับนก คุณลุงคิดว่า เพื่อนของหนูที่นั่นเขาจะเกลียดหนูไหมคะ แต่หนูอยากให้พวกเขารู้นะคะ หนูไม่อยากให้พวกเขาทะเลาะกัน เผาโรงเรียน หนูเห็นข่าวเพื่อนหนูร้องไห้ หนูอยากไปโรงเรียน เพื่อนของหนูก็คงอยากไปโรงเรียนค่ะ  คุณลุงคิดว่าพับนกกระดาษไม่ดีหรือคะ ... ครับเป็นคำที่ย้อนถามผม ผมจะเอาเหตุผลอะไรไปบอกเด็กน้อยคนนี้ได้ครับ กับความคิดที่ผมมองว่าไร้สาระ แต่สำหรับหัวใจอีกดวง มันคือพลังใจอันใหญ่ยิ่งครับ ผมไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ผมแล้งน้ำใจเกินไป   เขาหยุดชะงักนิดหน่อย ตรงคำสุดท้ายในประโยค
 บางทีเราไม่อาจคาดคิดได้ครบทุกมุมหรอกค่ะ  คุณตอบเด็กคนนั้นว่าอย่างไรคะ  ผู้เขียนซัก
 ผมบอกเด็กคนนั้นว่า เป็นความคิดที่ดี ที่หนูมีใจเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนของหนู ลุงก็มีเพื่อนที่นั่นเหมือนกัน ลุงเกือบลืมไปเสียสนิทว่า ลุงมีเพื่อนที่นั่น ..  เขาหันมามองผู้เขียนและส่งนกตัวที่สองมาให้ คราวนี้งานละเมียดกว่าเดิม
 ค่ะ เรามีเพื่อนที่นั่น และยังคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป  ผู้เขียนยิ้มรับ

นกกระดาษขาวสองตัวที่เกาะบนจอมอนิเตอร์พื้นสีดำ ดูงามเด่นตัดกับพื้นผิวของขอบมอนิเตอร์ บนความร้อนระอุ หากยังมีเกล็ดละอองฝนอยู่ ความชุ่มชื่นย่อมไม่จางหายไปเสียทั้งหมด  เช่นกันกับความแข็งกระด้างของหัวใจบางดวง อาจมีความละมุนซุกซ่อนอยู่ เมื่อใดหนอเมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพจะงอกงามไปทั่วทุกถิ่นฐาน ความขัดแย้งซึ่งมาจากฐานต่างกันจะถูกปรับให้มีวิถีดำเนินชีวิตได้อย่างไม่ขัดแย้งกัน ..  ใครก็ตามแต่ทีมีหยากไย่ในใจ และเฝ้ารอถึงวันที่จะปักกวาดนกกระดาษที่จะบินว่อนจากฟากฟ้า ควรจะตระหนักถึงความทุ่มเท การส่งพลังใจ จากเพื่อนร่วมแผ่นดินเกิด จริงอยู่ที่การอยู่รวมกันบนผืนแผ่นดินเดียวกันนี้ มีบ้างที่แตกต่างกันทางเชื้อชาติ วัฒนธรรมและศรัทธา ความเป็นไปได้ที่จะอยู่ร่วมกันโดยสงบสุข จะไม่มีเชียวหรือ  นั่นคงฝากไว้เป็นแง่คิดจากผู้เขียนที่เรียกตนเองว่าลาโง่เสมอมา ...

นกกระดาษมีความหมายและคุณค่าทางใจมากกว่าวัตถุที่ร่วงหล่นจากฟ้าแล้วโดนมองว่าเป็นเพียงเศษกระดาษ เศษขยะที่จะต้องกำจัด.. เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า พลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด การที่จะเยียวยาใครสักคนที่รู้สึกหมดหวัง รู้สึกสิ้นไร้ต่อสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ เป็นสิ่งที่ควรกระทำ .. ผู้เขียนก็มีแง่มุมหนึ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้ และแน่นอน บางท่านอาจจะมีต่างแง่คิดออกไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เขียนใคร่จะทำ ก็คือ .. อะไรก็ได้ที่ให้เพื่อนร่วมแผ่นดินที่อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกว่า ผู้เขียนไม่ได้ทอดทิ้งให้พวกเขาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง 

นกกระดาษคือกุศโลบายอย่างหนึ่ง แต่พลังใจที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุก ๆ คน .. ผู้เขียนมี และ ท่านผู้อ่านก็มี .. สำคัญแต่ว่า จะแบ่งปันสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ ให้กับผู้ที่รอคอยความหวังอยู่หรือเปล่า ท่านเท่านั้นที่จะให้คำตอบนี้ ..

มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา