25 พฤศจิกายน 2547 11:33 น.

สมญา..ปีศาจแดง

อัลมิตรา

 บ่ายวันอาทิตย์ขณะที่ผู้เขียนนั่งรีดเสื้อผ้าที่จะต้องเตรียมไว้ใส่ในวันทำงานสัปดาห์ถัดไป ก็ต้องมีอันสะดุ้งโหยงจะเสียงปิดประตูปัง  ปัง และ ก็ ปัง   แทบจะไม่ต้องคิดเลยว่าเสียงเกิดขึ้นจากที่ใด และไม่ต้องเดาว่าผู้ใดกระทำ เสียงเฮของเด็ก ๆที่วิ่งเล่นกันในส่วนสันทนาการเล็ดลอดมาให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ จะว่าไปแล้ว  ปกติเวลาประมาณนี้เด็กพวกนี้จะแห่กันมาที่บ้านของผู้เขียน เด็กที่มาจากสัญชาติต่าง ๆ มีทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ อินโดนีเซีย ไทย และยังมีอีกมากมายที่ผู้เขียนสัมภาษณ์ไม่หวัดไม่ไหว  อาจจะเป็นเพราะว่า ที่พักของผู้เขียนอยู่ใกล้บริเวณที่พวกเขาเล่น เวลาเหนื่อย ก็มาเคาะประตู ขอกินน้ำ เวลามีคนรังแกกัน ก็จะเคาะประตูมาฟ้อง  .. ดูเถอะ เวลามีขนม ไม่ยักจะมาเคาะประตูเรียกบ้างเลย ให้ได้งั้นสิ !

  ไอ้เด็กเวร ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สังสอน ไอ้พวกชั้นต่ำ น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ .   
เสียงแว๊ด ของปีศาจแดงแผดลั่น ตามด้วยเสียงปิดประตูปัง  ผู้เขียนก็สงสัยอยู่ว่า สงสัยประตูบ้านของหญิงชราผู้นั้น คงแข็งแรงน่าดู เพราะ ปัง ปัง ทุกวัน ไม่ยักจะพังพาบลงมา สักพัก ก็มีเสียงด่าอีก (แสดงว่าเปิดประตูออกมาด่าเป็น ระยะ ๆ) 
  ลูกสาวกูรวย กูมาอยู่ที่นี่ ไม่เหมือนอีพวกนี้ พวกขี้ข้า    นั่น นั่น  ไม่รู้ว่าปีศาจแดงกล่าวถึงใคร
  ไอ้พวกยามก็เหมือนกัน กูจะบอกให้นิติไล่ออกให้หมด พวกชั้นต่ำ พวกขี้ข้า ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน   ตกลงผู้เขียนได้คำตอบแล้วว่า คงด่ากราดไปทั่ว 

เฮ้อ ! นึก ๆ แล้วน่าเห็นใจ  ไม่รู้อะไรกันนักหนา จำได้ว่าตอนที่ผู้เขียนเข้ามาอยู่ใหม่ ๆ ช่วงที่ต้องหอบของตบแต่งบ้านพะรุงพะรังเข้าลิฟท์ เคยตกตะลึงอย่างจังเมื่อกดเรียกลิฟท์แล้ว ปรากฏว่า เจอหญิงชราคนนี้อยู่ในชุดว่ายน้ำสีแดงแปร๊ด  โดยที่ไม่ได้สวมเสื้อคลุม ผู้เขียนได้แต่ยิ้มกระเรี่ยกระร่ายด้วยความเขินแทน  และรีบออกจากลิฟท์ทันที ที่ถึงจุดหมาย ปล่อยให้หญิงชราผู้นี้โบกมือหยอย ๆ ให้ผู้เขียนอยู่ในลิฟท์  อะไรไม่เท่าที่ สักพักใหญ่ ผู้เขียนมีเหตุจะต้องลงไปขนของที่รถอีกรอบ ปรากฏว่าหญิงชราผู้นี้ยังคงยิ้มแปร้ เป็นพนักงานประจำลิฟท์ด้วยชุดสุดหรูตัวเดิม   เอ ท่าจะแปลก ๆ  แต่ก็ช่างเถอะ อย่ามายุ่งกับเราก็แล้วกัน ผู้เขียนคิดเช่นนั้น

ด้วยความที่ผู้เขียนมีภาระกิจมากมาย จึงไม่ค่อยทราบสภาพแวดล้อมความเป็นมาเป็นไปของเพื่อนบ้าน และด้วยความที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ต่อผู้คนรอบข้างเท่าไหร่ ผู้เขียนก็ไม่ค่อยมีกิจเสวนากับเพื่อนบ้านเท่าใดนัก  นอกเสียจากว่า ผู้เขียนประสบเหตุการณ์นั้นอย่างจัง จึงรู้ .. เช่นเมื่อปลายปีกลาย ขณะที่ผู้เขียนกลับมาจากที่ทำงาน และแวะเช็คจดหมายที่ตู้ไปรษณีย์ประจำบ้าน  ได้ยินเสียงของหญิงชราผู้นี้ด่าทอ รปภ. อย่างหยาบคาย
  ช่วยขนของหน่อย ไม่รู้เหรอว่าชั้นซื้อของมาแยะ เป็นขี้ข้าต้องให้บอกทุกเรื่อง เจียมตัวซะบ้าง รู้ซะบ้าง ชั้นเป็นใคร แกเป็นใคร   รถสามล้อยังไม่ทันเคลื่อนตัวออกจากรั้วอาคารเลย เสียงหญิงชราก็ดับกลบเสียงรถสามล้อ
  โง่ โง่ หน้าโง่กันทั้งนั้น ถึงต้องเป็น ยาม  มึงนั่นแหล่ะ ยังจะโง่อีก ไม่รู้หรือไงว่าเรียก  ดูเถอะ จะไว้วานให้ใครเขาช่วยแล้ว แต่วาจาที่กล่าวออกมาแต่ละคำ ไม่น่าฟังเสียเลย  ผู้เขียนหันไปมอง รปภ. ที่เดินส่ายหัวแบบระอาหน่ายสุด  ๆ มาที่หญิงชราผู้นั้น และช่วยหอบของทั้งหมดเดินตามหลังมา โดยที่หญิงชราผู้นั้นสะพายกระเป๋าเพียงอย่างเดียว  ( ช่างยุติธรรมแท้ ! .. ผู้เขียนคิด)

ผู้เขียนเองก็ไม่เคยไปสืบเสาะเรื่องราวของเพื่อนบ้าน จึงไม่รู้ว่าหญิงชราผู้นั้นมีความเป็นมาอย่างไร และเหตุใดหนอภายใต้มาดที่วางไว้ราวเสียกับว่าเป็นผู้ดีเสียเต็มประดานั้น แต่กริยาและวาจาที่แสดงออก เป็นอะไรที่ผู้เขียนไม่สามารถจัดกลุ่มได้ว่าอยู่ในกลุ่มของผู้ดีได้เลย  แรก ๆ ผู้เขียนไม่ค่อยจะชอบใจนัก ถึงแม้ว่าหญิงชราผู้นั้นจะไม่ได้ด่ากระทบโดยตรงมายังผู้เขียนก็ตาม ผู้เขียนไม่ชอบวาจาเช่นนี้ วาจาที่กล่าวดูหมิ่นผู้อื่นราวกับตนเองเป็นคนเหนือคน มีฐานันดรเทียบเท่าเทวดา  

แม้กระทั่งในที่ชุมชน ผู้เขียนยังเคยเห็นหญิงชราผู้นั้นแสดงกริยาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ผู้เขียนได้แต่มองห่าง ๆ และปลีกตัวออกมาปลงสังเวช   พลางคิดว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวเสียดีกว่า ดูท่าแล้ว คงป่วยการที่จะแนะนำในเรื่องที่สมควรหรือไม่สมควร ซึ่งเป็นการยากเสียยิ่งกว่ายากที่จะให้หญิงชราผู้นั้นฟังความผู้อื่น 

และเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่ผู้เขียนรับประทานอาหารที่ร้านอาหารละแวกบ้าน เรื่องราวบางอย่างที่ผู้เขียนบังเอิญได้ยินมา ทำให้ผู้เขียนเริ่มรู้สึกสงสารหญิงชราผู้นี้  ไม่มีใครชอบอุปนิสัยที่หญิงชราได้แสดงออกมา แน่ล่ะ ผู้เขียนก็ไม่ชอบ  
  เฮ้ย เอ็งจำยัยปีศาจแดงได้ป่าว  ดีแล้วที่ลูกเต้าไม่เลี้ยง เอามาปล่อยไว้ที่นี่ ใครล่ะอยากจะให้ไปอยู่ด้วย ประสาทกันทั้งบ้านพอดี    เสียงลูกค้าที่นั่งโต๊ะถัดไปคุยกับเพื่อนที่นั่งตรงข้าม เขานั่งหันหลังให้อัลมิตรา
  ยิ่งกว่าจะจำได้อีก ยัยคนนี้ปากโคตรร้ายเลยว่ะ  เสียค่าปรับเท่าไหร่  ถ้าตบซักที วันก่อนกูเดินผ่าน แม่ง ! ขากถุยเฉี่ยวหัวแม่ตีนกูไปนิด อีแก่นี่วอนซะแล้ว  เสียงตอบจากชายหนุ่มที่ยังแสดงอาการขัดเคืองไม่หาย

 ปีศาจแดง  ชื่อนี้เคยแว่ว ๆ ได้ยิน รปภ.กล่าวถึง จะใช่คนเดียวกับที่ผู้เขียนคาดหรือเปล่า ทำให้ผู้เขียนสนใจที่จะฟังเรื่องราวที่ชายทั้งสองคนพูดกันต่อ

  เมื่อวานปีศาจแดงอาละวาด ไอ้ไซม่อนซวยไป โดนปีศาจแดงเอาน้ำจากแก้วมารดใส่หน้า ท่องคาถาอีกต่างหาก ท่าจะบ้า ไซม่อนร้องลั่นจนคนตกอกตกใจกันเป็นแถว กะอีกแค่ไซม่อนเล่นรองเท้าเสก็ตซ์ผ่านหน้าบ้านแค่นี้ ดีนะไม่ใช่น้ำร้อน ไม่อย่างนั้นปีศาจแดงนอนคุกแน่  ชายที่นั่งหันหลังให้ผู้เขียนกล่าว 
ชื่อไซม่อน เด็กชายลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ผู้เขียนรู้จักดี อายุเพียง 9 ปีเท่านั้น กำลังอยู่ในวัยซน ผู้เขียนไม่เคยเห็นหน้าบิดาของไซม่อน แต่มารดาของเขาผู้เขียนเคยสนทนาด้วย ครั้งนั้นจำได้ว่า มารดาของไซม่อนมาถามว่า เสื้อผ้าส่งร้านไหนซักรีด ผู้เขียนบอกว่าไม่ได้ส่งร้านไหน ผู้เขียนซักรีดเอง จับความได้ว่า มารดาของไซม่อนมีรายได้เสริมคือรับซักรีดเสื้อผ้าในละแวกนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ไซม่อนต้องคือเด็กชายคนนั้นแน่ และปีศาจแดงก็คือสมญานามของหญิงชราผู้นั่นเอง

  เหรอ  ท่าจะโรคประสาทกำเริบ คราวก่อน สะใจชะมัด โดนอาซือกะเอากาวตราช้างหยอดใส่รูประตูลูกบิด โหวกเหวกลั่น แต่เรื่องอะไรใครจะบอกว่าเป็นฝีมือ อาซือกะ  ชายที่ค่อนข้างขี้โมโหกล่าว
  สงสัยประตูบ้านปีศาจแดงจะทำจากไม้เนื้อดี ปัง ปัง ทุกวัน ไม่พังสักที  คำกล่าวของผู้ชายที่นั่งหันหลังให้ผู้เขียนทำให้ผู้เขียนกลั้นหัวเราะ  เพราะผู้เขียนก็เคยคิดอย่างนี้เช่นกัน เพียงแต่ไม่เคยปริปากบอกใคร
  ป้าไก่ (หมายถึง รปภ.หญิงที่ดูแลบริเวณสันทนาการ) ตบไปทีคราวนั้น ก็เพราะปีศาจแดงนี่แหล่ะ ที่ไปจิกหัวด่าก่อน เรื่องไปถึงโรงพัก ปีศาจแดงอาละวาดไม่เลิก ขุดโคตรเง่าออกมาด่า ซะจนตำรวจกระเจิงเหมือนกัน โดนกันทั่วถึง  ความจริงค่าปรับ 500 คุ้มนะโว๊ย  ..ป้าไก่แอบมาเล่าให้ข้าฟังว่าหัวหน้า รปภ. เป็นคนจ่ายค่าปรับให้ป้าไก่ นัยว่าหาโอกาสมานานแล้ว  ชายผู้นั้นกล่าวต่อ

ผู้เขียนพอจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง รปภ.หญิงที่ชายทั้งสองพูดถึง ก็เคยบ่นให้ผู้เขียนฟังเหมือนกัน ตอนที่ผู้เขียนแสดงบัตรเพื่อใช้ห้องออกกำลังกาย ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก เพราะไม่ว่าใครก็ตาม จะยากดีมีจนแค่ไหน ก็ยังรักศักดิ์ศรีอยู่ การที่อีกคนมาด่าปาว ๆ  ด่าได้ทุกวี่ทุกวัน เรื่องนั้นเรื่องนี้กุมาด่า และแต่ละคำก็ส่อให้รู้ถึงความเป็นมาโดยเนื้อแท้ มันน่าเบื่ออยู่หรอก ผู้เขียนนึกเห็นใจ พลางคิดว่า วันดีคืนดีตัวผู้เขียนเองอาจจะโดนแจ๊คพอตอย่างจังบ้าง คราวนี้จะทำเช่นไรดี 

นึก ๆไปก็น่าสงสาร ชีวิตของหญิงชราผู้นั้นจะมีความสุขหรือเปล่าหนอ และจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการช่วยเหลือ 

วกมาต้นเรื่องดีกว่า ในขณะที่ผู้เขียนรีดเสื้อผ้าอยู่นั้น สมาธิถูกทำลายด้วยเสียงปิดประตูปัง ปัง จากนั้นก็ได้ยินเสียเด็กเฮ เฮ กันเป็นระยะ นัยว่ายั่วยวนให้หญิงชราผู้นั้นแสดงอาการกราดเกรี้ยวยิ่งขึ้น นอกจากเสียงปิดประตูดังแล้ว ยังมีเสียงด่าเด็ก ๆ เล็ดรอดมาด้วย ครั้นจะไม่ตั้งใจฟัง แต่ก็สุดห้ามไม่ให้หูได้ยิน ..

  ไอ้เด็กเปรต ไอ้เด็กเวร ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน ที่อื่นไม่มีเล่นหรือไง พวกคนชั้นต่ำมาอยู่รวมกัน เสนียดทั้งนั้น เลว เลวกันหมด เลวกันทั้งนั้น ทั้งพ่อแม่มัน ทั้งลูกมัน ทั้งยาม เลวกันหมด ไอ้คนที่อยู่ตึกนี้ ก็เลวกันไปหมด  เออหนอ อะไรจะทำให้ทรงพระกริ้วขนาดนั้น เล่นด่ากราดเหวี่ยงแหอย่างนี้ และพอดีกับที่ผู้เขียนรีดชุดสุดท้ายเรียบร้อย  จึงเหลือบดูนาฬิกา บ่ายกว่าแล้ว ยังไม่ได้ทานอาหารเที่ยง จำต้องประทังชีวิตด้วยการเสาะอะไรสักอย่างยาไส้บ้าง หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย จึงเดินไปร้านอาหาร ซึ่งก็ต้องผ่านบ้านของหญิงชราผู้นั้น เจ้าพวกลิงน้อยทั้งหลาย เมื่อเห็นผู้เขียน ต่างก็ลิงโลด คงหวังว่าจะได้ทานไอศกรีมนั่นเป็นแน่ ผู้เขียนผ่านสายตาไปชั่วแว๊ป เห็นหญิงชราผู้นั้นใส่ชุดลำลองยาวสีแดง (ท่าจะชอบสีนี้) ยืนท้าวเอวอยู่หน้าบ้าน หน้าตาบูดบึ้ง ปากขมุบขมิบ และสายตาที่มองมายังผู้เขียน ไม่ใคร่จะเป็นมิตรนัก ผู้เขียนบอกเด็ก ๆ ว่าเล่นเสียงเบา ๆ หน่อย อย่าส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น  แต่เด็กก็คือเด็ก ผู้เขียนรู้แก่ใจว่า ไม่อาจห้ามเด็กไม่ให้ซน ยิ่งรวมกลุ่มกันได้อย่างนี้ เสียงย่อมเจี๊ยวจ๊าวเป็นธรรมดา 

  เอางี้ เลี้ยงเป๊บซี่ ใครสนใจ เดินตามมาเลยนะ  ผู้เขียนบอกเจ้าลูกลิงตัวซนทั้งหลาย
  เย้ ผมครับ ผมด้วย ด้วย กินด้วย ไปด้วย เค้าไปด้วย   เสียงตอบหลายเสียง แข่งกันตอบรับคำของผู้เขียน
  อีแม่เลว อีแม่ชั่ว  .เสียงนี้เล่นเอาผู้เขียนหน้าชาไปเหมือนกัน แม่ใครหว่า ลูกใครหว่า ตายล่ะ ! หมายถึงเราหรือเปล่า  ลูกตั้งเจ็ดคนเนี่ยนะ เหว๋อ .. ครั้นจะนึกโกรธ แต่ทว่าขำมากกว่า ทั้งที่รู้ว่าหญิงชราผู้นั้นกล่าวถึงผู้เขียน  ในละแวกนั้นมีเพียงผู้เขียนกลับบรรดาพลพรรคลิงเท่านั้น ใครจะเป็นแม่ได้ ถ้าไม่ใช่ผู้เขียนล่ะ .. ขำ 

  อีแม่เลว อีแม่ชั่ว ไม่ใช่ผู้ดี ให้ไอ้เด็กเปรตมาส่งเสียงดัง หน้าบ้านตัวเองก็ไม่ยอมให้เล่น ปล่อยให้ไอ้เด็กเปรตมาส่งเสียงหน้าบ้านคนอื่น พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน    เสียงลอยตามหลังมา แต่ผู้เขียนก็ไม่ใส่ใจอะไรนัก สนใจแต่ว่า ในกระเป๋ากางเกงนอกจากกุญแจบ้านแล้ว ตะกี้หยิบเงินมาเท่าไหร่ จะพอให้เจ้าพวกลูกลิงทั้งหลายถล่มหรือเปล่าหนอ .. คิดแล้ว ขำ โดนแจ๊คพอตจนได้  หาเรื่องชะมัดเลยเรา เสบียงก็มีอยู่ในตู้เย็น แต่ก็ยังอุตส่าห์เตร่ ๆ ออกมาข้างนอกให้ปีศาจแดงด่าฟรี แถมต้องเสียค่าขนมเด็กอีก  .. 

แต่ก็ดีเหมือนกัน เมื่อนึกไปอีกอย่าง ถ้าไม่ออกมาให้เห็นจริงบ้าง ก็เท่ากับฟังแต่ที่เขาเล่าผ่านหู ฉายาปีศาจแดง เหมาะดีแท้ ..  				
3 พฤศจิกายน 2547 11:17 น.

+.*~*+::~“ Party Flowers ” ~::+::*~*+

อัลมิตรา

 
 .:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:._.:*~*:.				
15 ตุลาคม 2547 15:55 น.

“แค่นี้ก็ทำไม่ได้ โง่นัก !! ”

อัลมิตรา

เสียงเอ็ดตะโรดังลั่นมาจากห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่ง เจ้าของเสียงเป็นเพียงเด็กชาย อายุประมาณสิบสอง ซึ่งดูเหมือนจะมีอาการโกรธเกรี้ยวต่อเด็กชายอีกคนในวัยเดียวกันที่นั่งจ๋องก้มหน้า ส่วนมือถือเครื่องบังคับเกมวีดีโอค้าง 

 อะไรกัน แค่นี้ก็ทำไม่ได้ โง่นัก !! ..ไป๊ ไปให้พ้นไอ้โง่   สิ้นเสียงตวาดลั่น สินลูกชายของคนสวนรีบถอยออกมา เหงื่อที่แตกพลั่กของสิน และท่าทางที่ลนลาน ยิ่งทำให้ ภูมิรัชรู้สึกหงุดหงิดใจมากขึ้น  จะว่าไปแล้วภูมิรัชรู้สึกอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เช้า ที่ต้องอยู่ลำพัง  นายภาคภูมิซึ่งเป็นบิดาของภูมิรัชเป็นนักธุรกิจใหญ่มีนัดไปตีกอล์ฟ ส่วนคุณหญิงรัชนีคงไปสมาคมกับบรรดาคุณไฮโซทั้งหลาย การที่เป็นลูกคนเดียวของตระกูลดัง ทำให้ภูมิรัชยโสในตัวเองเป็นอย่างมาก กระทั่งพี่เลี้ยงก็ยังต้องเกรงใจ เพราะเมื่อใดที่ขัดใจภูมิรัช นั่นย่อมหมายความว่า วันรุ่งขึ้น จะได้รับเงินล่วงหน้าสองเดือนและต้องออกจากบ้านใหญ่หลังงามแห่งนี้

  สิน สิน แกมาช่วยฉันที     นั่นคือเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดเหตุที่ก่อให้เกิดอารมณ์ขุ่นมัวอย่างสุดฤทธิ์นี้  ทันทีที่สิ้นเสียงของภูมิรัช สินก็รีบวิ่งมาจากหลังบ้าน สินช่วยพ่อเชื้อรดน้ำต้นไม้อยู่ แต่ต้องผละจากงานนั้นเมื่อนายเรียก
 ครับผม คุณภูมิรัช มีอะไรให้รับใช้ครับ    สินกล่าวเสียงเบา ๆ
  แกดูนี่นะ ฉันจะทำให้แกดู ถ้าตัวเอเลี่ยนมา แกต้องดักยิงมัน ตอนนี้ฉันต้องการผู้ช่วย     ภูมิรัชอธิบายโดยคร่าวเกี่ยวกับวีดีโอเกม ซึ่งสินก็ได้แต่พยักหน้าหงึกรับคำสั่งจากนาย
  แกไม่ต้องทำอะไรมาก แกคอยยิงเอเลี่ยนให้ฉัน ฉันจะบุกไปช่วยตัวประกัน เข้าใจไหม   ภูมิรัชกล่าวย้ำนัดแนะวิธีการเล่น
 ครับผม    สินกล่าวตอบรับนายด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม
 โธ่โว้ย !! แกปล่อยให้มันรอดออกมาได้ยังไง ตาเซ่อหรือไงวะ เกมโอเวอร์เลย ทำไมแกไปยิงกันไว้     ภูมิรัชหัวเสียเป็นอย่างมาก ที่เอเลี่ยนตัวหนึ่งย่องมาทางด้านหลังและยิงหุ่นพระเอกที่ภูมิรัชกำกับเล่นอยู่ 
  ยิงไม่ทันครับ มันมาหลายตัวครับคุณภูมิ    สินกล่าวตอบเสียงอ่อย
 อะไรกัน แค่นี้ก็ทำไม่ได้ โง่นัก !! ..ไป๊ ไปให้พ้นไอ้โง่  
  แค่นี้ก็ไม่มีปัญญา  ฉันล่ะเกลียดนัก ไอ้พวกโง่ พวกชั้นต่ำเสียจริง โธ่โว้ย !!!    ภูมิรัชไล่สินไปให้พ้นสายตาหลังจากที่เกมจบ โดยการทำแต้มไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับภูมิรัช ซึ่งสินก็เข้าใจดีในฐานะของตน จึงสงบปากสงบคำ ค่อย ๆ ถอยออกมา ในขณะที่เดินกลับไปหลังบ้าน เพื่อช่วยพ่อเชื้อรดน้ำต้นไม้ต่อ สินคิดในใจว่าทำไมเรื่องแค่นี้ คุณภูมิรัชถึงได้โกรธเป็นฟืนไฟได้


เหมือนเช่นเคยทุกๆวัน นายเชื้อคนสวนบิดาของสิน ทำหน้าที่ทุกอย่างเกี่ยวกับต้นไม้ในบริเวณขอบเขตคฤหาสน์หลังงามนี้ เสียงที่เกรี้ยวกราดเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินถึงหลังบ้าน ที่นายเชื้อกำลังตกแต่งใบต้นข่อยอยู่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายเชื้อรู้ว่า สินลูกชายเพียงคนเดียว ต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของเจ้านายตัวน้อย แต่ทั้งนี้นายเชื้อรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้านายตัวน้อยเป็นคนเช่นนี้ ดูเถิด !! เห็นมาตั้งแต่เกิด นายเชื้อเวทนาบุตรชายของตัวเอง แต่ก็นึกเวทนานายน้อยของเขาเช่นกัน

  หน้าม่อยกลับมาอีกแล้วสิ สินเอ๊ย คนเป็นนายมีสิทธิ์ระบายอารมณ์ใส่เราเสมอแหล่ะลูก   นายเชื้อกล่าวเมื่อเห็นสิน ลากสายยางมารดน้ำต้นไม้ต่อ
  ครับพ่อ คุณภูมิรัชชวนผมเล่นวีดีโอเกม ผมเล่นไม่ดีเลยครับ  สินตอบพ่อไปโดยข้ามบทที่ได้รับคำตำหนิแรงๆว่าโง่นั้นเสีย
  ทนหน่อยลูก ดู ๆ ไปแล้ว พ่อว่าคุณภูมิรัชน่าสงสารนะ บ้านช่องก็ใหญ่อย่างกับวัง แต่ต้องมาอยู่กับคนใช้อย่างเรา ๆ คุณผู้ชายก็ไปตั้งแต่เช้ามืด คุณผู้หญิงก็ออกไปอีกทาง คุณภูมิรัชคงจะเหงานะ อาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ อาศัยทีวี มันจะดีอะไร เฮ้อ !! ทุกข์ของคนรวยนะ พ่อว่า    นายเชื้อพูดจบก็เดินไปอีกทางปล่อยให้สินคิดทบทวน กับคำทิ้งท้ายนั้น
  คุณภูมิรัชครับ ผมไม่ได้ตังใจให้เกมจบแบบนี้ครับ ผมไม่ถนัดที่จะเล่นวีดีโอเกม ผมก็อยากอยู่เป็นเพื่อนเล่นคุณภูมิรัชเช่นกัน ผมขอโทษครับ  แน่นอนเป็นเพียงเสียงที่เกิดในใจของสินเท่านั้น  สินทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของสินที่จะต้องช่วยพ่อทำสวน แต่เนื่องจากสินเป็นเด็กมีน้ำใจ เขาจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้ และทุกครั้งที่เขาว่างจากการเรียน เขาก็มักจะช่วยพ่อเชื้อทำสวนเสมอ

  สิน สิน สินอยู่ไหน อะไรกัน ไปอยู่ไหนกันเนี่ย    เสียงของภูมิรัช ทำให้นายเชื้อต้องรีบผละจากงาน เข้ามารายงานว่า 
  คุณหนูมีอะไรให้เจ้าสินรับใช้ครับ กระผมจะไปตามมาให้ มันไปละแวกนี้เองครับ ผมคิดว่ามันอยู่ท้ายสวน   นายเชื้อรายงานให้ภูมิรัชรับทราบ
  ไปทำอะไร ?   ภูมิรัชถาม
  เห็นบอกกระผมเมื่อเช้าว่าจะไปตกปลาขอรับ คุณหนู   นายเชื้อตอบนายด้วยท่าทีพินอบพิเทายิ่ง
  ดี ฉันจะไปหาสินเอง  ทันทีที่สิ้นเสียง ภูมิรัชก็ตรงดิ่งไปท้ายสวน ซึ่งก็อยู่ในอาณาบริเวณคฤหาสถ์ของเขานั่นเอง

  สิน สิน อยู่ไหน เฮ้ !! แกได้ยินเสียงฉันมั๊ย สิน สินโว้ย.. ภูมิรัชตะโกนพลางเดินพลาง
  ครับผม คุณภูมิรัช ผมอยู่นี่ครับ ทางซ้ายครับ  สินกระหืดกระหอบโผล่หน้าออกมา ในมือขวาถือคันเบ็ด และมือซ้ายหิ้วกระป๋องพลาสติกใบย่อม
  แกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ฉันว่าจะชวนแกไปเล่นตัวต่อหุ่นยนต์  ภูมิรัชกล่าวกับสินเมื่ออยู่ในระยะใกล้
  ตกปลาครับ คุณภูมิรัช  แม่บอกว่าจะแกงส้มเย็นนี้ ผมก็คิดว่าน่าจะได้ปลาช่อนสักสองตัวฝากแม่ครับ   สินกล่าวถึงแม่ ซึ่งก็คือแม่ครัวของบ้านนี้เช่นกัน
  ตกปลา ทำไมต้องตก ไปซื้อที่ตลาดก็ได้  ภูมิรัชสงสัย
  ที่คลองหลังบ้านมีแยะเลยครับ คุณภูมิรัช ปลาในคลองของเราเอง ไม่ต้องไปซื้อถึงตลาดหรอกครับ ประหยัดดีด้วย ผมตกปลาให้แม่บ่อยๆ บางทีได้ปลานิล บางทีได้ปลาช่อน ก็ส่งเข้าโรงครัวหมดครับ   สินตอบ
  ฉันไม่เห็นแกมีเหยื่อให้ปลา แล้วจะตกได้ยังไงกัน  ภูมิรัชสังเกตุเห็นว่านอกจากคันเบ็ดและกระป๋องพลาสติกแล้ว  ยังไม่เห็นมีสิ่งใดที่จะพอเป็นเหยื่อปลาได้
   ถมเถไปครับคุณภูมิรัช ผมขุดหาไส้เดือนครับ ปลาชอบนักแล   สินตอบเจ้านายเช่นนั้น
  ให้ฉันทำ ฉันทำเป็น แต่แกอย่าบอกใครว่าฉันลงมือขุดดินหาไส้เดือนเชียวนะ  ภูมิรัชนึกสนุกจึงอาสาช่วย 
   ตกลงครับผม   สินรับคำ

ภูมิรัชพับแขนเสื้อขึ้น และด้วยท่าทางที่เก้กัง การขุดดินเพื่อหาไส้เดือนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา แต่ในที่สุดก็ได้ยินเสียงของภูมิรัชตะโกนด้วยความดีใจว่า
  เจอแล้ว เจอแล้ว สิน ไส้เดือนยาวเฟื้อย ทีนี้ทำยังไงต่อ เร็วเข้ามันมุดแทรกดินแล้ว   น้ำเสียงของภูมิรัชดูตื่นเต้น
  จับขึ้นมาเลยครับคุณภูมิ จับเกี่ยวกับเบ็ดเลยครับ จะได้เป็นเหยื่อปลา  สินตอบ
  จับแล้ว น่าขยะแขยง ลื่นๆชอบกล แต่เกี่ยวยังไง.. โอ๊ย !! สิน ฉันโดนเบ็ดเกี่ยวนิ้วเลือดออกใหญ่แล้ว สิน โอ๊ย !!  ภูมิรัชร้องลั่นด้วยความเจ็บ
  คุณภูมิครับ คุณภูมิ ใจเย็นครับ ให้ผมดูนิ้วหน่อยครับ ค่อยๆครับ ใจเย็น ใจเย็น   สินก็ตกใจไม่แพ้กัน
  โอ๊ยเจ็บ ! ฉันนี่โง่จริง แค่เกี่ยวไส้เดือนกับเบ็ด ยังทำไม่ได้เลย มันน่าเจ็บใจนัก   ภูมิรัชยังไม่วายบ่นกับตัวเอง
  โธ่.. คุณภูมิ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอกครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ทันได้ดูแลคุณภูมิ  สินกุลีกุจอช่วยดูบาดแผล
  เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ ฉันก็ทำไม่สำเร็จ ดูสิ มัวแต่ตกใจเจ็บตัว ตอนนี้ขี้ดินเปรอะเสื้อผ้าไปหมด  ภูมิรัชกล่าว
  คุณภูมิกลับขึ้นเรือนเถอะครับ ที่เหลือผมทำต่อเองครับ  สินบอกเจ้านาย 
  แกคิดว่าฉันโง่ไหม สิน   ภูมิรัชถาม
  คุณภูมิรัชไม่ได้โง่ครับ เพียงแต่ยังไม่รู้วิธี    สินตอบตามตรง
  สิน ฉันขอโทษแกด้วยนะ เมื่อเช้าที่ตะคอกใส่หน้าแก แล้วบอกว่าแกโง่ ความจริงแกไม่ได้โง่กว่าฉันหรอก ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ว่า ยังมีอีกหลายสิ่งที่คนอื่นรู้ แต่ฉันไม่รู้ แค่ไส้เดือนเกี่ยวเบ็ด ยังทำเอาฉันถึงกับเลือดออกบาดเจ็บ ฉันมานึก ๆ ดูแล้วฉันไม่น่าเลยที่อารมณ์เสียกับแก ขอโทษนะสิน   ภูมิรัชกล่าวกับสินอย่างสำนึกผิด
  ไม่เป็นไรคุณภูมิรัช ผมเข้าใจครับ  ความจริงผมเองก็รู้สึกผิดนะครับ ที่ผมเล่นวีดีโอเกมไม่ได้เรื่องเสียจริง สินกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ  
  เออ ฉันเข้าใจเหมือนกัน ไม่เป็นไรแล้ว ฉันไม่เจ็บนิ้วแล้วล่ะ ทีนี้ต้องขุดหาไส้เดือนตัวใหม่ ตัวตะกี้มันมุดดินหายไปแล้ว  ภูมิรัชตัดบท
  ครับผม   สินรับคำ

วันนั้นทั้งภูมิรัชและสินต่างได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ในความโง่ หรือไม่โง่ ความจริงแล้วเป็นเพียงคำเปรียบเทียบเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีใครรู้ไปหมดทุกอย่าง  จริงไหม				
20 กันยายน 2547 15:27 น.

Rally Life ...

อัลมิตรา

การเตรียมตัวนั้น นอกจากเสื้อผ้าที่รัดกุมแต่คล่องตัว รวมไปถึงหมวก ผู้เขียนก็ยังแอบคิดอยู่อีกว่าจะเตรียมร่มไปด้วยดีหรือไม่ เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงกลางของฤดีฝน แต่กระนั้น ด้วยความที่คิดว่า คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นกระมัง และผู้เขียนทราบมาว่าทางรีสอร์ทที่ผู้เขียนไปพักและมีกิจกรรมวอร์คแรลลี่นี้ เตรียมร่มให้กับผู้เข้าพักทุกคนด้วย ในใจคิดไปอีกว่า ถ้าเห็นทีท่าไม่สู้ดี ก็ค่อยพกร่มไป แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง  แต่ทว่า เหตุการณ์ที่จะเล่านั้น มันมีเรื่องราวมากไปกว่าสิ่งที่ผู้เขียนคิดอย่างง่าย ๆ

กำหนดการมีอยู่ว่า หลังอาหารเที่ยงทุกคนต้องรวมตัวกันที่ห้องประชุมใหญ่ของรีสอร์ท เพื่อเตรียมตัวปฏิบัติตามกิจกรรม การแบ่งกลุ่มมีขึ้นเรียบร้อยแล้วในช่วงเช้า โดยมีสมาชิกทั้งสิ้น กลุ่มละ 13 คน ทั้งหมดมี 13 กลุ่ม ในขณะที่นั่งรอเวลาการปล่อยตัวออกไปทีละกลุ่มนั้น ผู้เขียนอยู่กลุ่มลำดับท้าย ๆ ก็ยังกล่าวกับเพื่อนร่วมกลุ่มว่า 
 ฟ้าแจ้งแดดเปรี้ยงขนาดนี้ คงตากแดดกันตัวเกรียมกันแน่เชียว ใครจะเอาครีมกันแดดบ้าง เรามีมาเผื่อ  ผู้เขียนถามเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งมีสมาชิกเป็นชาย 2 คน และ หญิงอีก 10 คน 
เรียบร้อยแล้ว ทาครีมกันแดดตั้งแต่ก่อนเข้าห้องประชุมนี้แล้ว ..  เพื่อนคนหนึ่งตอบมา และอีกหลาย ๆ คน ก็ตอบในแนวเดียวกัน เป็นอันว่าทุกคนพร้อมที่จะเผชิญกับแดดเปรี้ยงที่ร้อนระอุ ผู้เขียนได้แต่หวังว่าเสื้อแขนยาวของผู้เขียน และหมวก จะช่วยในการปะทะแดดโดยตรงได้บ้าง				
26 สิงหาคม 2547 08:22 น.

ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle )

อัลมิตรา

หากสิ่งที่ปรากฏทั้งมวลเป็นประหนึ่งความฝันอันปรากฏเมื่อรัตติกาลแห่งวันวาน คงน่าที่จะให้ดำรงอยู่ในรัตติกาลของวันนี้เช่นกัน สีสันของป่าเขาแห่งนี้ยิ่งมีความสวยงามหลากหลาย ประหนึ่งจิตรกรเอกได้บรรจงเขียนรูปบนผ้าใบได้อย่างวิจิตรก็ไม่ปาน ท่ามกลางความสวยงามทั้งมวล ยังซ่อนเร้นด้วยสรรพสัตว์ที่ได้ดำรงชีพอาศัยผืนป่านี้ ให้โลดแล่นและดำรงชีพของตนไปตามวิถีแห่งการอยู่รอด 
 				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา