
* ฟ้าสวาท *
๐ ฟ้าคำรามร่ำร้อง โหยหวน
หญ้าก่อพลิกรัญจวน หยอกเย้า
ปลาน้อยพ่นน้ำชวน สานต่อ บ่วงแฮ
ฝนพร่างรุกเร่งเคล้า เจิ่งฟ้าเนินสวรรค์๐.
๐ ฟ้าคำรามร่ำร้อง กอหญ้าพ้องพลิกหยอกเย้า
สานต่อเพื่อยลเนา ต่างเร่งเร้าเคล้าห้วงฤดี
๐ ปลาน้อยเร่งเร้าชวน อีกตัวหวนป่วนพฤกษ์ศรี
คลอเคลียเร่งเร้าชีวี ปิ่มฤดีจะขาดรอน
๐ วกวนเกี่ยวเวียนว่าย ต่างพลิกส่ายไปมาสลอน
น้ำแยกแตกซ่าตอน มิยอมผ่อนร่อนเวียนวน
๐ ครืนครืนฟ้าพิฆาต เสียงดารดาษทุกแห่งหน
หวิวหวิวลมโชยปน ฝนพร่างจนเปียกแฉะไป
๐เนินหญ้าพลิกเย้าสวัสดิ์ หวังมุ่งตวัดจัดเจนไหว
ฝนพร่างแล้วห่างไกล ปลาน้อยว่ายคล้ายระบม
๐ ฟ้าเริ่มเบิกบานแล้ว พฤกษาแผ่วชูช่อผสม
อบอวลกลิ่นเคล้าดม มิขื่นขมผสมกลิ่นผกา
๐ต้นหญ้าสลบสงบเงียบ ปลาน้อยเทียบคู่เคียงหา
น้ำนองเจิ่งพสุธา ยากจะคว้ามาแนบเคียง
๐ ตราบรุ้งทอแสงส่อง แผ่วละอองก้องผสานเสียง
ฝากไว้เพียงสำเนียง หมายจะเลี่ยงเบี่ยงอารมณ์.
* แก้วประเสริฐ. *




* ถ้อยลำนำ * ๐ งามบงกชบทกวีศรีอักษร ดั่งอรชรร่ายรำย้ำวรรณศิลป์ ปิ่นมณีศรีรัตน์จัดสู่จินต์ กระแสร์สินธุ์พรูพรั่งดั่งตะวัน ๐ ท่านครูภู่สุนทรอมรสวรรค์ เจิดจำนรรจ์ภาษามาเสกสรร ร้อยมธุรสปลดเปลื้องเรืองลาวัลย์ คำถ้อยนั้นใคร่เทียบเปรียบเมืองแมน ๐ แคว้นเมืองแกลงแฝงไว้ในกวีเลิศ แสนประเสริฐถ้อยคำเลิศล้ำแสน ฝากคำถ้อยมธุรสจรดแดน ทั่วแว่นแคว้นหลงใหลในบทกวี ๐ ทวีคำถ้อยแปดคำนำล้ำยิ่ง ร้อยทุกสิ่งสนธิกล้ำนำศักดิ์ศรี เอ่ยคำกล่าวกลอนตลาดพาดรวี ดุจดวงมณีทอแสงแห่งอำไพ ๐ ใจประณตสองกรวอนประสิทธิ์ ช่วยเนรมิตคำถ้อยร้อยผ่องใส ให้งานเขียนคำกลอนอ่อนวิไล ยามเมื่อได้ดลจิตคิดแต่งกลอน ๐ ตอนเสี้ยวหนึ่งของงานผ่านคำถ้อย บรมครูร้อยกลอนกานท์ผ่านอักษร อย่าติดขัดสิ่งใดใคร่วิงวอน ช่วยดลสอนศิษย์เขลาเบาปัญญา ๐ คราสิบหกมิถุนาบังเกิด บรมครูเลิศนักกวีศรีภาษา จนทั้งโลกยกย่องผ่องรจนา สร้างเรื่องมาพระอภัยให้โลกลือ ๐ มือสองน้อมบรมครูผู้เลิศล้ำ จึ่งลำนำถ้อยแถลงแฝงหนังสือ ผ่านถ้อยคำต่ำต้อยร้อยระบือ โปรดอย่าถือแม้นผิดคิดลำนำ. * แก้วประเสริฐ. *
![]()

* สาวร้อยเอ็ด * ๐ งามผ่องพรรณปานแก้วแวววับฟ้า ดั่งจันทรานวลผ่องแสงส่องไสว ทั้งทรวดทรงเอวองค์ระหงษ์วิไล เสมืยนดังคล้ายอัปสรอมรแมน ๐ แม้นการงานปัญญาพาเลิศล้ำ หวานซึ้งฉ่ำเยื้องกรายไฉไลแสน อบกายหอมอวลตลบจบดินแดน ทุกแว่นแคว้นมิเทียบยากเปรียบนาง ๐ ยามเยื้องกรายร่ายรำงามล้ำเลิศ ดนตรีเชิดคลอเคล้าเฝ้าสรรค์สร้าง กรอ่อนช้อยย้อยเยื้องประเทืองวาง ผ่านท่ามกลางแสงสีที่เพริศพราย ๐ คล้ายนางเทพอัปสรอมรศรี ดั่งรัชนีพร่างพราวราวมณีฉาย รูปร่างพริ้มส่งพรายในกรีดกราย กว่าเดือนคลายรัศมีที่เด่นสกาว ๐ สาวร้อยเอ็ดยามพบประสบเจ้า หวานพริ้งเพราระเด่นเน้นสิ่งขาว ความเป็นจริงฝากไว้ในเรื่องราว อบอวลพราวหอมตลบจบแดนดิน ๐ ถวิลหวนชวนรำลึกตรึกแว่นแคว้น ประกายแดนอีสานผ่านแทบสิ้น สาวร้อยเอ็ดฝากไว้ในห้วงจินต์ อวลระรินคลอเคล้าเฝ้าเย้าแคน ๐ แสนพิลาสฉลาดล้ำนำแช่มช้อย ประดุจสร้อยมาลาคราจากแถน บ่วงคล้องสาวยุพินถิ่นดินแดน ห้วงใจแขวนฝากถิ่นถวิลอาวรณ์ ๐ ผ่อนหายใจรำลึกตรึกเยือนบ้าน สุขแสนสราญอาหารผ่านพักผ่อน เก่งการบ้านงานเรือนเยือนงามงอน แสนอรชรใครครองต้องเปรมปรีดิ์. * แก้วประเสริฐ. *
![]()

* อนิจจัง * ๐ อนิจจัง วัีฏฏะสังขารา อุปสะยะธัมมิโน อุปชิตตะวา นิรุตชันติ เตสังโม อุปโมสุโข ๐ " สัตว์ทั้งหลาย สังขารย่อมไม่เที่ยงหนอ" ๐ ไม่รู้ว่าคำพระจะถูกหรือเปล่าครับ อิอิ จำได้แค่นี้ ใครไม่ถูกใจอย่า โกรธกันนะ ขออภัยด้วย ๐ * แก้วประเสริฐ.*

* คนยากใยอัปลักษณ์ *
๐ ฝนพร่างพรมลมโชยโปรยเย็นชื่น
แสนสะอื้นยามคำนึงตรึงหวนหา
เพลิงแห่งรักเผาผลาญผ่านอุรา
หวานยุพาครั้งเก่าเคล้าทรวงใน
๐ ให้รำพึงนึกหวนยิ่งชวนคิด
มันพุ่งสถิตย์เร่าร้อนย้อนสดใส
หวานเคยเคล้าเฝ้าพรากใยจากไป
รู้หรือไหมว่าคนยากฝากคำนึง
๐ ตรึงความจนปนไว้ในอัปลักษณ์
สิ่งประจักษ์ความหล่อพอผ่านถึง
พรากชายไปหันหวนล้วนรำพึง
แสนชวนตลึงลาลับนับจากไกล
๐ แม้นยากไร้ไม่มีสิ่งที่หวัง
ประดุจดั่งฝนปรายไร้สดใส
ความชื่นฉ่ำลาลับกลับจากไป
ปล่อยดวงใจว้าวุ่นกรุ่นระอา
๐ ลาแล้วหรือคนงามแม่ทรามสวาสดิ์
แสนพิลาสตอกย้ำซ้ำเติมผวา
คนอัปลักษณ์น้ำใจไร้ราคา
คอยกลับมาดังเก่าเฝ้าเพิ่มเติม
๐ เสริมห้วงใจแห่งรักประจักษ์ไว้
คอยจากไกลผ่านเศร้าจะเฝ้าเสริม
ให้คืนกลับเหมือนเก่าเคล้าดังเดิม
ฝากหวานเพิ่มกว่าอดีตที่กรีดใจ
๐ ไม่ต้องห่วงคนยากจะพรากเจ้า
หวังพึงเคล้าความชื่นคืนสดใส
แม้นไม่หล่อเหมือนเขามิเศร้าหทัย
คนยากไร้ยากทิ้งคอยอิงนาง
๐ กลางสายฝนเย็นฉ่ำยากย้ำจิต
สร้างความคิดให้คนึงตรึงสิ่งขวาง
เหลือเพียงไว้ดวงใจไม่อาจจาง
แสนเวิ้งว้างเศร้าทรวงดวงใจคอย.
* แก้วประเสริฐ. *



