21 กันยายน 2547 14:09 น.

ตะวันสั่งฟ้าดาราพร่างพราย

แก้วประเสริฐ


	ตะวันสั่งฟ้าดาราพร่างพราย

         สุริยันแสงสาดส่องสู่ท้องน้ำ
พร่างพรายล้ำงามระยิบกระพริบใส
ปานประหนึ่งเพชรสกาวราวเจียรนัย
ละลานใจยามพลิ้วไหวสายใยธารา
         ระลอกคลื่นลื่นไหลกระจายฝอย
ดูอ่อนช้อยค่อยทยอยทั้งซ้ายขวา
หมุนเป็นเกลียวเลี้ยวลดวกวนมา
เสียงซ่าซ่าพาไปคล้ายดนตรี
         ลมโชยแผ่วแว่วหวานเสียงน้ำใส
เปรียบนั้นได้ในนกร้องสวนศรี
บนฟากฟ้าสุราลัยเทพนัยสตรี
พิณนารีดีดก้องยินพ้องไกล
         หวนคำนึงถึงหญิงเยาว์คนหนึ่ง
ช่างตราตรึงด้วยธรรมสุดงามใส
ทั้งในนอกผ่องแผ้วเพริศแพร้วนัยน์
ยากสาวใดกล้ำกรายแนวในทาง
         ยิ้มระรื่นยืนเด่นเห็นเป็นเอก
ท่ามัคคุเทศก์สวยสง่างามสล้าง
สองมือให้ใช้บอกธรรมลดวาง
ดุจทางสว่างผู้เฝ้าและเข้าชม
         แม้นเวลากาลผ่านมายังคงคิด
หากเคียงชิดสนิทสนมคงเหมาะสม
เห็นจะได้ยินแสดงแหล่งธรรมมารมย์
ประกอบอารมณ์ชมน้ำในยามเย็น
         แสงตะวันพลันอ่อนลับจากฟ้า
ดารามาพร่างพรายกระจายเห็น
ระยิบระยับจับท้องน้ำสวยเด่น
ดุจดั่งเช่นแสงหิ่งห้อยย้อยนภา
         ยืนมองไปให้สะท้อนถอนใจลึก
ยากมาตรึกนึกคิดใฝ่ปองหา
เพราะด้วยกาลผ่านพ้นล่วงลับมา
ด้อยวาสนายากหวนกลับทวนคืน. 

             ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
20 กันยายน 2547 12:04 น.

โดดเดี่ยวเดียวดาย

แก้วประเสริฐ


โดดเดี่ยวเดียวดาย
     ช่างโดดเดี่ยวเดียวดายไร้คุณค่า
มวลดารามาหลีกเร้นหนีหาย
เหลือเพียงจันทร์นั้นหนากลับมากลาย
ดวงหทัยรันทดสุดหดหู่
       สูญสิ้นรักหักใจกายเร่ร่อน
ค่ำไหนนอนผ่อนพักน่าอดสู
มอบความภักดิ์แก่เขามิเนาวดู
ต้องไร้คู่อยู่ร้างนอนกลางดิน
       ครั้นมาหวนชวนคิดใจเจียนขาด
โถอนาถโชคชะตาฟ้าลืมสิ้น
จะมีใครไหนเล่ามาเฝ้าถวิล
ให้โรยรินอ่อนล้ามาพบคน
       ปล่อยละล่องท่องเที่ยวแนวทุ่งหญ้า
เอานภาเป็นเพื่อนไว้มิได้สน
ปล่อยชีวิตผ่านไปหมองใจหม่น
ดุจดั่งคนสิ้นไร้ในหนทาง
       โอ้ลิขิตขีดเส้นดุจบินหลา
ต้องโผหาผู้เดียวเปลี่ยวอ้างว้าง
ค่ำที่ไหนนอนนั่นพลันปล่อยวาง
แสนจืดจางหนาวเหน็บเจ็บกายี
       บางครั้งป่วยเจ็บไข้มิใครเห็น
เหมือนดั่งเช่นเดนมนุษย์จะสุดหนี
ต้องหมกร่างซุกไว้ในพงพี
ช้ำฤดียิ่งคิดไปอกให้ตรม
       โอ้แสนอนาถวาสนาในครานี้
เห็นชีวีคงสูญไปไม่เหมาะสม
ทั้งร่างกายหมายพยุงยังระบม
สุดขื่นขมภายในหวั่นใจเกรง
       ประคองกายหมายมุ่งพุ่งความคิด
มานั่งพิศพินิจดูให้โหวงเหวง
เพียงผู้เดียวเปลี่ยวหทัยได้วังเวง
มันช่างเคว้งคว้างหามาทบทวน
       ระลึกได้ในคำที่สั่งสอน
ครั้งผิดตอนคุณครูผู้สืบสวน
ให้รอบรู้ดูวางเป็นกระบวน
แล้วจึงสวนกลับไปใช่งอมือ
       เกิดเป็นคนต้องรู้สู้ชีวิต
เหมือนที่คิดร่ำเรียนเขียนหนังสือ
จะสร้างหวังครั้งนี้โลกให้ระบือ
ให้สมชื่อลือเรื่องชายชาตรี
       เมื่อคิดได้หันหวนหมายทวนกลับ
จันทร์ลาลับขอบฟ้ากระจ่างศรี
ตะวันส่องท้องฟ้าทั่วปฐพี
ชื่นชีวีเป้าหมายคลายอารมณ์.
	๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
18 กันยายน 2547 22:56 น.

อินทรีย์ห้าพาถึงซึ่งอริยะ

แก้วประเสริฐ


	อินทรีย์ห้าพาถึงซึ่งอริยะ

         ดูกรสาธุชนผู้ล้ำเลิศ
สิ่งประเสริฐพ้นห่วงบ่วงกรรมนี้
เป็นเบื้องต้นหนทางอริยะสร้างมี
ล้วนเป็นที่จิตเราเฝ้าเบิกทาง
         การจัดสร้างทางไปสู่นิพพาน
ทุกประการสรรธัมมะมาผสม
เพื่อน้อมนำรำลึกตรึกอารมณ์
สร้างพ้นตรมขมขื่นแห่งกายใจ
         ควรคำนึงพึงคิดตรองเป็นหลัก
มาฟูมฟักกำหนดไว้ให้ผ่องใส
โดยวางกฎเกณฑ์ไว้ภายในกาย
อีกทั้งใจอย่าให้มิได้ราคิน
         ยกอินทรีย์ห้ามาดูให้รู้แจ้ง
สัทธินทรีย์แหล่งศรัทธาหาทรัพย์สิน
เชื่อมั่นพระปัญญามาตั้งเป็นอาจินต์
พระองค์สิ้นอาสวะกิเลสเพศพรหมจรรย์
         วิริยินทรีย์นี้เล่าเป็นเหตุไฉน
ด้วยมีใจเพียรบากบั่นหมั่นสร้างสรรค์
ละอกุศลธรรมไว้ในกุศลธรรมกัน
แล้วพยายามกั้นจนได้อินทรีย์กล้า
         สตินทรีย์มีไว้ให้ใจรำลึก
ไว้ใช้ผนึกตรึกตรองคิดปรึกษา
แม้นเนิ่นนานผ่านไปทุกเวลา
ก็นำมารักษาตัวมิมั่วเลย
         สมาธินทรีย์มีผลหนทางจิต
ไม่วิปริตติดอารมณ์จงนิ่งเฉย
รวมใจจิตเป็นหนึ่งที่พึงเคย
อย่าละเลยจนถึงซึ่งเอกัคคตานี้
         ปัญญินทรีย์นี้สำคัญอย่างที่สุด
ใช้เป็นวิมุตติเพื่อฉุดหลุดเป็นศรี
กำหนดเกิดดับลับไปจากอินทรีย์
ใช้เป็นที่เสริมสร้างทางมรรคา
         เมื่อรู้ซึ้งถึงอินทรีย์ห้าในขันธ์
ก็จักพลันสรรค์ทางให้หรรษา
รู้ชีวิตที่คิดทำแต่ก่อนมา
ทั้งโลกพาให้สุขเบิกบานใจ.

              ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
17 กันยายน 2547 16:08 น.

ความรักของพ่อ

แก้วประเสริฐ


	ความรักของพ่อ

         ด้วยเวรกรรมนำสร้างครั้งอดีต
จึงลิขิตขีดเส้นไม่เหมาะสม
สร้างชีวิตแปรผันให้พลันตรม
สุดระบมขมขื่นต้องฝืนทำ
         นำกรรมสร้างมาไว้ให้ผู้เฒ่า
ถึงเรื่องราวเล่าไว้มิได้ขำ
เป็นความรักพันผูกที่ลูกระกำ
ด้วยแสนช้ำอดีตพลันหันหวนมา
         ชายชราอายุถึงซึ่งแปดสิบเอ็ด
ต้องระเห็จเดินทางระหว่างวนา
หลังค่อมขาซ้ายขาดแรงไม่กังขา
ใช้เวลาล่าช้าแต่พยายาม
         ทางสิบหกกิโลโอ้คุณพ่อ
ยังได้ถ่อร่างไปไม่เกรงขาม
เพื่อลูกรักจักได้อาหารในย่าม
ให้ได้ความสดชื่นระรื่นเย็น
         ด้วยลูกชายที่รักจักลำบาก
สายตาพรากจากโลกมองไม่เห็น
เพียงอายุห้าสิบกว่ามาลำเค็ญ
นั่งรถเข็ญอนาถใจในโรงพยาบาล
         นี่แหละหนอชีวิตคิดไม่ตก
จึงระหกผกเหินไม่ประสาน
อายุเล่าก็มากมายหลายประการ
ต้องมีอันทุกข์ยากลำบากกาย
         อีกทั้งยังยากจนขุ่นแค้นนัก
อีกที่พักทรุดโทรมนักจักอาศัย
มีพริกเกลือข้าวเหนียวไม่มากมาย
ใช้เลี้ยงกายแบ่งไว้ให้ลูกกิน
         อันชีวิตของพ่อมีต่อลูก
แสนพันผูกมีไว้ไม่หมดสิ้น
แม้นจะเป็นอย่างไรให้ถวิล
ย่อมรักสิ้นมิจากพรากโรยรา
         นี่แหละหนอชีวิตแท้แน่ประจักษ์
จากสาร์นรักของเพื่อนเยือนส่งหา
โปรดช่วยเหลือเกื้อกูลด้วยเมตตา
ยากพรรณาท้าวความตามแก่นจริง
        นามนายปันจำปาที่ปรากฏ
จ่ายเงินสดธนาคารทหารไทยทุกสิ่ง
สาขาย่อยลาดพร้าว103โน้มใจยิ่ง
เลขที่จริง108-2-09965-4 บุญมาเอย.

                ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙

(เชิญชวนร่วมสร้างทานแก่ผู้เฒ่าอายุ 81 ปี ลูกชาย อายุ  62  ปี อยู่ อ.ชาติตระการ   นาย ปัน จำปา เดินทางมาเยี่ยมลูกชายป่วยด้วยโรคลมชัก ตาบอด รักษาตัว รพ.ชาติตระการกว่า 6 เดือน  เมียตาปันเสียชีวิตนานแล้วอยู่คนเดียว ใช้เวลาเดินทางเยี่ยมลูกกว่า 2 ชม. คุยได้เพียง 10-20 นาที ป้อนข้าวลูกด้วยข้าวเหนียว พริกเกลือ บางครั้งเจียดเงินซื้อไก่ย่าง ทุกๆวัน ต้องรีบเดินทางกลับบ้านด้วยการเดินเท้า หลังค่อม ขาข้างซ้ายไม่มีแรง กระเผลกๆมาเยี่ยมทุกวัน    หากท่านผู้มีจิตกุศลช่วยเหลือได้ตามแต่สมควรเพื่อหยั่งชีวิตของสองชีวิตพ่อลูกไว้ก็จะเป็นบุญกุศลในภพต่อๆไปและยังความปิติสุขให้ท่านในภพนี้ด้วย....แก้วประเสริฐ.)				
15 กันยายน 2547 15:53 น.

เที่ยวงานวันสุกดิบ

แก้วประเสริฐ


                 เที่ยวงานวันสุกดิบ

         แสงแดดจ้าพร่างรายกระจายร้อน
ลมโชยอ่อนผ่อนคลายไม่มากนัก
ความชุลมุนวุ่นวายล้วนประจักษ์
บ้างหยุดพักเช็ดเหงื่อปาดเหงื่อไคล
         พรุ่งนี้หนอเป็นวันที่ขันหมาก
เขามาจากต่างแคว้นแดนอาศัย
คงสวยสดงดงามแสนวิไล
ทุกคนได้แต่งอวดทรวดทรงกัน
         บรรดาแม่ครัวต่างพากันว้าวุ่น
อีกสาวรุ่นมุ่งงานที่เขาสรร
แบ่งงานที่ทำขนมต้มถั่วมัน
เพื่อใช้ปั้นสอดไส้ในการทำ
         พวกหนุ่มเหน้าเคล้าคลอเฝ้าฉอเลาะ
เสียงหัวเราะเริงร่าดูน่าขำ
ฝ่ายผู้เฒ่าเมากันเป็นประจำ
เจ้าภาพพร่ำร่ำบอกเป็นแม่งาน
         ภายในบ้านถูกแต่งด้วยหลากสี	
เจ้าสาวที่ถือธงส่งเสียงหวาน
ยินสำเนียงหล่อนสั่งยังนอกชาน
ช่างแสนสำราญอารมณ์สมฤดี
         ลมพัดเย็นเห็นตะวันลอยลับคล้อย
แสงแดดค่อยอ่อนหายได้สุขี
ฝูงนกบินกลับสู่รังหลังคีรี
เพลงมโหรีแว่วหวานกังวานดัง
         เดินหลีกเลี่ยงเมียงมองหาที่หลบ
พลางค้นพบเพิงพักอยู่ด้านหลัง
ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงเป็นแนวบัง
จึงมานั่งชมวิวเขาใกล้พนาไพร
         แว่วเสียงนกกระปูดร้องปุ๊ตปู๊ด
อีการุดร้องก้องสำเนียงสนั่นไหว
เสียงก๊าก๊าพากันบินไปเร็วไว
สื่อความหมายใกล้ค่ำย่ำสนธยา
         พลางหวนคำนึงพึงคิดยอกย้อน
สาวเจ้าก่อนเคยพามาหรรษา
ท่องเที่ยวไปในทุ่งพงพนา
ใต้เชิงผาขุนเขาเข้าแนวคีรี
         มวลวิหคผกเหิรล่องลอยฟ้า
ท้องนภาใสสดสว่างกระจ่างศรี
รอบแนวเขาหินกรวดลวดลายมี
หลายหลากสียังเก็บเหน็บกลับไป
         มาครั้งนี้ผิดแผกไม่แปลกจิต
ความเงียบสนิทกลับสนั่นหวั่นไหว
เขาคึกครื้นรื่นเริงด้วยหัวใจ
เพราะเหตุให้มีงานวันมงคล
         สุริยันพลันลับเบื้องหลังเขา
ความมืดเข้าขัดอารมณ์จนสับสน
ความหนาวเย็นแผ่ไปใจเวียนวน
ไม่อยากพ้นเพิงพักชักอาวรณ์
         โคมเจ้าพายุสาดสว่างกระจ่างฟ้า
บนเรือนจ้าคลาคล่ำร่ำเสียงอ้อน
ด้วยบทเพลงอีแซวแว่วเป็นตอน
ใจสะท้อนจำต้องหวนทวนกลับคืน.

                       ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ