13 กันยายน 2548 12:45 น.

* โศกนาฏกรรมกากี *

แก้วประเสริฐ


       * โศกนาฏกรรมกากี *

      ลอยละลิ่วพลิ้วไปในเวหน
ทะยานพ้นสีทันดรคงคาสมุทร
ทั้งป่าเขาแนวไพรด้วยเร็วรุด
เหลือทนสุดทานได้ให้สลบไป

      ครั้นพลิกฟื้นตื่นพบพระแกลช่อง
สบตาจ้องนาฏกุเวรยิ้มผ่องใส
ความงวยงงผุดลุกขึ้นทันใด
กุเวรได้รีบคว้าเกรงนางหล่น

      สะท้านทรวงฝังไว้ในดวงจิต
อยากจุมพิตนางใคร่ให้สับสน
เกรงพรหมทัตทราบเหตุเรื่องราวตน
ประคององค์มเหสีรีบผันจร

      พอถึงองค์ทรงไทน้อมกายถวาย
มูลเหตุไซร้รายงานด้วยรีบร้อน
ด้วยหลงติดรสเสน่หานางบังอร
แสนอาวรณ์ผลุนผันพลันจากลา

      องค์พรหมมินทร์ผินพักตร์มาสบจ้อง
พระพักตร์หมองขึงทมึงมิหรรษา
ตวาดก้องร้องเหวยนางแพทยา
กูอุตส่าห์เลี้ยงดูมิหมองมัว

      แม้แต่ริ้นมิให้ไต่ไรมิให้ตอม
สู้ถนอมกล่อมเลี้ยงมิได้ชั่ว
สิ่งทุกอย่างมอบไว้ให้กับตัว
มึงยังสั่วมั่วรักมิได้อาย

      นางกากีได้ฟังพระดำรัส
นางทรงตรัสกล่าวถ้อยขึ้นถวาย
เป็นเหตุเพราะพระยาครุฑลักพาไป
จะกลับมิได้อยู่ไกลเลยสีทันดร

      ยังเขาเมรุมาศผ่านฟ้ามหาสมุทร
ซึ่งยากสุดมนุษย์จะพ้นข้ามสิงขร
แล้วข่มขืนกายายากคลายคลอน
ใจสะท้อนระลึกถึงแต่พระองค์

      องค์ท้าวพรหมทัตฟังพระหทัยอ่อน
ด้วยอาวรณ์รูปกายใฝ่ประสงค์
แต่ขัตติยะมุมานะกษัตริย์จึงทรง
อยากจะปลงแต่ก็อายปวงประชา

      ยังคิดรักใฝ่สวาทนางยิ่งนัก
อยากจะฝักใฝ่คิดติดคำครหา
หากแม้นชุบเลี้ยงนางกลับขึ้นมา
เขาจะนินทาว่ากษัตริย์มิทรงธรรม

      ละล้าละลังหวังหาคนมาช่วย
ทัดทานด้วยเหตุผลมากล่าวซ้ำ
นาฏกุเวรหรือก็กลับยากจะทำ
ตัดใจจำสั่งความดำเนินการ

      เฮ้ยมหาดเล็กอยู่ที่ใดให้มานี่
พลางทรงชี้นางกากีมิประสาน
พระเนตรมิสบเสน่หายอดนงคราญ
นำนางพลันลอยแพพ้นเมืองไป

      ฝ่ายกากีรับคำสั่งพลางร่ำไห้
ตรงเข้าไปซบพระบาทมิผ่องใส
สะอึกสะอื้นปิ่มหัวใจขาดด้วยอาลัย
พระภูไทเมตตาไม่ฆ่าฟัน

      ล่องลอยไปในธารามหาสมุทร
คลื่นลมฉุดแพน้อยลอยเหหัน
หมุนวนเวียนกระแสน้ำพุ่งลิ่วพลัน
วกเวียนกระชั้นซัดซ่าพานางจร

      ทั้งหิวโหยอ่อนล้าผ้าขาดวิ่น
แทบจะสิ้นชีวาพาใจสะท้อน
ปิ่มหัวใจให้อาลัยครั้งเก่าก่อน
แสนอาวรณ์ฟุ้งซ่านพลันสลบลง

      กระแสน้ำนำแพน้อยกลอยสวาท
ภัยพิบัติโหมซ้ำกระหน่ำสรง
ฝนโปรยปรายแดดจ้าฟ้าลง
ล่วงลุตรงผ่านพ้นสามเพลา

      ผลกุศลส่งนำกรรมหนุนสร้าง
ยังไม่ร้างจากจรก่อนชีวาเศร้า
นายสำเภามาเห็นรีบรับเอา
ตัวนางเข้าสู่สำเภาเฝ้าเลี้ยงดู

      ด้วยรูปสวยกลิ่นหอมกฤษณา
ได้นำพานายสำเภาปล้ำจนอดสู
ต้องจำใจเป็นเมียจากโฉมตรู
ยอดพธูแสนจะช้ำระกำทรวง

      ครั้นถึงฝั่งยังตามไปค้าขาย
เดินเลาะไปตามป่ากว่าลุล่วง
เมืองใหญ่น้อยขายไปแล้วตักตวง
สิ้นทั้งปวงหวนกลับยังสำเภา

      ตอนขากลับตามทางระหว่างป่า
พบโจรป่าเข้าปล้นส่องเสพย์เข้า
เข้าสดมภ์เข่นฆ่ามิบางเบา
นายสำเภาลูกเรือดิ้นสิ้นชีวา

      ฝ่ายนายโจรแลเห็นนางกากี
ดุจดั่งมีกรรมเวรเข้าอาสา
ใช้อำนาจบาตรใหญ่เข้าบีฑา
นางต้องตกเป็นภรรยาโจรอีกที

      โอ้อนาถวาสนาคราเคราะห์ส่ง
บุญยังคงหนุนไว้ให้จักเกษมศรี
นายโจรเหล่าสมุนแย่งราคี
ด้วยเหตุที่นายโจรมิแบ่งแห่งกามา

      ต่างสับยุทธ์ยื้อแย่งแห่งนางนั้น
โอกาสพลันถึงนางหนีหลบหน้า
กระเสาะกระเซิงร่อนเร่กลางพนา
อาศัยคาคบไม้เป็นแหล่งนอน

      จวบตะวันสิ้นแสงแห่งแสงสูรย์
ความอาดูรปิ่นเทวษเกศหลอน
หาหลับใหลจวบฟ้าสางนางบังอร
ทั้งอาวรณ์เพลียร่างพลางนิทรา.

   ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
12 กันยายน 2548 15:26 น.

* พระยาครุฑอกหักรักคุด *

แก้วประเสริฐ


          * พระยาครุฑอกหักรักคุด *

      ตะวันกลับลับเหลี่ยมเมรุมาศ
ห้วงเวหาสสลัวครึ้มมืดทึมยิ่ง
ดุจลางเหตุบอกเรื่องแก่ยอดหญิง
มองทุกสิ่งไม่ชัดขัดนัยน์ตา

      กระตุกซ้ายป่ายขวาพร่าระริก
ใจวิปริตสั่นสะท้านล่วงกังขา
กลิ่นเคยหอมแปรเปลี่ยนสิ่งมีมา
ล้วนนำพาสะท้านพล่านสะทก

      อกเอ๋ยหญิงยิ่งย้อนสู่เบื้องหลัง
ในภวังค์ครุ่นคิดจิตวิตก
เขาเฝ้าถนอมเลี้ยงเราดุจทารก
กรรมเข้าพกเปลี่ยนแปลงแฝงระกำ

      บัดเดี๋ยวหนึ่งลมพัดวิสูตรเปิด
ตลึงพึงเพริศตระหนกใบหน้าคล้ำ
ตาทะมึงมองเขม้นมิเคยทำ
ไม่พูดพร่ำประชิดติดตัวนาง

      ปากพูดเขย่าร่างพลางคาดคั้น
เรื่องกากีนั้นนำชู้มาปรางค์สล้าง
พร่ำพลอดรักทั้งคืนมิยอมวาง
ยามอ้างว้างสร้างเขามาสู่เรา

      เสียดายนักรักมอบไม่คลายรส
สู้อัปยศลดมายังสวมเขา
ทั่วเรือนร่างถูกทำมิบางเบา
ช่างโง่เขลาถูกหลอกหลายราตรี

      นางกากีพ้อกลับมิลับหรอก
อย่ามาหลอกหรืออำทำหมองศรี
เห็นหรือยังว่าเราชั่วทั้งราคี
ดูซิมีใครกล้าสู่วิมานทอง

      ด้วยอำนาจของท่านใครกล้าหรือ
จะยุดยื้อสื่อรักมาสู่สนอง
มีแต่ท่านสู่เราเพื่อหมายปอง
คนอื่นต้องเกรงกลัวด้วยฤทธิ์ทา

      เวนไตยได้ฟังยิ่งคลั่งพิโรธ
ตาแดงโกรธมัวเมาด้วยโทสา
นางแพศยาใครจะรู้สิ่งมีมา
ในกายาในนอกบอกกระจ่าง

      อีกหญ้าแพรกปลูกไว้รายเรียงรอบ
อีกทั้งขอบเสมาที่รกร้าง
อีกเห็ดโคนโผล่ขึ้นยังมิวาง
พร้อมทั้งสร้างรดน้ำแลพรวนดิน

      มิแค่นี้หรอกเจ้าเขาเกริ่นบอก
ทั้งเบื้องนอกและในกระจ่างสิ้น
ใครจะรู้นอกจากพรหมทัตเป็นอาจินต์
เขาอยู่ถิ่นเมืองโพ้นไกลนอกฟ้า

      นางกากีได้ฟังพลางตระหนก
จิตวิตกรู้ได้อย่างไรหวา
ด้วยเล่ห์หญิงกลิ้งกลอกลอกมายา
ซบผวาเบื้องหน้าจอมเมฆินทร์

      เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นท่านเจ้าขา
เขาลอบมาข่มขืนนอกในสิ้น
หาได้มีจิตพิศวาสตามยลยิน
คนธรรพ์รินรสรักแล้วจากไป

      จอมครุฑทาหาเชื่อน้ำคำไม่
ด้วยเลศนัยความกล่าวไม่แจ่มใส
ความร้อนแรงรสรักประจักษ์ใจ
สิ่งทั้งหลายรู้ได้ยามใคร่ชม

      หากแม้นกูเก็บไว้จะอายสิ้น
ทั่วฟ้าดินจะติฉินไม่เหมาะสม
เกียรติยศเสื่อมสิ้นเพียงอารมณ์
เพียงแค่นี้อกตรมแค่อายดิน

      คิดละได้ในอารมณ์ภิรมย์สวาท
กลายร่างวาดกลับเป็นเช่นปักษิน
เข้าขยุมกงเล็บนางไม่ยลยิน
ขึ้นโผบินยังเวหาสสู่นัครา

      ครั้นมาถึงซึ่งสวนกรุงพารณสี
จะปล่อยนางกลางที่ก็เกรงว่า
คนที่รู้จะติฉินและนินทา
สิ้นสิเน่หารักทิ้งไม่เหลียวแล

      วางนางลงตรงกลางพระแกลช่อง
แล้วหันมองอาลัยในกระแส
เสน่หารสลิ้มอิ่มเอิบดวงใจแท้
ขอให้แม่เป็นสุขแล้วผันจร.

    ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
11 กันยายน 2548 15:12 น.

* ชิงรักหักสวาท *

แก้วประเสริฐ


                * ชิงรักหักสวาท *

     ตะวันเลื่อนเคลื่อนคล้อยลอยตรงสิงขร
สาดส่องชอนสู่บัญชรเป็นรอนสาย
จอมปักษินล่ำลารักหักอาลัย
ด้วยจวนใกล้ได้เวลาพบปะกัน

      สั่งยอดชู้ขวัญชีวาพี่ลาก่อน
แล้วรีบจรกลับมาอย่าโศกศัลย์
แต่งตัวตนเร็วรี่ผลีผลันพลัน
สะดุดขั้นทวาราพาเซซวน

     ทรงตัวได้เขม่นซ้ายนัยน์ตาระริก
หทัยวิบติ๊กตึ๊กตั๊กแสร้งเสสรวล
หันมากล่าวเจ้ายาหยีแม่ยียวน
พี่จะด่วนกลับมาหา ณ ยาใจ

      นาฏกุเวรไรจำแลงที่แฝงอยู่
หัวเราะดูแต่ใจไม่ผ่องใส
ใจประหวั่นนึกพรั่นในทันใด
กลัวเวนไตยไม่หวนสู่พารา

      ณ กรุงพารณสีท้าวพรหมทัตอยู่
แฝงกายสู่ในวังแล้วกล่าวหา
เล่าเรื่องราวหนหลังครั้งไปมา
ยอดกานดาอาลัยรักในพระองค์

      แล้ววางแผนวาดทางวางกลไว้
เพื่อให้เจ้าเวนไตยที่ใฝ่หลง
นำกากียอดเสน่หามาอย่าพะวง
มาคืนองค์ทรงไทด้วยอาลัย

      ท้าวพรหมทัตรับฟังคลั่งพิโรธ
ขอทรงโปรดระงับไว้มิให้สงสัย
ให้พระองค์ทรงเล่นสกาเวนไตยไว้
ข้าจะได้เริ่มแผนดำเนินการ

      เสียงพิณแก้วแว่วหวนล้วนระริก
เพลงกลอนประดิษฐ์ร้องทำนองหวาน
คร่ำครวญถึงตรึงเสน่หาแม่นงคราญ
รสสวาทพล่านสุดหักใจยามไล้ปอง

      สองเต้าตึงองค์เอวงามอร่ามน้อง
กายที่ต้องหอมหวนจริงยิ่งสนอง
เคล้าคลึงรักสุเมรุเอนดงงิ้วรอง
วิมานทองสีชมพูดูงามตระการ

      เสียดายยิ่งจริงนักลักลอบเขา
เป็นชู้เอาเคล้าเมียเพื่อนสู่สนาน
ผิดศีลข้อกาเมนี้ชีพวายปราณ
เห็นต้องถูกไฟผลาญในอเวจี

      ฤาสร้างหนทางที่ผิดคิดแก้ไข
หรือจะให้เลิกวางนางโฉมศรี
ใจเอ๋ยใจข้ารันทดแทบหมดชีวี
โอ้บาปนี้ไฉนให้เกิดแก่เรา

     แต่ก็แสนเสียดายในรสรัก
แม้นประจักษ์ผ่านไปให้โง่เขลา
ศักดิ์ศรีกูเกริกก้องมิบางเบา
หากถูกเขาจับได้คงให้ประจาน

   เจ้าเวนไตยฟังไปให้เคลิบเคลิ้ม
เพลงแรกเริ่มงดงามยามประสาน
พิณคลอเคล้าเร้าหทัยให้เบิกบาน
พอท่อนกลางอารมณ์สั่นพรั่นหัวใจ

      นึกถึงกลิ่นสาบสางครั้งละล่อง
ตอนเข้าสู่อยู่กากีน้องแปลกไฉน
กลิ่นควรหายจางไปไม่กลับกลาย
คงวนเวียนคลุกไปในห้องนิทรา

      เก่าก่อนนี้หามีกลิ่นนี้ไม่
ชักสงสัยใจประหวั่นเป็นหนักหนา
หรือจะมีชายอื่นแปลกแทรกมา
ร่วมเสน่หากับกากีที่ข้าครอง

      ยิ่งคิดไปยิ่งหัวใจให้พลุ่งพล่าน
ความสนุกสนานในสกาหาสนอง
ใจยิ่งฟุ้งคลุ้งเสียงเพลงและทำนอง
ช่างสอดคล้องประหนึ่งพึงเห็นมา

      นิสัยสัตว์สำแดงสัญชาติญาณ
แต่กระนั้นชั้นเทพจัดไว้สูงค่า
จึงมีสติคิดได้กว่าธรรมดา
แสร้งเฮฮามาถามไถ่นาฏกุเวร

      เสียงเพลงกล่อมเจ้าได้แต่ใดมา
ช่างนำพาแสนเสนาะไพเราะเหลือเข็น
นาฏกุเวรน้อมตนปนเรื่องประเด็น
ได้พบเห็นนางในฝันเมื่อวันมะรืน

     พบเห็นหญิงนางหนึ่งซึ่งงามนัก
กลิ่นกายจักหอมหวนล้วนผิวละลื่น
จึงเข้าร่วมเสน่หามาเจ็ดคืน
เป็นชู้ระรื่นชื่นรักมิอยากลา

      สะดุ้งตื่นขึ้นมาพาสั่นระริก
กลัวถูกจิกลงห้วงบ่วงเวรหนา
เป็นบาปกรรมนำสร้างด้วยใจพา
ในอุราให้ประหวั่นจึงกลั่นเพลง

      เพื่อน้อมใจลงไว้ในเพลงนี้
ให้เป็นที่มิเลือนเตือนข่มเหง
มิเป็นชู้สู่เขาเพื่อเราเกรง
ทั้งเสียงเพลงเตือนสติผู้สบฟัง

      จอมปักษินยินกล่าวเล่าเหตุนี้
ยิ่งเป็นที่ระแวงไปใจคลุ้มคลั่ง
มองกุเวรเห็นซื่อถือจริงจัง
ไม่อาจนั่งฟังเล่นสกาอีกต่อไป

      พลางหันลาพรหมทัตกษัตริย์เฒ่า
วันนี้เล่าเล่นสกาหาผ่องใส
วิงเวียนศีรษะไม่รู้เหตุอันใด
อีกเจ็ดวันไซร้จึงได้สู่พระองค์

       พรหมทัตทราบเหตุเลศนัยอยู่
ทำไม่รู้สบพระทัยในสิ่งประสงค์
หยิบห่อทองของระลึกแล้ววางลง
เวนไตยน้อมก้มบังคมลาแล้วมาจร.

    ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
9 กันยายน 2548 23:18 น.

* บทรักนาฏกุเวรคนธรรพ์ *

แก้วประเสริฐ


            *  บทรักนาฏกุเวรคนธรรพ์  *

      สิ้นตะวันผันผายไร้แสงสี
แสงเก็จมณีนพรัตน์รัศมีฉาย
ดูแวววับพราวพร่างสว่างขจาย
มองโลมไล้นางกากีที่ปัจถรณ์

     งดงามจริงแท้แม่เอยอรชร
สายสมรนอนนิทราพาสะท้อน
ฤทัยป่วนล้วนภาพแม่เนื้ออ่อน
ดั่งเพลิงร้อนแรงฤทธิ์พิศสวาทคลุม

      นาฏกุเวรคนธรรพ์พลันคืนร่าง
รูปสำอางพักตร์บานดั่งโกสุม
หนวดเรียวงามแต้มแต่งดุจเชิงชุม
สะพายคลุมด้วยพิณกลิ่นกำจร

      ประนมมือร่ายเวทย์วิเศษศักดิ์
มนต์ดลรักเป่าลงตรงอัปสร
ให้หลงใหลในตัวข้า ณ บังอร
ด้วยฤทธิ์รอนเวทย์มนต์จงดลใจ

      หย่อนกายลงเคียงข้างนางที่รัก
ก้มจุมพิตพวงพักตร์อิ่มเอิบฉาย
นางสะดุ้งปัดป้องน้ำมือชาย
ตื่นวุ่นวายพลันพบสบตางาม

      ตาต่อตามองจ้องสองเนตรสบ
สะเทิ้นหลบเอียงอายให้วาบหวาม
ด้วยฤทธิ์แห่งมนตรามาผ่อนตาม
นาฏกุเวรรู้ความเอื้อนสิ่งที่ผ่านมา

      แล้วเล่าเหตุพรหมทัตจัดมาให้
เพื่อจะได้เจ้าคืนไปสู่หรรษา
แต่ขอร่วมความรักจ้าสักครา
ด้วยสิเน่หากานดาตั้งเนิ่นนาน

      จะปิดถ้อยเนื้อความตามที่เห็น
มิให้เป็นเรื่องราวร้าวแตกฉาน
พระยาครุฑฝากไว้แก่นงคราญ
ขอสำราญเคียงคู่ชู้เชยชม

      นางตะลึงนึกมิถึงซึ่งเหตุนี้
ยินยอมที่ร่วมรักจักเสพย์สม
นาฏกุเวรดีใจจะได้ภิรมย์
แล้วเข้าโลมโน้มกอดยอดชีวัน

     บรรจงลูบไล้ใคร่ปลดภูษาปิด
แสงมณีติดอร่ามฉ่องต้องกระสัน
ขาวสล้างงามทุกสิ่งผิวพรรณ
อูมอวบอั้นเต่งตั้งบานคู่ครอง

      เล้าโลมเน้นเฟ้นพุ่มตุ่มเกสร
ดุจภมรชอนไชได้บุบผาสนอง
ระริกซ่านผ่านห้วงช่วงทำนอง
แรงสะท้อนรองรับจับนัยน์ตา

      เสียงครวญคร่ำร่ำใฝ่ ณ ริมโอษฐ์
เริงเร้าโลดระรื่นรสจรดนาสา
ทั่วเรือนร่างสั่นระริกพลิกไปมา
จุมพิตกายาชิวหาพาหลงระเริง

      อสุนิบาศก์ฟาดเปรี้ยงเสียงดังลั่น
พายุพลันหมุนเวียนเปลี่ยนจนเหลิง
ใบไม้ลู่พัดหญ้าเอนเห็นกระเจิง
ฝนระเริงชโลมน้ำผิดฤดูกาล

      ลมสวาทพัดผ่านซ่านปรากฏ
อิ่มเอมรสจรดไว้ในสิ่งกระสัน
ผ่อนกายาพากวัดรัดเคียงกัน
ผูกชีวันสัญญาไว้ไม่คลายคลอน

      ทุกวันคืนระรื่นรสมิหมดสิ้น
รวยระรินกลิ่นเคล้าดุจเฝ้าหลอน
ครบเวลาเวนไตยคืนสู่คอน
เฝ้าอาวรณ์รอนฤทธิ์รักประจักษ์ใจ

       กลางคืนเห็นเวนไตยเคล้าสู่เล่น
กลางวันเป็นนาฏกุเวรผลัดผ่องใส
จวบเจ็ดวันนั้นสัญญาสู่พาราไป
นัดเล่นสกาไว้ท้าวพรหมทัตเจ้าธานี.

        ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
9 กันยายน 2548 10:44 น.

* พิศวาสพระยาครุฑ *

แก้วประเสริฐ


          * พิศวาสพระยาครุฑ *

      ลอยละลิ่วพลิ้วไสวในอัมพร
ผ่านช่วงตอนสีสันดรมหาสมุทร
เลยหิมพานต์ชั้นเทวามารวดรุด
เร่งเร็วสุดสู่สุเมรุคีรีดงงิ้วที่อาศัย

      บัดหนึ่งถึงวิมานฉิมพลีสีชมพู
ร่างที่อยู่กลายกลับแลลับหาย
ผ่องอร่ามงามสง่าสมชาติชาย
ปรากฏกายไร้บุรุษมาเทียมทาน

      จอมเวนไตยให้มองวิมานรัก
สนเท่ห์นักแปลกใจในสถาน
เคยหอมหวนนวลเนื้อกลิ่นนงคราญ
ซาบซึ้งซ่านผ่านห้วงในดวงกมล

      กลับมีกลิ่นสาบสางมิอย่างเก่า
เดินวนเวียนวกเข้าเฝ้าสับสน
หรือเราบินหมื่นลี้ที่ทานทน
กลิ่นกายตนติดมนุษย์สุดละวาง

      งามสล้างกระจ่างราตรีนี้เจ้าหนอ
หวานที่คลอแอบชิดสนิทข้าง
รัดรึงใจฝากไว้ได้แนบกลาง
รสรักสร้างอารมณ์ยามชมเชย

      นึกถึงเฒ่าพรหมทัตเพื่อนชักฉงน
ยามนางปรนเปรอรักมักเขนย
อูมอวบอิ่มพริ้มพักตร์ดั่งกูบเกย
แสนเสบยฤาลุล่วงช่วงผูกพัน

      คิดรัดรึงตรึงหทัยยามใฝ่ต้อง
แลนวลน้องครานิทรามาดังฝัน
จิตเริงโลดโชติช่วงคิดล่วงกัน
รีบเสกสรรจัดสร้างวางลวดลาย

      ประโลมลูบจูบลงตรงพวงพักตร์
ดึงนงลักษณ์คลึงเคล้าเจ้าโฉมฉาย
แนบสนิทล้วนกายเนื้อสู่เยื้อใน
รสกำซาบใจฝนคลั่งหลั่งธารา

      ไรนาฏกุเวรแฝงกายในพระสูตร
เกือบจะหลุดจากม่านผ่านผืนผ้า
เสียงภาพซ่านระริกกระพริบตา
บทเสน่หาจอมปักษินได้ยินชม

      ล่วงราตรีทิวามาเสพย์สุข
จำต้องทุกข์ห่างจรมิเหมาะสม
โอ้อกเอ๋ยต้องพรากจากระทม
เฝ้าบังคมองค์นารายณ์ได้สัญญา

      พี่ต้องร้างห่างแล้วแก้วตาเอ๋ย
มิละเลยเสร็จสรรพกลับเคหา
จะรีบด่วนมาเคล้าเจ้ากานดา
หมั่นรักษาตัวคอย ณ กลอยใจ

      เฝ้าล่ำลาอาวรณ์สะท้อนสวาท
อดมิขาดพาดใยรักฝากไว้
เฝ้าเพ่งพิศกรตวัดรัดนอกใน
โลมลูบไล้ได้เวลาผันจากจร.

    ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ