8 กันยายน 2548 13:08 น.

* แรงฤทธิ์สิเน่หา *

แก้วประเสริฐ


              *  แรงฤทธิ์สิเน่หา  *

      มองชีวิตบิดผันแสนสะท้อน
ความร้าวรอนแฝงตรงลงสู่ไว้
เคยร่วมรักสมัครสมานทุกวารไป
เสพย์สุขในเกมส์รักยามหักตรม

      เสียงพิณแว่วแผ่วซ่านฝานใจล่วง
รักสุดห่วงหวงอารมณ์มิเสพย์สม
ถูกพรากรักจากไปสุดแสนระทม
เกิดรอยปมแฝงไว้เจ้าไกลตา

      ความเงียบเหงาเข้ารุกปลุกใจพล่าน
แสนสงสารยิ่งนักเป็นหนักหนา
จะช่วยคิดกอบกู้คืนสู่วิญญา
เพียงรอเวลาที่หวนกลับทวนคืน

      อกเอ๋ยอกอกเราก็เศร้าสร้อย
กลิ่นเจ้าร้อยสู่ห้วงจนดวงสะอื้น
เคยลอบมองน้องนางระหว่างยืน
ยิ้มระรื่นยามค้อนแย้มซ่อนไว้

      เสียงพิณแผ่วคร่ำครวญล้วนใจแฝง
ความร้อนแรงสู่สายกว่าไหนไหน
นิ้วบรรเลงสั่นระริกยามพลิกไป
สำเนียงไกลสั่นสะท้านดั้นด้นนาง

      กาลพ้นผ่านวันเวลามาย่ำค่ำ
บรรจงร่ำร่ายเวทย์เสกสะสาง
มนต์ทั้งหลายร่ำเรียนมิละวาง
สร้างกระจ่างใจจิตเพื่อคิดสอบ

      ถึงเวลาพระยาครุฑรุดเข้าพบ
ยามจรดเกมส์ไว้ไม่รุกรอบ
อ้อยอิ่งเรื่อยเฉื่อยเอียงดูมิชอบ
ผิดระบอบการเล่นเห็นเด่นชัด

     ช่างร้อนรุ่มมีจิตดูผิดสังเกตุ
ดั่งสร้างเหตุเจตนามาติดขัด
พ่ายแพ้ทุกกระบวนล้วนถูกมัด
ก่อนเคยจัดรัดไว้ในเกมส์กีฬา

      แสร้งอ้าปากฝากหาวใจเร้าหญิง
แกล้งแอบอิงปวดหัวตัวหนักหนา
รีบปฏิเสธที่เขาจัดวางหยูกยา
พลันขอลากลับเคหาแล้วพาจร

      มาถึงสวนล้วนกลายร่างปักษิน
ทะยานบินสู่เวหาพาเริงร่อน
ไรน้อยจำแลงแฝงลงตรงขนอ่อน
แรงฤทธิ์รอนข้ามสมุทรสุดเวิ้งว้าง

      วิมานรักฝากไว้ยอดภูผา
คิดถึงยอดกานดามาสะสาง
เจ้าฝากรอยสิเน่หามิอาจวาง
ฤทธิ์แห่งนางซาบซ่านส์พล่านฤทัย.

     ๙๙๙  แก้วประเสริฐ.  ๙๙๙
				
7 กันยายน 2548 13:16 น.

* วันแห่งกาลเวลา *

แก้วประเสริฐ


           * วันแห่งกาลเวลา *

      วารเวลาสิ้นสุดแล้วแก้วตาเอ๋ย
ยอดทรามเชยเคยชิดสิเน่หา
ความหวานชื่นรื่นรสจากกานดา
ล้วนนำมาซาบซึ้งตรึงทรวงตรม

      เพียงลมลมแล้งแล้งเจ้าแฝงไว้
สร้างบ่วงใยอาลัยหาพาขื่นขม
ช่วงเคยสุขสนุกสนานพลันระทม
สุดตรอมตรมขมแฝงแห่งรสรัก

      เคยละเมอเพ้อเรียกยามรสหวาน
เพียงแค่ฝันผ่านนั้นสุดช้ำนัก
อารมณ์เราเฝ้าตรึงซึ่งจมปลัก
ดุจถูกผลักลงเหวรักหักรัญจวน

      สิ้นสุดแล้วสิ่งรักประจักษ์แจ้ง
ยามแสดงผลมักจักกำสรวล
ครั้งอิ่มเอิบเบิกบานนั้นยิ้มยวน
ด้วยสิ่งล้วนเสพย์รสสดอารมณ์

      สิ้นเสียงสั่งดั่งฟ้าคราพินาศ
ดุจสายฟาดอกแยกแตกหักล่ม
สิ้นความรักหมดเยื้อใยสิ่งได้ชม
ความระทมขมขื่นลื่นไหลตาม

      วันแห่งกาลเวลาคราพบอีก
เมื่อแยกฉีกหัวใจสิ่งวาบหวาม
สิ้นรักแล้วเหตุใดใยติดตาม
ช่างคิดหยามดูหมิ่นสิ้นเชิงชาย

      รักที่ไหลรินหลั่งครั้งพ้นอก
เปรียบน้ำตกแรงยิ่งกว่าสิ่งไหน
ทำลายสิ่งกีดกั้นแทบบรรลัย
สิ่งทั้งหลายจะพังมิรั้งรอ

      สิ้นรักแล้วจงไปตามทางเถิด
อย่าหน้าเชิดอ้างสิ่งที่อิงหนอ
สวาทเจ้ามากล้นยากจะพอ
จะมิขอตายลงห้วงดวงมาลย์.

   ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
5 กันยายน 2548 11:54 น.

* กลิ่นกากี *

แก้วประเสริฐ


               *  กลิ่นกากี  *

      รวยระรินสดชื่นระรื่นรส
แทรกซึมจรดสู่ห้วงดวงใจผวน
ป่วนฤทัยให้หวามกายเนื้อนวล
แสนรัญจวนสุดถวิลโชยกลิ่นมา

      หอมลมโชยโปรยกลิ่นนางยิ่งนัก
ซึ้งตรึงรักใฝ่รำพึงคำนึงหา
สิ่งใดฤาจะเท่าเจ้ากานดา
ผ่าวอุราอารมณ์สมเปรมปรีดิ์

      เฉิดฉะวัดมัดลึกผนึกห้วง
ดุจดังล่วงเล้าโลมแม่โฉมศรี
สู่สัมพันธ์กลั่นกรองผองชีวี
แนบไมตรีเกษมรักประจักษ์ตรง

      อลงการผ่านงามอล่องฉ่อง
แม้นนวลน้องมีใจใฝ่ประสงค์
เคยเคียงคู่มอบรักกับยอดอนงค์
จนเฝ้าหลงในรักยามตักตวง

      มาดแม้นพี่บินได้สักหมื่นลี้
โอ้ชีวีนี้จะคว้ามาจากสรวง
แม้องค์อินทร์เทวายากมาทวง
ยากลุล่วงหวงเจ้ามิให้ชม

      กลิ่นหอมเจ้าเคล้ารักสมัครแล้ว
ยังเพริศแพร้วฝากไว้ได้เหมาะสม
แสนอบอวลชวนรักยังฝากดม
เพียงระทมครุฑมานำพาไป

      อกของเราเฝ้ารำพึงแม่นางเอ๋ย
เคยชิดเชยดมเคล้าเจ้าอยู่ไหน
ปานฉะนี้แหลกลงหลงมือชาย
สุดเสียดายเหลือไว้กลิ่นได้ดม

      โอ้นางเอยหอมหวนล้วนยิ่งนัก
อบอวลรักอยากชิดสนิทสนม
ขจรฟุ้งซาบซ่านพล่านอารมณ์
เกี่ยวเป็นปมฝังไว้กลิ่นในกากี.

   ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
3 กันยายน 2548 14:25 น.

* เดียวดาย *

แก้วประเสริฐ


                                 *  เดียวดาย  *

    ..๏ เย็นค่ำย่ำสนธยา................หมู่นกกาบินเวียนว่อน
ส่งเสียงเพรียกคู่นอน...................จิตร้าวรอนห่อนฤทัย

    ..๏สายน้ำไหลเวียนวน.............พฤกษ์ไพรสณฑ์ดูหวั่นไหว
ลมโชยพัดแกว่งไกว.....................ดวงหทัยให้อาวรณ์

   ..๏มัจฉาพาแหวกว่าย.................ดูหลากหลายใจสะท้อน
ขุนเขายังร้าวรอน...........................เหมือนตัวหม่อนอยู่เดียวดาย

     ..๏นกเขาขันจุ๊กกรู.....................บอกให้คู่อย่าผันกลาย
คนข้างร้างดวงใจ.............................คร่ำครวญไห้อาลัยนาง

     ..๏ขุนเขาแลแมกไม้...................ยังหวนไห้ไฟเผาร้าง
หมดสิ้นสุดอ้างว้าง............................เหมือนใจว่างของน้องหญิง

     ..๏รักเอยเคยรักแท้...................ใยผันแปรแม้ใจจริง
เอ่ยปากมอบทุกสิ่ง...........................โอ้ละทิ้งเหลือเศร้าหมอง

    ..๏รอนรอนใจแทบขาด................สายสวาทหักสุดปอง
เพียงเงายังมิสนอง...........................สิ่งหมายปองมิชื่นชม

       ..๏โลมเอยเคยบ่มฟัก................มาแปรพักตร์รักขื่นขม
นอกในเคยได้ชม.............................คงเหลือลมที่ลอยไป

        ..๏เรื่อยเรื่อยเดินเลี่ยงเลี่ยง......ตะวันเฉียงแลเบี่ยงหาย
สุดแสนจะเสียดาย.............................ความมืดไซร้ครองใจเอย.๚ะ๛

                             ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
2 กันยายน 2548 14:39 น.

* แสงทองส่องลิขิต *

แก้วประเสริฐ


              *  แสงทองส่องลิขิต  *
       ดวงประทีปส่องทางกลางชีวิต
บันดาลจิตสรรค์สร้างกลางวิถี
ความมืดมนหม่นหมองของชีวี
เปลี่ยนแปลงสิ่งที่หวังทั้งใจกาย

      หมุนวนเวียนเพียรเฝ้าเคล้าลิขิต
สิ่งที่ผิดติดพะวงจนเกือบสาย
คดเคี้ยววกกดเกี่ยวเหนี่ยวฤทัย
ใยทั้งหลายพัวพันปานเกลียวปม

      มัดแน่นเหนียวเกี่ยวรัดสะบัดย่าง
สู่อ้างว้างสร้างใจจนได้ขม
จริงหรือเท็จเท็จหรือจริงสิ่งระทม
ฝังใส่จมบ่มจริตติดคล้ายเงา

      สิ่งมืดมนหม่นหมองสู้ลองคิด
เรื่องน้อยนิดยังติดจิตหมองเศร้า
สรรค์ผูกพันผันผวนล้วนสู่เขลา
ยังหลงเฝ้าเพียรหาละล้าละลัง

      ความใกล้ชิดเกิดก่อพอสู่ฝัน
สุดเสกสรรพันผูกดุจมนต์ขลัง
นั่งยืนนอนอารมณ์จมภวังค์
ดั่งถูกขังในกรอบสอบพะวง

      แสนละเมอเพ้อพกหมกสิ่งนี้
ดุจชีวีคล้ายกรองที่รองผง
ผ่านเข้าออกมิได้ในเจตจำนง
ด้วยลุ่มหลงคงเหลือเชื้อแห่งใจ

      แสงสีทองผ่องผ่านประทีปแก้ว
เลอเลิศแล้วหนทางกระจ่างใส
ตรองคิดหวนล้วนผ่านสู่ทรวงใน
เลิกวางไว้สร้างใจให้บันเทิง

      ครั้นวางชีวิตที่คิดจิตปนเศร้า
ดุจผ่านเข้าออกธารอันสิ่งเหลิง
สิ่งไตร่ตรองกรองขจัดใจระเริง
ไฟสุมเพลิงมอดสลายในโคมทอง.

    ๙๙๙  แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ