24 ธันวาคม 2554 14:52 น.

อทิสมานกาย ๑๐๗

แก้วประเสริฐ


               ๐ อทิสมานกาย  ๑๐๗ ๐

   เมื่อรถวิ่งผ่านออกนอกเมืองมาได้ระยะหนึ่ง  รถโดยสารก็เริ่มชะลอ  เสี่ยเล้ง

หันไปมองข้างหน้ากระจก เนื่องจากมันนั่งหลังคนขับกั้นเพียงสองเก้าอี้เท่านั้น

ดังนั้นมันจึงมองเห็น  มีผู้หญิงสาวคนหนึ่งกวักมือเรียกรถเพื่อจะโดยสารไปด้วย

ดังนั้น  เมื่อรถจอดสนิทร่างหญิงสาวแสนสวยก็ก้าวขึ้นมาพร้อมของสัมภาระนิด

หน่อยเพียงแค่กระเป๋าสพายเท่านั้น 

   ด้วยเป็นเวลาสางแล้วหล่อนนับว่าเป็นสาวสวยมากทีเดียว  ทำให้เสียเล้งซึ่งมี

นิสัยเจ้าชู้มากด้วยราคะภาวนาให้หล่อนมานั่งใกล้ๆมัน ด้วยยังมีที่เหลืออีกไม่

เท่าไหร่นัก  รถก็จะเต็มคันเหมือนฟ้าจะเข้าข้างมัน เจ้าหล่อนก็เดินในขณะรถ

กำลังออกวิ่งมานั่งเคียงข้างเสี่ยเล้งทันที   เสี่ยเล้งนึกกระหยิ่มใจนัก   ฟ้าเริ่มจะ

มีแสงสว่างเพิ่มขึ้นมาก  เสี่ยเล้งคิดว่าก่อนจะถึงกรุงเทพฯก็ต้องเป็นพรุ่งนี้ตอน

สายๆถึงจะถึงที่หมายมัน   จึงแสร้งทำท่าวางขรึมส่วนเจ้าหล่อนเมื่อก่อนนั่งนั้น

หันหน้ามายิ้มกับมัน  เหมือนขออนุญาตนั่งร่วมด้วยเสี่ยเล้งยิ้มตอบแล้วก็หันหน้า

ไปทางหน้าต่างด้านนอก  เสียงหวานถามขึ้นว่า

   “คุณอาจจะไปไหนหรือค่ะ ขอหนูนั่งด้วยคนนะค่ะคุณอา”

   “ไม่เป็นไรหรอกจ้าแม่หนู  เพราะใครๆจะนั่งก็ได้ไม่ต้องขออนุญาตหรอกจ้า”

   “ขอบคุณค่ะคุณอา”

      แล้วหล่อนก็ก้มหน้าเปิดกระเป๋าหญิงหนังสือเล่มเล็กๆ เข้าใจว่าเป็นนิยายมา

นั่งอ่านไม่กล่าวอะไรอีก   เสี่ยเล้งชำเลืองตามองเป็นนิยายเกี่ยวกับเรื่องผีหัวขาด

ก็คิดในใจว่า  แปลกๆๆจริงแม่หนูคนนี้ปกติแล้วมักจะนิยมอ่านหนังสือเกี่ยวกับ

นวนิยาย  แต่เหตุใดหล่อนจึงชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับผีๆสางๆ   ทำให้มันนึกย้อน

ว่าลูกน้องที่มันพึ่งหลบหนีมานั้นบอกว่ามีพวกผีร่วมในการทำลายล้างงานมัน

ด้วยก็ให้สะดุ้งขนลุกเกลียว   เสี่ยเล้งจึงหันมาถามทันทีว่า
 
   “แม่หนู่นี่แปลกนะชอบอ่านเรื่องผีสางๆ ไม่กลัวหรือไรเห็นส่วนใหญ่เขา

มักจะอ่านนวนิยายเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆทั้งนั้น”

    เจ้าหล่อนเงยหน้ายิ้มตอบว่า

   “หนูอ่านหมดเสียเบื่อแล้วล่ะคุณอา เลยเปลี่ยนแนวเสียบ้างอะไรๆจะดีขึ้นบ้าง

  กลัวนะกลัวหรอกนี่ยังมีอีกเล่มหนึ่งคุณอาเอาไปอ่านฆ่าเวลาเล่นๆไหมล่ะ

ค่ะ???....”

   “ไม่หรอกจ้าแม่หนู  อ่านคนเดียวเถอะ  อาไม่ค่อยชอบเรื่องเหล่านี้ด้วย”

เสี่ยเล้งตอบ แค่รอยยิ้มแก้มบุ๋มทั้งสองข้างก็ทำให้เฒ่าเจ้าเล่ห์ถึงกับตลึงในความ

งามของเจ้าหล่อนเสียให้ได้  แต่ถามว่า

   “แล้วหนูชื่ออะไรหรือจ๊ะ”

   “เรียกหนูว่าน้อย  ก็แล้วกันคุณอา  แล้วคุณอาล่ะชื่ออะไรหรือ

   “อาชื่เล่นว่า เล้ง   ส่วนชื่อจริงๆนั้น วรพจน์  อิ้วเจริญกิจ จ๊ะแม่หนู”

    “ถ้าอย่างนั้นหนูขอเรียกว่า อาเล้งก็แล้วกันนะ หากจะอ่านบอกหนูจะหยิบมา

ให้คุณอาค่ะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกอาจจะมองทิวทัศน์  แถวนี้สวยต้นไม้แยะภูเขาก็มากเสียด้วย

ช่างสวยจริงๆนะ แล้วไม่หนูไม่ดูบ้างเลยหรือ”

   “ไม่หรอกค่ะคุณอา หนูอยู่บ้านป่ามานานแล้ว มีทั้งน้ำตก นกร้องไพเราะมากๆ

ยิ่งน้ำตกนั้นส๊วยสวยมากจริงๆนะคุณอา”

   “งั้นอ่านตามสบายเถอะนะแม่หนู”

    มันแสร้งวางฟอร์มทำเป็นไม่สนใจทั้งๆที่ใจมันเต้นไม่ปกติ  หล่อนช่างสวย

จริงๆ  แล้วมันก็หันไปมองทิวทัศน์ต่อไป แสร้งทำเป็นไม่สนใจอะไรๆทั้งสิ้น

   รถวิ่งคดเคี้ยวไปมาบ้างขึ้นเขาลงเขาไปตามไหล่เขาจวบจนมืดค่ำ  เสี่ยเล้งคิดว่า

คืนนี้แหละ   หันไปมองดูเจ้าหล่อนเห็นเก็บหนังสือไว้ในกระเป๋าแล้วแล้วเอน

กายพิงพนักเก้าอี้นอนหลับตาพริ้ม   เสียงหมาป่าหอนอย่างโหยหวน

   “โบ๊วๆๆๆๆๆ!!!!!???.....”

    อย่างต่อเนื่อง  อะไรว๊ะแถวในป่านี้มีหมาด้วยหรือมันคิดคำนึงพลาง เขาว่าหาก

หมาหอน โบราณว่าจะมักเจอผี  ทันใดนั้นกลิ่นน้ำอบร่ำไทยก็โชยมาเข้าจมูกมัน

เป็นกลิ่นคล้ายๆเขาอาบน้ำศพกัน  มันมาจากไหนว๊ะกลิ่นนี้เสี่ยเล้งรำพึงกับตัวเอง

หันไปมองสาวเจ้าหรือก็ทั้งสวยหลับตาพริ้ม  เพราะตอนนี้มันตกค่ำแล้ว รถก็ยัง

วิ่งต่อไปเรื่อยๆ  จนเสี่ยยกนาฬิกาดูนี่ก็เที่ยงคืนไปแล้ว    จึงแสร้งเอนพนักทำเป็น

หลับแล้วแกล้งส่งเสียงกรนเบาๆ  สักพักมันก็ค่อยๆเอามือมันวางยังหน้าตักเจ้า

หล่อนซึ่งนุ่งกางเกงขาสั้นรัดรูป เสี่ยเล้งหรี่ตามองมันช่างขาวอวบเสียนี่กระไร

   นี่หากเป็นที่กรุงเทพฯล่ะ ฮึ่ม???นางนี้ไม่รอดกูแน่มันคิด แต่เมื่อเอามือวางบน

ขาขาวอวบนั้นหล่อนก็ทำเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  คราวนี้มันแสร้งป่ายไป

ยังบนหน้าอกเจ้าหล่อน  ได้ยินเสียงหล่อนกรนเบาๆไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ 
  
    เสี่ยเล้งยิ่งได้ใจใหญ่ คิดว่าจะลองขยำดูสักหน่อยแต่ ทันใดนั้นหล่อนก็ลืมตา

ขึ้นมองมาทางเสี่ย  แล้วยิ้มพลางถามว่า

   “เป็นอะไรไปหรือคุณอา แล้วยกมือเอาออกมาวางข้างๆ เสี่ยเล้งลืมตาทันทีแล้ว

เสี่ยเล้งรีบแก้ตัวทันทีกล่าวว่า

   “ขอโทษแม่หนูนะอาหลับไปละเมอ  ปกตินอนที่บ้านมักจะเปะปะไปเรื่อยๆ

ล่ะ   แต่ไม่รู้ล่วงเกินอะไรไปหรือเะปล่าล่ะ???”


   “ไม่เป็นไรหรอกคุณอา คุณอาชอบไหมล่ะ???....”

   “ไม่รู้ซิแม่หนู  ครั้นจะบอกไม่ชอบก็ไม่ได้เสียด้วยความรู้สึกว่ามันนุ่มมือจริงๆ

เสียด้วยซิ   งั้นขอโทษหนูก็แล้วกันนะ”

    “หากคุณอาชอบก็ลองล้วงไปในอกหนูก็ได้นี่ค่ะ ว่าจะนิ่มกว่าเก่าหรือเปล่าล่ะ

หรือว่าภายนอกจะดีกว่าค่ะคุณอา”

   “หนูล้ออาเล่นหรือเปล่าล่ะ???...เดี๋ยวอาทำจริงๆหนูก็จะร้องขึ้นมาอาจะเอา

หน้าไปไว้ที่ไหนเสียล่ะ???....”

   “ไม่หรอกจ๊ะคุณอา  ท่าทางคุณอานั้นไม่ใช่คนธรรมดาคงจะรวยมากนักนะ?”

   “พูดจริงหรือว่าพูดเล่นแม่หนู  ที่กรุงเทพฯไปถามพวกเสี่ยถึงชื่อเสี่ยเล้งใครๆก็

ย่อมจะรู้จักทั้งนั้นแหละจ้า”

    “หนูยังไม่มีผัวหรอกคุณอา แต่หนูมันคนจนอยากจะหาคนอุปการะสักคนมี

แต่คนที่ให้อะไรหนูไม่ค่อยได้เสียด้วยซิ”

   “หากหนูยินยอมเมื่อถึงกรุงเทพฯไปอยู่กับอานะ  อาจะให้ทุกๆอย่างแก่หนูได้

ไม่ต้องกลัวจะซื้อทั้งรถและบ้านตลอดจนเงินเดือนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหมื่นแก่

หนูนะ เป็นเรื่องจริงๆนะหนูไม่ได้หลอกหนูหรอก”

   “จริงๆๆหรือคุณอา ถ้าอย่างนั้นตามสบายคุณอาเถอะจ้าหนูจะยอมทุกๆอย่าง”

    พลางหันไปส่งยิ้มให้ด้วยความยียวนเล่นเอาเสียเล้งหัวใจแทบจะออกมาเต้น

ข้างนอกให้ได้   มันได้ใจจึงดึงร่างสาวน้อยมากอด แต่แล้วมันก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้

สัมผัสกับกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากร่างหล่อน มันไม่ผิดกับกลิ่นเมื่อตะกี้นี้เลย

   “หนูใส่น้ำหอมอะไรหรือจ๊ะ ทำไมจึงหอมพิกลๆอย่างไรไม่รู้”

   “อ้อแป้งร่ำน้ำอบไทย ไงล่ะ  แถวบ้านหนูเขาใช้กันเป็นประจำจ๊ะคุณอา”

   “เหรอๆๆๆก็แล้วไป  หนูคงจะใช้เหมือนๆกันซินะ”

   “จ๊ะคุณอาหนูก็ต้องใช้ตามเขาแหละจ้ะ  คุณอารังเกียจกลิ่นหรือจ๊ะ”

    “ปล่าวๆๆๆหรอกแต่อดทำให้นึกถึงเก่าๆไม่ได้จ๊ะแม่หนู”

   “กลิ่นเก่าๆกลิ่นสำหรับอาบน้ำศพดังหนังสือที่หนูอ่านมาใช่ไหมล่ะจ๊ะคุณอา

แต่ว่า เมื่อเข้ากรุงเทพฯแล้วหนูจะเลิกใช้แล้วเพราะคุณอาไม่ชอบนี่นา”

   “แต่จะบอกไม่ชอบก็ไม่ได้เรื่องเก่าๆคือเรื่องสมัยโบราณเขามักใช้แป้งร่ำอบ

น้ำหอมไทยไงล่ะ”

     ว่าแล้วเสี่ยเล้งก็ดึงร่างสาวน้อยเข้ามากอด  สาวเจ้าก็เอนร่างพิงบนหัวไหล่เสี่ย

เล้งทันที   เสี่ยเล้งได้ใจก็หันไปจูบยังแก้มสาวเจ้าทันที  แต่มันต้องแทบสำลัก

พรืดออกมาก  เพราะกลิ่นแป้งร่ำน้ำอบไทยหายไปกลับเป็นกลิ่นสาบสางคล้ายๆ

น้ำเหลืองผีพึ่งตายสามวันเจ็ดวันไม่ผิด   ดังนั้นเสี่ยเล้งจึงพลักร่างสาวเจ้าออกไป

แต่สาวเจ้าไม่ยอมก็เข้าสวมกอดเสี่ยแน่น พลางออดอ้อนทันที

   “แค่นี้คุณอาก็เบื่อน้อยเสียแล้วหรือไงล่ะจ๊ะ เมื่อกี้นี้กำลังหอมแก้มน้อยพอดี

หรือว่าจะไม่ยอมรับเลี้ยงน้อยเสียล่ะซิ”

   “เปล่าๆหรอกหนูน้อย  อาล้อเล่นเท่านั้นคิดว่าคงไม่งามกระมัง”

   “ไม่เป็นไรหรอกคุณอา  คนอื่นเขานอนหลับกันหมดแล้วนี่จ๊ะไม่เชื่อหันไปดู

ก็ได้ต่างคนต่างนอนกันหมดแล้ว เหลือเราสองคนเท่านั้นเองจ้า”

       เสี่ยเล้งหันไปมองรอบๆจริงอย่างเจ้าหล่อนว่ายกเว้นเด็กกระเป๋ากำลังนั่งคุย

กับคนขับรถอยู่เท่านั้นเอง นอกนั้นหลับใหลกันหมดสิ้น   ดังนั้นเสี่ยเม้งจึงรีบดึง

ร่างสาวน้อยให้หันหน้ามาทางมันเพื่อจะจูบให้ชื่นใจสักที  เจ้าหล่อนก็หันหน้ามา

ให้เสี่ยเล้งทันที   แต่เสี่ยเล้งก็ต้องผงะด้วยความตกใจเพราะใบหน้าสาวสวยคน

นั้นหายไปเป็นใบหน้าของผีชัดๆตากลวงโบ๋ข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งย้อยจากเบ้าตา

ลงมาถึงแก้มฟันก็หักที่เหลือก็ดำและเหยเก ใบหน้าที่ดูสดสวยเปลี่ยนไปอย่าง

สิ้นเชิงคงเหลือเพียงแต่หนังหุ้มกระดูกมันเป็นใบหน้าของผีชัดๆ

   “ไอ้หย่าๆๆๆ!!!!!ผะ????อี????ผี  โว้ย” 
 
   เสี่ยเล้งตะโกนดังลั่นรถแต่ทุกๆคนก็ยังหลับใหลไม่รู้สึกตัว เด็กกระเป๋ากับคน

ขับก็ไม่ได้ยินเสียงร้องจากมันเลย

   “เฮ้ยๆๆๆๆช่วยด้วยโว้ยผะๆอีๆๆผีๆๆ  มันหลอกกู”

ประกอบกับเสียงร้องอย่างโหยหวนระงมไปทั่วบริเวณปนเสียงหมาอีกด้วย

   ถึงจะเรียกอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจมันสักคนเดียว  ทันใดมือที่ขาวอวบก็แห้ง

เหี่ยวตะปบมือมายังลำคอมันพลางบีบๆๆๆๆจนเสี่ยเล้งตาเหลือกลาน  จนกระทั่ง

ลิ้นออกมาจากปากมันยาวเยียด เสียงดังกรุ๊ปหัวเสี่ยเล้งหมุนไปรอบๆคอได้ แต่รถ

ยังคงวิ่งต่อไป  เสี่ยเล้งตาเหลือถลนดวงตาลิ้นยาวคับปากมันหงายหลังพิงพนัก

เก้าอี้ขาดใจตาย   เสี่ยงร้องหัวร่อลั่นแล้วร่างสาวน้อยก็กลับคืนสภาพเดิม พลาง

เดินไปข้างหน้าคนขับแจ้งความประสงค์ว่าจะลงยังที่นี่  กระเป๋าก็สอบถามว่า

   “จะลงแล้วหรืออ้าวไหนว่าจะเข้ากรุงเทพฯยังไงล่ะ????”

   “ไม่หรอกทีแรกฉันนึกว่าจะไปพอดีผ่านบ้านยาย  ก็เลยจะแวะไปเยี่ยมก่อนเข้า

กรุงเทพฯจ๊ะช่วยบอกลูกพี่จอดให้หน่อยซิจ๊ะ”

   “ลูกพี่จอดให้หล่อนลงเถอะเขาจะไปหายายเขานะ”

   “เฮ้ย???ไอ้เปี๊ยกนี่มันป่านะ  สาวๆแบบนี้จะไปได้หรือแน่ใจหรือว๊ะ”

   “เถอะน่าลูกพี่ ปล่อยให้หล่อนลงเถอะคงจะชำนาญทางหรอก”

   “ตามใจ งั้นก็จะจอดให้ ว๊ะ”

     แล้วรถโดยสารคันนั้นก็ชะลอรถจนจอดสนิทพร้อมเปิดประตูให้เจ้าหล่อน

 หญิงสาวหันไปยิ้มพลางกล่าวคำขอบใจแล้วก้าวลงเดินไปตามถนน  รถคันนั้นก็

ออกเดินทางต่อไป  ส่วนกระเป๋าก็มาจ้อกับคนขับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ครั้นรถถึงกรุงเทพเวลาเก้าโมงเช้า ก็ถึงสถานีขนส่งเหล่าบรรดาผู้โดยสารต่างก็

ลงคงเหลือไว้ แค่เสี่ยเล้งคนเดียวที่นั่งพิงหงายหน้าเด็กกระเป๋าก็เดินเข้าไปหาเพื่อ

จะบอกให้ว่าถึงทีแล้ว  แต่แล้วตามันก็ต้องเหลือกพร้อมตะโกนเรียกลูกพี่มัน

ทันทีว่า   มีคนตายนั่งอยู่ในรถ

    “พี่ชัยมาดูอะไรนี่  ไอ้หมอนี่มันตาเหลือกลิ้นห้อยตายเสียแล้ว”

   เล่นเอาคนขับสดุ้งโหย่ง พร้อมรีบวิ่งเข้ามาดูพลางขยับตัวให้แน่ใจเมื่อเห็นว่า

ตายจริงๆแน่แล้ว  ก็ร้องลั่น

   “ฉิบหายใหญ่แล้วล่ะโว้ยไอ้เปี๊ยก มึงรีบไปแจ้งนายท่าด่วนให้มาดูด้วยนะเพื่อ

จะได้ไปแจ้งความกับตำรวจ ซวยฉิบหายวิ่งมาก็หลายครั้งไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย”

   ไอ้เปี๊ยกได้ยินเช่นนั้นมันรีบวิ่งลงจากรถไปแจ้งนายท่า  ทันใดทั้งพนักงานรถ

และตำรวจหนังสือพิมพ์ก็มาถ่ายรูปกันพัลวัล  และเรียกคนขับรถและเด็กกระเป๋า

ไปสัมภาษณ์ทันทีว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร  ทั้งกระเป๋าและคนขับรถก็แจ้งความ

จริงว่า รถหว่างทางก็ไม่เห็นมีอะไรมันก็ไปดูเห็นนอนหลับกันทุกๆคนแหละ 

เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เรียกกระเป๋าคนขับและนายท่าให้ไปที่โรงพักเพื่อสอบถาม

ต่อไปถึงเหตุการณ์ตายของเสี่ยเล้งทันที.

                   ๐ แก้วประเสริฐ. ๐

1139348gm3744qpip.gif76.gif				
21 ธันวาคม 2554 14:48 น.

อทิสมานกาย ๑๐๖

แก้วประเสริฐ


                 อทิสมานกาย  ๑๐๖

     หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดการนำยาเสพย์ติดที่ชายหนุ่มสั่งไว้  มาครบ

แล้ว   ส่วนหนึ่งเก็บไว้พร้อมถ่ายรูปแล้วนำไปเผาตามคำสั่ง   เจ้าแสงสีสินชัยก็นำ

ส่วนที่เหลือไปเก็บยังบ้านเสี่ยเม้งกับเสี่ยเล้ง   พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวยไป

ตรวจค้นยังบ้านของเสียทั้งสอง  ในขณะนั้นที่บ้านเสี่ยเล้งกำลังนั่งประชุมถึง

แผนการณ์ จากการรายงานของ ลูกน้องทั้งสี่ของเสี่ยเม้งว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้เสี่ย

ทั้งต่างมองหน้ากัน  เสี่ยเม้งพลันเอ่ยขึ้นว่า

   “ในเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้  กูก็แปลกใจเหมือนกันว่าเหตุใดพวกกูก็

ชำนาญเพราะ  มีทั้งทหารและตำรวจได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีทำอะไรพวกมัน

ไม่ได้เลยว๊ะ”

   “จริงๆนะเสี่ยไม่เชื่อก็ลองถามลูกน้องเสี่ยเองซิว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

   “จริงหรือว่าจ่า  ที่ไอ้เซี๊ยะ ไอ้มุ้ย ไอ้เเช้ง  และไอ้สุย แจ้งมาว๊ะ”

      สี่หน้าของเสี่ยเล้งและเสี่ยเม้งขมวดบึ้งตึงดูอย่างเหี้ยมเกรียมมาก

   “จริงๆเสี่ย   คนห่าอะไรยิงมันไม่เข้าแถมจัดการทั้งๆที่เราตลบหลังพวกมันไว้

แล้ว มันไม่ใช่เฉพาะคนเท่านั้นนะเสี่ย แถมยังมีพวกผีปีศาจมาหลอกหลอนพวก

เราอีกด้วยล่ะ!!!!!???????”

    ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ธรรมดา แล้วจ่ากับพวกเรารอดมาได้อย่างไรว๊ะ

   “ข้าและพวกเสี่ยเม้ง  เห็นไม่ได้การจึงรีบหนีก่อน  เพื่อจะได้มารายงานเสี่ย

ล่ะ?”

   “ไอ้หย่า  มีพวกผีด้วยหรือว๊ะ หรือมันไม่ใช่พวกตำรวจจริงกระมังว๊ะ กูชัก

สงสัยจริงๆว๊ะ”

   “เรื่องนี้พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือว่ามันจะมีพวกหมอผีรวมอยู่ด้วย จึงหรือ

เปล่าว๊ะไอ้เซี๊ยะ”

   จ่าทหารนอกราชการหันมาทางพวกไอ้เซี๊ยะ   ซึ่งพวกมันต่างได้รับบาดเจ็บอยู่

ตามร่างกายพันไว้ด้วยผ้าพันแผล เกือบทุกๆคน  จากสภาพของพวกนี้เสี่ยเม้ง

และเสี่ยเล้งรู้ดีว่าเป็นอย่างไร  ต่างรู้ว่าพวกนี้ผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก

   “จริงหากเสี่ยทั้งสองร่วมอยู่ด้วยก็คงจะเห็นเองแหละ”

  ไอ้มุ้ยสอดแทรกขึ้นทันที  และทุกๆคนทั้งฝ่ายเสี่ยเม้งและเสี่ยเล้งซึ่งได้รับ

บาดเจ็บไม่น้อยหน้าไปกว่ากันต่างแย่งกันรายงาน

   “กูว่าไม่ธรรมดาเสียแล้วล่ะว๊ะไอ้เม้ง   งั้นกูจะเข้ากรุงเทพฯคืนนี้เลยล่ะขืนอยู่

ต่อไปคงไม่พ้นถูกจับ  จะได้ไปรายงานนายใหญ่อีกทีหนึ่ง”

   “ข้าก็เหมือนกันก็จะรีบกลับบ้าน   ตอนนี้ต้องระวังตัวกันเสียแล้วล่ะว๊ะ”

        นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ทุกๆคนออกมาจากบ้านและยกมือขึ้นเหนือหัวไว้

เสียงโทรโข่งดังขึ้นมา    ทำให้บรรดาพวกค้ายาเสพย์ติดต่างตกตลึงกันไปพลางๆ

กัน   ทุกๆคนหันมามองหน้ากันอย่างตื่นตนกยิ่ง

    “ไอ้ห่ามันดมกลิ่นมาได้รวดเร็วอย่างไร หนีโว้ยตัวใครตัวมัน อ้อๆๆๆพวกมึง

เอาเงินไปก่อนหากจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับหนีว๊ะ”

     เสี่ยเล้งควักเงินส่งให้หัวหน้าทหารพรานและตำรวจนอกราชการคนละปึก

ใหญ่ๆ เพื่อนำไปแจกจ่ายลูกน้องที่เหลือ หากพวกมึงรอดหนีไปได้นะโว้ย

   “ พร้อมตะโกนลั่นพบกันที่กรุงเทพฯนะโว้ย!!!!!  หนีกันตัวใครตัวมันว๊ะ”

     เหมือนฝูงแตนแตกรัง  ต่างคนต่างคว้าปืนประจำตัวออกมาเผ่นกันคนละทิศ

ละทางกัน     เสียงปืนดังลั่นจากจ่าและพวกทหารตำรวจนอกราชการ ที่ยิงไปยัง

เสียงที่ได้ยินและประกายไฟที่ออกมาจากปากกระบอกปืนนั้นๆ

       เสียงปืนยิงโต้ตอบเสียงโทรโข่งหายไปทันที

   “อย่าให้หนีพยายามจับเป็นให้ได้  เสียงสารวัตรชัชวาลย์ดังขึ้น”

     ภายในบ้านต่างปิดไฟพรึบหมดคงเหลือแต่ความมืดและประกายไฟจากปืนที่

ยิงตอบโต้ออกมา   ต่างระดมยิงกันโต้ตอบกับไปๆมาๆมิขาดสาย

    “ให้รถทุกคันเปิดไฟส่องทางบ้านเสี่ยมันด้วย เสียงสารวัตรตะโกนบอก

ลูกน้องทันที  ทันใดนั้นไฟหน้ารถสว่างต่างส่องไปยังบ้านทันที”

    ดังนั้นจึงพอจะมองเห็นตัวบ้านได้ แต่ก็ยิงกันตามหน้าต่าง  ทันใดไฟหน้ารถก็

ดับลงเพราะถูกลูกปืนยิงใส่จนความมืดเข้าครอบงำอีกครั้ง

   “ทำอย่างไรดีล่ะท่านสารวัตร  มันมืดจริงๆ”

   “ก็ยิงมันตามประกายไฟปืนมันซิ  จับเป็นไม่ได้ก็จับตาย”

เสียงสารวัตรตะโกนสั่งทันที  เพราะจะเกลี้ยกล่อมเห็นจะไม่ได้เสียแล้ว 
 
    เนื่องจากเป็นคืนเดือนมืดทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนการณ์ของตำรวจ เสียง

ปะทะกันประปราย   ด้วยทุกๆคนต่างรู้ตัวดีต่างหนีออกทางหลังบ้าน อาศัยความ

มืดและต้นไม้ที่ปกคลุมแยกย้ายกันหนี ทั้งเสี่ยเม้งและเสี่ยเล้งต่างมีบอดี้การ์ดพา

เจ้านายมันออกลัดเลาะหนีไปได้ นอกนั้นต่างจบชีวิตจนหมดสิ้นในท่าต่างๆกัน

   “ลองค้นหายาดูซิ ด้วยนายสั่งมาว่ามียาซุกซ่อนไว้ ในบ้านทั้งสองด้วย”

   “ครับท่านสารวัตรหรืออีกตำแหน่งหนึ่งคือรองผู้กำกับการตำรวจ”

   การค้นหาเริ่มอีกครั้งหลังจากเปิดสวิตซ์ไฟสว่างไปทั่วบ้าน  ตำรวจที่ค้นหาต่าง

พบยาเสพย์ติดซ่อนไว้ในที่ไม่ค่อยมิดชิดนัก ด้วยทางคนของเจ้าเปล่งได้รับสั่งไว้

แล้ว   จึงไม่ยากเย็นอะไร   ทางตำรวจก็นำยาเสพย์ติดมาวางคู่กับปืนต่างๆพร้อม

ร่างของผู้เสียชีวิต  ต่างถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานทันทีเพื่อประกอบคดี

        ส่วนทางบ้านเสี่ยเม้งก็คล้ายคลึงกันคือสารวัตรจำลองนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจ

แต่คนภายในบ้านยอมจำนน  และต่างถูกจับกุมไว้หมดพร้อมของกลางถูก

ถ่ายภาพไว้หมดสิ้น  ทุกๆคนนำไปยังโรงพักทันที

      ทางด้านเสี่ยเม้งพร้อมพวกต่างหนีกระเซิงไปตามสวนและไปยืนคอยยังทาง

เพื่อจะอาศัยรถผ่านกลับบ้าน   แต่ทันใดนั้นเองทั้งหมดก็ตกตลึงพรึงเพริศเพราะ

ในขณะที่ยืนรอรถอยุ่นั้นปรากฏร่างเคลื่อนเข้ามา ตอนแรกมันนึกว่าเป็นต้นไม้

ธรรมดา  แต่หาใช่ไม่เพราะต้นไม้กับเดินได้มายังพวกมัน  บรรดาต้นไม้เหล่านั้น

ต่างแยกย้ายเข้าล้อมพวกมันไว้ทุกๆด้านทันที

   “เสี่ยๆๆๆดูโน่นซิ  ทำไมต้นไม้มันเดินได้ล่ะ???...”

เสี่ยเม้งหันมองไปยังลูกน้องชี้ให้ดูก็เห็นเป็นจริง  ตามันเหลือกถลนออกมาคำพูด

มันติดกว่าจะเปล่งออกมาได้แทบแย่ ให้นึกถึงคำของไอ้เซี๊ยะพูดไว้ตอนไปรับ

ของว่าพบผี   เมื่อมันขยี้นัยน์ตาดูอีกทีต้นไม้นั้นแปรสภาพไปเป็นผีเสียแล้วต่าง

แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกมัน พร้อมยื่นมืออันยาวเหยียด ร่างของผีร้ายผอมแห้งกลิ่น

สาบเน่าโชยออกมากระทบจมูกเสี่ยเม้งและพวกทันที  เล่นเอาเสี่ยเม้งและพวกตัว

สั่นเทาไปหมด เสี่ยงกระเซ่าของเสี่ยเม้งร้องออกแทบไม่เป็นภาษาคน

   “เฮ้ย?!!!!.....ผะอะๆๆๆๆผีโว้ย หนีเร็วๆ???....”

       บรรดาผีร้ายต่างก็เข้ารายล้อมพวกเสียเม้งทั้งห้าไว้หมด แต่ละตัวไม่

เหมือนกัน  บ้างมีแต่ร่างไม่มีหัว อีกมือหนึ่งหิ้วหัวมันไว้ บางตัวหัวมันเริ่มใหญ่

ขึ้นๆ  มีทั้งผีหนุ่มผีสาวและพวกผีเด็กๆจำนวนมาก

    “ยิงโว้ย????....แล้วรีบหนีด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ  สกัดมันไว้ก่อนนะโว้ย”

ทั้งๆที่ตัวมันสั่นเทา  คิดจะวิ่งหนีแต่ขามันไม่ทำงานได้แต่สั่นๆ

เท่านั้นเอง  ร่างของเสี่ยเม้งถูกผีร้ายคว้าหมับที่ลำคำแล้วยกสูงขึ้นไปเหนือยอดไม้

แล้วก็บีบจนเสียเม้งตาถลนหน้าแดงกล่ำ ทั้งๆที่ร่างกายมันอ้วนใหญ่แต่ไม่ช้ามัน

ก็ขาดใจตาย    เสียงหัวร่ออย่างโหยหวน

    “มึงๆๆๆ......ทำชั่วมามากแล้วสมควรไปกับพวกกูได้แล้ว”

   แล้วร่างเสี่ยเม้งก็ถูกโยนลอยไปบนอากาศ ร่างมันพลันตกลงมายังพื้นดินหัวมัน

ลงทำให้คอสั้นติดกับร่างทันที  ส่วนบรรดาลูกน้องก็ไม่ผิดอะไรกับเสี่ยมันต่าง

ถูกผีร้ายฆ่าตายในลักษณะต่างๆกัน บ้างถูกฉีกร่างออกจากกัน  โดยไม่มีผู้ใดรอด

ชีวิตกลับไปได้  แล้วร่างของบรรดาผีร้ายตัวหัวร่อชอบใจแล้วก็ค่อยๆจางหายไป

ในที่สุด  คงปล่อยร่างที่ไร้วิญญาณของเสี่ยเม้งตายอย่างอนาถบนขอบถนน

     ส่วนทางด้านเสี่ยเล้งก็เช่นเดียวกันไม่แตกต่างจากเสี่ยเม้งมากนัก แต่ทว่าเสี่ย

เล้งนั้น รอดชีวิตได้คนเดียวเพราะมันห้อยพระที่ไปทำบุญหลวงพ่อทองได้พระ

มาองค์หนึ่งห้อยคอไว้  ทำให้บรรดาผีร้ายไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนลูกน้องมันตาย

เรียบหมดไม่เหลือสักคนเดียว  

      ส่วนเสี่ยเม้งวิ่งหนีผีร้ายไปอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด   มือมันกำพระที่

สวมใส่ไว้ตลอดเวลา  ทั้งๆที่ร่างมันอ้วนแต่มันก็ไม่เป็นปัญหาใดๆเลย   มันวิ่ง

หนีไปจนกระทั่งพบรถคันหนึ่งแล่นมามันรีบวิ่งไปขวางทางไว้แล้วขออาศัย

เดินทางด้วยในเมืองตอนนี้เป็นเวลาดึกมากๆแล้วทุกๆร้านต่างปิด  คงเหลือพวก

นักท่องราตรีเท่านั้น  มันขอร้องให้ไปส่งยังท่ารถที่จะรีบเดินทางเข้ากรุงเทพฯ

ทันที   ร่างมันสั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำไม่ผิด คนในรถเป็นคนหนุ่มพลางถาม

     “เป็นอะไรหรือถึงได้กลัวขนาดนั้น  เสี่ยเล้งหันไปมองด้านหลังเหลือบซ้าย

แลขวา  ครั้นเห็นปลอดภัยแล้วแต่เสียงตอบมันอดสั่นไม่ได้ว่า

     “ไม่มีอะไรหรอกพ่อหนุ่ม  ข้าถูกพวกรุมมามันเอาปืนยิงใส่ ดีหลบได้ทันจึง

มาขออาศัยรถพ่อหนุ่มเพื่อหนีล่ะ”

      ครั้นตัวสติได้แล้ว  เสี่ยเล้งไม่กล้าบอกความจริง เพราะกลัวพวกนี้จะไม่ให้

อาศัยรถไป หากบอกความจริงว่าหนีผีมา  จะทำให้พวกนี้ตกใจหมด

    “แล้วลุงจะไปไหนล่ะ???.พวกข้าจะไปส่งลุงเอง”

   “ขอบใจมากว๊ะหลานชาย  ไปส่งลุงที่ท่ารถเข้ากรุงเทพฯก็แล้วกันนี่กี่โมง

ล่ะจะทันเที่ยวยรถหรือเปล่านัดเขาไว้เสียด้วยซิ  ไม่ทันก็จะแย่จริงๆ??..”

    “อ้อๆๆๆ....เกือบตีห้าแล้วรีบไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันรถหรอก ฉันจะเร่งเครื่อง

ไปส่งให้นะ  ไม่ต้องห่วงหรอกลุงเหลืออีกไม่เท่าไหร่แล้วก็จะถึง”

   “เออ???...ขอบใจมากพ่อหนุ่ม  อ้อ?????ชื่ออะไรล่ะวันหน้าจะสมนาคุณให้

พวกหลานทุกๆคนในภายหน้า หรือไปพบลุงที่กรุงเทพฯก็ได้นะ”

   “ไม่เป็นไรหรอกขอให้ลุงเดินทางปลอดภัยก็แล้วกันนะ พวกฉันไปสนหรอก

ทางกรุงเทพฯนะ  และไม่คิดจะไปเสียด้วยซี”

    ว่าแล้วพวกหนุ่มนั้นก็เร่งเครื่องพุ่งฉิวไปอย่างรวดเร็ว  เพราะกลัวจะไม่ทัน

เที่ยวรถเข้ากรุงเทพฯ    ในไม่ช้ารถก็มาถึงท่ารถเพราะใช้เวลาไม่นานด้วยท่ารถ

นั้นไม่ห่างไกลเท่าใดนัก     เสี่ยเล้งขอบอกขอบใจตเด็กหนุ่มเหล่านี้พลางควักเงิน

ออกมาส่งให้ปึกหนึ่งบอกว่า  เอาไว้ไปเที่ยวก็แล้วกัน ขอบใจมากนะแล้วก็ก้าวลง

จากรถไปซื้อตัวซึ่งได้เวลารถจะออกแล้ว   เสียงตะโกนนายท่าบอกว่าให้รถรอ

ก่อนยังมีคนอีกคนจะเข้ากรุงเทพฯ 
  
    เมื่อเสี่ยเล้งขึ้นรถแล้ว รถก็ออกเดินทางต่อไปทันที.

       (เนื่องจากเกิดอุทกภัยทำให้เขียนล่าช้า อีกประการหนึ่งห่วงงานด้านนี้จึงทำให้  งานเขียนช้าไปกลับบ้านแล้วพอหายเหนื่อยจากงานจุกจิกก็มาเขียนให้อ่านเอาเพียงเท่านี้ก็แล้วกันนะ.......แก้วประเสริฐ.

                             ๐ แก้วประเสริฐ.๐

76.gif1139348gm3744qpip.gif				
3 ตุลาคม 2554 00:01 น.

อทิสมานกาย ๑๐๕

แก้วประเสริฐ


           อทิสมานกาย  ๑๐๕

    ครั้นร่างของเจ้าแสงสีสินชัยไปแล้ว ชายหนุ่มจึงหันหน้าไปทาง

นางเทพอัปสรทั้งสอง ต่างร่วมกันปรึกษากันว่า เมื่อมีเหตุการณ์จะ

มีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เพื่อความเหมาะสมอยากจะขอคำปรึกษา

จากน้องนางทั้งสองด้วยว่าจะเสนอแนะอย่างไรกันจ้า

    แม่นางเทพอัปสรรัตนาวดีก็พลันเอ่ยขึ้นว่า

   “ส่วนด้านน้องนั้นเห็นว่าที่พี่ท่านสั่งการไปนั้นก็ถูกต้องเหมาะสม

ดีแล้ว  หากได้หลักฐานมาควรจะนำไปไว้ที่บ้านเจ้าเม้งและเจ้าเล้ง

ก็จะทำให้มีหลักฐานผูกมัด ด้วยปกติแล้วพวกมันไหวทันในเรื่องนี้

อยู่แล้วจึงไม่ได้เก็บไว้หาก  พี่นำกำลังตำรวจที่ไว้ใจได้ไปตรวจค้น

และจับกุมย่อมจะได้หลักฐานพร้อมที่จะส่งฟ้องร้องได้นะพี่ท่าน”

   ส่วนแม่นางเทพอัปสรอ้อยวิลาวัลย์ก็เสริมขึ้นทันทีว่า

   “ในการนี้เพราะพี่ท่านจะวางมือทางการแล้วก็เห็นควรที่จะให้

สารวัตรชัชวาลย์เป็นผู้ไปตรวจค้นก็จะเป็นผลงานของเขา บางที

งานนี้อาจจะทำให้ความมุ่งหมายที่พี่ท่านคิดไว้จะได้รับการพิจารณา

สมเจตนารมณ์พี่ท่านด้วยนะ  ส่วนคณะที่จะไปนำยาเสพย์ติดนั้นก็

ควรเหลือพวกหัวหน้ามันไว้ด้วย แล้วให้คนของเราเข้าสิงมันเพื่อจะ

ได้เผยสิ่งต่างๆได้อยากหมดเปลือก  ก็จะทำให้ไอ้สองเสี่ยนั้นยิ่งดิ้น

ไม่หลุดจากการถูกจับกุมไว้จ้า”

   “อันแม่นางทั้งสองกล่าวไว้ก็ถูกต้องและมีเหตุผลด้วย แต่การนี้นั้น

เห็นจะใช้ใครดีล่ะที่จะไปเข้าสิงบรรดาหัวหน้าของไอ้เสี่ยทั้งสองล่ะ”

   “เห็นว่าคงจะไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับ แสงสี สินชัย เจ้าพ่วงและเจ้า

เริ่มเห็นจะเหมาะสมที่สุด ด้วยทั้งสี่นี้ได้บรรลุฌานสูงย่อมทำงานได้ผล

ดี  อีกประการหนึ่งทุกๆอย่างมันทั้งที่ให้แบ่งหน้าที่กันไปคอยกำกับดู

แลงานด้านนี้และสั่งพวกพ้องให้ไว้ชีวิตมัน ปล่อยให้มันกลับไปรายงาน

ตัวกับไอ้เสี่ยเม้งเสียก่อน แล้วจึงให้สารวัตรชัชวาลย์ที่เข้าทำการจับกุม

พร้อมๆกันในขณะเดียวกันด้วย  แล้วพี่ท่านจะเห็นเป็นประการใดล่ะ?”

  แม่นางรัตนาวดีเอ่ยขึ้น   ชายหนุ่มครั้นได้รับฟังก็เห็นดีงามด้วย  ดังนั้น

จึงใช้อำนาจจิตเรียกเจ้า แสงสีสินชัยทันที
  
    เพียงไม่นานนักร่างเจ้าแสงสีและสินชัยก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทันที

ครั้นเมื่อมานั่งเรียบร้อยแล้วแล้ว   ชายหนุ่มก็อธิบายตามที่แม่นางอัปสร

แจ้งไว้ให้ทราบ พร้อมหันไปร่างหนังสือขึ้นมาแล้วแล้วบอกว่าให้นำไป

ให้เจ้าเปล่งเดี๋ยวนี้เลย  ด้วยงานจะเริ่มขึ้นเย็นนี้แล้ว    เมื่อทั้งสองได้รับฟัง

และรับหนังสือมาแล้ว ก็กราบลาทั้งสาม พร้อมหายตัวไปทันที

    ครั้นเมื่อเจ้าแสงสีสินชัยออกไปแล้ว  ทั้งสามต่างก็กระเซ้าเย้าแหย่

กันขึ้นตามประสาหนุ่มสาว มีการหยอกเย้าต่างๆนาๆ

จนกระทั่งสาวชบาก็เดินเข้ามาในห้อง ดังนั้นทั้งหมดก็สนทนากัน

หยอกเย้าแหย่กันขึ้น  สร้างความสนุกสนานกันมากยิ่งขึ้น
  
     ฉับพลันแม่นางรัตนาวดีก็พลันเอ่ยขึ้นว่า

   “นี่แน๊ะแม่น้องชบาสิ่งที่พี่ทั้งสองคิดไว้นั้นเห็นว่าใกล้จะเป็นจริง

แล้วล่ะให้พี่โชติไปก่อนแล้วเราสามคนมาปรึกษากันนะ”

   “เรื่องอะไรอีกล่ะ  ทำไมต้องให้พี่ไปก่อนเสียล่ะ”

    “มันเป็นเรื่องของผู้หญิงโดยเฉพาะจ๊ะพี่อย่ารู้เลยจ๊ะพี่”

   แล้วทั้งหมดก็พากันหัวร่อกันขึ้น ทำความงุนงงแก่ชายหนุ่มยิ่งนัก

   “มันลึกซึ้งถึงขนาดนี้เชียวหรือหรือว่า?????....”

   “ตอนนี้พี่เองคงจะใช้อำนาจฌานไม่ได้แล้วล่ะจะมาอ่านจิตใจ

พวกเราเห็นจะไม่ได้แล้วกระมัง”

    แม่นางรัตนาวดีกับแม่นางอ้อยวิลาวัลย์พากันหัวร่อลั่น 

ยกเว้นสาวชบาเท่านั้นที่ไม่ทราบแต่ก็ยังยิ้ม เพราะเดาออกว่าต้องเป็น

เรื่องที่ดีแน่ๆ

   “ช่างเถอะจ้าไม่เป็นไรหรอกไม่รู้ก็ไม่เป็นไร  เห็นทีพี่จะทำสมาธิ

บ้างล่ะด้วยเว้นมานานแล้วล่ะจ้า”

   “ไม่เป็นไรหรอกจ้าพี่ท่าน เชิญตามสบายเถอะนะ

  เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็จะได้รู้เรื่องราว  แล้วอย่าลืมล่ะ 

 เมื่อไปถึงที่ทำงานแล้วสั่งสารวัตรทั้งสามไว้ด้วยนะ”

   “จ๊ะขอบใจน้องรักมากจ้า  อย่างนั้นพี่ขอตัวก่อนนะ
 
น้องทั้งสามจะออกไปสนทนาข้างนอกก็ได้  ด้วยวันนี้ท้องฟ้าโปร่งใส

ดวงดาวพร่างพรายมากนักสวยงามยิ่ง”

        หลังจากที่เจ้าเปล่งได้อ่านหนังสือจากอาจารย์มันแล้ว 

พลางรีบเปลี่ยนแผนการณ์ใหม่ทันที   ดังนั้นมันจึงเรียกประชุมบรรดา

หัวหน้าฝึกและหัวหน้าหน่วยสายลับที่ขึ้นตรงต่อมัน พร้อมทั้งบอกเรื่อง

จะเข้าไปยังภูเขาที่ซ่อนไว้เพื่อนำของทั้งหมดออกมาและบอกถึงบรรดา

พวกของเสี่ยเล้งที่จะเข้าร่วมขบวนการขนย้ายยาเสพติด  จะร่วมมือกัน

กับพวกเสี่ยเม้งใหม่ พร้อมทั้งมอบแผนทีให้แก่เจ้าแสงสี สินชัย เจ้าเพิ่ม

และเจ้าเริ่มพร้อมอธิบายวิธีการต่างๆ  ให้หัวหน้าฝึกกับหัวหน้าสายลับ

 พร้อมกับตีใหญ่ ตี๋เล็ก ชื่นวาส และกุ๋น พลางอธิบายให้แบ่งกำลัง

ออกเป็นแปดหน่วย

  กลุ่มหนึ่งมีจำนวน50 นาย ให้แบ่งออกหน่วยล่ะ 25 นาย

พร้อมอาวุธพร้อมมือ  มันมองเหตุการณ์ว่า

หากจะได้มีหน่วยคอยคุมหลังอีกชั้นหนึ่ง  พลางกล่าวขึ้นว่า

   “ภูเขาทั้งสี่ลูก  ทิศเหนือนั้นชื่อเขาแม่นางนอน 

 ทิศใต้ มีเขาชื่อภูเขาควาย ทิศตะวันตกมีภูเขาชื่อว่าเขายายเที่ยง 

และทิศตะวันออกมีเขาชื่อเสือหมอบ  แต่ละเขานั้นมีกำลังจัดตั้งไว้คอ

รักษา  ข้าให้แต่ละหน่วยออกไปดำเนินการตามแผนนี้

  แต่ให้ทุกๆคนระวังตัวไว้ด้วย แต่อย่าทำร้ายหัวหน้ามันจงเก็บมันเอาไว้

เพื่อผลงานข้างหน้าตามคำสั่งของนาย ซึ่งเจ้าแสงสี สินชัย เจ้าเพิ่ม เจ้า

เริ่มรู้หน้าที่มันอยู่แล้ว  หากมันตรวจพบ

ว่าที่ใดถูกทำลายไปมันจะไปช่วยแต่ว่าหน่วยใดทำหน้าที่เสร็จ

ไม่ต้องไปช่วยหรอกเพราะมันจะทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก

ข้าเชื่อเช่นนั้น  แต่ให้สั่งลูกน้องไว้ว่าอย่าได้ทำอันตรายหัวหน้ามันเป็น

ขาดปล่อยให้มันกลับไปรายงานตัวได้ที่นายวางแผนไว้ให้แล้ว

เพราะนายสั่งไว้ว่า การทำงานครั้งนี้อย่าให้ผิดพลาด ส่วนที่เหลือนั้น

ให้จัดการได้ตามสบาย  ใครมีอะไรสงสัยถามได้นะเพราะต้องรีบออก

เดินทางกันได้แล้ว  อ้อๆๆไอ้พวกที่จะไปรับของนั้นมันไม่ไช่นักเลง

ธรรมดา มันเป็นทหารพรานและตำรวจที่ถูกไล่ออกร่วมกับพวกของ

ไอ้เสี่ยเม้งด้วย  มันไม่ใช่การต่อสู้แบบธรรมดานะ”

   หัวหน้าฝึกและสายลับถามขึ้นว่า

   “แล้วเราจะเอารถอะไรไปหรืออาจารย์เปล่ง”

   “รถนั้นทางหัวหน้าเราได้นำมาให้แล้วล่ะจำนวน 5 คันใช้สำหรับ

พวกของบรรดาหัวหน้าและไม่กี่คนเท่านั้นแหละอีกคันนั้นใช้สำหรับ

ขนยาเสพย์ติดที่ยืดมาได้   ส่วนกลุ่มที่เป็นลูกน้องนั้นจะออกเดินทางไป

รอคอยยังที่จุดเกิดเหตุแล้วไม่ต้องห่วงหรอก”

   “แล้วมันจะไปทันหรืออาจารย์เปล่ง หัวหน้าสายลับและตี๋ใหญ่ถาม

ด้วยความสงสัย”

   “เชื่อข้าซิว่ามันจะเดินทางลัดเลาะไปตามป่าด้วยความชำนาญและจะ

ไปถึงก่อนรถเสียอีกจะไปคอยพวกเจ้าอยู่ที่นั่นแหละ  ทางรถมันคด

เคี้ยวมากๆเสียด้วย ส่วนพวกมันจะไปทางลัดในป่าเองแหละ”

   “แล้วการแบ่งงานนี้วางแผนไว้อย่างไรล่ะ” 

หัวหน้าฝายฝึกถามดูด้วยความสงสัย

   “ทางทิศเหนือ ให้เจ้าแสงสีนำไปเป็นหัวหน้าส่วนแผนทีนั้นให้

หัวหน้าฝ่ายฝึกเป็นคนดูทางก็แล้วกันนะ  ส่วนทางทิศใต้ให้เจ้าสินชัย

เป็นหัวหน้าส่วนแผนทีนั้นให้หัวหน้าสายลับเป็นคนถือไปก็แล้วกัน

ส่วนเจ้าเพิ่มกับเจ้าเริ่มนั้นมันจะนำพวกฝ่ายฝึกกับฝ่ายลับไปแผนทีให้

มันเก็บไว้    ให้รีบออกเดินทางได้แล้วทางพวกมันออกเดินทางแล้วล่ะ

แต่อย่างไรก็คงจะไม่ทันพวกเราหรอกข้าคิดเช่นนั้น”

    เมื่อต่างคนตกลงกันแล้ว  เจ้าเปล่งก็เรียกบรรดาหุ่นทั้งหลายมา

ประชุมพร้อมทั้งกระซิบบอก  ทุกๆคนต่างพยักหน้ารับ  แล้วขบวนการ

ก็เริ่มออกเดินทางทันที

   “อ้อเดี๋ยวก่อน ครึ่งหนึ่งนั้นให้เอามาวางเก็บไว้ที่ชายป่านี้แหละส่วนที่

เหลือบางส่วนให้นำไปไว้ที่บ้านไอ้เสี่ยเม้งกับไอ้เสี่ยเล้งซุกซ่อนไว้อย่าง

ละครึ่งนะ  เพราะทางนี้จะมีตำรวจมาเก็บไปเองแหละพร้อมให้นำศพ

พวกมันมาวางข้างๆไว้ด้วยเพื่อสร้างภาพไว้ว่าเกิดการขัดแย้งกัน”

    ทุกๆคนพยักหน้ารับทราบ  ดังนั้นขบวนการก็เริ่มออกเดินทางทันที

   ส่วนทางด้านเสี่ยเม้งและเสี่ยเล้งก็จัดกำลังคนออกไปนำของทันที 

เรื่องกำนันมั่นตายนั้น พวกมันหาสนใจไม่เพราะงานนี้สำคัญกว่ามาก

นัก   ดังนั้นเสี่ยเล้งจึงหันไปสั่งบรรดาลูกน้อง ส่วนเสี่ยเม้งก็หันไปทาง

ไอ้เซี๊ยะ ไอ้มุ้ย ไอ้เช้ง และไอ้สุย โดยมี  ไอ้หว่า ไอ้เจียง ไอ้เม่งจ่ายและ

ไอ้ใช้เป็นผุ้ช่วยด้วย พร้อมกำชับว่างานนี้อย่าให้พลาดได้นะ  แล้วขบวน

ดังกล่าวก็ค่อยๆขึ้นรถปิดประทุนออกเดินทางทันที   ส่วนเสี่ยแม้งกับ

เสี่ยเล้งก็มองดูขบวนที่ออกเดินทางจนลับหายไป  แล้วทั้งสองก็ไปรอ

ฟังข่าวยังที่พักบ้านเสี่ยเล้งทันที

   ทางด้านเจ้าเปล่งครั้นบรรดาพวกๆออกเดินทางไปแล้วก็กลับไปยัง

กระท่อมมันเพื่อรอฟังผลงานต่อไป

   เมื่อรถของบรรดาพวกเจ้าเปล่งไปถึงยังสถานที่ต่างก็ลงจากรถออกมา

เลือกหากชัยภูมิแต่ครั้นเมื่อลงจากรถก็สร้างความแปลกใจให้แก่หัวหน้า

ฝ่ายผึกทันที  ที่เห็นเหล่าลูกน้องต่างโผล่ออกมาตามพุ่มไม้บ้างต้นไม้

บ้างเขามาหา ก็ให้นึกแปลกใจยิ่งนักยกเว้นเจ้าแสงสีเท่านั้นเอง  จึงหัน

ไปถามว่ามาครบกันแล้วหรือ  เมื่อได้รับคำตอบก็สั่งการทันทีพร้อมหัน

ไปทางหัวหน้าฝ่ายฝึกว่า ให้หัวหน้าฝ่ายฝึกคอยคุมด้านหลังไว้ด้วย เขา

และพวกจะเข้าไปนำของออกมา หากเรียบร้อยก็จะส่งสัญญาณมาให้ไป

ขนของ แต่ตอนนี้ต้องใช้คนไปถอดชนวนระเบิดก่อน  หัวหน้าฝ่ายฝึกก็

พยักหน้ารับทราบต่างคนต่างไม่พูดพากันเข้าแอบซ่อนตัวตามภูมิ

ประเทศตามความถนัดของใครของมัน   นอกจากได้ยินเสียงนก

กลางคืนร้องรับกันเป็นทอดๆนั้นต่างพากันหยุดพร้อม เสียงจักจั่นเรไร

ในป่าต่างๆหยุดร้องกันทันที  แต่ก็มีเสียงอื่นเข้ามาสอดแทรกไว้แทน 

เสียงหมาป่าเห่าหอนขึ้นมาทันที  ทิ้งระยะเป็นทอดๆยาวๆแทนที่
 
   “โบ๊วๆๆๆๆ!!!!!!โบ๊วๆๆๆๆ   เสียงมันช่างเยือกเย็นนักดังกึกก้อง

แทนเสียบรรดาสัตว์ต่างๆทันที  หัวหน้าฝ่ายฝึกตกใจถามแสงสีทันทีว่า

ในนี้มีหมาป่าด้วยหรือแล้วมันร้องหอนทำไมล่ะ”

   “มันคงร้องตามประสามันนั่นแหละอาจจะเห็นสิ่งผิดปกติกระมัง ช่าง

มันเถอะอย่าไปสนใจมันหรอก คอยดูแลให้ดีๆนะ ผมจะไปล่ะ????...”

   แม้กระนั้นหัวหน้าฝ่ายฝึกหันไปทางลูกน้องเขาที่นำมาต่างหน้าตา

หล๊อกแหล๊กไปตามๆกัน ยกเว้นพวกของเจ้าแสงสีเท่านั้นที่ทำหน้าตา

ปกติจนกระทั้งบรรดาชาวบ้านที่ฝึกนำมาด้วยหันไปถามคนของแสงสี

ด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะดีนักว่า”

   “พวกเราได้ยินเสียงหมามันหอนไหมล่ะ???...มันคงจะไม่ธรรมดานะ

ได้ยินเสียงหรือเปล่าล่ะ????....”

   “ได้ยินเหมือนกันแต่ช่างมันเถอะ พวกเราชินเสียแล้วล่ะว่าแต่พวก

คุณนะ ระหว่างหมาหอนกับลูกปืน อันไหนน่ากลัวกว่าล่ะ???...”

   เล่นเอาผู้ถามหยุดชะงักทันที ใช่ลูกปืนน่ากลัวกว่าจึงพยายามข่มใจไว้

แต่กระนั้นไม่วาย ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อหัวหน้าฝ่ายฝึกหันมาตะโกนถาม

เสียงเบาๆว่า

   “เฮ้ยๆๆๆ!!!!.....พวกเราเห็นอะไรไหมว๊ะ  ทำไมต้นไม้มันถึงสูงกว่า

เดิมไปอีกล่ะ แล้วมันแกว่งไกวไปมาคล้ายๆแขนคนด้วยล่ะ”
  
ฝ่ายพวกชาวบ้านที่ร่วมกันมาซึ่งล้วนเป็นตำรวจลับทั้งสิ้นต่างก็มองไป 

แต่พวกเขาไม่เห็นอะไรผิดปกตินอกจากเสียงหมาเท่านั้นเอง คนหนึ่งจึง

ตอบหัวหน้าขึ้นว่า

   “พวกข้าไม่เห็นอะไรที่นายบอกเลยนี่นา ตาฝาดหรือเปล่าล่ะ”

   เมื่อหัวหน้าฝ่ายมองไปอีกทีก็เห็นสภาพปกติเป็นแค่ต้นไม้ธรรมดา

ทั้งสิ้นก็พาขยี้นัยน์ตามัน รำพึงว่าเอ๊ะ  หรือว่าเราตาฝาดไปจริงๆนะ

จึงหันไปบอกให้บรรดาพรรคพวกรีบเข้าที่แอบซุ่มตามชัยภูมิที่ดีคอย

มองมาทางด้านที่ผ่านเข้ามา ดังนั้นทุกๆคนจึงแยกย้ายกันไปหาชัยภูมิ

อันเหมาะสมคอยระวังหลังให้เจ้าแสงสีและพรรคที่หายลับไปในที่มืด

       ด้วยในค่ำคืนนี้เดือนมืดมีเมฆมากมาย จะมีสอดแทรกก็เพียง

ดวงดาวบางดวงเท่านั้น  แต่อากาศช่างเยือกเย็นนักยิ่งเสียงหมาหอนก็

ยิ่งเยือกเย็นไม่มีวันหยุดเสียด้วย  ทุกๆคนมือไม้ชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งๆที่

อากาศก็เยือกเย็นนัก เสียงน้ำค้างหยดจากใบไม้ล่วงหล่นลงมา โดนใบ

ไม้แห้งดังเปาะแปะๆเท่านั้นเอง ผสมผสานกับเสียงหมาหอนอย่าง

โหยหวน   ครั้นมองไปยังพรรคพวกเจ้าเปล่งที่ไม่รู้มันไปซ่อนตัวที่ใด 

เพราะเหมือนกับหายไปในความมืด

     ทันใดนั้นเองเสียงร้องเอะอะโวยวายก็ดังแว่วๆเข้ามาจากภูเขาของ

พรรคพวกของไอ้เซี๊ยะ  มันตระโกนว่าเฮ้ยๆๆๆผีๆๆๆโว้ย ยิงมันซิว๊ะ

   “กูไม่เอาโว้ยเผ่นหนีดีกว่า มันไม่ใช่คนนี่นา  มึงยิงไปๆได้อะไร

หรือว๊ะ???   แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดีล่ะว๊ะ”

   แต่เมื่อบรรดาที่พวกมันเห็นเดินเข้ามาใบหน้าตาต่างเต็มไปด้วย

น้ำเหลือง ไหลย้อย  บ้างหัวใหญ่โตแต่ดวงตามันซิโตยังกับไข่ห่านแดง

กร่ำเสียด้วยเมื่อ เห็นดังนั้น  ต่างพากันวิ่งหนีจะเข้าไปยังถ่ำทันใด

 เสียงปืนก็ดังแซ๊ดๆๆๆ ร่างมันต่างร่วงผล๊อยกัน  เมื่อมันจวนตัวก็หันมา

สู้ต่างยิงกันสนั่นหวั่นไหว ระงมไปทั่วบริเวณ  ฝ่ายหัวหน้าฝึกและ

ตำรวจลับที่เป็นลูกน้องต่างมองหน้ากันไปๆมาๆ  พวกเขาได้ยินทั้งเสียง

คนและเสียงปืนดังสนั่น  แต่เจ้าแสงสีหัวหน้ากลุ่มบอกว่าไม่ต้องให้เข้า

ไปช่วยให้คอยคุมหลังไว้เท่านั้น

      ดังนั้นจึง ต้องคอยเฝ้าอยู่กับที่  ทันใดก็ได้ยินเสียงรถผิดปกติกำลัง

วิ่งเข้ามาในบริเวณแล้วเงียบไป   ส่วนเสียงที่ดังภายในถ่ำนั้นก็เงียบไป

หมดแล้ว  จะมีก็แค่ประปรายเป็นบางแห่งแล้วก็เงียบหายไป ความเงียบ

ก็เข้ามาแทนที่ดังเดิม  ตลอดเสียงหมาหอนก็หยุดลงอย่างกระทันหัน

      บรรดาหัวหน้าฝึกก็แลเห็นร่างตะคุ่มๆ ต่างแยกย้ายกันเข้ามา ทุกๆ

คนมีอาวุธพร้อมมือ  เมื่อเป็นเช่นนั้นก็นึกได้ถึงคำสั่งของหัวหน้ากลุ่ม

ได้   พอได้ระยะต่างก็ระดมยิงพวกมาใหม่ทันที  เสียงปืนดังขึ้นร่างที่

ยืนอยู่ต่างร่วงผล๊อยลงทันที  ที่เหลือต่างทิ้งตัวแนบกับพื้นแล้วคลาน

ดังงูเลื้อย แสดงถึงการผ่านการฝึกอบรมมาอย่างช่ำชองนัก

    ดังนั้นเสียงยิงโต้ตอบก็ดังขึ้น ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ  หัวหน้าฝ่ายฝึก

ต่างอ้าปากค้าง   เมื่อแลเห็นพรรคพวกของหัวหน้ากลุ่มแสงสีต่างพากัน

เดินออกจากที่ซ่อนเหมือนไม่กลัวกระสุนของฝ่ายตรงกันข้ามที่ยิงเข้ามา

พลางสาดกระสุนเข้าใส่อย่างไม่กลัวตาย  เสียงปืนกระทบร่างพวกเขา

แลเห็นเพียงแค่ผงะเท่านั้น  แต่ต่างลุกขึ้นออกมายิงไปอีก  สร้างความ

ขวัญเสียแก่พวกมาใหม่ทันที  เมื่อเป็นเช่นนั้นหัวหน้าฝ่ายฝึกก็สั่งให้

พรรคพวกออกช่วยต่างคืบคลานเข้าหาพวกมาใหม่ทันที ต่างระดมยิง

พวกมาใหม่  ต่างโล่งใจที่พรรคพวกเขามิได้เป็นอะไรเลย แต่ก็ยังมีผู้

ที่ได้รับบาดเจ็บบ้างแต่ไม่มากนักและถูกลำเลียงมารักษาด้านหลัง

 เสียงร้องตะโกนของหัวหน้ามาใหม่คือไอ้เซี๊ยะสั่งการทันที 

    “เฮ้ยพวกใครว๊ะ คงจะมาขโมยของที่เราเก็บไว้  เฮ้ยๆแล้วพวกเราล่ะ

หายไปไหนกันหมด อย่าถึงสนใจ อย่าเอาไว้พวกเรายิงแม่งให้ตายให้

หมดนะโว้ย แล้วรีบเข้าไปช่วยพวกเราที่เฝ้าถ่ำไว้ด้วย”

   มันพูดพลางส่ายปืนส่งกระสุนไปยังร่างที่มันพอมองเห็นได้ มันขยี้

นัยน์ตามันเมื่อมองเห็นว่ากระสุนมันถูกเป้าทุกๆเป้า เพียงแค่ทำให้ร่าง

เหล่านั้นผงะเท่านั้น  เลือดไหลหลั่งไปทั่วบริเวณ กลิ่นคาวคลุ้งตลบไป

ทั่วบริเวณนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของพวกมันหรือพวกที่ยิงกับมัน

  “บุกเข้าไปโว้ยใครอย่าถอยนะ หากถอยกูยิงไม่เลือกนะโว้ย ยังไงต้อง

เอาของมาให้ได้นะ  มิฉะนั้นเสี่ยมันเอาตายเลยแหละ”

   “พี่เซี๊ยะไม่เห็นหรือเรายิงมันแต่ไม่ตาย ส่วนพวกทหารพรานหัวหมู่ก็

พากันร้องลั่นสั่งให้บุกทันที แต่แล้ว ร่างมันก็ร่วงฟุบทันที บรรดาทหาร

ทั้งหลายที่เหลือต่างแอบตัวเพื่อหาทางเอาตัวรอด  กลิ้งตัวไปทางต้นไม้

ใหญ่ แต่แล้วมันก็ต้องตาเหลือกเมื่อเห็น  มีปืนจ่อบนศีรษะมันแต่วิสัยน์

ด้วยความเป็นชายชาติทหาร มันพลันกลิ้งตัวหลีกหลบไปอีกด้านหนึ่ง

แล้วร่างมันก็ผงะร่วงฟุบทันที   ไอ้เซี๊ยะเห็นการไม่ดีเพราะว่ามันมีแต่

ความมืดมันจึงยิงไปที่มีแสงประกายปืนแว๊บออกมา  ด้วยไหวพริบมันรู้

ว่าการต่อสู้นี้ฝ่ายมันต้องพ่ายแพ้แน่นอน เพราะมันยิงไปฝ่ายโน้นกลับ

ไม่ตายแต่กลับลุกขึ้นมายิงพวกมันได้อีก คิดได้ดังนี้น แล้วรีบขึ้นรถ

ทันทีสั่งให้คนขับรถออกรถเพื่อหนีทันที ด้วยมันมองไปรอบๆข้าง

บริเวณนั้น ต่างแลเห็นร่างพวกมันต่างล้มตายลงเป็นส่วนมาก แต่ฝ่าย

ตรงกันข้าไม่อาจมองเห็นได้ เพราะเป็นป่าครึ้มมองอะไรแทบจะไม่เห็น

เมื่อเห็นสถานะการณ์ว่า  มันไม่ใช่ธรรมดารีบสตาร์ทเครื่องรถหนีไปคง

ปล่อยให้พวกมันต่อสู้  เพราะมันรู้แน่ว่าหาใช่ต่อสู้กับคนธรรมดาไม่

    และแล้วมันก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อลูกปืนถูกยังแขนข้างซ้ายมันเลือด

สาดกระจายทันที  มันรีบฉีกผ้ามาพันแผลทันที  ครั้นมันพิจาณาแล้วก็

รีบตะโกนร้องสั่งให้พวกถอย

   “ถอยหนีกลับโว้ย!!!!.....มันไม่ใช่คนธรรมดาว๊ะถอยๆๆๆ”

     ดังนั้นขบวนที่แตกซ่านต่างพากันถอยหลังกลับขึ้นรถไม่มากนะ รีบ

ขับรถออกหนีไปทันที  ส่วนพวกแสงสีจะออกติดตาม แต่เจ้าแสงสีร้อง

บอกห้ามไว้ว่า 

   “ปล่อยมันไปเถอะเหลือไม่กี่คนแล้วล่ะจะได้ไปรายงานตัวให้ไอ้เสี่ย

ทั้งสองได้รู้ไว้ตามแผนว๊ะ”.............

                   ๐ แก้วประเสริฐ. ๐

Cartoon_Animation_08.gif				
19 กันยายน 2554 19:41 น.

อทิสมานกาย ๑๐๔

แก้วประเสริฐ

 
            อทิสมานกาย  ๑๐๔

   เมื่อรถแล่นผ่านเข้ามายังสถานีตำรวจ  แล้วจอดลงยังที่เก็บรถซึ่งมี

ป้ายบอกว่าเป็นที่จอดรถของหัวหน้าสถานีตำรวจ  ผู้หมวดแฉ่งก็รีบ

ลงจากรถมาเปิดประตูรถด้านหลังพร้อมทำความเคารพ  ร่างชายหนุ่ม

บัดนี้ปราศจากหนวดเคราสร้างความแปลกใจแก่บรรดาตำรวจ

ทั้งหลายร่างที่ก้าวลงมาจากรถก็ทำความเคารพตอบ พร้อมทั้งออก

เดินไปยังบันไดสถานีพร้อมทั้งทอดหมวกออกหนีบไว้ข้างตัว ร่าง

ก้าวขึ้นบนบันไดโรงพักไป  ด้วยยังเช้านักจึงไม่ค่อยมีผู้คนมาใช้

บริการมากนัก  ชายหนุ่มมองไปรอบๆห้อง  เห็นโต๊ะร้อยเวรกำลัง

ยืนที่หน้าโต๊ะ พร้อมตำรวจหญิงที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ต่างทำ

ความเคารพ ชายหนุ่มก้มศีรษะลงพร้อมยิ้มให้ พลางเดินไปตบไหล่

เจ้าหน้าที่ พลางกล่าวว่า

   “ตามสบายนะทุกๆคนไม่ต้องเกร็งตัวหรอกเราพี่น้องกันแท้ๆนะ”

แล้วร่างชายหนุ่มก็เดินเข้าไปหาท่านรองและสารวัตรที่คอยต้อนรับ

     ซึ่งบัดนี้มีรองท่านรองวาสนาท่านสารวัตรพร้อมตำรวจทั้งหลาย

ออกมาตั้งแถวคอยต้อนรับพร้อม  ทำให้ประชาชนที่มาใช้บริการ

ต่างงุนงงสงสัยต่างพากันซุบซิบต่างๆนานาไปตามๆกัน 

ได้แต่เพ่งพิศ  ส่วนบรรดาตำรวจอื่นๆต่างนึกว่ามีเจ้าหน้าที่มาตรวจ

เยี่ยมหารู้ไม่ว่านี่คือผู้กำกับของเขาเอง  

     ต่างจ้องเขม็งไปยังร่างที่เดินมาหาบรรดาตำรวจที่คอยต้อนรับ

พร้อมทั้งทำความเคารพตอบ พลางเอ่ยขึ้นว่า

   “ท่านรองฯไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้นี่ครับ ผมก็บอกแล้วว่า

ไม่ต้องเรื่องมากหรอก  เราคนกันเองทั้งนั้น อันที่จริงผมจะมาเอง

เสียด้วยซ้ำไปครับ”

   “เป็นพิธีการครับท่านผู้กำกับฯที่จะต้องกระทำตามประเพณีมา

ครับ ขอเชิญไปยังห้องท่านเลยครับ  ผมจะได้มอบเอกสารต่างๆให้

แก่ท่านได้ตรวจสอบ  บอกตรงๆผมแสนจะดีใจมาเหลืออีกไม่กี่วัน

แล้วซินะที่จะต้องพ้นหน้าที่ไป  ผมใฝ่ฝันอย่างพบเจอ

มานานแล้วครับ”

   “ผมก็มาหาเรื่อยๆแหละครับที่ร้านอาหารข้างโรงพักแหละครับแต่

ท่านวาสนาไม่รู้เองนี่นา”

    ชายหนุ่มตอบพร้อมหันไปยิ้มแก่สารวัตรทั้งสี่ที่ต่างยืนสำรวม

ด้วยสีหน้าเบ่งบานนัก   ชายหนุ่มพลางเดินไปหาสารวัตรสังวาลย์

พลางเอ่ยว่า

   “งานธุรการคงมากนะระยะนี้คงสร้างความลำบากใจ

แก่คุณมากนักนะ”

   “ไม่หรอกครับท่านผู้กำกับ  ผมทำตามหน้าที่เท่านั้นครับ”

   “อืมมๆๆๆๆเดี๋ยวสารวัตรชัชวาลย์กับสารวัตรทั้งสี่ท่านเดี๋ยวไปหา

ผมในห้องด้วยนะครับหากมีเวลาว่างขอเชิญจะปรึกษาอะไรหน่อย

นะด้วยมีเรื่องสำคัญจะเล่าให้ฟังที่ห้อง”

   “ครับท่านแล้วเวลาเท่าไหร่ล่ะครับท่าน”

   “อีกประมาณสักชั่วโมงก็ได้นะ  จะขอคำปรึกษาหน่อยนะ”

   แล้วร่างชายหนุ่มก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับท่านรองผู้กำกับการ

ตำรวจทั้งสองต่างสนทนากัน ในเรื่องต่างๆ   เมื่อถึงยังบริเวณหน้า

ห้องที่ติดอยู่กับห้องท่านรองวาสนา   ชายหนุ่มก็เปิดประตูเข้าไปใน

ห้องส่วนตัวทั้งหมดจัด

ไว้พร้อมเสร็จสรรพด้วยท่านรองฯได้มีคำสั่งให้ทำความสะอาดดู

แลอย่าให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด  

ร่างชายหนุ่มก็ร้องเชิญให้ท่านรองฯนั่งส่วนตัวเขาก็เข้าไปนั่งยังโต๊ะ

ประจำตำแหน่งทันที

    ทั้งหมดต่างเจรจา ท่านรองฯขอตัวไปสักครู่ก็นำเอกสารต่างๆ

มามอบให้แก่เขาพลางเอ่ยว่า

   “นี่คืองานทั้งหมดที่ผมต้องมอบให้ท่านต้องดำเนินงานต่อไป

 โปรดตรวจสอบด้วยนะครับ หากจะมีอะไรแก้ไขโปรดแจ้ง

มาได้เลยครับ”

     ชายหนุ่มยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า

   “ไม่ต้องหรอกครับผมจะลงนามรับมอบไม่ต้องตรวจผมก็

ทราบหมดแล้วครับเพราะเชื่อมั่นท่านรองมากๆอยุ่แล้วครับ


  ต่อไปนี้ท่านรองจะได้พักผ่อนก่อนจะปลดทำงานไป

อ้อสิ่งที่ผมให้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยหรือยังล่ะครับ”

   “ทุกๆอย่างที่ท่านสั่งมาผมจัดไว้เรียบร้อยแล้วครับ  

อยู่ในตู้เบื้องหลังท่านแหละครับ”

   “ขอบคุณมากนะครับ  และจะให้เกียรติท่านรองเป็น

ผู้ประดับยศตำแหน่งแทนผมด้วยหวังว่าท่านรองคงจะ

ไม่ขัดข้องนะครับ”

   “จะดีหรือครับ เพราะท่านผู้เป็นบังคับบัญชาดตรงตรงนี่ครับ”

   “เอาเถอะน่าไม่เป็นปัญหาหรอกเชื่อผมเถอะครับ เพราะตลอดเวลา

ท่านก็บังคับบัญชาอยู่แล้วนี่นา  นับเป็นเกียรติแก่ท่านเองด้วย”

   เล่นเอาท่านรองอ้าปาค้างจะกล่าวก็กล่าวไม่ออกนอกจากค้อมศีรษะ

รับทราบคำสั่ง  แล้วทั้งสองก็สนทนากันในเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ

ภายในเมือง  ชายหนุ่มบอกว่าเขารู้เรื่องราวหมด

สิ้นแล้วล่ะ  เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ก็มีผู้หมวดเข้ามารายงานว่า

ท่านสารวัตรทั้งสามมาขอพบ

   “ชายหนุ่มกล่าวว่า คุณวิชิต ซึ่งบัดนี้ได้เลื่อนยศขึ้นเป็นรตท.ไปแล้ว  

เชิญให้เข้ามาได้แล้วนะ”

    “ขอรับท่าน พร้อมทำความเคารพแล้วเดินออกไป สักครู่หนึ่ง

สารวัตรทั้งหมดก็เดินเข้ามา   

    “ขอเชิญท่านสารวัตรนั่งได้แล้วครับไม่ตัองยืนหรอก”

  ดังนั้นสารวัตรทั้งหมดก็ต่างไปนำเก้าอี้มานั่งเรียงรายต่อหน้าโต๊ะ

ของชายหนุ่มทันที   ครั้นเมื่อนั่งครบเรียบร้อยแล้ว  ชายหนุ่มก็เอ่ย

ขึ้นว่าหลังจากพวกเราลำบากกันมามากๆแล้ว  ผมได้ทำหนังสือลับ

ไปยังหน่วยเหนือเพื่อขอความอนุเคราะห์ในกรณีย์พิเศษก็ได้รับรับ

คำสั่งตกลงมายังผมแล้วล่ะ  ขอแสดงความยินดีกับทุกๆคนด้วยนะ

    แต่เพื่อให้เป็นเกียรติยศแก่ท่านรองฯซึ่งจะต้องพ้นหน้าที่ราชการ

ไปในอีกไม่ช้า  จะเป็นผู้ประดับยศตำแหน่งแทนผมก็แล้วกัน”

   เล่นเอาบรรดาสารวัตรทั้งหมดต่างหันมามองหน้ากันด้วยความ

ประหลาดใจนัก  เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เพราะถึงแม้

จะเป็นฤดูกาลเปลี่ยนแปลงก็จริงอยู่แต่ บางคนพึ่งได้รับมาไม่นาน

เท่าใดนัก  ก็จะได้เลื่อนขึ้นอีก   ชายหนุ่มมองหน้าพลางอมยิ้มแล้ว

กล่าวแก่บรรดาสารวัตรทั้งหลายว่า

   “หากทุกๆคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันหมั่นเพียรด้วยความ

ซื่อสัตย์สุจริตก็จะมีผลดังเช่นนี้แหละ อีกประการหนึ่งภายในจะมี

การเปลี่ยนแปลงไปจะใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้  ในเมื่อมี

โอกาสที่ดีเช่นนี้ ยังพอจะช่วยเหลือได้ผมก็จะช่วยเหลือเท่าที่ความ

สามารถผมจะทำได้  ฉะนั้นขอให้ทุกๆคนพึงรำลึกถึงคำว่าผู้พิทักษ์
-
สันติราษฏร์เอาไว้ให้มากๆ  อย่าหลงระเริงไปในตำแหน่ง

ยศฐาบรรดาศักดิ์อีก  จงคิดเสียว่าให้ทำหน้าที่ให้ถูกต้องเป็นที่พึ่งแก่

ประชาชน ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ถูกก็ต้องคอยช่วยเหลือเขาไว้อย่าได้

เห็นแก่อามิสสินจ้างใดๆทั้งสิ้น  ก่อนที่ผมจะเสนอไปยังเบื้องบนนั้น

ผมได้สำรวจ ประวัติท่านทั้งหลายไว้หมดแล้วล่ะ  ขอแสดงความ

ยินดีแก่ท่านทั้งหลายด้วยนะ”

   พลางชายหนุ่มก็หันหลังเดินไปเปิดตู้ที่ใช้สำหรับใส่เอกสาร

ด้านหลัง เปิดอ้าออกทั้งสองด้าน เพราะในตู้นั้นจัดวางเรียงเอกสาร

ต่างๆไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย  ทำเอาท่านรองฯถึงกับตะเหลือกปาก

อ้าตาค้างไปทันที  ด้วยเขาเองมาสำรวจตั้งหลายครั้งแล้วไม่ปรากฏว่า

มีเอกสารใดๆทั้งสิ้น แต่บัดนี้สิ่งที่มองเห็นกลับมีเอกสารจัดวางเป็น

ระเบียบมากมายนัก  สร้างความแปลกใจเป็นที่สุด  ชายหนุ่มก็หยิบ

พานออกมาแล้วปิดประตูตู้ทันที  พลางหันหลังกลับมาวางไว้หน้า

โต๊ะที่ท่านรอง พร้อมนำเอกสารออกมาจำนวน สี่แผ่นพร้อมเอกสาร

หลายแผ่นซึ่งนำมาวางไว้บนโต๊ะพลางเอ่ยขึ้นทันทีว่า

   “ในคำสั่งนี้ให้ท่านลงนามรับทราบไว้ด้วย เพราะที่ต้องรีบทำนี้ด้วย

ป้องกันคนที่จะย้ายมาทดแทนตำแหน่ง เพราะอาจจะเป็นคนที่ผมไม่

ไว้วางใจได้ จึงขออนุญาตเป็นกรณีย์พิเศษดังรายนายต่อไปนี้

   ท่านสารวัตรชัชวาลย์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง พตอ.ฝ่ายปราบปราบ

 รักษาการณ์รองผู้กำกับการประจำสถานีนี้อีกทางหนึ่งด้วย

   ท่านสารวัตรสังวาลย์แผนกธุรการขึ้นดำรงตำแหน่ง พตท.ทำงาน

ในตำแหน่งเดิมไปก่อนจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่

  ท่านสารวัตรจำลองให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง พตท.ช่วยฝ่ายปราบปราม

  ท่านสารวัตรจรัส ให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง พตท.ฝ่ายสอบสวนสืบสวน

   ท่านสารวัตรวิบูลย์ ให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง พตท.หัวหน้าฝ่ายจราจร

ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  ผู้จะประดับยศนั้นคือท่านรองผู้กำกับการ

จะเป็นผู้ประดับยศให้  ขอเชิญท่านรองทำหน้าที่แทนผมด้วยครับ”

    แล้วชายหนุ่มก็หยิบพานที่ยศต่างๆยื่นส่งให้ทันที  ท่านรองก็บอก

ให้ทุกๆคนยืนเข้าแถว เรียงตามลำดับรายชื่อ  ครั้นท่านประยศเสร็จ

แล้ว  ชายหนุ่มก็ให้มาลงนามรับทราบคำสั่งต่อไปเป็นอันเสร็จพิธี

การ  ในระหว่างนั้นครั้นเมื่อประดับยศแล้วชายหนุ่มก็กล่าวอบรม

แก่บรรดาตำรวจทั้งสี่นาย พร้อมทั้งเข้าไปจับมือแสดงความยินดี

ด้วยพร้อมกับมอบหนังสือให้คนละฉบับ บอกว่าให้ไปติดตั้งตาม

คำสั่งแก่ลูกน้องต่อไป   

       การกระทำเช่นนี้ทำให้บรรดาสารวัตรต่างๆพากันน้ำตาคลอเบ้า

ด้วยความปิติยินดีในสิ่งที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย

ว่าจากการมาเป็นลูกน้องท่านผู้กำกับคนนี้ อะไรๆจะเปลี่ยนแปลง

ชีวิตของตัวเองได้ถึงเพียงนี้   ต้องน้อมคาราวะชายหนุ่มทันทีด้วย

ความจริงใจอย่างล้นพ้น พลางมองดูยศบนบ่าตัวเองแทบจะไม่เชื่อ

สายตาตนเองเลยว่าจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้  จึงต้องชะงักเมื่อได้ยิน

เสียงขายหนุ่มกล่าวขึ้นว่า

   “อย่าหลงระเริงต่อตำแหน่งนี้  ให้ทุกๆคนคิดว่านี่คือแค่หัวโขน

หัวหนึ่งเท่านั้น เวลาทำงานให้เราสวมใส่ไว้ แต่เวลาเลิกงานให้ถอด

 ทิ้งไว้หน้าห้อง อย่าคิดเอากลับไปบ้าน ไปบ้านให้วางตัวอีกลักษณะ

หนึ่ง  ก็จะทำให้จิตใจเราขาดความลุ่มหลงต่อยศฐาบรรดาศักดิ์ 

อย่าได้ลุแก่อำนาจของตัวเอง  ขอให้ทุกๆคนจงจำไว้ให้เสมอๆนะ

ผมหวังว่าคนที่ผมหวังไว้คงจะไม่ทำให้ผมต้องผ ิดหวังไปเสียล่ะ”

   “ครับผ๊ม พวกกระผมจะน้อมรับและจารึกคำสั่งสอนนี้ไม่ลืมเลือน

จะถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดครับผ๊ม”

   “ให้ท่านกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ผมมอบหมายให้เสร็จ

เรียบร้อยเสียก่อน  อ้อๆเดี๋ยวที่โรงอาหารคผมขอฉลองให้แก่พวก

ท่านทุกๆคนก็แล้วกันนะ ตลอดจนบรรดาลูกน้องท่านด้วยล่ะ และ

ผมเป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมดนะไม่ใช่ท่านจ่ายนะ”

    ทุกๆคนๆมองหน้ากัน พลางกล่าวขึ้นพร้อมกันว่า

   “ครับผ๊ม   มือเที่ยงนี้ผมจะคอยรอต้อนรับท่านครับผ๊ม”

   “ดีล่ะ งั้นเรื่องนี้ก็จบแล้วล่ะผมจะได้เริ่มทำงานสักที ขอให้ทุกๆคน

ออกไปทำหน้าที่ของตนได้แล้วล่ะ”

   “อีกประการหนึ่งขอให้พวกเราทุกๆคนรักกันสามัคคีกันหนักนิด

เบาหน่อยให้อภัยกันและกันเสียล่ะ ให้คิดว่าพวกเราทุกๆคนคือพี่น้อง

กันและกัน และสั่งให้ลูกน้องทุกๆฝ่ายทราบด้วยนะ ไปได้แล้วล่ะ”

   ภายหลังจากทั้งหมดออกไปจากห้องแล้ว  ชายหนุ่มก็หันมาทางเจ้า

แสงสีสินชัยว่า  มีอะไรอีกหรือ???.....

   “ได้ข่าวว่าทางไอ้เล้งมันจะไปลำเลียงยาเสพย์ติดที่ลูกน้องไอ้เม้ง

มันซุกซ่อนไว้ตามเขา  อาจารย์จะให้จัดการอย่างไรล่ะครับ???...”

   “อ้อๆๆเรื่องนี้ไอ้เปล่งมันจัดการแล้วล่ะ  อีกอย่างหนึ่งว่าจะระเบิด

ทิ้งให้หมด  ข้าเปลี่ยนใจแล้วให้ยึดมาให้หมดเพื่อเป็นหลักฐานเสนอ

ต่อผู้บังคับบัญชาเบื้องสูงต่อไปก็แล้วกัน ส่วนคนเฝ้าจะจัดการ

อย่างไรก็ให้พวกเจ้าดำเนินการได้ตามสถานะการณ์ก็แล้วกัน

  ให้ไปบอกเจ้าเปล่งด้วยว่าให้เหลือคนไว้บ้างเพื่อเป็นพยานด้วยนะส่ง

คนคอยดูแลไว้ด้วย หลักจากทำงานเสร็จแล้วให้นำของทั้งหมดมาวาง

ไว้หน้าป่าที่เจ้าเปล่งอยู่ก็แล้วกัน   ข้าจะได้ให้ตำรวจไปยึดมันและเอา

ส่วนหนึ่งไปไว้บ้านไอ้เม้งมันด้วยส่วนหนึ่ง  เวลาเข้าตรวจค้นจะได้

พบสิ่งของนี้   ให้สินชัยและเจ้ารีบไปบอกเดี๋ยวนี้เลยเดี๋ยวจะไม่ทัน

การณ์นะ”

    “ครับอาจารย์ผมจะได้รีบไปบอกเจ้าเปล่งและพวกมันให้รู้ อ้อๆ

พวกที่มันมาเอาล้วนเป็นทหารพรานที่ปลดแล้วร่วมกับตำรวจชั่วอีก

ด้วยจะเก็บไว้หรือเปล่าล่ะ????อาจารย์”

   เจ้าสินชัยเอ่ยถามขึ้น

   “เรื่องนี้คิดว่าอย่าให้เหลือ ส่งคนไปเฝ้าไอ้เล้งไอ้เม้งไว้ด้วย

 เพื่อว่ามันจะหลบหนีไปเสียก่อน  พวกเจ้ารีบไปแล้วล่ะ”

   “ครับอาจารย์ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละและจัดกำลังไปเฝ้าไอ้

เสี่ยทั้งสองอีกด้วย”

   “อืมมๆๆดีแล้วล่ะ  งั้นรีบไปได้แล้วนะ”

      ฉับพลันร่างของเจ้าแสงสีสินชัยก็ค่อยๆจางหายวับไปทันที..........

                      แก้วประเสริฐ.

Cartoon_Animation_08.gif				
13 กันยายน 2554 18:46 น.

อทิสมานกาย ๑๐๓

แก้วประเสริฐ


               อทิสมานกาย ๑๐๓

   ฉะนั้นตำรวจเราต้องทำหน้าที่ให้สมกับที่ได้รับการไว้วางใจจาก

ประชาชนด้วยจริงใจสุจริต ช่วยเหลือหาใช่ไปคิดรับใช้พวกนายทุน

ดังที่ข้าพเจ้าได้ทราบมา  พรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะเริ่มต้นวางแผนใหม่ขอเรียก

ให้ทุกๆท่านที่เป็นหัวหน้าเข้าประชุมยังห้องประชุมทุกๆนายด้วย

   หากท่านใดที่ทำผิดไปข้าพเจ้าจะไม่ย้อนหลังแต่ขอให้กลับใจเสีย

ใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยทุกๆคนด้วย  หากตำรวจผู้ใดทำหน้าที่โดย

ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ ข้าพเจ้ารับรองว่าจะพิจารณาให้เป็นกรณีย์

พิเศษไม่มีการลุแก่อำนาจทั้งสิ้น  ดังนั้นขอท่านที่มีหน้าที่ใดกระทำ

จงเจริญก้าวหน้าด้วย  ข้าพเจ้าขอกล่าวไว้แต่เพียงเท่านี้สวัสดี

   แล้วร่างของผู้กำกับฯก็หันไปไหว้ท่านรองที่จะปลดเกษียณอายุแล้ว

ทั้งสองก็เดินลงจากเวที   คงปล่อยให้พวกดนตรีดำเนินการเล่นต่อไป

ร่างทั้งสองลงมาร่วมโต๊ะเดียวกัน ต่างสนทนากันในเรื่องหน้าที่และ

สิ่งภายในเมืองนั้น  ท่านรองจะอธิบายสิ่งต่างๆให้ทราบ แต่ชายหนุ่ม

ยกมือห้ามกล่าวขึ้นว่า

   “ไม่ต้องหรอกครับท่านรองฯผมทราบเหตุการณ์ภายในเมืองหมด

แล้วรวมทั้งฝ่ายดีและไม่ดีแล้วครับ”

   “แล้วท่านจะมารับหน้าที่พรุ่งนี้เลยหรือ???...ครับ”

   “ครับผมจะมารับงานต่อจากท่านพรุ่งนี้แหละครับ  คงจะได้มีเวลา

สนทนากันอีกมากมายนักครับ”

   “ผมถามจริงๆเถอะครับท่านว่าใบหน้าท่านนั้นเป็นแบบนี้หรือครับ

ด้วยผมเองเห็นภาพถ่ายท่านไม่ใช่แบบนี้เลยนี่ครับ”

   “ท่านปลอมตัวมาครับท่านรอง  เพราะไม่ต้องการให้พวกที่มา

ร่วมงานได้รับรู้ครับ”

   สารวัตรชัชวาลย์เอ่ยขึ้น   ทำเอาชายหนุ่มหัวร่อฮึๆๆพลางหันไป

มองท่านรอง พลางก้มไปกระซิบให้ท่านรองฯฟัง  ทำเอาท่านรอง

ถึงกับอ้าปากค้างหัวร่อทันที

   “ผมก็นึกแล้วว่าเชียวว่าท่านคงปลอมตัวมาครับ แต่เพื่อควาแน่ใจ

จึงได้ถามขึ้นครับท่าน”

   “ผมไม่อยากให้ใครเห็นสภาพอันแท้จริง เพราะที่นี่ล้วนแล้วแต่

พ่อค้าและมีทั้งดีและไม่ดีครับ”

   ครั้นได้เวลาอันสมควรด้วยดึกแล้ว  ชายหนุ่มจึงได้กล่าวขึ้นว่า

   “ถ้าอย่างนั้นท่านรองและสารวัตรช่วยดูแลงานด้วยนะผมจะกลับ

แล้วล่ะ  แต่แล้วชายหนุ่มก็ชะงักพลางพยักหน้ารับทราบ   แล้วชาย

หนุ่มก็ไปกระซิบกับสารวัตรชัชวาลย์ทันที  แม้กระนั้นก็ทำความ

สงสัยแก่บรรดาตำรวจทั้งหลาย  ยกเว้นสารวัตรชัชวาลย์ จำลองและ

จรัสเท่านั้นที่พอจะรู้อะไรๆบ้าง แต่ไม่ได้กล่าวอะไรขึ้น  ดังนั้นชาย

หนุ่มจึงเดินไปยังโต๊ะต่างๆพลางกล่าวคำอาลาแก่บรรดาตำรวจทุก

นายและพ่อค้าทั้งหลาย แล้วเดินออกจากประตูรั้วไป  ตำรวจที่เฝ้า

หน้างานพลางตะเบ๊ะพรึบด้วยรู้ว่า  ชายหนุ่มเป็นใคร ครั้นเดินทาง

ไปที่รถก็ขึ้นขับออกไป แต่ทางตำรวจที่เฝ้ามองอยู่เห็นท่านไปคน

เดียว  เพราะไม่เห็นร่างเจ้าแสงสีสินชัย   เจ้าแสงสีก็เอ่ยขึ้นว่า

   “อาจารย์ครับมีคนคอยดักปองร้ายเราระหว่างทาง ผมให้เจ้าสินชัย

ออกไปแจ้งแก่พวกเราแล้วครับ”

   “ไปบอกพวกเราด้วยว่าให้เก็บไว้คนหนึ่งส่งไปให้เจ้าเปล่งมันสอบ

สวนหาต้นตอแล้วมารายงานข้าด้วยนะ”

   “ครับอาจารย์ มันมาทั้งหมด 6 คนล้วนนั่งรถมอเตอร์ไซค์มา คง

เป็นพวกเดียวกับที่มันเก็บกำนันมั่นนั่นแหละเครับ เป็นทหารพราน

ที่ถูกไล่ออกจากราชการครับ”

   “ถ้าอย่างนั้นเป็นคนของไอ้เล้งคงไม่ใช่คนของไอ้เม้งหรอกเพราะ

ว่ามันจะไปขนของที่คนไอ้เม้งซุกซ่อนไว้ และทางเราได้วางระเบิด

ไปแล้วล่ะ  อ้อๆๆๆให้บอกเจ้าเปล่งจัดกำลังคนไปจัดการไอ้เล้งก่อน

ที่มันจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ลงมือคืนนี้เลยนะ  ไอ้นี่เอาไว้ไม่ได้

เพราะมันเป็นเอเย่นต์ใหญ่อยู่ด้วย  ที่มันเข้ากรุงเทพฯไปเพราะไปติด

ต่อกับพรรคพวกมัน  ฉะนั้นปล่อยมันไม่ได้หรอก”

   “ครับผมจะไปบอกเจ้าเปล่งเองครับ”

เจ้าสินชัยรายงานรับอาสาทันที

   “ดีแล้วล่ะมันทำอะไรข้าไม่ได้หรอก แต่ไม่อยากให้เรื่องมัน

ใหญ่โตเท่านั้นเอง  ส่วนทางนี้นั้นไม่ต้องหรอกแค่แสงสีคนเดียวก็

คงจะพอนะ ในเมื่อเราจะจัดการไอ้เล้งแล้วไม่ต้องเหลือไว้ก็ได้นะ

   “ครับอาจารย์ ผมคิดว่าพอถึงที่เปลี่ยวๆระหว่างทางแยกเข้าบ้าน

นั้นแหละมันคงจะลงมือ  อาจารย์ส่งผมลงปากทางนะครับ”

   “อืมม!!!!!!.....ข้าจะขับรถช้าๆลง”

      พลางจะหันไปทางเจ้าสินชัยก็ปรากฏว่าสินชัยหายไปเสียแล้ว

ดังนั้นชายหนุ่มจึงขับรถไปอย่างช้าๆ  มองกระจกด้านหลังเห็นมีรถ

มอเตอร์ไซค์กำลังวิ่งตามมาห่างๆ  จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ในช่วงระยะ

นี้ถนนสายนี้เปลี่ยวจริงๆ  เพราะดึกมากแล้วนานๆจะมีรถวิ่งสวนมา

คันหนึ่ง    คงมีเสียงรถที่วิ่งของชายหนุ่มและมอเตอร์ไซค์เท่านั้น

   ครั้นถึงปากทางจะไปสู่วัด ชายหนุ่มก็ชะลอรถลง  เจ้าแสงสีก็คว้า

อาวุธลงไปทันที แล้วชายหนุ่มก็ขับรถล่อพวกมันไปเรื่อยๆ  พอรถ

เลี้ยวเข้าทางไปไม่เท่าไหร่   เสียงปืนก็ดังขึ้นทันทีเป็นเสียงรัวพรืดๆๆ

รถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่คิดจะแซงหน้ารถของชายหนุ่มยังไม่ทัน

แซงก็ล้มคว่ำลง เลือดสาดกระจาย  ร่างมันทั้งสองต่างกระเด็นไปฟุบ

ลงทั้งรถทั้งคน เสียชีวิตไปหมด  คันที่สอง พอเลี้ยวเข้าซอยมาก็ถูก

เจ้าแสงสีซึ่งสุ่มอยู่ข้างทาง พอรถผ่านหน้าก็ถูกยิงร่วงไปอีกสองทั้ง

รถและคนกระเด็นไปคนละทาง  รถมอเตอร์ไซค์คันที่สามแล่นตาม

มาก็ชะงัก   เมื่อพวกมันเห็นรถสองคันล้มขวางทางไว้และร่างคนก็

ต่างกระเด็นร่างมันหายไป   ก็รีบหันรถกลับหวังจะหนีไปให้พ้น

เพราะมันทั้งสองรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นแก่พวกมันแล้ว เพื่อหวังกลับไป

รายงาน  แต่แล้วพอมันหันกลับรถได้ก็เร่งเครื่องทันที คนขับเบรค

รถพรืดด้วยเห็นร่างสูงชะลูดยืนขวางถนนไว้  มันต่างร้องลั่น

   “เฮ้ยๆๆๆนั่นมันผีนี่หว่า เสือกมาขวางทางกูยิงแม่งมันเลยว๊ะ”

   “เสียงปืนเอ็ม 16  ก็ดังขึ้นกระสุนส่งไปยังร่างของแสงสีที่ยืน

ทะมึนขวางหน้ารถมันไว้ แต่กระสุนนั้นก็ปราศจากประโยชน์ใดๆ

เสียงหัวล่อดังลั่นมาจากร่างที่สูงชะลูด  มันรีบกลับรถจะหนีแต่แล้ว

มันก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงปืนดังถี่ยิบ พรืดๆๆๆ ร่างมันทั้งสองก็โดน

ลูกปืนกระเดินตกจากรถทั้งสองทันที  รถไปทางหนึ่งตัวมันไปคน

ละทาง ร่างมันชุ่มไปด้วยเลือดจากกระสุนปืน   เจ้าแสงสีไม่ไว้ใจ

พลางส่งกระสุนซ้ำลงไปอีกที่ใบหน้าจนใบหน้าทั้งสองเละเทะไป

หมด   แล้วร่างนั้นก็ค่อยๆหดตัวลง  พลางเดินไปทางรถอีกสองคัน


พบร่างทั้งสี่ก็ส่งกระสุนปืนใส่ย้ำขึ้นอีกไปบนใบหน้ามันจนดูไม่ได้

       แล้วร่างเจ้าแสงสีก็หายวับไปทันที  ไปปรากฏยังข้างกายชาย

หนุ่มทันที พลางรายงานเรื่องทั้งหมดให้ชายหนุ่มทราบทันที  

ชายหนุ่มไม่กล่าวอะไรได้แต่พยักหน้าแล้วก็เร่งขับรถไม่นานนักก็

ถึงบ้าน  แล้วเอารถไปเก็บไว้ทั้งหมดก็ขึ้นบ้าน พ่อแม่และทุกๆคน

ต่างนอนหลับไปหมดแล้ว ครั้นเมื่อเข้าไปยังห้องนอนก็เห็นเทพ

อัปสร  กำลังสนทนาคุยกันอยู่หันหน้ามามองชายหนุ่มพลางหัวร่อ

แล้วทั้งหมดก็เข้าไปนอนด้วยกันทันที  ด้วยชายหนุ่มบอกแม่นางทั้ง

สองว่าต้องเดินทางไปรับหน้าที่ในตอนเช้าตรู่

    ครั้นเวลาเช้าตรู่ ขณะที่แม่นางบงกชและสาวชะบาต่างลำเลียง

อาหารมาเพื่อร่วมรับประทานอาหารร่วมกันตามปกติ  แม่เข็มพ่อ

เชียรก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาภายในบริเวณบ้าน เป็น

รถเก๋งตำรวจ  เจ้าชัยไปเปิดประตูให้เข้ามามันก็งุนงงเหมือนกันแล้ว

รีบขึ้นไปรายงานให้พ่อแม่ทราบทันที  ร่างผู้กองคนหนึ่งก็ก้าวลงมา

จากรถ พลางยืนรออยู่ไม่เดินขึ้นมาบนบ้าน

   “พ่อๆๆๆรถตำรวจมาทำไมหรือ????.....”

   “แม่เข็มเห็นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน  เราก็ไม่มีเรื่องอะไรกับใคร

นี่นาทำไมถึงมีรถตำรวจมาบ้านเราล่ะ”

   “พ่อแม่ๆ ตำรวจมาบ้านเราทำไมหรือพ่อ”

เจ้าชัยเอ่ยรายงานด้วยความสงสัย แต่แล้วความสงสัยทั้งหลายก็หาย

ไปทันที เมื่อหันหลังกลับไปเพื่อจะเรียกลูกชายตน ต่างก็พากันตก

ตะลึงกันอ้าปากค้าง  เมื่อแลเห็นร่างของชายหนุ่มแต่งกายในชุด

ตำรวจเต็มยศ พร้อมหนีบหมวกไว้ข้างๆก้าวเดินออกมาจากห้องนอน

เล่นเอาแม่บงกชถึงกับตกตะลึงถึงแม้ว่าหล่อนจะแต่งงงานแล้วก็ตาม

แต่ในส่วนลึกๆแล้วหล่อนชอบชายหนุ่มมากกว่าเจ้าชัยผัวมันเสียอีก

พลางนึกในใจว่า เราช่างไร้วาสนาเสียจริงๆ   ร่างที่สูงสง่าใบหน้าคม

คายงดงาม ยิ่งแต่งชุดตำรวจนายพลอีกด้วย สง่าราศรีส่งประกายออก

มา  ถาดกับข้าวแทบจะหลุดจากมือหล่อนให้ได้ จนต้องรีบบังคับใจ

ไว้มือไม้ค่อนข้างสั่น  ส่วนสาวชบานั้นหล่อนอีกวางสีหน้าปกติ

เหมือนกับไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น

    ชายหนุ่มยกมือไหว้พ่อแม่แล้วกล่าวขึ้นว่า

   “วันนี้ผมเห็นจะทานข้าวร่วมไม่ได้แล้วครับเพราะต้องมีงานเร่งทำ

อีกมากด้วยครับ”

   “อ้าวๆๆๆ!!!!....พ่อเชียรแม่เข็มอุทาน”

   ด้วยเห็นการแต่งกายชุดของชายหนุ่มไม่เหมือนกับตำรวจทั่วๆไป

ด้วยเครื่องประดับบนบ่าไม่เหมือนกับตำรวจทั่วๆไป แต่ก็ไม่วายเอ่ย

ถามลูกชายขึ้นว่า

   “พ่อแปลกใจทำไมเครื่องแต่งกายลูกถึงไม่เหมือนตำรวจทั่วๆไปล่ะ

ด้วยมันมีประดับเยอะแยะจริงๆ”

   “นั่นซิลูกแม่เองก็สงสัยเหมือนกันเพราะ ตำรวจก็เห็นมามากแล้ว

ล่ะหมวกของลูกก็ไม่เหมือนตำรวจทั่วๆไปมีช่อสองช่อซ้อนๆกัน”

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ นี่คือเครื่องแต่งกายของตัวตำรวจชั้นนายพล

ส่วนหมวกนั้นต้องเป็นนายพลตั้งแต่ระดับ พล.ต.ท.ขึ้นไปครับ”

   “เหรอๆๆๆพ่อแม่ก็พึ่งเห็นนี่แหละ  ดูเจ้ามีสง่าราศรีจับมากเลยนะ”

   “งั้นผมไปก่อนนะครับ เด็กเขามาคอยรับแล้วล่ะครับ”

   “รถเก๋งตำรวจนั้นหรือ พ่อเรียกเจ้ามาเพื่อจะถามว่ามาบ้านเราทำไม

กัน เพราะเราก็ไม่ได้ทำในสิ่งกฏหมายใดๆนี่นา อ้อๆๆอีกอย่างหนึ่ง

ก่อนนี้เจ้าบอกว่า มียศแค่ พล.ต.ต.เท่านั้นเองนี่นา”

   “ผมได้เลื่อนตำแหน่งมานานแล้วครับแต่ไม่ได้บอกให้ทราบไว้

เท่านั้นเองแหละครับ”

   “งั้นหรือแล้วไม่กินข้าวกันก่อนหรือไม่หิวข้าวหรือไงล่ะ”

   “ไม่หรอกครับผมจะไปทานข้าวกับท่านรองฯครับ”

   “แล้วจะพักที่โน่นหรือเปล่าล่ะ เห็นเขาเล่าว่าระดับนี้จะมีบ้านพัก

ของตัวเองด้วยนะ”

   “ไม่หรอกครับพ่อแม่  ผมจะมาพักที่นี่ประจำครับ ส่วนที่นั่นนอก

จากงานเร่งด่วนเท่านั้นเองครับ”

   “อย่างนั้นตามใจลูกก็แล้วกันนะ  รีบไปเถอะเห็นตำรวจคอยอยู่

แหละ  เจ้าชัยบอกให้ขึ้นมาเขาบอกว่าจะรอที่นี่แหละรู้สึกจะเป็นนาย

ร้อยตำรวจนะ”

   “ครับร้อยตำรวจตรีแฉ่งครับ พึ่งได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นมาครับ”

   “ไปเถอะลูกเขาคอยนานแล้วล่ะ  อ้อๆๆๆระวังตัวไว้ด้วยนะลูก”

แม่เข็มเปรยๆขึ้นอย่างไรหากมาพักไม่ได้ก็ให้ใครมาบอกให้พ่อแม่รู้

ด้วยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

   “ครับหากงานเร่งด่วนผมจะให้เด็กมาบอกให้ครับไม่ต้องห่วงนะ 

อ้อๆๆ....”

   ชายหนุ่มหันไปทางหญิงสาวทั้งสองพลางเอ่ยขึ้นว่า

   “แม่บงกชและแม่ชบาฝากพ่อแม่ด้วยนะท่านอายุมากๆแล้ว เจ้าชัย

ด้วยพี่ไปก่อนนะ สงสัยจะกลับค่ำๆแหละ”

   “จ๊ะๆครับๆ....พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับเดี๋ยวผมจะออกไปให้พ่อแม่

อยู่ที่นี่แหละไม่ต้องไปช่วยงานในไร่นาสวนหรอกครับ”

   “เออๆๆดีแล้วล่ะ แล้วจะมีน้องหรือยังล่ะแม่บงกช”

   “ยังจ๊ะพี่ สงสัยพี่ชัยจะเป็นหมันกระมัง”

หล่อนตอบด้วยสีหน้าเอียงอาย  ส่วนแม่สาวชบาหล่อนทราบดีว่าเขา

นั้นไม่ต้องห่วงอะไรหรอก แต่ก็อดกล่าวไม่ได้ว่า”

   “พี่เองถึงจะเก่งอย่างไร ก็อย่าประมาทนะพี่นะไปเถอะพี่ชบาจะทำ

หน้าที่ให้ดีที่สุดจ๊ะ”

   “พี่เชื่อน้องมากๆจ้า  ยิ่งชบารับปากอย่างนี้พี่ก็หมดห่วงแล้วล่ะ”

   “ผมไปล่ะครับ สงสัยจะกลับมืดๆหน่อยนะไม่ต้องห่วงหรอก”

   กล่าวแล้วชายหนุ่มก็ยกมือไหว้พ่อแม่  ส่วนพ่อเชียรและแม่เข็มลืม

ตัวจะยกมือขึ้นไหว้ตอบ ก็ชะงักนึกได้ว่าเป็นลูกจึงลดมือลง  แล้วร่าง

ชายหนุ่มก็ก้าวลงบันไดไปข้างล่าง  ทั้งหมดก็ตามมาส่งที่บันไดบ้าน

   ครั้นชายหนุ่มพอพ้นบ้านก็สวมหมวกมันที   ทั้งหมดก็แลเห็นร่าง

ตำรวจวิ่งเหยาะๆเข้ามาพลางทำความเคารพตะเบ๊ะพรึบด้วยอาการ

ทะมัดทะแมง  ชายหนุ่มก็ตะเบ๊ะตอบแล้วเดินก้าวไปที่รถ  ผู้กองก็

รีบไปเปิดประตูรถให้ชายหนุ่มทันทีแล้วปิดประตูรถ แล้วออกมาเปิด

ประตูด้านคนขับ   ขับรถออกจากบ้านไปทันที................

                แก้วประเสริฐ.

Cartoon_Animation_08.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ