16 ธันวาคม 2553 17:02 น.

* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน *

แก้วประเสริฐ

76.gif
                     *  ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน  *

                                       คำนำ

    อันสืบเนื่องมาจากศิษย์ข้าพเจ้า “ ช่ออักษราลี “เกริ่นเรื่องเกี่ยวสมุนไพรและ
 “  ตำราในเรื่องสมุนไพร ”ของไทยนั้น   จากการค้นคว้าที่ข้าพเจ้าประสบมา
ด้วยตนเองและทราบจากตำราต่างๆบ้าง ครั้นได้รวบรวมไว้ได้นั้นหลายๆทาง
  จากบิดามารดาครูอาจารย์ที่มอบไว้ให้ได้สูญหายไปหมดสิ้น จำได้ไม่มากนัก
   สาเหตุจากการย้ายไปย้ายมาของข้าพเจ้า  จึงเป็นเหตุให้ตำราและได้รับจากที่อื่นๆ
ที่น่านับถือเชื่อได้     ทั้งพระและฆราวาส ต่างสูญหายไปหมดสิ้นคงเหลือเพียงส่วน 
ที่จำได้ก็เพียงส่วนน้อยเท่านั้น
     แต่คงจะเป็นวาสนาหรืออย่างไรก็ตาม ทำให้ข้าพเจ้าวันหนึ่งได้ไปช่วยเขา
ในการย้ายบ้าน ซึ่งเจ้าของเดิมได้ทิ้งไว้นั้น ข้าพเจ้าพบตำราเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุกซ่อนไว้
ได้มาสองเล่มเป็นหนังสือที่มีปกสีเหลืองอ่อนค่อนข้างแก่บันทึกไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้
 จึงได้ขออนุญาตเขาแล้ว  เขาไม่ค่อยจะสนใจใยดีนักในเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรโบราณ 
    ซ้ำยังถามข้าพเจ้าว่าจะเอาไปทำไมกันมันโบราณมากๆ  ข้าพเจ้าหัวร่อบอกว่า
ข้าพเจ้าสนใจในเรื่องเหล่านี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ เขาก็หัวร่อบอกว่าหัวโบราณ 
    จึงขอไว้เป็นการส่วนตัวด้วยข้าพเจ้าเองสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และดีใจยิ่งนัก
 ครั้นต่อมาได้มีผู้ที่ใส่ใจเช่นเดียวกับข้าพเจ้าครั้นมาสนทนากันเกี่ยวกับยารักษาโบราณ
   ข้าพเจ้าได้ นำหนังสือนั้นมาให้เขาอ่านเขาอ่านไปอย่างสนอกสนใจ ตั้งใจอ่านได้หน่อย
 ก็เอ่ยกับข้าพเจ้าว่าจะขอยืมไปคัดลอก เนื่องจากจะหาไม่ได้อีกแล้วที่ค้นพบมักจะจารึกใน
ใบลานบ้าง กระดาษข่อยต่างๆบ้าง ก็เช่นเดียวกับข้าพเจ้าเหมือนกันคือสูญหายไปหมดสิ้น
     ดังนั้นข้าพเจ้าเมื่อทราบเจตนาดีของเขา  ที่จะเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้กับคนทั้งหลาย
ที่เชื่อถือและสนใจในเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรไทยจึงมอบให้แก่เขาไปหนึ่งเล่ม เขายกมือ
ขึ้นไหว้ข้าพเจ้าพลางสวดกอดอย่างดีอกดีใจ  ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าปลาบปลื้มยินดีเชื่อมั่น
อย่างสนิทใจ  ในการที่จะนำไปวิทยาทานเผยแพร่รักษาไว้ซึ่งตำราเกี่ยวกับการรักษาแบบ
แผนโบราณด้วยสมุนไพรต่างๆของไทยเรา ให้แพร่กระจายกว้างขวางออกไป สมเจตนารมย์
ของข้าพเจ้าที่ตั้งใจนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักครั้งเดียวจึงเก็บเงียบไว้คนเดียว คอยหาโอกาส
จังหวะเหมาะสมนั้น  บัดนี้สมควรและได้โอกาสแล้วด้วยอายุอานามก็โขอยู่เหมือนกัน
     ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งแนวทางที่จะได้สร้างผลานิสงฆ์ผลบุญขึ้นไว้ให้แก่ชาวไทยอีกทางหนึ่ง
หากการใช้นี้เลือกเอาที่เหมาะเจาะแก่โรคนั้นๆ หากรักษาหายก็ควรจะทำบุญสุนทานแผ่กุศล
ให้แก่เจ้าของตำราที่เขียนไว้ และเจ้าเวรนายกรรม  ผลแห่งกรรมที่เคยกระทำมาได้อีกทางหนึ่ง   
และเพื่อที่จะไม่ให้ตำรานี้สูญหายไปเช่นเดียวกับที่เคยรวบรวมไว้  เจตนาต้องการเพื่อจะเผยแพร่
สิ่งเหล่านี้อยู่แล้วจึงเป็นปัจจัยที่ได้มาพบคนที่สนใจในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน  
   ครั้นคุยกับศิษย์ช่ออักษราลีที่สนใจในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน  จึงจะนำมาลงไว้เพื่อเผยแพร่
ของดีโบราณที่ได้รักษาคนป่วยไข้ต่างๆหายมานักต่อนักแล้ว จึงได้รจนาไว้ในใบลาน
หรือกระดาษข่อยออกมา เผยแพร่ในเวปฯไทยกลอนนี้ไว้เป็นวิทยาทาน
เพียงแค่หวังในผลานิสงฆ์ผลบุญกุศลที่จะได้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บแก่ข้าพเจ้าอีกในภพใดๆด้วย
  แต่ก่อนจะใช้นั้นควรไตร่ตรองให้รอบคอบและได้โปรดขอให้ใช้วิจารณญานด้วย
      หนังสือเล่มนี้จารึกไว้ในการรวบรวมจากบรรดาสถานที่ต่างๆ จึงใคร่จะเอ่ยชื่อท่านไว้
ณ ที่นี้ด้วย ตลอดจนชื่อเจ้าของตำรา    เพื่อจะเทิดทูนไว้ที่มีความอุตสาหะวิริยะทุ่มเทเวลามาก
ที่ได้รวบรวมของไทยๆเราไว้สืบสานให้ลูกหลานสืบต่อไป
     ตลอด จนเป็นวิทยาทาน  หากผู้ใดใช้แล้วได้ผลดี  ข้าพเจ้าขอให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่เจ้า
ของตำราและท่านที่รวบรวมไว้ด้วย ก็ถือว่าเป็นกตัญญุตาทิคุณประการหนึ่ง  บัดนี้ได้เวลา
พอสมควรแล้วจึงจะขอรจนาไว้เพียงเท่านี้ เพื่อนำลงมาเผยแพร่ต่อไป
      ตำรายากลางบ้าน  รวมรวบโดย  “ พระเทพวิมลโมลี (บุญมา คุณสัมปันโน ป.๙ ประโยค”
วัด เบญจมาบพิตรฯ กรุงเทพมหานคร เป็นผู้รจนาไว้และรายชื่อจากบรรดาหมอยาสมุนไพร
โบราณต่างๆ   ที่จะพรรณาจัดไว้เป็นหมวดหมู่ง่ายแก่การรักษา และข้าพเจ้าจะเพิ่มเติมจากการ
ใช้รักษาตนเองและคนอื่นไว้สักสามเรื่องเท่านั้นเป็นสังเขปฯ ดังต่อไปนี้คือ

                     สมุนไพรใช้รักษาแผลถูกน้ำร้อนลวก
    ให้หาว่านหางจระเข้มาฝานเอาเมือกของว่านนั้นมาทายังที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก 
แล้วปิดสิ่งที่เหลือลงบนปากแผล  หากเป็นมากก็เอาเมือกว่านหางจระเข้ทาไว้ทั้งหมด
ส่วนที่ปิดนั้นควรจะนำมาปิดที่เกิดเหตุ ที่จะมีสีขาวๆมองให้เห็นลางๆไว้ 
ด้วยว่านนั้นคงจะไม่เพียงพอ  สรรพคุณ จะช่วยบรรเทาความร้อน ความเจ็บปวด
ให้ทุเลาลงได้บ้างหรือจะหายทันทีทันใดหากเป็นมากหรือน้อย  
และจะไม่เกิดอาการพองเกิดขึ้นอีกด้วย 
    ตลอดช่วยระงับผลข้างเคียงไว้ด้วย ครั้นหายบาดแผลนั้นจะไม่เป็นแผลเป็นเกิดขึ้นอีกเลย
สิ่งนี้ประสบแก่ตัวเองและครอบครัว จากตำราสืบทอดกันมา ได้ผลชะงัดนักแลใช้ประกอบ
ยาแก้ปวด แก้อักเสบไว้ด้วยก็ดี)
(นายประเสริฐ ขำเข็มแก้ว “แก้วประเสริฐ.”)

            พิษจากถูกแมลงมีพิษกัดต่อยจากตะขาบแมงป่อง
    หากผู้ใดที่ถูกสัตว์มีพิษดังกล่าวที่พิษไม่ร้ายแรงนัก ให้หาตัวคางคกเป็นๆมา
 แล้วใช้ไม้ตีบนหลังไม่ต้องให้ตาย จะเป็นบาปกรรม  ปรากฏเหมือกสีขาวๆใหัใช้
สิ่งที่สะอาดนำน้ำเหมือกสีขาวๆนั้นมาทายังบริเวณที่ถูกกัด  
สรรพคุณจะหายปวดทันที ยิ่งหากสภาพร่างกายนั้นสามารถต่อต้านพิษนั้นด้วยแล้ว
จะเห็นผลทันที ใช้รักษาคนอื่นมากแล้วได้ผลชะงัดมากนักแล (เรียกว่าพิษขจัดพิษ)
  ใช้ประกอบยาแก้ปวด แก้อักเสบไว้ด้วยก็ดี
(นายประเสริฐ ขำเข็มแก้ว “แก้วประเสริฐ.”)

                  ยาหยอดตาด้วยสมุนไพรธรรมชาติ
   ให้นำเมล็ดของผลทับทิมที่ใช้ทานกัน หากได้ผลที่เกิดจากของไทยเองแล้ว
จะยิ่งเห็นผลได้รวดเร็วกว่าผลทับทิมจากต่างประเทศ  นำเมล็ดภายในสีเป็นสี
แดงขาวอมชมพู  มาบีบใส่ในดวงตาทั้งสองข้าง หลับตาเหลือกดวงตาหมุนไปรอบๆ
เพื่อให้น้ำในเมล็ดทับทิมขจายไปทั่ว  ตอนแรกจะรู้สึกแสบเจ็บๆคันๆสักครู่หนึ่ง
ก็จะเริ่มเย็นหายคัน สรรพคุณ ทำให้ตาสว่างยามลืมตาขึ้นทันที ไม่มีผลข้างเคียง
ใดๆเกิดขึ้นทั้งสิ้น รักษาสายตาให้อายุใช้งานได้ดีอีกด้วย
 เป็นตำราได้รับการถ่ายทอดสืบกันมาแต่โบราณกาลของครอบครัวข้าพเจ้า และ
ข้าพเจ้าใช้ในการรักษานี้ โดยไม่ต้องพึงพายาหยอดตาที่โฆษณาขายซึ่งบางครั้ง
อาจจะมีผลข้างเคียงทำให้เป็นตาแดงหรืออื่นๆได้   หากรักษาแบบสมุนไพรนั้น
ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ผลชงัดนักแล  ไม่จำเป็นต้องทานยาอื่นใดทั้งสิ้น
(นายประเสริฐ ขำเข็มแก้ว “แก้วประเสริฐ.”)  ฯลฯ

                         ตำรายากลางบ้าน
พระเทพวิมลโมลี (บุญมา คุณสัมปันโน )เปรียญ ๙ ประโยค แห่งวัด เบญจมบพิตรฯ
กรุงเทพมหานครฯ รวบรวมรจนาไว้เป็นเล่มหนังสือ ดังต่อไปนี้

                     หมวดยาบำบัดอาการเจ็บป่วยรีบด่วน

                             ยาดับพิษไฟลวกน้ำร้อนลวก
ขนานที่  ๑  ท่านให้เอา น้ำมะนาว หรือ น้ำส้มสายชู  ก็ได้ นำมาชะโลมบริเวณที่ถูกไฟลวก
หรือ ถูกน้ำร้อนลวก มีสรรพคุณดับพิษปวดแสบร้อน ได้ผลอย่างชะงัดนักแล แต่ต้องรักษา
ด้วยยาขนานอื่นอีกต่อไปฯ
(พระครูเมธีสาครเขต วัดตึกมหาชยาราม สมุทรสาคร)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา ใบเสลดพังพอนตัวเมีย (มีลักษณะใบแหลมคล้ายหอก หน้าใบเป็นมัน)
นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับ สุรา ใช้พอกบริเวณที่ถูกไฟลวก หรือน้ำร้อนลวก มีสรรพคุณ
ดับพิษปวดแสบร้อนให้หายไปทันที แต่ต้องรักษาบาดแผลด้วยยาขนาดอื่นอีกต่อไปฯ
(พระมหาบุญเรือง ปภัสสโร วัดหางแขยง อ.มโนรมย์ ชัยนาท)

ขนานที่  ๓  ท่านให้เอา หัวหอมแดง (หัวหอมใส่แกง) นำมาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่ถูกไฟลวก
หรือ น้ำร้อนลวก มีสรรพคุณดับพิษปวดแสบร้อนให้พลันหายไปทันที แต่ต้องรักษาบาดแผลด้วยยา
ขนานอื่นอีกต่อไปฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่  ๔  ท่านให้เอา  ใบชาจีน (ใบชาที่ใช้ชงน้ำร้อน) มากน้อยตามต้องการ นำมาแช่น้ำแข็งจัดๆ
ให้ใบชาคลี่ออกแล้ว ใช้ใบชานั้นพอกบริเวณที่ถูกไฟลวก หรือ ถูกน้ำร้อนลวก ทิ้งไว้สักครู่หนึ่ง
แล้วแกะออก เปลี่ยนยาพอกใหม่อีก มีสรรพคุณจะดูดพิษปวดแสบร้อนให้หายพลันไป และทำให้
ไม่เกิดเป็นบาดแผลอีกด้วย เคยใช้ได้ผลดีอย่างชะงัดมาแล้วฯ
(พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดสุวรรณาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานครฯ)

ขนานที่ ๕  ท่านให้เอาสำลีแปะลงบริเวณที่ถูกไฟลวก หรือ น้ำร้อนลวก แล้วเอาแอลกอฮอล์เทลาด
ลงบนสำลีนั้น ประมาณ ๓ นาที อาการปวดแสบร้อนจะพลันหายไป และจะไม่เป็นบาดแผลเป็นอีก
ด้วย มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระสมุห์โว ถิรจิตฺโต วัดไผ่จระเข้ อ.บางเลน นครปฐม)

ขนานที่ ๖  ท่านให้เอาต้นหางจระเข้  นำมาคั้นเอาน้ำเมือกของต้นหางจระเข้นั้น ใช้ทายังบริเวณอวัยวะ
ที่ถูกไฟลวก หรือ น้ำร้อนลวก ใหัทั่ว มีสรรพคุณบำบัดอาการปวดแสบร้อนให้หายไปทันที เคยใช้ได้
ผลดีอย่างชะงัดมาแล้วฯ
(พระอธิการบุญมี รมณีโย วัดหนองเต่า อ.บ้านหมี่ ลพบุรี)

ขนานที่  ๗  ท่านให้เอา เกลือป่น (เกลือใส่แกง) นำมาพอกบริเวณที่ถูกไฟลวก หรือถูกน้ำร้อนลวก
แล้วใช้น้ำสะอาดประพรมพอเปียก จะทำให้เกิดความเย็นสบาย ไม่ปวดแสบร้อน และจะทำให้ไม่
เกิดอาการพองอีกด้วย มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแล
(พระครูวิจิตรศาสนคุณ วัดหนองบอนแดง อ.บ้านบึง ชลบุรี)

         วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ  ด้วยผมจะต้องไปเขียนนิยายต่ออีกครับ ยังมีอีกมากมายนัก ด้วยเป็น
หนังสือเล่มหนาๆใหญ่พอสมควร คิดว่าจะนำมาลงให้หมดครับ หากไม่ตายเสียก่อนจะนำมาลงให้
อ่านทุกวันเว้นแต่จะไม่สบายมากจริงๆ  รออ่านต่อไปก็แล้วกัน รักเสมอ
(เริ่มนำลง วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓)

                       *  แก้วประเสริฐ.  *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
15 ธันวาคม 2553 19:39 น.

อทิสมานกาย ๔๙

แก้วประเสริฐ

76.gif
                        อทิสมานกาย  ๔๙

     ทางด้านกำนันหวนหลังจากแยกทางกับกำนันทั้งสองแล้ว อาศัยประสบการณ์
ที่เคยผ่านการต่อสู้มาแล้ว  ด้วยเคยเป็นทหารผ่านศึกมาก่อนมาเป็นกำนัน
 ดังนั้นมันจึงใช้วิธีคลานสลับฉากไปๆมาๆ มุ่งหน้าไปทางด้านริมเขา
  ที่ติดต่อกับแม่น้ำหลบไปอีกทางหนึ่งอาศัยความมืดแอบแฝงตัว
ทั้งๆที่ขาและแขนถูกยิงบาดเจ็บเลือดไหลตลอดเวลา แต่น้ำใจอันเด็ดเดี่ยวนั้นถึงแม้
จะเจ็บปวดอย่างไรก็ตาม มันกัดฟันกร๊อดๆเพื่อระงับความเจ็บปวด บาดแผลนั้น
ถึงแม้จะไม่ถึงกระดูกเพียงเนื้อหายไป    จึงใช้ผ้าขาวม้าที่คาดเอวใช้มีดตัดแล้วฉีก
แบ่งเป็นสี่ส่วน ส่วนหนึ่งใช้พันแขนห้ามเลือดอีกส่วนหนึ่งใช้พันแผลทั้งหน่องขา
  เมื่อจัดการเป็นที่เรียบร้อยมันจึงค่อยๆเขยิบคลานไป  โดยไม่ใช้การทรงกายยืน
และเดินหลบหลีกเจ้าหน้าที่ตำรวจ   หูทั้งสองคอยฟังแต่เสียงอย่างสัตว์ระวังภัย
      มันใช้วิธีคลานมุ่งหน้าไปหาแม่น้ำทันทีเลียนแบบวิธีจรเข้ที่คลานจากบกเข้า
สู่แม่น้ำ  แต่มันก็ใจหายเมื่อนึกถึงจรเข้แต่มาคิดได้ว่าแม่น้ำนี้ปราศจากจรเข้แน่นอน

   เมื่อเกิดเสียงผิดปกติมันพยายามสำรวมใจให้มีสติตลอดเวลา หลับตาบ้างลืมตาบ้าง
มองหนทาง  อาศัยคลานจากเบื้องสูงลงต่ำ  ครั้นมีมือมากระตุกขามันบ้าง เสียงร้อง
อย่างโหยหวน    แต่บัดนี้มันกลัวตำรวจมากกว่ากลัวผี  จึงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเอา
แต่หนีๆเพียงแค่เดียวหนีแบบสุดชีวิตยามคิดถึงครอบครัวมันที่รออยู่ข้างหน้าเกิดขึ้น
    คิดถึงลูกเมียซึ่งมันมีลูกที่เป็นหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นหากสิ้นมันเสียแล้วใครล่ะ
จะมาคอยช่วยปกป้องเมียและลูกสาวที่เป็นสาวแล้วให้  และลูกมันหรือก็เป็นสาวสวย
ประจำหมู่บ้าน  แม้กำนันมั่นจะมาสู่ขอให้แก่เจ้าแม้นลูกมัน แต่กำนันหวนก็ปฏิเสธ
ด้วยรู้นิสัยสันดานของไอ้แม้นดีว่าเป็นคนเช่นไร  
     กำนันมั่นเองก็ไม่กล้าถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตามที แต่กำนันหวนและกำนันแม้นก็
มีอำนาจคนพอๆกัน กินกันไม่ลงและอีกอย่างมันเป็นทหารผ่านศึกมาแล้วกำนันมั่นเอง
ยังไม่เคยเป็นทหารแต่อย่างไร อาศัยบารมีพ่อมันขึ้นสู่ความเป็นกำนันเท่านั้น ไหนเลย
จะมาสู้กับมันได้  ลูกน้องมันหรือต่างก็ล้วนเชี่ยวชาญการต่อสู้มาอย่างโชกโชนทั้งสิ้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ยอมตาย อาศัยวิชาทหารหลบหลีกหนี ดังที่เคยเป็นทหารฝ่ายหน่วย
ทหารลาดตะเวณผจญกับศัตรู  มันยังเอาตัวรอดมากับพวกบางคนมารายงานได้

      แม้พวกผีปีศาจของเจ้าป่าเจ้าเขาจะทำการหลอกหลอนอย่างไรมันไม่ฟังเสียง
แม้เสียงนั้นจะหลอกหลอนมันก็ตามที  มันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นครั้นมาดึงแขนขา
มันก็หยุดแค่นิ่งเฉย วิญญาณเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้  ใช้วิธีการหลับตาเสีย
ตั้งสติไว้  ครั้นสติมีสิ่งนั้นก็หายไปมันก็รีบคลานหนีต่อไป  
ในไม่ช้าร่างของมันก็ถึงริมแม่น้ำ  
      ถึงเลือดมันจะออกและเจ็บปวดมันก็ไม่สนใจ เนื่องจากมันพันไว้ด้วยผ้าขาวม้า
จะเสียเลือดก็คงไม่มากนักมันคิดไปคลานไป  จึงรอดพ้นจากพวกผีป่าทั้งหลาย
และตำรวจ     ด้วยมันพยายามทำเสียงให้เงียบที่สุดเท่าจะเงียบได้นั่นเองหยุดบ้าง
คลานบ้าง  มีเสียงก็หยุดไม่มีเสียงก็คลานต่อหากมันแน่ใจว่าไม่เกิดอะไรขึ้นแล้ว
      ครั้นร่างมันหย่อนลงแม่น้ำได้ก็ค่อยๆพยุงร่างให้ลอยไปตามกระแสน้ำที่ไหลแล้ว
ก็พบเศษไม้ของเรือที่ถูกระเบิดท่อนใหญ่ จึงรีบไปคว้ามาพยุงร่างมันไว้ปล่อยให้ไม้พา
ร่างมันไป  ในไม้ช้ามันก็พ้นจากบริเวณนี้ โดยอาศัยแสงสะท้อนจากดาวบนท้องฟ้า
ที่สว่างมากระทบกับน้ำในเม่น้ำ  มองหาทางจะขึ้นฝั่งแนวชายป่าที่เหมาะสม
       อาศัยก่อนที่มันจะได้เป็นกำนันมานั้น ตอนหนุ่มๆเคยเป็นพรานป่า
มาก่อนจึงทำให้มันปรับสภาพเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ก่อนจะไปเป็นทหาร
     ครั้นเห็นว่าปลอดภัยจากตำรวจแล้ว  ก็พยุงร่างขึ้นฝั่งมานั่งพักเหนื่อย

  พอมีแรงแล้วก็อาศัยความเป็นพรานป่ามาก่อน  มองสภาพป่าที่มืดให้สายตาเคยชินแล้ว
ค่อยมองเห็นหนทางที่จะกลับบ้านได้   โดยอาศัยดวงดาวเหนือเป็นที่กำหนดแล้วคำนวน
ระยะทิศทาง  นำมีดมาถากถางต้นไม้แหวกเป็นทาง บนบ่ามันยังสะพายปืน  มันไม่คิดจะ
ใช้แต่อย่างใด  อาศัยมีดเท่านั้นเป็นอาวุธในการฝ่าป่าดงเหล่านี้  
    มันเดินไปท่ามกลางป่าลึกจนถึงป่าโปร่ง มันระบายลมหายใจอย่างเฮือกใหญ่แล้ว
เดินไปพักไปสักพักก็พบทางที่มันมา    จึงไปนั่งหลบยังโคนไม้  คอยดูว่าจะมีรถคันใด
ผ่านมาบ้างจะได้อาศัยกลับบ้าน
    มันนั่งแต่กัดฟันกร๊อดๆๆระงับความเจ็บปวดไว้  จวบจนกระทั่งฟ้าสางจึงพบรถวิ่งมาเพื่อ
ที่นำของไปขายในเมือง  จึงได้เหวี่ยงปืนที่สะพานไว้ทิ้งขว้างเข้าไปในป่าข้างทางทันที
แล้วโบกมือขออาศัยด้วยมันเป็นกำนันคนรถย่อมรู้จักมันดีจึงกลับบ้านได้โดยปลอดภัย
   เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ให้แก่มัน รำลึกนึกถึงสิ่งผ่านๆมาก็น้ำตาหลั่งไหล
ในสิ่งที่มันกระทำที่เห็นผิดเป็นชอบเพราะความยากจนอาศัยความเป็นกำนันทำไร่ไถนาคง
จะไม่เพียงพอต่อลูกน้องที่มันเมื่อเป็นกำนันปกครองอยู่ จึงทำในสิ่งผิดกฏหมายทั้งๆที่รู้ว่า
มันไม่ดี  เมื่อทำไปแล้วยากที่จะเลิกได้ดุจดั่งนั่งอยู่บนหลังสือมิปาน

     แต่บัดนี้มันตัดใจได้แล้วอะไรเกิดก็ให้มันเกิดไป  เฉพาะมันเท่านั้นสิ่งเดียวที่มันคิด
คือหาคู่ครองให้แก่ลูกสาวมันก่อนหาคนที่เหมาะสม  ในหมู่บ้านมันหรือมองไม่เห็นสักคน
หรือจะหมู่บ้านไอ้มั่นก็ตามที  จึงคิดวางแผนอนาคตลูกสาวมันไว้ก่อน  หาคนที่สามารถ
ปกป้องดูแลครอบครัวมันได้แล้ว   ก็จะขอออกบวชลบล้างสิ่งชั่วร้ายหากตายเพราะอาชีพ
ที่ผ่านมาก็จะขอยอมตายในผ้าเหลืองบูชาในสิ่งที่มันเคารพนับถือที่สุดในชีวิต  
     ถ้ายังคิดที่จะทำการค้าในสิ่งที่ผ่านมาทำให้คนในชาติเดียวกันต้องสูญเสียผู้คนที่หลงใหล
อย่างใหญ่หลวงนัก น้ำตากำนันก็พลันไหลรดไปตามใบหน้ามัน  สะอื้นไปด้วยความเสียใจ
    ดังนั้นมันคิดว่าสงสัยจะต้องวางมือเรื่องทั้งหลายไว้ให้หมดสิ้น   มันเองตอนนี้ก็มีฐานะ
ร่ำรวยแล้ว  ตายไปเงินทองหรือสิ่งต่างๆก็เอาไปไม่ได้สักอย่างเดียว
การหนีครั้งนี้แทบจะเอาชีวิตไม่รอด  ลูกน้องมันคิดว่าต่างตกตายไปสิ้นหมดแล้ว   ด้วยก่อนที่
จะหลบหนีมา  เสียงปืนดังได้สงบจนการหนีพ้นจากสิ่งนั้นไป จึงคิดจะเลิกแล้วต่อสิ่งเหล่านี้
เห็นทีจะต้องเข้าวัดสร้างบุญกุศลด้วย  เพราะมันแก่แล้วจะได้ชดใช้หนีเวรต่างๆได้บ้าง

     ระหว่างรอคอยรถนั้นทั้งปวดก็ปวดทำให้มันเกิดความสำนึกได้  กลับไปพอหายดีแล้วก็จะ
ขอลาออกจากกำนันเสียที  หากยังเป็นกำนันอยู่ก็ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฏหมายแน่นอนด้วย
ทางเสี่ยเม้งและเสี่ยหว่างคงจะไม่ปล่อยมันแน่ๆ  หากไม่มีอำนาจแล้วเขาคงจะไม่มายุ่งเกี่ยว
รบกวนกับมันอีกแน่นอน แต่อย่างนั้นทางเสี่ยเม้งจะยอมหรือด้วยมันรู้ความลับต่างๆของ
พวกผิดกฏหมายทั้งหมด 
    กำนันหวนเมื่อปลงตกเช่นนั้นตามันก็สว่างทันที  สิ่งเดียวที่จะพ้นคือการออกบวชเป็นพระ
  และจะไม่ยอมสึกออกมาอีก ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเห็นทางเอาตัวรอดได้ด้วยมันก็มีอายุมากขึ้นแล้ว
 เมื่อคิดปลงตกก็หลับไปในระหว่างรถกำลังวิ่งอยู่.....
      ทางด้านบริเวณเครื่องจักรเลื่อยไม้ นั้นร่างของพวกผิดกฏหมายถูกนำมาวางสุมใกล้ๆกับ
เครื่องจักร  พร้อมด้วยอาวุธต่างๆมาวางใกล้ๆกันตลอดจนพวกที่จับตัวได้  ให้พวกมันนั่งลง
แล้วทางด้านตำรวจก็ต่างถ่ายรูปในแง่มุมต่างๆเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบคดีต่อไป
      ระหว่างที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานต่างๆอยู่นั้น  ผุ้กองจำลองและเจ้าสินชัยกำลัง
คุยกัน พลางเจ้าสินชัยก็มองไปยังหัวหน้าเริ่มและลูกน้องทั้งหลายกำลังทำงานกันอย่าง
ขมักเขม่นนั้น  

      พลันสายตาของเจ้าสินชัย ร่างมันสะดุ้งหันไปหันทางผู้กองทันที เนื่องจากมัน
ได้เห็นนายมัน  เดินเคียงคู่กับหญิงสาวสวยสองนางที่ขนาบข้างซึ่งมันจำได้ว่าเป็น
แม่นางอัปสรที่สั่งสอนวิชาอาคมแก่มันด้วย 
       ที่มองผู้กองนั้นว่าจะเห็นร่างนายมันหรือเปล่าแต่เห็นผู้กองมองไปยังตำรวจ
แล้วคุยกันกับมันเท่านั้น   คงจะไม่เห็นนายมันด้วยผู้กองก็รู้แล้วด้วยว่านายมันคือนาย
ของผู้กองด้วยเช่นเดียวกัน
      หากเห็นก็ควรจะรีบเข้าไป แต่นี่กลับทำเฉยๆแล้วหันมาชวนคุยกันเรื่องต่างๆ
ในการต่อสู้  แล้วบอกว่าทางตำรวจนั้นไม่มีใครบาดเจ็บกันสักคน คงเป็นอำนาจ
พระเครื่องของหลวงพ่อทองที่คุ้มกันภัยให้
   ครั้นเหลือบเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงจากผู้กองนั้นด้วยแลเห็นนายมันกวักมือเรียกอยู่
  ดังนั้นจึงกล่าวว่า
     “ผู้กองครับผมเห็นจะต้องไปสั่งงานเจ้าเริ่มก่อนนะครับ และลูกน้องด้วยเพราะ
อาจมีบางอย่างขาดหายไป ”
     “ งานคงจะเรียบร้อยกระมังสินชัย ก็เห็นทุกๆคนทำงานกันอย่างเรียบร้อยนี่นา” 
ผู้กองตอบ

      “ แต่ว่าไปสักหน่อยก็ดีครับ เดี๋ยวพวกมันจะว่าเอาภายหลังไม่ช่วยมันเลยล่ะครับ”
      “ถ้าอย่างนั้นตามสบายเถอะสินชัย ผมเองก็จะไปสั่งงานทางตำรวจเหมือนกัน “
      “ ผมไปก่อนแหละครับ”  ไม่รอคำตอบมันรีบเดินไปหาเจ้านายมันทันที  
   ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังยืนรออยู่  เพื่อให้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตุจึงเสแสร้งเดินเข้าไปหา
คุยกับเจ้าเริ่มนิดเดียวแล้วก็เดินไปหานายมันทันที
        “ ทางนี้เรียบร้อยแล้วล่ะ??...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไป  
ให้เจ้านำกำลังทั้งหมดไปช่วยด้านโน้นด้วย  เพราะด้านโน้นกำลังปะทะกันหนักอยู่ ” 
 ชายหนุ่มกล่าวสั่งงานทันที
       “ครับๆนายผมจะนำกำลังไปเดี๋ยวแหละ แต่ต้องไปบอกผู้กองก่อนจะได้
ไม่สงสัยพวกเรา   แล้วก็จะรีบนำกำลังพลไปช่วยทางด้านโน้นทันที 
 แล้วนายไม่ไปด้วยหรือครับ” สินชัยถาม
       “ ดูก่อนนะสินชัย ด้วยเจ้าแสงสีหากทำตามที่วางแผนไว้ก็คงจะคล้ายๆกับที่นี่แหละ แต่
ข้าเห็นว่าตอนนี้กำลังปะทะกันหนักอยู่แล้วล่ะ”  ชายหนุ่มเอ่ย
       “ เจ้าไปบอกแสงสีด้วยนะให้แบ่งพวกไปคุมแถวๆริมแม่น้ำไว้ด้วย เนื่องจากฝั่งโน้นมันมี
เรือมาคอยช่วยเหลืออยู่ด้วย “ แม่นางรัตนาวดีเอ่ยขึ้น
       “ และอย่าลืมล่ะให้เจ้าคอยระหวังพวกเสี่ยหว่างที่คิดกำลังจะหลบหนีออกทางด้านแยกของ
เขาไปอีกทางหนึ่งด้วย “ แม่นางอ้อยวิลาวัลย์กล่าว
        “อ้อๆๆอีกอย่างหนึ่งให้พวกเจ้าคอยตลบหลังพวกมันที่เรือจะมาช่วยเหลือพวกมันไว้
คือให้กระหนาบหน้าและหลัง ภายในเรือคงจะมีไม่มากประมาณสองสามคน เจ้าก็ให้คนเจ้า
หรือแสงสีก็ได้ไปจัดการมันเสียด้วย ”  แม่นางรัตนาวดีกล่าวเสริมขึ้น

      “ ครับนายหญิง  ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละและจะกล่าวให้พี่แสงสีทราบตามคำสั่งครับ”
      “ ถ้าแบบนี้ก็รีบๆไปได้แล้วล่ะ ด้วยกำลังคนทางโน้นแม้จะมากก็จริงแต่ พวกผิดกฏหมายนั้น
มันมีมากกว่า ล้วนแล้วแต่อาวุธร้ายแรงทั้งสิ้น  ให้ระวังตัวไว้ด้วยนะ “  หญิงสาวชายหนุ่มเตือน
      ครั้นแล้วเจ้าสินชัยก้มคาราวะแก่นายทั้งสามทันที  เสแสร้งไปคุยกับพวกหุ่นสักพักเพื่อมิให้
ผู้กองสงสัย  แล้วก็แจ้งความประสงค์ของนายแก่หัวหน้าเริ่มที่นำหุ่นเหล่านี้อยู่ว่าให้รีบเตรียมตัว
จะออกเดินทางไปปฏิบัติงานยังที่อื่นอีก หากได้รับคำสั่งจากมัน  
        หลังจากนั้นมันก็เดินไปหาผู้กองจำลองทันที  พลางเอ่ยปากกล่าวว่า
    “ ผู้กองครับผมเห็นจะต้องไปด้านโน้นแล้วล่ะ??...ด้วยนายแจ้งไว้ว่าเสร็จภาระกิจทาง
นี้แล้วให้รีบไปช่วยทางโน้นด้วยครับ”
    “ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะนำกำลังตำรวจไปเสริมอีกนะ”  ผู้กองเอ่ย
     “ นายสั่งว่าไม่ให้ผู้กองและตำรวจทางนี้ไป ให้คอยเฝ้าระวังไว้หากอาจจะมีเหตุฉุกเฉิน
เกิดได้อีกเพียงให้พวกผมไปเท่านั้นครับ  อ้อๆๆๆอีกอย่างหนึ่งท่านรองผู้กำกับและผู้ใหญ่
บางคนทางกรุงเทพฯซึ่งตอนนี้  ได้มาถึงโรงพักแล้ว  คงจะปรึกษาหารือกันอยู่กับท่านรองฯ
 ด้วยนายรายงานขึ้นไปแล้วครับ  คงจะราวสายๆหน่อยก็คงจะได้พบเองแหละครับ”  
สินชัยกล่าวแก่ผู้กองจำลอง

       “ อ้อๆๆท่านยังบอกกำชับให้ผู้กองอย่าไปไหนคอยต้อนรับผู้ใหญ่และรายงาน
ผลงานทั้งหมดให้ทราบ หากผู้กองไปแล้วใครจะรายงานผลงานล่ะครับ”  มันเอ่ยเพิ่มเติม
        “ หากเป็นคำสั่งนายเช่นนี้  เห็นทีจะต้องตรวจตราระวังเพิ่มขึ้นอีก 
 เอาล่ะสินชัยนำพวกไปได้แล้วทางนี้ ข้าจะได้ไปสั่งพวกตำรวจทั้งหลายให้เพิ่ม
ความระมัดระวังยิ่งๆขึ้นอีก จะไม่นำพวกที่ถูกจับกุมไปแต่จะมัดไว้แถวๆเครื่องจักรนี่อีก
จนกว่าได้พบผู้ใหญ่แล้ว ดูว่าท่านจะสั่งเพิ่มเติมอย่างใดบ้าง  ไปเถอะ”
     ครั้นผู้กองเอ่ยเสร็จก็รีบตรงไปหาตำรวจคนหนึ่งที่ยืนสั่งงานอยู่แล้วทั้งสองก็ซุบซิบกัน
  ตำรวจคนนั้นก็แสดงความเคารพ  แล้วรีบไปแจ้งตำรวจอื่นให้ทราบ  แบ่งกำลังที่แห่งนี้เฝ้าไว้ 
อีกส่วนก็กระจายกำลังโอบล้อมแนวชายป่าทั้งหมดตลอดจนริมแม่น้ำด้วย
  เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยอาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้อย่าได้ประมาท
     เมื่อเจ้าสินชัยเห็นดังนั้นก็ตรงไปหาผู้กองแจ้งความจำนงค์ทันทีว่า  พวกเขาเห็นจะต้อง
ขออาวุธปืนที่มากองสุมไว้ไปด้วยตามแต่ถนัด  ผู้กองแปลกใจถามขึ้นว่า
     “ อ้าวๆสินชัย แล้วพวกนั้นจะใช้อาวุธปืนเป็นหรือ มันเป็นอาวุธอาก้าจากฝั่งโน้น
เสียเป็นส่วนมากจะมีลูกซองและเอ็ม ๑๖ ไม่เท่าไหร่นะ” ผู้กองกล่าวด้วยความสงสัยด้วย
เห็นพวกหุ่นล้วนแต่ใช้มีดดาบหอกเกือบทั้งสิ้น”
     “ เรื่องอาวุธปืนนี้นายผมฝึกให้พวกเราหมดแล้ว วิธีการบรรจุกระสุนการยิ่งระยะ
หวังผลและไม่หวังผลตลอดจนอาวุธปืนต่างไว้ให้ชำนาญแล้วครับผู้กอง
ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”  สินชัยเอ่ยตอบผู้กองจำลองทันที

     เมื่อรับทราบว่านายของสินชัยฝึกอาวุธปืนต่างให้พวกหุ่นเหล่านี้ด้วยไม่รู้ว่าเป็นหุ่น
คิดว่าเป็นพวกชาวบ้านป่าธรรมดา ก็สิ้นสงสัย  ด้วยทราบดีว่านายเขานั้นชำนาญเก่งเพียงใด
 ไม่ใช่แต่วางแผนอย่างเดียวอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆล้วนชำนาญทั้งสิ้น การเลือกคนใช้งาน
ก็จะคัดเลือกที่ไว้ใจได้อีกด้วย  จึงกล่าวว่า
     “ หากเป็นนายกล่าวเช่นนั้น  ให้พวกเจ้าเลือกเอาตามถนัดก็แล้วกัน
 อ้อๆๆ หีบใส่กระสุนที่เรายึดมาได้นั้นก็มีอีกจำนวนมาก  เอาติดตัวไปด้วยนะ ” 
ผู้กองเอ่ยอนุญาตทันที
      เมื่อเจ้าสินชัยเดินไปหาพวกที่รวมกลุ่มกันหลายสิบคนรอคำสั่งอยู่จากเขา 
และได้รับฟังสินชายกล่าวกับหัวหน้าเริ่มเช่นนั้น   แต่ทั้งหมดก็อยู่ในสายตาผู้กองจำลอง
ที่จ้องมองดูพวกหุ่นทั้งหลายอยู่ว่าจะทำอย่างไรกัน
     ดังนั้นเมื่อหัวหน้าเริ่มกล่าวขึ้นเสร็จ บรรดาหุ่นทั้งหลายก็เก็บอาวุธของตนไว้ พลางเดิน
ตรงไปยังกองปืน  ต่างคัดเลือกอาวุธปืนมาใช้ทดลองแล้ว ปลดล๊อคที่ใส่กระสุนทิ้งไป

     พลางล้วงไปหยิบที่ใส่กระสุนในกล่องขึ้นมาเสียบใหม่ทันที    ผู้กองจำลองมองเห็น
ก็ให้แปลกใจนัก  ด้วยกิริยาท่าทางทุกๆคนต่างกระฉับกระเฉงกัน ไม่มีผู้ใดแสดงอาการ
เคอะเขินต่อการใช้อาวุธปืนแต่อย่างใด  ทุกๆคนล้วนแล้วแต่มีความชำนาญอาวุธปืนทั้งสิ้น
 การกระทำของมันเขามองอยู่ตลอดเวลามิได้คลาดสายตาไปไหน
     ครั้นเห็นพวกหุ่นเหล่านี้นำอาวุธสายสะพายคล้องหัวไหล่ข้างหนึ่ง  มายืนเข้าแถวเรียงกัน
ดั่งทหารที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี เพื่อรอคำสั่งของเจ้าสินชัยและเจ้าริ่ม  ยิ่งเพิ่มศรัทธา
ต่อนายของเขามากยิ่งขึ้น  
     พลางรำพึงกับตนเองว่า  ไม่คิดเลยว่านายกูพึ่งจะมาได้เพียงเดือนเดียวไฉนหาคนมาฝึก
จำนวนมากได้อย่างเชี่ยวชาญยิ่งนักทั้งยังมีระเบียบวินัยดั่งทหาร   ที่ผ่านสงครามการต่อสู้
มาอย่างโชกโชน  แม้ลูกน้องของเขาก็ไม่อาจะเทียบได้กับบรรดาที่ขึ้นตรงต่อนายของเขาเลย
     พลันผู้กองก็ต้องอ้าปากค้างตลึง  เมื่อเขาแลเห็นเหล่าหมู่ที่เรียบรายเป็นระเบียบนั้นต่าง
พากันแบ่งแยกกระจายยืนเรียงตามลำดับไหล่แบ่งออกได้ห้ากลุ่ม กลุ่มละสิบนาย เห็น
เจ้าสินชัย กับหัวหน้าที่ชื่อว่าเริ่ม เรียก หัวแถวแต่ละกลุ่มคนนำหน้า ก็วิ่งเหยาะมารับฟัง

    คำสั่งของทั้งสอง  แต่ในระยะไกลเสียงสายลมรุนแรงจึงไม่ได้ยินเสียงกล่าวเช่นไร
 สายตาผู้กองมองไม่ขาดสายตา  รวมทั้งตำรวจทั้งหลายที่กำลังทำงานอยู่ต่างก็พาหยุดชะงัก
หันมามองทันที
      เมื่อหัวหน้ากลุ่มวิ่งเหยาะๆมาถึง หัวหน้าเริ่มก็กล่าวอะไรผู้กองไม่ทราบ หัวหน้ากลุ่ม
ก็วิ่งกลับไปเข้าแถวหันหน้าไปทางกลุ่มกล่าวกับพวกกลุ่มทันที  อีกเก้าคนต่างหันหลังกลับ
พลางลดสายสะพายที่คล้องปืนนั้นลงมาในท่าที่พร้อมจะปฏิบัติงานได้แล้วพากันวิ่งออกไป
แยกย้ายกระจายไปจนพ้นลานกว้างแยกย้ายกันไปอย่างมีระเบียบ
      สิ่งที่ยิ่งทำความแปลกใจแก่ผู้กองมากยิ่งขึ้น แต่ละกองนั้นเมื่อย่างเท้าไปยังป่าซึ่งจะต้องมี
ใบไม้แห้ง  แต่นี่เหตุไฉนไม่ได้ยินเสียงของใบไม้แห้งแตกดังเข้ามาเลย ในเมื่อคนจำนวนมาก
ได้วิ่งหายลับไปในป่าหมดสิ้นเปรียบดังแมวหรือเสือที่เดินย่างเท้าย่องหวอดไป
ทุกๆคนต่างวิ่งไปด้วย  แต่ไร้ซึ่งเสียงดังเกิดขึ้นเลย

       ผู้กองนึกคิดไปพลางคำนึงไปพลางว่า  นายกูนี่ช่างเก่งเหลือจริงๆฝึกคนได้อย่างนี้เสมือน
หนึ่งดั่งกองทัพทหารมิปานทีเดียว  หากแม้นว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ร้ายแล้วทางฝ่ายตำรวจจะต้อง
เสียชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนแน่นอน  ด้วยทั้งระเบียบวินัยการฝึกปรือนั้นบ่งชัดว่าไม่ธรรมดา
ล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกของกองทัพทหารทีเดียวมิปาน
      ตะวันสายมากแล้วผู้กองยังสั่งให้ผลัดเปลี่ยนเวรดูแลรักษามาทานอาหารกัน  เฝ้ารักษาสิ่ง
ต่างๆที่ยึดมาได้ตลอดจนให้อาหารแก่พวกที่ถูกจับกุมด้วย  เพื่อรอผู้ใหญ่ต่อไป...........

                              *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
15 ธันวาคม 2553 12:55 น.

อทิสมานกาย ๔๘

แก้วประเสริฐ

76.gif
                               อทิสมานกาย ๔๘

     กำนันเริ่ม กำนันหวน และกำนันใช้  ต่างแยกย้ายกันหนีไปคนละทางนั้น
ต่างได้รับความบาดเจ็บไปกันตามกัน แต่ทว่ากำนันเริ่มจะมากขึ้นกว่าใครๆ
ด้วยโดนกลางหลัง
    แต่ก็พยายามกระเสือกกระสนหนีด้วยอาศัยเป็นคนในพื้นที่  จึงทราบหนทาง
การลัดเลาะไปตามแนวป่าผ่านโขดหิน ที่ใต้ภูเขา นั้นมีถ้ำๆหนึ่ง  พยายามคลาน
เพื่อจะเข้าไปหลบซ่อนกายก่อน  เมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว   ยังไม่ได้พักเหนื่อยในใจ
ต่างด่าขร่ม
     “ ไอ้ห่า!!!!....มันรู้วางกำลังได้อย่างไรว๊ะ????....ในเมื่อตรวจสอบดูก่อนจะ
ลงมือแล้วเชียวนา???....”  มันบ่นพรึมพร่ำกับตัวเองแล้วคลานเข้าไปในถ้ำทันที
   ถ้ำนั้นภายในจากเล็กๆพอเข้าไปข้างในจะกว้างขวางและยังมีหลีบหินสลับ
ซับซ้อนมากมาย ทั้งยังมีหยดน้ำที่กลายเป็นแท่งหินย้อยลงมาอีก
 
     คิดว่าเป็นที่หลบซ่อนได้อย่างดี  ในการหลบซ่อนตัวกำนันนั้นรู้แถบบริเวณนี้
ทั้งหมด เพราะอาชีพด้านนี้ต้องรู้แหล่งหลบซ่อน ทั้งบางครั้งยังเป็นที่เก็บ
ของผิดกฏหมายหลบสายตาเจ้าหน้าที่ได้ดีอีกด้วย ส่วนใหญ่เป็นกลางวันมาหลาย
ครั้งแล้ว  ดังนั้นกำนันจึงไม่หวาดเกรงใดๆ  เพียงแต่ตอนนี้เป็นกลางคืนเท่านั้น
     แต่แล้วมันก็สะดุ้งสุดตัว  เมื่อแลเห็นร่างอสุรกายหลายตนยืนค้ำหัวมันอยู่ร่าง
มันช่างน่าเกลียดน่ากลัวอะไรเช่นนี้  กำนันนึกพลาง  หัวมันจรดถ้ำแต่ดวงตามัน
ซิเบ้อเริ่มเชียว ข้างหนึ่งห้อยลงมายังแก้มมัน ยิ่งตอนมันยิ้มรับ ช่างแสยะแสยง
ซ้ำมีกลิ่นเน่าๆโชยเข้าจมูกอีกด้วย  มันน่าสพึงกลัวอะไรเช่นนี้จึงอ้าปากค้าง.......
      พลันมันได้ยินเสียงของอสุรกายร้องถาม  ทันทีว่า....
   “ อ้าวๆๆๆ...จะหนีไปไหนหรือ กำนัน จำข้าได้ไหมที่เคยให้ลูกน้องมาทำร้าย
ครอบครัวข้าจนตายหมดสิ้น  แล้วยังจับพวกข้าทรมานจนจะตาย  แต่กำนันทำไม
ถึงโหดร้ายกับพวกข้านัก  ทั้งๆที่พวกข้าก็ไม่ได้ไปทำอะไรกำนันเลย  แล้วยังเผา
พวกข้าทั้งๆเป็น   กำนันจะทำอะไรข้าไม่สนใจหรอกเพียงเห็นกำนันเท่านั้นเอง

    ขณะที่ข้าและเมียหาของป่าอยู่มิได้คิดที่จะทำตัวให้เดือดร้อนแก่กำนันและพวก
อย่างใดไม่  ทั้งๆที่เห็นพวกกำนันทำในสิ่งผิดกฏหมาย  ข้าและเมียเห็นก็ไม่เคย
ไปกล่าวให้ใครฟัง ถือว่าต่างคนต่างทำมาหากินกัน  ข้าและเมียทำมาหากิน เลี้ยงชีพ
ด้วยการหาของป่ามาขายประทังชีวิต เลี้ยงลูกเต้าเท่าที่จะทำได้ไปวันๆหนึ่งเท่านั้น
    ถ้าหากกำนันทำกับข้าและเมียไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกของข้า  อาจจะให้อภัยกำนันได้
คิดว่าเคยสร้างเวรต่อกันและกันมา แต่นี่ลูกข้าไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นก็ต้องมาตาย
อย่างทุกข์ทรมานยิ่งนัก  กำนันสร้างเวรกรรมไว้มากจริงๆยากจะให้อภัยกันได้
    แต่กำนันใจร้ายมากๆไม่สอบถามอะไรข้าหรือเชื่อข้าเลย  ทั้งๆเป็นคนบ้านเดียวกัน
ข้าบอกแล้วว่าจะไม่บอกแก่ใครเพราะเกรงกลัวกำนันที่จะเอาเรื่อง แต่กำนันไม่ยอม 
      บัดนี้ถึงวาระที่กำนันสร้างกรรมไว้จะชดใช้แล้ว      ข้ารอเวลานี้มานานเหลือเกิน 
โน่นๆๆๆ....เมียข้าก็รอกำนันชดใช้เวรกรรมที่กำนันทำกับเขาด้วยเหมือนกันกับข้า
แรงอาฆาตข้าและเมียลูกข้า   จึงไม่ยอมไปผุดไปเกิดทั้งๆที่บุญข้าสร้างไว้ก็มีมาก”

     อสุรกายเอ่ยขึ้น  พลางชี้มือไปหน้าปากถ้ำให้กำนันดูว่า บัดนี้มีใครอยู่บ้าง
   กำนันเมื่อรับฟังอสุรกายกล่าวเช่นนั้นก็พลันนึกถึงเรื่องราวนั้นขึ้นมาได้ยิ่ง
ที่ในความเห็นแก่ตัวมันมากยิ่งขึ้น   ความหวาดกลัวยิ่งจับจิตใจมันจนตัวสั่นๆ 
  ถึงแม้เขาจะมีปืนอาวุธร้ายแรงก็จริงอยู่  กำนันรู้ว่าหากมาใช้กับพวกผีไม่ได้ผล
แต่ความสพรึงกลัวทำให้กำนันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง  พยายามกระเสือกระสน
ดิ้นรนทั้งๆที่ได้รับบาดแผลบาดเจ็บมาก  เลือดด้านหลังยังยิ่งซึมผ่านมาลงใน
กางเกงที่กำนันใช้สวมอยู่  ด้วยความอยากรู้มีอะไรจึงได้หันไปแลตามมือมันชี้
  มองตามมืออันน่าเกลียดน่ากลัวที่ชี้ไปยังปากถ้ำ ซึ่งตอนเข้ามาไม่พบสิ่งใดๆเลย
 แต่บัดนี้  ยังมีร่างอสุรกายทั้งลูกๆมันยืนคร่อมร่างมันไว้อีกด้วย
    ที่เห็นนั้นปรากฏร่างของสาวชาวป่าแห่งหมู่บ้านมันเอง ยืนเท้าสะเอวจ้องมองอยู่
กิริยาท่าทางโกรธแค้นมาก ดวงหน้าที่เละเทะส่งกลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลไปทั่ว
 ทำให้กำนันต้องกอดปืนแทนเพื่อจะเรียกร้องความอบอุ่น
   
   ทั้งหัวใจมันแสนจะเย็นยะเยือกจนกระทั่งร่างมันสะท้านหนาวสั่น
เพื่อทำจิตใจมันเรียกร้องใจคร่ำครวญให้ได้ความเข้มแข็งขึ้นบ้าง
   แต่เสียงนั้นช่างเยือกเย็นโหยหวนบาดลึกเข้าไปในจินใจกำนันนัก
    ปากกำนันเริ่มก็ร้องขอความเห็นใจจากเหล่าอสุรกายเสียงแผ่วเบามากว่า
  “ ยกโทษให้แก่ข้าเถิดๆ ข้ากลัวแล้วต่อไปจะกลับตัวเป็นคนดีไม่ทำอีกแล้ว”
   อสุรกายภายในทำ ก็พลันกล่าวขึ้นอีกว่า
   “ แล้วทีข้ากลับเมียข้า ตลอดลูกๆข้าก็เคยร้องร้องขอความช่วยเหลือจากกำนัน
เช่นเดียวกัน  แต่ๆๆทำไมกำนันไม่เห็นใจพวกข้าที่เป็นคนจนหาเช้ากินค่ำเสียบ้าง
จวบจนวิญญาณข้ามิอาจจะไปผุดไปเกิดได้ จนเกิดแรงอาฆาตแก่กำนัน  ทำไมๆ
ตอนนี้ครั้นมาถึงแก่ตัวกำนันนั้น จึงมาขอร้องความเห็นใจแก่พวกข้า ตอนนั้นทำไม
ไม่คิดเสียบ้างล่ะ???... กำนันก็รวยแสนจะรวยแต่เป็นถึงกำนันไม่เห็นอกเห็นลูกบ้าน
บ้างเลย กับใช้อำนาจพวกพ้องมากมาย เที่ยวข่มขู่ชาวบ้าน ให้กลัวตกอยู่ในอำนาจ
แม่แต่ข้าและครอบครัวเอง พยายามหลีกเลี่ยงมาเที่ยวหาของป่าเพื่อจะไม่ยุ่งเกี่ยวข้อง
กับกำนันและพวกเลย เก็บเล็กผสมน้อยไว้ทำบุญบ้างกินบ้าง ข้ายอมรับชะตากรรม
ชีวิตของตนเอง  บัดนี้มาถึงคราวชะตาจะสิ้นฆาต กลับมาร้องขอความยุติธรรมแก่
พวกข้า สมควรแล้วหรือที่จะได้รับการอภัยเช่นนี้ “  

    เสียงหน้าถ้ำร้องดัง หวี๊ดๆๆๆ....ล่องลอยมา  กำนันหันไปทางหน้าถ้ำ
ทันทีแล้วต้องผงะ  เมื่อแลเห็นร่างผู้หญิงผอมๆสูงๆ ผมยาวเป็นฟูฝอยกระเซิง
สยายยาวลงมาด้านหลังแทบจะถึงบั่นเอว  ส่วนผมด้านหน้าถูกแหวกออก
เห็นเฉพาะหน้าเท่านั้น  ฟันซีโตๆเกๆไปๆมาๆซึ่เท่าจอบฟันดินของแต่ละซี่  
กำลังเอ่ยถามเหมือนกันว่า....
     “เอาชีวิตข้าคืนมา ๆๆๆ....ช่างโหดร้ายจริงๆ ไม่ทำเฉพาะผัวข้าและข้าแล้ว  
ยังให้คนไปยิงลูกสาวลูกชาย  ฆ่าเขาอย่างเหี้ยมโหดตายทั้งเป็นทั้งๆที่ยังไม่ตาย
กับถูกไฟเผาเสียไหม้เกรียมทุกข์ทรมานยิ่งขึ้นกว่ากำนันเสียอีก โน่นแน๊ะกำนัน  
   พลางร่างของปีศาจร่างผู้หญิงก็ชี้ไปข้างกายมัน  กำนันคงจะจำได้ว่าพวกข้า
คือใครเป็นใคร นั่นลูกข้าทั้งสามล้วนแล้วแต่ตัวไหม้บ้างไม่ไหม้บ้าง  ข้าแม้จะ
เป็นวิญญาณแต่ก็คอยคุ้มครองลูกข้าแต่ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ ตัวกำนันยืนสั่งการ  
        ดูซิๆๆว่าลูกชายและลูกหญิงข้าเป็นอย่างไรบ้าง   ข้าและผัวข้าพร้อมกับ
ลูกๆข้าคอยวันนี้มานานแล้ว  ไม่คิดเลยว่าจะได้แก้แค้น เมื่อเวรกรรมของกำนัน
สร้างไว้มากๆ จึงเปิดโอกาสให้แก่ครอบครัวข้า”
       ข้างๆปีศาจหญิงตนนี้มี่ร่างเด็กชายสองคนเด็กหญิงหนึ่งคน  ต่างหัวร่อดีใจกัน
แต่ใบหน้าซิมันมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเป็นรอยไหม้ไฟเกรียม
      เสียงแหลมเล็กๆดังลอดออกจากปากเด็กทั้งสองกล่าวกับกำนันพร้อมชี้ไปที่
ใบหน้าของมันให้กำนันดู    พลางร้องด้วยเสียงคร่ำครวญโหยหวนว่า......

      “ กำนันใจร้ายๆๆๆกำนันใจร้ายจริงๆ    พวกข้าไม่อโหสิกรรมให้แก่กำนัน
หรอกไม่ต้องคิดมาแผ่กุศลให้พ่อแม่ข้าและน้องๆเลย  กุศลกำนันก็ไม่มีอะไร
อยู่แล้ว    หากสร้างทำบุญไปก็ด้วยต้องการเอาหน้ามิได้มีศรัทธา อย่างแท้จริง
      ทำบุญหวังเพื่อเอาหน้าเท่านั้นพอลับหลังก็ด่าพวกชีและพระสงฆ์อีกด้วย
ว่าดีแต่ขอเขากิน ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่างหนึ่ง ยกของประเคนก็หันหน้าไป
ให้พวกถ่ายรูป เพื่อเอาอวดพวกหมู่บ้านเราว่า ข้าเป็นคนใจบุญสุนทานเท่านั้น
  ดังนั้นกุศลกำนันจึงไม่มี  ถึงมีก็นิดๆหน่อยๆคงเป็นบุญเก่าๆ ของกำนันเอง 
ซึ่งตอนนี้ไม่เหลือพอที่จะช่วยกำนันได้แล้วล่ะ  ที่พอเพียงขัดขวางพวกข้าไว้ได้
จึงจะต้องชดใช้กรรมหนักที่กำนันสร้างไว้หรอก  ไม่มีใครจะมาช่วยอีกแล้วล่ะ 
      มาเถอะกำนันมาอยู่แทนที่ข้าก็แล้วกัน    เมื่อกำนันตายไปแล้ว  แผ่นดินคงจะ
สูงขึ้นอีกมากมาย ท่านเจ้าป่าเจ้าเขาท่านก็อนุญาตแก่พวกข้าแล้ว  และบริวารท่าน
ก็จะไม่มากีดกั้นขัดขวางพวกข้า    เพื่อจะให้พวกข้าจะได้ไปผุดไปเกิดเสียที 
   ถือว่าอโหสิกรรมแก่พวกข้าไว้ก่อนก็แล้วกันที่ทำกับพวกข้าไว้มากมายนัก
 ก่อนตายข้าแสนทุกข์ทรมานถูกเผาทั้งเป็น ดวงวิญญาณข้ามิอาจจะไปไหนได้
มาซิมาๆแทนพวกข้าไว้ด้วย ” 
           ลูกชายคนโตของอสุรกายเอ่ยพลางยื่นมือยาวอันน่าสพึงกลัวยื่นมาพร้อม

      ส่งเสียงหัวร่อ แสดงความดีอกดีใจ  แต่มือของพวกมันก็ยื่นยาวมาพร้อม
กับพ่อแม่และน้องๆมันแล้วคว้าคอกำนัน บีบลงไป บ้างดึงคอกำนันให้ยาวๆ
 บ้างลากขากำนัน บ้างดึงแขนขากำนัน  ด้วยความเจ็บปวดแผลที่โดนยิงอยู่แล้ว
ยังมาได้รับการฉีกแขนขา ฉีกขาจนกระดูกมันลั่นถึงแม้จะไม่หลุดก็ตามที 
และยังซ้ำมารับการทรมานจากพวกปีศาจเหล่านี้  ทำให้ดวงตากำนันเหลือกโพลง
     เมื่อโดนมือทั้งสี่ของผีผัวเมียลูกต่างขย้ำลงบนคอหอยมัน   กำนันรู้สึกว่า
ลมหายใจของมันขัดข้องค่อยๆจางหายไปทุกๆที  
ครั้นจะร้องขอความช่วยเหลือ  ก็ร้องไม่ออก ดวงตากำนันเริ่มโปนออก
จากเบ้าตาทันทีพร้อมมีเลือดๆๆไหลออกเปอะเปื้อนเสื้อผ้าใส่ผสมกับเลือด
ที่ถูกยิงกำลังจะแห้งเกรอะอยู่ผสมผสานกันออกมาเป็นทาง
      เสียงหัวร่อของปีศาจทั้งห้าร้องโหยหวนระงมไปทั่วๆบริเวณ  เมื่อยิ่งแลใบหน้า
เห็นร่างของกำนันเริ่มลมหายใจอ่อนลงๆทุกขณะ จนร่างกายกำนันแน่นิ่งไป
ไม่ไหวติง  คอกำนันเริ่มหมุนไปรอบๆตามตามแรงมือของ
บรรดาผีผัวเมียและลูกๆของอสุรกาย จึงพากันปล่อยมือมันทั้งหมดออกมามอง

        เหล่าวิญญาณอาฆาตครั้นเห็นวิญญาณของกำนันออกมาจากร่างเดิม  
มานั่งก้มหน้ายกฝ่ามือปิดหน้ามันเท่านั้น
 ก็พากันต่างส่งเสียงหัวร่อ ต่างพากันกอดกันกลม ฝ่ายปีศาจพ่อ
ก็พลันกล่าวเตือนขึ้นแก่พวกแม่ลูกทั้งหลายว่า 
     “ นี่แม่และลูกๆทั้งสาม  ให้พยายามนึกถึงบุญกุศลที่เราสร้างไว้ร่วมกัน
ให้โดยเร็วนะ ผลบุญกุศลจะทำให้พวกเราได้ไปสู่ทางสุคติกัน
ตามแต่เวรกรรมของเรา
 ซึ่งกำลังจะส่ง  พวกเราให้ได้ไปผุดไปเกิดเสียที  อาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว 
  ด้วยต่างวาระกรรมกันของแต่ล่ะคน  พ่อขอลาก่อนลาพวกเจ้าไปก่อน เจ้าๆก็
เหมือนกัน ต่างไปต่างที่ต่างทางกัน    ในเมื่อแรงอาฆาตพวกเราได้จบสิ้นไป 
กำนันมันตายแล้วอโหสิกรรมแก่มันด้วยเถอะน๊ะ ด้วยมันจะมาแทนที่เรา”
     “ จ๊ะพี่...จ๊ะ...พ่อ....”  เสียขานรับจากปีศาจทั้งห้าที่พากันกอดกันกลม 
บ้างหลั่งน้ำตาร้องไห้คร่ำครวญ  จนปีศาจพ่อต้องห้ามอีก บอกว่า
“พวกเจ้าอย่าทำเช่นนั้นให้นึกถึงพระที่เราใส่บาตรสร้างโบสถ์ไว้ให้มากๆนะ 
 มิฉนั้นจะทำให้พวกเราไปผุดไปเกิดไม่ได้ต้องวนเวียนในที่นี้ต่อไปอีก” 
      ปีศาจผู้พ่อกล่าวกับเมียและลูก เตือนให้นึกถึงแต่พระกรรมดีไว้ ตั้งจิตให้
บริสุทธฺด้วย หากเราอโหสิกรรมให้เขาแล้ว จิตใจเราก็จะปลอดโปร่งเอง ”
      “จ้าๆๆๆ....พ่อฉันและพวกหนูจะจำและทำตามจ้าๆ”.....

  แล้วทั้งหมดก็พากันมองไปยังร่างกำนันที่นอนตายตาเหลือกถลนออกมา
จากนอกเบ้า  แล้วยกมือพนมกันทั้งห้าขึ้นอโหสิกรรมแก่ดวงวิญญาณของ
กำนัน  ที่กำลังนั่งจับเจ่าเหม่อตามองร่างเดิมของมัน ไม่สนใจอะไรๆทั้งสิ้น
   ร่างผู้พ่อก็ค่อยๆจางหายไปจากส่วนล่างจนหมด แล้วร่างผู้เป็นแม่และลูกๆ
ก็เริ่มจางหายไปทีละน้อยๆจนหมดสิ้น  คงทิ้งร่างที่ไร้วิญญาณนอนในถ้ำ
แต่เดียวดาย  ส่วนวิญญาณของกำนันนั้นก็ล่องลอยไปๆมาๆอยู่ในบริเวณนี้
แทนครอบครัวที่มันทำร้าย  ด้วยใจที่อำมหิตยังฝังลึกอยู่ภายใน....
    พลางมานึกเสียใจแต่ก็สายไปเสียแล้ว ยิ่งเห็นร่างพวกอสุรกายทั้งหลายต่าง
พากันไปผุดไปเกิด  เหลือวิญญาณมันกับร่างเดิมของมัน  กำนันก็ใจหายวาบ
คงเหลือมันที่ต้องเฝ้าถ้ำนี้แต่เดียวเดียวดาย
 พลางวิญญาณมันก็ให้อโหสิกรรม อย่าจองเวรกันและกัน ทำให้มันจิตใจดีขึ้น
     ด้วยผลบุญกุศลมันไม่เคยกระทำไว้ จึงต้องเร่รอนวนเวียนภายในถ้ำนี้ไป
ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะหมดเวรตามอายุไขมัน จะได้ไปจากที่นี้ชดใช้หนี้เวร
ของมันที่กระทำไว้ในโลกมนุษย์นี้ ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกนานสักเท่าไหร่จะได้
เกิดมาเป็นมนุษย์ได้อีกเมื่อไหร่???.....

        ความมืดก็เข้ามาแทนที่ซึ่งตอนนั้นมีแสงสลัวๆพอเห็นกันได้ แสงสะท้อน
จากแม่น้ำที่ยังพอจะกระจายมาจาก แสงตะเกียงเจ้าพายุ ที่ลอดช่องพุ่มไม้เข้ามา
บัดนี้กลับคืนสู่สภาพเดิม  ความเงียบก็เข้ามาปกคลุม คงได้ยินแต่เสียงจักจั่นเรไร
และสัตว์หากินกลางคืนเท่านั้นที่บินวนไปเวียนมา โฉบฉวัดไปในป่านั้นตามปกติ
ด้วยมันคงจะหาอาหารกันกินประทังชีวิตมันตามประสาสัตว์หากินหากินกลางคืน
      ส่วนกำนันใช้นั้นเล่าที่โดนยิงยังที่บริเวณสะโพก และแขนมันหนีบปืนพลาง
กระโผลกกระเผลก  ทั้งๆที่ความปวดแทรกซึมเข้ามามาก  แต่ความกลัวตำรวจมี
มากกว่า  มันจึงพยายามดิ้นรนแบบคนหนีตาย  ท้องที่แถบนี้มันไม่รู้หนทางใดๆ
จึงเดาต้องการให้ไปไกลแสงไฟเจ้าพายุให้ไกลที่สุด
       พลางก้มตัวหลบหลีกหาทางหนี กระเซาะกระเซิงมาทางแถบด้านภูเขาแยกจาก
พวกมันมาเพียงคนเดียวแต่ ด้วยความมืดปกคลุมไปทั่ว ไม่เห็นทาง ได้แต่เพียงแหวก 
 พุ่มไม้ต่างๆ   มันคิดว่าหนีห่างไกลมามากแล้วแต่ที่จริง ยังคงวนเวียนอยู่ในบริเวณ
แถวๆนั้นเอง

     ร่างมันต้องทิ้งกายลงกับพื้นทันที เมื่อเห็นเงาไหววูบๆวาบๆไปมา อันเกิดจากพุ่มไม้
ต่างๆโดนลม  กำนันใช้นึกว่าพวกตำรวจติดตามมันเข้ามา  ครั้นแลเห็นพุ่มไม้ที่ไหวๆ
พลางประทับปืนขึ้นแล้วยิง  เสียงปืนดังสนั่นลั่นป่าไปหมด  ทำให้พวกนกหากินกลางคืน
ตกอกตกใจพากันบินหนีกันว่อนไปทั่ว
     เสียงพรื่บๆพรับๆ ดังไปทั่ว  เสียงปืนนี้นี่เองทำให้บรรดาตำรวจและหุ่นได้ยินเสียงปืน
ต่างกระจายกำลังออกค้นหาทันที   ครั้นแลเห็นประกายแสงไฟที่แลบออกมาจากปาก
กระบอกปืน   เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยิงใส่กระสุนไปยังเป้าที่แลเห็นประกายไฟทันใด
     ร่างของกำนันใช้ที่นอนราบกับพื้นรีบลุกขึ้นวิ่งไปยังโคนต้นไม้ใหญ่หมายหลบกระสุน
พร้อมทั้งยิงใส่ไปยังพวกหุ่นและตำรวจ   ฝ่ายตำรวจเห็นเงาตะคุ่มๆกำลังวิ่งไปยังต้นไม้
จึงปล่อยกระสุนออกไปอีกชุดหนึ่ง  ร่างกำนันใช้ทะลึ่งพรวดตามแรงกระสุนปืน ร่าง
ของมันเต้นเร่าๆไปตามแรงของกระสุน  ที่ยิงใส่ร่างกายของมันพรุนไปด้วยกระสุนปืน
 แล้วก็ล้มฟุบสิ้นใจตายไปทันที........

                        *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
13 ธันวาคม 2553 21:21 น.

อทิสมานกาย ๔๗

แก้วประเสริฐ

76.gif
                               อทิสมานกาย   ๔๗

   น้...า...ๆๆจ๋..า...น้า...จ๊ะ  เล่นซ่อนหากัน..หรือจ๊ะ  หนูเล่น..ด้วยคนซิจ๊ะ
เสียงนั้นดังพร้อมกับสะกิดร่างพวกเลื่อยไม้และพวกขับรถที่แอบซ่อน
ตัวอยู่ใต้โคนไม้ใหญ่  หลังก้อนหินบ้างแอบมองยังลานที่ใช้ในการเลื่อย
ไม้แปรรูป  กับพวกคุ้มครองพวกมันอยู่  
    ครั้นแลเห็นพวกที่ถือปืนบางคนวิ่งหนีเข้าเต๊นท์ไป  บ้างที่ใจแข็งก็ยัง
แอบอยู่หลังโคนต้นไม้และก้อนหินใหญ่ ด้วยอยู่ระยะไกลๆกับเต๊นท์ที่
หลบซ่อนได้  ครั้นจะวิ่งหนีไปก็ขาสั่นแทบจะก้าวขาไม่ออกเลยด้วย
ความกลัวต่อเสียง บรรดาพวกมันต่างแลเห็นกันทุกๆคน 
     ต้นไม้อะไรมันโอนเอนไปๆมาๆสูงขึ้นเรื่อยๆซ้ำรู้สึกว่ามันจะเดิน
เข้ามาหาพวกมันทำให้พวกมันตัวสั่นมือไม้สั่นไปหมด 
  จึงก้าวขาไม่ออกนอกจากทำตาเหลือกไปๆมาๆ ดวงตาเบิกโพลง 
 แม้แต่ปืนที่ถือยังสั่นระริกอยู่  บ้างปากอ้าตาค้างกัน  เมื่อต่างคนต่างเห็น

     บรรดาต้นไม้นั้นกำลังก้าวเดินมาหามัน   พวกมันหลับตาปี๋กัน
ตัวสั่นยังกับลูกนกตกน้ำมิปาน  ภายในเต๊นท์ที่พวกกำนันเริ่ม
 กำนันหวนและกำนันใช้  กำลังปรึกษาหารือกันเรื่องงานอยู่
ก็ต่างตกอกตกใจต่างคว้าปืนพกที่เหน็บเอวออกมา 
 หันหน้าไปทางเข้าเต้นท์ทันที
    ครั้นเหลือบแลเห็นลูกน้องมัน ต่างคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงตัวสั่น
ไปตามกันก็ชักสงสัย  กำนันเริ่มจึงเดินไปหาพลางดึงผ้าห่มออก
  ส่งเสียงดังถามพวกมันทันที
     “  เฮ้ยๆๆๆ!!!!.....กูให้พวกมึงเฝ้าระวังทำไมเสือกวิ่งหนี
จ้าละหวั่นแถมมาก็เอาผ้าคลุมโปงกันหมด  ไอ้ห่าๆๆเสือกพ่อมึง
เข้ามาจะทำอย่างไรกันล่ะโว้ย??...”

   “ นายมันๆไม่ใช่คนมันเป็นพวกผ..ี..ๆ...ครับนาย ”   พวกมันตอบ
ทั้งๆตัวสั่นอยู่    พลางแย่งผ้าห่มเพื่อจะคลุมโปงต่อไป
   “  คนนั้นผมไม่กลัวอะไรหรอกครับ  บอกตรงๆว่าผมกลัวผี
มากกว่าคนครับนาย”
มันตอบพลางดึงผ้าห่มมาคลุมโปง  ต่อไป  เล่นเอากำนันเริ่ม
กำนันหวนและกำนันใช้   ต่างหน้าตาเหลิ่กหลั่กมองตากันไปๆมาๆ
    ครั้นได้ยินเสียงตอบจากพวกมันก็แปลกใจ  ต่างรู้ว่าลูกน้อง
พวกมันเป็นคนอย่างไร   การใช้งานแต่ละครั้งคนหลายๆคนมัน
ยังเข้าไปจัดการได้โดยไม่หวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น
    ด้วยความต้องการจะรู้ความจริง จึงชวนกันเดินออกจากเต๊นท์ไปพิสูจน์
ครั้นทั้งสามเดินตรงไปยังลานที่เครื่องจักร ต่างก็ชะงักกันเมื่อแลเห็นเงาๆ
วูบๆวาบๆ  แต่ที่มันเห็นร่างอันสูงชะลู๊ด เเดินแกว่งแขนไปมา ตอนแรก

    ก็ยังคิดว่าเป็นต้นไม้  พอเพ่งๆมองทั้งสามก็รู้ว่าอะรคืออะไร ต่างวิ่งหนี
กันเข้าเต๊นท์ไปทันที  ทีนี้มันรู้แล้วว่าที่ลูกน้องมันกลัวคืออะไรกัน  ทั้งสาม
พากันสวมกอดกันอย่างกับคู่รักกันปานจะกลืนกินมิปาน ทั้งสามร่างสั่นไป
ปากคางสั่น จนฟันกระทบกันดังออกมาได้ยินชัดเจน
      ด้านผู้กองจำลองพลางหันไปทางเจ้าสินชัยว่า 
    “ จะลงมือกันได้แล้วยังล่ะสินชัย”  ผู้กองถาม
    “ ผมคิดรอคอยสักพักก็จะดีครับผู้กอง ตอนนี้ผมกำลังเล่นจิตวิทยากับพวกมัน
โดยอาศัยพวกของเจ้าป่าเจ้าเขา  หลอกหลอนพวกมันก่อนจะได้เข้าจับกุม
ได้ง่ายๆครับ     แต่ทว่าผู้กองและพวกตำรวจจะกลัวหรือไม่ครับ  
หากกลัวให้ไปบอกพวกเราว่า
    “ที่เห็นนั้นเป็นพวกเราทั้งสิ้นไม่รบกวนอะไรหรอก  ผมคิดว่าพวกเจ้าป่า
เจ้าเขาคงจะรู้  พวกเราคงจะไม่เห็นอะไรๆหรอก  เดี๋ยวผมจะส่งกระแสจิตไป
บอกมันก็ดีเหมือนกัน”  เจ้าสินชัยตอบผู้กอง
    “ งั้นตามใจสินชัยก็แล้วกัน หากพร้อมเมื่อไหร่บอกผมด้วยจะสั่งให้พวก
ตำรวจเข้าทำการจับกุมเสียเลย”  ผู้กองจำลองเอ่ยขึ้น
    “ แล้วผมจะแจ้งให้ทราบหากถึงเวลาครับ”  เจ้าสินชัยเอ่ยขึ้น
   พลางหันไปสั่งให้ตำรวจทั้งหลายรู้  แต่จริงๆแล้วพวกตำรวจนั้นไม่เห็นอะไร
สักอย่าง  เพียงเห็นพวกนั้นพากันแตกตื่นต๊กใจอะไร ก็แปลกใจกันตามๆกัน

    “ผมถามเจ้าพวกของเจ้าป่าเจ้าเขาแล้วครับ ว่ากำบังร่างไว้ไม่ให้ตำรวจ
ได้เห็นอะไรๆหรอกครับ  ผู้กองไว้ใจได้  ”  เจ้าสินชัยรายงานให้ผุ้กองทราบ
เห็นผู้กองพยักหน้ารับ  ด้วยผู้กองเองก็ไม่เห็นอะไรผิดสังเกตุ 
    ครั้นเหลือบมองบรรดาต้นไม้ก็เห็นเป็นปกติ จะไหวเอนมีบ้างก็ด้วยสายลม
 ซึ่งพัดค่อนข้างแรงเท่านั้น คงเป็นลมจากแม่น้ำและย้อนกระทบเย็นจากภูเขา 
ผู้กองคิดด้วยความแปลกใจที่เห็นเหล่าร้ายต่างหนีกันกระเจิงจะมีบ้างที่ยังหลบ
ซ่อนอยุ่   คิดว่าคงจะเป็นพวกทางลำเลียงสิ่งของมา  ที่ไม่กล้าเข้าไปในเต๊นท์
      ทางด้านพวกด้านเลื่อยไม้และพวกขับรถ กำลังแลดูพวกมันวิ่งหนี เมื่อมีมือ
มาสะกิดมันตลอดเวลา     กลัวตำรวจก็กลัวจึงหันหลังกลับไปพลางตวาดว่า
   “ไอ้ห่าเอ๊ย!!!!!....มาสะกิดหาพ่อแม่มึงเหร่อ??..”
แล้วตามันก็เหลือกโพลนเมื่อมันสิ่งที่มาสะกิดมัน เป็นเด็ก  มือนิดเดียวตัว
ผอมแห้งแต่หัวมันใหญ่โตดังกับกะพ้อมใส่ข้าว ดวงตาใหญ่เท่าไข่ห่าน

      “เหว๋อๆๆ...เฮ้ย...ผี...โว้ย????.....”  แล้วลุกขึ้นหลับตาวิ่งหนีไปทันที  หัวมัน
ชนกับต้นไม้ บ้างหินบ้าง  พวกมันทุกๆคนเจอกันหมด เป็นร่างเด็กชายบ้าง เด็กหญิง
บ้าง แต่รูปร่างมันแตกต่างกันไป  บางคนเจอโครงกระดูกร่างเด็ก บ้างเจอร่างเด็กหญิง
     รูปร่างแต่งกายสวยแต่ใบหน้ามันแก่เละเฟะ ตาถลนออกจากเบ้า
ห้อยกระรุ่งกระริ่ง   แต่ปากมันไถ่ถามชวนพวกมันมาเล่นซ่อนหากัน
 บ้างเจอท่อนบนเป็นคนท่อนกลางเป็นซี่โครงท่อนร่างก็เป็นคนแตกต่างกันไป
ไม่เหมือนกัน  ตามสถานที่ต่างที่ใช้หลบซ่อนตำรวจ
     ที่แน่ๆพวกมันต่างลุกขึ้นกระโจนวิ่งหนี ปากร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวต่อ
สิ่งที่เห็น   ส่วนร่างกายของพวกมันต่างวิ่งหนีกัน โดนชนกับต้นไม้ก้อนหิน
หัวแตก แขนขาถลอกปอกเปลือกกันทั้งสองฝ่ายเลือดไหลอาบโชกไปตามๆกัน

       ฉับพลันเสียงดัง ฉับๆๆ...มือพวกมันถูกกระชากไขว่หลัง  เสียงดังนั้นคือ
กุญแจมือตอนนี้มันไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแล้ว  มันเห็นพวกตำรวจเป็นพวกผี
ไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก   สติแตกกระเจิงกันไปทั่วทุกๆตัวคน ได้แต่แหกปาก
ร้องลั่น   บ้างโวยวายเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณลานและป่า จนตำรวจสงสัยนัก
    มันก็ยอมทุกๆอย่างพยายามจะวิ่งหนีไปให้พ้น  แต่ร่างมันติดกับต้นไม้พยายาม
ดึงเพื่อวิ่งหนี ต้นไม้นั้นล้วน  แต่เป็นไม้เนื้อแข็งเล็กๆขนาดต้นแขนพวกมันแต่
ด้านหลังมือมันถูกโอบต้นไม้แต่ถูกสวมใส่กุญแจมือทั้งสิ้น   พวกมันพยายาม
ดิ้นรน แต่ปากมันก็ยังร้องแรกแหกกระเฌอตลอดเวลาตามันหลับปี๋   
  พวกมันถูกจับกุมกันหมดทั้งสิ้นแต่ปากมันยังร้องอยู่ตลอดเวลา พร่ำๆเพ้อๆว่า
     “ช่วยด้วยโว้ยใครก็ได้ช่วยกูที  ผีมันหลอกกูว๊ะ   กูถูกผีมันจับติดกับต้นไม้
ไปไม่ได้โว้ย ช่วยกูด้วยๆ ”    เสียงร้องของมันดังลั่นก้องไปทั่ว  
ได้ยินเข้าไปในเต๊นท์และ  พวกที่ฝั่งโน้นลำเลียงไม้มาซึ่งมันต่างพากันตกใจจน
      พวกที่ตั้งสติได้คือพวกลำเลียงไม้มา พากันมองเหลิ่กหลั่กพวกมันต่างพากัน
 เหลียวกับหน้าหลัง    ครั้นความกลัวมากจนลบความกลัวกลายเป็นคนขาดสติ

    เมื่อพวกมันแลเห็นคนพากันเดินออกจากแนวป่า  พวกมันจึงยกปืนขึ้นลั่นไก
ส่งกระสุนออกจากลำกล้องไปอย่างไม่ยับยั้ง    ลืมตาบ้างหลับตาบ้าง
 ยิงในสิ่งที่มันเห็นกำลังเดินเข้ามาหาพวกมัน   ไม่คำนึงว่าเป็นสิ่งอะไรบ้าง
      เสียงกระสุนรัวดังลั่นสนั่นหวั่นไหว  ปั้งๆๆๆพรืดๆๆๆสลับสับเปลี่ยนไปๆมาๆ
  เล่นเอาพวกในเต๊นท์ต่างตระหนกตกใจ  ลืมความกลัวไปชั่วขณะต่างคว้าปืนออกมา
  ครั้นแลเห็นบริเวณ แนวป่าล้อมรอบเครื่องจักรที่ตอนนี้เสียงหายไปแล้ว
ด้วยน้ำมันหมด ขาดการเติมน้ำมัน  ดีที่แสงไฟเจ้าพายุไม่ได้อาศัยเครื่องปั่นไฟฟ้า  
ไฟใช้ร่วมกับเครื่องปั่นไฟรวมกับบรรดาเครื่องจักรเลื่อยไม้ใช้เฉพาะเครื่องจักรเท่านั้น
   มิฉะนั้นบริเวณนั้นคงมืดสนิทไปทั่ว   พวกในเต๊นท์พวกกำนันทั้งหลายลืมความกลัว
กลับไปกลัวพวกตำรวจมากกว่า  พากันออกนอกเต๊นท์ช่วยกันระดมยิงร่างตามแนวป่า

     แต่พวกมันก็ตาเหลือกค้างด้วยเห็นว่ากระสุนนั้นถูกเป้าหมายอย่างจังปืนมันเป็นปืน
เอ็ม๑๖ ที่สามารถยิงในระยะนี้ได้อย่างแม่นยำ   แต่พวกนั้นยังคงเดินเข้ามาหามันอีกอย่าง
ไม่สะทกสะท้าน  ร่างเหล่านั้นเดินเข้ามาหามันเห็นเพียงแต่ถือโล่ห์ ดาบ  หอก อาวุธอื่นๆ
และมีดปลายแหลมหาได้มีปืนใดๆไม่  หรือว่า....มันคิดไปยิงไปจนกระทั่งความกลัวจน
     มันเลิกคิดเสียแล้ว  พลางเล็งเป้าหมายปล่อยกระสุนไปอีกชุดหนึ่ง เสียงดังพรืดๆๆๆ
ปลอกกระสุนกระเด็นทั่วไปบริเวณ  ทางด้านที่เดินเข้ามาเพียงเห็นเซผงะถอยหลังเท่านั้น
 แล้วก็เดินเข้ามาใหม่    ตามันเหลือกค้างโพลนยามที่ลูกปืนหมด  รีบบรรจุกระสุนมื่อสั่นๆ
     ส่วนทางกำนันเริ่ม กำนันหวนและกำนันใช้ ความกลัวหายไปหมดสิ้น 
ต่างพากันกล่าวปรึกษากันขึ้นว่า
     “ เฮ้ยไอ้ใช้ไอ้หวน  เห็นว่าจะรับมือไม่ไหวเสียแล้วว๊ะ หากพวกเราถูกจับจะเป็นเรื่อง
ใหญ่นา  ด้วยเราเป็นกำนันด้วยจะเดือดร้อนในครอบครัวกันยกใหญ่”  กำนันเริ่มเอ่ยขึ้น
     “เออๆๆข้าก็เห็นด้วยว๊ะ???...  เอาอย่างนี้ดีกว่าเรายิงไปพลางหาทางหลบหนี
ให้รอดแล้วกันว๊ะ???....” กำนันใช้กล่าวขึ้น

      “ เออจริงๆอย่างไอ้เริ่มพูดเหมือนกัน หากถูกจับได้ยุ่งกันใหญ่เชียวนะโว้ย 
อย่างนี้ดีกว่าพวกเราต่างแยกย้ายกันหลบหนีไป  
หากใครถูกจับได้ก็อย่าซัดทอดกันก็แล้วกัน” กำนันหวนเอ่ยขึ้นบ้าง 
     “ เออๆดีๆๆว๊ะ ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน อย่าซัดทอดกันเชียวนะโว้ย
  คนรอดก็หาทางช่วยกันต่อไปอย่าลืมกันเสียล่ะ???..... ”      
      พวกกำนันต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน   
      สิ่งที่พวกมันกลัวที่สุดในตอนนี้คือตำรวจ  ด้วยมันเป็นกำนันหากถูกจับได้แล้ว
อะไรจะเกิดขึ้นกับครอบครัวมัน  ด้วยความคิดถึงครอบครัวทำให้มันลืมตัวกลัวตาย
   พลางคว้าปืนทีซ่อนไว้ออกมา   ออกไปยิงต่อสู้พลางพยายามหาทางหลบหนีไป
      ทันใดนั้นเองเสียงปืนของตำรวจหลากหลาย  ก็ดังออกมาจากหลังแนวหุ่นที่เดิน
ออกไปก่อนนั้น ทั้งๆที่ตำรวจเองก็แปลกใจยิ่งนัก  แต่คิดว่าคงจะเป็นอำนาจของ
พระเครื่องที่พวกตำรวจต่างทราบกันทั่วและพวกเขาก็ยังห้อยคล้องคออยู่ ยิ่งเพิ่มกำลัง
ใจขึ้นมาอีกมากมาย  ความกลัวอาวุธปืนจางหายไปสิ้น ในเมื่อแลเห็นพวกข้างหน้า
ซึ่งไม่รู้นี่คือหุ่นเสกของชายหนุ่มหัวหน้าพวกมันนั่นเอง

      แม้ถูกยิงจนเซถลา บ้างหงายหลังลงไปก็ลุกขึ้นถือแค่มีดดาบโล่ห์หอกเท่านั้นยัง
เดินหน้าเข้าหาพวกผู้ร้ายอย่างไม่เกรงกลัว  กระสุนปืนจากตำรวจดังพรืดๆๆคล้ายเสียง
ปืนกลสายพานคล้องเล็กๆ   ก็แลเห็นร่างของพวกผู้ร้ายเหล่านั้นต่างล้มหงายดิ้นพราดๆ
ไปตามกัน  เสียงร้องระงมดังไปทั่วทั้งในเต๊นท์และนอกเต๊นท์  ส่วนพวกลำเลียงจาก
ฝั่งโน้นต่างล้มตายกันสิ้นทั้งหัวหน้ามัน  บ้างตายใต้ก้อนหินและโคนไม้ บ้างวิ่งไปตาย
ยังท่าเรือมีมีสพานเชื่อมต่อไปที่เรือ ส่วนพวกในเรือนั้นก็ถูกระเบิดน้อยหน่าระเบิดฉีก
 ร่างและเรือกระจายลอยขึ้นท้องฟ้าลอยไปทั่ว เศษไม้เรือปลิวว่อน
      ลูกระเบิดที่ขว้างใส่คงไปถูกถังน้ำมันทำให้เกิดการระเบิดลุกไหม้ เพิ่มขึ้นอีก
เผาเรือจมหายลงไปในแม่น้ำ  พร้อมร่างของพวกมันบางคน
 กำนันหวนกำนันเริ่มและกำนันใช้ต่างแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศละทาง 
หวังเพื่อให้เอาตัวรอด  แต่ก็ไม่วายถูกกระสุนปืนเข้าที่เบื้องหลังบ้าง โคนขาบ้าง
แขนขาบ้าง   ต่างโขยกเขยกคลานกันหนีไปตามๆกัน  ส่วนลูกน้องของพวกมัน บางคน
ต่างโยนปืนทิ้งแล้วยกมือขึ้น รอรับการจับกุมด้วยตัวกำนันทั้งสามหลบหนีไปแล้ว

      ยิ่งแลเห็นพวกมันต่างตายกันเกลื่อน ฝ่ายตำรวจที่อยู่ในที่มืดต่างๆกัน พวกมันยิงสุ่ม
แต่ไม่ได้ผล  ทางตำรวจจึงแคล้วคลาดไปกันถ้วนหน้า  ด้วยชัยภูมิได้เปรียบมากนัก
    ครั้นเสียงปืนสงบลงฝ่ายด้านหุ่นทั้งหลายต่างก็พากันเดินตรวจค้นสิ่งต่างๆภายใน 
แล้วนำเอาปืนอาวุธต่างๆมากองไว้ยังข้างๆเครื่องจักร  เหตุที่สินชัยกล่าวกับลูกน้องว่า
จะเดินนำหน้านั้นแต่ถูกผู้กองขอร้องไว้ให้อยู่เคียงข้างเขา 
     ดังนั้นเขาจึงให้หัวหน้าฝึกของเขาพลางกล่าวว่า
   “หัวหน้าเริ่ม  ข้าจะทำตามคำพูดไม่ได้แล้วล่ะ ด้วยเอ็งก็คงได้ยินผู้กองกล่าวแล้วนี่นา
ฉะนั้น  เอ็งจงคุมกำลังออกไปปะทะพวกมันก่อน  แต่เชื่อข้าเถอะลูกปืนทำอะไรพวกเรา
ไม่ได้หรอก”   เจ้าสินชัยกล่าว
     “ครับหัวหน้า   เรื่องแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกครับ เดี๋ยวผมจะนำหน้าเองแทนหัวหน้าก็
แล้วกัน ”   เจ้าเริ่มตอบเสร็จพลางเดินออกไปสั่งให้ลูกน้องมันออกเดินทางมันเองนำหน้า
       พลางส่งสัญญาณแจ้งแก่บรรดาหุ่นทั้งหลายให้ออกปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว โดยมันเดิน
นำบรรดาหุ่นที่กระจายตามแนวชายป่าทั้งหมดเมื่อได้รับสัญญาณทางจิตแล้ว  บางตัวนั้น
ก็หันไปบอกตำรวจที่คอยอยู่  พลางกล่าวว่า    “การจับกุมนี้หรือใช้ปืนเป็นหน้าที่
ของพวกท่าน  ส่วนที่จับกุมได้ให้พวกท่านจัดการเก็บไว้ที่นี่ก็แล้วกันพวกเราไปกันแล้วล่ะ”

     ว่าแล้วมันทั้งหมดก็เดินเรียงหน้ากระดานออกจากชายป่าทันที  มิฟังคำใดๆจากพวกตำรวจ
แต่ยังมีบางตัวหันมากล่าวกับตำรวจว่า
    “  เมื่อทางโน้นเรียบร้อยแล้วค่อยปล่อยพวกมัน นำตัวไปได้ตอนนี้ให้มันอยู่กับต้นไม้ไว้ก่อน
  ซึ่งจะมีคนช่วยคอยเฝ้าเอง”
     “อ้าวๆๆๆแล้วใครจะมาเฝ้าพวกที่ถูกจับกุมไว้ให้ล่ะ  เดี๋ยวพวกเราก็ต้องออกไปยิงกับพวกมัน
อยู่แล้วนี่นา”
      “  เถอะน่าปล่อยมันไว้อย่างนี้แหละ รับรองมันไม่กล้าหาวิธีหรือมีคนมาช่วยมันหรอก” หุ่น
ตัวหนึ่งตอบขึ้น  พลางหันไปซุบซิบกับพวกผีทั้งหลาย
ให้ช่วยคอยเฝ้าด้วยแทนตำรวจด้วย  พวกผีทั้งหลายก็ล้วนรับคำพวกหุ่นตัวนั้น  แล้วรีบเดินออกไป
ปะทะกับพวกผู้ร้ายทันที
       เมื่อตำรวจเห็นหุ่นซึ่งนึกว่าเป็นคนพูดอะไรในอากาศคนเดียว  ก็พากันงงไปทั่วหน้ากัน
แต่แล้วก็ต้องหยุดคิด  พากันยกพวกติดตามไป  แล้วยิงใส่พวกผู้ร้ายนำไม้ทั้งหมดทันที.....

                                         *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
12 ธันวาคม 2553 19:40 น.

อทิสมานกาย ๔๖

แก้วประเสริฐ

76.gif
                                อทิสมานกาย  ๔๖

     ด้านหมู่บ้านนางโซ่ง นั้น  กำนันเริ่มก็สั่งลูกน้องให้ไปช่วยงานพวกด้านเสี่ยหว่าง
ที่กำลังลำเลียงเครื่องจักรเลื่อยใหญ่ บรรทุกรถพ่วงมาลงและมีพรรคพวกเสี่ยกำลัง
ลำเลียงลงจากรถ  แล้วเริ่มติดตั้งเครื่องทันที  ส่วนไม้ท่อนซุงขนาดใหญ่ๆนั้นได้ถูก
พวกลำเลียงมากำลังทะยอยลากขึ้นฝั่งพร้อมพรรคพวก  มีหลายๆคนเฝ้าถือปืนยืนระวัง
เฝ้าเหตุการณ์อยู่  ส่วนทางฝ่ายกำนันเริ่มให้ลูกน้องคนสนิทก็นำพรรคพวกถือปืนระวัง
ให้เหมือนๆพวกนั้น ทุกๆคนหันหน้าออกจากเครื่องจักร  ที่กำลังถูกติดตั้งจากพวกช่าง
อย่างรวดเร็วทุกๆคนคร่ำเคร่งเพื่อจะให้งานนั้นทำงานได้

       ทางกำนันเริ่มก็เข้าไปคุยกับหัวหน้าฝ่ายโน้นอยู่และมองการทำงานของพวกมัน
เวลาผ่านไปไม่มากนักด้วยความชำนาญของพวกช่าง   เครื่องจักรเลื่อยไม้ก็พร้อมทำงาน
ได้แล้ว  เครื่องเริ่มติดด้วยเครื่องทำงานไฟฟ้าที่ใช้น้ำมัน  เสียงก็เริ่มกระหึ่มขึ้นมาพร้อม
ด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่  กำลังทะยอยขึ้นยังสายพานนำส่งไปยังใบเลื่อยเพื่อแปรรูปทันที
     ในเวลาใกล้เคียงกันก็มีรถบรรทุกไม้พร้อมด้วยจำนวนคนที่มีอาวุธปืนเฝ้า....
เมื่อมาถึงก็ทะยอยกันลง ส่วนรถหลายๆสิบคัน  ก็วิ่งถอยหลังมายังเครื่องเลื่อยไม้ที่บัดนี้
ได้แปรสภาพจากท่อนซุงเป็นไม้แปรรูปเรียบร้อยแล้ว  ผู้ควบคุมรถบรรทุกสิบล้อก็เข้า
มาร่วมสนทนาร่วมกับกำนันเริ่มและหัวหน้าฝ่ายลำเลียงซุงพร้อมด้วยไม้แปรรูปบางส่วน
ทะยอยกันขึ้นฝั่ง   พวกมันทั้งหมดแบ่งหน้าที่กันอย่างเรียบร้อย ไม่นานนัก

       ในขณะเดียวกันนั้นรถของบรรดาผู้ช่วยกำนันมั่นแห่งหมู่บ้านบางกระดี่   
กำนันหวนหมู่บ้านบางโค  กำนันใช้ หมู่บ้านโคกยายหอย  กำนันแช่มหมู่บ้านเนินสูง
และกำนันถ้วนหมู่บ้านบึ้งห้วย  ก็นำพรรคพวกพร้อมด้วยอาวุธปืนมากันจำนวนมาก
      ครั้นมาถึงก็เข้าควบคุมสถานที่ต่างๆแยกกันไปเฝ้ายังจุดต่างๆทันที
       รถบรรทุกขนาดเล็กพร้อมด้วยคนจำนวนมากก็มาถึง   เสี่ยหว่างก็เรียกกำนัน
และหัวหน้าที่ลำเลียงมา  แล้วหันมาถามผู้ช่วยกำนันมั่นว่า
 “ทำไมตัวกำนันมั่นถึงไม่มาช่วยเลยหรือ”
ผู้ช่วยกำนันมั่นก็ตอบว่า

      “ตัวกำนันมั่นตอนนี้นอนซมด้วยไข้หวัดใหญ่เล่นงาน ถึงให้ผมทำการแทนครับ”
เสี่ยหว่างพลางพยักหน้า ไม่กล่าวอะไรอีกพร้อมกางแผนที่อธิบายให้ทุกๆคนฟังทำตาม
หน้าที่เพื่อจะลำเลี่ยงไม้ไปยังทางต่างๆ  โดยทะยอยแบ่งกำลังคนออกแล้ว
เสี่ยหว่างก็นำประเป๋าขนาดใหญ่เปิดออกแล้วนำเงิน  ที่แบ่งออกเป็นหลายฟ่อน
มาส่งมอบให้แก่หัวหน้าฝ่ายที่นำไม้แปรรูปและท่อนซุงมา 
 พร้อมนำมอบให้กำนันทั้งหลายอีกเมื่อจ่ายเงินกันเรียบร้อยแล้ว
  ทางฝ่ายโน้นก็นับเงินสดเห็นครบจำนวน  พลางเอ่ยขึ้นว่า......

      “  ส่วนที่เหลือนั้นให้เสี่ยโอนเงินไปให้หัวหน้ามันก็แล้วกัน 
ส่วนเงินนี้เขาจะนำไปแจกจ่ายแก่บรรดาพวกที่มาในวันนี้ไปก่อน นายสั่งมา” 
 หัวหน้าฝ่ายนำไม้แปรรูปและท่อนซุงกล่าวขึ้น
     “ อั้วได้ตกลงกับหัวหน้าลื้อไว้แล้วว่า  หากงานนี้สำเร็จถึงกรุงเทพฯ
เรื่องเงินไม่เป็นปัญหาหรอก   จะโอนให้เมื่อไม้เหล่านี้ถูกแจกจ่ายไป
ยังโรงไม้ต่างๆเรียบร้อยแล้ว  แต่อั้วจะมอบเงินบางส่วนให้”  เสี่ยเอ่ยให้ฟัง
     “ ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วผมจะทิ้งคนไว้คอยดูแลให้เป็นบางส่วน 
    ส่วนใหญ่จะควบคุมไม้ไปให้อีก สายพวกชาวเขาแจ้งมาว่าทางนี้ไม่น่าห่วงเสี่ย
ตามสถานที่เราตกลงกันไว้ก็แล้วกัน”  ฝ่ายลำเลียงกล่าวให้เสี่ยฟัง

      “  เอาตกลงกันตามนี้ เมื่อรถเดินทางไปยังที่กำหนดไว้  จะมีพวกป่าไม้
ของทางเราจะคอยประทับตราบนไม้แปรรูปทุกๆแผ่น  คงใช้เวลาไม่มากนัก
หากไม่ทันก็จะให้ผสมไประหว่างไม้ที่ประทับตราไว้และไม่ได้ประทับตรา
ต่างแยกย้ายกันตามทางที่ได้บอกไว้แล้วกัน  ทุกอย่างพร้อมก็จะออกเดินทาง
เมื่อเสร็จแล้ว  หรือยังไม่เสร็จค่อยทะยอยเข้ากรุงเทพเสียเลย”   เสี่ยหว่างเอ่ยขึ้น
        พลางหันไปทางกำนันทั้งหลายให้จัดเตรียมกำลังไว้ให้พร้อม พลางเอ่ยว่า 
      “ เมื่อทำการแปรรูปอยู่นั้น  ไม้ใดเสร็จแล้วก็จะรีบทะยอยกันออกเดินทางทันที
ไปยัง จุดหมายอีกที่หนึ่งก่อน    เพื่อให้ประทับตราไม้ไว้  ลื้อก็ให้พวกลื้อช่วยเหลือ
เขาด้วยทั้งการขนไม้ขึ้นรถ   ส่วนใหญ่พวกลื้อที่ชำนาญฝีมือดีๆให้เดินทางไป
เกือบทั้งหมดพร้อมอาวุธคุมไม้ที่แปรรูปแล้วออกเดินทางไปยังที่นัดหมายได้ 
 ส่วนที่เหลือทิ้งไว้ไม่ต้องมากนักด้วย  ลื้อก็ได้ยินฝ่ายลำเลียงไม้ว่าทางนี้ไม่น่ากลัว

      ทางฝั่งโน้นเขาจัดคนมาและทางโน้นก็มีคนของเขาจำนวนมากมายพร้อม
อาวุธมากรอคอยดูแลอยู่แล้ว  หากไม้ใดเสร็จถ้าหากเวลาไม่ทันการณ์ก็ให้ผสมกัน
รีบออกเดินทางตามเส้นทางที่อั้วมอบให้พวกลื้อกันแล้วทุกๆคนด้วย”
แล้วก็หันทางกำชับอีกทีด้วยความห่วงใย  อั้วรู้สึกว่ามันเงียบๆดูออกแปลกเหมือนกัน
จึงไม่น่าไว้วางใจมากนัก  ให้พวกลื้อก็อย่าได้ประมาทเด็ดขาด
   ให้พวกลื้อนำกำลังคนที่ควบคุมแลทิ้งพวกที่ลำเลียงแบ่งกันออก  ส่วนใหญ่พวกเรา
จะไปคอยควบคุมทางด้านโน้นเพราะเป็นที่สำคัญ  ทางนี้ให้กำนันเริ่มกำนันหวน
และกำนันใช้     คอยควบคุมไว้ก็แล้วกัน ด้วยเป็นถิ่นใกล้เคียงของพวกลื้อ
  นอกนั้นไปที่ยังจุดหมายเพื่อช่วยเหลือกัน”เสี่ยหว่างสั่งการเป็นงานเป็นการทันที

      กำนันเริ่มก็รีบไปสั่งยังพรรคพวกฝ่ายช่วยขนและฝ่ายควบคุมดูแลบอกว่า
     “  พวกเราไม่ต้องไป ให้ระวังทางนี้ไว้  ให้ส่งคนออกไปลาดตระเวณ 
 แนวแถวๆนี้ด้วยอย่าประมาท ถึงแม้ว่าฝ่ายลำเลียงทางโน้นสายบอกว่าไม่น่ากลัวหรือ
ถึงจะไม่ได้รับข่าวว่ามีพวกตำรวจแอบแฝงมาก็ตามที แต่ควรระวังตัวพวกเราไว้ ”
      ทางด้านกำนันหวนและกำนันใช้ก็สั่งพรรคพวกเช่นเดียวกัน 
  “ พวกเอ็งให้ช่วยกันร่วมกับกำนันเริ่มคอยควบคุม เช่นเดียวกัน  
หากมีสิ่งใดผิดสังเกตุก็ให้รีบส่งสัญญาณ       เตือนพวกเราไว้ด้วย
   ป้องกันพวกเครื่องจักรทั้งหลาย หากมีการต่อสู้กันก็ให้พวกทำงานเลื่อยไม้
หลบหนีไปก่อน  จนกว่าเหตุการณ์จะสงบค่อยลงมือทำงานกันต่อไป ”
   เมื่อทุกๆคนทราบแล้วหัวหน้ากลุ่มๆก็ให้ลูกน้องตนกระจายกำลังออกไปทันที

      งานเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ของวันศุกร์จนมืดค่ำ   ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ทำให้
พวกกำนันและฝ่ายลำเลียงฝ่ายโน้นต่างโล่งอกทันที  พากันแบ่งหน้าที่กันไป
กินอาหารสลับสับเปลี่ยนกันไป
      พระอาทิตย์เริ่มตกดิน  อากาศเริ่มขมุกขมัวด้วยเป็นบริเวณใกล้ๆกับแม่น้ำและ
ภูเขารายล้อมทั้งสิ้น  ทำให้พวกนั้นเกิดความประมาทด้วยคิดว่าคงจะไม่มีอะไร
เกิดขึ้น  พวกลาดตระเวณมาแจ้งว่าไม่พบสิ่งสงสัยอะไรเลย ก็ยิ่งให้
พวกมันทีเครียดกับงานนี้ค่อยๆ ทะยอยความตึงเครียดลงไปทันที 
 จนมีบ้างบางคนเดินมาออกกำลังกายทิ้งอาวุธวางไว้ 
 บ้างก็นำตระกร้อออกมาเล่นกัน ส่งเสียงอย่างสนุกสนานแข่งกับเสียงเครื่องจักร
พวกไม่ได้เล่นก็เอาปืนวางบนหน้าตัก เฝ้ามองดูเขาเล่นกัน บ้างก็เชียร์กันบ้าง

  บรรยากาศตอนนี้ค่ำแล้วด้วยยังเป็นหัวค่ำอยู่ แต่พวกมันผลัดกันตระเวณดูเสมอ   
 คงเพียงได้ยินเสียงนกกลางคืน จำพวกค้างคาวต่างบินวนเวียนหาเหยื่อกันอยู่
พวกมันก็ต่างเลิกการละเล่นเข้าประจำหน้าที่   แต่ลดจำนวนคนลงไปมาก
       ด้านทางเครื่องจักรก็ยังทำงานกันอยู่ไม่หยุด ต่างเร่งงานด้วยไม้ซุงนั้นมี
จำนวนมาก  แต่ตอนนี้เหลืออีกไม่มากนัก  พวกมันคิดว่าภายในไม่เกินครึ่งคืน
งานก็คงจะเรียบร้อย  แล้วพวกมันก็จะได้รีบเดินทางกลับกรุงเทพฯทันทีตาม
ที่ได้ตกลงกับเสี่ยหว่างไว้   หัวหน้าฝ่ายแปรรูปก็ต่างสั่งให้ลูกน้องมันเร่งมือ
หน่อยบอกให้กำลังใจว่า  
     “ เฮ้ยๆ!!!!.....ซุงเหลืออีกนิดเดียวเท่านั้นเองก็จะหมดหน้าที่พวกเราแล้วว๊ะ
ขอให้เร่งๆมือกันหน่อย”

    “พวกข้าเองก็ทำงานกันเต็มที่แม้กินข้าวก็ยังนำมากินที่นี้เลยว๊ะ ไม่ถึงครึ่งคืนก็
คิดว่าเสร็จแล้ว ”
    “ เออๆๆๆดีว๊ะ  ไอ้ห่าตอนแรกกูคิดว่ามันจะยุ่งยากลำบากเสียอีกไม่คิดว่ามัน
จะหมู  ดีนะที่เราได้ไอ้เครื่องจักรที่เสี่ยมันลงทุนซื้อให้ใหม่ๆมา หากเป็นเครื่องเก่า
ที่เคยใช้ป่านนี้คงจะไม่ได้ถึงเพียงนี้หรอก   เออๆๆๆ...พวกเอ็งสบายใจได้แล้วว๊ะ
เงินมันก็ดีงานมันจึงเดินได้อย่างนี้” 
      “หากเสร็จงานนี้ พวกมึงเอ๋ย???...  พวกเราเปรมๆกันไปนานเชียวล่ะโว้ย”
  หัวหน้าฝ่ายช่างเครื่องกล่าวแก่พวกมัน  แล้วพลางส่งเสียงหัวร่อกัน ทั้งหมดก็
หัวเราะกัน เมื่อพวกมันแลเห็นท่อนซุงเหลือไม่มากนัก  พลันพวกมันที่กำลังเลื่อย
อยู่พลางถามว่า
     “เฮ้ยๆๆๆ???....เสร็จแล้วจะเก็บของทันหรือเปล่าล่ะในคืนนี้นะ  นี่มีแค่ตะเกียง
เจ้าพายุไม่กี่ดวงเท่านั้นเอง”  มันหันมาถาม

     “ กูว่าทันว๊ะ  ด้วยพวกรถยกและฝ่ายประกอบมันก็อยากจะกลับบ้านเร็วๆเหมือน
กันอย่างพวกเราแหละว้า???....   โน่นแหกตาดูมันกำลังจ้องมองพวกมึงอยู่โน้นแหละ”
หัวหน้าฝ่ายควบคุมกล่าวให้พวกมันรู้
   “อย่างงั้นมึงไปบอกพวกรถขนและรถยกว่าคงจะอีกไม่นานก็จะกลับกันได้แล้วให้
พวกมันเตรียมตัวกันได้แล้วว๊ะ” พวกทำงานเอ่ยขึ้น
    หัวหน้ามันไม่พูดอะไรอีก รีบเดินทางไปเจรจากับพวกรถยกและรถบรรทุกเครื่องจักร
ให้เตรียมพร้อมทันที  ว่าไม่เกินครึ่งคืนนี้ทางฝ่ายเราก็จะเรียบร้อยแล้วจะได้รีบ กลับอ้อ
เงินนั้นพวกเราก็ได้รับกันล่วงหน้า   ที่เหลือจะไปเบิกภายหลังทั้งพวกมึงอีกโว้ย!!!!!...”

   “ ขอให้เสร็จก่อนเถอว๊ะ!!!!...เรื่องเงินพวกกูไม่ห่วงหรอกด้วยทำกันมานานแล้วก็ไม่
เคยพลาดสักครั้งเดียว  เสี่ยมันใจกว้างว๊ะ บางทีไม่มีเงินใช้ยังไปขอมัน  มันก็จ่ายให้นี่หว่า”
   ที่พวกมันกล่าวนี้ไม่ใช่เสี่ยหว่าง  แต่เป็นพวกเสี่ยทางกรุงเทพฯ
   “ ทางกูก็เร่งมืออยากจะกลับบ้านเหมือนกันแหละว๊ะ???..... 
 กูว่าพวกเราคงจะผ่านได้ว๊ะ ได้ยินฝ่ายลาดตระเวณมาบอกหัวหน้ามันว่า 
 เหตุการณ์ปกติไม่มีสิ่งผิดสังเกตุอะไรเลย”
      ฝ่ายรถยกและรถบันทุกก็ตะโกนบอกพวกๆมันและแจ้งว่าคงไม่เกินเที่ยงคืนนี้เสร็จ
   “ เฮ้ยๆๆๆ  พวกมึงไปเตรียมตรวจดูน้ำมันเช็คเครื่องไว้นะโว้ย ไม่ถึงเที่ยงคืนกลับกัน
ได้แล้วว๊ะ  ให้แยกไปอีกทางหนึ่งนะโว้ยตามที่พูดกันไว้”
   “ เออๆๆๆไม่ต้องห่วงหรอก  ฝ่ายกูก็เช็คเครื่องเติมน้ำมันเต็มถังไว้รอแล้วล่ะ  ให้มัน
เร่งๆหน่อยก็ดีว๊ะ เรื่องทางแถวนี้กูรู้หมดแล้ว  เพราะไปตระเวณดูเที่ยวหนึ่งก่อนจะมา
แล้วว๊ะ”  พวกมันกล่าว

       ฝ่ายหัวหน้าเครื่องจักรไม้แปรรูปก็เดินหันกลับไปบอกพวกมันว่า ทางพวกระยก
และรถบรรทุกนำเครื่องจักรพร้อมแล้ว คอยแต่พวกเราเท่านั้น ดังนั้นเมื่อพวกทำงาน
ด้านแปรรูปรับฟังก็หัวร่อร่าขึ้น  ต่างรีบทำการแปรรูปไม้เร่งขึ้นทันที  บางคนก็ร้องเพลง
คลอในระหว่างการทำงานไปด้วย
      ส่วนหัวหน้าคุมงานมันก็เดินไปนั่งที่เต็นท์ที่กลางไว้พลางยกเก้าอี้ผ้าใบมานั่งไขว่ห้าง
กระดิกเท้าๆ ฮ้ำเพลงไป  ทั้งยังจ้องไปมองพวกมันที่ต่างกำลังเร่งทำงานกันอยู่อย่างรีบเร่ง
  พลางมันคิดว่า ไอ้ฮ่างานนี้เสี่ยทางเราและเสี่ยทางโน้นพูดเหมือนกับว่าพวกกูไม่เคยผ่าน
งานมา  ทำให้ใจกูเสียหน้าเหมือนกัน  แต่ตามันก็คอยจ้องตั้งขนาดไว้ให้ตรงตามเสปรก
มันคิดในใจแล้วร้องครวญเพลงเสียงเบาๆอย่างครึ้มอกครึ้มใจ

      พวกคอยระวังถือปืนคอยคุ้มกันอยู่ ตอนแรกก็มีกันเป็นจำนวนมาก แต่กำลังส่วนใหญ่
นั้นออกเดินทางไปยังอีกสถานที่หนึ่งแล้ว  ทางด้านนี้ไม้ที่ถูกแปรรูปเสร็จต่างก็ทะยอยกัน
ขึ้นรถวิ่งหายลับไป  หลายต่อหลายเที่ยวที่เหลือไม้ที่แปรรูปยังไม่พอเพียงแก่การขนรอให้
ทำการแปรรูปเสร็จก่อนค่อยทะยอยกันขนขึ้นรถไป แต่มีบางส่วนเท่านี้นอกนั้นถูกนำไป
ใส่ในรถลำเลียงเรียบร้อยแล้ว
      เสียงนกแสกร้องขึ้นดังลั่นเล่นเอาพวกกำลังทำงานหรือไม่ทำงานต่างสะดุ้งกันไปตามๆ
กัน  ด้วยโบราณเขาถือว่า  หากนกแสกร้องที่ใดแล้วมักจะมีคนตายเสมอๆ  ทุกๆคนต่างพา
กันด่าในใจ  ส่วนหัวหน้าทั้งฝ่ายควบคุมและฝ่ายแปรรูปตลอดจนฝ่ายลำเลี่ยงต่างร้องด่ากัน
ขร่ม   แล้วพามองไปก็ไม่พบอะไรนอกจากความมืด      ตะเกียงเจ้าพายุหรือแสงส่งแค่ที่
ใช้ทำงานกันเท่านั้นเอง  สิ้นเสียงนกแสกร้องไม่เท่าไร่ผ่านไปไม่นานนัก

       ทุกๆคนก็ต่างสะดุ้งผลุดลุกขึ้นยืนทันที....   เมื่อได้ยินเสียงดังออกมาจากป่าล้อมรอบ
บริเวณที่พวกมันกำลังทำงานกันอยู่!!!!!!?????.........
      “  นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ  ขอให้ทุกๆคนวางอาวุธ หยุดการทำงาน  อย่าขัดขืนรอรับการจับกุม
อย่าคิดต่อสู้เป็นอันขาด ”
      เสียงนี้ดังจากไมรโครโฟนมือถือที่ใช้ในประกาศเล็กๆ   เสียงนั้นดังสนั่นมาจากป่าในบริเวณ
มืด  ด้วยบริเวณแถบนี้เงียบสงัด นอกจากเสียงของเครื่องจักรทำงานเท่านั้นเอง  เสียงนั้นจึงดัง
กึกก้องสะท้านป่าชัดเจน
        ฝ่ายพวกคุ้มกันต่างทิ้งตัวลงราบกลับพื้นเหมือนดั่งได้รับการฝึกฝนอย่างดี  มีบางคนวิ่งไป
บริเวณต้นไม้ใหญ่  พวกในเต๊นท์ต่างถืออาวุธออกมากระจาย เพื่อป้องกันพวกไม้แปรรูป
และเครื่องจักรทันที  บริเวณนี้สว่างไสวด้วยมีตะเกียงเจ้าพายุที่พัดแกว่งไกวไปๆมาๆบนยอด
ไม้ที่ทำขึ้นจากต้นไม้ในป่านี้   ภายในบริเวณใช้ทำงานเท่านั้น

     พลันได้ยินเสียงหัวหน้าฝ่ายควบคุมตะโกนบอกไปยัง พวกกำลังทำงานแปรรูปให้รีบหลบ
หนีไปก่อน หาที่ซ่อนตัวไว้  พวกหัวหน้าฝ่ายแปรรูปไม้ และฝ่ายรถยกรถบันทุกทั้งหลายต่าง
ก็แตกกระจายแยกย้ายกันทันที  เครื่องจักรเสียงยังทำงานด้วยมันตกใจลืมปิดเครื่องรีบเผ่นหนี
ลงจากเครื่องวิ่งไปแอบยังที่ต่างๆ  แต่ก็อยู่ภายในบริเวณนั้นเพียงแต่ที่กำบังและต่างคนต่างมอง
ยังที่ต่างๆรอบกายมัน ซึ่งล้วนมีแต่ความมืด  บ้างไปคนเดียว บ้างสองคน แต่ไม่เกินสองคน
ทุกๆคนหน้าตาพากันเหลิ่กหลั่กๆไปตามๆกัน
      ครั้นหัวหน้ามันได้สติตั้งตัวได้ ก็ตะโกนบอกให้พวกมันรีบหนีเข้าป่าไปก่อน หากอยู่ที่นี่คง
จะโดนจับกุมแน่นอน   ดังนั้นทั้งหมดจึงทิ้งข้าวของไว้หลบหนีเอาตัวรอดเข้าไปภายในป่าทันที

     เวลาผ่านไปความเงียบเข้ามาแทนที่  ทำให้ฝ่ายทำงานด้านผิดกฏหมายชักเอะใจ  ทำไมไม่เห็น
พวกฝ่ายตำรวจออกมากันสักคนเดียว  
      ทันใดนั้นเสียงหมาป่าก็ต่างพากันร้องกันระงม  ไม่ร้องเปล่าๆกลับหอนอย่างโหยหวนรับกัน
เป็นทอดๆ  ทำให้พวกทำผิดกฏหมายต่างพากันด่ากันขร่ม 
      “ไอ้ห่าเอ้ย???.....กำลังน่าสิ่วหน้าขวานี้พวกมึงทำไมพากันหอนขึ้นมาว๊ะ???.... ”
กล่าวเสร็จมันหันมาทางลูกน้องมัน  ที่นั่งใต้โคนไม้ถือปืนที่พร้อมจะยิงออกไปเพื่อสอบถามแต่
ใจมันชักสั่นๆพิกล  ลูกน้องมันก็หันมาตอบหัวหน้ามันที่นั่งอยู่ใกล้ว่า
      “จะไปรู้แหม่งอย่างไร ตอนแรกเสือกไม่มีเสียงหมาสักตัวแต่นี่กลับมีเสียงไม่ร้องเปล่าๆกับ
ดันเสือกหอนต้อนรับกันอีกด้วย เวรเอ๋ยเวร”     มันหันไปกล่าวตอบกับหัวหน้ามันทันที
      “นั่นซิแล้วมึงได้กลิ่นอะไรเหมือนกูหรือเปล่าล่ะ???....”       มันรีบถามทันที

      “ กูได้กลิ่นเหม็นเหมือนหนูตายว๊ะ???....”  ลูกน้องมันตอบ
      “ แต่กูได้กลิ่นเหมือนซากศพที่กำลังถูกเผา   แล้วเสือกมีใครมาเผาศพแถวนี้หรือว๊ะ???...”
      “ ว่ามันฆ่าคนแล้ว  แอบมาเผานั่งยางกระมัง???....แต่เสียงมันเงียบวังเวงชอบกลนา
      “ มึงอย่าพูดไม่ได้หรือว๊ะ  ไอ้ห่า....คนกูไม่กลัวนะโว้ยแต่กูกลัวผีว๊ะ???...”
ลูกน้องที่ได้ยินจากที่อื่นตะโกนมาบอกให้มันอย่าเอ่ยเรื่องกลิ่นอีก
     “ อ้าวๆๆๆ...ไอ้เวร???....มึงก็ได้กลิ่นเหมือนกูสองคนหรือว๊ะ??...”
     “ เออซิว๊ะ!!!!....แหม่งๆเหม็นฉิบหายเลยว๊ะ”  ตอนนี้มีหลายเสียงตะโกนมาจากที่ต่างๆ
หัวหน้ามันกลัวแต่คิดได้ว่าหากกล่าวอีกลูกน้องมันจะพากลัวกันใหญ่ จึงทำใจกล้าตะโกนตอบ
     “ไม่มีอะไรหร๊อกว๊ะ...กูว่าไอ้พวกฆ่าคนมันจะแอบเอามาเผาใกล้เรานี่แหละว๊ะ???...กูอยู่นี่
พวกมึงไม่ต้องกลัวหรอก”

       แล้วเสียงลอยลมแว่วเข้ามา   ได้ยินกันทุกๆคน  เสียงนั้นออกจากยานๆแล้วเย็นๆชอบกล
     “ พ...ว...ก...กู...ก็ก...ลั...ว...ผีๆๆ...เห..มือ...น...กั...น...ว๊ะ???...”   
เสียงนั้นเยือกเย็นนัก ได้ยินออกมาจากราวป่าทึบที่มืดมิด  แต่ทำให้พวกมันใจชื้นกันหน่อย
คิดว่าเป็นพวกแปรรูปไปหรือไม่ก็พวกรถขนนั่นแหละ???....พวกมันคิดทั้งๆที่ใจมันนั้นสั่น
ระริกด้วยความหวาดกลัว
       หัวหน้าควบคุมสถานที่ต่างหน้าตาเหลิ่กหลั่ก  ครั้นได้ยินเสียงนั้นมันมารอบด้านทั้งหมดตามป่ารอบด้าน
  ถ้าหากพวกขนไม้และพวกแปรรูป มันไม่มากกว่านี้ไปได้  แต่นี่มันดังรอบๆป่าไปหมด
ไม่ใช่แถวบริเวณที่พวกขนไม้และแปรรูปไม้หนีไปนี่หว่า หรือว่า  มันคิดในใจ
   “ เฮ้ยๆๆๆๆกูสงสัยจะเป็น ผอ...สระ...อี...แน่แล้วว๊ะมึงดูซิ เสียงมันดังไปรอบๆ
บริเวณที่พวกเราอยู่ทุกๆรอบด้านเลยว๊ะ”

  “ไอ้เหี้ย!!!!....เสือกมาพูดทำไมมึงคิดไปก็คิดไปคนเดียวซิว๊ะ  มึงก็รู้ว่าพวกกูคนไม่กลัวคน
แต่กลัวผี   เฮ้ยๆๆๆๆ....มีดูซิโน่นๆต้นไม้หรือว่าเป็นอะไรว๊ะ ” มันทิ้งปืนผวาเข้ากอดหัวหน้า
มันทันที........
     เจ้าหัวหน้ามันก็เหลือบมองไปยังที่ลูกน้องมันถาม  สายตามันพากันเหลือกลานไป
เมื่อมันเห็น   ร่างกายที่สูงครั้งแรกนึกว่าต้นไม้สูงๆ  แต่นี่มันยิ่งสูงๆขึ้นเรื่อยๆ  เสียงมันสั่นๆๆๆ
   “  กูๆๆๆๆ.....ว่....า.... ผอ.....สะ...ระ......อี....ผีๆๆๆโว้ยๆ  มั....นๆ....พว...ก...เป...ร...ต...ว๊ะ”
เมื่อเอ่ยเสร็จมันก็รีบวิ่งแจ้นเข้าเต้นไปทันที  พวกมันที่อยู่ข้างๆ  เมื่อเห็นหัวหน้ามันหนีได้
มันก็มิรอช้า คว้าปืนหยิบๆผิด หยิบถูกๆ  หลับหูหลับตาวิ่งไปทางเต๊นเข้าไปทันที........

                               *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ