16 มิถุนายน 2558 21:51 น.

นิยายแห่งความรัก

คีตากะ

2135378sszjdxljbm.gif













     ในบ้านอันเปล่าเปลี่ยวหลังหนึ่ง ชายหนุ่มในวัยต้นแห่งชีวิตคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ ประเดี๋ยวเขาก็มองลอดหน้าต่างไปดุท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดาว ประเดี๋ยวก้หันมาดูภาพของหญิงผู้หนึ่งในมือของเขา ภาพนั้นเองที่สะท้อนเอาเส้นและสีลงในใบหน้าของเขา ภาพใบหน้าของหญิงนั้นกำลังพูดกับเขาและทำให้ดวงตาของเขากลายเป็นโสตซึ่งรับรู้และเข้าใจในภาษาของดวงวิญญาณที่โฉบเฉี่ยวอยู่ในห้องนั้น ให้กำเนิดแก่หัวใจที่สว่างไสวด้วยความรักและบรรจุเต็มด้วยความใฝ่ฝันหา
      ดังนั้นชั่วโมงก็ผ่านไปเหมือนนาทีแห่งความฝันที่เป็นสุขหรือเสมือนขวบปีหนึ่งจากอนันตกาล แล้วชายหนุ่มก็เอาภาพตั้งไว้ข้างหน้าเขาและหยิบกระดาษปากกาขึ้นมาเขียนว่า "เธอที่รักแห่งวิญญาณของฉัน ความจริงอันยิ่งใหญ่และสูงส่งมิได้ผ่านจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งโดยคำพูดของมนุษย์ดอก เขามักเลือกเอาความเงียบเป็นถนนแห่งวิญญาณ ฉันรู้ว่าความสงัดในคืนนี้จะเป็นสื่อระหว่างดวงจิตของเราทั้งสองอันอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าสายลมที่ลิขิตอยู่บนผิวน้ำจะสื่อข้อความในหัวใจของเราสู่กันและกัน เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีพระประสงค์จะให้ดวงวิญญาณของเราต้องถูกขังอยู่ในคุกแห่งร่างกาย ดังนั้นความรักจึงกำหนดให้ฉันต้องเป็นนักโทษแห่งถ้อยคำ
"ที่รักของฉัน เขาพูดกันว่าความรักที่มาจากความบูชานั้นจะกลายเป็นไฟที่กลืนกินตัวเรา ฉันได้พบว่าชั่วโมงแห่งการจากกันนั้นหากีดกั้นความสัมพันธ์ของตัวตนเหนือโลกของเราได้ไม่ ฉันได้ทราบมาตั้งแต่เราพบกันครั้งแรกว่าดวงจิตของฉันนั้นเป็นคู่ของเธอมาเป็นเวลาที่มิอาจประมาณได้ และการมองครั้งแรกของเธอนั้นแท้ที่จริงหาใช่การมองครั้งแรกไม่
"โอ้ที่รักของฉัน แท้จริงแล้วชั่วขณะที่เชื่อมหัวใจทั้งสองของเราซึ่งมาจากโลกอื่นนั้นคือสิ่งหนึ่งในจำนวนหลายสิ่งที่ทำให้ฉันปักใจเชื่อในอนัตภาพแห่งจิตวิญญาณและความอมตะของมัน ในชั่วขณะเช่นนั้นเองธรรมชาติได้ดึงม่านคลุมทิ้งไปจากใบหน้าของความยุติธรรมอันไร้กาลเวลาซึ่งผู้คนมักคิดว่าเป็นความยุติธรรม "ที่รัก เธอจำได้ไหมถึงสวนที่เราเคยยืนอยู่ด้วยกัน เฝ้าจ้องมองดูใบหน้าผู้ที่เป็นที่รัก? และสายตาของเธอบอกฉันว่าความรักที่เธอมีต่อฉันนั้นมิได้เกิดจากความสงสาร สายตานั้นสอนฉันให้ประกาศแก่ตัวฉันและแก่โลกว่าของขวัญที่ได้มาจากความยุติธรรมนั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่ได้มาจากการขอทาน และความรักซึ่งเกิดจากเหตุแวดล้อมก้เหมือนน้ำที่ในหนอง
"ที่รัก เบื้องหน้าฉันคือชีวิตซึ่งจะทำให้ฉันเป็นคนยิ่งใหญ่และงดงามชีวิตซึ่งจะเป็นที่รักแห่งความทรงจำของผู้คนในอนาคตละได้รับความรักและนับถือจากพวกเขา ชีวิตซึ่งมีจุดเริ่มที่การพบครั้งแรกของเธอ ผู้ซึ่งฉันแน่ใจในความเป็นอมตะเพราะฉันเชื่อว่าตัวเธอนั้นสามารถนำพลังซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้เอาไปจากฉันกลับมาได้เช่นเดียวกับที่ดวงอาทิตย์นำกลิ่นดอกไม้ขจรไปในทุ่งนา และดังนั้นความรักของฉันก็คงอยู่แก่ตัวฉันและแก่กาลเวลาทั้งหลายและดำรงอยู่โดยไม่มีความเห็นแก่ตน เพื่อว่ามันจักได้ขจรขจายไปและอยู่เหนือสิ่งเล็กน้อยทั้งมวลในการอุทิศตนแด่เธอ"
ชายหนุ่มลุกขึ้นและเดินข้ามห้องไปช้าๆ แล้วก็หันไปมองดูที่หน้าต่างอีกและเห็นดวงจันทร์กำลังขึ้น สาดแสงอันอ่อนละไมไปทั่วท้องฟ้าเขากลับมาที่จดหมายและเขียนต่อไปว่า
"อภัยให้ฉันด้วยเถิดที่รัก ในการที่ฉันพูดกับเธอเหมือนเป็นอีกคนหนึ่งทั้งๆ ที่เธอคือส่วนครึ่งของฉันที่หายไปเมื่อเราออกมาจากหัตถ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าในขณะเดียวกันนั้น โปรดยกโทษให้ฉันด้วย" Be Veg, Go Green 2 Save The Planet www.suprememastertv.com www.godsdirectcontac-thai.org
8 มีนาคม 2558 00:35 น.

อาจารย์เซนกับนกกระเรียนห้าร้อยตัว

คีตากะ

1657552oue456r0vw.gif












อาจารย์เล่านิทาน
โดย ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่


      นานมาแล้วมีพระองค์หนึ่ง ท่านเป็นผู้ที่บำเพ็ญปฏิบัติธรรมและบำเพ็ญได้ดีมาก ทุกภพทุกชาติของท่าน ท่านได้ออกบวชเป็นพระ แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ แม้ถ้าเธอออกบวชเป็นพระ รักษาศีลเคร่งครัดและมีคุณธรรมสูงส่งเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าหากไม่ได้รับการู้แจ้ง ก็ยังคงต้องกลับชาติมาเกิดและบวชเป็นพระอีก มีโอกาสได้เกิดมาบวชเป็นพระก็นับว่าโชคดีแล้ว เพราะบางทีเธออาจะไม่มีโอกาสได้บวชเสียด้วยซ้ำ!
พระรูปนี้ได้บวชเป็นพระมา ๕๐๐ ปีแล้ว ทุกครั้งที่ท่านกลับชาติมาเกิดก็ได้ออกบวชเป็นพระ เป็นพระอริยสงฆ์ และท่านก็ยิ่งมีคุณธรรมสูงส่งขึ้นเรื่อยๆ แม้ไม่ได้รับการรู้แจ้ง แต่ท่านก็เป็นผู้ที่รักษาศีลเคร่งครัด เป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งและจิตบริสุทธิ์ ชาติสุดท้ายที่ท่านบวชเป็นพระ ทุกครั้งที่ท่านออกบิณฑบาตหรือออกไปบรรยายธรรมตามที่ต่างๆ จะมีนกกระเรียน ๕๐๐ ตัวล้อมรอบติดตามไปด้วยทุกแห่ง มีผู้คนสงสัยได้ถามทานว่า "เหตุใดจึงมีนกกระเรียน ๕๐๐ ตัวติดตามท่านไปด้วยทุกแห่งทุกครั้งไม่ว่าท่านจะไปไหนก็ตาม" บางคนที่มีตาทิพย์สามารถมองเห็นได้ว่านกกระเรียนเหล่านี้เคยเป็นลูกศิษย์ของพระรูปนี้ในอดีตชาติ ในอดีตชาติท่านเคยมีลูกศิษย์อยู่ ๕๐๐ คน แต่เนื่องจากพลังจากการบำเพ็ญของท่านไม่เพียงพอ ฉะนั้นท่านจึงไม่สามารถโปรดลูกศิษย์ได้ ในตอนนั้นทุกครั้งที่ลูกศิษย์เห็นอาจารย์ออกไปรับของถวายหรือไปร่วมงานเลี้ยงอันทรงเกียรติหรืออกไปบรรยายธรรม จะขอติดตามไปด้วย
พวกเขากล่าวว่า "ท่านอาจารย์ครับ! ท่านเคยพูดว่าพวกเราเป็นนักบวชที่มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ล้วเหตุใดทุกครั้งที่ท่านออกไปเสวยสุขข้างนอก ท่านจึงไม่พาศิษย์ไปด้วย!" อาจารย์ท่านทราบดีว่าลูกศิษย์ของท่านบุญกุศลไม่มากพอ ไม่ควรออกไปรับของถวายจากผู้อื่น แต่เนื่องจากลูกศิษย์เป็นปุถุชน ไม่เข้าใจข้อนี้และอยากได้สิ่งของที่เป็นวัตถุ จึงจำเป็นต้องพาพวกเขาออกไปด้วย ลูกศิษย์ ๕๐๐ คนนี้หลังจากตายไปแล้วก็ได้กลายเป็นนกกระเรียนไปทั้งหมดและไม่สามารถกลับชาติมาเกิดเป็นพระอีก มีอาจารย์เท่านั้นที่ได้กลับมาเป็นพระ
ดังนั้น ทุกครั้งที่อาจารย์ท่านออกไป ลูกศิษย์ ๕๐๐ คนจึงยังคงติดตามอยู่รอบข้าง เป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ที่เคยเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์กันมาก่อน เนื่องจากตนเองไม่สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ลูกศิษย์จึงไม่สามารถหลุดพ้นเช่นกันและยังคงต้องแบกรับผลกรรมเอง ถ้าหากอาจารย์ของเธอมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าเธอจะสร้างกรรมเล็กน้อยขึ้นมา อาจารย์ก็สามารถชำระล้างให้ได้ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอจึงจำเป็นต้องมีมหาอาจารย์!




1489268pzupu7an3s.gif


Be Veg, Go Green 2 Save The Planet
www.suprememastertv.com
www.godsdirectcontact-thai.org				
8 กรกฎาคม 2554 16:43 น.

ความศรัทธาของเราในพระเจ้า

คีตากะ

240874tk3t19947u.jpgอาจารย์เล่านิทาน
โดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่


     มีชายคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุรถยนต์ ตัวเขากระเด็นออกมาจากรถแล้วไปแขวนห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งของต้นไม้ต้นหนึ่งอเขาตกอยู่ในอันตราย เขาไม่เคยเชื่อในพระเจ้ามาก่อนและไม่เคยสวดนามของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่หรืออะไรทำนองนี้เลย(คนหัวเราะ) ทีนี้ ในช่วงเวลาคับขันเขาก็ร้องขอให้คนช่วย แต่ไม่มีคนอยู่แถวนั้น
     "โอ พระเจ้า อย่างน้อยท่านก็อยู่ที่นั่น ใช่ไหม? ผมไม่เคยสวดถึงท่านมาก่อน แต่วันนี้ผมกำลังสวดอยู่ ได้โปรดมาช่วยผมที ได้โปรด!" 
     ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระเจ้าไม่ได้พูดอะไรเลย หรือบางทีท่านอาจไม่ได้อยู่ที่นั่น
     เขาเลยพูดต่อไปอีกว่า "โอ! พระเจ้าได้โปรด อย่าโกรธผมเลย ผมรู้ว่าผมไม่เคยเรียกท่านเลยตลอดชีวิตผม แต่อย่างน้อยที่สุดผมก็กำลังเรียกท่านอบู่ในวันนี้ ผมเชื่อท่านไม่ใช่หรือ? ผมถึงได้เรียกท่านอยู่นี่ไง ใช่ไหม? ถ้าผมไม่เชื่อท่าน แล้วผมจะเรียกท่านได้อย่างไร? ได้โปรดมาช่วยผมเร็วๆ" 
     ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระเจ้าไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น
      เขาจวนเจียนจะหล่นจากหน้าผาอยู่รอมร่อ เพราะเขาอ่อนเพลียมาก หน้าผาก็ง่อนแง่น ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า "โอ! พระเจ้าได้โปรดมาไวๆ! ผมสัญญาว่าจะเผยแพร่ชื่อของท่านไปให้ทั่วทั้งทวีป แล้วผมจะบวชเป็นพระ ผมจะเทศน์สอนคำสอนของพระเจ้าไปทั่ว ผมจะบอกให้ทุกคนมีความศรัทธาเชื่อมั่นในพระเจ้า เพราะว่าถ้าท่านช่วยผมไว้ในวันนี้ ผมก็จะเป็นพยานในเหตุการณ์ ผมจะเล่าให้พวกเขาฟังถึงปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ ผมเชื่อแน่ว่าทุกคนต้องวิ่งตามมานับถือท่านทีเดียว ผมสัญญาว่าจะเป็นนักบวชของท่านเป็นคนรับใช้ของท่าน หรือเป็นอะไรก็ได้ตามที่ท่านต้องการ"
      แล้วก็มีเสียงดังมาจากที่ใดที่หนึ่ง "ทุกคนก็พูดอย่างนี้ เวลาที่พวกเขากำลังลำบาก"
     ชายคนนั้นจึงพูดว่า "โอ ไม่นะพระเจ้า ไม่ใช่ผม ไม่ใช่ผม ผมเชื่อในตัวท่านอย่างแท้จริง ถ้าท่านช่วยผม ผมจะทำเช่นนั้นจริงๆ ผมสัญญา"
      พระเจ้าหรือเสียงนั้นจึงพูดว่า "เอาล่ะ ฉันจะให้โอกาสแก่เจ้า ตอนนี้ ปล่อยมือออกจากกิ่งไม้นั้นซิ แล้วฉันจะช่วยเจ้าเอง"
      ชายผู้นั้นตอบว่า "อะไรนะ? ท่านคิดว่าผมเป็นบ้าไปหรือไง?"
       นั่นเป็นวิธีที่เขาเชื่อในพระเจ้าล่ะ เรื่องนี้ฟังดูคล้ายๆ กับลูกศิษย์ของพวกเราบางคน "ฉันเชื่ออาจารย์ แต่อะไรนะ? ท่านบอกให้ฉันทำอย่างนั้น เพื่ออะไรกัน?"

    



Be Veg, Go Green 2 Save The Planet
www.SupremeMasterTV.com
www.godsdirectcontact-thai.org				
8 มีนาคม 2558 00:37 น.

พระที่เป็นลิง

คีตากะ

2666883edwuu753if.jpg














อาจารย์เล่านิทาน
โดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่



     กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระรูปหนึ่งที่ได้กลายเป็นลิง เมื่อพระพุทธเจ้าลงมายังโลกนี้ เพื่อมาเทศนาสั่งสอนธรรมะ สัจธรรม มีพระสงฆ์เป็นจำนวนมากที่มาเรียนกับพระองค์ มีพระบางรูปที่ได้บรรลุอรหันต์แล้ว แต่คนเป็นจำนวนมากไม่ทราบในเรื่องนั้น พระรูปอื่นๆ บางครั้งก็ล้อพระที่เป็นอรหันต์เหล่านั้น เพราะพวกเขาบางคนก็ไม่ได้หน้าตาดีนัก ดูหน้าตาตลกๆ เหมือนอย่างคนที่มีชื่อ "ชิงไห่จื้อ" เหมือนอย่างฉัน
มีพระอยู่รูปหนึ่งซึ่งเกเรมากๆ ทุกครั้งที่ท่านเห็นพระรูปหนึ่งวิ่งลงมาจากภูเขา ท่านก็จะพูดกับพระรูปนั้นว่า "ท่านดูอย่างกับลิงวิ่งลงมาจากภูเขาลูกนั้น"
เป็นเพราะว่าท่านได้วิจารณ์พระรูปนั้นและเรียกว่าเป็นลิง ท่านจึงต้องมาเกิดเป็นลิง 500 ชาติ
เพราะฉะนั้นขอให้ระวัง อย่าไปหัวเราะเยาะพระ เพราะระหว่าง "พระ(MONK)"  "ลิง(MONKEY)" ความแตกต่างก็มีเพียงแค่ตัวอักษร 2 ตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอล้อพระธรรมดาๆ ก็อาจจะโอเค แต่ถ้าพระรูปนั้นได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว เธอก็จะเดือดร้อน เธอไม่มีทางรู้ว่าพระรูปไหนได้เป็นพระอรหันต์แล้ว หรือพระรูปไหนได้บรรลุระดับการบำเพ็ญทางจิตวิญญาณที่สูงมาก เพราะฉะนั้นขอให้เธอระวังไว้ให้ดีๆ
โดยเฉพาะพระที่ฉันส่งมาจากเหมี่ยวลี่ มายังประเทศของเธอตามที่เธอขอร้องเพื่อมาสอนธรรมะให้แก่เธอ ขอให้เธอระวัง อย่าไปเอาเขามาล้อเล่น หรือแม้กระทั่งอย่าได้พยายามที่จะดึงดูดเขาทางด้านร่างกาย ตามคำสอนทางศาสนาพุทธ ถ้าเราพยายามที่จะชักนำพระซึ่งศึกษาอยู่กับพุทธะที่มีชีวิตอยู่ไปในทางที่ผิด มันถือว่าเป็นบาปที่หนักมาก



2666887cicp901em2.jpg




Be Veg, Go Green 2 Save The Planet
www.SuprememasterTV.com
www.godsdirectcontact-thai.org 				
8 มีนาคม 2558 00:38 น.

ธรรมวิถีรองเท้าบู๊ตคู่โต

คีตากะ

1197329t2pis5ynk9.gif













อาจารย์เล่านิทาน
โดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่


     นานมาแล้วในอินเดีย มีกษัตริย์ที่เป็นคนดีมากและใจดี พระองค์รักพสกนิกรของพระองค์มาก ดังนั้นพระองค์จึงปกครองประชาชนของพระองค์ด้วยความรัก ความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ แต่ทุกครั้งที่พระองค์เห็นหนึ่งในพวกเขา พระองค์ก็มักจะสังเกตที่เท้าของพวกเขา นั่นเป็นในสมัยโบราณตอนที่คนยังไม่มีรองเท้าใส่ เท้าของพวกเขาจึงถูกหินและหนามตำเจ็บอยู่เสมอ หนามจากต้นไม้บางครั้งก็จะตกลงมาบนถนนเพราะฉะนั้นพอเดินไปบนถนน หนามก็จะทิ่มตำเท้าของพวกเขา พวกเขาก็จะเจ็บ บางครั้งก็จะเลือดไหลและติดเชื้อ
กษัตริย์รู้สึกปวดร้าวใจเป็นอย่างมากในเรื่องนี้ จึงสั่งให้กองทัพของพระองค์ไปเอาขนสัตว์และหนังของสัตว์ที่ตายแล้วมาปูลงบนถนนทุกสายเพื่อว่าพสกนิกรของพระองค์จะได้เดินบนสิ่งนั้นและไม่เจ็บเท้า ไม่เพียงเฉพาะถนนเท่านั้น พระองค์ได้สั่งให้ประชาชนของพระองค์ปูหนังสัตว์ไปทั่วพื้นแผ่นดินทั้งหมดของประเทศของพระองค์
มีรัฐมนตรีคนหนึ่งที่แก่มากและฉลาดมาก เขาบอกกษัตริย์ว่าเขามีความคิดที่ดีกว่า เขาพูดว่า "แทนที่จะปูหนังสัตว์ไปทั่วพื้นแผ่นดินซึ่งนับว่าไม่สะดวกและต้องใช้เงินและเวลามาก พระองค์ก็เพียงแต่สวมมันลงไปบนเท้าของแต่ละคน แล้วพวกเขาก็จะสามารถเดินไปที่ไหนก็ได้ที่พวกเขาต้องการ"
เรื่องนี้ฟังดูแล้วเหมือนกับเป็นเรื่องที่ตลกมาก แต่มันสื่อความหมายอะไรบางอย่าง ก็เหมือนกับคนเป็นจำนวนมากหรือตัวเรา บางครั้งเราต้องการทำให้โลกเสมอภาคมีสันติสุข มีความเจริญรุ่งเรือง มีความเป็นมิตร มีความรักและอื่นๆ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ก็เหมือนกับหนามหรือก้อนหิน มันจะตกลงบนถนนตลอดเวลา บางครั้งแม้กระทั่งตกลงมาจากท้องฟ้า ลงมายังโลก ไม่ว่าเธอจะปิดพื้นแผ่นดินมากเท่าไร ก็จะยังคงมีก้อนหินและหนามที่ตกลงมาอีกอยู่เสมอ แม้กระทั่งตกลงมาบนหนังสัตว์ ดังนั้นการที่เราดูแลเท้าของเราเองจึงเป็นการดีกว่า
ธรรมวิถีกวนอิมก็เหมือนกับรองเท้าสำหรับเท้าของเธอ แม้ว่าโลกจะยังคงเต็มไปด้วยปัญหาที่มีหนามและก้อนหิน เราก็สามารถเดินย่ำบนมันได้ และเราก็รู้สึกปลอดภัย ตราบใดที่คนเป็นจำนวนมากไม่ได้บำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิม โลกก็จะยังคงมีปัญหา ดังนั้น ถ้าเราต้องการเป็นอิสระจากความยุ่งยาก เราก็เพียงแต่ปกป้องตัวเราแต่ละคน แล้วก็จะไม่มีปัญหา บางทีปัญหาอาจจะยังคงมีอยู่ก็ได้ แต่สำหรับเราแล้วก็ไม่มากมายนัก เธอรู้สึกว่าได้รับผลกระทบน้อยลงๆ จากความยุ่งยากของโลก บางครั้งถ้าเรารู้สึกว่าได้รับผลกระทบ มันก็เป็นเพราะเรามีความรักความเมตตาต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ


Be Veg, Go green 2 Save The Planet
www.SupremeMasterTV.com
www.godsdirectcontact-thai.org				
ไม่มีข้อความส่งถึงคีตากะ