22 เมษายน 2551 22:46 น.
				
												
				
								ลานเทวา
		
					
				
ในอ้อมอุ่นไอดินหอมกลิ่นฟ้า 
จะซ่อนโศกดวงตาสู่หลับใหล 
ฟังโลกกล่อมบรรเลงเพลงเรไร 
ระเรื่อยลมพรมไกวเวิ้งนิทรา 
ผ่านเหนื่อยหนักอย่างไรโลกใบนี้ 
ถามราตรีอันโรยแรงแสวงหา 
กี่รอยหมองกังวลหม่นทิวา 
พักดวงตาหลับไหลอุ่นไอดาว 
จะหมายหวังสิ่งใดในวันพรุ่ง 
รอแสงรุ่งทาบทองขึ้นผ่องหาว 
ความแจ่มชัดจะปลอบปลุกทุกเรื่องราว 
โลกบอกกล่าวการเรียนรู้อยู่ทุกพาย 
ผละอ้อมอุ่นไอดินจางกลิ่นฟ้า 
เราจากมาเพื่อสิ้นสุดแห่งจุดหมาย 
ดับชื่นโศกในเงาอันเปล่าดาย 
ทิ้งเรื่องราวมากมายเล่าชีวิต 
................................... 
โดยคำ ลานเทวา				
			 
			
				18 เมษายน 2551 21:02 น.
				
												
				
								ลานเทวา
		
					
				
บางกลีบขาวจะพราวแย้ม 
ไปแตะแต้มแรมคืนให้ชื่นฟ้า 
ประดับสรวงแทนดอกดวงดาริกา
รัญจวนพากลิ่นฉ่ำห้วงรำพึง 
พลิ้วพลิ้วลมโลมดอกดั่งหยอกเย้ย 
แผ่วแผ่วย้ำรำเพยผ่านคราวหนึ่ง 
ฤาอาจลบเลือนพรากจากคำนึง 
น้อยในซึ้งกลีบขาวอันพราวนวล 
ดั่งว่าสุขจะเลือนผ่านลานกลีบแก้ว 
ลับลาแล้วกลิ่นชื่นมิคืนหวน 
โศกสายลมแผ่วค่ำร่ำร่ำครวญ 
ราวรัญจวนจักสิ้นกลิ่นรำพัน 
เจ้าทิ้งร่วงกลีบผ่องกองเป็นซาก 
บอกโลกฝากเรื่องราวเหน็บหนาวฝัน 
ท่ามกระแสโศกชื่นแห่งคืนวัน 
ฤาเร้นรอยจาบัลย์ห้วงชีวิต 
บางกลีบขาวอันพราวแย้ม 
วางแตะแต้มเวิ้งฝันอันสถิต 
มนต์ใดจะกล่อมเห่เนรมิตร 
ข้าจักน้อมอุทิศแด่โลกงาม 
.............................. 
โดยคำ ลานเทวา				
			 
			
				15 เมษายน 2551 08:27 น.
				
												
				
								ลานเทวา
		
					
				
ซับแล้วอย่างแผ่วเบา
หมกมุ่นกรุ่นเศร้าจะจางคล้อย
แลเสี้ยวโศกลำเค็ญจะเร้นรอย
ซับแล้วหยาดน้อยน้อยหยดน้ำตา
 
ผจงขับสดับหนอ
ผู้เฝ้ารอความฝันผู้ฟันฝ่า
ผู้หมองหม่นก่นร่ำกรำชีวา
จงดับโศกแห่งอุราอันรวดร้าว
ศรีเอย ว่าแม่ศรี
ดังผ้าทอผืนนี้จะห่มหาว
ไปซับรอยชอกช้ำน้ำตาดาว
ณ คืนพราวแสงแจ่มใจแรมรอน
 
นิราศล่วงลาลับแล้ว
เสียงปี่แก้วแผ่วโหยลมโชยอ่อน
วิญญาณโศกจักเร่พเนจร
สู่ห้วงฝันนิรันดรสิ้นทุกข์ตรม
 
จางแล้วอย่างแผ่วเบา
หม่นมุ่นกรุ่นเศร้าอันขื่นขม
ดับเถอะดับสลายท่ามสายลม
ดับสิ้นรอยระทมสรรพชีวา
 
แล้วประดับรักร้อย
แทนสายสร้อยสายใยเสน่หา
อาบไออุ่นโอบฝันห้วงมรรคา
ร้อยรักร้อยกรุณาสู่อ้อมใจ
เมตตาเถอะผองมนุษย์ 
ให้มรรคาอันพิสุทธิ์นั้นผ่องใส 
ปลดเปลื้องโศกหม่นหนหทัย 
ก่อนมิเหลืออะไรไปกว่านี้ 
.....................
โดยคำ ลานเทวา				
			 
			
				14 เมษายน 2551 08:47 น.
				
												
				
								ลานเทวา
		
					
				
บางขณะบางช่วง
อารมณ์ล่วงสู่ความงามสงบ
สัปปายะแห่งกาลอันพานพบ
ดังเลือนลบสรรพสิ่งลับทิ้งไป
 
บางขณะบางช่วง
อารมณ์ลวงสู่มายาสาไถย
ลาญทุกอย่างที่เห็นลุกเป็นไฟ
รนหัวใจร้อนเร่าเผาตัวตน
 
บางหนรู้ในรู้อย่างผู้แจ้ง
บางคราวเหมือนโง่แกล้งไปทุกหน
บางขณะละว่างวางกมล
บางขณะสารวนแต่ครุ่นคิด
 
ฉันนั่งเฝ้ามองตัวฉัน
จากร่องรอยคืนวันอันสถิต
กระแสสายวิถีแห่งชีวิต
ล้วนเกิดแต่ความวิปริตของหัวใจ
 
บางขณะบางช่วง
สรรพสิ่งเลยล่วงมาเริ่มใหม่
บางขณะบางสิ่งลับทิ้งไป
สู่หนใดทางใดดังมิรู้
 
------------------
โดยคำ  ลานเทวา				
			 
			
				10 เมษายน 2551 15:13 น.
				
												
				
								ลานเทวา
		
					
				
ข้ายังอยู่ตรงนั้น
อยู่เพื่อสรรค์สร้างย้ำลำนำบท
อยู่กับความไหวหวามอันงามงด
อยู่เพื่อร่ายจารจดกวีรำพัน
พ้นกาลผ่านกระแส
โลกจักแปรบนทางที่สร้างสรรค์
โดยลำนำฉ่ำชื่นแห่งคืนวัน
มอบแบ่งปันด้วยปรารถนาและอาทร
แทนถ้อยย้ำคำใจในบริบท
แทนความงามอันสวยสดแห่งอักษร
คือลำนำแห่งฝันผู้สัญจร
ผ่านคืนร้าวแรมรอนในชีวิต
ข้ายังอยู่ตรงนั้น
อยู่กับฝันอ้างว้างสร้างลิขิต
จารอักษรเดียวดายร่ายความคิด
มอบฝากแด่มวลมิตรด้วยไมตรี
โดยมนต์กลอักษร
จักสะท้อนความจริงอิงวิถี
แต่งแต้มวาดปรารถนาประดามี
อยู่ในโลกเสรีแห่งกลอนกานท์
ข้ายังอยู่ตรงนั้น
อยู่เพื่อเรียงร้อยฝันที่ผันผ่าน
โดยเอการาตรีทิวาวาร
ฝากรอยจารความรู้สึกอันลึกเร้น
---------------------------
โดยคำ ลานเทวา