14 กันยายน 2551 00:51 น.

เพลงยาว รัตนโกสินทร์ รศ.๒๒๖

ลานเทวา

ดิถีจรแห่งกาลผ่านสมัย
จารึกย้ำธรรมาบัญชาใจ
สืบเป็นไทยชั่วกัปกัลป์พุทธันดร ฯ

๑.

วิเวกห้วงล่วงคล้อยในรอยเก่า
บันทึกเงาบรรดาอุทาหรณ์
วิจิตรฟากเมลืองเมืองอมร
ปานเทพไท้ประทานพรอัศจรรย์

งามบุรินทร์สินแคว้นแดนสถาน
ดุจพิมานอมรินทร์ถิ่นสวรรค์
บรรเจิดกาลผ่านชื่นคล้อยคืนวัน
รอยนิรันดร์จารจดบทละไม

แต่ปางบรรพ์เนิ่นเก่าผู้เล่าขาน
รติกาลแผ่นดินถิ่นสมัย
งามประเทืองประเทศธรรมอันอำไพ
ดุจเทพไทมหานครอมรรัตน์


๒.

ล่วงแล้ว ร.ศ. ศก
สองร้อยยี่สิบหกวนกระหวัด
แผ่นดินธรรมอันวิไลอำไพภัทร์
เริ่มแจ่มชัดแล้วเสื่อมกาลลาญแผ่นดิน

วิถีธรรมต่ำตกรกสมัย
ปลุกทรามไปทั่วแคว้นทุกแดนถิ่น
วิถีไทยอบอุ่นอันคุ้นชิน
บัดจะสิ้นสัมพันธ์บั่นไมตรี

คนคุ้นหน้ากลับไม่ใคร่ยลหน้า
แม้นวาจาทักทายก็หน่ายหนี
สมัยยุคปลุกค่าแห่งกาลี
มอมเมาปวงประชาชีเหินห่างธรรม

จากน้ำใจแบ่งปันเมื่อวันเก่า
เป็นเหือดเงาสิ้นไร้ใดดื่มด่ำ
เข้าตีค่าฉาบฉวยด้วยเงินงำ
ให้ตัณหาชี้นำเนื่องมรรคา

พรากวิถีเพียงพอก่อกิเลส
ไปล้ำเขตเกินขอบกรอบยะถา
วิถีสุขเก่าเก่าเนาชีวา
บัดเลือนลาเพราะฟุ่มเฟือยอยู่เรื่อยไป

ยลการเมืองการบ้านแลร้านช่อง
ดังม่านหมองบังบดมิสดใส
ต่างแย่งยื้อถือดีหวังมีชัย
ชำนะเพื่อเริงในอำนาจทราม

พอได้ดีมียศสวมบทบาท
ก็องอาจเริงใจไม่เกรงขาม
เหลิงอำนาจกันสนุกไปทุกยาม
เที่ยวคุกคามเข่นขึงทำดึงดัน


๓.

แลหม่นชาติศาสน์ศิลป์ค่าสิ้นเสื่อม
มันล้ำเหลื่อมในทรามใช่ความฝัน
กระแสวัตถุโถมถาสารพัน
แปรคืนวันสงบเย็นเป็นร้อนรน

ร้อนรุมจิตรุมใจไหวสะท้อน
บ้านเมืองจึ่งรุ่มร้อนไปทั่วหน
แลโลกร้อนร้อนโลกวิโยคยล
ร้อนชาวชนแตกแยกจนแปลกใจ

ฝากเอย ฝากเพลงยาวข่าวประสก
ความต่ำตกเลวทรามขอถามไถ่
ล่วงแต่หนค้นหามาแต่ใด
จึงสยามนามไทยระอุร้าว

ร้าวเอย  ร้าวแผ่นดินสิ้นสงบ
สุขเคยสบอาทรกลับร้อนผ่าว
ความขัดแย้งแบ่งฟากมากเรื่องราว
แตกชนชาวไทยสิ้นรักสามัคคี

ชินวรสอนธรรมไม่นำคิด
จึงเหล่าสรรพชีวิตกรรมบัดสี
กระทำเถื่อนเคลื่อนลุซึ่งบุรี
ถ้วนธานีคุกรุ่นความวุ่นวาย

เพราะไร้ธรรมนำสร้างเป็นทางชอบ
เห็นแก่ตัวโกยกอบในสิ่งหมาย
หลงอำนาจเริงรุกไปทุกพาย
ฐานใจคลายศีลธรรมการดำเนิน


๔.

วิเวกห้วงล่วงคล้อยในรอยเก่า
จารึกเงาใดชอบนอบสรรเสริญ
แลวิถีชนกระบวนดังส่วนเกิน
ความเจริญเพียงแสวงการแต่งปรุง

แลผิดนาผิดไร่จะไปสู่
กระฎุมพีเป็นอยู่ไร้ข้าวหุง
เจ้านายเงินกลับหรูเลิศเจิดจรุง
ทิ้งคนทุ่งแร้นแค้นอยู่แดนไกล

จะขายข้าวขายเกลือเผื่อชีวิต
ความจนยากอันสถิตฤาไปไหน
ยังเกาะกุมคลุมครอบอยู่รอบใจ
กี่ยุคผ่านพ้นในความทุกข์ทน

ท่านเอย ข้าวยากหมากแพง
สิหาทรัพย์ใดแปลงประกอบผล
ย่ำดักดานผ่านพาสาละวน
นำชีวิตอับจนขืนชะตา

หวังในความมั่งมีเป็นศรีสุข
หวังกี่ยุคกลับสิ้นไร้ในยะถา
กี่อดออมถนอมฝันสร้างมรรคา
กลับกล้ำกลืนแต่น้ำตาอันโศกตรม


๕.

งามบุรินทร์ถิ่นทองแห่งผองข้าฯ
บัดสิล้าแรงงามเพราะทรามข่ม
เหลิงมายาคตินำนิยม
พาสิ้นแนวประชาคมประชาไทย

ในนามราษฎรผู้อ่อนล้า
จะฝังฝากชีวาสู่ฟากไหน
วิถีทางสร้างทำจะนำไป
สู่แห่งหนกลใดดังมิรู้

อนาคตบทเบื้องรอเปลื้องปลด
ใครสิลดความหวาดหวั่นที่คั่นอยู่
หลากกังวลหม่นเงาการเฝ้าดู
ผิดเป็นครูซ้ำซากแลมากมาย


๖.

ปัจฉิมลิขิต ฯ
ว่าธรรมเอย จงสถิตกระแสสาย
สุขสงบแผ่นดินอย่าสิ้นคลาย
ชนหญิงชายรู้ชอบประกอบธรรม

เถิดความดีจงอาทรดับร้อนรุ่ม
จางเกลื่อนกลุ้มในรอยอันต้อยต่ำ
หลั่งน้ำใจไมตรีชุบชี้นำ
ที่มืดดำจงสว่างกระจ่างไกล

จบเพลงยาวล่วงหนยลสะท้อน
ดิถีจรแห่งกาลผ่านสมัย
จารึกย้ำธรรมาบัญชาใจ
สืบเป็นไทยชั่วกัปกัลป์พุทธันดร เอย ฯ

..............................

โดยคำ  ลานเทวา




				
12 กันยายน 2551 23:33 น.

ไม่ทางนี้ แล้วจะไปทางไหน ... !

ลานเทวา

162-4.jpg




บนรอยทางใจย่างย่ำ

สรรพสิ่งชักนำเพียงความหมาย

สมมุติแห่งรูปเงาอันเปล่าดาย

จักก้าวก่ายกรรมใดให้ปะทะ

 

สงบเงียบง่ายเรียบแล

ท่ามกระแสโหมพัดแห่งผัสสะ

ย่ำบาทเบื้องรอยธรรมค้นชำระ

เพื่องดงามทุกขณะของจิตใจ

 

อิ่มเอิบในปิติ

สรรพธรรมดำริตรองวิสัย

สรรพสิ่งอันเห็นความเป็นไป

ปล่อยวางโลกวิไลย่ำดำเนิน 

 

สู่ฟากฝั่งอันพิสุทธิ์

โลกวิมุติมิรกร้างผู้ห่างเหิน

ทอทาบทองผ่องธรรมรอยย่ำเดิน

ฝ่ากระแสโลกเผชิญอยู่โดยธรรม

...............

โดยคำ  ลานเทวา

 



BUR1305L.jpg
				
9 กันยายน 2551 23:13 น.

คัมภีร์ เย้ยชะตากรรม ... !

ลานเทวา

แต่ละช่วงห้วงกระแสผันแปรล่วง

สิ่งทั้งปวงเคลื่อนคล้อยในรอยหาย

สิ้นสุดในกรอบเก่าอันเปล่าดาย

ฝากรอยยิ้มทักทายกาลเวลา

 


เงียบเหงาในห้วงทะเลฝัน

ผ่านแผ่วเสียงรำพันแห่งภูผา

ท่ามสายลมโบยโบกโชคชะตา

แพ้ชนะในมรรคาอันเป็นไป

 


แค่หนึ่งผู้เร่ร่อนสัญจรภพ

จักรวาลเกลื่อนกลบความหวั่นไหว

จะซุกเร้นทุกสิ่งเท็จจริงนัย

เพื่อแบกโลกวิไลสัมภาระ

 


ผ่านความคลุ้มคลั่งแห่งวันคืน

รอนแรมในจุดยืนห้วงขณะ

พลิกผันโลกปรวนแปรแพ้ชนะ

ท่ามกลางการปะทะของหัวใจ

 


แล้วเสียงหัวเราะทั้งน้ำตา

ก็ดังเย้ยความบิ่นบ้าที่มอบให้

หันแลโลกครั้งหนึ่งคิดถึงใคร

รอยอดีตก็เลือนไกลเสียสิ้นแล้ว

 


จะทวนย้อนอ่อนไหวในรู้สึก

ก็ล่วงดึกบั้นปลายสายลมแผ่ว

แลวัยวันฝันจางจนร้างแนว

ได้แต่ยิ้มเย้ยแซวชะตากรรม

...................

โดยคำ ลานเทวา

 
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลานเทวา
Lovings  ลานเทวา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลานเทวา
Lovings  ลานเทวา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลานเทวา
Lovings  ลานเทวา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลานเทวา