11 มกราคม 2550 11:38 น.

เรื่องน้ำเน่า

อัลมิตรา

 
ฉันจัดการหามุมเหมาะ สำหรับปูเสื่อกกสีส้มเล็ก ๆที่ฉันเหน็บติดท้ายรถจักรยานมาด้วย
สวนสาธารณะแห่งนี้ ไม่ไกลเกินกว่ากำลังปั่นของขาที่จะพาฉันซึ่งล้าจากงานมาพักผ่อน

น่าจะตรงนี้.. เหมาะล่ะ
ช่วงบ่ายแก่ ๆ แดดที่อ้อมไปจ้าแสงที่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ ทำให้พื้นที่ตรงนี้ไม่ร้อน
หนำซ้ำยังสดชื่นไปด้วยไอฝอยของน้ำพุที่อยู่กลางบึงเล็ก ๆ 

รถจักรยานถูกตั้งขาพักไว้ข้าง ๆ เสื่อกกสีส้ม .. เสบียงที่อยู่ในเป้ ถูกนำมาจัดวางบนเสื่อ
ฉันไม่ลืมหยิบนิยายจีน มังกรคู่สู้สิบทิศเล่มที่ ๑๑ ภาคสมบูรณ์ ออกมาด้วย
โดยอัตโนมัติ ฉันเหน็บดินสอไว้ที่ซอกหู ส่วนสมุดบันทึกเล็ก ๆ ฉันกองรวมไว้กับเสบียง

 ถ้าถึงเวลานั้น หากคุณไม่มีใคร คุณมาอยู่กับผมนะครับ  

อารมณ์กำลังภายในที่กำลังอ่านอยู่ สะดุดกึกทันที กับถ้อยคำที่คุ้น 
ประโยคดังกล่าว ฉันเกือบลืม ทว่า ความทรงจำของฉันบอกฉันว่า ฉันยังคงจำได้
แต่ฉันก็ยังข่มใจ ก้มหน้าก้มตาอ่านในบทอวสานต่อไป

 สักวันหนึ่ง คุณอาจเปลี่ยนใจ และนึกเสียใจที่ได้พูดประโยคนี้ออกมา  
 ไม่หรอกครับ ผมไม่ใช่คนที่เปลี่ยนใจได้ง่ายดาย  

รบกวนสมาธิจัง ( ฉันคิดในใจ ).. 
อุตส่าห์หามุมสงบแล้วเชียว กลายเป็นมุมโรแมนติคของคนอื่นเสียนี่
นึกรำคาญขึ้นมาทันที แต่ถ้าจะให้อพยพข้าวของ ขยับหาที่ใหม่ ก็คงเป็นเรื่องที่ ธุระไม่ใช่ 
ฉันจับจองที่ทางก่อนนี่นา ..
วู้ !! อ่านหนังสือต่อดีกว่า พรุ่งนี้ต้องเอาไปคืนห้องสมุดแล้ว ไม่งั้นจะโดนปรับ

 ไม่แน่ใจเลยค่ะ มีความรู้สึกว่า ความไม่แน่นอนจะเกิดขึ้น 
 ไม่สิ อย่าคิดอย่างนั้นสิครับ เชื่อมั่นผมสิครับ ผมไม่ใช่คนโลเลแน่นอน 
 คุณก็รู้นี่คะ เหตุผลที่ทำให้รู้สึกกลัว 
 ผมอยู่ตรงนี้แล้ว อย่ากลัวไปเลยครับ ผมจะปกป้องคุณเอง 
 คุณจะปกป้องตลอดไปหรือเปล่าคะ 
 ด้วยเกียรติของผมครับ ผมพูดคำไหน ย่อมเป็นคำนั้น 

แหม !! ว่าจะอ่านไปเรื่อย ๆ แต่เหมือนอารมณ์งิ้วถูกเบรค 
สิ้นประโยคที่ว่า  ผมพูดคำไหน ย่อมเป็นคำนั้น  ทำให้ฉันต้องวางหนังสือลง
พร้อมกับหันมายังม้าหินข้าง ๆ ได้ทันเห็นบทเลิฟซีนวุ๊ย .. บ้าตาย กลางวันแสก ๆ

ชายคนนั้นถึงหญิงคนนั้นเข้ามาซบที่อก พร้อมกับเอามือลูบผมที่ยาวเคลี่ยไหล่ของเธอ
ฉันอยู่ในตำแหน่งกองหลัง เอ๊ย ด้านหลัง .. 
ฉะนั้น อย่ามาหลอกถามให้ยากเลยว่า คู่นั้นคือใคร ?
เสียงกระซิบกระซาบยังคงมีอยู่ต่อไป ส่วนฉันฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง ตามเรื่อง
ใครจะบอกว่าฉันสอดรู้สอดเห็นก็ช่างเถอะ ..
ก็หูของฉันไม่หนวกนี่ .. แถมตาก็ไม่บอดอีกต่างหาก
บางถ้อยคำฉันก็ไม่ได้สนใจฟัง บางถ้อยคำก็สะกิดใจชวนฟังเสียนี่ .. เป็นงั้นไป

สักพัก .. ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ที่แท้เป็นโทรศัพท์ของฝ่ายชายนี่เอง 
ฉันเห็นเขาขอตัวออกมายืนคุยโทรศัพท์ห่างจากหญิงคนนั้น ..  แต่ดันใกล้ฉันสิ

  ครับผม อยู่แถวบ้านครับ 
 - - - - - - - - - - -
 คิดถึงสิ ไม่คิดถึงแป้ว แล้วผมจะคิดถึงใครล่ะ 
 - - - - - - - - - - -
 โอย ต้องขอโทษทีครับ ตอนนี้ไม่สะดวกเลย คุณจะมากี่โมงครับ 
 - - - - - - - - - - -
 ครับ ครับ พอดีผมเถลไถลนิดหน่อย คงยังไม่กลับเข้าบ้านในตอนนี้ครับ 
 - - - - - - - - - - -
 ไงครับ มื้อเย็นหรือ 
 - - - - - - - - - - -
 ได้สิ อยากทานอะไรครับ 
 - - - - - - - - - - -
 ครับ ครับ แล้วเจอกันจ๊ะ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ 
 - - - - - - - - - - -

เอาสิ หูเจ้ากรรมดันไปได้ยิน ไอ้เรื่องที่ไม่ควรได้ยิน
ตะกี้เพิ่งเห็นหมอนี่ออดอ้อนกับหญิงคนนั้นอยู่แหม่บ ๆ มาตอนนี้อ้อนสาวทางโทรศัพท์
มันมีกลิ่นตุ ๆ ชอบกล .. 
แต่ก็ช่างเขาเถอะ เรื่องของเขา ไอ้กลยุทธแบบนี้ ใช่ว่าเราจะไม่เคยเจอ

ขณะที่ชายชีกอหลบมุมอยู่ด้านหลังต้นไม้ ฉันก็เหลือบตาไปดูหญิงคนนั้นบ้าง
ท่าทางลุกลี้ลุกลน .. เกิดอะไรขึ้นหว่า ตะกี้ไม่ทันสังเกต  มีพิรุธอีกคนแฮะ

 มาแล้วครับ ขอโทษทีที่ให้รอนาน ตะกี้เพื่อนโทรมาตามงานนิดหน่อย 
 ไม่เป็นไรค่ะ พอดีว่า ก็อยากขอตัวกลับบ้านก่อนเหมือนกัน 
 ครับ ผมไปส่งนะ 
 ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเดินข้ามฟาก ไปขึ้นรถเมล์ตรงนั้น นิดเดียวเองค่ะ 
 ถ้างั้นก็ได้ครับ เพราะผมต้องไปทางโน้น 
 ค่ะ ดีใจนะคะ ที่ได้เจอคุณ ขอบคุณมากค่ะ 
 ครับผม อย่าลืมที่เราคุยกันนะครับ 
 ถือว่าเป็นคำสัญญานะคะ 
 ครับ ยิ่งกว่าคำสัญญา 

จนแล้วจนรอด ฉันก็อ่านหนังสือที่พกมาไม่จบ เพราะมัวแต่เงี่ยหูฟังบทโรแมนติคแทน
พิลึกแท้ อุตส่าห์ปลีกวิเวกมาหย่อนใจแล้วเชียว แต่ก็เอาเถอะ อย่าใส่ใจดีกว่า

ฉันเห็นคนคู่นั้นเดินไปทางประตูด้านข้างของสวนสาธารณะ 
เอาล่ะ ฉันจะได้ตั้งใจอ่านหนังสือให้จบเสียที  ตั้งใจอ่านต่อดีกว่า (ฉันคิด)

ยังไม่ทันอ่านได้จบตอน .. ฉันก็รู้สึกว่า เก้าอี้ม้าหินตัวนั้น มีคนมาหย่อนก้นนั่งอีกแล้ว
ให้ตายสิ .. แล้วฉันจะอ่านจบไหมเนี่ย เสร็จแน่ โดนบรรณารักษ์ปรับเงินอีกแล้วสิ

 ตรงนี้สิพี่ ร่มรื่นดีค่ะ  

เสียงคุ้น ๆ แฮะ .. ให้ตายสิโรบิ้น ผู้หญิงคนนั้น นี่ ..

 พอดีพี่ไปธุระให้แม่ ก็เลยผ่านมาทางนี้ ก็เลยเห็นน้องบุษยืนรออยู่ตรงป้ายรถเมล์พอดี 
 ก็ตั้งใจจะไปหาพี่ที่บ้านเหมือนกันค่ะ คิดถึง 
 มาทำอะไรแถวนี้ครับ หรือว่า ตั้งใจมาที่นี่พักผ่อนหย่อนใจ 
 บังเอิญค่ะ พอดีว่ามาต่อรถเมล์อีกทอดจากรถไฟฟ้าใต้ดิน  
 โชคดีของพี่  
 ถ้างั้น เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานกันดีมั๊ย น้องหิวแล้ว 
 จ๊ะ..ที่รัก   

โอ๊ย ... อยู่ไม่ได้แล้ว ... ที่ไหน ที่ไหน ก็มีแต่น้ำเน่า ...
ฉันรีบจัดการเก็บข้าวของใส่เป้ตามเดิม ..
เสบียงที่ยังไม่ถูกแตะต้อง ก็ยังคงอยู่ในกล่องอาหารเหมือนเดิม
เป็นซะอย่างนี้ .. 
นี่เอง ฉันไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม๊ ทำไม .. รอบ ๆ ตัวของฉันจึงมีแต่น้ำเน่า

				
12 ธันวาคม 2549 22:54 น.

แสงไฟในเศษฟืน

อัลมิตรา

คำสอนของยายทอง ขอปล้องกลาง 

ชีวิตหญิงชราวัย 81 ปี ที่ต่อสู้ชีวิต ด้วยการ "ขายเศษฟืน" 
ยายทอง คือยายที่เราเคยไปถ่ายทำสารคดีเรื่อง แสงไฟในเศษฟืน 
แล้วได้รับรู้ว่าชิวิตของยายนั้นต้องอยู่อย่างลำบากในเพิ่งสังกะสีเก่าๆ 
ไม่ต่างจากกองขยะ ที่ทั้งอุดอู้ สกปรก และไม่สามารถกันแดดฝนอะไรได้เลย				
14 ตุลาคม 2549 18:36 น.

ชีวิตกับดิจิตอล

อัลมิตรา


Project ที่อยู่เบื้องหน้า ... โดยที่เราร่าง flow ไว้คร่าว ๆ ถึงวิธีการ และลำดับขั้นตอน รวมถึงผลลัพธ์ของข้อมูล .. เราทบทวนด้วยสายตา และกลั่นกรองด้วยสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า  จนกระทั่งแน่ใจในระดับหนึ่ง จึงลงมือปฏิบัติเขียน Program .. แน่นอน เราไม่อาจคาดหวังได้ว่างานชิ้นนี้จะลุล่วงสัมฤทธิ์ผลตามเจตนา เรายังคงต้องทดสอบและตรวจสอบอีก .. ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวอาจจะใช้เวลาเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในระบบ ทั้งยังต้องประสานงานกับแต่ละจุดที่อยู่ในแผนงานของ flow ที่เรากำหนดไว้ .. ส่วนเป้าหมายน่ะเหรอ คงไม่พ้นทฤษฏีต่าง ๆ ที่คนอื่นคิดแต่ไม่ได้ลงมือทำ

Insert  -  Change  -  View -  Copy  -  Delete  -  Save ... เป็นฟังค์ชั่นที่เรากำหนดให้มีในโปรแกรมของเรา ในแต่ละฟังค์ชั่นมีคุณสมบัติแตกต่างกัน แต่ก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องการให้ข้อมูลมีความถูกต้องที่สุด .. ยิ่งไปกว่านั้น เรายังต้องระมัดระวังไม่ให้ถูก Bug ไชชอนก่อกวน .. Bug หรือแมลงก่อกวน ย่อมทำความรำคาญใจให้กับเรา ตรงที่ ตรวจสอบได้ยาก และด้วยความที่คาดไม่ถึง Bug มักมาเยี่ยมเยียนสร้างความเสียหายให้กับ Project เสมอ ๆ  ทำให้เกิด Error แบบที่ว่ายากต่อการตรวจสอบ 

กว่าจะลงตัวเรียบร้อยในแต่ละชิ้นงาน เราเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เราสูญเสียพลังงานไปมากมาย ..  นั่นคือภาระหน้าที่ของเรา ที่เราจะต้องทำ ค่าตอบแทนในการทำงานของเราก็พอจะสมราคาอยู่ และเหนือกว่านั้น คือความภาคภูมิใจนิด ๆ ที่จะก่อให้เกิดความฮึกเหิมในหัวใจ  .. ว่า .. เรายังมีคุณประโยชน์อยู่ ยังมีความสามารถ ที่สำคัญ  เราไม่ไร้ค่าจนเกินไปนัก ..

บางครั้งบางคราว งานที่เข้ามาหาเรามีมากกว่า 1 Project  .. แน่นอน ความต้องการย่อมแปะท้ายด้วยคำว่า ด่วน และ ด่วนที่สุด .. ไอ้คำว่า ด่วนและด่วนที่สุด .. บางชิ้น บางงาน ทำให้เรามีคำถามผุดขึ้นมาในใจทันทีว่า ".. ด่วนที่สุดแล้วทำไม เพิ่งแจ้งมา .."  อืมม !! เรากำลังหัวเสียหรือเปล่า  ? .. ไม่หรอก ..  เราแค่สงสัยต่างหาก เราสงสัยในลำดับขั้นตอนการทำงาน ซึ่งทำให้เราพอจะมองออกว่า ผู้ที่แจ้งงานมานั้น ส่วนหนึ่ง ไม่รู้จักวางแผน จัดเรียงให้เป็นลำดับขั้นตอน ทุกอย่างจึงดูเหมือนว่าฉุกละหุก .. 

ความคิดบางอย่างแว๊ปมาในสมองทันที .. เราไปสงสัยผู้อื่นได้อย่างไรกัน ? ความจำเป็น และสถานการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น เราไม่ได้ลงไปร่วมรับรู้ถึงความรู้สึกกับเขา ณ ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น  เราล่วงรู้ซะที่ไหน ? .. 

ทันทีที่รู้สึกตัวว่า เรากำลังตัดสินความ โดยเอาเกณฑ์จากตัวของเราเป็นหลัก เรารู้สึกว่าเราอยุติธรรมเหลือเกิน ดังนั้น เราจึงรั้งความรู้สึกนั้นกลับมาโดยเร็ว พร้อมกับปรามตัวเองว่า อย่าล้ำเส้นเขา .. หน้าที่ของเรา ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของเรา เราสู้ปฏิบัติงานของเราไปอย่างดีที่สุดดีกว่า .. 

เราง่วนกับการทดสอบโปรแกรมของเราต่อไป 
Insert ... เพิ่มข้อมูล .. อย่าได้วางใจว่า ข้อมูลที่ป้อนเพิ่มนั้นจะถูกต้องเสมอ ควรให้โอกาสตัวเองที่จะ  Change ... เพื่อที่จะแก้ไข ปรับปรุง หรือถ้าข้อมูลนั้น บกพร่องเกินกว่าจะแก้ไขได้ ในที่สุดคงไม่อาจเก็บรักษาไว้ เราก็ไม่ควรที่จะเสียดาย เพียงแต่เราตัดสินใจ Delete ...ออก เพื่อที่ว่า จะได้รักษาฐานข้อมูลที่ถูกต้องไว้เท่านั้น และอาจมีตัวช่วยให้คล่องในการทำงาน โดยการเลียน Copy ... ทั้งนี้ก็เพื่อเพลา ทุ่นแรงในการทำงานบางอย่างที่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ โดยที่เราสามารถเรียกดู View ข้อมูลเก่า ๆ ที่เราเก็บบันทึกไว้ เสมือนอดีตที่เราควรนำมาเป็นรูปแบบบรรทัดฐาน และก่อนปิดโปรแกรม เราจะไม่ลืม Save ... ในส่วนเฉพาะที่ถูกต้องในฐานข้อมูลเท่านั้น

				
13 ตุลาคม 2549 10:13 น.

ไม่เท่ากัน

อัลมิตรา


หากทิ้งคำถามว่า .. 
ท่านเคยจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมหรือสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวกันไหม ?
คำตอบอาจมีหลากหลาย ..
ทั้งเคย และไม่เคย ส่วนที่เคยก็ยังมีปลีกย่อยอีกว่าเคยอย่างไร และไม่เคยนั้นไม่เคยเพราะอะไร

ในความรู้สึกส่วนตัวของเรา .. เราเคย และก็ไม่เคย 
หนำซ้ำยังเคยสับสนเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญจนรู้สึกวุ่นวายใจในบางครั้ง

แน่นอนที่สุด บางเหตุการณ์ที่ผ่านไป ทำให้เราต้องนึกย้อนว่า .. 
เป็นเพราะเราไม่จัดลำดับความสำคัญหรือเปล่า ?
โดยเฉพาะเราที่จะต้องปฏิบัติงานบางอย่างด้วยช่วงเวลาที่จำกัด 
การหยั่งถึงผลที่จะได้รับ การคาดคะเนถึงผลกระทบ ฯลฯ
ย่อมเป็นตัวแปรให้เราตัดสินใจจัดลำดับความสำคัญ

มีบ้างที่ผลสุดท้ายไม่สัมฤทธิ์ผลร้อยเปอร์เซนต์ 
มีบ้างที่ยังคงต้องย้อนกลับมาทบทวนและปรับปรุงแก้ไข
มีบ้างที่ลุล่วงไปด้วยดีโดยไม่มีสิ่งใดติดขัด 
..ทุกกรณีมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น...

ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะไม่กังวลใจเลยหากเราคิดเสมอว่า ..
ทำมากก็ผิดมาก ทำน้อยก็ผิดน้อย ไม่ทำก็ไม่ผิด 
และเราก็บอกกับตนเองบ่อย ๆ ว่า..
 อย่าปล่อยให้ความเครียดเป็นเสมือนระเบิดเวลามาบั่นทอนจิตใจ
เราจึงเจียดเวลาที่ค่อนข้างเหลือเพียงน้อยนิดของเรา..
ทำในสิ่งที่เราชอบ และมีความสุขกับมัน

๏ กอปรการงานมากน้อย.....ปานใด 
อย่าเคร่งเครียดเกินไป.........ปล่อยบ้าง 
อันมวลหมู่มิตรใด................มีจิต-  งามนา 
จงคบอย่าทิ้งขว้าง................แอบคว้าศัตรู ฯ 

๏ มองนิลปานหินด้อย..........ราคา 
พกกรวดปานมณีพา.............จิตพลั้ง 
ประเมินมิตรดังหมา............หัวเน่า   
แต่ศัตรูกลับรั้ง......................เหนี่ยวใกล้กอดสบาย ฯ

ที่คนในโลกนี้ที่เราควรถนอมน้ำใจอย่างที่สุด 
กี่คนในโลกนี้ที่เราควรเว้นระยะห่างไว้
และสำหรับลำดับที่เหลือ ความสำคัญจะลดหลั่นอย่างไร ?

มีความเป็นไปได้สำหรับ บุคคลที่เราไม่ได้ให้ความสำคัญสักเท่าใด
แต่กลับเรียกร้องให้เรามองเห็นความสำคัญของเขา
บางที.. 
การเรียกร้องเช่นนั้น ยิ่งกลับทำให้ความสำคัญที่มีเหลือเพียงน้อยนิด ยิ่งเหลือน้อยลงไป
เราควรตอบสนองความต้องการของพวกเขากระนั้นหรือ ?
เพื่ออะไร ความถูกต้องคือการกระทำที่ถูกใจคนอื่น ยังใช่คำตอบที่เราจะเลือกหรือเปล่า ?

ถ้าความเป็นจริงจะต้องดำรงอยู่ด้วยการอดทนอดกลั้น
ด้วยการที่พร่ำบอกต่อตนเองว่า
 " โอ้ !! แท้จริง ..ทุกคนในโลก ล้วนแต่สำคัญต่อเราทั้งสิ้น"  ... 
เราคงหดหู่ใจพิลึก ที่ต้องปฏิบัติเช่นนั้น ..เพราะความจริงมีอยู่ว่า.. มันไม่ใช่สิ่งที่อยากทำ

คนคนเดียวต้องหมุนจานบนปลายไม้ได้หลายสิบใบในเวลาเดียวกัน 
จานบนปลายไม้ แต่ละใบ ล้วนแต่ต้องการการประคับประคองไม่ให้ตกแตกเสียหาย
แต่การที่จะหมุนจานบนปลายไม้ได้มากมายขนาดนั้น ผู้หมุนจะต้องสนุกและสุขกับมันด้วย
โดนเริ่มต้นหมุนจากจานใบแรก ..
และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณ ดังนั้น นี่ก็คงเป็นการจัดลำดับเช่นกัน

ดังนั้นเราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่คาดหวังของผู้อื่นดี  ?
คงมีแต่ประโยคที่ว่า ..
ถ้าหวังมาก ก็ผิดหวังมาก ถ้าหวังน้อย ก็ผิดหวังน้อย ถ้าไม่หวัง ก็ไม่ผิดหวัง 
มันนอกเหนือจากความสามารถของเราจริง ๆ ที่จะล่วงรู้ไปถึงสิ่งที่ผู้อื่นคาดหวัง
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สมมุติฐานดังกล่าวอาจไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ 
แต่สำหรับเรา เราอาจจะตอบได้บ้างแบบไม่เต็มปากเต็มคำว่า .. มีความเป็นไปได้

ทุกวันนี้ ..เราแขวนประโยคหนึ่งไว้ในใจ..
เราเปลี่ยนเมื่อวานไม่ได้ แต่เราทำให้พรุ่งนี้ดีขึ้นได้
หลังจากที่เราทบทวนตนเองว่าทำอะไรถูก ทำอะไรผิด สำหรับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

เราก็เริ่มจัดปาร์ตี้ลีสลงในใจของเรา 
เริ่มจากวงกลมใกล้ชิดที่เป็นครอบครัวของเรา ..
จากนั้นก็เป็นบรรดาเครือญาติ .. 
ถัดไปจึงจะเป็นบุคคลที่เราไว้วางใจยกให้เป็นเพื่อนสนิท
ส่วนที่เหลือจากนั้น เราจำต้องปักเขตแดนกั้นและขีดเส้นมิให้ล่วงล้ำก้าวเข้ามา
ทั้งหมดนี้ เป็นความพึงพอใจของเรา และเป็นสิ่งที่ชอบธรรมที่สุดที่เราจะอยู่อย่างสงบสุข

เราได้สิ่งที่ดีชดเชยคืนในส่วนที่ยอมให้สูญเสียไป ..
และมากกว่านั้น..เรากำหนดอนาคตของตนเอง  ไม่ใช่ให้ผู้อื่นบัญญัติ

สำหรับผู้พเนจร
เคยกิน อยู่ นอน ...อย่างเรียบง่ายไร้สีสัน
ใช้ชีวิตผ่านไปในแต่ละวัน
โศกศัลย์ สุขสันต์ กับเรื่องราวที่เข้ามา

สรรพสิ่ง สงบงัน เงียบสนิท
หากหวนคิดสิ่งที่ผ่านไปช่างไร้ค่า
ด้วยเคยทุกข์หนักหน่วงบางช่วงเวลา
และมีบ้างบางครา อุรายิ้มร่าเบิกบานใจ

ผู้พเนจรคือตัวเรา
ซึ่งดลบันดาลตนเองให้สุขดั่งราชาในความรู้สึกได้
ผันจากความเป็นจริงที่ขัดสนดุจยาจกผู้ยากไร้
ทุกอย่างรู้สึกด้วยหัวใจ เราจะมิยอมให้ถูกผู้ใดกักขัง

ยังคงมีสิ่งดี ๆ รออยู่ตรงหน้า
เพื่อที่จะให้เรียนรู้ เพื่อที่จะให้ฉกฉวยความสุขเหล่านั้น
ภาพเรื่องราวต่าง ๆ ที่หมุนวนฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เราจะปิดแผ่นพับนั้น และเริ่มลงมือวาดระบายสีสันให้กับชีวิต
				
10 กันยายน 2549 11:24 น.

ประมวลภาพ “๕ ปี อาศรมชาวโคลง : ลงแขก งานบุญ แต่งบ้าน มหากวี”

อัลมิตรา

ประมวลภาพ  ๕ ปี อาศรมชาวโคลง : ลงแขก งานบุญ แต่งบ้าน มหากวี

				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา