19 พฤษภาคม 2547 13:35 น.

ล่องน้ำชมดาวกระพริบ

แก้วประเสริฐ


          นัดเด็กน้อยท่องล่องน้ำวัยเจ็ดสิบ
เกินเจ็ดสิบก็มีอีกมากหลาย
อายุฉันมากห้าสิบก็มากมาย
นั่นรถไปมุ่งสู่เมืองราชบุรี

          ประธานกลุ่มซึ่งเป็นมัคคุเทศก์
ชี้แจงเหตุตามรายทางอย่างสุขี
หมอหญิงก็คุยสนุกเรื่องโลกีย์
ทุกคนฤดีเปรมชื่นรื่นอารมณ์

          รถบัสแล่นมาถึงเมืองแห่งดินเผา
รถแล่นเข้าบูชาพระได้เหมาะสม
แล้วแวะเข้าร้านเบญจรงค์เพื่อชม
ซึ่งดำรงไว้เลืองฤาชื่อเมืองไทย

           ระหว่างทางฝนตกอดเที่ยวหลายแห่ง
บ้านชมเดือนแจ้งในโบชัวร์ไว้
สั่งอาหารกินคุยตลกร่าเริงใจ
พวกเราจะไปล่องน้ำยามค่ำคืน

           ครั้นทุ่มหนึ่งถึงเวลาออกท่องเที่ยว
เรือลดเลี้ยวริมน้ำแม่กลองสุดฝืน
ล่องลำน้ำที่เงียบสงัดยามค่ำคืน
เสียงแตกตื่นชี้ชวนชมต้นไม้ทอง

           ต้นลำพูดารดาษด้วยแสงหิ่งห้อย
นับเป็นร้อยหมื่นแน่นบินละล่อง
เสาะแสวงหาคู่ไปด้วยแสงทอง
ตัวเราหมองคู่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

          เอ๊ะอะไรช่างขาวโพลนบนต้นไม้
พอเข้าใกล้สีขาวนกกระยางเป็นคู่
ช่างอ้อล้อจู๋จี้กันกระสันชวนดู
เกาะเป็นหมู่เหมือนดอกไม้ในราตรี

          ใช้เวลาชั่วโมงกว่าล่องเรือหันกลับ
หากจะนับถือว่าเป็นชั่วโมงที่สุขี
นี่แหละหนอชีวิตวัยรุ่นเท่าที่มี
บั่นปลายชีวีไม่หง่อยเศร้าเหงาอารมณ์.     

                   แก้วประเสริฐ.				
18 พฤษภาคม 2547 13:54 น.

ขลุ่ยรัญจวน

แก้วประเสริฐ


          ยามดึกดื่นคืนค่ำน้ำค้างตก
เสียงวิหคโหยหวนมาตามสาย
พระพายพัดโชยพลิ้วระริกกาย
ปนปรายเสียงขลุ่ยแผ่วแว่วพลิกแพลง

          ท้องนภาคลาคล่ำดาวเดือนฉาย
ดาวกระจายพรายพริบวิวับแสง
มวลหมู่ไม้ใหญ่เล็กคล้ายสิ้นแรง
ดุจดั่งแฝงอารมณ์เศร้าเคล้าขลุ่ยตาม

          เสียงขลุ่ยแผ่วแว่วครวญหวนใจจิต
แม้นน้อยนิดใจระริกให้วาบหวาม
สูงลงต่ำคล้ายร่ำไห้ของคนงาม
แฝงถึงความสูญสิ้นช้ำระกำใจ

          บัดเดี๋ยวขลุ่ยเสียงแผ่วแว่วเลือนหาย
ดุจดั่งคล้ายเจ้าของขลุ่ยนั้นร่ำไห้
ทำไมหนอใจฉันนี่เป็นอะไร
ช่างหวั่นไหวต่อขลุ่ยแว่วแผ่วมา

          หมายย่างเท้าก้าวเดินเพื่อหลีกหนี
เหมือนจะมีเสียงเรียกเพรียกหวนหา
ต้องชะงักกายไว้เหมือนต้องมนตรา
หลงเสน่หาขลุ่ยแผ่วแว่วหวนคืน

          ทำนองเสียงระริกพลิ้วสุดระริก
คล้ายจะจิกกระชากใจต้องสุดฝืน
ยิ่งฟังไปใจยิ่งช้ำต้องกล้ำกลืน
ยากจะฝืนน้ำตาหลั่งรดทรวงใน

          โอ้ขลุ่ยหนอเสียงเจ้ายังเท่านี้
แล้วคนที่บรรเลงเจ้าจะเป็นไฉน
มิหลั่งน้ำตาพร้อมเจ้าดูกระไร
ฉันนี้ไกลได้ยินเจ้ายังเศร้าตรม.

                   แก้วประเสริฐ. 				
17 พฤษภาคม 2547 15:37 น.

สนพลิ้วลม

แก้วประเสริฐ


          ยามลมโชยพัดพลิ้วระริกผ่าน
แสงตะวันสาดส่องท้องฟ้าใส
หมู่เมฆาลอยละล่องท่องไป
ใบไม้ไหวพัดพลิ้วระริกลม

          สนเอ๋ยยามลมโชยโรยตามผ่อน
ลู่ลมอ่อนไหวเอนเป็นแนวร่ม
ใบไม้ร่วงหล่นพสุธาดังปูพรม
ยามต้องลมโอนไหวคล้ายละคร

          เมื่อเกิดพายุพัดโบกเสียงโฮกฮาก
แนวสนจักลู่ไหวมิต้องสอน
เปรียบไม้ใหญ่แข็งข้อต้องหักตอน
เป็นแนวนอนสนฟื้นคืนกายา

          อุทาหรณ์สอนไว้เป็นแนวคิด
ธรรมชาติจิตของเรามากนักหนา
มีทั้งกระด้างแข็งอ่อนเป็นธรรมดา
หากนำพาเอาไว้ไม่ขาดตอน

          ก็จะทำให้ได้เอาตัวรอด
แคล้วคลาดปลอดภัยได้ทุกสถาน
รู้จักหนักผ่อนเบาในเหตุการณ์
เป็นหลักการสอนไว้ให้จดจำ

          ขอจงดูปราชญ์ผู้รู้เป็นเหตุผล
ยามจรดลไปไหนอ่อนเป็นตัวกล้ำ
ย่อมถ่อมตนมิอยู่ให้สูงล้ำ
จะกระทำการสิ่งใดให้อ่อนโยน

          ผิดกับผู้รู้น้อยถ่อยความคิด
ยามสถิตนั่งเดินจะไปไหนโน่น
ทำตัววางก้ามโตมิอ่อนโยน
โอ้อวดตนเก่งกล้าข้ามีภูมิ

          ขอฝากข้อคิดนี้ไว้ให้ชายหญิง
ว่าทุกสิ่งควรดูสนที่อ่อนนุ่ม
พายุใหญ่พัดผ่านมาพากันรุม
สนยังนุ่มยิ้มรับไว้ในเหตุการณ์.      

                   แก้วประเสริฐ. 

                    กุ้งหนามแดง 

         สนต้องลมชมแล้วได้สัจจะ
มีธรรมะในตนคนช่างสรร
แข็งในอ่อนอ่อนในแข็งแรงเท่ากัน
เรื่องพัวพันสมดุลย์หนุนให้เป็น

          ให้อ่อนโยนแต่ใช่ให้ไหวอ่อน
แข็งให้ซ่อนเอาไว้อย่าให้เห็น
คมในฝักทักษะตรงประเด็น
มิลำเค็ญใช้ถูกทางคงร้างภัย..


..แวะมาแจมค่ะ คุณแก้วฯ หายไปหลายวันไม่ว่ากันน่ะค่ะ ติดภาระกิจค่ะ..
..  
 จาก : รหัสสมาชิก : 7067 - กุ้งหนามแดง  
 รหัส - วัน เวลา : 274067 - 17 พ.ค. 47 - 21:11 


                         ท่านผู้หญิงไร้เงา 

          เหมือนดั่งไผ่ลู่ลมให้ชมนั้น
ช่างโอนอ่อนผ่อนผันไม่หวั่นไหว
เมื่อลมมาพัดตามลมนั้นไป
พอลมไกลก็ตั้งตรงคงที่เดิม 


*-*แต่งได้ดีค่ะ เปรียบเทียบได้เลยค่ะ*-*  
 จาก : รหัสสมาชิก : 4521 - ผู้หญิงไร้เงา  
 รหัส - วัน เวลา : 273899 - 17 พ.ค. 47 - 17:39  


         กลอนของท่านทั้งสองยอดเยี่ยมมาก จึงเชิญมาลงไว้ เพื่อเสริมกลอนของผมจะได้เป็นแนวคิดอีกทางหนึ่งครับ  หวังว่าเพื่อนรักคงไม่ว่ากันนะครับ....แก้วประเสริฐ.  

                  ยโส


       สนโอนเอนลู่ลมตั้งตรงใหม่
ลมพัดไหวแกว่งไกวกิ่งสาขา
พายุโหมแรงซัดพัดแรงมา
กิ่งที่ว่าสงบนิ่งเมื่อลมไป

อุปสรรคน้อยใหญ่นานานัป
นักปราชญ์จับอารมณ์ข่มใจไหว
ทุกข์สุขนินทาสรรเสริญเผชิญไป
ใจยิ่งใหญ่มั่นคงตรงได้คืน

ขอคาระคุณแก้วประเสริฐด้วยกวีบทนี้อีกครั้งครับ คุณแต่งได้ดี มีแก่นสาระ อ้างอิงคำสอน แฝงคติไว้สอนใจได้มากมาย

                ราชิกา
 
 จาก : รหัสสมาชิก : 7746 - ยโส  

           **  สนเอนไหวใช่ใจนั้นไม่สู้
ฝึกเรียนรู้ตั้งตรงคงความหมาย
แม้นสายลมโบกสะบัดพัดมิวาย
สนยังคลายกลับลู่สู่ที่เดิม......ฯ

งามด้วยลีลา..สัมผัสความหมายด้วยใจ...ให้แนวคิดที่ดีแก่สังคมค่ะ...ขอน้อม..ด้วยใจจ๊ะ..
มาทักทายแฝดเพื่อนนะจ๊ะ..


 
 จาก : รหัสสมาชิก : 3197 - ราชิกา				
16 พฤษภาคม 2547 21:13 น.

แรกรักวัยเรียน

แก้วประเสริฐ


          อุแว้..อุแว้..อุแว้..แว่วเด็กแผดร้องจ้า
หญิงร่างชราอุ้มเด็กที่แผดเสียง
ร่างเด็กสาวนอนซมอยู่ใกล้เคียง
หญิงชราเลี่ยงอุ้มเด็กเดินผ่านไป

          สักครู่หนึ่งผ่านมาเสียงจ้าหาย
ได้กลับกลายครวญครางร้องเสียงใส
ร่างหญิงน้อยนอนซมเพราะพิษไข้
เหตุการณ์ในอดีตหญิงชราเล่าออกมา

          ย้อนเหตุการณ์ผ่านไปได้ปีกว่า
เด็กที่ว่าหมั่นเพียรเรียนนักหนา
จนถูกยกย่องมีหนังสือแจ้งมา
เพื่อนมากหน้าผ่านมาทั้งหญิงชาย

          สนุกสนานผ่านไปใครว่าไม่ได้
เตือนอย่างไรไม่ฟังการเรียนหาย
เอาแต่เที่ยวเตร่กับเพื่อนหญิงชาย
การเรียนสลายหายไปในวัยเรียน

          เอาแต่รักแรกมักไม่ครุ่นคิด
เชื่อสนิทในคำรักที่ขีดเขียน
กับคำหวานเยินยออุส่าห์เพียร
นั่งขีดเขียนการเรียนทิ้งออกไป

          รักสลายการเรียนล่มได้ของฝาก
เหลือเพียงซากรักลูกหาพ่อไม่ได้
ประกาศนียบัตรเขาไข่ทิ้งอดสูใจ
สิ้นสุดในอนาคตคล้ายโบยบิน

           ยกอุทาหรณ์มาไว้ให้ได้เห็น
ดุจดั่งเช่นเล่ามาอนาคตสิ้น
รักเรียนอย่ารักรสอดไว้กิน
ยอมสูญสิ้นรสรักฝากการเรียน.

                    แก้วประเสริฐ.				
16 พฤษภาคม 2547 17:04 น.

สุข ปน โศก

แก้วประเสริฐ


          โศกเอ๋ยโศกโศกเศร้าเมื่อเคล้าโศก
เสมือนโฉลกบ่งบอกโลกให้โศกเศร้า
โศกนี้หรือคือเครื่องหมายทำลายเรา
ความโศกเศร้าทำให้เราด้อยปัญญา

          สุขเอ๋ยสุขคลุกเคล้าเร้าอารมณ์สนุก
ชีวิตถูกปลุกให้รื่นสนุกสุดหรรษา
ไปที่ไหนโลกให้สดชื่นรื่นวิญญา
ความปรารถนาอยู่ที่สุขทุกคนไป

          หากสุขปนโศกโลกเป็นเช่นใดเล่า
ยิ้มของเราแต่ดวงใจไม่ผ่องใส
ทำอะไรให้สับสนทุกครั้งไป
ด้วยกายใจยังไม่ได้สัมพันธ์กัน

          โลกของโศกมิสร้างไว้คงที่
สุขก็ดีเขามีไว้ให้เกษมสันต์
เพื่อทำลายโศกหมดสิ้นให้จากกัน
แต่กระนั้นคนชอบโศกแปลกจริง

          อย่างนั้นอะไรทำให้สุขไร้โศก
พิจารณาโลกหาเหตุผลในทุกสิ่ง
ก็พบว่าเกิดจากใจที่ไม่นิ่ง
ด้วยทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความรัก

          อันรักนั้นให้เกิดสุขปนโศก
แสนวิปโยคโศกสลดด้วยไม่พัก
ความรักทำให้คนกระสันนัก
ฉะนั้นรักทำให้เราเคล้าสุขโศก.

                    แก้วประเสริฐ.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ