8 กุมภาพันธ์ 2553 13:35 น.

ลุ่มลึกอิสราวดี 13

แก้วประเสริฐ


           ลุ่มลึกอิสราวดี  13

    “เอาล่ะพ่อหนุ่ม    ข้าเห็นทีจะต้องกลับเสียแล้วล่ะ”   พญางูในร่างชายชรากล่าว
     ชายหนุ่มก้มลงกราบชายชราอีกครั้ง
     “ขอให้จำเริญๆเถอะนะ ทำการใดจงสำเร็จตามปรารถนาทุกประการ  สหายน้อย
ในอดีตของข้า”   
      ชายชรากล่าวเสร็จพลางลุกขึ้นยืน   พลางก้าวเดินออกไปร่างพลัน
กลับกลายเป็นกลุ่มควันแล้วกลายเป็นแสงพุ่งหายไป
      ชายหนุ่มก้มหยิบกระบองสีดำสนิทขึ้นมาพิจารณา
เห็นเป็นประดุจแท่งหิน  จึงทดลองนำไปฟาดกับก้อนหินใหญ่ข้างๆ  
ปรากฏแสงประกายขึ้นมาทันทีแล้วก้อนหิน
ใหญ่นั้นก็แตกกระจายไป  เขานำกระบองมาตรวจดูว่าจะมีรอยบิ่นอีกหรือไม่   กลับพบว่าไม่มีร่องรอยบิ่นหรือรอยข่วนแต่อย่างไร

     ชายหนุ่มทดลองจนแน่แก่ใจแล้วกล่าวกับกระบองว่า  “นาคราช” เจ้าจงเล็กๆลงซิ
     ทันใดกระบองนั้นก็หดตัวลงทันที  และเล็กลง ชายหนุ่มนึกว่าให้เหลือขนาดยาวแค่คืบ
หนึ่ง   กระบองนั้นก็หดตัวจนเหลือเพียงแค่คืบหนึ่งตามใจชายหนุ่มทันที
    เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงเรียกเจ้าลิงขนทองมาแล้วพลางกล่าวกับกระบองว่า 
         “นี่แน๊ะ!!!...กระบองนาคราช ข้าจะมอบเจ้าให้กับเจ้าประกายทอง
ลิงน้อยตัวนี้นะขอให้เจ้าจงเชื่อฟังเขา  หากข้าเรียกเจ้าเมื่อใดให้เจ้าถึงจะกลับมาหาข้านะ”
  
    เสมือนกระบองจะรับรู้เจตนาของชายหนุ่ม   ชายหนุ่มรับรู้ได้จากความรู้สึก
ว่ากระบองนี้ดิ้นได้และสั่นเล็กน้อย   
 ชายหนุ่มจึงมอบกระบองนี้ให้แก่เจ้าขนทองแล้วสั่งว่า
    “นี่แน๊ะเจ้าประกายทอง  เจ้าจงรักษากระบองนี้ประดุจพี่น้องของเจ้านะ
  อีกประการหนึ่ง
เจ้าจงหาทางเก็บรักษาไว้ให้ดีเพื่อใช้ในการป้องกันตัวต่อไป”   
    ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
    เจ้าขนทองแสยะยิ้มแล้วยื่นมือมันมารับกระบองทันที   
เมื่อมันได้กระบองเสมือนมันจะถูกใจมาก  มันตีลังกาโลดแล่นออกนอกถ้ำทันที
    เขาเห็นมันร่ายรำควงกระบองเสียเร็วจี๋สอดส่ายผสมผสาน
กับท่าร่างที่เขาสอนไว้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว   
แล้วพุ่งกายมาหาเขาหันมากอดเขาไว้เหมือนแสดงความขอบคุณที่เขามอบสิ่งถูกใจ
ให้แก่มันรู้สึกว่ามันจะดีใจมากที่ได้อาวุธคู่กายมัน    
    ชายหนุ่มหัวร่อพลางตบหัวมันเบาๆ 
แล้วหันไปกล่าวกับแม่นางพรายทั้งสองว่า  
    “คงจะได้เวลาพวกเราออกเดินทางได้แล้วนะน้องเรา”
    “จ๊ะท่านพี่....นี่ก็สายแล้ว  อ้าวแล้วสิ่งที่ท่านพี่ลงอาคมขีดเส้นไว้นะไม่ลบเสียหรือ
    “ไม่หรอกจ้าน้องรัก  พี่คิดว่าต่อไปอาจจะเป็นประโยชน์แก่เราหรือคนดีอื่นๆได้  
หากไม่ก็จะได้ป้องกันพวกภูตพรายต่างๆหรือสัตว์ร้ายที่จะเข้ามาอาศัยอยู่  
หากเป็นสัตว์ที่ดุร้ายอาจจะเป็นเภทภัยต่อคนที่เข้ามาอาศัยก็ได้จ้า   
ยกเว้นคนที่มีจิตใจไม่ดีงามก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้จ๊ะ”  ชายหนุ่มกล่าว
    “อืมมๆๆ...พี่ท่านช่างคิดการณ์ไกลจริงๆนะ”  พรายสาวกล่าวขึ้น

     เมื่อทั้งหมดออกเดินทางออกจากถ้ำเพื่อจะกลับไปยังเบื้องล่าง   
เจ้าลิงน้อยออกเดินนำหน้าเขา
แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ   ด้วยมีเส้นทางให้เดินลงไปข้างล่าง  
     ชายหนุ่มพิจารณาดูถึงทราบได้ว่าทางที่เห็นนั้นก็คือซากของงูยักษ์
ที่กลายร่างเป็นหิน  ที่เขากับเจ้าลิงน้อยขนทองผลักให้ตกหน้าผา
แต่หางมันยังพาดอยู่ริมหน้าผา  ร่างอันใหญ่โตของมันกลายเป็นทางเดิน
ให้พวกเขาโดยไม่ต้องปีนป่ายลงไปเหมือนเดิมอีก

     ระหว่างนั้น เขาเห็นก้อนหินสีแดงๆกระจายทั่วๆไป  จึงก้มลงหยิบมาพิจารณา
มันช่างมีน้ำหนักเบายิ่งนัก    เสียงแม่นางพรายกระซิบข้างหูเขาว่า
     “พี่ท่านนี่คือเลือดของงูยักษ์ที่กระเซ็นออกมาแล้วกลายเป็นก้อนหินไปแล้ว  
หากพี่ท่านเก็บไว้แทนก้อนหินเดิมก็จะดีสามารถใช้แทนอาวุธที่พี่ท่านถนัด
ในการขว้างปาและมันมีอำนาจทำลายสูงกว่าก้อนหินธรรมดาจ๊ะ”
    “เหรอๆงั้นก็ดีซิ”   ชายหนุ่มตอบ
     เขาจัดการเทก้อนหินที่คัดเลือกไว้ในการขว้างออกเททิ้ง  
แล้วเดินเก็บก้อนหินเลือดสีแดงๆรวบรวมมาเก็บใส่ถุงย่ามที่เขาทำขึ้นภายหลัง
  เจ้าขนทองเห็นเขาทำเช่นนี้ก็รีบเข้ามาช่วยเก็บด้วย
     ครั้นเขาเก็บได้เกือบเต็มย่ามแล้วก็หยุด  ชั่งน้ำหนักดูว่าเขาพอจะนำไปได้หรือไม่ 
 แต่ปรากฏว่าสามารถนำไปได้    ด้วยก้อนหินสีแดงมันมีน้ำหนักเบามาก   
ดังนั้นเขาจึงทดลองหยิบก้อนหินสีแดงนี้
จากพื้นดินมาก้อนหนึ่ง  แล้วทดลองขว้างทดลองระยะดู

     ฉับพลันก้อนหินที่เขาขว้างไปยังกิ่งไม้ที่ไกลที่สุดเท่าที่จะขว้างได้  
แต่ด้วยความเบาของก้อนหินและแรงขว้างซึ่งบัดนี้เขามีพละกำลังมากผิดกว่าเก่า
จึงไปได้ไกล    ปรากฏว่ากิ่งไม้ขนาดท่อนแขนเขาหักสะบั้นลงทันที        
     ชายหนุ่มอุทานออกมาด้วยความดีใจ  หากเป็นก้อนหินธรรมดาระยะไกลขนาด
นี้เขาคงอาจจะไม่สามารถทำลายกิ่งไม้ให้หักลงได้แน่นอนเขาคิด 
 เมื่อจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงจูงเจ้าขนทองออกเดินไปตามทางตะปุ่มตะป่ำ
ที่เป็นเกล็ดงูแต่กลายเป็นหินไปแล้ว  ซึ่งทางลาดบ้างโค้งบ้าง
จนในที่สุด      เขาก็ลงมายังพื้นดินได้

     ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังซอกหินที่เต็มไปด้วยพายุและหมอกควันหนาทึบ  
 ที่นางพรายกล่าวว่าเป็นพิษเขาให้เจ้าขนทองยืนอยู่ก่อน   
ส่วนตัวเขาค่อยๆย่างก้าวเข้าหากลุ่มควันที่หนาทึบนั้นทันที  เมื่อร่างชายหนุ่ม
มาถึงยังกลุ่มควันและพายุที่พัดจนหมุนวนไปๆมาๆ       
ผลปรากฏว่ากลุ่มควันและพายุสงบทันทีและแตกออกเป็นช่องทางให้เขาเดินไป
     หรือว่าเป็นอำนาจของก้อนแก้วที่เขาสวมคล้องคอไว้ดังที่แม่นางพรายสาว
กล่าวไม่ผิด
     เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็เรียกเจ้าลิงน้อยขนทองให้เข้ามาหาเขาทันที     
เจ้าลิงขนทองได้ยินดังนั้น   ก็พุ่งทะยานมายืนข้างกายเขา    
แล้วทั้งสองก็เริ่มออกเดินทางฝ่าหมอกควันพิษไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาสองลูกทันที
     กลุ่มหมอกควันก็แตกและหุ้มห่อร่างทั้งสอง    มิอาจกรายเข้ามายังร่างได้
     ชายหนุ่มมองทางไม่เห็น  จะเห็นก็เพียงแค่ระยะทางที่เป็นช่องว่างเท่านั้น
   ทันใดเสียงสวบๆๆใกล้เข้ามา ๆ     เขาชะงักร่างทันทีนึกในใจว่าเสียงอะไร
หรือเป็นสัตว์ร้ายกระมัง  แต่ทำไมมันถึงฝ่าดงควันพิษเข้ามาได้   
ยังไม่ทันนึกได้เท่าไหร่    ปรากฏเสียงคำรามหวีดหวิวซึ่งเขาไม่เคยได้ยินเลย  
   เสียงมันร้องสนั่นลั่นมากจนรู้สึกว่าแสบแก้วหูเขาทั้งสอง ส่วนเจ้าขนทองก็
ยกมือทั้งสองมันปิดหูมันทันที

   ในท่ามกลางกลุ่มควันที่ตอนนี้เริ่มเจือจางลงไปมาก  หรือว่ามันจะมีกำหนด
เวลาที่ให้คนหรือสัตว์ผ่านไปได้   สิ่งที่เขาพบสิ่งรอบข้างบรรดาต้นไม้ต่างๆนั้นกลับ
เป็นสีเหลือง  บางต้นก็มีลักษณะไหม้คล้ายถูกไฟไหม้ก็มิปาน    
   ครั้นหมอกควันเจือจางจนแทบหมดสิ้นแล้ว   นี่หากเราไม่มีลูกแก้วของงูยักษ์ที่
มีอำนาจขจัดพิษแล้ว  เห็นทีร่างเขาคงจะต้องตายภายใน ณ ที่นี้แน่นอน   ชายหนุ่มคิด
   ภายใต้หมอกควันเจือจางเขาเห็นร่างสัตว์ประหลาดจะว่า เป็นแมงป่องก็ไม่ใช่
จะว่าเป็นตะขาบก็ไม่เชิง  ด้วยลักษณะมันคล้ายๆกับตะขาบแต่ตรงท้ายหางมันกลับ
มีลักษณะหงอนชูลักษณะเหมือนแมงป่องชูแกว่งไปๆมาๆ   ปลายหางมันกลับเป็น
สีดำคล้ำปนม่วง   ลำตัวมันกะประมาณขนาดต้นตาลเห็นจะได้  มันส่งเสียงคำราม
ดังฟอดๆๆ    พุ่งร่างมายังชายหนุ่มกับลิงขนทองทันที 

   ทันใดนั้นเจ้าขนทองก็ดึงกระบองที่มันเหน็บไว้ที่เอ็นงูที่เขาถักเป็นที่หุ้มดวงแก้ว
ออกมา   เสมือนกระบองจะรู้ใจเจ้าลิงใหญ่กระบองพลันขยายใหญ่และยาวขึ้นทันที
เขาเห็นเจ้าขนทอง  ควงกระบองพุ่งทะยานเข้าใส่ร่างสัตว์ประหลาดนั้นพร้อมทั้งฟาด
กระบองไปยังร่างของเจ้าสัตว์ประหลาด  เสียงดังแก๊งๆยามที่กระบองกระทบกับร่าง
เจ้าสัตว์ประหลาด   ทำเอามันหยุดชะงักได้พักหนึ่ง  แล้วหันหัวขวับมาทางเจ้าขนทอง
    เจ้าขนทองมิรอช้ามันกระโดดหลบไปหลบมาแล้ว   กระโจนขึ้นไปขี่บนหลัง
เจ้าสัตว์ประหลาด  ทันทีที่ร่างเจ้าขนทองขึ้นไปยังหลังมัน   หางที่คล้ายแมงป่องก็
สะบัดพุ่งเหล็กแหลมที่มีสีน่ากลัวทิ่มแทงมายังเจ้าขนทองทันที   เจ้าขนทองก็สะบัด
กระบองขึ้นรับ และหมุนร่างมันพลางสะบัดกระบองที่มีปลายแหลมแทงไปยังหาง
ก่อนจะถึงสีม่วงคล้ำปนม่วงทันที   คราวนี้ผลปรากฏเลือดสีดำๆพุ่งตามกระบอง
ที่ปลายเป็นแก้วแวววาวใส    ครั้นเลือดสีดำกระทบกับแก้วปลายแหลมนั้นมันก็กลับ
เป็นสีแดงฉานทันที   
    เจ้าสัตว์ประหลาดแสดงอาการเจ็บปวดร้องเสียงแซดๆ แล้ววกหัวกลับมาจะกัด
เจ้าขนทอง  แต่ด้วยสัญชาติฌานมันล่าช้ากว่าลิงมากมายนักถึงแม้ว่าเจ้าลิงจะมีร่างกาย
ใหญ่โตก็ตาม     แต่ความว่องไวหาได้เป็นปัญหาใดๆกับมันไม่  ร่างมันตีลังกาลงมา
ยังพื้นดิน  แล้วกลับทะยานฟาดกระบองที่มีหัวเป็นพญานาคเจ็ดเศียรทันที    แต่คราวนี้
เศียรพญานาคเจ็ดเศียรซึ่งมีพลอยแดงเป็นนัยน์ตามันก็มีลำแสงพุ่งออกมาเข้าสู่ร่างของ
สัตว์ประหลาดทันที     
     เสียงดังฉี่ๆ  นัยน์ตาของเจ้าสัตว์ประหลาดทะลุทันทีเลือดสีดำๆพุ่งออกมา   
ชายหนุ่มยืนมองดูการต่อสู้ทั้งสอง   เขาไม่นึกเลยว่าอำนาจกระบองที่ตรงหัวมีเศียร
พญานาคจะมีฤทธิ์เดชเช่นนี้   เมื่อหัวกระบองเศียรเจ็ดเศียรกระทบกับหัวของสัตว์
ประหลาด     หัวของเจ้าสัตว์ประหลาดก็แยกแตกออกทันที เขารีบกระโดดหลบ
สายเลือดและสมองมันที่กระเซ็นออกมา  เลือดมันเมื่อกระทบกับต้นหญ้าที่เขา
ยืนอยู่ก็เกิดเป็นควันไหม้ขึ้น   นี่หากเขายืนอยู่ที่เดิมก็คงจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เขาคิด
     เมื่อร่างของเจ้าสัตว์ประหลาดสิ้นหัวแล้ว  ร่างมันก็ดิ้นและฟาดทุรนทุราย
ร่างของมันฟาดไปตามต้นไม้เล็กๆต่างๆทำให้   ต้นกิ่งก้านหักสะบั้นเป็นวงกว้าง
เจ้าขนทองได้ทีก็กระโดดหนีห่างออกมาแล้วก็ทะยาน  ไปที่หางคล้ายๆหางแมงป่อง
ฟาดกระบองท่อนหัวออกไปที่ร่างเจ้าสัตว์ประหลาด  ซึ่งส่ายไปส่ายมาพร้อมร่าง
ที่ดิ้นรน อยู่      
      พลันเจ้าขนทองก็ฟาดกระบองท่อนหัวใส่ยังหางมันทันที   หางของเจ้า
สัตว์ประหลาดก็ขาดจากกัน   ยังกับถูกมีดดาบคมกริบตัดขาดจนในที่สุดร่างมันก็สงบนิ่ง
      เจ้าขนทองแสดงอาการดีใจแล้วรีบเก็บกระบองสีดำสนิทดูเหมือนกระบองนั้น
จะเข้าใจจิตใจเจ้าขนทองก็กลับเล็กลงเท่าเดิม   มันรีบนำมาสอดกับเอ็นลิงที่หุ้มห่อแก้ว
ซ่อนไว้ทันที    แล้วมันก็ตีลังกาพุ่งร่างมาหาชายหนุ่ม.........

               *  แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
7 กุมภาพันธ์ 2553 14:22 น.

ลุ่มลึกอิสราวดี 12

แก้วประเสริฐ


              ลุ่มลึกอิสราวดี  12

     ภายหลังจากที่ชายหนุ่มร่ำเรียนการเขียนอ่านหนังสือโบราณ
ได้คล่องแคล่วตลอดจนฝึกสมาธิมั่นคงแก่กล้าแล้ว      เขารำพึง
ว่า   เราเห็นสมควรจะออกเดินทางจากที่นี้ได้แล้ว     
     ดังนั้นจึงได้กล่าวกับแม่นางพรายทั้งสองว่า

    “น้องรักพี่ทั้งสอง   พี่เห็นว่าสมควรที่เราจะออกเดินทางได้แล้วกระมัง”
    “จ้า.????....  แล้วแต่พี่จะเห็นสมควรเถอะจ้า”  นางพรายตอบแต่
ในส่วนลึกนึกเสียดายสถานที่นี้ ด้วยหล่อนสามารถอยู่ในสภาพคนได้
ทั้งกลางวันและกลางคืน
    “ถ้ายังงั้น.... พรุ่งนี้เช้าเราทั้งหมดก็ออกเดินทางก็แล้วกันจ๊ะ”

     ในรุ่งอรุณของวันใหม่ชายหนุ่มหลังจากชำระใบหน้าและลูบตัวเสร็จ
จากน้ำที่ใช้น้อยนิดแล้ว        เขาก็รีบจัดแจงภาระให้เรียบร้อยซึ่งเขาได้
จัดสร้างย่ามขึ้นอีกใบหนึ่งเพื่อใช้ในการสำรองจากเศษหนังเสือสมิง
ที่ยังเหลืออีกไม่มากนัก       
     เมื่อเป็นที่เรียบร้อยจึงหันมาทางเจ้าขนทองพร้อมทั้งลูบบนหัวมันเบาๆ
  แสดงสัญญาณให้มันทราบว่าจะต้องออกเดินทางแล้ว   และหันไปทางแม่
นางพรายทั้งสอง      เหมือนหล่อนจะรู้ดังนั้นจึงได้รีบเข้าไปอาศัยยังฝักดาบมีด
ของชายหนุ่มทันที
      ชายหนุ่มก้าวนำหน้าเพื่อจะออกจากถ้ำ     ทันใดนั้นทางปากถ้ำเล็กนั้น
ก็เกิดอาการแปรเปลี่ยนของอากาศที่   ตอนแรกสว่างไสว
ทอไปด้วยแสงอ่อนๆของแสงอาทิตย์        บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นมืดดำเกิด
พายุพัดกระหน่ำโหม เสียงหวีดหวิวครวญครางก้องกังวาน  เสียงพายุพัดต้นไม้
กิ่งไม้กระทบกัน  เขามองไปข้างหน้าถ้ำเห็นเหล่าต้นไม้ใหญ่น้อยโอนเอนแทบ
จะหัก
      ชายหนุ่มฉงนใจยิ่งนักด้วยเขาจะเริ่มออกเดินทางแต่ทำไม   จึงมีเหตุการณ์
เช่นนี้กะทันหันได้         ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงแม่นางพรายกระซิบยังข้างหูว่า
     “พี่ท่านๆ!!!!.....ระวังตัวด้วยนะ  ด้วยบัดนี้เจ้าแห่งพญางูมันได้มาแล้วเกิด
จากเราไปฆ่าลูกน้องมันจ้า”
     “แล้วจะให้พี่ทำอย่างไรดีล่ะน้องรัก”         ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
     “น้องเองก็จนปัญญาจ๊ะ  ต้องแล้วแต่ปฏิภาณไหวพริบและวิชาที่ท่านพี่ได้
ร่ำเรียนมาจ้า”
      ชายหนุ่มรีบวางสัมภาระและมองไปยังเจ้าขนทอง   เห็นร่างมันขนพองขึ้น
และแยกเขี้ยวออกมา หันไปจ้องยังหน้าถ้ำพร้อมขย่มร่างมันไปๆมาๆ  เสมือนมัน
จะรับรู้ต่อเหตุการณ์นี้ด้วยสัญชาติฌานของสัตว์ที่ย่อมจะสัมผัสรับรู้ได้เร็วกว่า
มนุษย์มากนัก
      ดังนั้นชายหนุ่มจึงหยิบมีดน้อยส่งให้มันทันใด   เจ้าขนทองก็รับมีดน้อยมา
ถือไว้ในมือแต่ร่างมันยังทำท่าขู่ขย่มไปๆมาๆอยู่มิขาด   ด้วยเขาเคยฝึกการใช้อาวุธ
ให้ไว้แล้ว จึงเชื่อมั่นว่ามันสามารถใช้ได้เป็นอย่างดี   จึงไม่ห่วงมากเท่าไรนัก
 ชายหนุ่มพลางดึงดาบออกมายกมือจรดเหนือศีรษะเขาพลางร่ายมนต์ตามที่แจ้งไว้
ให้หนังสือที่เขาร่ำเรียนมาอย่างช่ำชอง     แล้วก้าวเดินไปปากถ้ำพลางขีดดาบเป็น
เส้นขวางไว้หน้าถ้ำแล้วถอยหลังมาหนึ่งก้าวก็ขีดอีก  รวมทั้งหมดประมาณ 7 เส้น
      ครั้นเสร็จจากการทำพิธีแล้ว   ก็ก้าวมายังที่เก็บสัมภาระยืนรอเวลาที่จะเกิดขึ้น
เสียงลมพายุและฝนได้กระหน่ำมาอย่างรุนแรง   เสียงต้นไม้ต่างๆได้หักโคนลงดังมา
ถึงในถ้ำที่เขาอาศัยอยู่           เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่งเสียงพายุและฝนซาลงก็ปรากฏ
กลุ่มควันพวยพุ่งเข้ามาเพื่อจะเข้ามายังถ้ำ    
      แต่กลุ่มควันนั้นต้องชะงักไม่สามารถเข้ามายังถ้ำนั้นได้   
 แล้วกลุ่มควันนั้นก็ค่อยๆจางลงปรากฏร่างชายชรารูปร่างบึกบึนสูงใหญ่  
    ใบหน้ากลมออกสีแดงเรื่อๆ ตลอดร่างกายมีประกายรังสีแผ่ซ่านออกมากจางๆ
บุคลิกลักษณะตลอดจนรูปร่างสง่าราศีสง่างามนักถึงแม้จะดูชราภาพก็ตามที
    เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น  ด้วยความอ่อนน้อมที่เขามีอยู่ในตัวอยู่แล้ว จึงได้ก้ม
กายลงกราบไปยังชายชราทันที
    เหตุดังนี้ทำให้ใบหน้าของชายชราที่แรกเริ่มบึ้งตึงค่อยๆผ่อนคลายความเครียด
ลงอย่างเห็นได้ชัด
    “ข้าฯของน้อมคาราวะท่านผู้เฒ่าด้วย  ที่กรุณามาเยือนและขอทราบเจตนาใน
ครั้งนี้ด้วยเถิด  หากข้าฯผิดพลาดสิ่งใดๆหรือล่วงเกินแก่ท่านผู้เฒ่าก็จงขอได้โปรด
อโหสิกรรมแก่ข้าฯซึ่งอาจจะทำไปโดยไม่รู้เบื้องหน้าและหลัง”     ชายหนุ่มกล่าว  
     ร่างชายชรา  ครั้นเมื่อได้รับฟังชายหนุ่มกล่าวเช่นนี้  ใบหน้าก็เริ่มบังเกิดรอย
ยิ้มขึ้นมา  พลางหันไปรอบๆข้าง แล้วนั่งบนก้อนหินที่อยู่ข้างๆถ้ำ  บัดนี้พายุและฝน
ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง      ส่วนด้านชายหนุ่มก็นั่งพับเพียบลงพร้อมพนมมือเหนือ
ทรวงอก
     “ เฮ่อะๆๆๆ....”    เสียงของชายชรากล่าวเบาๆ แต่ท่าทีอ่อนโยนผิดกับครั้งแรก
         “นี่แนะ!!!!...พ่อหนุ่มข้าขอถามเจ้าหน่อยว่า  เจ้าใช่ไหมที่ฆ่าลูกน้องของข้าไป
      “ขอรับท่านผู้เฒ่า....ข้าฯเองก็มิได้ตั้งใจจะทำลายเขาหรอกขอรับ   หากลูกน้อง
ของท่านผู้เฒ่าไม่ทำลายพวกข้าฯก่อนขอรับ”   ชายหนุ่มน้อมกายลงตอบชายชรา
      “อืมมๆๆๆ....เหตุนี่หรือ   เห็นลูกน้องมันกลับไปรายงานข้า   ว่ามีคนมาฆ่ามัน
แต่ข้าดูลักษณะเจ้าแล้วไม่ใช่คนเกเรอำมหิตแต่อย่างไร   กลับมีนิสัยอ่อนโยนเช่นนี้
มีหรือจะไปทำร้ายมันก่อน   แล้วเจ้าจะไปที่ใดล่ะ”         ชายชราถามเกิดความเอ็นดู
       “ขอรับท่านผู้เฒ่า.....ข้าฯเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปที่ใดด้วยหลงทางมายัง
ที่นี้มิอาจจะกลับไปที่เดิมได้ขอรับ”
       “อ้าวเจ้าหลงทางมาหรือ       เออ!!!...ช่างเถอะในเมื่อมันผ่านไปแล้วข้าเห็นบุคลิก
เจ้าแล้วก็ให้นึกเอ็นดู  ทีแรกข้ามาหวังจะกำราบเจ้าที่ยโสโอหังมาฆ่าคนของข้าไป
แต่เมื่อมาเห็นอาการแสดงของเจ้าแล้วทำให้ข้าเกิดเวทนานัก หรือว่าเราสองอาจจะเคยร่วม
บุญกันมาก็เป็นไปได้นะ”
              
        ชายหนุ่มรับฟังชายชรากล่าวเช่นนี้   ก็รีบน้อมกายกราบลงอีกครั้งหนึ่ง   ยิ่งทำให้
ชายชราเกิดเอ็นดูรักใคร่     ได้ยินชายชรากล่าวขึ้นว่า
       “เออๆๆๆ...เจ้าทำอะไรลงไปหรือทำให้ข้าไม่สามารถจะเข้าถ้ำไปได้เพราะมีกำแพง
แก้วที่เป็นไฟร้อนแรงขวางหน้าข้าไว้หากเดินเข้าไปใกล้ๆเส้นที่เจ้าขีดขวางไว้” ชายชรา
ถามด้วยความสงสัย
       “หามิได้ท่านผู้เฒ่า  ข้าฯเองก็พึ่งร่ำเรียนวิชามาก็ทำไว้เพื่อป้องกันตัวเองโดยมิได้ที่
จะคิดทำร้ายใครๆหรอกขอรับ”    ชายหนุ่มตอบ
       “นั่นซิๆ...เจ้าร่ำเรียนมานานแล้วหรือถึงได้แก่กล้าอาคมยิ่งนัก”   ชายชราถาม
       “เรียนท่านผู้เฒ่า   ข้าฯเองก็พึ่งหัดมาได้ไม่กี่วันนี้แหละขอรับ”   ชายหนุ่มตอบ
      “อะไรนะๆ....เจ้าพึ่งหัดเรียนไม่กี่วันนี้หรือ  เอ๊ะๆแปลกๆจริงๆ”   ชายชราอุทาน
      “ใช่แล้วขอรับท่านผู้เฒ่า”
      “โอ้ๆๆๆ....งั้นแสดงว่าเจ้าต้องเป็นผู้มีบุญญาธิการมาแต่กำเนิดและเป็นเจ้าของวิชา
นี้โดยตรงถึงสามารถร่ำเรียนและใช้มันได้อย่างดีดังเหมือนเคยฝึกฝนมานานนับสิบปีๆ”
      ชายหนุ่มพลางล้วงนำหนังสือที่ทำด้วยหนังสัตว์ออกมาให้ชายชราแลดู   แล้วก็กล่าวว่า
      “ข้าฯเองก็อาศัยหนังสือเล่มนี้ฝึกฝนภายในถ้ำนี้เองแหละขอรับ”  ชายหนุ่มตอบ
 
       ชายชราจ้องมองไปยังหนังสือเล่มนั้นทันที   พลางหลับตาสักครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า
     “ข้าทราบที่มาของหนังสือเล่มนี้แล้วล่ะและเข้าใจเรื่องย้อนหลังได้แล้ว    
  ถือว่าเป็นเคราะห์ของลูกน้องข้าก็แล้วกันนะ     แต่ข้าเห็นเจ้าให้ความเคารพแก่ข้า
ด้วยความจริงใจหาได้มีเล่ห์เหลี่ยมมายาใดไม่  หรือว่าเราเคยร่วมทำบารมีกันมา   
จึงยกโทษให้แก่เจ้า มิคิดสืบสาวเรื่องราวต่อไปอีก    
     อีกอย่างหนึ่งให้เมื่อข้าเข้าใจในเหตุการณ์แล้วและก็ให้รู้สึกถูกต้องอัชฌาสัยเจ้านัก
และในฌานของข้าแจ้งแก่ข้าว่า เจ้าเป็นสหายของข้าในอดีตชาติตลอดจนรวมรบศัตรู
ครั้งเคยร่วมกันมาในอดีต   แต่มาในปัจจุบันนี้จึงมีเหตุการณ์แปรผันไปเพื่อแสดงถึง
ความที่เคยเป็นสหายร่วมสาบานกันมา  ข้าจะขอมอบของสิ่งหนึ่ง เพื่อให้เป็น
ของขวัญเล็กๆน้อยแก่เจ้าในฐานะสหายรักเก่า ไว้ใช้ในการเดินทางต่อไป   
     หรือหากเจ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจนแก่ปัญญาหาทางแก้ไขไม่ได้แล้วให้เรียกข้า
โดยตะโกนเรียกนามข้าไว้ข้าบางทีก็จะไปช่วยเหลือเจ้าได้เท่าที่จะช่วยได้นะ  จำชื่อข้าไว้ก็แล้ว
กัน   ข้าชื่อ  “ธนาธิบดีนาคา”  ควบคุมอาณาเขตครอบคลุมบริเวณถิ่นแถวนี้ตลอดแม่น้ำอิสราวดี
ตลอดป่าเขานี้ทั้งหมด”       ชายชรากล่าวแก่ชายหนุ่ม
               
     ชายหนุ่มท่องนามชายชราสองสามเที่ยว   แล้วก็ก้มลงกราบ   พลางกล่าวขึ้น
     “ข้าฯ  ขอน้อมรับความเมตตาแก่ท่านผู้เฒ่ายิ่งนัก  ส่วนข้าฯเองนั้นมีนามว่า “ธวัชชัย” ขอรับ”
     “อืมมๆๆ.....ธวัชชัยๆ.....ธงแห่งชัยชนะทั้งปวงนับว่าช่างเหมาะเจาะกับตัวเจ้ายิ่งนัก  อือๆๆ..
แม้แต่เจ้าสมุนเอกข้ามันยังมิอาจจะรับมือกับเจ้าได้   ด้วยอำนาจบุญวาสนาบารมีในกายเจ้าเข้าประสาน
กับอาวุธประจำกายเจ้าแล้ว ยากนักที่จะหาใครเสมอเหมือนเจ้าได้”  ให้เจ้าหมั่นสร้างคุณงามความดี
และฝึกสมาธิอย่าให้ขาดนะจะเสริมบารมีแก่เจ้ายิ่งๆขึ้นต่อไป   เจ้าเข้ามาหาเราซิเราจะมอบอาวุธให้
แต่ทว่า  หึหึๆๆ สงสัยว่าคงจะเป็นอาวุธของเจ้าสหายคู่ยากไปเสียแล้วกระมัง”  ชายชราหัวร่อ
     “ชายหนุ่มก็ค่อยๆคลาน เข้าไปหาชายชราผู้มีนามว่า “ธนาธิบดีนาคา”ปราศจากกริ่งเกรง ทันที
แต่เขาก็แปลกใจนัก  ที่เห็นชายชรามาลำพังไม่เห็นอาวุธใดๆเลย  แล้วจะเอาอาวุธมาจากที่ใดเล่า
เมื่ออยู่เบื้องหน้าชายชรา   
      รู้สึกว่าศีรษะเขาถูกมือชายชราซึ่งนิ่มมากๆจับเบาๆแล้วมีลมพุ่งมายัง
ศีรษะเขา   ร่างเขาสะท้านขึ้นทันทีด้วยความอบอุ่นเย็นแปลกๆ เมื่อชายชราคลายมือออกเขาก็
เงยหน้าขึ้น   แปลกจริงๆในมือของชายชราไม่รู้ว่ากุมอาวุธสีดำมะเลื่อมปลายหนึ่งเป็นรูปหัวงู
ก็ไม่ใช่แต่คล้ายพญานาคมีเจ็ดเศียร ปลายนั้นกลับแหลมทำด้วยแก้วขาวผุดผ่องส่งประกายหลากสี
ทั้งหัวพญานาคและปลายแหลมๆซึ่งทำด้วยแก้วส่งประกายหลากสีนักเช่นกัน        
     พลางชายชรายื่นอาวุธที่ลักษณะเป็นกระบองไม่ผิดมอบส่งให้เขา   เขาน้อมกายยกมือทั้งสอง
ค่อยๆประคองกระบองนั้นรับไว้แล้ววางข้างๆตัวก้มลงกราบอีกครั้งหนึ่ง   ชายชรายิ้มด้วยอารมณ์
ดี   พลางกล่าวขึ้นว่า
     “อันกระบองนี้มีนามว่า “นาคราช”   ข้าขอมอบให้แก่เจ้าด้วยเป็นอาวุธประจำกายข้า
มาตั้งนานแสนนานนับแต่ข้าปกครองบริเวณอาณาเขตนี้   คงจะเป็นบุญวาสนาเราทั้งสองร่วม  
ด้วยเจ้ากับข้าเคยเป็นสหายร่วมสาบานกันมาก่อนในอดีตชาติ
และเคยร่วมรบกันมาจนประสบชัยชำนะมานับครั้งมิถ้วน   บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่อาวุธข้าจะมอบให้แก่เจ้าแล้ว
     แล้วแต่เจ้าจะใช้       อีกประการนึ่งแก้วสองดวงนี้ตลอดจนกระบองนี้สามารถที่จะชำแหลกผืนน้ำออกได้ตลอดมี
ฤทธานุภาพมากมายนักให้เก็บรักษาไว้ให้ดีๆ  
อีกอย่างหนึ่งเมื่อมอบให้เจ้าเป็นเจ้าของแล้วหากตกไปที่อื่น เจ้าเพียงเอ่ยชื่อเรียก
    “นาคราช”สามคำมันถึงจะอยู่แห่งหนใดก็จะกลับมาหาเจ้าได้
ไม่ว่าผู้ใดจะมีวิทยาคมอันเลอเลิศประการใด  อินทร์พรหมยมยักษ์ก็มิอาจจะขวางกั้นมันได้ 
  ด้วยเป็นอาวุธของผู้เป็นใหญ่กว่าเทพยาดาทั้งปวงมอบให้แก่ข้าไว้สำหรับปราบปกครองสิ่งชั่ว
บริเวณแถวนี้     ในเมื่อเจ้าก่อนนี้มีบุญคุณแก่ข้ามากนัก   ข้าเองก็ชรามากแล้วเห็นสมควรมอบ
ไว้ให้แก่เจ้าเพื่อใช้ปราบสิ่งชั่วร้ายแทนตัวข้าในโอกาสข้างหน้าที่ข้ามองเห็น
     อาวุธนี้บรรดาอสรพิษทั้งปวงเมื่อเห็นย่อมจะตกอยู่ในอำนาจเจ้าและเจ้าสามารถสั่งมันได้
ไม่ว่าจะให้มันทำสิ่งใดก็ตามใจเจ้าปรารถนา  ฉะนั้นเจ้าจงจำไว้ให้ดี  อย่าลืมคำบอกของข้าเสียล่ะ” 
    “อ้อๆๆอีกประการหนึ่ง กระบองนาคราชนี้   หากเจ้าไม่ต้องการใช้เจ้าจะสั่งการให้
เล็กหรือใหญ่ได้เพื่อสะดวกแก่การใช้ของเจ้าก็แล้วกันนะ  แต่เจ้าอย่าได้ประมาทเหนือฟ้ายังมีฟ้า “  
     ชายชรากล่าวแล้วก็ตบลงบนไหล่ของชายหนุ่มเบา.............
 
         * แก้วประเสริฐ.*

n016.gif				
6 กุมภาพันธ์ 2553 14:52 น.

ลุ่มลึกอิสราวดี. 11

แก้วประเสริฐ


             ลุ่มลึกอิสราวดี  11

      ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังจากนางพรายทั้งสอง   กริ่งเกรงว่าร่างของงูยักษ์
จะกลับกายเป็นหินตามคำบอก     เขาจึงได้รีบนำมีดน้อยไปแหวกท้องงูเพื่อ
ค้นหาดวงแก้วพร้อมดีงู   เมื่อแหวะท้องงูค้นหาสักพักหนึ่งก็พบก้อนแก้ว
สองดวง     ขนาดประมาณไข่นกกระทาอาจจะใหญ่กว่าเล็กน้อย  จึงควักนำ
มาวางไว้ข้างๆกาย  แล้วเริ่มค้นหาดีงูซึ่งอยู่ใต้ลงมาอีกเล็กน้อยเป็นถุงน้ำเขียว
ใสคล้ายมรกตจึงได้นำมา    พร้อมเรียกเจ้าขนทองให้เข้ามาใกล้เขาเริ่มใช้มีด
เล็กเจาะโคนถุง     
     สายน้ำเขียวแต่ส่งประกายเจิดจ้าพุ่งออกมา   เขารีบอ้าปากรองรับสาย
น้ำดีแล้วดื่มได้ประมาณค่อนถุงน้ำดี  แล้วรีบนำไปให้เจ้าขนทองดื่มทันที
   เจ้าขนทองทำหน้าเหยเก  ส่วนเขาเองก็รู้สึกว่ารสชาติขมแต่มีกลิ่นหอมๆ
เล็กๆน้อยๆเมื่อน้ำดีไหลลงคอไป   เขารู้สึกว่าคล้ายๆมีความร้อนเกิดขึ้น 
และยิ่งร้อนมากๆขึ้นผสมกับความเย็นซ่านผสมผสานกันไปๆมาตลอดในท้องเขา
จนเขาทนไม่ไหวต้องถอดเสื้อออก
    แต่ก็เป็นเพียงสักครู่เดียวก็ค่อยๆลดทอน
ความร้อนลง   หันไปมองเจ้าลิงขนทอง  มันถึงกับร้องลั่นพร้อมตีลังกาพุ่งออก
ไปยังด้านข้างๆ   แล้วตีลังกาพร้อมทั้งนอนลงดิ้นทีเดียวแต่สักพักมันค่อยๆลุกขึ้น
ค่อยๆย่างเข้ามาหาเขา    เขาส่งสัญญาณมือให้เจ้าขนทองมาช่วยเขาลากซากงูยักษ์
ออกน้ำไปทิ้งยังหน้าผาทันที     เนื่องจากลำตัวมันใหญ่โตพอๆกับต้นซุงต้นหนึ่ง
และมีความยาวมาก       
     จึงต้องค่อยๆหย่อนหัวที่ร่องแล่งลงไป  เมื่อท่อนหัวลงไป
ได้ประมาณครึ่งหนึ่งร่างมันก็ฉุดส่วนหางไหลไปตามหน้าผา   เสียงต้นไม้เล็กที่ไม่
ใหญ่หักโครมครามทันที

     ชายหนุ่มหันไปนำดวงแก้วมาพิจารณาเห็นเป็นก้อนแก้วซึ่งบัดนี้แข็งตัวเต็มที
แล้วประกายส่งแสงนวลใย ภายในรู้สึกว่ามีความเคลื่อนไหวไปๆมาๆเหมือนมีน้ำ
หล่อเลี้ยงไว้      ร่างชายหนุ่มซึ่งยังเปื้อนเลือดตลอดทั้งตัวส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่ว
บริเวณ     เขารู้สึกแปลกใจมากที่เหตุใดฝ่ามือที่เขากำดวงแก้วนั้นหาได้มีเลือดไม่
จึงทดลองนำดวงแก้วดวงใหญ่กว่าอีกดวง     นำมาคลึงไปยังบริเวณร่างกายที่เปื้อน
เลือดปรากกว่า  เลือดได้ซึมเข้าไปยังดวงแก้วทันที     
      ชายหนุ่มดีใจมากที่เขาเองยังไม่รู้ว่าจะไปชำระร่างกาย
ที่เปื้อนเลือดได้ที่ไหนบัดนี้ดวงแก้วนี้กลับมาช่วยชำระ
ล้างเลือดของงูยักษ์มันซึมเข้าไปในดวงแก้ว
      ดังนั้นชายหนุ่มจึงนำดวงแก้วมาคลึงทั่วบริเวณที่เปื้อนเลือดทันที  ไม่ช้าไม่นาน
เขาก็ชำระร่างกายให้สะอาดแต่ทว่าร่างกายเขากลับคล้ายๆมีควันรังสีแผ่กระจายคลุมร่าง
เขาด้วย    
      เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้วจึงได้นำดวงแก้วอีกดวงเข้าไปหาเจ้าขนทองพร้อมทั้ง
ใช้ดวงแก้วที่เล็กกว่ามาคลึงไปตามขนและร่างกายของเจ้าขนทองที่เปื้อนเลือดไม่ช้า
เขาก็ชำระร่างกายเจ้าขนทองได้สะอาดเรียบร้อย       
      แต่เมื่อเขาพิจารณามาดวงแก้วทำให้ขาแปลกใจ       ด้วยดวงแก้วนั้นก่อนที่เคย
สุกใสนวลใยและเห็นคล้ายน้ำขาวใสไปกลิ้งไปกลิ้งมาบัดนี้ภายในกลับ
เป็นสีแดงจางๆสดใสคล้ายๆกับทับทิมซ่อนอยู่ภายในแทนน้ำสีขาวๆใสๆ   แลดูกลับ
สวยงามอีกแบบหนึ่ง ภายนอกนวลใยขาวๆราวไข่มุกแต่ข้างในกลับสีแดงคล้ายทับทิม
ทั้งสองดวง   เขาคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะนำดวงแก้วเล็กมอบให้เจ้าขนทองตามที่นาง
พรายได้บอกไว้

      ครั้นหวนคิดได้ว่าเอ็นเจ้าลิงยักษ์ขนดำยังเหลืออีกจึงได้นำมาถักเพื่อใส่ดวงแก้ว
เมื่อถักเสร็จหุ้มห่อจนแน่ใจว่าดวงแก้วจะไม่หล่นหายไปแน่นอนแล้ว  
เขาจึงเรียกเจ้าขนทองมาแล้วนำดวงแก้ว 
ผูกติดกับคอของเจ้าขนทองทันทีกะพอประมาณว่าจะไม่
ทำให้ดวงแก้วนั้นหล่นหายไปได้     
      ส่วนตัวเขาก็นำดวงแก้วอีกดวงมาสวมใส่ยังคอแทนสร้อยคงงามอีกแบบหนึ่งเขาคิด      
     ฉับพลันเขารู้สึกว่าประกายไออุ่นทั้งร้อนและเย็นซึมซาบมายังร่างกายเขา
สักครู่ก็เกิดความอบอุ่นและรู้สึกเสมือนมีพลังเพิ่มขึ้นมากมาย     
เพื่อความแน่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้น     
เขาทดลองเดินไปยังก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งพลางโยกเบาๆ  
     โอ้วๆๆๆๆ!!!!!????...มันช่างโยกง่ายจริงๆ     
จึงลองยกมันขึ้นเหนือหัวเขาทันที
     หินก้อนออกใหญ่โต  เขาสามารถยกได้อย่างง่ายดายนัก    เหมือนกับคำที่นางพรายสาว
แจ้งแก่เขาไม่ผิดสักนิดเดียว     
     เมื่อทดลองจนแน่แก่ใจแล้วเขาและจูงเจ้าขนทอง
ก็พากันเดินสำรวจภายในถ้ำนั้นทันที   มีเหลือบหินซ้อนๆกันหลายๆชั้น 
     แต่ที่สุดเป็นทางตันของปลายถ้ำ    แต่ในเหลือบหินนั้นมีแอ่งน้ำเล็กน้อย
อยู่พอที่จะใช้ดื่มกินได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงคิด
ว่าหากจะพักที่นี่สักพักด้วยภายในถ้ำนี้หากเป็นกลางวัน  
     ก็คงไม่เป็นปัญหาใดๆสำหรับ
นางพรายที่จะออกมาได้ด้วยเป็นความสลัวและมืดพอที่จะให้ออกมา
     เขาคิดว่าที่นี่แหละคงจะเหมาะกับการที่เขาจะให้แม่นางพรายสอนหนังสือแก่เขาที่
เขาต้องการร่ำเรียนรู้จากหนังสือที่นำติดตัวมาตลอดจนการเขียนด้วย
     เพื่อใช้ในการศึกษาต่อไป  หากเหตุการณ์ในวันข้างหน้าหากเขาไม่สามารถกลับไปยัง
ที่พักและจะต้องเดินทางต่อไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้
     เมื่อคิดและตกลงใจแน่วแน่แล้ว  จึงหันไปเรียกนางพรายทั้งสองให้ปรากฏตัวขึ้น  เมื่อ
นางพรายได้รับการเรียกจากเขาแล้ว   ร่างนางทั้งสองก็ปรากฏตัวแต่มาคราวนี้แปลกเขาคิด
ด้วยเสื้อผ้านางทั้งสองได้เปลี่ยนไป   ประกายเสื้อผ้ากับส่ง
ประกายแวววาวสดใสทำให้
หล่อนทั้งสองดูผ่องผาดผุดผ่องยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก      
       
     ครั้นแล้วเขาเมื่อจัดการนำหนังเสือออกมาคลี่เพื่อปูเป็นที่นอนสำหรับ
พักผ่อนคืนนี้แล้ว   แต่แสง
ของโคมไฟที่เขานำไปปักยังซอกก้อนหิน     ยังส่องแสงประกายพอจะเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจน     จึงกล่าวกับแม่นางทั้งสองทันที
     “เอาล่ะน้องรัก   ที่น้องว่าจะสอนหนังสือที่พี่อ่านไม่ออกให้แก่พี่  ซึ่งพี่เห็นว่าที่นี่
คงจะเหมาะแก่การเล่าเรียนได้  จึงขอความกรุณาให้น้องช่วยเหลือพี่ด้วยเถอะ”
     นางประกายแดงพลันตอบขึ้นว่า
      “จ๊ะพี่ท่าน...ด้วยสถานที่นี้หากเป็นกลางวันน้องก็สามารถปรากฏกายได้ด้วยแสงของตะวัน
ไม่สามารถส่องมาถึง   คงจะเหมาะแก่การสอนเขียนอ่านได้จ๊ะ    เรามาเริ่มกันดีกว่านะพี่ท่าน”
      “จ๊ะน้องพี่...พี่พร้อมแล้วจ๊ะ”  ชายหนุ่มตอบ
     ดังนั้นการเริ่มศึกษาเล่าเรียนก็เริ่มขึ้นด้วยชายหนุ่มมีปฏิภาณไหวพริบและเคยผ่านการ
ศึกษามาขั้นสูงสุดในโลกที่ผ่านมาในอดีต   ด้วยความเฉลียวฉลาดที่เขามีอยู่จึงไม่เป็นปัญหาต่อ
การเรียนภาษาที่เขาไม่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว
     เพียงไม่กี่วันที่พักอยู่ที่นี้เขาก็สามารถอ่านและเขียนได้อย่างรวดเร็วตลอดจนจำได้อย่าง
แม่นยำ    จนแม่นางพรายประกายแดงถึงกับชมเปาะถึงความสามารถของเขา  หล่อนกล่าวว่า
หากเป็นบุคคลทั่วๆไปในแดนนี้ก็ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ   แต่นี่ทำไมถึงเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วนัก
     เมื่อชายหนุ่มสามารถอ่านหนังสือและเขียนได้พอจะคล่องแคล่วแล้ว    จึงหยิบหนังสือ
ที่นำติดตัวมาเริ่มศึกษาค้นคว้าทันที
     เวลาวันเดือนปีลุล่วงไปซึ่งเขาไม่สนใจอยู่แล้วผ่านไปๆ    การศึกษาค้นคว้าหนังสือนี้ก็ทำ
ให้ได้กระจ่าง    รอบรู้สิ่งทั้งปวงส่วนการเรียนเขียนเขาก็ใช้มีดน้อยมาขีดเขียนตามพื้นถ้ำแทน
สมุดดินสอ       ไม่นานนักด้วยความรอบรู้ที่เขาเรียนมาในอดีตไม่ยาก    สำหรับตัวหนังสือ
ตลอดจนการเขียนเหล่านี้   
      ดังนั้นเขาจึงได้เริ่มทำการฝึก การวางค่ายกลต่างๆโดยใช้ก้อนหินมาวางเรียงสร้างเป็นค่าย
กล   ตลอดจนการตั้งรับและการโจมตีประดุจหมากรุกก็ไม่ปาน   ไม่นานนักด้วยสติปัญญาฉลาด
แหลมคมทั้งความทรงจำทำให้เขาคล่องแคล่วในการคิดอ่านตลอดจนนำสิ่งที่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับ
วิชาทหารในอดีตมาผสมผสานลงไปด้วยยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การเล่าเรียนครั้งนี้  ส่วนเวทย์
มนต์คาถาอาคมนั้น   เขาก็เริ่มทีจะฝึกหัดนั่งสมาธิไปตามขั้นตอนที่บ่งบอกไว้ในหนังสือจนกระทั่ง
เขาสามารถทำได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวจนหมดสิ้น
     เมื่อสำเร็จวิชาต่างๆแล้วเขาก็หันไปขอบใจนางพรายประกายแดง   หล่อนยิ้มให้เขากล่าวว่า
   “ไม่คิดเลยว่าพี่ท่านจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วตลอดจนเขียนได้ดี   หากเป็นคนทั่วๆไปแล้ว
เป็นว่าคงจะต้องใช้เวลานานมากๆจ๊ะ”
   “พี่เองเห็นว่าภาษาไทยที่พี่เรียนรู้ยังยากกว่านี้มากมายนัก   ด้วยภาษาที่เรียนนี้ไม่มีสระวรรณยุกต์
เพียงเป็นแค่พยัญชนะล้วนๆจ๊ะ”
   “อะไรหรือท่านที่  คำว่าสระวรรณยุกต์”   นางพรายถาม
   “คำสระและวรรณยุกต์ นั้นคือคำที่ผสมกับภาษาทำให้อ่านออกเสียงและทำนองได้ไพเราะและ
สามารถผสมผสานกับภาษาอื่นๆได้จ๊ะ   ภาษาที่น้องสอนพี่นั้นมีลักษณะคล้ายกับภาษาอังกฤษที่มีสระ
เพียงห้าตัวเท่านั้น  ดังนั้นทำนองเสียงจึงมักจะออกเสียงห้วนๆ เหมือนภาษาที่น้องสอนพี่จ๊ะ”
ชายหนุ่มกล่าว
   “งั้นก็แปลว่าภาษาที่ท่านพี่เรียนรู้มานั้นยากกว่าภาษานี้ใช่ไหมท่านพี่”   นางพรายถามด้วยความสงสัย
   “ใช่แล้วจ๊ะตลอดจนการเขียนด้วยก็ยากกว่ากันมากนะ”    ชายหนุ่มกล่าว
    “เดี๋ยวพี่จะท่องบทกลอนให้น้องฟังและอ่านด้วย   น้องลองเอามาเปรียบเทียบการร้องเพลงของน้องนะ”
ชายหนุ่มกล่าว  แล้วก็ท่องบทกลอนให้พรายทั้งสองฟัง

    “  อันภาษาไทยนั้นบรรเจิดยิ่ง
รวมทุกสิ่งประยุกต์ปลุกเกษมสาน
ท่วงทำนองรองรับขับเบิกบาน
ดุจวิมานชั้นฟ้ามหาพรหม
    ถ้อยน้ำเสียงล้ำเลิศประเสริฐนัก
ดุจพิณจักสานเสียงเคียงผสม
กังวานก้องลอยล่องคล้องสายลม
สรรค์ระทมเป็นสุขคลุกภายใน
    อันเสียงสูงแลต่ำย้ำพยัญชนะ
ทำนองปะคละคลุ้งจรุงใส
ไล่จากต่ำมากลางสร้างสูงไป
ตวัดไล้ลงกลางพลางต่ำมา
    จึงเกิดเป็นสำเนียงภาษาไทย
เข้ากับได้ทุกชาติและศาสนา
หากฝึกฝนคล่องแคล่วแนวรจนา
ก็นำพาดุจเพลงบรรเลงพิณ.”

    ชายหนุ่มเอื้อนร้อยกรองให้นางพรายทั้งสองฟัง  อันทำให้นางพรายสาว
ถึงกับเหม่อลอยหลับตาพริ้ม   ถึงกลับเผลอตัวเข้ามาหายชายหนุ่มแล้วสวมกอด
พลางทั้งสองนางต่างก็จูบบนใบหน้าชายหนุ่มที่รกรุงรังด้วยหนวดเคราโดยที่ไม่
รังเกียจ    เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับตะลึงซาบซ่านเข้าสู่ใจและพลางโอบนางทั้งสอง
อย่างลืมตัว
    เมื่อรู้สึกตัวได้หน้าชายหนุ่มก็แดง พร้อมกับกล่าววาจาขอโทษนางทั้งสอง
       “  พี่ขอโทษน้องทั้งสองด้วยนะ  พี่ลืมตัวไปชั่วขณะจ๊ะ”
       “ หามิได้มิเป็นไรดอกท่านพี่  น้องเองเมื่อได้รับฟังเสียงร้องของพี่ท่านก็ยังอดที่จะลืมตัวไป    ด้วยช่างเป็นภาษาที่อ่อนไหวเร้าใจยิ่งนัก   จริงซินะพี่ท่าน 
      ที่พี่กล่าวเป็นภาษาที่ไพเราะมากกว่าภาษาท้องถิ่นในที่นี้เสียอีก”    นางพรายสาวทั้งสองกล่าว.....

                *  แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
5 กุมภาพันธ์ 2553 14:29 น.

ลุ่มลึกอิสราวดี 10

แก้วประเสริฐ


           ลุ่มลึกอิสราวดี  10

       เจ้าลิงน้อยเมื่อพุ่งร่างมาถึง     ยังเบื้องหน้าเขาแล้วมันแสดงอาการ
ลิงโลดดีใจ  ตีลังกาหลายๆรอบพร้อมส่งเสียงร้องลั่น   นั่นคงหมายว่า
มันได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แล้ว   
      ชายหนุ่มหัวร่อรับรู้และแสดงความดีใจแก่มันด้วยเข้าไปลูบยังหัวมัน
แล้วตบไปที่ลำตัวมันเบาๆ บัดนี้เจ้าลิงน้อยจะมาพุ่งเข้าซบอกเขามิได้แล้ว
ด้วยร่างมันกำยำและใหญ่เกินกว่าที่เขาจะอุ้มมันได้อีกต่อไป     ดังนั้นจึง
ได้แต่เพียงย่อร่างแล้วแสดงอาการให้มันรับรู้
      ชายหนุ่มหันไปยังแม่ช้างและลูกช้าง  อาการบาดเจ็บของแม่ช้างค่อน
ข้างจะมาก เลือดยังไหลแต่ก็ยืนน้ำตาไหล    เขาเดินไปใกล้มันมันกลัวก็กลัว
แต่เห็นแม่ช้างมิได้แสดงอาการดุร้ายแต่ประการใด คงปล่อยให้เขาเดินไปลูบ
ตัว  เขาตบสีข้างแม่ช้างพังเบาเพื่อปลอบใจ  และดูบาดแผลที่เป็นรอยมากมาย
แต่บ้างลึก บ้างแค่รอยใต้ผิวหนังที่หนาย่นเล็กน้อย แต่ก็ให้เลือดหลั่งออกมา
      ขณะที่เขากำลังแสดงอาการปลอบใจแม่ช้าง   เจ้าช้างน้อยก็เข้ามาใช้ปลาย
งวงมันลูบไล้บนใบหน้าชายหนุ่ม    ชายหนุ่มคิดมันคงจะแสดงความขอบคุณ
เขากระมัง     ดังนั้นเขาจึงหันไปลูบที่หัวมันเบาๆแล้วตบเบาๆที่ข้างลำตัวของมัน

     แขนเขาถูกกระตุกๆเบาๆ  จึงหันไปดูและเห็นเจ้าลิงขนทองมันหอบใบไม้
อะไรเขามองดูและไม่รู้จัก   และมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่รู้    ทันใดนั้นเองเสียง
เบาๆจากแม่นางพรายก็กล่าวขึ้นว่า
   “พี่ท่านเจ้าประกายทองมันหายามาให้แม่ช้างจ๊ะ  ให้พี่ท่านนำมาเคี้ยวในปาก
แล้วนำไปพอกยังแม่ช้าง  มันเป็นต้นสมุนไพรป่าที่ใช้ในการรักษาบาดแผล  และทำ
ให้แผลหายเร็ววัน  ซึ่งแม่ช้างมันก็รู้ แต่ว่าอาการตอนนี้มันค่อนข้างหนักจึงยังไม่
สามารถไปหายาด้วยตัวมันเองได้  ให้พี่ท่านจงเคี้ยวใบสมุนไพรแล้วนำไปพอกยัง
บาดแผลแม่ช้างเถอะจ๊ะ”
   “ขอบใจมากจ๊ะแม่นาง”  
    ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อจะปฏิบัติตามคำพูดของแม่นางพราย  แต่แล้วเขาเห็น
เจ้าขนทองกำลังนำใบไม้ที่เคี้ยวแหลกนำไปพอกยังบาดแผลแม่ช้าง   ดังนั้นเขาจึง
รีบนำใบยามาเคี้ยวแล้วนำไปพอกที่บาดแผล   แม่ช้างเหมือนจะรู้ในการกระทำของ
เขาและเจ้าขนทอง     ดังนั้นมันจึงยืนนิ่งๆ เพียงแค่สะบัดหางไปๆมาๆคอยรับการ
ช่วยเหลือ  พร้อมทั้งชูงวงร่ำร้องแสดงถึงความยินดี

    ภายหลังจากช่วยแม่ช้างและลูกช้างแล้ว   เขาแลเห็นหลังจากแม่ช้างและลูกช้าง
แสดงคาราวะเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็พากันเดิน คุ่มๆเข้าชายป่า  หายลับไปก่อนที่
จะเข้าแนวป่ามันทั้งสองยังหันกลับมาพร้อมชูงวงร้องเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินหายไป
    ชายหนุ่มหลังจากกำราบเจ้าหมีควายยักษ์แล้วก็หันมาจูงเจ้าขนทองที่มีรูปร่างสูง
ใหญ่เกือบเท่าเขาออกเดินทาง  ลัดเลาะผ่านแนวโขดเนิน   เนินแล้วเนินเล่าผ่านตัดกลาง
แนวป่าทึบ     จวบจนถึงทางคั่นระหว่างภูเขาสองลูกที่มีรอยตัดกันเป็นแนวเพื่อไปยัง
อีกด้านหนึ่งของเขา    ในช่วงทางรอยแยกนั้นปรากฏหมอกมืดวนเวียนคลุ้งรุนแรงมาก
จนกระทบมายังชายหนุ่มและลิงขนทอง    สายลมหมุนเป็นวงกลมแล้วกระจายหายไป
    “โอ้แล้วเราจะผ่านไปได้อย่างไร”
ชายหนุ่มคิด   หรือว่าจะเป็นแค่บางช่วงเท่านั้น
    “อากาศเริ่มจะขมุกขมัวแล้วเห็นทีจะต้องรอจนกว่าพายุจะสงบกระมัง”  เขารำพึงกับ
ตัวเอง  พร้อมทั้งมองหาสถานที่จะพักผ่อน     จึงได้ปีนป่ายไปยังเหลือบชะง่อนผาที่มองเห็น
เป็นลานยื่นออกมาคล้ายพลาญ   และแลเห็นมีโพรงเล็กๆพอที่จะหลบลมและน้ำค้างได้

      ดังนั้นจึงหันมาส่งสัญญาณกับเจ้าขนทอง ทั้งสองก็ปีนป่ายส่วนเจ้าขนทองใช้เวลาเดี๋ยว
เดียวก็ขึ้นไปยังชะง่อนหน้าผาได้   เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ยังตะเกียกตะกายในที่สุดก็ขึ้นไป
สำเร็จก่อนตะวันจะพลบค่ำ       ภายในโพรงคล้ายๆปากถ้ำมืดมิดจนมองอะไรไม่ค่อยถนัดนัก
     เพื่อความไม่ประมาทเข้าจึงล้วงหยิบชุดไฟที่ยังเก็บไว้ประมาณสามอัน  อีกอันหนึ่งเขาใช้แต่
ยังไม่หมด  พลางล้วงหยิบหินแล้วหาที่บังลมพลางตีหินเหล็กไฟทันที  สักครู่หนึ่งเขาก็สามารถ
ติดกระชุไฟได้  แล้วค่อยๆเดินส่องทางเข้าไปในโพรงนั้น
      โอ้ว!!!!????....   เขาอุทานเบาๆ  ภายในเป็นบริเวณกว้างขวางพอสมควร แต่มีกลิ่นคาวๆ
เต็มไปหมด  ด้วยสัญชาติฌานทำให้เขานึกว่าคงจะเป็นที่อาศัยของงูเสียมากกว่า   ส่วนเจ้าขนทอง
ก็ส่งเสียงร้องคำรามพร้อมขู่ลั่น   เขาจำเป็นที่ต้องใช้ที่นี่อาศัยด้วยเวลาได้เริ่มจะมืดขึ้นทุกๆขณะ
      จึงได้ค่อยๆส่องไฟค้นหาเพื่อหากมี งู ดังที่เขาคิดจะได้กำจัดมันเสีย แต่เขามองไม่เห็นเพียง
แต่เห็นแต่หินย้อยๆ เรียงรายกันไปหมด พื้นก็มีหินย้อยงอกโผล่จากพื้นถ้ำด้วย   แต่ทำไมกลิ่นคาว
ยิ่งฉุนมากๆจนต้องเอาผ้าคาดเอวมาพันที่จมูกคล้องคอเขาไว้     จะด้วยอะไรก็ตามทีเขาเห็นสิ่งผิด
สังเกตทันใด  หินย้อยที่เขาคิดด้วยมองจากความสลัวๆและแสงของกระชุ เขาเห็นและรู้เหมือนว่า
จะมีอาการเคลื่อนไหว    แต่งูนั้นเขาไม่เห็นมันสักตัวเลย

      คิดได้ดังนั้นแล้วจึงค่อยๆถือคบไฟถอยหลังอย่างช้าๆ  แล้วพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทันใดนั้นสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นหินย้อยก็ค่อยๆต่ำลงๆ จนจดพื้นถ้ำ  โอ้วๆสิ่งที่เขาแลเห็นจากคบไฟ
มันกลับเป็นหัวงูขนาดใหญ่      ดวงตาสีแดงก่ำๆสองดวงแต่แปลกที่มันผิดกับหัวงูทั่วๆไปเกล็ด
มันยามกระทบกับแสงไฟ  ส่งประกายหลากสีนักและที่แปลกที่สุดคือบนหัวมันกับมีปุ่มงอก
ออกมาด้วย      หากแม้นเขาก้าวล่วงเข้าไปอีกนิดเดียวคงจะเป็นอาหารมันแน่ๆ มันเหมือนจะ
มีอำนาจพิเศษ 

     ปรากฏว่าร่างเจ้าลิงขนทองนั้นกลับเหม่อลอยค่อยๆเดินเข้าไปหามันช้าๆ และ
หินย้อยที่เขาคิดว่าเป็นหินจากธรรมชาติค่อยๆขยับขึ้นทีละน้อยๆ จนแลเห็นกว้างขึ้นๆ  เขารู้ทันที
ว่าเจ้าลิงขนทองสงสัยจะถูกมนต์สะกดแน่  จึงรีบกระชากแขนมันถอยหลังทันที  เจ้าขนทองถึง
กับสะดุ้งสุดตัวพลันร้องเสียงดังก้อง  เสียงลั่นกังวานก้องไปทั่วภายในโพรงหรือจะเรียกว่า ถ้ำ
ก็ได้ทันที    
    “ทันใดนั้นเสียงของแม่นางพรายก็แว่วก้องมาสู่เขา   ฉับพลันควันหมอกก็พุ่งออกมากจาก
ฝักดาบมีดของเขา กลายร่างเป็นภูตสาวสองนางทันที    เขาหันไปยิ้มให้แม่นางพรายทั้งสอง
พลางกล่าวว่า
    “นั่นมันงูยักษ์ใช่ไหมน้องเรา”
    “มันไม่ใช่งูยักษ์ธรรมดาหรอกจ๊ะ  พี่ท่าน”
    “อ้าวแล้วมันอะไรกันนะ  พี่เห็นมันเป็นงูนี่นา”
    “มันเป็นงูลูกน้องของพญางูที่ควบคุมบริเวณแถวๆนี้จ๊ะ”
    “แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะน้องพี่”
    “เห็นทีพี่ต้องจัดการฆ่ามัน แล้วเอาลูกแก้วที่มันสะสมพลังแก่กล้าไว้มาใช้ในการเดินทางเพื่อ
ฝ่าหมอกพิษที่ช่องทางระหว่างเขาเสียแล้วพี่ท่าน”       พรายประกายแดงกล่าว
    “อะไรน่ะ????...ถึงต้องกับฆ่าแกงกันเชียวหรือ”     ชายหนุ่มถาม
    “เห็นทีจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วจ๊ะ  ด้วยมีหนทางเดียวที่จะฝ่าควันหมอกพิษไปได้จ้าพี่ท่าน”
    “อืมม...แล้วจะฆ่ามันได้อย่างไรล่ะ  อาวุธเราสามารถฆ่ามันได้หรือ”
    “มีแต่ดาบและมีดนี้เท่านั้นถึงทำลายมันได้จ๊ะ”   แม่ประกายเขียวตอบ
    “โอ้วๆๆ???... แม้แต่เจ้าขนทองที่มีเขี้ยวแก้วยังโดนมันสะกดลืมตัวนะดีที่พี่ไหวทันกระชาก
มันเสียก่อน”  ชายหนุ่มตอบ

  “อันเขี้ยวหรืออำนาจของน้องทั้งสองก็ไม่อาจจะต้านทานฤทธิ์ของมันได้จ๊ะ” นางพรายตอบ
  “ยังงั้นพี่จะทดลองดูนะ”
  “พี่ก็นำธนูของพี่ที่ทำด้วยไม่รวกแล้วอธิษฐานขอความเมตตาจากเทพยาดา   แล้วยิงมันที่นัยน์ตา
ทั้งสองของมัน    หากแม้นเทพยาดาป่าเขาแห่งนี้อนุเคราะห์พี่ก็เห็นทีจะสำเร็จ  หากไม่ก็ต้องใช้ดาบพี่และ
มีดน้อยพุ่งเข้าใส่นัยน์ตามันจ๊ะ  แต่ทว่า???...”
  “แต่อะไรน้องพี่???...”      ชายหนุ่มถามด้วยความสังสัย
  “หากพี่ใช้ดาบและมีดน้อยไปแล้ว    เมื่อถูกเป้าก็จริงแต่ว่า   งูยักษ์มันจะดิ้นจนโพรงหรือถ้ำนี้แทบ
จะทะลาย   มันจะพุ่งเข้ามาหาพี่แล้วพี่จะเอาอะไรใช้ต่อสู้อีกล่ะ”     พรายสาวทั้งสองตอบ
  “นั่นซิเห็นที....พวกเราต้องวิ่งหนีออกจาก  ถ้ำไปแล้วล่ะ  แต่หน้าโพรงถ้ำนี้มีแค่พลาญนิดเดียว
นอกนั้นเป็นผาสูงชันเราจะทำอย่างไรดีล่ะน้องเรา”
  “ถึงตอนนั้นก็เห็นจะต้องแล้วแต่บุญวาสนาเรานั่นแหละ   แต่อุ๊ยๆ???...   น้องนึกได้แล้วเรายัง
มีประกายทองอยู่   เมื่อตางูยักษ์มันมองอะไรไม่เห็นแล้วอำนาจมันก็จะลดทอนลงไปมาก   ด้วยอำนาจ
มันเกิดจากนัยน์ตาที่สามารถสะกดคนหรือสัตว์แม้แต่ภูตพรายได้จ๊ะ”
  “อืมมๆๆๆ พี่ก็ไม่ทันนึก  นี่ดีนะที่พี่มีคู่ปรึกษา     หากไม่มีน้องพี่เห็นทีจะแย่จริงๆๆ”
ชายหนุ่มตอบ     เล่นเอาแม่นางพรายถึงกับม้วนอายไปทีเดียว สร้างความงดงามของใบหน้าแก่
ชายหนุ่มยิ่งนัก  ถึงกับมองตะลึงไปเลย    ชายหนุ่มพลางหันไปแล้วสะบักหน้าเบาๆเพื่อสะหลัด
ความคิดเรื่องความงามออกเสีย
  “เอาล่ะ!!!???.....เป็นไรเป็นกันเราก็หนีไปไม่ได้แล้วนี่นา   หากไม่ทดลองจะรู้หรือ”

    ครั้นแล้วชายหนุ่มก็ดึงลูกธนูออกมาสองดอก   พลางมองไปยังที่ดวงตาเจ้างูยักษ์ที่มันค่อยๆ
หุบปากลงเพื่อมองเหงื่อของมันด้วยความสงสัย     เขาไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นเสียไปพร้อมยกลูกธนู
ตั้งจิตให้แน่วแน่นิ่งแล้วกล่าวคำอธิษฐานเบาๆ   วอนเทพยาดาฟ้าดินขอให้การกระทำของเขา
ในครั้งนี้บรรลุล่วงสำเร็จด้วยเทอญ      เมื่อสิ้นคำอธิษฐานต่อเทพยาดาป่าเขาลำเนาไพรแล้ว
    เขาก็ง้างคันธนูพร้อมกับลูกดอกสองดอก    พอได้จังหวะก็ปล่อยลูกธนูไม้รวกไปทันที
เหมือนอำนาจของไม้รวกตันนี้ประกอบกับคำอธิษฐานจะได้ผล  ลูกธนูพุ่งเข้ายังดวงตาของ
เจ้างูยักษ์ทันที     ลูกธนูที่ทำด้วยไม้รวกตันหายวับไปเข้าสู่ดวงตาดวงโตสีแดงก่ำๆทันที
    เลือดได้ทะลักออกมา   ร่างงูยักษ์ดิ้นพลาด ๆ ด้วยความใหญ่โตของมันทำให้เกล็ดหิน
ต่างๆล่วงพรูออกมาชายหนุ่มและเจ้าขนทองรีบหันหลังทะยานออกจากมานอกโพรงถ้ำทันที

   เสียงภายในโพรงแทบถล่มทลาย แล้วหัวของงูยักษ์ที่ดวงตาบอดสนิท  โผล่ออกมาจาก
โพรง        ชายหนุ่มไม่รอช้าโอกาสทองเช่นนี้  เขาชักดาบออกกระโดดเข้าฟาดฟันหลายๆครั้ง
ไปยังด้านต้นคองูยักษ์   ปรากฏคอห้อยออกมา เลือดมันสาดมากระทบตัวของชายหนุ่มแดงฉาน
ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายที่ถูกเลือดงูนั้นช่างเยือกเย็นอะไรเช่นนี้จนเขาอดสะท้านร่างด้วยความ
หนาวเหน็บ   โอ้ววๆๆๆมันเย็นอะไรเช่นนี้  เลือดเจ้างูยักษ์เขารู้สึกว่ามันซึมผ่านผิวหนังเขาเข้า
ไปในร่างกายเพิ่มความหนาวเหน็บจนร่างเขาสั่นๆทันที   หันไปมองเจ้าลิงขนทองก็เช่นกันมัน
ยกมือทั้งสองกอดอกนั่งคุดคู้ทันที    เขาเองก็เหมือนกับมันรีบนั่งลงพลางปลดหนังเสือสมิงที่
ม้วนเก็บไว้     รีบเอามาหุ้มห่อร่างกายรู้สึกว่ามีไออุ่นของหนังเสือซึมซ่านมา  ทำให้ร่างกาย
ค่อยอบอุ่นขึ้นทีละน้อยๆ
เป็นไปสักครู่ใหญ่ๆอาการทั้งหมดก็หายไป
     “ไม่ต้องตกใจหรอกจ้าพี่ท่าน   ท่านโชคดีแล้วที่ได้อาบเลือดงูต่างน้ำด้วยงูนี้มีอายุนับพันปี
และเป็นสิ่งหายากมาก  หากใครได้อาบแล้วจะมีร่างกายคงกระพันชาตรี  ยากนักจะหาอาวุธใด
ทำร้ายพี่ท่านได้   ผู้ใดหากมีตบะเดชะอ่อนกว่าก็จะพากันตกอยู่ในอำนาจของพี่ไป  อีกประการ
ให้พี่รีบชำแหละที่ภายในท้องใกล้ๆหัวใจมันโดยเร็วก่อนที่ร่างมันจะกลับกลายเห็นหินไปจ๊ะ
เพื่อนำแก้วสองดวงออกมา  และนำดีมันมาให้พี่และเจ้าประกายทองดื่มกินด้วยก็จะเพิ่มพละ
กำลังอย่างมหาศาลด้วยจ๊ะ  รีบๆหน่อยๆ”   พรายสาวทั้งสองรีบกล่าวขึ้นด้วยความดีใจ
    “อะไรนะต้องทำเดี๋ยวนี้เชียวหรือ  ทั้งๆตัวพี่ยังเปื้อนเลือดอยู่นี่นะ”  ชายหนุ่มตอบ.......

         *  แก้วประเสริฐ. *

n016.gif				
4 กุมภาพันธ์ 2553 16:09 น.

ลุ่มลึกอิสราวดี 9

แก้วประเสริฐ


        ลุ่มลึกอิสราวดี  9

    “ หากเป็นที่น้องเรากล่าว  พี่ก็จะพยายามค้นหาผู้ที่มีคุณสมบัติ
ดังหนังสือแจ้งไว้    เพื่อให้มาช่วยเหลือน้องพี่   ซึ่งต้องเป็นบุญวาสนา
ของน้อง   ทุกๆสิ่งอย่างคงไม่เกินความสามารถที่ฟ้าดินกำหนดหรอก
จ้า”        ชายหนุ่มกล่าวปลอบใจพรายสาวทั้งสอง
      “เพียงแค่รับฟังคำพี่ท่านกล่าวเช่นนี้  ทำให้พวกเราก็ปลาบปลื้มใจ
มากแล้วจ๊ะ    แต่ช่างเถอะต้องคอยกำหนดฟ้าดินไว้คิดว่าหากเป็นบุญ
ของน้องทั้งสองก็อาจจะกลับคืนสู่ร่างที่เหมาะสมได้เองจ้า”
        พรายสาวทั้งสองกล่าวพร้อมๆกัน   แต่ยังมองหน้ากันแล้วยิ้มน้อยๆ
หล่อนคิดเหมือนจะตรงกันว่า   คนที่จะช่วยเหลือเธอนั้นหาใช่ใครอื่นไม่
คือชายหนุ่มนั่นเอง  แต่หล่อนไม่ได้กล่าวอะไรด้วยคิดว่าคงจะยังไม่ถึงเวลา
       อีกประการหนึ่งหากอยู่ในร่างของภูตนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ใกล้ชิดเขา
ถ้าหากกลับคืนสู่ร่างอย่างถาวรแล้ว  ยากนักที่จะได้ใกล้ชิดเขา  
        เมื่อทั้งสองคิดได้เช่นนี้แล้วก็หาได้สนใจต่ออนาคตต่อไปไม่  เพียงขอ
แค่รับใช้เขาก็คงจะพอเพียงแล้ว   ดังนั้นจึงหาทางสร้างสิ่งหรรษาให้
แก่เขาเพื่อให้คลายความโศกเศร้าที่แอบแฝงในใจ พวกหล่อนก็ปลื้มใจแล้ว

        ท้องฟ้ารุ่งอรุณวันใหม่ย่างกรายมาถึง  ชายหนุ่มรีบจัดการกับอาหาร
มื้อเช้าพร้อมเจ้าขนทอง   เขาจัดเตรียมสัมภาระโดยนำหนังสือมาม้วนรัด
ด้วยเอ็นลิงขนดำ  สะพายไว้บนไหล่ขวาพร้อมกระบอก
ใส่ลูกธนู ส่วนไหล่ซ้ายสะพายดาบ เหน็บมีดน้อยระหว่างเอว  ส่วนกระบอกน้ำ
ได้แขวนไว้บนไหล่  แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำสัญญาณมือให้เจ้าลิงแสนรู้นำมีดน้อย
ไปตัดเถาวัลย์ขนาดย่อมๆที่ยอดของต้นไม้ใหญ่  เขานำมาม้วนๆไว้ได้พอใช้
แล้วแขวนคล้องไหล่อีกครั้ง  ด้วยเขาคิดว่าหากบางทีจำเป็นต้องใช้ในการปีน
ห้อยหน้าผาลงมา  ซึ่งเตรียมตัวไว้ดีกว่าหากถึงคราวจำเป็นจะได้ใช้
        ครั้นเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไต่เถาวัลย์ลงจากต้นไม้ใหญ่ เพื่อหาทางลัดเลาะ
ไปยังเขาที่อยู่ไม่ห่างไกลนักพร้อมกับลิงขนทองและนางพรายสาวทั้งสองก็ออก
เดินทางปีนป่ายจนสามารถลัดเลาะผ่านภูเขาไป
        เบื้องล่างของขุนเขาที่สลับซับซ้อนกัน บริเวณกลางเป็นป่าทึบ  มีน้ำตกไหลริน
ไม่แรงนักทอดเข้าสู่ลำธารไหล   ไปตามทางลาดลงสู่เบื้องล่างสองฝั่งฟากลำธาร
เต็มไปด้วยวัชพืชนานาพันธุ์และอุดมไปด้วยไม้เล็กใหญ่  แสงอาทิตย์ทอสอดส่อง
แทบจะไม่ถึงพื้นดิน   เต็มไปด้วยใบไม้ที่ทับถมเปี่ยมไปด้วยตัวหนอนและทาก
เขาจึงต้องระมัดระวัง  บางครั้งก็โดนทากเกาะสูบเลือดแต่เขาล้วงหัวขมิ้นที่เก็บไว้
ในย่าม   ออกมาทายังแขนขาไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยเขาได้เพียงใด  ดีกว่าไม่มีเสีย
          เขาพร้อมลิงขนทองเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขามุ่งเลียบชายลำธารล่วงไป
โดยไม่มีจุดหมาย  เพียงเพื่อจะให้พ้นแนวป่าซึ่งบางทีอาจจะบรรจบเส้นทางเดิม
ซึ่งเขาคาดหวังไว้   ล่วงจนพระอาทิตย์บ่ายคล้อยๆแสงกับแรงจ้า  อากาศร้อนอบอ้าว
ยิ่งขึ้นถึงแม้นจะอยู่ในดงป่าไม้ทึบก็ตาม   ต้นไม้เพียงแค่ช่วยบรรเทาได้เท่านั้น
         บัดดลเสียงไม้หักลั่นพร้อมกับเสียงร้องของสัตว์ป่าที่แว่วมาแต่ไกล จนเสียง
นั้นใกล้ๆเข้ามาจึงสามารถฟังได้ชัดเจน  มันส่งเสียงร้องแปร้นๆๆระงมไปทั่ว 
ทิศทางมุ่งมายังที่เขากับลิงน้อยกำลังจะเดินทาง      เสียงเจ้าลิงน้อยร้องขู่พร้อมกับ
กระชากร่างชายหนุ่มให้หนีไปอีกทิศทางหนึ่งทันที    เขาตามเจ้าลิงน้อยไปจนหยุด
ไว้หลังต้นไม้ใหญ่ที่สูงชะลูด   ต้นไม้ใหญ่พอที่จะเป็นที่กำบังให้แก่เขาทั้งสอง

         ชายหนุ่มแอบมองดู   ไม่นานนักเสียงไม้แตกหักสนั่นดังลั่นปรากฏร่างของ
ช้างป่าตัวใหญ่มหึมาดำมะเลื่อม   กำลังวิ่งไปทางทิศทางที่เขาเดินอยู่ก่อน
           ช้างที่สูงใหญ่ที่สุดวิ่งนำหน้าตามด้วยช้างและลูกช้างประมาณ 6-8 เชือกได้
         “มันหนีอะไรมา????.....”   เขาคิดในใจ  ยังมีสัตว์ที่น่ากลัวจนช้างป่ากลัวทำร้ายมัน
อีกหรือนี่
          สักครู่ใหญ่สิ่งที่เขาแลเห็นสัตว์ที่ไล่ช้างมา กลับเป็นกลุ่มหมีควายขนาดใหญ่ กำลัง
ควบปะเลงๆ ดูราวประมาณ 5-6 ตัว แต่ละตัวใหญ่ๆทั้งสิ้นสูงใหญ่พอๆกับช้างป่าทีเดียว
         สิ่งนี้หรือที่ช้างป่ามันเกรงจนถึงกับวิ่งป่าราบ   แต่เมื่อมองเห็นมันจะๆ  ปกติช้างป่า
ถึงแม้จะตื่นตกใจง่ายแต่มันก็ไม่เคยกลัวหากอยู่รวมกันเป็นฝูง  แม้แต่เสือลายพาดกลอน
หรือหมาป่าก็ยังไม่อาจทำร้ายมันได้   แต่นี่มันกับกลัวเจ้าหมีควายหรือว่า    ทั้งสองฝ่ายจะ
มีขนาดไล่เลี่ยกันกระมัง   แต่นี่แปลกเจ้าหมีควายตัวใหญ่มันกับวิ่งได้เร็วถึงแม้จะควบปะเลงๆ
มาก็ตามที   ก็สามารถไล่ฝูงช้างป่าได้เกือบจะทันกัน  
         ชายหนุ่มแอบดู   ทันใดนั้นลูกช้างที่ติดตามฝูงมาได้พลัดตกลงยังหล่มโคลน ร่างมันค่อยๆ
จมลงและก็ยืนได้ในที่สุด    เมื่อฝูงหมีควายตามมาทันเจ้าลูกช้างซึ่งพลัดฝูงแต่แม่มันไม่ยอม
ทิ้งลูกน้อยมัน ยังยืนร้องเรียกพยายามชูงวงเข้าไปหาลูกช้างซึ่งก็ชูงวงเพื่อจะรับการช่วยเหลือ
ของแม่มัน   แต่ทว่าไม่ถึงด้วยห่างกันอีกมากนัก   แม่มันร้องลั่นและหันหลังยืนจังก้าเพื่อรอ
รับเพื่อเข้าต่อสู้ปกป้องชีวิตลูกน้อยของมันโดยไม่คำนึงถึงชีวิต  ส่วนฝูงช้างป่าได้หนีหายไป
หมดแล้ว

         ด้านเจ้าหมีควายยักษ์ก็ยืนกางเล็บอันใหญ่โตแหลมคม   ก้าวสามขุมเข้ามาหาแม่ช้างเพื่อ
จะกัดกินเป็นอาหาร   ชายหนุ่มมองดูอยู่ด้านหลังต้นไม้และได้ยินเสียงลูกช้างร้องลั่นเสมือน
หนึ่งให้แม่มันหนีไป  แต่แม่มันกับสะบัดงวงไปมาหูทั้งสองข้างกางผึ่งแสดงถึงการต่อสู้ไม่
ยอมถอยของมันพร้อมจะต่อสู้แบบสุดชีวิต
       ชายหนุ่มให้เวทนาในภาพที่เห็นความสัมพันธ์ระหว่างแม่ช้างกับลูกช้าง   เขาจึงหันมา
ลูบหัวเจ้าลิงน้อยเพื่อให้สัญญาณแก่มัน   เจ้าลิงน้อยก็หาได้เกรงกลัวเจ้าหมีควายไม่ มันส่ง
เสียงคำรามพร้อมอ้าปากแยกเขี้ยวออกทันที  ถ้าหากชายหนุ่มให้สัญญาณแก่มัน
         เมื่อเจ้าหมีควายมาถึงแม่ช้าง  ก็เข้าไปตะปบด้วยมือที่มีเล็บแหลมคมยาว  และต่างเข้ารุม
ทำร้ายแม่ช้างทันที ทำให้เกิดแผลและเลือดไหลเป็นทาง หนึ่งต่อหก หากแม้นตัวต่อตัวก็เห็น
ทีแม่ช้างก็ยังจะต้านไม่ค่อยจะได้อยู่แล้วนี้ต่างถูกรุมเสียอีก   ชายหนุ่มคิดหากปล่อยไปสักครู่
เห็นทีแม่ช้างจะต้องตายแน่นอน  จึงคิดถึงจะช่วยเหลือแม่ช้างและลูกช้างไว้ 
       เขาจึงนำคันธนูพร้อมดึงลูกธนูที่ทำด้วยไม้ไผ่  ออกมาน้าวพร้อมปล่อยลูกธนูไป
ยังเจ้าหมีควายตัวที่ใกล้แม่ช้างที่สุด  แต่ลูกธนูพุ่งเข้าเป้าไปถูกบริเวณลำตัว  ลูกธนูหักเป็นสอง
ท่อนทันที   แต่ก็ทำให้เจ้าหมีควายชะงักได้ชั่วขณะหนึ่งมันส่งเสียงร้องลั่นแล้วหันมาทางเขาที่
แอบยังหลังต้นไม้ทันที    ทันใดนั้นฝูงเจ้าหมีควายยักษ์ก็ต่างแยกย้ายกันออกมาและสามสี่ตัว
ก็ยังเข้ารุมล้อมแม่ช้างอยู่   
        ส่วนอีกสองตัวหันย่างควบปะเลงๆมายังด้านเขา   คราวนี้เห็นที่จะใช้ลูกธนูยิงยังแถวร่าง
มันไม่ได้แล้วด้วย ดอกแรกยังหักเป็นสองท่อน   เขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี    ก็ได้ยินเสียง
แผ่วเบาๆจากแม่นางพรายว่า  ให้ยิงไปที่ลูกนัยน์ตามัน    เขาถึงตั้งสติได้ คราวนี้เขาน้าวคันธนู
พร้อมลูกยิ่งออกไปเล็งไปที่นัยน์ตามันทันที

          ได้ผลแฮะลูกธนูเสียบเข้ายังดวงตาของเจ้าหมีควายตัวแรกที่ย่างเข้ามาหาเขา มันหยุดชะงัก
  ส่งเสียงร้องลั่นกุมมือไปยังนัยน์ตาที่เลือดไหลออกมาพร้อมพยายามดึงธนูไม้ไผ่ออกมา   เมื่อ
เห็นผลในการยิงเช่นนี้   ชายหนุ่มจึงเล็งแล้วยิงไปอีกตัวหนึ่ง ทำให้ตาของมันทั้งสองบอดคนละ
ข้างหยุดชะงักการติดตาม  แต่โดยสันดานโหดของนิสัยสัตว์ป่าทั้งหลายมันหักก้านธนูออกแล้ว
พุ่งร่างมายังเขาอีก   คราวนี้จวนตัวไม่สามารถใช้ธนูได้อีกแล้วเขารีบชักดาบออกมาทันที ส่วน
เข้าลิงน้อยก็ทะยานพุ่งร่างไปยังหมีควายยักษ์อีกตัวหนึ่ง  
               พลางกระโดดเข้าใส่ยังด้านหลัง   และฝังเขียวแก้วมันยังบริเวณลำคอ
  เจ้าหมีควายสะบัดร่างลิงน้อยแต่ไม่หลุดมันเอื้อมมือ      ที่เต็มไปด้วยเล็บแหลมคมคว้า
เข้าที่ลำคอมัน   เข้าลิงน้อยก็กระโดดแผล็วลงมาและพุ่งร่างไปที่ขามัน
ที่ยืนอยู่กัดไปยังที่บริเวณน่องมันแล้วกระชากครั้นได้แผลเหวอะหวะ 
        มันรีบถีบตัวถอย อาศัยที่ความคล่องแคล่วของลิงที่เจ้าหมีควายยักษ์จะไล่ทัน
เมื่อหมีควายหันมาคว้ายังแถวบริเวณขา      เจ้าลิงขนทองก็กระโดดใส่ยังต้นคออีก
แล้วกัดกระชากจนบังเกิดแผลเหวะหวะมากยิ่งขึ้น
        ร่างเจ้าหมีควายอีกตัวก็ก้าวย่างสามขุมเข้าหาชายหนุ่มทันทีกางเล็บตะปบไปยังร่างเขา
ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบ กระโดดหนีห่างออกไปด้านข้างพลางใช้ดาบฟันไปยังมือที่ตะปบ
เขา   ผลแขนมันขาดออกจากกันทันทีเลือดพุ่งยังกับไฟพะเนียง   เสียงมันร้องลั่นคำราม
แต่ไม่หนีไปไหนกับกระโจนเข้าหาอีก  คราวนี้ชายหนุ่มตั้งหลักได้แล้วก็ฟันดาบไปยังมือ
อีกข้าง  มือมันกระเด็นหลุดขาดจากกัน   ด้วยสันดานที่โหดเหี้ยมดุร้ายมันไม่ยอมหนีกับ
พุ่งร่างมันเข้ามาอีก   ดังนั้นชายหนุ่มจึงฟันไปยังลำตัวอันใหญ่โตบึกบึนร่างมันก็ขาด
ออกจากกัน  เลือดพุ่งไหลงนองแล้วล้มลงเสียชีวิตทันที
        ชายหนุ่มมีรอช้า ทะยานร่างเข้าไปช่วยเหลือแม่ช้างทันที  ด้วยอาการของแม่ช้างทรุด
โทรมลงเห็นได้ชัด ว่าร่างมันจะล้มแล้ว    คราวนี้ชายหนุ่มไม่รีรออีกแล้วตรงไปยังตัวที่ใกล้
แม่ช้างที่สุดแล้วยกดาบขึ้นฟาดฟันไปยังร่างเจ้าหมีควาย ผลก็เหมือนกับตัวแรก  เมื่อเจ้าหมี
ควายล้มลง    บรรดาตัวอื่นๆก็หยุดการทำร้ายแม่ช้างต่างแยกเขี้ยวกางมือขึ้นอีกมือหนึ่งมัน
ควบปะเลงๆเข้าหาชายหนุ่มทันที  ชายหนุ่มต้องล้มตัวลงแล้วยกดาบฟาดใส่ขาแขนเหล่า
หมีควายทั้งหลาย  
ทำให้บรรดาขาของหมีควายที่ใกล้ๆตัวเขาขาดกระจายเลือดไหลนองไปทั่วใบหญ้า
          และล้มดิ้นเขาไม่รอช้าในโอกาสนี้แล้ว พุ่งร่างเข้าหาตัวที่ยืนซึ่งเหลือเพียงตัวเดียวยกดาบ
แทงไปยังบริเวณหน้าอก พร้อมกระชากกลับฟันไปยังหัวมันทันที ร่างเจ้าหมีควายล้มลงตาย
หัวของมันหลุดกระเด็นออกไป  เขาหวนกลับมาฟันหมีควายยักษ์ที่นอนดิ้นเพื่อสงบมิให้มัน
ต้องทรมานอีกต่อไป  ชั่วเวลาไม่นานเขาก็ฆ่าหมีควายร่างยักษ์ได้ ถึงห้าตัว   ส่วนแม่ช้างเมื่อ
เห็นชายหนุ่มมาช่วยเหลือก็ร้องพร้อมยกงวงขึ้นแสดงการคาราวะเขาพร้อมร้องแปร้นๆหัน
ไปทางลูกน้อยมันที่ยังเดินไปมาๆแต่ยิ่งเดินร่างมันก็ยิ่งจมไปเรื่อยๆ
         ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็ปลดเถาวัลย์ที่คล้องไหล่ออกมาแล้วหันหากิ่งไม้ที่แห้งหล่นมา
ผูกกับเถาวัลย์ ขว้างไปยังเจ้าลูกช้างน้อยทันที   เจ้าช้างน้อยใช้งวงมันจับกิ่งไม้ที่ผูกกับเถาวัลย์
แล้วดึง    เขาจึงหันหลังวิ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ๆที่สุดแล้ววนพันกับต้นไม้พร้อมทั้งออก
แรงดึงร่างลูกช้าง แต่น้ำหนักตัวมันมากกว่าเกินกำลังที่เขาจะดึงได้
        เมื่อแม่ช้างเห็นดังนั้น ทั้งๆที่ร่างมันได้รับแผลเหวะหวะฉกรรจ์เลือดไหลออกมา   แต่มัน
ก็ไม่สนใจพลางรีบลุกขึ้นหันมาช่วยชายหนุ่มดึงเถาวัลย์อีกแรงหนึ่ง    คราวนี้ได้ผลอาศัยแรง
ของแม่ช้างค่อยๆดึงร่างเจ้าลูกช้างให้พ้นจากหล่มโคลนออกมากได้    มันรีบวิ่งไปหาแม่มัน
เขายืนมองด้วยความเวทนา       ทั้งสองร่างต่างก็เอางวงรัดกันแสดงถึงความรักที่มีต่อกัน
แล้วมันทั้งสองเชือกหันมาทางชายหนุ่มพลางยอขาหน้าทั้งสองพร้อมทั้งชูงวงส่งเสียงร้องลั่น
        ชายหนุ่มเก็บยิ้มแล้วรีบเดินไปยังเถาวัลย์ดึงที่พันจากต้นไม้ออกมาม้วนแล้วคล้องไหล่
พลางหันไปทาง     เจ้าลิงน้อยที่กำลังพันตูกับเจ้าหมีควายยักษ์อีกตัวซึ่งมันไม่รู้ว่าพวกมันนั้น
ได้ตายไปเสียแล้ว   การต่อสู้ผ่านไปอีกสักครู่ใหญ่ผลแพ้ชนะก็ออกมา    เนื่องจากเลือดที่หลั่ง
ไหลจากเจ้าหมีควายออกมามาก    ทำร่างกายมันช้าลงๆแล้วค่อยทรุดร่าง   เจ้าลิงน้อยจะว่าน้อย
ก็ไม่เชิงเขาพึ่งสังเกตเห็นก็วันนี้ร่างมันเกือบจะไล่เลี่ยกับเจ้าหมีควายแล้ว มันยังวิ่งล้อมรอบตัว
แล้วได้ทีก็กระโดดกัดซ้ำที่เดิมอีก หลายครั้งจนกระทั่งเจ้าหมีควายทนบาดแผลไม่ไหวหงาย
ร่างล้มลงหายใจแผ่วเบาๆแล้วก็เงียบ  ส่วนเจ้าลิงน้อยขนทองก็ยังวิ่งไปรอบๆร่างหมีควายบาง
ครั้งก็ดึงแขนบ้าง ขาบ้างเมื่อเห็นร่างเจ้าหมีควายไม่มีการโต้ตอบ     นั่นแหละมันถึงร้องลั่นแล้ว
กระโดดตีลังกา    พลางหันซ้ายหันขวาเมื่อพบชายหนุ่มมันก็พุ่งกระโดดตีลังกามาหาทันที......

                     * แก้วประเสริฐ. *

n016.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ