14 พฤศจิกายน 2550 15:54 น.
คีตากะ
เรียงร้อยกรองกลั่นถ้อยจากร้อยแก้ว
ยังห่างแววชั้นกวีลิขิตเขียน
จากส่วนลึกรู้สึกจารึกเพียร
คำดาษเดียรจากใจหลั่งไหลมา
เพียงรู้สึกลึกล้ำเหนือคำบอก
คงย้ำตอกออกจากใจไร้เดียงสา
มันเรียบง่ายความหมายคำธรรมดา
แค่วาจาแสนสั้น " ฉันรักเธอ"
ไร้ต้นสายปลายเหตุสังเกตค้น
ปราศเหตุผลอธิบายหมายเสนอ
ยากพิสูจน์ฉุดรั้งดั่งละเมอ
ใจพร่ำเพ้ออยากเจอเธอทุกวัน
ประทับจูบฝากไปตรงปลายฟ้า
ฝากลมกอดกานดาอย่าไหวหวั่น
ฝากรักแท้ดูแลใจให้แก่กัน
ทุกคืนวันคิดถึงลึกซึ้งทรวง....
14 พฤศจิกายน 2550 13:48 น.
คีตากะ
จินตนาการว่าไร้ไผทสวรรค์
ถ้ามุ่งมั่นคงคิดได้ง่ายหนักหนา
ทั้งไม่มีนรกใดใดใต้โลกา
มีแต่ฟ้างามล้นข้างบนนั้น
จินตนาการว่าเราอยู่เพื่อวันนี้
ทั้งไม่มีแบ่งประเทศแบ่งเขตขัณฑ์
ไร้การฆ่าการตายทำลายกัน
ไร้ขีดคั่นศาสนาบรรดามี
จินตนาการว่าใครใครในโลกนี้
ใช้ชีวีสันติสุขทุกทุกที่
เธออาจว่าฉันช่างฝันสรรค์วจี
แต่คนฝันเช่นนี้....มีมากมาย
ฉันหวังวันเธอจะก้าวเข้ามาร่วม
เข้ามารวมโลกเป็นหนึ่งถึงจุดหมาย
ไม่มีการครอบครองของนอกกาย
ความกระหายหิวใดไม่บีทา
จินตนาการว่าเรานี้ล้วนพี่น้อง
ร่วมกันครองโลกด้วยกันแบ่งปันค่า
คนที่ฝันเช่นนี้มีคณา
เชิญก้าวมาหลอมโลกซึ้งเป็นหนึ่งเดียว.....
13 พฤศจิกายน 2550 12:24 น.
คีตากะ
แต่ละชิ้นแต่ละส่วนล้วนร่วมสาน
ก่อสะพานทอดยาวสู่ดาวฝัน
ไกลแสนไกลใต้ฟ้าอันลาวัณย์
เชื่อมสวรรค์และโลกยกจิตใจ
เริ่มฐานรากตั้งเสาเฝ้าแข็งขัน
ให้คงมั่นหลักยันมิหวั่นไหว
ด้วยศีลสมาธิดำริใจ
ราดเทให้คงทนจนถาวร
วางคานพาดเชื่อมเสาเข้ารองรับ
บรรจงจับก่อพื้นยื่นสลอน
เพื่อก้าวย่างทางเดินเหินหาวจร
ด้วยสังวรตรวจสอบระบอบใจ
กั้นลูกกรงเรียงรายหมายยึดจับ
ประคองรับผู้จรยามอ่อนไหว
ด้วยความรักถักทอก่อภายใน
สร้างแรงใจให้ชนคนผ่านทาง
จุดหมายเพียงปัญญาหวังคว้าไขว่
ดาวดวงใหญ่ปลายสุดหยุดหม่นหมาง
แจ้งต่อสัจจ์ชัดเจนไม่เว้นวาง
แจ่มสว่างกลางใจได้เปรมปรีดิ์.....
12 พฤศจิกายน 2550 11:40 น.
คีตากะ
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯต้อยต่ำ ?
แต่เจ้าล้ำลึกเกินกว่าใครเขา
เจ้ายิ่งใหญ่ในสวรรค์อันแพรวพราว
เพียงรอเจ้าคืนบัลลังก์นั่งเกรียงไกร
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯอัปลักษณ์ ?
แต่ดวงพักตร์เจ้ามีหลากมากไฉน
เจ้างามกว่าเทพดาอ่าองค์ใด
ด้วยเจ้าไซร้คือฉายาแห่งข้าฯจริง
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯยากไร้ ?
แต่เจ้าไม่ขาดแคลนแม้นทุกสิ่ง
พระราชวังทรัพย์สมบัติอันแท้จริง
มากมายยิ่งเพียงรอเจ้าเนาเมืองแมน
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯไร้รัก ?
แต่เจ้าจักรู้ว่าข้าฯรักแสน
ข้าฯรักเจ้ากว่าใครในภพแดน
ด้วยเจ้าแคลนมายามุ่งหาเรา
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯอ่อนแอ ?
เจ้าเพียงแต่อ่อนไหวใจเงียบเหงา
แปดเปื้อนโลกเงียบขรึมเซื่องซึมเซา
ขอเพียงเจ้าเป็นแขนขาแห่งข้าฯพอ
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯเหนื่อยล้า ?
แต่เจ้ากล้าฝ่าภัยใจสู้หนอ
เพื่อผองชนเจ้าอดทนหาย่นย่อ
ข้าฯพะนอเคียงเจ้าจงเข้าใจ
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯโง่เขลา ?
แต่เพียงเจ้านิ่งนิจมิคิดไหว
คราเจ้าทำตามข้าฯประสงค์ไป
เจ้าจะพบตัวไซร้ไร้เทียมทาน
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯไร้พลัง ?
แต่เจ้าฟังเจ้าเข้มแข็งแกร่งห้าวหาญ
ยอมทิ้งสวรรค์ล่วงสู่แคว้นแดนกันดาร
เทพกราบกรานความกล้าข้าฯยินดี
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯทดท้อ ?
เจ้าเพียงรอเวลาเพื่อสุขี
จงถามข้าฯข้าฯจะเอ่ยเผยวจี
ทุกสิ่งที่เจ้าอยากรู้กู่ถามมา
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯเศร้าสร้อย ?
เจ้าเพียงปล่อยใจตามความโหยหา
เจ้าเบิกบานกว่าใครในโลกา
เจ้าคือข้าฯอย่าเศร้าข้าฯเข้าใจ
พระเป็นเจ้า ! ข้าฯรักท่าน ?
ข้าฯก็รักเจ้าปานกว่าขานไข
ณ ที่เจ้าเนาอยู่แห่งหนใด
ตัวข้าฯไซร้ก็อยู่นั่นจงมั่นคง...
1 สิงหาคม 2558 01:09 น.
คีตากะ
คราวดอกฟ้ากิ่งโน้มประโลมหล้า
หมื่นดาราโศกเศร้าเฝ้ากำสรวล
เดือนเสียดายหมายปองร้องคร่ำครวญ
สวรรค์ปรวนสั่นไหวในบัดดล
ครั้นดินจูบดอกฟ้าอ้าแขนรับ
ประจงจับพักตร์ดวงล่วงเวหน
หล่อหลอมรวมร่วมรักหักกมล
ยังจิตชนตื้นตันมั่นรักจริง
มาตรแม้นต้องครองคู่อยู่ลำบาก
แต่ใจฝากรักแท้แม้ยากยิ่ง
ยังยอมทนหม่นกายหมายแอบอิง
ดังมิตรมิ่งสิเน่หาชั่วฟ้าดิน
ยอมตกตายร่วมกันสุขหรรษา
มิระอาคำแคลนแม้นติฉิน
เปิดเผยใจใสซื่อถือชีวิน
ปราศมลทินมัวหมองครองชีวา
ทวยเทพไท้ให้พรขจรกลิ่น
สองชีวินสรวลเสเสน่หา
มีอภัยในรักตระหนักพา
อยู่คู่ฟ้าเคียงดินตราบสิ้นลม.....