24 ตุลาคม 2549 00:37 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ความเงียบเหงาเศร้าซ่านผ่านลมหนาว
รักรุมเร้าอาวรณ์ตอนสุริยะผัน
ดวงเดือนดับเมฆลับทับตะวัน
สุริยันหมดแสงแรงโรยรา
สกุณาแผ่วแว่วเสียงสำเนียงเศร้า
เหมือนรักเราเขาลืมสิ้นไม่หวนหา
เจ็บปวดพร่าตาสองนองน้ำตา
สมน้ำหน้าหัวใจใยต้องจำ
อยากสิ้นไร้ความจำในความคิด
แต่ย้ำติดอุราช่างน่าขำ
ในบางคำทำร้ายสุดชอกช้ำ
เหมือนกระหน่ำทับโถมให้จมดิน
เพราะหัวใจโหยหาถึงคืนหวน
แต่เรรวนรวดร้าวเขาลืมสิ้น
แสนรันทดน้ำตาหลั่งร่วงลงดิน
แอบถวิลโศกาเฝ้าอาดูร
ต้องยอมรับโชคชะตาฟ้าลิขิต
ไม่มีสิทธ์เขาเปลี่ยนเราสิ้นสูญ
ต้องแพ้พ่ายพินาศยับทวีคูณ
ความการุณไม่เหลือให้แม้ธุลี
23 ตุลาคม 2549 23:22 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ไกลออกไป ไกลออกไป ไกลออกไป
ไกลจากเมืองวิไลและเลิศหรู
ไกลจากความวุ่นวายที่ทนอยู่
ไกลจากการไม่รับรู้เรื่องชีวิต
เป็นแหล่งพักหลักพึ่งซึ่งศักดิ์สิทธิ์
เป็นที่งามแสนงามในความคิด
เป็นที่ชีวิตได้ผ่อนพัก
ลมเย็นเย็น แดดอุ่น อุ่น กรุ่นดินหอม
หัวใจได้ถูกถนอมพร้อมปกปัก
หัวใจได้หวนคืนสู่ความรัก
หัวใจได้ตระหนักต่อความจริง
ว่าแผ่นดินผืนนี้นี่กว้างใหญ่
แผ่นดินคือผู้ให้ไปทุกสิ่ง
แผ่นดินเกื้อการุณย์อุ่นอกอิง
และแผ่นดินไม่เคยทิ้งมวลมนุษย์
...........................................................
ตะลึงโหยหวนหาเมื่อว้าเหว่
เมื่อเหนื่อยล้ารวนเรถึงที่สุด
เร่รักษาหัวใจซึ่งโทรมทรุด
หัวใจซึ่งถูกฉุดให้ทรุดโทรม
ข้าวทุ่งเขียวแสนงามงามต้องแสง
แดดโรยแรงโอนอ่อนผ่อนร้อนโหม
ลมบางบางแผ่วผิวพลิ้วผ่านโลม
คลื่นใบข้าวน้าวโน้มมโนใน
แม่โพสพเอ่ยลาพระอาทิตย์
ผู้แผ่เผื้อเอื้ออุทิศทุกวันใหม่
ซึมแสงรับซับรังสีที่ส่องใบ
หลอมธาตุน้ำรวมให้ไปแปรรวง
20 ตุลาคม 2549 17:57 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
หลายวันแล้วเธอไม่โทรมาหา
พิสูจน์ว่าเธอไม่ได้คิดถึง
ร้อยปีเธอโทรมาแค่ครั้งหนึ่ง
นี่เหรอเธอบอกคิดถึงอย่างมากมาย
ฉันไม่หลงกับคำพูดตื้นตื้น
มาหยิบยื่นความหวังที่เหลือร้าย
ขอโทษทีบังเอิญไม่ใช่ควาย
หลงลมปากคุณง่ายง่ายน่ะพ่อคุณ
จะเล่นกับฉันยังอ่อนหัด
เดี๊ยวแม่ซัดตบกบาลให้หัวหมุน
อยากบอกอะไรให้เอาบุญ
พ่อกะล่อนอย่างคุณยังห่างไกล
ทำเป็นหล่อหลอกล่อให้หลงรัก
ชำนาญนักใช้คารมให้ออ่นไหว
มาหลอกให้รอโทรศัพย์เธอแทบตาย
แต่อย่าหมายว่าฉันรอไม่ง้อเธอ
ไม่มีเธอไม่เห็นตายหายใจได้
ก็อยู่ไปไม่สนใจใครเสมอ
แค่ผู้ชายสนทำไมใช่อยากเจอ
เพื่อนมีเยอะสนทำไมชายชีกอ
20 ตุลาคม 2549 14:29 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
อยากให้ใหญ่พอใหญ่ดันให้เล็ก
แต่ทีเด็กกลับอยากให้เติบใหญ่
วงจรคนที่เป็นเห็นเช่นไร
วงจรไม้ต้นคงใช่คล้ายเช่นนี้
เขาให้โตได้แต่ต้องเพียงเท่านั้น
แถมจัดกันเรียงตับอยู่กับที่
ใช้เขาชมชำหลายกรรมวิธี
จึงไม่มีทางโตได้ตามสายพันธุ์
เหมือนพ่อแม่บางคนเพียรสรรสร้าง
บ้างอวดอ้างนี่เก่งคือลูกฉัน
จับปลุกปั้นเสียจนตามไม่ทัน
เหมือนที่ฝันแต่สิทธิ์ถูกริดรอน
เหมือนต้นไม้ถูกแต่งปรับประดับบ้าน
อวดกิ่งก้านชูดอกใบไหวสลอน
มีค่าแค่เพียงไม้ดัดถูกตัดทอน
ในวงจรความเป็นอยู่ของผู้คน
จึงยืนต้นโตได้แค่ไม้ดัด
ถูกจำกัดความโตทางลำต้น
เขากักกุมให้แกร็นด้วยเล่ห์กล
เป็นตัวตนตามแต่เขาพอใจ
เพียงหวังเห็นทุกอย่างเป็นธรรมชาติ
ใช่มุ่งมาดเปลี่ยนแปลงกันถึงไหน
เรื่องทุกอย่างควรเหมาะกับช่วงวัย
คนกับต้นไม้ควรเติบใหญ่...ในวัยควร...
19 ตุลาคม 2549 01:37 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ดาวประกายพรายพรึกพร่างกลางฝั่งฟ้า
เสียงนกกาเร่งร้องกู่ก้องขัน
เอ่ยอำลาราตรีเคยมีจันทร์
อาบไออันอุ่นหล้าจากอาทิตย์
น้ำค้างพราวราวหญ้าพาแห้งหาย
ตะวันฉายแสงสาดมาดวิจิตร
ดอกไม้มุ่งเสกสีมีชีวิต
หวังจุมพิตผีเสื้อเอื้อรักตน
หมอกสีขาวเคลียคลอล้อหยอกเหย้า
สายลมเบาปลิวพัดทุกแห่งหน
สกุณาส่งเสียงดั่งต้องมนต์
ในบัดดลเสนาะเพียงเสียงดนตรี
แอบเว้าวอนอ้อนไกลที่ปลายฟ้า
ร่ายมนต์ตราสุขสันต์ทุกวันที่
อย่ารวดร้าวหมดเศร้าเหงาฤดี
ปัดเป่าทีเรื่องเศร้าร้าวรานใจ
อยากจะมอบไออุ่นส่งความรัก
หมายทอถักสายใยส่งไปให้
อยู่หนใดสายสัมพันธ์ไม่เสื่อมคลาย
ทุกห้วงใจติดบ่วงห้วงรักเธอ