ดอกคูนสีเหลืองสดกำลังเบ่งบานในช่วงหน้าแล้ง ลำต้นสีขาวตัดกับดอกสีเหลือง งดงามราวภาพวาดอันวิจิตร ลมร้อนกำลังพัดผ่านมา กิ่งก้านสั่นไหว ดอกสีเหลืองบางส่วนหลุดล่วงหล่นบริเวณโคนต้น แต้มแต่งพื้นดินบริเวณนั้นราวกับผลงานทางศิลปะอันล้ำเลิศ ยิ่งมองก็ยิ่งงดงาม ไม่ว่ามันจะยืนต้นอยู่ ณ ที่ใดภายในรั้วมหาวิทยาลัยหรือภายนอก ก็ยังคงงดงามโดดเด่นเฉกเช่นเดียวกัน เข้มแข็ง มั่นคง สง่างาม กล้าหาญรู้แจ้ง เช่นเดียวกับนักปราชญ์อย่าง “ ทิดจืด “ทิดจืดเรียนอยู่คณะเดียวกับศิวา แต่คนละภาควิชากัน มีชื่อจริงว่าวิทยา ชื่อ “ ทิดจืด “ นี้มาจากเขาเป็นคนเรียกเอง ด้วยเห็นว่าเพื่อนของเขาเป็นคนธรรมะธรรมโม ชอบเข้าวัดเข้าวา ถึงแม้จะไม่เคยออกบวช แต่จริยวัตรงดงามไม่เคยขาดตกบกพร่องครบถ้วนทั้ง ศีล สมาธิ และปัญญา ทิดจืดเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่มีใบหน้าหล่อเหลา จมูกโด่งเป็นสันได้รูป รูปร่างสูงใหญ่ เหมือนพระเอกหนัง สาวๆ ที่ได้เห็นเป็นต้องกรี๊ด แต่น่าเสียดาย สาวๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยที่อกหักเพราะทิดจืด ก็เนื่องเพราะความมั่นคงใน “ ธรรม “ ของเขานั่นเอง เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานชมรมพุทธศาสนา ไม่มีใครรู้จักทิดจืดได้ดีเท่าศิวา ครั้งหนึ่งเขาเคยถามเพื่อนของเขาว่า“ ทิดจืด มีสาวสวยตั้งมากมายที่มาชมชอบ ทำไมทิดจืดไม่เคยสนใจใครเลย?”“อาจารย์ฟังผมให้ดีๆนะ ร่างกายนี้เป็นที่ประชุมแห่งของโสโครกคือ อุจจาระ ปัสสาวะ (มูตรคูถ) ทั้งปวง สิ่งที่ออกจากผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น ก็เรียกว่า ขี้ ทั้งหมด เช่น ขี้หัว ขี้เล็บ ขี้ฟัน ขี้ไคล เป็นต้น เมื่อสิ่งเหล่านี้ร่วงหล่นลงสู่อาหาร มีแกงกับ เป็นต้น ก็รังเกียจ ต้องเททิ้ง กินไม่ได้ และร่างกายนี้ต้องชำระอยู่เสมอจึงพอเป็นของดูได้ ถ้าหาไม่ก็จะมีกลิ่นเหม็นสาป เข้าใกล้ใครก็ไม่ไ
เล่าโดย น้องสาวประทับจิตน้อย หรอว ตว๋อ ฟอร์โมซาอัดโดยคุณแม่ของเธอ พีสาวประทับจิต(ต้นฉบับภาษาจีน)(เรื่องจริง)ฉันเกิดมาในฟอร์โมซาและตอนนี้อายุ 12 ขวบ ก่อนเกิดมาเป็นมนุษย์ฉันได้อาศัยอยู่ในโลกข้างบนครั้งหนึ่งฉันเห็นนางฟ้า เทวดาจํานวนหนึ่งกําลังเข้าแถวเพื่อมาเกิดเป็นลูกสุนัขที่สวยและสง่างาม ฉันอยากเป็นลูกสุนัขด้วยดังนั้นฉันจึงต่อแถวกับพวกเขา จากข้างบนฉันสามารถเห็นบ้านสุนัขจํานวนมากแออัดไปด้วยลูกสุนัขเกิดใหม่อยู่ข้างล่างนั่น และแถวของเทวดาที่กําลังลงไปอยู่ในร่างของพวกเขาเมื่อใกล้ถึงคิวฉัน ฉันได้เห็นเทวดาที่อยู่ก่อนหน้าฉันพร้อมที่จะกระโดดลงไปเป็นมอลทีสฉันอดไม่ได้ที่จะอุทานออกไปว่า "ยอดเยี่ยม! มอลทีส! นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากเป็น" แล้วเทวดาองค์นั้นจึงหยุดทันทีและพูดว่า "ดีล่ะ! ถ้างั้นให้คุณไปก่อน" ดังนั้นฉันจึงกระโดดลงไปด้วยความดีใจและกลายเป็นมอลทีสเมื่อฉันเข้าไปในร่างของลูกสุนัขครั้งแรก ฉันลืมตาไม่ได้ ฉันอยากดูดนมแต่ถูกลูกสุนัขตัวอื่นดันออกไปข้าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันไม่ได้อ่อนแอ ฉันจึงดันกลับไปหาแม่สุนัขของฉันและดูดนมแม่ ว้าว! มันอบอุ่นและหวาน อร่อยมากฉันเติบใหญ่อย่างช้า ๆ และสตรีผู้หนึ่งเอาฉันไปบ้านและเลี้ยงฉันไว้ในครัวของเธอ ซึ่งมีเตียงสุนัขแก้วนํ้า และชามอาหาร แต่เตียงสุนัขมีกลิ่นสุนัขตัวอื่น ฉันไม่กล้านอนที่นั้น ในอาณาเขตของสุนัขตัวอื่นฉันไม่ชอบอาหารที่คนดูแลฉันให้ฉันทาน เป็นเนื้อสัตว์ตลอด ซึ่งรู้สึกหนาว เธอสงสัยเสมอว่า "ผิดปกติอะไร?ทําไมเธอไม่ทาน?" ฉันฝืนใจทานเพียงเล็กน้อยเมื่อฉันกําลังจะอดตาย วันหนึ่งฉันปีนขึ้นไปบนเก้าอี้และกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะอาหาร ตรงนั้นฉันเห็นจานสลัด "ว้าว! สลัด วิเศษ!" ฉันเกือบจะกลืนทั่งจานลงไปก่อนที่คนดูแลฉันจะสังเกตเห็น เธอพาฉันลงจากโต๊ะอย่างรวดเร็วและให้สลัดที่เหลือแก่ฉัน หลังจากนั้นเธอก็ให้สลัดผักแก่ฉันบ่อย ๆสตรีผู้ดูแลฉันทํารูสุนัขไว้ที่ประตูหน้า ดังนั้นฉันจึงสามารถออกไปข้างนอกไปเล่นในสวนได้ เธอสอนวิธีลอดผ่านรูนั้นให้แก่ฉันและวิธีกลับเข้ามาข้างใน ตอนนี้ฉันสามารถเลือกที่จะเล่นในสวนหรือในบ้านได้ตามที่ฉันต้องการ แต่ละครั้งที่ฝนตก ฉันจะไปในสวนและกลิ้งในโคลนจนฉันเลอะโคลนไปทั่ว ผู้ดูแลฉันไม่ชอบมันเพราะเธอจะต้องอาบนํ้าให้ฉัน ดังนั้นในวันที่ฝนตก เธอจะใส่กุญแจรูสุนัขอย่างเร็ว ฉันได้แต่ร้องไห้เบาๆ อยู่รอบ ๆ เธอ ร้องขอให้เธอเปิดรูสุนัข ตอนแรกเธอปฏิเสธ แต่ในที่สุดก็ยอมให้และปล่อยให้ฉันกลิ้งไปมาในสวน ผู้ดูแลฉันพาฉันไปเดินบ่อย ๆ ก่อนขับถ่ายหรือปัสสวะ ฉันจะสูดดมรอบสนามหญ้าหากลิ่นสุนัขตัวอื่นถ้ามันถูกทําเครื่องหมายไว้โดยสุนัขอีกตัว ภาพนั้นจะปรากฏในจิตของฉันโดยธรรมชาติ ถ้ามันเป็นสุนัขตัวใหญ่ฉันจะไม่กล้าปัสสวะตรงนั้น ถ้าเป็นสุนัขตัวเล็กกว่า ฉันก็จะกล้า บางครั้งแขกมาที่บ้านของเราโดยไม่ได้คาดหมาย ท่ามกลางพวกเขามีเด็กชายตัวเล็กซึ่งคว้าหลังของฉันและขนอย่างทารุณ มันเจ็บจริง ๆ! และฉันเริ่มเห่าเมื่อผู้ดูแลฉันได้ยินเสียงฉัน เธอจะมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างรวดเร็ว และฉันจะรีบวิ่งไปยังอ้อมแขนเธอเพื่อขอความคุ้มครอง เมื่อเธอทําอะไรบางอย่างยุ่งอยู่ ฉันจะอยู่ใกล้ ๆ เธอและซ่อนตัวจากเด็ก ๆ ฉันเคยชอบเด็กมาก แต่กลายเป็นกลัวพวกเขาหลังจากเหตุการณ์นั่น ผู้ดูแลฉันทิ้งกองเสื้อผ้าที่แห้งแล้วไว้ที่ระเบียงบ่อย ๆ และฉันชอบคลานเข้าไปงีบหลับในกองเสื้อผ้ามาก ครั้งหนึ่งเธอกังวลมากเมื่อเธอคิดว่าฉันหายไปฉันต้องการที่จะเพิกเฉยต่อเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อยากให้เธอต้องกังวล ฉันจึงร้องออกมาอย่างอ่อนโยน 2-3 ครั้งเมื่อได้ยินเสียงฉัน เธอก็เข้ามาหาอย่างรวดเร็วและพูด "ที่รักตัวน้อย! เธออยู่นี่เอง ฉันกังวลมากเมื่อฉันหาเธอไม่เจอ" แล้วเธอก็ให้ฉันนั่งข้าง ๆ เธอและเริ่มพับเสื้อผ้าวันหนึ่งชายคนหนึ่งมาเยี่ยมเรา ผู้ดูแลฉันเตือนฉันล่วงหน้า "อย่ากัดเท้าเขานะ มันเหม็น!" ฉันไม่ใส่ใจคําแนะนําของเธอ แต่แม้แต่กัดแรก ฉันก็ทนมันไม่ได้และกลิ้งไปบนพื้นพร้อมกับเช็ดปากของฉันกับพรม ฉันวิ่งไปทั่วกัดทุกสิ่งทุกอย่างอย่างบ้าคลั่งเพื่อกําจัดกลิ่นเหม็นสกปรกนั้น ผู้ดูแลฉันมองที่ฉันและหัวเราะ เธอบอกให้ฉันรีบไปดื่มนํ้า ฉันต้องดื่มนํ้าเยอะมากและทานอาหารเยอะมากก่อนที่กลิ่นนั้นจะทุเลาลงในที่สุด นั่นทําให้ฉันไม่กัดเท้ามนุษย์อีกเลยวันหนึ่งฉันวางแผนจะละทิ้งร่างกายและโลกนี้ตอนที่ผู้ดูแลฉันไม่อยู่บ้าน แต่เธอกลับมาบ้านเร็วและเห็นฉันกําลังตาย เธอกอดฉันไว้ใกล้ชิดในอ้อมแขน ฉันละทิ้งร่างกายในรูปสุนัขอย่างช้า ๆ ทันทีทันใดฉันก็เปลี่ยนเป็นนางฟ้าตัวใหญ่เท่าผู้ดูแลฉัน ฉันปรับแรงสั่นสะเทือนของฉันให้เข้ากับของผู้ดูแลอย่างน่าประหลาดใจ เธอสามารถมองเห็นฉัน เธอตกใจและฉันก็เช่นกัน ฉันพบว่าเธอไม่ทราบว่าเธอกําลังเห็นอะไร ดังนั้นฉันจึงเปลี่ยนกลับไปเป็นสุนัขอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกระดิกหางและให้เธอเห็นว่าฉันน่ารักเธอเข้าใจในทันทีและโบกมือลาฉันอย่างมีความสุข เพื่อน ๆ ของเธอมองไม่เห็นฉัน พวกเขางุนงงที่เห็นเธอดูเศร้าในทันที แล้วก็มีความสุขและโบกมือในอากาศ ฉันบอกลาเธอและทะยานขึ้นกลับสู่โลกเบื้องบนอย่างรวดเร็วก่อนที่แม่ของฉันจะมายังโลก เธอจําเป็นต้องหาตัวตนที่เหมาะสมที่จะเป็นลูกในอนาคตของเธอเพื่อช่วยให้เธอเรียนรู้บทเรียน เธอได้ขอความช่วยเหลือและนางฟ้าเทวดาจํานวนมากมาช่วย แต่ไม่ตรงกับความต้องการของเธอ เมื่อฉันมา เธอจึงขอฉันด้วยความจริงใจให้ช่วยเธอเรียนรู้บทเรียนของเธอดังนั้นฉันจึงเห็นด้วย ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เธอลงมายังโลก บางครั้งฉันลงไปเยี่ยมแม่ในอนาคตของฉันและพบว่าเธอยังเด็กมาก ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่เกิดเป็นสุนัขก่อน โดยคร่าว ๆ ช่วงชีวิตของสุนัขนั้นตรงกันกับระยะเวลาที่แม่ต้องใช้ในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่นางฟ้าองค์หนึ่งทราบว่าฉันจะไปเกิดบนโลกและร้องขอที่จะเป็นสุนัขของฉัน แน่นอน ฉันพูดว่า"ตกลง!" ข่าวนี้แพร่กระจายไป นางฟ้ากว่า 12 องค์ขอที่จะเป็นสุนัขของฉัน ฉันพูดว่าได้เพียงแค่กับนางฟ้าไม่กี่คนแรกวันหนึ่งตอนที่ฉันกําลังคุยกับนางฟ้าจํานวนหนึ่งในโลกข้างบน มีข่าวมาว่าอาจารย์ชิงไห่กําลังจะแสดงเต้นรํา! ทุกคนรีบไปพบอาจารย์ชิงไห่ ทันทีทันใดท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยชาวสวรรค์ ฉันบินไปใกล้โลกมากขึ้นและมองลงมาจากเมฆ หลังจากสักครู่เทวดาองค์หนึ่งได้บินมาและบอกฉันว่า"รีบหน่อย! รีบหน่อย! มันถึงเวลาของคุณต้องไปเกิดแล้ว!"ฉันพูดว่า "เราจะรออีกสักแป๊บไม่ได้หรือ? ฉันยังดูไม่พอ" เทวดาองค์นั้นพูดว่า "ไม่ได้! ไม่ได้! คุณจะต้องรีบ!"ฉันไม่มีทางเลือก แต่ต้องไปยังสถานที่ของพระเจ้ากับเขาพระเจ้านั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์พร้อมกับทูตสวรรค์ชั้นผู้ใหญ่อยู่แต่ละข้าง พระเจ้าบอกให้ฉันเลือกจุดอ่อนสําหรับชีวิตมนุษย์ของฉัน ฉันเกียจคร้านเกินไปที่จะเลือกอันใด แต่พระเจ้าพูดว่า"ไม่มีทางเลือก! มีเพียงอาจารย์ที่รู้แจ้งเท่านั้นที่ไม่จําเป็นต้องเลือกจุดอ่อนใด ๆ" ฉันจึงพูดอย่างไร้เดียงสาว่า"ถ้าเช่นนั้น ฉันจะเป็นอาจารย์ที่รู้แจ้ง" พระเจ้าตอบว่า "ไม่ได้! นั่นเป็นงานที่หนักและยากที่จะเป็นอาจารย์ที่รู้แจ้งเจ้ามีภารกิจที่ต้องทําให้สําเร็จ ข้าจะให้เจ้าจําสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้ แต่เจ้าจะจําไม่ได้ว่าภารกิจของเจ้าคืออะไร"ดังนั้นฉันจึงเริ่มเลือกจุดอ่อนของฉัน ฉันเลือกมากมายจนทูตสวรรค์ชั้นผู้ใหญ่เตือนฉันว่า"คุณไม่เลือกมากเกินไปแล้วหรือ?" ฉันจึงลบจุดอ่อนบางอย่างออกอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น ฉันกระโดดจากหลุมข้าง ๆ ฉันลงมาและเข้าไปอยู่ในร่างของทารกในทันที ขณะนั้นศีรษะของฉันกําลังโผล่ออกมาจากครรภ์มารดา อากาศหนาวและแสงสว่างแรงกล้า ฉันรู้สึกอึดอัดมากและอยากกลับไปอยู่ในร่างกายของแม่ซึ่งอบอุ่นและมีแสงที่อ่อนโยน ในที่สุดฉันก็เกิดมาในโลกนี้ในขณะนั้นฉันคิดว่า "นี่คือสิ่งที่โลกมนุษย์เป็นหรือ?" ฉันประท้วงเสียงดัง "ทําไมแสงสว่างรุนแรงมากและอากาศหนาวมาก?" แต่ทั้งหมดนั้นออกมาเป็นเสียงร้องไห้ "แว๊! แว๊! แว๊!" ฉันคิดว่าการประท้วงนั้นไม่เป็นผล ฉันจึงหยุดร้องไห้ระหว่างที่ฉันเติบโตขึ้นในโลก ฉันสามารถจดจําสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ได้ แต่ฉันเล่าแต่กับแม่เท่านั้นตอนที่เราคุยกันเมื่อไม่นานนี้ วันนี้ฉันมีชีวิตที่มีความสุขและเข้ากันได้ดีกับพ่อแม่ของฉัน น้องชายของฉันและสุนัขของฉัน ฉันหวังว่าหลังจากอ่านเรื่องนี้ ทุก ๆ คนจะรักสัตว์เหมือนที่พวกเขารักครอบครัวของเขาเองwww.godsdirectcontact-thai.org
โดยพี่ชายประทับจิต ริชาร์ด ดีเมทเทรียสทัสมาเนีย ออสเตรเลีย (ต้นฉบับภาษาอังกฤษ)จากคนงามและเหตุการณ์งดงาม หน้า 22ธรรมสารอนุตราจารย์ ฉบับที่ 171ในการประกาศที่น่าทึ่งต่อโลกเมื่อเร็วๆ นี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชายผู้ร่ำรวยเป็นอันดับ 2 ของโลกได้กล่าวว่าเขาจะมอบเงินจำนวน 37,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ฯ(ประมาณ 1,220,000 ล้านบาท) จากเงิน 44,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ฯ (ประมาณ 1,450,000 ล้านบาท) ของเขาใหแก่มูลนิธิการกุศลของบิล เกทส์ ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก บิล เกทส์ ได้ก่อตั้งมูลนิธิด้วยเป้าหมาย คือ "การต่อสู้โรคภัยไข้เจ็บและส่งเสริมการศึกษา" ในประเทศที่ยากจนที่สุดและด้อยโอกาสที่สุดในโลก โดยเฉพาะในแอฟริกา การประกาศของนายบัฟเฟตต์เกิดขึ้นได้ไม่นานนักหลังจากเกทส์ได้กล่าวว่า เขาจะสละบทบาทของเขาในฐานะหัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ที่ไมโครซอฟท์ เพื่อจะเอาใจจดจ่อกับเป้าหมายของมูลนิธิการกุศลของเขาอย่างสมบูรณ์เมื่อถูกถามว่า ทำไมเขาจึงมอบเงินส่วนใหญ่ของเขาให้กับมูลนิธิ บัฟเฟตต์ได้รับความเคารพนับถืออย่างมาก เขากล่าวว่า "ใครล่ะที่จะไม่เลือกไทเกอร์ วูด มาแทนเขาในการแข่งขันกอล์ฟ ซึ่งมีเงินเดิมพันสูง? นั่นคือ ความรู้สึกที่ผมมีในการตัดสินใจกับเงินของผม"เกทส์และบัฟเฟตต์ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปี 2534 ทั้ง 2 คนรู้จักกันและกันเป็นอย่างดี ดังนั้นการตัดสินใจนี้จึงอยู่บนพื้นฐานแห่งความรู้และความนับถือซึ่งกันและกัน เหนือสิ่งอื่นใดมันมาจากความปรารถนาอย่างลึกๆ ที่จะช่วยเหลือโลกให้เข้าสู่สภาพความสมดุลและความกลมเกลียวสามัคคี ความปรารถนานี้กำลังเป็นที่แพร่หลายในโลกทุกวันนี้ เมื่อจิตสำนึกทางจิตวิญญาณของโลกนี้ได้ถูกระดับให้สูงขึ้น และผู้อาศัยในโลกก็มีความโลภน้อยลง ความเห็นแก่ตัวน้อยลง มันเหมาะเจาะพอดีขณะที่เราเข้าสู่ยุคทองตามที่ท่านอาจารย์ของเราได้บรรยายไว้ว่า บุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก 2 คนกำลังบริจาคเงินส่วนใหญ่ของเขาและเวลาให้กับงานที่สูงส่ง![]()
บิล เกทส์ บัฟเฟตต์บิล เกทส์ และภรรยาของเขาได้จัดการมูลนิธิของพวกเขาด้วยตัวเอง และได้เดินทางไปประเทศต่างๆ ในแอฟริกาเพื่อทำพันธกิจนี้ เงื่อนไขข้อหนึ่งที่นายบัฟเฟตต์ได้วางไว้เกี่ยวกับของขวัญนี้ก็คือ เกทส์หรือภรรยาของเขาจะต้องเกี่ยวข้องจัดการมูลนิธิด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเครื่องหมายอีกอย่างหนึ่งของของขวัญจากหัวใจ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลก จึงกำลังเปลี่ยนจากความมั่งคั่งส่วนตัว สู่การกระทำแห่งความรักและความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย...........www.suprememastertv.com
จากธรรมสารอนุตราจารย์ชิงไห่ ฉบับที่ 170
เรื่องคนงดงามและเหตุการณ์งดงามหน้า 26
โดยกลุ่มข่าวฟลอริด้า(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2549 บิล เกทส์ ในวัย 50 ปี ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกได้ประกาศว่า เขาจะลาออกจากงานที่บริษัทไมโครซอฟท์และอุทิศตนให้กับมูลนิธิเกทส์ ซึ่งเป็นกองทุนการกุศลที่บริหารโดยบิดาและภรรยาของเขาเอง การประกาศครั้งนี้สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาได้กล่าวแก่ผู้ที่ยังสงสัยว่า "ด้วยความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ก็ตามมา ด้วยการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด"
นับตั้งแต่เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิเมื่อ 10 ปีก่อน เกทส์ได้แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมใหม่ในการบริจาคเงิน แทนที่จะมอบเงินในนามตัวเองผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างคนที่ร่ำรวยส่วนมากทำกัน เกทส์ได้มอบกองทุน 70% ของเขาโดยตรงให้แก่ความพยายามบรรเทาทุกข์ทั่วโลก เช่น การต่อสู้โรคภัยไข้เจ็บในแอฟริกา คำขวัญของมูลนิธิคือ "ทำตามความเชื่อที่ว่า ทุกชีวิตนั้นมีคุณค่าเท่าเทียมกัน " มูลนิธิบิลและเมริด้าเกทส์ทำงานเพื่อลดความไม่เท่าเทียมกันและพัฒนาคุณภาพชีวิตทั่วโลก
ความมุ่งมั่นในผลสัมฤทธิ์ของเกทส์ในทำการกุศล ดูได้จากการที่ได้รับเชิญร่วมงานทางด้านสาธารณสุข เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบส์กินได้กล่าวว่า " ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำให้มนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาว หากเราไม่สามารถผลิตวัคซีนป้องกันไข้มาลาเรียได้" แต่บิลกลับกล่าวว่า "ไม่ ขอโอกาสให้เราได้ทำซิ เราสามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้"
มูลนิธิเกทส์เป็นมูลนิธิเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยจำนวนเงินทุนที่มีมหาศาลมากกว่าความช่วยเหลือจากต่าง ประเทศของหลายๆ ชาติแค่เงินบริจาคให้แก่งานด้านสาธารณสุขเพียงอย่างเดียวก็มีจำนวนมากพอๆกับขององค์การอนามัยโลกแล้ว
มูลนิธินี้ได้บริจาคเงินจำนวนครึ่งหนึ่งของกองทุนโลกให้กับการพัฒนาตัวยาใหม่ๆ เพื่อต่อสู้กับโรค เช่น มาลาเรีย และวัณโรค เมื่อเร็วๆ นี้มูลนิธิได้บริจาคเงินจำนวน 1,500 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 48,600 ล้านบาท)เพื่อการช่วยเหลือเด็ก
เกทส์ได้ช่วยนำการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาสู่โลกด้วยการกำจัดโรคร้ายและความยากจนในแอฟริกา เพื่อยกย่องในสิ่งนี้ เขาจึงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระราชินีอลิซาเบ็ธเมื่อปีที่แล้ว รางวัล "โนเบล ไพร์ซ สเปน" (รางวัลเจ้าชายแห่งแอสตูเรียส์สำหรับองค์การระดับสากล) ในเดือนพฤษภาคม 2549 เขาและภรรยายังได้รับการให้เป็น "บุคคลแห่งปี" ในปี 2548 จากนิตยสารไทม์
ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับบิลเกทส์
เกทส์ได้ถูกขนานนามในบางครั้งว่าเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุดในโลก สมัยอยู่มัธยมเขาได้ก่อตั้งบริษัทซึ่งขายระบบข้อมูลด้านคมนาคมให้แก่รัฐบาล ต่อมาตอนอยู่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาได้สร้างซอฟท์แวร์สำหรับฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชิ้นแรกขึ้น (PC) ซึ่งยังใช้งานไม่ได้ในเวลานั้น แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้สร้างโปรเซสเซอร์ชิพอันแรกออกมา เขาจึงได้ลาออกจากฮาร์วาร์ดเพื่อมาตั้งบริษัทไมโครซอฟท์เมื่อมีอายุได้เพียง 20 ปี
เขากลายเป็นตำนานของไมโครซอฟท์ ด้วยพลังการขับเคลื่อนทางจิตใจของเขา เขาทำงานกับคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องในเวลาเดียวกัน ส่งอีเมล์วันละ 100 ฉบับ และรับอีเมล์วันละ 4,000,000 ฉบับ เขาได้รับการขนานนามว่า "นักส่งโฆษณาทางอีเมล์มากที่สุดในโลก" ทุกๆ ปีในฐานะประธานบริษัทไมโครซอฟท์ เขาไปพักร้อนตลอดสัปดาห์ภายในป่า ซึ่งใช้เฮลิคอปเตอร์เข้าไปถึงได้เท่านั้น เพื่ออ่านเอกสารทางด้านเทคนิคนับร้อยๆ แผ่นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต
เมื่อเขาออกจากไมโครซอฟท์ เขาจะมีผู้บริหาร 3 คนเข้ามาแทน แต่กลับไม่มีใครเลยสักคนที่จะเข้าใจถ่องแท้ในเทคโนโลยีตั้งแต่ระดับซอฟท์แวร์โค๊ด จนถึงระดับการเงินของทั่วโลก
เขากลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกในช่วง 12 ปีที่ผ่านมาณ จุดสูงสุดของชะตาชีวิตของเขา (ก่อนที่เขาจะเริ่มบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อการกุศล) เขามีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งแสนล้านเหรียญ (ประมาณ 3.26 ล้านล้านบาท)
ซึ่งนับเป็นเศรษฐีแสนล้านคนแรกของโลก
เขาอาศัยอยู่ใน "บ้านอัจฉริยะ" ในขณะที่ก่อสร้าง เขามีความห่วงใยอย่างมากเกี่ยวกับการอนุรักษ์ต้นไม้เก่าแก่ที่อยู่ติดถนนใหม่ที่เข้าบ้านของเขา ปัจจุบันต้นไม้นี้ได้รับการดูแลโดยศูนย์บัญชาการคอมพิวเตอร์ไมโครซอฟท์ซึ่งควบคุมการให้น้ำแก่มัน
เขาเป็นนักมังสวิรัติ 2-3 ปี ในช่วงปี 2523
supremsmastertv.com....
มหัศจรรย์ของอาจารย์ความหมายที่แท้จริงของการเกิดในอีกโลกหนึ่ง31 สิงหาคม 2559 (2016)รายงานโดยสมาชิกสมาคมจากประเทศจีน (ต้นฉบับภาษาจีน)มีนาคม ปีทองที่ 13 พ.ศ.2559 (2016)เรื่องราวจากธรรมสาร ฉบับ 214(อาจารย์พูดบางส่วน) เผยแพร่ภาษาไทย 11 ส.ค.61คุณป้าหม่าได้จากไปเมื่อต้นเดือนมกราคม 2558 (2015) ขณะที่อายุ 74 ปี หลังจากป่วยหนักมากว่า 1 ปี แม้กระทั่งบั้นปลายของชีวิตของเธอ คุณป้าหม่าก็ยังไม่เต็มใจที่จะรับการรักษาแบบฉุกเฉินที่โรงพยาบาล เธอเป็นวีแกนและบำเพ็ญสมาธิวิถีกวนอิมมากว่า 10 ปี และเธอมีความศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ต่อท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ เธอรู้ว่าเธอควรทำอะไรและเธอต้องการอะไรในท้ายที่สุด ดังนั้นเธอบอกกับลูกๆ ของเธอว่า เธออยากให้สมาชิกสมาคมของเราดูแลทุกสิ่งหลังจากที่เธอจากไป ดีที่ลูกๆ ของเธอเคารพความปรารถนาของมารดาและทำให้มันเป็นไปได้สำหรับสมาชิกสมาคมของเราที่จะทำสมาธิข้างๆ คุณป้าหม่าจนวาระสุดท้ายเมื่อคุณป้าหม่าจากไปแล้ว ลูกสาวคนสุดท้องของเธอผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับมารดามากที่สุดเกี่ยวกับความศรัทธาของมารดาของเธอ ได้เห็นดอกบัว 2 ดอกออกมาจากวิญญาณของมารดาเธอผ่านทางตาปัญญาของมารดาของเธอและแสงที่พวยพุ่งจากหูข้างขวาของมารดาของเธอ เธอได้เห็นพระโพธิสัตว์กวนอิมมาพามารดาของเธอไป ลูกสาวคนสุดท้องของคุณป้าหม่าบอกกับญาติคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ มารดาของเธออย่างสงบว่า มารดาของเขาได้จากไปแล้วและได้ถูกพาไปโดยพระโพธิสัตว์กวนอิม เพียงเท่านั้นผู้คนก็ได้ตระหนักว่าคุณป้าหม่าซึ่งใบหน้าของเธอเป็นสีชมพูและดูราวกับว่าเธอนอนหลับอยู่ ได้จากไปอย่างสุขสงบในวันฌาปนกิจศพ น้องสาวของคุณป้าหม่าได้เห็นว่าประตูสวรรค์ถูกเปิดกว้าง และคุณป้าหม่าได้ลงมาพร้อมกับนางฟ้ามากมายเพื่อนำดวงวิญญาณที่ยังคงอยู่ของเหล่าผู้ที่กำลังถูกฌาปนกิจทั้งหลายไปพร้อมกับพวกเขา ไม่มีแม้ดวงวิญญาณเดียวของเหล่าผู้ที่กำลังถูกฌาปนกิจในวันนั้นตกลงสู่ภูมิต่ำ หลังจากร่างของคุณป้าหม่าได้ถูกฌาปนกิจแล้ว ลูกๆของเธอได้พบพระธาตุในเถ้าของเธอกว่า 20 ชิ้น เป็นผลให้ความโศกเศร้าของลูกๆ ของเธอหายไป พวกเขารู้สึกเป็นสุขมากและเข้าใจอย่างแท้จริงว่าการไปเกิดในอีกโลกหนึ่งหมายถึงอะไรครอบครัวของคุณป้าหม่าได้เชิญสมาชิกสมาคมท้องถิ่นของเราอย่างจริงใจไปรับประทานอาหารกับพวกเขาที่ร้านอาหารวีแกน เพื่อแสดงความขอบคุณต่อสมาชิกสมาคมของเราที่เอาใจใส่ ที่ไปเยี่ยมเยียนขณะที่คุณป้าหม่าป่วยอยู่ และเพื่อขอบคุณพวกเขาที่ทำสมาธิในช่วง 2-3 วันสุดท้ายของชีวิตคุณแม่พวกเขาเพื่อกล่าวคำอำลา ลูกๆ คุณป้าหม่ายังได้บริจาคเงิน 7,000 หยวนจีน เพื่อมอบอาหารวีแกนให้แก่ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย
พระธาตุของคุณป้าหม่าจาก www.suprememastertv.com