19 มีนาคม 2550 08:37 น.
				
												
				
								แมงกุ๊ดจี่
		
					
				
 ๑.อ้อมอกอุ่นลูกยังจำสัมผัส
แม่กอดรัดอบอุ่นละมุมเหลือ
ความอ่อนโยนโอบไว้ใจเอื้อเฟื้อ
ไม่เคยเบื่ออ้อมกอดอุ่นที่คุ้นเคย...
๒.ยามอ่อนแอมีน้ำตาคราหม่นหมอง
แขนทั้งสองเปิดรับไว้ไม่เมินเฉย
เอื้ออาทรด้วยรอยยิ้มกริ่มอย่างเคย
มิละเลยปล่อยลูกคว้างอย่างเดียวดาย...
๓.ยามพบปัญหาอุปสรรคหนักหนา
คอยสอนว่า  "เรื่องเล็ก เด็กจะตาย
แค่ปัญหาน้อยนิดอย่าคิดหน่าย
อย่าคิดพ่ายแพ้แก่โชคชะตา...
๔.ให้เจ้าจงกล้าก้าวเท้าไปต่อ
อย่าทดท้อเข้มแข็งแกร่งเถิดหนา
ขอเจ้าจงจดจำมั่นคำมารดา
ใช้ปัญญา   ไตร่ตรองมองหนทาง...
๕.หากวันหน้าต่อไปไม่มีแม่
เจ้าจงแก้ปัญหาอย่าเคว้งคว้าง
จงต่อสู้อุปสรรคหนักในทาง
จงก้าวอย่าง   ส ง่ า ง า ม   ตามวิถี..."
๖.ไม่มีแล้วอ้อมอกอุ่นละมุนใจ
แม่จากไป....ไกลลับนับสี่ปี
ไม่มีแล้วแววตาเอื้ออารี
เหลือลูกนี้...ยืนสู้อยู่ลำพัง...
๗.ในวันนี้ลูกเมื่อยใจเหนื่อยล้า
ลูกไม่กล้าไปต่อท้อหมดหวัง
เหมือนหัวใจแกร่งกล้าล้ากำลัง
สิ่งปลูกฝัง...ไม่ปลุกให้ลุกเดิน...
๘.อยากสัมผัสอ้อมกอดแม่แค่เพียงครั้ง
เพื่อปลุกปลอบมอบพลังหวังเผชิญ
ให้ลูกสาวก้าวไปไม่ขัดเขิน
พร้อมเผชิญ...อุปสรรคตามหลักกรรม...
๙.ตากลมห่มฟ้าตาจ้องมองดาว
ใจลูกสาว...เหมือนมืดมิดสนิทดำ
มองรอบทิศมืดสนิทในคืนค่ำ
ใจระส่ำ...เคว้งคว้างไร้ร้างฝัน..
๑๐.ยืนเหม่อมองท้องฟ้าดาราสวย
แม่โปรดช่วย...โอบล้อมพร้อมห่มขวัญ
ให้ลูกน้อย...มองเห็นทางสร้างชีวัน
กล้าบุกบั่น...เพื่ออนาคตอันงดงาม...
๑.อ้อมอกอุ่นลูกยังจำสัมผัส
แม่กอดรัดอบอุ่นละมุมเหลือ
ความอ่อนโยนโอบไว้ใจเอื้อเฟื้อ
ไม่เคยเบื่ออ้อมกอดอุ่นที่คุ้นเคย...
๒.ยามอ่อนแอมีน้ำตาคราหม่นหมอง
แขนทั้งสองเปิดรับไว้ไม่เมินเฉย
เอื้ออาทรด้วยรอยยิ้มกริ่มอย่างเคย
มิละเลยปล่อยลูกคว้างอย่างเดียวดาย...
๓.ยามพบปัญหาอุปสรรคหนักหนา
คอยสอนว่า  "เรื่องเล็ก เด็กจะตาย
แค่ปัญหาน้อยนิดอย่าคิดหน่าย
อย่าคิดพ่ายแพ้แก่โชคชะตา...
๔.ให้เจ้าจงกล้าก้าวเท้าไปต่อ
อย่าทดท้อเข้มแข็งแกร่งเถิดหนา
ขอเจ้าจงจดจำมั่นคำมารดา
ใช้ปัญญา   ไตร่ตรองมองหนทาง...
๕.หากวันหน้าต่อไปไม่มีแม่
เจ้าจงแก้ปัญหาอย่าเคว้งคว้าง
จงต่อสู้อุปสรรคหนักในทาง
จงก้าวอย่าง   ส ง่ า ง า ม   ตามวิถี..."
๖.ไม่มีแล้วอ้อมอกอุ่นละมุนใจ
แม่จากไป....ไกลลับนับสี่ปี
ไม่มีแล้วแววตาเอื้ออารี
เหลือลูกนี้...ยืนสู้อยู่ลำพัง...
๗.ในวันนี้ลูกเมื่อยใจเหนื่อยล้า
ลูกไม่กล้าไปต่อท้อหมดหวัง
เหมือนหัวใจแกร่งกล้าล้ากำลัง
สิ่งปลูกฝัง...ไม่ปลุกให้ลุกเดิน...
๘.อยากสัมผัสอ้อมกอดแม่แค่เพียงครั้ง
เพื่อปลุกปลอบมอบพลังหวังเผชิญ
ให้ลูกสาวก้าวไปไม่ขัดเขิน
พร้อมเผชิญ...อุปสรรคตามหลักกรรม...
๙.ตากลมห่มฟ้าตาจ้องมองดาว
ใจลูกสาว...เหมือนมืดมิดสนิทดำ
มองรอบทิศมืดสนิทในคืนค่ำ
ใจระส่ำ...เคว้งคว้างไร้ร้างฝัน..
๑๐.ยืนเหม่อมองท้องฟ้าดาราสวย
แม่โปรดช่วย...โอบล้อมพร้อมห่มขวัญ
ให้ลูกน้อย...มองเห็นทางสร้างชีวัน
กล้าบุกบั่น...เพื่ออนาคตอันงดงาม...
				
			 
			
				15 มีนาคม 2550 16:18 น.
				
												
				
								แมงกุ๊ดจี่
		
					
				
 ความรู้สึกพิเศษไร้เหตุผล
คนหนึ่งคนสร้างความหวามไหว
เหมือนได้พบคู่แท้..เริ่มแน่ใจ
เหมือนคนใน..นิยามเคยตามหา...
มีเพียงแค่หนึ่งเดียวอยากเกี่ยวก้อย
พร้อมจะรอคอย..แม้ด้อยในวาสนา
คือหนึ่งเดียว..มอบรัก..ภักดิ์ชีวา
ในปรารถนา..คงมั่น..นิรันดร...
ยังคอยส่งกำลังใจไปห่วงหา
รักศรัทธา..ห่วงใย..ไม่สั่นคลอน
เหมือนเคยฮักมาแน่แต่ชาติก่อน
มิอาจถอน..รู้สึก..ส่วนลึกตน...
แต่ข้างในหัวอกสั่นหวั่นไหว
กลัวพบใครคนใหม่แล้วล่องหน
กลัวจะเอ่ยคำลาน้องหน้ามน
ปล่อยหมองหม่น..กับหวัง..ที่พังเพ...
ความรู้สึกพิเศษไร้เหตุผล
คนหนึ่งคนสร้างความหวามไหว
เหมือนได้พบคู่แท้..เริ่มแน่ใจ
เหมือนคนใน..นิยามเคยตามหา...
มีเพียงแค่หนึ่งเดียวอยากเกี่ยวก้อย
พร้อมจะรอคอย..แม้ด้อยในวาสนา
คือหนึ่งเดียว..มอบรัก..ภักดิ์ชีวา
ในปรารถนา..คงมั่น..นิรันดร...
ยังคอยส่งกำลังใจไปห่วงหา
รักศรัทธา..ห่วงใย..ไม่สั่นคลอน
เหมือนเคยฮักมาแน่แต่ชาติก่อน
มิอาจถอน..รู้สึก..ส่วนลึกตน...
แต่ข้างในหัวอกสั่นหวั่นไหว
กลัวพบใครคนใหม่แล้วล่องหน
กลัวจะเอ่ยคำลาน้องหน้ามน
ปล่อยหมองหม่น..กับหวัง..ที่พังเพ...				
			 
			
				12 มีนาคม 2550 08:36 น.
				
												
				
								แมงกุ๊ดจี่
		
					
				
 สายลมเงียบเรียบเฉยล่วงเลยผ่าน
ก้องกังวานความรู้สึกส่วนลึกน้อง
สบสองเนตร...เฉยชาน้ำตานอง
ยากประคองขื่นข่ม...ระทมขวัญ...
มอบสัมผัสแห่งใจไปแนบเคียง
หวังใจเพียง...รับรู้...พธูหวั่น
เสียงหัวใจร่ำร้องดั่งกลองลั่น
หัวอกสั่น...มิพูด...พิสูจน์ใด...
ป้อมปราการความรักทิฐิกั้น
เกินบุกบั่น...ก้าวล่วงสู่ห้วงใจ
ได้แต่เงียบ...เก็บงำถ้อยคำไว้
หากเผยความในกลัวไม่รับฟัง...
เนิ่นนานวันความเงียบยังเรียบเฉย
ถูกละเลยน้ำตารินเหมือนสิ้นหวัง
เหตุใดจึงปล่อยคว้างกลางภวังค์
คล้ายถูกขัง...ในคุก...ทุกข์เข้าครอง...
หากแม้นมิเชื่อใจในซื่อสัตย์
น้องขอวัด!...ค่ารัก...จักสนอง
ปลิดชีพนี้...บูชารักค่าดั่งทอง
ปลดปล่อยล่องอีกภพ "จบนิรันดร์"
Forward :ปราการแห่งทิฐิ   จากน้องเอม   ทะเลใจ
สายลมเงียบเรียบเฉยล่วงเลยผ่าน
ก้องกังวานความรู้สึกส่วนลึกน้อง
สบสองเนตร...เฉยชาน้ำตานอง
ยากประคองขื่นข่ม...ระทมขวัญ...
มอบสัมผัสแห่งใจไปแนบเคียง
หวังใจเพียง...รับรู้...พธูหวั่น
เสียงหัวใจร่ำร้องดั่งกลองลั่น
หัวอกสั่น...มิพูด...พิสูจน์ใด...
ป้อมปราการความรักทิฐิกั้น
เกินบุกบั่น...ก้าวล่วงสู่ห้วงใจ
ได้แต่เงียบ...เก็บงำถ้อยคำไว้
หากเผยความในกลัวไม่รับฟัง...
เนิ่นนานวันความเงียบยังเรียบเฉย
ถูกละเลยน้ำตารินเหมือนสิ้นหวัง
เหตุใดจึงปล่อยคว้างกลางภวังค์
คล้ายถูกขัง...ในคุก...ทุกข์เข้าครอง...
หากแม้นมิเชื่อใจในซื่อสัตย์
น้องขอวัด!...ค่ารัก...จักสนอง
ปลิดชีพนี้...บูชารักค่าดั่งทอง
ปลดปล่อยล่องอีกภพ "จบนิรันดร์"
Forward :ปราการแห่งทิฐิ   จากน้องเอม   ทะเลใจ				
			 
			
				9 มีนาคม 2550 16:26 น.
				
												
				
								แมงกุ๊ดจี่
		
					
				
 บรรจงนำความรักมาถักร้อย
เป็นสายสร้อยคล้องไว้ในวงแขน
มอบให้คุณด้วยรักที่หนักแน่น
เพื่อมอบแทนความรักและภักดี....
ความรักจากใจจริงหญิงคนหนึ่ง
มอบตราตรึงอย่าได้หน่ายหนี
คือบรรณาการหัวใจนำมาพลี
รักล้นปรี่...มอบไว้....ให้ผู้เดียว...
นำสายสร้อยร้อยรักด้วยหนักแน่น
ส่งคล้องแขนแทนใจไว้แน่นเหนียว
มอบความภักดิ์รักแท้แน่จริงเจียว
เพียงหนึ่งเดียว...หมายหมั้นนิรันดร...
สัญญามั่นมอบไว้แน่มิแปรผัน
เป็นนิรันดร์...แน่จริงดั่งสิงขร
มอบความรักพักพิงอิงแน่นอน
มิจากจร...ห่างไกล...ในสักวัน....
บรรจงนำความรักมาถักร้อย
เป็นสายสร้อยคล้องไว้ในวงแขน
มอบให้คุณด้วยรักที่หนักแน่น
เพื่อมอบแทนความรักและภักดี....
ความรักจากใจจริงหญิงคนหนึ่ง
มอบตราตรึงอย่าได้หน่ายหนี
คือบรรณาการหัวใจนำมาพลี
รักล้นปรี่...มอบไว้....ให้ผู้เดียว...
นำสายสร้อยร้อยรักด้วยหนักแน่น
ส่งคล้องแขนแทนใจไว้แน่นเหนียว
มอบความภักดิ์รักแท้แน่จริงเจียว
เพียงหนึ่งเดียว...หมายหมั้นนิรันดร...
สัญญามั่นมอบไว้แน่มิแปรผัน
เป็นนิรันดร์...แน่จริงดั่งสิงขร
มอบความรักพักพิงอิงแน่นอน
มิจากจร...ห่างไกล...ในสักวัน....				
			 
			
				8 มีนาคม 2550 10:42 น.
				
												
				
								แมงกุ๊ดจี่
		
					
				
 สายลมร้อนพัดพลิ้วผิวกายผ่าว
สัมผัสราวเปลวไฟฟอนร้อนแรง
กางสองแขนแหงนหน้ารับท้าแสง
อยู่กลางแจ้งด้วยจิตอันอิดโรย....
แล้วหลับตารับรู้สู่สัมผัส
ปล่อยลมพัดกรรโชกมาโบกโชย
ยินสัมผัสเพียงเสียงใบไม้โปรย
ความรู้สึกโหยอ่อนจังผ่อนปรน....
น้ำตารินไหลนองเปื้อนสองแก้ม
อยากเผยแย้มรอยยิ้มรับความสับสน
ในโลกกว้างได้ยินเพียงเสียงตน
ร้างผู้คน...ร่วมบรรเลงในเพรงกาล..
อยากปิดตาพักผ่อนเพื่อนอนหลับ
มิเปิดรับสิ่งใดให้ร้าวฉาน
ปิดเปลือกตาไว้ให้ยาวนาน
กี่รัตติกาล...มิตื่น...ฟื้นชีวา...
สายลมร้อนพัดพลิ้วผิวกายผ่าว
สัมผัสราวเปลวไฟฟอนร้อนแรง
กางสองแขนแหงนหน้ารับท้าแสง
อยู่กลางแจ้งด้วยจิตอันอิดโรย....
แล้วหลับตารับรู้สู่สัมผัส
ปล่อยลมพัดกรรโชกมาโบกโชย
ยินสัมผัสเพียงเสียงใบไม้โปรย
ความรู้สึกโหยอ่อนจังผ่อนปรน....
น้ำตารินไหลนองเปื้อนสองแก้ม
อยากเผยแย้มรอยยิ้มรับความสับสน
ในโลกกว้างได้ยินเพียงเสียงตน
ร้างผู้คน...ร่วมบรรเลงในเพรงกาล..
อยากปิดตาพักผ่อนเพื่อนอนหลับ
มิเปิดรับสิ่งใดให้ร้าวฉาน
ปิดเปลือกตาไว้ให้ยาวนาน
กี่รัตติกาล...มิตื่น...ฟื้นชีวา...