16 มิถุนายน 2551 18:14 น.

คำปลอบขวัญ

แมงกุ๊ดจี่

1170154161.jpgฟ้าครึ้ม ๆ  วันนี้   
อากาศหม่น-หม่นเห็นเมฆตั้งเค้าดำมองเห็นแต่ไกล
ฉันเดินเท้าเปล่าตามหลังชายชรา เลยวัยเกษียณหลายปี  
แต่แข็งแรงเหมือนหนุ่ม-หนุ่มเชียว   ปากเขาก็บ่นไป
มือก็คว้านปุ๋ยในถังใบขนาดย่อม  แล้วหว่านออกไปสุดแรง
จากลำตัว  แล้วเม็ดปุ๋ยก็ปลิวกระจายลงไปยังต้นกล้าที่กำลังโต...


เขาสวมเสื้อเชื้ตแขนยาวสีหม่นเดิมเป็นสีน้ำเงินแต่ว่าเก่าแล้ว
ทำให้ดูหมอง-หมอง  แล้วสวมทับอีกชั้นด้วยเสื้อแจ็คเก็ต
ที่เคยซื้อให้เมื่อนานแล้ว  เสื้อดูเก่าแล้ว  แต่แลดูสะอาดตา
และใส่กางเกงขายาวกอมเท้า  รองเท้าไม่ใส่เดินเท้าเปล่า
สัมผัสยอดหญ้าเขียวอ่อน  ที่แตกยอดใหม่หลังจากได้รับน้ำฝน
บนคันนายาว  ฉันค่อย-ค่อยเดินตามไปเรื่อย-เรื่อย  หูก็คอยฟัง
ว่าจะพูดอะไรบ้าง  แต่ตาก็เหม่อไปก็สายฝน  ที่ปร่อย-ปร่อย
เป็นสายบางเบาลงมา  หัวเริ่มฉุ่มไปด้วยน้ำฝนแร่ะ  แต่ก็ยัง...
เดินตามไปเรื่อย-เรื่อย  หูก็ฟัง  ตาก็สบกับตาดุ-ดุที่คอยชำเลือง
อยู่ใต้ปีกหมวกใบตาล  ที่คอยลอบมองมาเป็นพัก-พัก... 


"ต้นกล้ากำลังโตเลย  หว่านปุ๋ยลงไปเดี๋ยวก็โตต้นแข็งแรง"
พูดจบก็ชำเลืองมามองคนเดินตามข้างหลัง...ที่เหม่อออกไปไกล
กับทุ่งนาที่มีน้ำเจิ่งนองเต็มแปลงนาที่ยาวสุดลูกหูลูกตา...


"ถ้าไม่มีปุ๋ย   ต้นกล้าก็คงไม่โตกว่านี้  มันก็จะแกน"
ฉันฟังทุกประโยคที่ออกมาจากปากชายชราที่เคารพคนนี้
รับฟังเงียบ ๆ  แล้วเดินตามไปเรื่อย-เรื่อย 


"อยากเป็นอะไร ให้ทำอย่างนั้น
อยากเป็นคนดีก็ทำ  อยากเป็นคนเลวก็ทำ"
ประโยคนี้ลูกทุกคนคุ้นชิน  ชายชราผู้นี้ไม่เคยสอนอะไรมาก
ออกจะให้อิสระทางความคิด  และการตัดสินใจเองซะมากกว่า
เพราะการแสดงออกของเขาไม่เหมือนคนอื่นแม้จะรักและเป็นห่วง
ในความที่เป็นคนทิฐิและไม่กล้าแสดงออก  เพราะทำให้รู้สึกเขิลอาย...


"ทำงานเป็นไงบ้าง  เสาร์ หน้าจะกลับมาบ้านอีกมั้ย?"
พูดจบก็หยุดยืนแล้วเอี้ยวตัวกลับมาทำเอาเกือบเดินชน
แววตาจ้องเขม็งเห็นชัดจังหวะที่หันมาไปเปิดปีกหมวกไว้แล้ว
ทำให้ต้องหยุดเป็นอาการชะงักกึกแล้วมองหน้า อาการต่อไปก็ส่ายหน้า

"หมายความว่าไง?  ที่ทำหน่ะ"
แววตายังคงจ้องเขม็งเหมือนเดิม  ยังคงต้องการคำตอบ

"งานก็...ยุ่ง  สิ้นเดือนก็ไปกรุงเทพฯ  ฝากอะไรถึงพี่โยมั้ย?"
แววตายังจ้องไม่กระพริบ  แต่ไม่ได้มีประกายว่าจะทำร้าย

"อาทิตย์หน้ายังไม่รู้   ต้องดูก่อน"
พูดจบชายชราที่อยู่ตรงหน้าก็หันหลังให้  แล้วออกเท้าเดินต่อไป
กิริยาเป็นอย่างเคย  มือคว้านเม็ดปุ๋ยหว่านให้ต้นกล้าในแปลงนา


"ต้นกล้ามันยังต้องให้ปุ๋ยเลย  แล้วคนเราต้องให้อะไร"
"อาทิตย์หน้ายุ่งแค่ไหน?   ก็ให้ออกมาได้ยินมั้ย?"
"ลองมาทำนาดู  ออกมาสูดอากาศท้องทุ่งดูน่าจะดีนะ"
พูดไปแต่ก็ไม่ได้หันหน้ามายังคงหว่านเม็ดปุ๋ยอย่างนั้น


เสียงที่ได้ยินเหมือนเป็นคำขาด  ว่าต้องกลับมาบ้าน
ไม่กลับคงต้องได้ขาดกัน ชายชราผู้นี้ลูกทุกคนรู้ว่าเขา
*เด็ดขาด  และแน่วแน่  กับคำพูด  การกระทำ*  ตัวเองแค่ไหน?
ได้ยินแล้ว  ได้แต่เงียบ  ความเงียบคือคำตอบที่เรารู้กันดี
เพราะถ้าไม่ยอมรับหรือคัดค้าน  กิริยาจะรุนแรงต้องมีข้อโต้แย้ง


ผ่านเรื่องร้ายมาแล้ว  2  สัปดาห์
พ่อก็ยังจับได้ว่าลูกสาวมีเรื่องไม่สบายใจ  สีหน้าคงบ่งบอกชัด
โทรมขนาดนี้ไม่รู้ก็บ้าแล้ว  ดูซูบ  ซีด  ดูเพลีย-เพลียเพราะไม่ได้นอน

ไม่มีแม่อยู่แล้ว  แต่ฉันก็ยังมีกำลังใจอยู่...
ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว  พ่อยังอยู่ข้างฉันอีกคน  และพ่อ
คือคนที่สำคัญที่สุด  ที่ฉันมีตอนนี้... ฉันโหยหาความอบอุ่น
ความอบอุ่นของความรู้สึก  อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้โดดเดี่ยว.....				
6 มิถุนายน 2551 14:33 น.

ฉันเหมือนเธอคนนั้นในวันนี้...

แมงกุ๊ดจี่

1054010034nr1.jpg 

ฉันนั่งไล้สายตาไปกับอักษร...
ในทุก-ทุกตัวอักษร  ในทุก-ทุกประโยคบอกเล่า
เพราะคนเขียนพยายามบอกเล่าอย่างเห็นภาพ  ซึ่งงานของเขานั้น
เขาบอกว่าเป็นการเขียนแบบพรรณาโวหาร  

ฉันไล้สายตาไปในทุก-ทุกบรรทัด 
พร้อมกับน้ำตาที่ไหลมาเปอะเปื้อนสองแก้ม   
ฉันรู้สึกชังคนที่เขียนเรื่องสั้นใน  Blog  นี่  โดยที่เขาเองก็คงไม่รู้ตัว

ฉันกล่าวโทษว่าเหตุใด
จึงเอาเรื่องราวของฉันมาบอกเล่าให้คนทั่วโลกได้รับรู้
ถึงความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกในตอนนี้  เขาจะรู้บ้างไหม? หนอ
ว่าฉันรู้สึกอย่างไรบ้าง... (คงไม่รู้หรอก ไม่มีทางรู้เลย)

ฉันเคยไปอ่านเรื่องสั้น   เรื่องนี้มาแล้วเมื่อต้นปี 2550
ตอนนั้นคิดเล่น ๆ  ว่ามันคงไม่เกิดกับฉันหรอก  มันเป็นเพียงนิยาย
ซึ่งมันเป็นเรื่องราวที่เขียนมาจากเคล้าโคลงเรื่องจริงชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งในใจเมื่ออ่านเรื่องราวจบ   มันคงไม่เกิดกับฉันหรอก
และภาวนาอย่าให้มันเกิดกับฉันเลยนะ

  
แต่ดูเหมือนคำภาวนานั้นจะไม่เป็นจริง  ในวันนี้ฉันพบเจอเรื่องราวเหมือน
"เธอคนนั้นในวันนี้"   ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นด้วย...


เพราะหลังจากอ่านเรื่องสั้นนี้ได้ไม่นาน
ฉันก็ได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง   และผู้ชายคนนั้นเป็นตัวดำเนินเรื่อง
ทำให้เหตุการณ์ต่าง ๆ  เป็นเหมือนในเรื่องสั้น  เรื่องที่ฉันเคยอ่านพบมา

ความรู้สึกร้าวราน  
ณ  เวลานั้นอยากฆ่าผู้ชายคนนั้น  ให้ตกตายไป
ณ  เวลานั้นอยากฆ่าตัวเองหนีความอับอาย   หนีความทุกข์ที่รุมเข้ามา
ณ  เวลานั้นมันทุกข์จริง ๆ   สับสน  เจ็บปวด   น้ำตาที่ไม่เคยไหลนานแล้ว
กับไหลมาทุกคืนนอนร้องไห้   กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

คนที่เคยเข้มแข็ง  แข็งแรง  กล้าหาญ  มันไม่เหลือเลย 
ความรู้สึกคนเรามันห้ามกันไม่ได้จริง ๆ
หลงเหลือเพียงความอ่อนแอ   ความแพ้พ่ายจนไม่สามารถทำงานได้
จนต้องพักงาน  ลาป่วย ไปหลายวัน จนใคร ๆ  สงสัยว่าทำไม?

จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจความรู้สึก
จะมีสักกี่คนที่จะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด  หากไม่โดนทำร้ายเสียเอง
เรื่องบางเรื่องใครไม่เจอก็ไม่ซึ้งกับความรู้สึกเจ็บปวด  
บางที่มันอาจทำร้ายจนสามารถเปลี่ยนชีวิตคน คนหนึ่งได้

				
2 มิถุนายน 2551 18:35 น.

จดหมายถึงดวงดาว...

แมงกุ๊ดจี่

always_raining_in_my_heart_by_chix0r.jpg      1  มิถุนายน 2551


สวัสดีค่ะ
แม่ค่ะลูกคิดถึงแม่จังค่ะ   
ตอนนี้ลูกอยากอยู่ใกล้ ๆ   แม่อยากสัมผัสอ้อมกอดของแม่เหลือเกิน   
ลูกอยากซบหน้ากับตักแล้วร้องไห้ออกไปให้มันหายอัดอั้นนี้
เพื่อไล่ความปวดร้าว  ความขมขื่นที่มีอยู่


ตอนนี้อยากร้องไห้  แต่ว่า...
หนูร้องไม่ออกเลยค่ะ 
แม่จ๋าหากได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่
ลูกคงสิ้นความระแวงสิ้นความอับอาย  
กล้าเผยความอ่อนแอ  กล้าให้แม่เห็นน้ำตา เ
พราะลูกรู้ว่าแม่เข้าใจลูกเป็นที่สุด  


ลูกเจ็บปวดเหลือเกินค่ะ  เจ็บปวด จนอยากทำอะไรที่มันโง่เขลา   
เจ็บปวดจนอยากจะทำสิ่งที่ใคร ๆ  ไม่คาดคิดลงไปทีเดียว


แม่จ๋าทุกย่างก้าวของลูก  ทำไม? 
จึงได้ทุกข์ทรมานอย่างนี้ล่ะค่ะแม่ 
เรื่องราวต่าง ๆ  มันโหดร้ายเหลือเกินค่ะแม่  


ลูกไม่รู้ว่าได้ทำกรรมใดไว้
จึงทำให้ชีวิตย่ำแย่ พบแต่ผู้ชายเลว ๆ  เหล่านั้น  
ลูกให้ความเป็นมิตรแต่เขาคิดว่าลูกเป็นเด็กโง่  
ที่จะหลอกได้ ปลอกลอกได้    ลูกให้ความจริงใจ 
แต่สิ่งที่กลับมาเปล่าเลย  มันทำร้ายลูกจนเจ็บแสนสาหัส 


โชคชะตาใจร้ายจังค่ะแม่   
ทำไม?  ทำโทษหนูแบบนี้ล่ะค่ะ  แต่ก็ยังดีที่ไม่ใจร้ายอย่างที่สุด 
อย่างน้อยลูกก็ยังสง่างามอย่างที่แม่คาดหวังไว้  
ถือว่าเป็นบุญของลูกที่ไม่ถูกทำโทษหนัก 
ขนาดที่สูญเสียจนไม่เหลือสิ่งใดให้รักษา    


แม่จ๋าอย่าห่วงลูกเลย  
ไม่นานหรอกค่ะ  ไม่นานลูกจะกลับมาแกร่ง และเข้มแข็งกว่าเดิมค่ะ   
และสดใสดังเดิมค่ะ ลูกรู้แล้วว่าไม่ควรไปเสียน้ำตาให้กับมันไป   
คนสารเลวนั่น  จะไม่มีวันทำให้ลูกเสียน้ำตาหรอก ลูกรับปากกับแม่ค่ะ 
น้ำตาของหนูมีค่า  สำหรับคนที่ดีที่สุดในชีวิตของลูกเท่านั้น   


ลูกสัญญาค่ะว่าจะเข้มแข็ง ลุกขึ้นยืนให้เร็ววัน 
จะยิ้มสู้  ยิ้มรับความเจ็บปวดนั้นให้จงได้เมื่อผ่านพ้นมันไปแล้ว
เราจะเข้มแข็งและแข็งแรงไม่มีใครจะช่วยลูกได้นอกจากลูกเอง   
แม่เป็นกำลังใจให้ลูกด้วยนะค่ะ  


ทุกครั้งที่อ่อนแอ  
ลูกแค่คิดถึงแม่ก็ทำให้ลูกเข้มแข็งแล้ว   
และสามารถผ่านมันไปได้อย่างสง่างามเสมอมาค่ะ


ลูกรักแม่ค่ะ  
และลูกก็รู้ว่าแม่รักลูกมากแค่ไหน?  
แม่อย่าเป็นกังวล เลยนะคะ   ลูกของแม่เข้มแข็งค่ะ  
พายุสงบลงลูกก็ลุกได้ค่ะแม่  ลูกอาจเป็นคนใจอ่อนไป  
และขี้สงสารเกินไป  จนทำให้ตัวเองกลายเป็นเหยื่อ   
จนภัยมาถึงตัวโดยที่ไม่เคยรู้มาก่อน  


นับจากนี้ลูกคงกลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจบ้างแล้ว  
หรือโหด ๆ  ไปเลย  ใครเขาได้ได้ไม่มา  คอยรังแก  
และมาแสดงความเห็นแก่ตัว  ข่มเหงลูกอีก   ความสงสาร  
ความใจอ่อนมันให้  บทเรียนลูกมากแล้ว  


ลูกเจอเรื่องราวครั้งนี้มันทำให้ลูกรู้สึกเจ็บและจำมันฝังใจ ว่าจงจำไว้
อย่าไปอ่อนแอ  และใจอ่อน  และสงสารใครอีก

ลูกคิดถึงแม่ค่ะ  และลูกรักแม่ค่ะ				
Calendar
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟแมงกุ๊ดจี่
Lovings  แมงกุ๊ดจี่ เลิฟ 2 คน
Calendar
Lovings  แมงกุ๊ดจี่ เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแมงกุ๊ดจี่