7 กรกฎาคม 2548 17:16 น.

*ความล้มเหลว...ของชีวิต*

แมงกุ๊ดจี่

สังคมปัจจุบันนี้   อาจจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงและผู้ชายจะอยู่ก่อนแต่ง
เมื่ออยู่ร่วมกันได้ด้วยความปกติสุข   ทั้งคู่ก็จะลงความเห็นว่าอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
จึงจะมีการจัดงานสมรสขึ้นเพื่อประกาศให้สังคมรับรู้   ว่าได้เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง
ตามประเพณี  

แต่ก็มีอีกมุมมองหนึ่งของสังคมอาจเห็นเป็นเรื่องน่าอายของผู้หญิง  และมีผลไปถึงผู้ให้กำเนิด
ว่าเขาจะรู้สึกผิดหวังและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน?  ซึ่งพ่อแม่ทุกคนต้องเสียใจ
เมื่อลูกได้ตัดสินใจทำสิ่งที่สังคมทำกรอบไว้   ว่าเป็นผู้หญิงควรปฏิบัติตนอย่างไร...

ฉันนั่งอยู่ริมน้ำที่กว้างไกลจนสุดสายตา   ลมเย็นๆ  พัดเฉื่อย  
มองไปบนผืนน้ำที่กว้างกับท้องฟ้าแสนไกลนั่น   ทำอย่างไรฉันจึงจะเดินไปถึงสุดขอบฟ้านั่น
ไกลเหลือเกิน   แต่ก็แปลกนะทำไม?  ฉันยังมีความหวังที่จะเดินไปถึงสุดขอบฟ้า
นั่งทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ  แบบเรื่อยเฉื่อย   ในใจก็รู้สึกหนักหน่วงมากมาย

"หนูขอโทษค่ะ  แม่"   ฉันไม่สามารถเอ่ยคำอื่นได้นอกจากนี้
ฉันก้าวพลาดไปแล้ว  เพราะอะไร? 
ความอ่อนไหวในความรู้สึกหรือไง?
หรือ?  เพราะอ่อนต่อโลกใบกว้าง   ใบนี้.

ตลอดระยะเวลา  30  ปีที่ดำรงชีวิตมา  ตั้งแต่จำความได้ฉันใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง 
เมื่อยังเด็กก็เป็นเด็กที่มีเหตุผลเสมอ  เติบโตมาก็เป็นคนรอบคอบเสมอมา

แต่ทำไมมาวันนี้ฉันไม่มีเหตุผล  ไม่มีความรอบคอบ  ใช้ชีวิตโดยประมาท 
ฉันทำอย่างที่แม่อยากเห็นไม่ได้   ไม่มั่นคง  ไม่สง่างาม...

เมื่อมีคน  คนหนึ่ง  ผ่านเข้ามาในชีวิต   แล้วทำความสับสนวุ่นวายให้ฉันมาตลอด
ซึ่งที่ผ่านมาเคยคิดว่าเขาคือสิ่งที่ดี   ที่ฉันไม่เคยคิดฝันว่ามี  และจะได้เจอ...

แต่ทุกอย่างไม่ได้สมบรูณ์แบบ   ไม่ใช่ชีวิตสำเร็จรูป  ทุกอย่างที่เคยสวยงามกลับย่ำแย่  
ช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันพยายามคิดทบทวนทุกอย่าง   อย่างรอบคอบ  และมองให้ลึก
พยายามทุกวิถีทางที่จะผ่านพ้นไปให้ได้   แต่ก็ต้องล้มเหลว

แต่สำหรับเขา   คนที่ผ่านเข้ามาเหมือนเป็นการท้าทาย    พยายามที่จะเอาชนะให้จงได้
เขาเองก็พยายามทุกวิถีทางที่จะเอาชนะฉัน   ตัวฉันเองก็ดันทุรังที่จะเล่นเกมต่อไป

ซึ่งรู้ทั้งรู้  ตัวเองเป็นฝ่ายที่จะต้องสูญเสีย  เสียเวลา  เสียโอกาส  เสียใจ  เสียแม้แต่ร่างกาย
เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะตัวฉันเองที่คิดทบทวนทุกอย่างด้วยความประมาท
และความหยิ่งยโส  ของตัวเอง  คิดว่าจะสามารถชนะผู้ชายคนนั้นได้    แต่ไม่เลย...
ไม่ควรไปต่อกรกับเขาตั้งแต่แรก...

ลมพัดเฉื่อย...ริมน้ำกว้างมองไปแล้วช่างโล่งสบายดีจังนะ
ผู้หญิงธรรมดาอย่างฉัน  ยังไงก็ยังเป็นผู้หญิง  อ่อนแอ  อ่อนโยน  อ่อนหวาน  และหวั่นไหว
ไม่สามารถที่จะชนะใจตัวเองได้     

ฉันพลาดเพราะขาดความระวัง  หรืออาจพลาดเพราะระวังมากเกินไป  
ทำให้ไม่รู้จักว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร  

มาวันนี้ฉันอยากเดินไปจากผู้ชายคนนี้
ไม่...ฉันไม่ได้ตัดสินว่าเขาไม่ดีพอสำหรับฉัน  และเขาไม่ได้ดีเกินไปสำหรับฉัน
แต่ฉันคิดว่ามันไม่ใช่ความรัก  เพราะถ้ารักคงไม่ทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากมายเช่นนี้...				
8 พฤศจิกายน 2547 15:56 น.

ขอเป็นแค่คนข้างใจเท่านั้นเอง

แมงกุ๊ดจี่

"ฟ้าสวยสดใสจังเลย"   สาวน้อยร่างบอบบางเงย หน้ามองฟ้าหลังฝน พลางพึมพำให้เพื่อนฟัง
"มีแมลงปอ บินเต็มไปหมดเลย  ดูซิ"   นิอรเอ่ยขึ้น
"มล(มลรวี)เธอดูสิ  แมลงปอคงจะมีความสุขเน๊อะที่ได้บินอยู่บนทางฟ้ากว้างๆ อย่างนี้"
"ใช่อร(นิอร)   และสดใสมากๆเลย"
"อร........ฉันอยากเป็นเหมือน  แมลงปอ  บ้างจัง"
	****  น้ำตาใสๆ  กลับไหลออกมาหลังจากเสียงที่พูดนั้นเงียบหายไปในลำคอหญิงสาว**** 


กริ๊งงงงงงงงงงงง........................กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง.................
"รับโทรศัพท์ให้แม่ที  มล...มลรวี"   เสียงที่  ดังมาจากในครัว   กึ่งร้องกึ่งตะโกน
"ค่ะแม่.......รับแล้วค่ะ"  
"สวัสดีค่ะ......มลรวีพูดสายค่ะ  ต้องการเรียนสายกับใครค่ะ"
เมื่อวางหูโทรศัพท์   สาวน้อย    ร้องตะโกนกลับมา
"แม่ขาาาาาาาา.......งานที่มลไปสมัครไว้เค้านัด มลไปสัมภาษณ์ค่ะ"
"เมื่อไหร่ลูก"
"พรุ่งนี้  9 โมงตรงค่ะแม่"
"หนูจะได้ทำงานแล้วคะแม่ขา...แม่จะได้สบายสักทีนะคะ"
.......มลรวี  สาวน้อยที่เพิ่งเรียนจบปริญญา  ทางด้านเทคนิคดีไซน์และการออกแบบ  เธอมีกันสองคนแม่ลูก
เท่านั้น  เธอพูดกับแม่  ที่เธอซุกร่างบอบบางซบอยู่กับอก  อย่างรักและถนุถนอม

******************* แล้วเรื่องยุ่งๆ  หัวใจก็เกิดขึ้น ***********************

.....สาวสวยหน้าใส  ใบหน้าสวยเก๋  ใส่สูทชุดกระโปรงสีเทา  สมวัยและตามสมัยนิยม    
ในระหว่างที่รอลิฟท์เพื่อที่จะขึ้นไปชั้น 12  ที่  ที่นัดเธอไว้  มีชายหน้าตาสะอ้าน  ดูสำอาง  
บุคลิกน่าหลงไหล  คนหนึ่งกำลังรอลิฟท์  เหมือนกันเธอ (และน่าจะจุดหมายเดียวกันกับเธอ)

                                         "ขี้เต๊ะจริง.....นะพ่อคุ๊นนน.....นึกว่าหล่อนักรึไง"   
		มลรวีเธอมันไส้ชายที่เธอไม่รู้จัก  
		หรืออาจจะปิ้งเขา   เข้าแล้ว
		ลิฟท์มาแล้ว ว ว ววว..........   

		"โอ๊ยยยยย.......เดินไม่ดูคนเลยคุณ   มีตาบ้างป่าวเนี่ย"
		"ก็คุณเองนะที่เดินมาชนผม  จะมาโว้ยวายอะไรละ"   
		ทั้งสองเบียดร่างเข้าไปในลิฟท์ด้วยความรีบเร่ง

		............ในลิฟท์มีคนขึ้นซะแน่นเลย  
		หน้าเขากับหน้าเธอแทบจะแนบชิดติดกัน  
		ทำให้มลรวี    รู้สึกหงุดหงิดมาก

		แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มแบบมีนัยต์ๆ  
		เค้าแอบขำหน้ามุ่ยๆ เซ็งๆ  ของมลรวีโดยที่เธอเองไม่รู้ตัวเลย   
		ไม่กี่นาทีลิฟท์หยุดที่ชั้น  12  (ไม่น่าเชื่อบังเอิญจัง  เค้าก็มีจุดหมายที่ชั้น 12  เหมือนกับเธอ)  
		เธอและเขาก้าวออกมาจากลิฟท์พร้อมๆกัน

		"โอ้ยยยยย......คุณอีกแล้วเหรอ?"   
		ชายหนุ่ม  ทำหน้ายุ่งปนแค้น  ผู้หญิงคนนี้ทำไม? 
		 ทำให้เขาทั้งเจ็บทั้งอายได้ซ้ำซากจริง

		"นี่.....คุณไม่ต้องมาทำหน้าดุฉันหรอกนะ"
		"ได้ยังไง......ก็คุณเดินชนผม  เป็นครั้งที่  2  แล้วนะ"
		"แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ"  มลรวี   ทำหน้ายุ่ง   
		"คุณต้องขอโทษผมก่อน......."  ชายหนุ่มทำหน้าขมวดคิ้ว ล้อเลียนเธอ 
		"ได้ถ้ามันจะทำให้เรื่องจบๆ  ไป    ฉันขอโทษ...........คุณ..... "  
		มลรวีพูดด้วยนำเสียงที่ดูจะกล้ำกลืน ฝืนๆ 
		แต่เธอต้องทำ  ไม่อย่างนั้นเธอคงจะไปสัมภาษณ์สายแน่ๆ 

		"ผม......ภัทรวัฒน์    ครับ"     
		สิ้นเสียงของชายหนุ่ม  หญิงสาวก็เลียบลิ้น   "แหว่ะ"  
		แล้วก็เดินไปด้วยความรีบรน
		ปล่อยให้ชายหนุ่มงุนงง  กับกริยาอาการ  แสนซนของมลรวี  
		แล้วยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี

	................การสัมภาษณ์งานของ  มลรวี  ราบรื่นด้วยดี    เธอได้งานทำที่ตรงกับปริญญาที่ได้มา
	
			 ``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*1  เดือนผ่านไป *:-.,_,.-:*``*:- ,.-:*``

		"วันนี้ฉันรู้สึกดีจังล่ะ  อร"
		"ไปเจอเรื่องดีๆ  ที่ไหน?มาจ๊ะ"
		"อร........ฉันว่า.....ฉันกำลังมีความรัก"
		"จริงเหรอ?  มล     ใครนะจะเป็นคนโชคดีคนนั้น"
		"อืม......เค้าเป็นคนที่ฉันเจอทุกเช้า  แต่เราไม่ได้คุยกันเลยอ่ะ"
		"แล้วเธอชอบเค้าไปได้ไงล่ะยายมล    นี่มันรักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่งแล้วนะ"
		" อืม......ใช่  ฉันไม่รู้ทำไม?จึงเป็น...แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไงล่ะ"
		"เธอก็ต้อง  ทำให้เขารู้ว่าเธอชอบเขาสิ"
		"ฉันก็อยากทำอย่างที่เธอพูดเหมือนกัน  แต่......เขามีแฟนแล้ว แล้วเขาก็ไม่มีวันชอบฉันได้"
		"เธอต้องตัดใจนะ   ก็มีพี่ที่ทำงานมาชอบเธอหลายคนไม่ใช่เหรอ?"
		"อืม.......แต่ฉันไม่ได้ชอบเขานิ"
		"แล้วเธอจะทำยังไง?  เธอจะไปแย่งเขาจาก แฟน  เขาเหรอ?"
		"คงไม่ได้หรอก   ฉัน..........อยากจะทำนะ    เธอก็รู้.........ว่าฉันทำไม่ได้"
		"งั้นมีวิธีเดียวตัดใจซะ    หรือไม่ก็หาแฟนใหม่ไปเลย    ดีม่ะ  ความคิดชั้น"
		"อืม.........ฉันอยากจะดำเนินต่อไป    สานสัมพันธ์ต่อไป  เพื่อ........"
		"ไม่ได้นะมล......  ตัดใจซะ   เธอต้องเชื่อฉันนะ"
		"ฉันรู้   แต่ฉันก็แค่อยากเป็น...*-* คนข้างใจ *-*  เค้าเท่านั้นเอง
		 *******.............*********...............********

*ไม่รู้ว่าความรักของ  "มลรวี"  จะเป็นยังไงต่อไปนะคะ    
				
                                  	*****เวลาผ่านมา  1  ปีแล้ว   มลรวีก็ได้แต่แอบมอง   
		ส่งยิ้มให้ด้วยแววตาเขินอาย ที่ปนกันความรัก ที่มีให้เขาที่เปี่ยมล้นในใจ   
		ที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีแต่ความรู้สึกที่ดีๆ  ให้เขาเสมอ  แต่เขาไม่เคยได้รับรู้
		แล้วโชคชะตาก็เห็นใจมลรวี (เห็นใจหรือว่ากลั่นแกล้งกันแน่)
                             	"โอ้ย....! เดินไม่ดูคนเลยคุณ"   ภัทรพัฒน์นึกในใจประโยคนี้คุ้นๆ  
		 เหมือนเคยได้ยิน  เขาจึงหันไปมองหน้าคนที่ร้องออกมา

		"อ้าว......คุณเองเหรอ?"  เขายิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
		"เออ......มล   ขอโทษคะ"   มลรวีพยายามควบความอาการของตัวเอง
		ไม่ให้ตื่นเต้นเธอต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
		"ไม่เป็นไรครับ   ผมผิดเองที่เดินไม่ทันระวัง"  ชายหนุ่มรีบบอก 
		"เอ่อ...แล้วคุณเจ็บตรงไหน? บ้างครับ"
		"ไม่คะ   ไม่เป็นไรคะ"  สวรรค์ช่างใจร้าย  กลั่นแกล้งเธอได้   
		ใจมลรวีก็เต้นรัว  ราวจะหลุดออกมาให้ได้
****มลรวี  เธอมีเวลามากพอที่จะคุยกับภัทรวัฒน์   ก่อนจะเข้าบริษัท  ทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อยๆ  
		"เออ่...คุณ.......?"   ชายหนุ่มทำหน้าฉงน  
		"มลค่ะ"  มลรวีตอบพร้อมกับยิ้มให้
		"คุณมลทำงานอยู่ที่ไหน?ครับ"
		"อ๋อ   มลเป็นดีไซน์เนอร์  อยู่บริษัทนิวเวิร์ดค่ะ"
		"ครับเราอยู่ชั้นเดียวกันแต่ไม่ค่อยได้เจอกันนะครับ"

.....ตาบ้าจะเจอได้ไงก็คุณไม่เคยมองฉันเลยนิ   ฉันเจอคุณทุกวันแร่ะ   หญิงสาวบ่นกับตัวเอง
		"เหรอ?  คะ   มลคงมาทำงานสายนะคะ"  หญิงสาวยิ้มให้
		"เอ่อ...ผมต้องไปแล้วละครับ"  
		"...คุณ..........."    เอ่อ...ยังไม่ทันได้คุยกันเท่าไหร่เลย มลรวีนึกเสียดาย  

...เวลาผ่านมาทั้งสองมีความสนิทสนมกันมากขึ้น  
และมีความผูกพันต่อกัน  (ฟ้าคงจะแกล้งทั้งสองคนแล้วล่ะ)

ช่วงเวลาที่ทั้งสองได้เริ่มรู้จักและสนิทกันนั้น   
ภัทรวัฒน์ก็เริ่มจะมีปัญหากับ  นิภาแฟนของเขา
ทุกครั้งที่เขาเจอมลรวี   เขาจะรู้สึกอบอุ่นใจ  และรู้สึกดีต่อเธอ  
เหมือนเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาแล้ว

...เวลาได้เป็นตัวดำเนินการ  ให้ความรักผลิอยู่ในใจของภัทรวัฒน์   
โดยที่เขาเองไม่รู้ตัว  และด้วยความที่เข้ากันไม่ได้
กับนิภา  ทำให้เขาเผลอใจรักมลรวีเสียแล้ว

		"ผมขอโทษ........"   พูดจบชายหนุ่มจูบหน้าผากมลรวี  อย่างอ่อนโยนและถนุถนอม
		มลรวีได้แต่ยิ้ม   เธอรักผู้ชายคนนี้  เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้หญิงคน  1  จะมี
		เธอรู้สิ่งที่ทำมันผิดมากแค่ไหน?    แต่เธอห้ามหัวใจไว้ไม่ได้   
		"พี่ภัทร....อย่าโทษตัวเองนะคะ"
		"คงไม่ได้หรอกมล  พี่ทำผิดต่อนิภา  ที่เผลอใจ"
		"แต่ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ   มลเองต่างหากที่เข้ามาในชีวิตของพี่"
		"ไม่นะ...มลทำให้พี่ได้รู้ได้เห็น   ได้รู้จักตัวเอง  รู้ว่าตัวเองมีความหมาย"
		"มลขอโทษ!    พี่ภัทร"

ขณะที่ทั้งสองนั่งกุมมือกันที่ม้านั่ง  ที่สวนสาธารณะ  
ก็ปรากฏภาพของผู้หญิง  ที่ดูภูมิฐาน   ยโส   เยอหยิ่ง   ใบหน้าสวยเข้ม 
เธอคือ  "นิภา"   แฟนของภัทรวัฒน์   เธอมาที่นี่ทำไม?
ภัทรวัฒน์  ตกใจ  ตาเปิดกว้างเมื่อมองเห็นสิ่งที่นิภา  ถือไว้

		"คุณทำอะไรของคุณ  ภา"
		"ใช่คุณทำอะไรของคุณ   คุณภัทร"
		"ผม........."  ภัทรวัฒน์ได้แต่นิ่งเงียบ
		"คุณบอกฉันมาว่าคุณจะเลือกผู้หญิงคนนี้  หรือคุณจะเลิกฉัน"
		"ผมเลือกมลรวี    ผมรักเธอ"
		"แล้วชั้นล่ะ   คุณทำได้ยังไง   ขอถามหน่อยเถอะ"  แววตาของนิภาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
		"คุณบังคับผมเอง    คุณทำไห้ผมต้องทำแบบนี้"
		"ไม่จริงหรอก  คุณต่างหากที่บังคับฉัน"   นิภาไม่ยอมรับในสิ่งที่ภัทรวัฒน์พูด

....นิภาค่อยๆ   บังคับมือขึ้นอย่างช้าๆ   ในมือมีปืนอยู่............
เสียงปืนดังขึ้น....ทุกอย่างเงียบงัน...........................

-------------------------------------------------0-0-0-0-0-0-0---------------------------------------------------

		"มล     กลับกันเถอะเดี๋ยวฝนตก  จะกลับไม่ได้"
		"จ๊ะ...อร"  หญิงสาวพูดจบพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลมาจากไหน?  เพราะอะไร  ตัวเธอเองก็ไม่รู้
		มลรวีเธอ      "หัวใจ"    ของเธอไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว
		จากการช็อคทำให้เธอสูญเสียความทรงจำในตอนนั้นลืมเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น
		แต่ก็น่าแปลกที่ไม่สามารถรักใครได้อีกเธอไม่มีความรัก
		หัวใจเธอหายไป.........

คงไม่มีใครโชคดีเท่ามลรวีแล้วล่ะ  เพราะถ้าเป็นชีวิตจริงคงจะเจ็บปวดกับความทรงจำที่ปวดร้าว
"ความรัก   ความหลง    ความใคร่ "  เป็นตัวดำเนินการของเรื่องราวในการใช้ชีวิตของเรา
อย่าให้ความคิด   ความรัก   ความหลงที่ผิดๆ    ครอบงำเราได้				
22 ตุลาคม 2547 09:59 น.

เนื้อคู่

แมงกุ๊ดจี่

กรุณากรอกชื่อ-นามสกุล  วันเดือนปีเกิด  
และเวลาตกฟาก  ให้ตรงตามจริง
เพื่อการทำนายผลจะได้ไม่คลาดเคลื่อน

นั่งมองหน้าจอมอร์นิเตอร์  ในใจก็พลางเอ่อไม่เป็นไรหรอก  กรอกๆ  ไปเหอะ   
คงไม่มีอะไรหรอก  ก็แค่  ลองทำนายสนุกๆ  ตามประสาอยากคลายเคลียดเท่านั้นเอง

เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จ  โปรแกรมออทไลท์  ก็แจ้งมาเป็น  ไดอะล็อกบล็อกขึ้นมา
"เราจะส่งไปให้คุณทาง อีเมล์  อีก  3  วัน"

โธ่!....เราก็นึกว่า  จะรู้ทันที  วัยรุ่นเลยเซ็งเร้ย
เข้าเว็ปคลายเคลียด  เรื่อยเฉื่อย   ไปเรื่อยเฉื่อยแฉะ  เอ่อ...

เอ่อ...ทำงาน  ทำงาน
งานวันนี้เริ่มจะคุ้มคลั่งอีกแล้ว   เอ่อ  งานอะไรจะเยอะปานนี้
ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตแล้ว  เอ่อ....

ได้เวลาเลิกงานแล้ว    กลับบ้านๆ  
ชีวิตก็หมกอยู่แต่กับงาน  ว่างก็นอน  วนเวียนเป็นอยู่อย่างนี้...
จนใครหลายคนแซว  ประจำ  เมื่อไหร่จะเจอเนื้อคู่  
ไอ้เราก็ได้แต่ตอบไป  คงยังไม่เกิดหร๊อก....

แต่ก็ต้องกลับมาถามตัวเอง   
"มันยังไม่เกิดจริงเหรอ?   ไอ้เนื้อคู่เนี๊ย!  "
ช่างมันเถอะ  เกิดไม่เกิด  ช่างมัน  กะอิแค่เนื้อคู่...........

เคลียร์งานเรื่องสุดท้าย  เอ่อ  เย็นวันศุกร์แล้ว  
ว่างสักทีนะ   แต่ก็สุดสัปดาห์พอดีนี่น๊าส์

ว่างแร่ะ เข้าเว็ป  หาอะไรอ่านคลายเคลียดดีกว่า
ไหน?  ลองเช็คเมล์ซิ  มีเพื่อนๆ  ส่งถึงบ้างหรือเปล่า
สายตาก็ไปสะดุดกับ   หัวเรื่อง  เรื่องหนึ่งพอดี  " เนื้อคู่"
อะไรหว่า?   ใครส่งมา....

ไม่รีรอก็รีบเปิดออกอ่าน   ข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์  ก็บอกว่า

"เราได้ทำนายตาม  วันเดือนปี  เกิดที่คุณได้ให้ไว้  
และเวลาตกฟาก  หากเป็นจริงทำนายได้ดังนี้  "   

	#	คุณอาจมีสามีที่เป็นพ่อหม้าย 
		หรือมีอายุที่แก่กว่าคุณ เมื่อสมรสกันแล้วโชคดีขึ้น 

	#	คุณได้สามีที่มีทรัพย์สินเงินทองมากกว่าตัวคุณ	
		เมื่อสมรสกันแล้วการเงินจะเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมากมาย

	#	หากคุณมีคู่ครอง หุ้นส่วน หรือร่วมกิจการงาน
		กับผู้ที่มีอายุมากกว่า วรรณะหรือฐานะสูงกว่าจะได้รับความสำเร็จด้วยดี
		และจะได้รับทรัพย์หรือมรดกของบิดามารดาที่สูญเสียไป 

	#	เป็นคนที่มีเสน่ห์ในกายตัว มีรูปร่างสวยงาม ชีวิตสมรสราบรื่น 

	#	คุณมีชีวิตในบั้นปลายเต็มไปด้วยความผาสุขบรรลุจุดหมาย
		ปลายทางที่คุณตั้งเข็มเอาไว้ เหตุการณ์ภายในบ้านจะเป็นไป	
		ด้วยความราบรื่น เหมาะสมกับการทำธุรกิจในด้านการจัดสร้าง
		โรงมหรสพ โรงแรม คุณจะรุ่งโรจน์เรื่องหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะหันไป
		ประกอบธุรกิจอาชีพทางใดจะพบกับความสมหวังทุกประการ

	 #	คุณจะได้มาซึ่งหลักทรัพย์ เช่น บ้านช่องที่ดินโดยที่ไม่ได้นึกฝัน 

	#	คุณเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ดีเลิศ

			ขอให้คุณโชคดีและมีความสุขดี.........ตลอดไป

โอ๊ะ...คำทำนายอะไรจะดีปานนั้น  เอ่อ...อ...
ถ้ากรอกข้อมูลเป็นจริง คงจะยิ้มแก้มปริ  แล้วล่ะ
แต่เอ่อ...เลย  ไม่รู้เลยว่า....เนื้อคู่....จะเป็นยังไง?				
18 ตุลาคม 2547 13:55 น.

ขอโทษ...ไม่ได้ต้องการอย่างนี้

แมงกุ๊ดจี่

ขอโทษ!  

ขอโทษ!  

ขอโทษ!  

ขอโทษ!  


อาจจะอ่อนไหวเกินไป				
7 ตุลาคม 2547 13:56 น.

ตราบาป(ตอนจบ)

แมงกุ๊ดจี่

ตราบาป (ภาคสอง)
***********************ภาคสอง**********************

จากวันที่เกิดเหตุ......................    
วันเวลาหมุนช้าเสียจริง  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
"ปริมประภัสณ์"  ไม่มีความสุขเสียเลย

เธอได้แต่วิตกกังวล  นับเดือนนับวัน  
ให้มันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว 
เพื่อเธอจะได้ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระเสียที

........2  เดือนพ้นผ่านมา

"คุณพ่อคะ  "
"ว่าไงยายหนู...."
"ปริมคงหนีตราบาปนี้ไม่พ้นเสียแล้ว" 

ปริมประภัสบอกบิดา  ด้วยความปวดร้าว 
อาดูรเสียยิ่งนัก  เธอปวดร้าวเหลือเกินกับคำตอบ
คำตอบที่เธอรออย่างใจจดจ่อ  
บิดาเธอเองก็เช่นเดียวกับเธอ จากวันเป็นสัปดาห์   
ผ่านมาเป็นเดือน   จนถึงวันนี้  ก็  2  เดือนแล้ว

"ปริม!   ไม่เป็นไรหรอกนะยายหนู  พ่ออยู่ข้างยายหนูนะลูก"

เศรษฐ์มองหน้าบุตรสาวด้วยความสงสาร 
แต่เขาไม่มีทางเลือกแล้ว  เขาต้องทำเพื่อเธอ

"คุณพ่อขา......ให้ลูกทำแท้งไม่ได้หรือคะ
คุณลุงหมอก็เก่งแล้วท่านก็รู้เรื่องดี
แล้วการทำแท้งเพราะลูก.......ถูกข่มขืน 
ไม่ผิดกฎหมายไม่ใช่หรือคะ"   

ปริมประภัสณ์  สะอึ้นในลำคอ 
 เธอเจ็บปวดเกินจะบรรยายให้ใครรับฟังได้

"พ่อเข้าใจยายหนูนะ  ก็จริงที่ยายหนูบอก"
"แล้วทำไม?   ลูกจะทำไม่ได้คะคุณพ่อ"

"ยายหนู   เด็กเขาไม่ผิดอะไรนะลูก
และเราก็มีศีลธรรมนะลูก  มันเป็นบาปนะลูก"

"ลูกเข้าใจแล้วคะคุณพ่อ"
"พ่อไม่ได้ผลักไสลูกหนูนะ   พ่อรักลูกหนูนะ
และ  "ภัสกร"  เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะลูก
เขามีหน้ามีตา มีชาติตระกูล  และเขาก็เป็นคนดี
ที่เขารังแกลูกวันนั้น  เพราะเขาเมาไม่ได้สติ"

"ไม่ได้สติ  เหรอค่ะ  คุณพ่อ ลูกเลยต้องเป็นแบบนี้"
ปริมประภัสณ์ร้องไห้สะอื้น  ไม่ยอมหยุด 
เธอสับสนเหลือเกิน  เธอถูกเขารังแกเจ็บช้ำปานนี้ 
บิดายังจะผลักไสเธอให้ไปอยู่กับเขาอีกหรือ

เศรษฐ์เดินเข้าไปกอดลูกสาวเค้าไม่ได้จะผลักไสเธอเลย
เขาทำเพื่อรักษาเกียรติของเธอ และเพื่อเด็กที่จะเกิดมา

เมื่อตกลงกันกับลูกสาวเข้าใจดีแล้ว
เศษรฐ์จึงรีบส่งจดหมายไป  หา "ภัสกร"  ทันที 

"ถึงคุณ  ภัสกร  นฤเดชา   

	                   สิ่งที่ผมและลูกสาวกลัว  มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว   
	                   ผมปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้    หวังว่า....
	                   คุณคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผม  และ ลูกสาว
	                   เธอเป็นภรรยาของคุณ  ทั้ง  พฤตินัย  และนิตินัย  
	                   เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว  คุณควรมารับเธอ
	                   ตามที่ได้สัญญากันไว้ 
				      
                                                                             เศรษฐ์              "

อ่านจดหมายจบแล้ว ภัสกร  หลับตา  นั่งนิ่งไปสักครู่  
เขาปฏิเสธได้เหรอ?  กับเรื่องที่เกิดขึ้น
มันเป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ  ทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัว
ลูกผู้ชายเขาก็ต้องรับผิด  ในสิ่งที่ก่อขึ้น

เขาเองก็อดที่จะโทษตัวเองเสียไม่ได้
หากวันนี้มีสติ  สักนิด  เขาคงไม่ทำเรื่องเลวร้าย
ได้ถึงเพียงนี้   ชีวิตของเขาก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้

ภัสกรมาถึง  "ไร่ภูตะวัน  ไม่สายนัก  เพื่อมารับภรรยา
นึกแล้วเขาก็อดที่จะขำตัวเองเสียไม่ได้  นี่เขามีเมียแล้วหรือ?

"ยายหนู  ยายหนู   คุณภัสกรมาแล้ว"
"ทราบแล้วคะคุณพ่อ  คุณพ่อค่ะ   ลูกขอคุยกับเขาก่อนจะไดหรือไม่คะ"
เศรษฐ์มองหน้าลูกสาวแล้วพยักหน้าให้  

ปริมประภัสณ์นั่งชิงช้าแกว่งไกว  ไปมาอย่างคนใจลอย  
ไปถึงไหนต่อไหนแล้วไม่รู้  ภัสกรยืนสาวสวยเหม่อลอยยิ่งนัก 
ปริมประภัสณ์เธอไม่รู้  เขามายืนข้าง เธอเมื่อไหร่

"เอ่อ......"  ภัสกรส่งเสียงเพื่อให้เจ้าตัวรู้ว่ามีคนมา
ปริมประภัสณ์  หันหลังมามอง  ชายที่จมูกโด่ง 
ใบหน้าคมคาย  ผิวสะอ้าน  แต่งตัวดูภูมิฐาน   

เธอพิจารณา  ใบหน้าลักษณะของเขา
มองเข้าให้ชัด  ในวันเกิดเหตุเธอไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ
นี่หรือซาตาน  ที่รังแกเธอวันนั้น  
ทำไม?  เขาไม่เหมือนซาตาน  ที่ดุร้ายอย่างวันนั้น

เธอมองหน้าเขาแล้วเริ่มสนทนาอย่างรีรอต่อไป
"คุณภัสกร  ดิฉันขอคุยกับคุณก่อนเพื่อ
ที่ดิฉันจะได้ปลอดภัย   ระยะเวลาที่คุณและฉัน
อยู่ร่วมกัน  คุณต้องสัญญาว่าคุณจะไม่แตะต้องตัวฉันเป็นเด็ดขาด
เราจะอยู่ร่วมกันเพียงแต่ในนามเท่านั้น
แม้........เราจะ"    

เธอหยุดสักพัก  ภัสกรเมื่อรู้ทันเขาจึงพูดตัดบทไป
เพื่อไม่ให้เธอลำบากในการพอมันออกมา

"เราจะร่วมกันชดใช้ตราบาปนี้ร่วมกัน"  ภัสกรเอ่ยขึ้น
"ไม่ค่ะ  ไม่ใช่เรา........คุณคนเดียว"  น้ำตาปริมประภัสณ์ซึมออกมา
ทำให้คู่สนทนารู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร

"ครับ  ผมสัญญา  และผมจะดูแลคุณเป็นอย่างดี
และตามสิทธิ์ของภรรยาทุกประการ"

เมื่อทั้งสองคุยกันเข้าใจแล้ว  ภัสกรได้พา  ปริมประภัสณ์ 
ไปใช้ชีวิตอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ   หรือจะเรียกว่า...
ปราสาท  ก็ย่อมได้

จากวัน  เป็นคืน  ผ่านไปเป็นเดือน
ภัสกรเขาดูแล  เอาใจใส่ปริมประภัสณ์  
อย่างดีที่สุด   ปริมประภัสณ์เธอก็เริ่มรู้สึกดีกับเขา

ปริมประภัสณ์  เธอเริ่มที่จะรักเขาแล้ว
จากการดูแลเอาใจใส่ของเขา  

ฝ่ายภัสกร  เองก็เริ่มมีความรู้สึกพิเศษ 
ที่อยากดูแลเอาใจ   และคอยมองภรรยาของตน
เขาก็เริ่มแปลกใจความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่กัน

ครบกำหนดคลอด  ก็ผ่านมาเดือนที่เก้า  แล้ว
ทั้งคู่ต่างก็รู้แก่ใจว่ารัก  และขาดกันแลกันไม่ได้
และพร้อมที่จะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์

ทั้งสองได้ลูกสาว   
หน้าตาออกจะเหมือนพ่อ  

"ลูกจ๋า   ถึงแม้ลูกจะไม่ได้เกิดจากความรัก
ของพ่อกับแม่ก็ตาม   แต่ลูกจะเป็นสายใย
เชื่อมโยง  พ่อ กับ  แม่ไว้ด้วยกันนะลูก"

ปริมประภัสณ์เธอมองหน้า  ภัสกร  แล้วก็ยิ้ม
ภัสกร ยิ้มให้ภรรยา  แล้วเขาก็หันไปคุยกับลูกน้อย
วัยแรกเกิด  

"ถึงลูกจะไม่เกิดด้วยความรัก  ก็ตาม
แต่ลูก  เป็นคนทำให้พ่อรักแม่  ได้มากมายเหลือเกิน"

ภัสกร  สบตาลูกสาว
แล้วกล้มจูบลูกสาวแสนอ่อนโยน 
พร้อมทั้งจูมพิตที่หน้าผากภรรยา   อย่างแสนรัก..............

**************************อวสาน***************************


รีบจบไปหน่อยนะคะ    เพราะกลัวจะเป็นนิยายเรื่องยาว
เพราะแทนที่จะเป็นเรื่องสั้น  กับเป็นนิยายเสียนี่ ........				
Calendar
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟแมงกุ๊ดจี่
Lovings  แมงกุ๊ดจี่ เลิฟ 2 คน
Calendar
Lovings  แมงกุ๊ดจี่ เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแมงกุ๊ดจี่