17 สิงหาคม 2549 14:43 น.

รอ

แมงกุ๊ดจี่

.............2549-5-22-082331-1087.jpg

คุณแพร...
เธอนั่งซึมอยู่บนม้านั่งในสวน   ที่ร่มรื่น   สงบ   และเขียวฉอุ่มสวยงาม
ดูเหมือนหญิงสาวจะไร้ชีวิตชีวา    เธอดูเหม่อลอย   แววตาเศร้า...
เหมือนมีสิ่งใดอยู่ในใจลึก ๆ    ดูเหม่อลอย  ล่องลอยแบบไร้จุดหมาย...				
8 สิงหาคม 2549 18:06 น.

เรื่องเล่าของแม่ 49'

แมงกุ๊ดจี่

...ตึกตั๊ก  ตึกตั๊ก........เสียงหัวใจของฉันมันเต้นผิดจังหวะ  ไม่เหมือนอย่างเคย   พร้อมกับเสียงหายใจที่ติดขัด  ไม่เป็นจังหวะอย่างเคยเป็น   ฉันนั่งกำมือแน่น  ตัวเก็งไปหมด   ฉันนั่งลำพังคนเดียวอยู่หน้าห้อง....ซึ่งก่อนหน้านั้น   ฉันได้เจอผู้ชายใจดีคนหนึ่งเขาดูภูมิฐาน   เขาเอ่ยบอกฉันว่า  *ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง   อย่ากังวลเลย   เดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว*

...คำพูดที่ปลอบโยนของผู้ชายใจดีคนนั้น   ไม่ได้ช่วยให้ฉันคลายความกังวลอะไรเลย  ฉันนั่งนิ่ง  ตัวแข็งทื่ออยู่ไม่นาน   สักพักได้ยินเสียงดังก้อง...ในหู  *อย่าทิ้งพ่อนะ   ดูแลพ่อนะ*   มันวนซ้ำ ๆ   ในหูเหมือนอยู่ใกล้  ๆ  
ไม่ไกลจากฉันเท่าไหร่    ฉันมองไปรอบ  ๆ   มีภาพผู้หญิง   อายุมากแล้วนอนอยู่บนเตียง   สายตาเหม่อลอย   จ้องมองมาทางฉันแล้วเอ่ยขึ้น  *อย่าทิ้งพ่อนะ   ถ้าแม่...ไม่อยู่แล้ว  ดูแลพ่อด้วย  อย่าลืมนะ*    แม่...พร่ำบอกฉัน...ช้ำ ๆ 

...ตอนนั้น    ที่แม่...เอ่ยออกมาทั้งที่ลำบากในการที่จะเปล่งเสียงออกมา  แต่แม่...ก็พยายามที่จะพูด   ให้ฉันได้รับฟัง   แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้รับปากกับแม่ไว้ ฉันสนิทกลับแม่...ตั้งแต่เด็กจนโต... ฉันซึมซับเรื่องราวของแม่...มากกว่าใคร ๆ  ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด   แม่...ไม่ได้ไว้ใจฉันหรอก   แม่...เคยบอกว่า   ฉันเหมือนพ่อทุกอย่าง   รูปร่าง   หน้าตา   นิสัยใจคอ  ผิวพรรณ    แม้นแต่โรคลมในกระเพราะ    ก็ยังเหมือนพ่อ....สงสัยตอนฉันอยู่ในท้องแม่   แม่คงรักพ่อมากหรือเปล่า  หรือโกรธพ่อน๊า  ฉันเองก็ไม่กล้าถาม...

...เมื่อฉันเหมือนพ่อทุกอย่าง   จึงทำให้ฉันพยายามทดแทนสิ่งที่แม่ขาด  สิ่งที่พ่อไม่เคยให้แม่... ทุกเรื่องราวของแม่...ฉันซึมซับมาทุกอย่าง  ความเจ็บปวดทุกอย่างที่พ่อทำไว้กับแม่...พ่อเจ้าชู้แค่ไหน?   พ่อนอกใจแม่กี่ครั้ง   ฉันรับรู้และรับทราบทุกอย่าง   พี่ ๆ  น้อง ๆ  ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย...

...ฉันไม่ได้ดีใจหรอก   ที่รู้เห็นเรื่องราวพวกนี้    ฉันเสียใจต่างหาก  และร้าวรานในหัวใจ   รักและสงสารแม่มากแค่ไหน?   แต่ฉันทำอะไรไม่ได้  ได้แต่นั่งอยู่ข้าง  ๆ   เป็นเพื่อนแม่  ร้องไห้ไปกับแม่เท่านั้นเอง...พ่อไม่ใช่บุคคลที่น่าประทับใจสำหรับลูก ๆ  ทุกคน   แต่พ่อใม่เคยสอนให้ลูกเป็นคนไม่ดีเลย มีประโยชน์หนึ่งที่พ่อบอกพวกเราเสมอ   *รักที่จะเป็นอะไรให้เลือกเอา   รักดีก็ทำ  รักชั่วก็ทำ*   พ่อให้อิสระกับพวกเรา      พ่อไม่มาดูแลพวกเรา   ทำให้เราไม่ยอมที่จะเป็นคนไม่ดีในสายตาของใคร ๆ

...วันที่แม่ออกจากโรงพยาบาล   เพื่อกลับมาบ้าน   เป็นวันที่ทรมานในหัวใจเหลือเกิน ฉันไม่ได้ไปทำงาน   ฉันนั่งอ่านหนังสือให้แม่ฟัง   ใคร  ๆ  บอกว่าฉันบ้าไปแล้ว   ไม่หรอกฉันไม่ได้บ้า... เพราะหนังสือที่ฉันอ่านเป็นคัมภีร์พระไตรปิฎก   ทำให้ใคร ๆ  คิดว่าฉันเป็นบ้าไปแล้ว    แม่เริ่มไม่ไหวแล้ว...ฉันเอียงตัวไปแนบแก้มแม่   และพูดข้าง ๆ หูบอกให้แม่ท่องพุทธโธ  พุทธโธ   พุทธโธ   
*คิดถึงพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ ไว้ในใจนะแม่นะ* 

...ฉันจับมือแม่ไว้มั่น   แม่พยายามพูด   แต่ไม่มีแม้นเสียงเปล่งออก   สายตาของแม่ดูวิงวอน...เห็นสายตาแม่แล้วทำไม?   ฉันจะไม่รู้ว่าท่านต้องการอะไร    ฉันตัดสินใจ  บอกแม่ออกไป...*แม่ไม่ต้องห่วงนะ   หนูจะดูแลพ่อ   จะไม่ทิ้ง   และจะคอยดูแลน้อง   แม่ไม่ต้องห่วงนะ*   ฉันพูดเสียงดังฟังชัด   ปะปนกับเสียงร้องไห้  โฮของพี่สาว   และพ่อที่อยู่รอบ ๆ ข้าง...  ปู่และญาติ   ดึงตัวฉันออกมา   เพื่อไม่ให้น้ำตารดศพแม่   มือของแม่ยังกำมือของแน่น   ตาของแม่ไม่ปิด  ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือไปปิดตาแม่   เพื่อให้แม่หลับตาให้สนิท  เหตุการณ์วันนั้นทำให้ฉันรู้สึกผิด   ผิดจนถึงทุกวันนี้...  

...แหลม   แหลม...เสียงดังมาจากข้างหลังทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากพะวังภ์  ฉันหันไปมองพร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลมาจากไหนก็ไม่รู้   แล้วมองหน้าพี่ชาย   เห็นเขามาแล้วทำให้ฉันอุ่นใจขึ้นเยอะ   ความหวาดกลัววิตกกังวลหายไปบ้าง  แต่ก็ยังมีอยู่
พี่ชายของฉันนั้นเอง   เขาเรียบร้อนหน้าตาตื่นมา   แล้วถามขึ้นแบบเรียบ  ๆ  ในแบบของเขา  *พ่อเป็นไงบ้าง...*  เขาเอ่ยถามหน้าของเขาเหมือนเฉย ๆ  
แต่แววตาเขาก็กังวลไม่ต่างจากฉันหรอก  *ไม่รู้หมอยังไม่ออกมาเลย*  ฉันตอบไปด้วยเสียงสะอื้นในคอ... พี่คงไม่รู้สินะว่าฉันกลัวแค่ไหน?  

...สักพักผู้ชายใจดีคนที่ปลอบฉันก่อนหน้านั้น  เดินออกมาจากห้อง...ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะ    คนไข้ต้องฟักฟื้นที่โรงพยาบาลก่อน ประมาณ   1   อาทิตย์นะ  ฉันมองหน้าพี่แล้ว  ความกังวลใจ  ที่มีบนใบหน้าก็หายไป   ฉันเอยขึ้นพร้อมยกมือไหว้เขา *ขอบคุณมากคะหมอ*   แล้วหมอก็เดินจากไป...การผ่าตัดของพ่อผ่านได้ด้วยดี    รอแค่การฟักฟื้นเท่านั้น  อีก  1   อาทิตย์ก็กลับบ้านได้แล้ว...				
4 กรกฎาคม 2549 11:50 น.

จดหมายเปิดผนึก...

แมงกุ๊ดจี่

ถึงคนพิเศษ...ของความคิดถึง...

...นอกหน้าต่างบานใสฝนตกปรอย ๆ  ด้วยล่ะ
ทำให้คิดถึง  ใครสักคน   แต่กลายเป็นว่าคิดถึงใครทุกคนไปแล้วตอนนี้...
คิดถึงคนที่อยู่ไกลแล้ว   มันคล้ายล่องลอย   คล้ายไม่มีตัวตน  
คล้ายกับว่าเป็นสายลม   สายฝน...   ร่วงหล่นลงมาแล้วจางหาย  หายไป...
				
28 มิถุนายน 2549 16:41 น.

ปลูกรัก...?

แมงกุ๊ดจี่

*ฝนตกกระหน่ำคล้ายท้องฟ้าร่ำไห้   คร่ำครวญ    ฟ้าคงเจ็บปวดน่าดูสินะ
ถึงได้ปล่อยให้น้ำตาไหลหลั่ง    จนนองไปทั่วทุกแห่งหน...*

สายตาที่ทอดผ่านกระจกหน้าต่างบานใสออกไป    ไหวหวามตามสายฝน
ที่โปรยหล่น   ดูเหงา   เศร้าหัวใจ   น้ำตาของหญิงสาวไหลพรั่งพรูออกมาเป็นสาย...


*อย่าทำให้รัก  เดี๋ยวมันหลงเดี๋ยวมันรัก  ชั้นตั้งหลักไม่ทัน
เดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว  รักมันปักหัวใจทำไง  จะดึงออกไปก้อดึงไม่ออก*

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น   ขัดจังหวะการไหวหวามของหัวใจ
ที่กำลังล่องลอย   ออกไปท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย....อยู่นั้น
หญิงสาวละสายตามจากขอบหน้าต่างบานใส   ดูหมายเลขที่โทร.เข้ามา...
หล่อนมองโทรศัพท์อย่างตัดพ้อ  แววตาน้อยอก  น้อยใจ...พร้อมกับเสียงสะอื้นเบา...   
คล้ายจะร้าวรานหัวใจเหลือเกิน   แล้วก็มีเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างแผ่ว แผ่ว...

*คนใจร้าย   จะโทรมาทำไม?*   เสียงบ่นพึมพำของหญิงสาว   พ้อออกมาเมื่อรู้ว่าใครโทรมา

*อย่าทำให้รัก  เดี๋ยวมันหลงเดี๋ยวมันรัก  ชั้นตั้งหลักไม่ทัน
เดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว  รักมันปักหัวใจทำไง  จะดึงออกไปก้อดึงไม่ออก*
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง     กลับยิ่งทำให้หญิงสาวร่ำไห้  ฟุบหน้ากับหมอน  สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น...

*เป็นอะไรของเขานะทำไม?  ไม่รับโทรศัพท์*    เสียงนพฤทธิ์  บ่นหงุดหงิดอารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่
*คนใจร้ายจะโทรมาทำไม?   ฉันเกลียดคุณแล้ว ฮือ   ฮือออ.... *   เสียงหญิงสาวตัดพ้อกับเสียงโทรศัพท์
โดยที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น    ทำไม? คนรักจึงไม่รับโทรศัพท์ของตน...

ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง  (แถวบางเขน)  อิอิ
*ข้าวแกเป็นอะไรทำไม?  ตาแกบวมเบ่งแบบนั้น  หึ...*   นิชาทำเสียงดังพร้อมกับทำหน้าตาตื่นตระหนก
*เมื่อคืนชั้นนอนไม่ค่อยหลับ  ไม่มีอะไรหรอก*   ต้นข้าวรีบตอบ  กลัวเพื่อนจะเป็นห่วง...
*แกก็ถามไปได้    ไอ้ข้าวมันไม่มีอะไรหรอก   นอกจากต้นไม้มันตายมันจึงจะเศร้า..*  เสียงก้อยแทรกมา...
*ต้นไม้เหรอ?   นั่นสิชั้นไม่รดน้ำสองวันแล้ว  แต่ก็ช่างเถอะ*   ต้นข้าวพูดไปหน้าก็ไม่หันไปมองใครกลับเหม่อลอย
ทำให้เพื่อนสาว   ตะลึงตาค้าง  ต่างพากันสงสัยว่าทำไม?   เพราะต้นไม้  ต้นนั้นสำคัญสำหรับข้าวมาก...
*หา !!  อะไรนะ  ไอ้ข้าวแกไม่ห่วงต้นไม้แกแล้วเหรอ?*   สามสาวพูดขึ้นพร้อมกันโดนไม่ได้นัดแนะ...
เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมา  จนสร้างความแปลกใจให้เพื่อน ๆ   
*อื้อ...*   ต้นข้าวมองเพื่อน ๆ  น้ำตาก็พาลจะไหลออกจากตาแดง ๆ  
*แกมีอะไรข้าว   ทะเลาะกับพี่นพเหรอ?*   มิ้นถามพร้อมกับเอามือมาจับมือของต้นข้าว
*เปล่าหรอก *   ต้นข้าวตอบ   หน้าก็ฟุบลงกับโต๊ะอยู่อย่างนั้น 
 เดี๋ยวเพื่อน ๆ  จะเห็นน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด    เพื่อน ๆ  ต่างพากันทำหน้างง ๆ
*แล้วแกเป็นอะไร  ไหนบอกมาสิ   ชั้นรู้แล้วที่ตาแกบวม   
แกร้องไห้ทั้งคืนใช่มั้ย   แกบอกพวกชั้นมาเดี๋ยวนี้ไอ้ข้าว...ได้ยินเปล่า?*  ก้อยทำเสียงขู่ให้เล่าเรื่องราวให้ฟัง
*พวกแกจะเอาอะไรกับฉันล่ะ  ฮือออ *  ต้นข้าวตอบเพื่อนไป   แต่ก็ยังนั่งท่าเดิม...
*แล้วเป็นอะไร   แล้วพวกชั้นจะช่วยแกยังไง*   นิชาถามขึ้นบ้าง...
*เดี๋ยวจะกลับแล้วนะ  วันนี้ไม่เรียนแล้ว แลคเชอร์ให้ด้วยนะ*   ต้นข้าวบอกเพื่อนเสร็จหยิบกระเป๋าถือกับหนังสือ
แล้วปล่อยให้เพื่อนงง  กับเรื่องที่เกิดขึ้น...

...พอถึงบ้านต้นข้าว   ไปที่ระเบียงนอกห้องนอน   
เธอคิดถึงต้นไม้ที่   ไม่ได้รดน้ำมานานสองวันแล้ว...
ต้นไม้ที่คนรักให้เธอในวันสำคัญ เป็นของขวัญในวันครบรอบคบกัน...
เป็นต้นมะลิลา  ดอกสีขาวเล็ก ๆ   ที่จะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ  โชยเมื่อมีลมพัดเย็น ๆ
ต้นข้าวตั้งใจ   วางกระถางไว้ที่ระเบียงห้องนอน    เพื่อจะได้เห็นก่อนนอน  และหลังตื่นนอน...

...ฝนตกอีกแล้ว   ต้นไม้ต้นนี้คงอยู่ได้เพราะละอองฝนสินะ   ต้นข้าวพลางนึกในใจ
มือก็ถือโทรศัพท์ไว้   แต่สายตากลับเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง...ท่ามกลางสายฝน...
แล้วเหลียวมองต้นไม้ที่เฉา  อยู่ที่ระเบียง...

พี่นพ  :  พี่ว่าคนเรานะคบกันแล้วก็เหมือนปลูกต้นไม้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดน่ะ..
 ต้นข้าว :  แต่การดูแล   และเรียนรู้คน  คนหนึ่งต้องมีมากน้อยแค่ไหน? อันนี้ไม่เคย  และไม่เข้าใจ 
พี่นพ  :  ไม่ใช่ปลูกทิ้งปลูกขว้างเหมือนต้นไม้ข้างถนน ฝนไม่ตกก็ตาย... 
พี่นพ  :  หรือว่าจะเป็นไปเองเมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้น ๆ 
พี่นพ  :  ปลูกต้นไม้ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดินเป็นประจำ.. 
ต้นข้าว  :  แล้วการมีคนรัก   หรือว่าการมีคน  คนหนึ่งเข้ามาในชีวิตต้องดูแลอย่างไร ?   มันต้องยากกว่าดูแลต้นไม้แน่ ๆ   เชียว....   ? 
พี่นพ :   ตรวจดูทุกรายละเอียด...ดินเสื่อมหรือเปล่า..ต้นและใบแข็งแรงหรือไม่ 
ต้นข้าว :  แล้วคน   ไม่เหมือนต้นไม้   นี่คะ   การดูแลมันยากกว่ากันนะคะ 
พี่นพ :  ไม่ยากอย่างที่คิดหรอกเมื่อเรารู้จักรักอย่างถ่องแท้       รักคนอื่นไม่ใช่รักตัวเอง.. 
ต้นข้าว :  *รักอย่างถ่องแท้..*   ? 
พี่นพ :  เพราะการเอาใจใส่จะออกมาเอง...ไม่จำเป็นต้องบังคับให้มันออกมา... 
ต้นข้าว :  ต้นไม้ที่ข้าวดูแลไม่รู้ว่ามันจะงอกงามมั้ย  ?     
พี่นพ :  มันอยู่ที่เราเองว่าจะดูแลมันได้ดีขนาดไหน.. 
ต้นข้าว : เพราะไม่รู้ว่ารดน้ำอย่างไร   ใส่ปุ๋ยมากน้อยแค่ไหน?   
จึงจะงอกงาม   ทั้งที่เราก็อยากให้ต้นไม้นั้นงอกงาม   เติบโต 
พี่นพ :  เรื่องนี้ต้องค่อยๆ  เรียนรู้และทำความเข้าใจไปเรื่อยๆจนชำนาญแหละครับ 
ต้นข้าว :   *จนชำนาญ*  ?
พี่นพ :  มีความรู้ในการให้น้ำให้ปุ๋ย เวลาไม้ออกดอกใช้ปุ๋ยอะไร.. 
ต้นข้าว :  เคยคิดอยากจะมีต้นไม้สักต้นไว้ดูแล   แต่ก็กลัวจะดูแลไม่ได้    กลัวต้นไม้จะเหี่ยวเฉาตาย 
พี่นพ :  ก่อนดูแลก็ต้องรู้สิครับว่าต้นไม้ต้นนั้น  ชอบปุ๋ยอะไรชอบน้ำมากน้ำน้อย  ชอบสภาพแวดล้อมแบบไหน.. 
ต้นข้าว :  งั้นก็ต้องศึกษา   เรียนรู้วิธีที่จะดูแลรักษา  เพื่อให้ต้นไม้นั้น  งอกงามอย่างที่เรามุ่งหวังไว้ 
พี่นพ :  ทุกสิ่งทุอย่างมันมีวิถีทางและบทสรุปอยู่ในตัวมันเองทั้งนั้น... 
อยากให้ต้นไม้งอกงามก็ต้องดูแลรดน้ำ..อยากให้เขารักเราเราก็ต้องรักเขาก่อน.
.อยากให้เขาใส่ใจเราเราก็ต้องใส่ใจเขา..เป็นสิ่งที่ปฏิบัติตอบแทนซึ่งกันและกัน 
ต้นข้าว :  ทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อนเสมอ    ใช่หรือป่าวคะ 
พี่นพ :  เราอยากได้สิ่งไหนตอบแทนเราก็ต้องปฏิบัติกับเขาก่อน..เพื่อเป็นแนวทางให้เขาได้ซึมซับความรู้สึกที่มี 
ต้นข้าว  :  ถ้างั้นเราอยากได้ความรัก   เราก็ต้องรักเขาก่อนงั่นเหรอ? คะ...

พอนึกถึงสิ่งที่เคยคุยกัน   กลับทำให้น้ำตาร่วงพราวราวกลับไม่เคยไหลมาก่อน...(โอเวอร์เนาะ)
พร้อมกับกดโทรศัพท์ไปเบอร์ที่เธอคุ้นเคย...เป็นอย่างดี
*สวัสดีครับ*  เสียงส่งมาตามสาย  ทุ้ม  นุ่ม  อบอุ่น   (จริ๊ง  จริง ๆ  )
*พี่นพ   ข้าวขอโทษ*  ต้นข้าวพูดไปน้ำตาไหลไป   เสียงที่ส่งไปตามสายสะอื้นไห้...
*เป็นอะไรเด็กดื้อ   ทำไมขี้แยอย่างงี้นะ   เราโตแล้วนะ*  เสียงเขาบอกคนรัก   เหมือนจะเอ็ดแต่ไม่ใช่
*ไม่ร้องก็ไม่ร้องค่ะ  หายแล้ว*  เสียงตอบกลับไป มีทั้งเสียงหัวเหราะปนเสียงสะอื้น....จากการร้องไห้
*เดี๋ยวเลิกงานแล้วพี่จะไปทำโทษคนดื้อซะหนอ่ยนะ*  นพฤทธิ์เย้าคนรักเล่นอย่างอารมณ์ดี
*ค่ะ *   ต้นข้าวตอบรับพร้อมกับรอยยิ้ม
*จ๊ะเดี๋ยวพี่ทำงานก่อนนะจ๊ะเด็กดื้อ*   แล้วนพฤทธิ์ก็ว่างสายไป...

----------------------------------------------  พักสายตา  ---------------------------------------------------

แล้วความรักของคุณล่ะคะ     มีนิยามคืออะไร  ท้องฟ้า  ท้องทะเล  หรือจะทุ่งหญ้าที่กว้างงงงง...   
หรือว่าจะเป็นต้นไม้อย่างความรักของต้นข้าว   อิอิ...
คุณรู้มั้ย  ต้นข้าวเป็นอะไร   ให้ทายค่ะ... ทายเล่น ๆ    ลองดูกันค่ะะ..

ขอบคุณนักแสดงกิตติมศักดิ์ทุกท่านค่ะ...อิอิ
นพฤทธิ์   [พระเอก] 
ต้นข้าว  [นางเอก]  
ก้อย,  มิ้น,  นิชา     เพราะร่วมก๊วนของต้นข้าว
พี่ต้นกล้า  [พี่ชายของต้นข้าว]  ยังไม่ปรากฏตัวเลยอ่ะ   ไว้ม้วนสองน๊า  อิอิ...				
13 มิถุนายน 2549 10:56 น.

จดหมายปิดผนึก...ถึงคนของหัวใจ

แมงกุ๊ดจี่

ถึงคุณ... _ _ _ _ 

       ฉันขอโทษนะค่ะ  ที่วันนี้ฉันอยากเขียนถึงคุณ     
บางความรู้สึกของหัวใจ   ยังต้องการเวลาที่จะหาคำตอบที่ดีที่สุด  
 คุณเข้าใจในข้อนี้ดีนะค่ะ และคุณคงไม่ว่า... 
แล้วคุณเป็นอย่างไรบ้างค่ะ   นานมากแล้วที่เราไม่ได้พบกัน   
หลังจากวันที่เราจากกันวันนั้น   ฉันได้แต่คิดถึง....*คุณ*
ยิ่งคิดยิ่งทำให้ซึ้งถึงความเหงา    ว่ามันทรมานมากแค่ไหน?   เพิ่งเข้าใจ
อยากเจอคุณจังเลย    อยากบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ  มากมาย  
ที่ฉันมีโอกาสไปพบเจอมาในช่วงเวลาที่ไม่มีคุณเคียงข้าง...

      แม้ว่าทุก-ทุกอย่างดูเนินนาน   ห่างหายกันไปนาน     
ไม่ว่านานเท่าไหร่ยังคอยแต่ห่วงหาคุณ   คุณเท่านั้น
หลายสิ่งหลายอย่างผ่านเข้ามา    ในช่วงเวลาที่เราห่างกัน
ฉันรู้ซึ้งแล้วว่า...*ฉันรักคุณ*   "เพิ่งรู้ซึ้งในหัวใจ   รักเธอยิ่งกว่าเคยรักใคร
เพิ่งรู้ว่ารักเธอที่สุด   ยิ่งรู้ซึ้งยิ่งเสียใจ  รักจนไม่อาจจะรักใครได้อีกเลย"
สิ่งเดียวจริง ๆ  ติดอยู่ในใจ    สิ่งเดียวที่ทำให้เราโกรธกัน   เก็บความในใจ  เก็บไว้
ต้องคอยกลบเกลื่อนว่าไม่เจ็บปวด   ทั้งที่จริงทรมานเหลือเกินวันที่ไม่มีคุณเคียง...
วันนี้ฉันเจ็บปวดมากที่เป็นสาเหตุให้เราทั้งสองแยกจากกัน...

      หากขอโทษก็คงไม่สามารถย้อนกลับเวลานั้นมาได้อีกแล้ว...
คำว่า *รัก*   ที่คุณเคยอยากฟัง   ฉันเอ่ยในตอนที่ทุกอย่างสายไป       ฉันขอโทษ...
อดีตก็คืออดีต   ฉันเข้าใจข้อนี้ดี   คุณยังเป็นคนของหัวใจ   ที่ยังงดงามในความทรงจำเสมอ...

เพิ่งรู้ว่ารักเธอที่สุด   ยิ่งรู้ซึ้งยิ่งเสียใจ  รักจนไม่อาจรักใครได้อีกเลย				
Calendar
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟแมงกุ๊ดจี่
Lovings  แมงกุ๊ดจี่ เลิฟ 2 คน
Calendar
Lovings  แมงกุ๊ดจี่ เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแมงกุ๊ดจี่