2 มิถุนายน 2548 10:19 น.

บัวขาวพราวไสวในบึงฝัน!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song373.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html
..............



วสันต์พรายมาหลายวันแล้ว..ในยามเย็น

ทำให้ไพล..อดเต้นออกกำลังกาย..
ในลานจันทร์ฝันพลี...ลานกลางแจ้ง...

ที่มีมวลแมกไม้รายรอบ
ส่งกลิ่นหอมหวานระรินๆมาเป็นระยะๆ
แกล้มให้ยิ่งได้อารมณ์แสนน่าถวิลเสน่หา
เช่นลีลาวดี.... 
ที่ไพลมักชอบแหวกกอช่อดอกแล้วพลีจูบ..แทบทุกวัน..!



เย็นนี้...
ไพลนุ่งกางเกงขาสั้นสีขี้ม้า
ตัวเก่งตัวเก่าตัวเดิม
ที่เก่าซีดมิรีดยับเพราะชอบใส่ซักๆทุกวัน



แล้วผันตัวเองออกมา .....

มาตรแม้นว่า...เริ่มเห็นฝนทำท่าตั้งเค้า
ให้หนาวเหน็บในดวงใจดวงน้อยนี้

ที่มักจะอ้อยสร้อย...คอยแอบซึมเศร้า  ซึ้งสุขรุกเร้า
ให้อารมณ์กับไพลคนนี้....
คนที่..ดวงใจแสนรักความโรแมนติก
และหยาดฝนพรำมาแต่ไหนแต่ไร



และ
ไม่ว่ายามใดแห่งชีวาชีวิต

ที่บางคราวแม้นจักได้ยินเสียงฝนพราวราว
*ปีศาจวสันต์มาร้องโหยไห้ครางครวญ
มาลวงหลอกหลอน ก็ตามทีเถอะนะ..คนดีที่รัก



และเคยลองกลับ..
ไปอ่านเรื่องราวมากมายมากมี...
ที่เคยรจนาพลีฝากไว้
ยามวสันต์มา..ฟ้าร้องไห้  

นับแล้ว...ก็ได้..สักเป็นร้อยเรื่อง..ละกระมังนะกระมังนี่..



กลับมา. ..วันนี้...

ที่ยัง...มิดีกว่า ยังกับว่า..
ฤดีระกำ..ชอบย้ำวน..มากับฤดูกาล ไม่เลิกลา
ก็นะ วิบากกรรม 
อาจจะยังชดใช้ไม่หมด ก็งดงามดี
หากคิดในทางดีทางบวกแบบนางงามจักรวาล



เพราะว่า..
คือการได้สอนเศร้า 
ให้เข้าใจโลกเข้าใจชีวีชีวิตนี้อย่างถ่องแท้ถี่ถ้วน

*ว่าใดใดในโลกล้วน   อนิจจัง 
   คงแต่บาปบุญยัง        เที่ยงแเท้*

ที่แน่ๆไร้หวานใด..มีแต่ทุกข์เต็มร้อย 
หากวันใดทุกข์ลดน้อย..สักห้าเปอร์เซนต์
นั่นแหละอาจเรียกว่าสุข



*สรุปคือทุกชีวีนี้ 
 *แค่ทุกข์ลดลง..ตามสัจจธรรมจริงแท้
ที่แน่แสนแน่   ยิ่งกว่าแช่แป้ง...ที่ยังมีวันบูดเน่า..เสียอีก

หากรู้จักใช้ชีวีตัวเองเรียนรู้เป็นครูตน
ก็จักยอมรับดีร้ายได้...
อย่างมิหวั่นไหวหวั่นหวาม..ในทุกผัสสะอะไร ไว้นานเลย



รู้ทำใจให้ชินชาเฉย วางว่าง
 
สร้างเพียง...คุณงามความดี..พลีเป็นบารมีบุญ
ก็พอเพียงก็เพียงพอ...ก็แค่นั้นก็แค่นี้...
ก็แค่ตราบชั่วยังมีลมหายใจ..แห่งชีวาชีวิต..!



เพราะโลกหล้าเรานี้...
เราต้องอยู่กับคน...มากมาย ดีร้าย
ปนมากับวิบากกรรมวิบากเก่าวิบากรักเรา..ที่จักตามมา



ตราบใด....
ที่เรายังต้องกลับมาเกิด  

ยังมิใช่ ...
 มีจิตประเสริฐ
*ดั่งแก้วประภัสสรใสวิเศษ*แพรวพรายราวอัญมณี

ให้ได้พบความว่างกระจ่างสว่างสงบงาม 
ได้ละวาง ว่าง ให้ได้ตรงไปถึงยังฝั่งฝันพระนิพพาน



ก็ยังจำต้องมาชดใช้ 
มาพบความเกิด แก่..เจ็บ..ตาย 
ว่ายวนเวียนวุ่นวาย 
คล้ายมายามิรู้สิ้นรู้จบทบทับทวีคูณพูนเพิ่ม

หากไม่รีบเพียรภาวนาพาตน 
ฝึกสมาธิ มีปัญญา..ละร่างหนี..วง..วน..กรรม
มิให้ย้ำรอยซ้ำรอย ..


ไพล..เบื่อตัวเองเหมือนกัน

ที่รจนาไปมาๆ..
ก็มัก วนมา หนีไม่พ้น  *เรื่องจิตวิญญาณบ้านภายใน*
ที่อยากให้มิ่งมิตรน้องพี่มี*งามดวงใจใครได้รู้นี้*

ที่น้องๆพี่ๆที่แสนรักไพลแสนห่วงใยปรารถนาดี
 คงเบื่อมาก
และ
คงอยากกระซิบบอกพี่ไพล
ว่า...ราวแม่ชีรอหนีบวชเข้าไปทุกวันเข้าไปทุกทีแล้ว



แต่...
คนดีไพลก็อยากกระซิบอีกที และอีกที  เช่นเฉกกัน นะคะ

ว่า...
แล้วยามคนเรานั้น
เวลาดวงจิตชีวิตพบความวายวุ่นแล้ว
เราจะเอาอะไรมาเป็นทุนรักษาใจ

หากไม่.
*สะสมบุญ*ใส่บัญชีไว้ในธนาคารใจ* ไฉนเลยเล่าทุกคนดีทุกเจ้ายอดดวงใจ..!



ไพล...จึงยังคง..มิหลงทาง ขอเพียรมิท้อมิรอราสมองสองมือ

ขอรจนาภาษาโบราณ ๆ

ใช้ใจดวงโบราณๆ...
 ดวงเฉยๆชาๆชินๆ
ทั้งทุกข์ๆสุขๆ
ที่ยังพอมีเหลือนิดๆน้อยๆ
มาค่อยๆคอยบอก  



คอยฝากหวานหวัง
มาให้กำลังใจ ดั่งสายน้ำสวยใส 
ดั่งโอเอซิส ในทะเลทรายมายา
 
มาปันพลีในโลกฝัน
ให้ได้พบสวรรค์หวานได้อ่านภาษาเย็นๆฉ่ำๆ



หวังเพียงดั่งหยาดน้ำค้างฤาหยาดฝนพรำ
ได้มาลบความเร่าร้อนในดวงชีวี
หากน้องพี่ ยังรักพี่ไพล
มาอ่านงานไพล 

ที่มาตรแมันมักจะได้อารมณ์เดียว
ไม่แปรไป..มิแปรใจ..มิแปรผัน..ไปตามใคร..


นั่นก็คือ..

อารมณ์ดายเดียว..รักความสงบเงียบงามเรียบง่าย
รู้ใช้ชีวิตติดดิน ถวิลไพรพฤกษา
รู้รักธรรมะ ดั่งยาวิเศษ ดั่งน้ำอมฤตใส

ที่จักนำพามา สยบความว้าวุ่น...
วุ่นวายในกมลของผู้คนบนผืนโลกนี้..ที่ประดุจดั่งกังหันชีวิต



และ
มักมีแต่แมกไม้ใบหญ้า..
ฟ้าดิน  อินทร์ พรหม ธรรมชาติ..พิลาสพิไล

รักก็รัก...ธรรมดาๆใจ
ที่ไม่ได้มีแต่ด้านหวานชื่น
หากต้องเจือขมขื่นตรอมตรม 
สอนให้มิหวังวาดประมาทใจยามลองเล่นกับ*ไฟรัก*ที่จักเผาไหม้ลามเลีย

คือ..ให้รู้เท่าทันฝันหวานฝันดี 

ที่บางครา 
ต้องตื่นยอมรับความจริงอิงสัจจธรรม
กับคำว่า *รักคือทุกข์ *
หาใช่สุขนิรันดร์ฝันดีไปตลอดถ้วนทั่วทุกตัวคนก็หาไม่



ให้รู้เตรียมใจ..ไม่ประมาทวาดหวัง

และ
จงได้อย่าหยุดยั้งรั้งรอที่จะ
เข้าไปสู่ร่มพระรัตนตรัย 
หวังพึ่งใบบุญสร้างจิตให้สวยใส..ดีงามพร้อมพลีไปด้วยกันจะดีกว่า
.............



ในวันนี้นาทีนี้
ไพล..จึงมารำพึงรำพันตามฟ้าฝนลมบน

หากดวงกมลใคร..ที่รักชอบความสงบงาม
ก็คงตามมา  อ่านเป็นแฟนพันธุ์แท้
คงมิแย่มาก หากถึงครายามจิตสับสนกับผู้คนบนผืนโลกนี้



ที่ดูดูช่างมีแต่ทุกข์ในอัตตากันมากมาย
ไร้แล้งน้ำใจ

 ไม่เมตตากรุณากันและกัน 
ไม่ปันพลีความหอมหวาน
ดั่งดอกไม้ตระการ
ที่จักแย้มบานประดับโลก 
ลบโศกสุขให้ทุกดวงใจได้กลิ่น ไม่ถวิลเลือกที่รักมักที่ชัง



ที่ไพลหวัง...แค่หวัง...ให้พลังรักรจนา
เพื่อให้ทุกดวงใจเหว่ว้า สิ้นไร้รัก 
ได้มาพักพิงใจได้มานอนเอนอิง
พิงหมอนขวานในชานเรือนไทยเรือนไพล..*ไทยโบราณ*



ที่แสนหวานด้วยดอกน้ำใจ
และ
ดวงดอกไม้
ที่กำลังค่อยๆสยายผลิกลีบบอบบาง..แย้มเผยอรอรับขวัญ

ที่คงสนองเสนอ...ความงาม..ได้ 
ด้วยความดายเดียว ที่คงพอกันกับเจ้าของเรือน
อย่างใจเดียวกัน ใจตรงกัน..มาพลันพร่างหลอมละลาย



แล้ว..พากัน
สูดดมดวงพวงพะยอม...อันแสนหอมงาม
แห่งอะเคื้อเอื้อฝัน
อันแสนโอบเอื้ออบอุ่นอ่อนโยนอ่อนหวาน



อันคืองามอมตะ
อันคือ ลีลาธรรมชาติแห่งชีวิตนักลิขิตฝันจักพึงปันพลี
บนถนนบรรณพิภพนี้ 
ที่เรียกว่า *ถนนสายดอกไม้งาม*

แล้ว
เจ้าของเรือนไทยนี้
ก็จักร่ายอ่านบทกวีธรรม 
อันแสนฉ่ำชื่นใจ
อันแสนเย็นใสดั่งธาราธรรมระริน



ให้ปลอบประโลมพร่างพรม
หอมห่มห้วงใจ  

ให้ลบลืมหนาวใจ ในรักร้อนเร่า 
ราวโลกนี้มีเพียงเราลำพัง 
*ราวโลกธรรมโลกทิพย์..*ที่นึกนิรมิต*ได้ด้วยใจดวงงาม มิยากเลย



ที่จะ..มิหยิบจับเรื่องขยะมาใส่
ให้ใจต้องหมองหมางระคายระเคือง 
เปล่าเปลืองเสียเวลา

มาพรรณาความงาม มองเห็นความดี 
มาพลีรักพรักพร้อม

มารัดร้อยสอดสร้อยสานฝัน
มาถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างผู้มีน้ำใจกระวีกระวาด
อย่างฉลาดเลือกโลก 
เพียรใช้โศกสุขมาเป็นบทเรียนเพียรสอนใจ



 เพียรให้มิไหวหวั่นประมาทพลาดพลั้ง
*ดั่งกัลยาณมิตรธรรม กัลยาณมิตรน้ำหมึก*
ที่คงมิดำ
หากแดงด้วยสีสันสีแสงด้วยแรงแห่งรักภักดิ์พลี



ให้รู้สามัคคีกันฉันท์มิ่งมิตรน้องพี่
ที่มาร่วมชีวีมาพลีจิตวิญญาณ

มามีอุดมการณ์
มาพึ่งพิงอิงอิงไหล่เดินเกี่ยวก้อยกันไปด้วยกัน
*บนถนนสายฝันสวรรค์หวานนี้*

........


ไพล..
จึงกลับมาจากความคำนึงเนื่องจากคิดถึงความวายวุ่น
ณ..บ้านภายนอกแห่งโลกฝันโลกมายา

ที่หาใช่จัก...
มากระทบถึงบ้านภายใน..ใจดวงงามได้นานฤาก็หาไม่

เพราะอาศัยฝึกจิตมาที่เพียรพาให้รู้ทันเท่า..



แม้นใจดวงร้าวรักโรแมนติก
จะชอบเฝ้า..รักชอบ ไปกับทุกบทกวีฝัน

กับทุกสวรรค์พลีบรรเจิดเพริศพริ้งพราว
ทุกหนาวฝน ทุกราวดวงรวงดวงที่ถูกเรียงร้อย
เป็นดั่งสร้อยโซ๋รักอักษรา

มากำนัล
มาเป็นดั่งสร้อยขวัญสร้อยบุหงาสุมาลีสุมาลัย

มาคล้องดวงใจ
มาทำให้หวิวไหวหวั่นหวาม 
แสนงามแสนดี แม้นเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราว



ก็แค่ราวฝันฝันฝัน หวาน  หวาน หวาน  
ผ่านมากระทบตากระทบใจ 

ก็แค่มาผ่านไป ผ่านใจ
ไปตามวิบากกรรมวิบากเก่า
วิบากรักเราเงาเพรงกรรม
ที่เราคงเคยทำเอง...ก่อเอง ..ก็เท่านั้นก็เท่านี้..!!!!!
...........




ฉะนั้นจึงเป็นเช่นฉะนี้

ให้ไพลคนดี  
จำต้องพาร่างรานและใจดวงร้าว
หนาวแสนหนาวในดายเดียว

มานั่งทอดตาเศร้า ในยามฟ้าพราวฝนพรำ
ยามไร้ตะวัน โพล้เพล้


ที่มีบึงงาม
มีดอกหางนกยูงยังบานสะพรั่งฝัน แดงโดดเด่นดวงดอกพราว

ยังมีสายลมกระทบผืนผิวน้ำบางเบา..
ให้ไหวกระเพื่อมพราวยามมีดวงดอกฝนพร่างลงณ..กลางน้ำ


ที่ยังมีเงาลั่นทม ฝากตรอมตรมระทมโศกสะท้อนในผืนน้ำ

ยังมีมวลมัจฉาปลาสวายมาว่ายวนรอฮุบเหยื่อ

เหลือ..ก็แต่ไม่มีบัวขาวสะพรั่งพราวราว
บทเพลงนี้..
ที่ต้องหามาบรรเลงเติมเอง
*ลงในบึงฝนบึงฝัน *พลันจินตนาการ..ให้หวานสะพรั่งพรึบ


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song373.html
บัวขาว

เห็นบัวขาว พราวอยู่ ในบึงใหญ่
ดอกใบ บุปผชาติ สะอาดตา
น้ำใส ไหลกระเซ็น เห็นตัวปลา
ว่ายวน ไปมา น่าเอ็นดู
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ...
............




ไพล ...จึงนั่งนิ่งนิ่ง...
ด้วยความรู้สึกดื่มด่ำล้ำลึก ลำพัง
ทิ้งตาทอดใจว่างๆให้นานแสนนาน 

แล้ว..
พลางราวหยาดน้ำตานัยน์เรียวตาซึมซึ้ง
จะพากันไหลหลั่งมาเองกับภวังค์สมาธิ




ที่ ณ..บัดนี้ 
ไพลปล่อยให้
*ฝนหนาวเศร้าขวัญ* พลันพร่างผสมผสานกันไป
บนแก้มใสกมลเอิบงาม
ในท่ามกลางฟ้าครวญ

กับนวลกมลนี้ 
ที่มิมีวันมอดดับด้วยไฟฝันแรงบันดาลใจ

ดั่งมีอัญมณีไพรเพชรพร่างสว่างพราว

ไม่ว่า...จะกี่ฝนหนาว.....กี่เศร้าสุข..
กับทุกทุกนาทีแห่งชีวิต..นี้...
ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ...จะมิหวั่นเลย..!!!!!


********************************


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html

เรา จากกันวันนั้นยังจำ
จากกันวันนั้นฝนพรำ
พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร
ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน
ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน
เรา จากกันวันนั้นนานมา
แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย
ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย
มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี
ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน
ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้
ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี
ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม
ไป จากไป ไปแล้วไปเลย
อย่ามาชวนชิดชวนเชย
ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์
ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม
เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว... 

				
1 มิถุนายน 2548 14:51 น.

ปลายฟ้าปลายฝัน!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html
..........


ดวงรจนาเรื่องนี้...รวดเร็ว....
จากดวงใจ
จากภาพที่ได้สัมผัส
แล้ว
ทำให้บันดาลใจ..ย้อนรอยถอยหลัง

รำลึกนึกคิดไปถึงความหลัง...แสนสว่างกระจ่างจิต

คิดถึงวันที่เดินทางด้วยเครื่องบิน
ไปถึงสมุยในยามดึก 
แล้ว...
หาเรือกลับบ้านเกาะบ้านเกิดมิได้
และ..
จำต้องค้างคอยเรือ ในรีสอรท์ริมทะเลฝัน

ดวงจำได้ถึงคืนนั้น...*ราตรีจันทร์กระจ่างฟ้า*


และ...

กับเหว่ว้าดายเดียว..
ยามเดินไปสัมผัสทะเลที่รักแสนรัก

ราวเพื่อนรักมิ่งมิตรที่พรากลากันไกลไปแสนนาน
ที่ราวรอคอยการกลับบ้านของดวง

รอสถิตทอดโอบกอดปลอบประโลมขวัญให้กำลังใจ
ในหอมห้วงแห่งดวงใจเสมอมา..ตั้งแต่ยามเยาว์


ในวันนี้ ในม่านน้ำตา 
เมื่อมีมิ่งมิตรบางคนบอกว่า

*ในความคิด  ความ ฝัน 
ราวกับเคยเห็นภาพยามดวงเดินดายเดียว
เหว่ว้า เงียบเหงา มองทรายหมายซ่อนหยาดน้ำตา
จึงพาให้ซาบซึ้งใจเป็นยิ่งนักแล้ว

ที่ราวกับเขามิ่งมิตรคนนั้น
เข้าใจชีวีดวงอย่างดีมานานปี..มานานวัน

ซึ่งผิดกับหลายคน..ในชีวีนี้
ที่มองไม่เห็นค่าคนใกล้ตัวใกล้ใจ
ลืมให้เกียรติ ให้น้ำใจแบ่งปัน 

ตราบจนกว่า...

วันหนึ่งวันใด
เมื่อ คนใกล้ใจ ใครคนนั้น
ยอมถอยลาหันหลังหายไป..ไม่มีร่องรอยให้ฝากคำซึ้งใจซึ้งค่า

เขาอาจมีน้ำตา เพียรขออภัย 
หากสายเกินไป....ที่ใครจะหันกลับมา

หากตัดสินใจเดินหน้า เพื่อลบลืม ราวคลื่นในรอยทราย..!



และ..
นี่แหละหนาคือมนุษย์...!


ขอให้จงอย่ามองข้ามความงามความดีของดวงใจใคร
ก่อนสายเกิน..

และ
ยามที่ดวงเห็นภาพแสนรักภาพทะเลแห่งใจดวงขวัญ..
ในงานคุณอัลมิตรา ที่ดวงขออนุญาติยืมมา
อันแสนงามสงบ ..
เพื่อสยบผู้คนและโลกหล้านี้ที่หมุนวนราวกังหันชีวิต




..............


จากแรงบันดาลใจในงาน*นิยายรักที่ไม่ขาดตอนค่ะ

ภาพทะเลสีเงินค่ะ

เพราะนานมาแล้ว
บินไปสมุย
แล้วตื่นมาเดินเดียวดายริมฝั่งฝันลำพัง
ทันเห็นทะเล
ยามเช้าที่ราวกับเลื่อมวะวับวาว
งามพราวราวแพรเงินยวงผืนเดียว
ทั่วทั้งท้องน้ำ
แถมฟ้าก็เป็นสีเงินราวหมอกเหมยพอกัน
งามจนเกินบรรยายเลยค่ะ
งามจนคิดว่าแดนนิพพานเลยค่ะ
ว่างเวิ้งกระจ่างจรัสจรุงใจ
หาคำมาพรรณาที่แสนเศร้าซึมซึ้งสุขใจไม่ถูกดอกค่ะ
........




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html
ปลายฟ้า 
มะลิลา บราซิลเลี่ยน 
ปลายฟ้าปลายฟ้า
แค่หลับตาลง คงพบกัน
โอบกอดดวงใจ สายสัมพันธ์
ท่ามกลางความฝัน ของเรา
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล

คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
ปลายฟ้า... 
 



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด