28 กรกฎาคม 2547 09:50 น.

อรุณสวัสดิ์ร่มรักเรือนไทยเรือนใจ!รักรจนา

พุด


อรุณสวัสดิ์ร่มรักเรือนไทยเรือนใจเราผอง

เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้า
เหมือนปีกฟ้าโอบสล้างกางปีกฝัน
เหมือนจันทรายังหยาดหวานน้ำผึ้งจันทร์
เหมือนเธอฉันในวันนี้มีอ้อมใจ..

*********


ร่มรักเรือนไทยเรือนใจเรือนนักรักรจนา
กระท่อมฝันกระท่อมจันทร์กระท่อมใบใม้
กระท่อมปลายนา..บ้านไทย..

ได้กลับมาสู่สภาพเดิม
ให้เติมต่อหวาน
ปีกฟ้ากางปีกโอบฝันสล้าง
ให้ทุกดวงใจฝันฝันฝัน
ได้โบกโบยบิน
ให้ทุกสายถวิล
ที่ยังรัดร้อยใจกันฉันท์น้องพี่
ได้มีวันนี้ราตรีงามคืนกลับมา..
**********




เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้า
เหมือนปีกฟ้าโอบสล้างกางปีกฝัน
เหมือนจันทรายังหยาดหวานน้ำผึ้งจันทร์
เหมือนเธอฉันในวันนี้มีอ้อมใจ..

เหมือนจันทราเคียงฟ้ายามราตรี
เดือนดาราดวงดีดวงงามเคียงฟ้าใหม่
เหมือนตะวันยังมั่นคงตรงต่อฟ้าตราบสิ้นใจ
เหมือนสายใยสายใจรักภักดิ์ผูกพัน

เป็นจันทร์เพ็ญจันทร์เต็มดวงประดับฟ้า
เป็นเสน่หามิตรภาพตราบสิ้นฝัน
เป็นความดีความงามหลอมรวมกัน
เป็นสวรรค์สวาทหวามยามพบรัก

เป็นนิยามให้คิดถึงให้ซึ้งค่า
เป็นมนตราสอนใจได้ประจักษ์
เป็นบทเรียนยามใจพบพิษรัก
เป็นน้ำใจรักหยาดสายซึ้งตรึงวิญญาญ์

เป็นที่ซุกซบอ้อมอกใจให้ไออุ่น
เป็นหอมกรุ่นแมกไม้ไทยให้โหยหา
เป็นสะพรั่งพรึบกลีบดอกไม้ร่ายมายา
เป็นบุปผาร้อยพรรณฝันฝากใจ

เป็นมนต์จันทร์มนต์ใจยามไกลห่าง
เป็นสว่างนำทางใจสุขสดใส
เป็นมิ่งมิตรไมตรีใจหลอมใจ
เป็นน้ำค้างไพรพร่างสายให้ไม้มวล...

***************


ไพล...
เขียนร่ายรักรจนาบทนี้
ยามที่
ตะวันในดวงใจไพลลาพรากไกลไปสุดขอบฟ้า

ราวนกไพรพเนจรร่อนแรมลา
ไปสร้างงามในยามนี้
จะเหนื่อยล้าชีวีสักปานใดหนอ
ได้แต่
ขอส่งใจข้ามขอบฟ้าไปประโลม
หลอมละลายให้ใจดวงดีดวงงามมีพลังสร้างสรร
คืนฝันดีพลีมอบเพื่อผองชน
และ
กับตะวันจริงดวงเหว่ว้า
กำลังโพล้เพล้..ดายเดียว
เห็นนกยักษ์สีเงินงาม
กำลังบินผ่านบ้านท่ามกลางหมอกเมฆหม่น
และผ่านพายุใจพายุจริง
ที่พัดทายท้าผู้กล้ากระแทกไหว

กมลละไมคิดถึงปีกฟ้า..
ผู้เพียรกางปีกปกป้องพาทุกดวงใจเหินบิน..
*สู่แดนดินถิ่นฝันอิสรา*
แต้มเติมโลกเหว่ว้าให้สงบงามเงียบงัน
ขอบคุณปีกฟ้าผู้ติดปีกฝันผู้ปันอ้อมใจ
ผู้ยิ่งใหญ่น่าคารวะใน*งามให้..ไร้ที่รักมักที่ชัง*

ไพล..ขอสดุดี..นะคนดีนะดวงใจ..
และ
ไม่ว่าฟ้าจะกว้างไกล..
ระหว่างเราแค่ไหน
จะกั้นทุกดวงใจ
ในร่มรักเรือนไทยเรือนใจให้ไกลห่างกัน
หากทว่า
เราก็จะมีใจถึงกัน..ใจเติมใจ..

*******


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2380
เติมใจให้กัน 
ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
อยากให้เธอลองตรองดู
ในความทรงจำ เก็บไว้
ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม
ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
อยากให้เธอลองตรองดู
ในความทรงจำ เก็บไว้
ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม

อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ 
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม...

***********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=82

รักข้ามขอบฟ้า 

ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น
ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน
รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน
เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล
ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน
เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร 
ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน
รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว

รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว...

************



รักข้ามขอบฟ้า
มาซุกซบมาอ้อนอกอุ่นเอาไอรักภักดิ์พลี
มาเพียรสร้างสรรดี
พลีเพื่อผืนดินดับร้อน..ผ่อนให้โลกเข็ญได้พบงาม

ด้วยน้ำใจด้วยปลายปากกา
ที่หวังวาดรจนา
ในสิ่งดีสิ่งงามให้ท่วมท้นล้นพร่างนำทางใจ

ดั่งน้ำค้างใสดั่งละอองฝนโปรย..
นะยอดรัก..นะยอดขวัญ..

ในวันนี้นะนาทีนี้..
มาสิ..มาแบ่งฝันปันหวาน
มาสานสิ่งดีประดับโลกสักครา
มาร้อยบุปผาหวานหอม
ที่เราทุกดวงใจ
ดั่งดวงดอกไม้กลีบดอกไม้หลากสีสันพรรณหอม
นำมาหลอมมารักมาถักถ้อยมาร้อยเป็นสร้อยบุปผางาม
ประดุจสร้อยเพชรพราวงามอะคร้าว..ให้สมค่าคำศิลปิน..

********



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4689
ร้อยบุปผา 
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน

มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง

มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์

มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม

ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน


พุดพัดชา				
24 กรกฎาคม 2547 21:46 น.

มาตัดพ้อขอปลูกกอระกำย้ำน้อยใจดีไหมนะ!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=406
บนลานลั่นทม
************

เด็ดการะเวกเต็มตะกร้ามาแบ่งหอม
ใส่หวานกล่อมหลอมละลายร่ายมนต์ฝัน
ให้คนดีในร่มรักร่วมแบ่งปัน
ซึ้งหอมฝันปันหอมใจในคืนนี้

เด็ดดอกพุดสีขาวพราวพิสุทธิ์
เปรียบประดุจหยาดน้ำใจใสงามนี้
มาวางไว้ใกล้หมอนนอนฝันดี
หวังราตรีนี้ในฝันมีฉันเธอ..

เด็ดจำปีมาพลีใจมิไกลจาก
แทนพิสวาทผ่านปีที่พ้อเพ้อ
โอ้จำปีพลีใจภักดิ์ได้รักเธอ
ถึงจะเก้อถึงจะช้ำก็จำปี...

เด็ดลีลาวดีมาลีลาวาดสวาทหวัง
หอมเศร้าจังหอมเศร้าใจใครคนนี้
ลีลาเอ๋ยเคยลีลามาฝากรักฝากภักดี
มาวันนี้ไยหนีหน้าลีลาไกล...

กล้วยกี่กอคลอรั้วกี่ปีแล้ว
ห้อยหวีแล้วห้อยหวีเล่าเฝ้าหวั่นไหว
อีกกี่หน่อแตกกอรักห้อยหวีใจ
ห้อยหวีไหวห้อยหวีหวั่นฝันลืมลา...

วาสนาเคยคลี่ช่อละออพร่าง
กลีบโรยร้างค้างใจเศร้าหนาวหนักหนา
วาสนาเอ๋ยรอคนเชยชั่วชีวา
กาลเวลาพรากวาสนาน้อยให้คอยรัก..


โมกกระจิ๊ดปลิดปลิวละลิ่วคว้าง
ทิ้งต้นร้างพร่างพื้นสะอื้นหนัก
มะลิลามะลิซ้อนแอบอ้อนรัก
ดวงดอกรักม่วงพราวราวร้าวใจ...

แก้วตระการหวานหอมแอบซ่อนซึ้ง
ใครคนหนึ่งเด็ดแซมผมพรมหวามไหว
กระซิบคำริมแก้มจำฝังใจ
จูบมัดใจจูบมัดจำย้ำให้รอ...

ราตรีหวานหว่านระทมตรมหวั่นไหว
ดอกดวงใจคลี่กลีบหอมตรอมเพ้อพ้อ
ไฉนเลยครบปีเฉยปล่อยให้รอ
มาตัดพ้อขอปลูกกอระกำย้ำน้อยใจดีไหมนะ
***********


ยามเย็น..
ออกไปนอนเล่นบนระเบียงบน

หลับตานิ่งทิ้งใจดวงสุขสงบงาม
ให้ว่างวาง และปล่อยร่างใจขึ้นไปไกวชิงช้าเมฆ
พบวิเวกฝัน..อย่างเหลือเกิน
ในความเงียบงัน..
นิ่งทบทวน..วันนี้
หัวใจดวงดีได้พลีรักทำความดีใด..บ้าง..
ยามเช้า
ได้ไปกราบพระถวายพวงมาลัยและดอกบัวงาม
ที่วัดใกล้บ้าน
ถวายสังฆทานถวายเงินบำรุงวัด
กลับมาเคลียร์งานจัดบ้านจนเย็น
และ
ยามเย็น..วันนี้มิได้เต้น
หากพาตัวเองไปเดินเล่น
และ
เด็ดดวงดอกการะเวก 
พร้อมดอกไม้ไทยไทย
รายรอบวิมานไพรวิมานดิน
(ขอแบ่งหอมถวิลจากก้านกอช่อต้นบางดวงดอก)
และ
แบ่งฝันปันหอมพร้อมพวงองุ่นงามไปฝากเพื่อนบ้าน
ชาวต่างชาติ ในฐานะสมาชิกใหม่
ด้วยดวงใจเอื้ออารี 
หวังมิตรไมตรีน้ำใจ
จะทำให้เขามองคนไทยในด้านบวก
และให้สมกับค่าคำ..Take Home a thousand smiles

พุดเลยบันดาลใจมาร่ายรักรจนา
ฝากดวงดอกไม้แด่ทุกดวงใจในร่มรัก..เสียด้วยเลยค่ะ

ด้วยรักล้นใจ
พุด..



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=406
บนลานลั่นทม   
รวงทอง ทองลั่นทม : : Key Eb  
แดนดินใด ไม่แม้นแดนลานลั่นทม
ดุจดั่งสวรรค์แดนพรหม สวยสุดสมคำชมได้
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ทิว เขียว ลิ่วไกล เพลินมองไป
เสียงลมไกวกิ่งไหวดังซู่
ทิ้ง ขั้ว หล่นปลิว ลั่นทมพริ้วโชยร่วงพรู
แม้น ดังพรม ลาดปู ดุจทางสู่
สุดสวรรค์ เทวัญ

ลมรำเพย ความหอมชวนดอมลั่นทม
สูดกลิ่นถวิลเชยชม แสนสุขสมอารมณ์มั่น
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ใจ หวน ตื้นตัน เกินจำนรรจ์
เพ้อรำพันว่าหอมใดเท่า
หอม ชื่น ลั่นทม เมื่อลมพริ้วมาเบาเบา
ล้าง สิ่งตรม อกเรา ให้คลายเศร้า
ที่คอยเผา โทรมใจ...

 

				
23 กรกฎาคม 2547 23:57 น.

นวลตะวันนวลใจในสายหมอก

พุด


นวล...ชื่อนวลค่ะ นวลตะวัน
และใครๆมักพากันสงสัยว่าทำไม...
ตะวันต้องนวล..และทำไมต้อง..นวลตะวัน
ตะวันนวล นวลตะวัน นั้น
จะเป็นเฉกเช่นฉันท์ใดล่ะไหนล่ะหนอล่ะนี่

เพราะส่วนมากทุกดวงใจทุกคนดีทุกความรู้สึก
มักจะคิดนึกระลึกถึง *ภาพตะวัน*ในดวงใจ
ว่าจะต้องสว่างไสวสีแดงเจิดจ้า แรงร้อน 
มิซ่อนหวานงามละมุน
ที่จะหมุนมาพร้อมกับคำว่าพลังใจ
ให้มีชีวิตชีวาเริ่มต้นใหม่ในทุกอรุณรุ่ง

แต่
ที่มาของชื่อ..นวล..นวลตะวันนั้น
เป็นเพราะ...นวลตะวันเกิดมา
กับตะวันดวงนวล
*ตะวันเดือนธันวา*ดวงดายเดียวเหว่ว้า
ที่มิได้งามจ้าหากแฝงพลัง
อยู่ภายใต้สายหมอกสายเหมย
ที่พร่างพรายราวสายไหมเรียวรุ้ง
ในท้องทุ่งทองท้องนา..


ที่ดูราวกับว่า..
ตะวันดวงงาม
จะงามแผกงามแตกต่างงามจรัสเจรืองใจเสียจริง
เสียยิ่งกว่าตะวันในเมืองเป็นไหนไหน
เป็นตะวันดวงใสดวงกลมทอระยับ
อยู่ในท่ามกลางฟ้างามในยามฤดูหนาว
ที่เคล้าคลอเคลียเมฆ
ราวถูกเสกลอยเด่นดวง
มาจากราวสรวงสวรรค์...
เหมือนฟ้าประทาน


ที่นวลเคยอ่านงานคุณพุดพัดชา
ที่เคยกล่าวบทพรรณนา
ถึงตะวันเดือนธันวาไว้อย่างงามยิ่ง
ที่นวลแสนนิ่งและนิ่มนวลใจ
ยามได้รับรสใจแห่งถ้อยคำ...


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_42650.php

ตะวันเดือนธันวา...
ยามเย็น..สีส้มสุกก่ำ ฉ่ำดวงแดง
ค่อยค่อยรอนแสง ลอยเรี่ย ระดงไม้งาม
มองผ่านต้นไม้แผ่กระจายก้านกิ่งราวกัลปังหาสีดำ
งามดั่งภาพฝัน ท่ามกลางม่านหมอกเมฆพร่างพราย
ประกายเหลือบสีสันสายรุ้งสวย..

ตะวันเดือนธันวา.....
ขึ้น..
ในไพรพฤกษ์พง
 คงหยอกมวลแมกไม้ สายลมแห่งขุนเขา
สายหมอกสายเหมยพรายราวสายไหมพร่าง
บนเทือกเขาสลับสล้างทอดตัวเป็นแนวยาว 
เย้ายวนใจในงามพิสุทธิ์ใสของอากาศเย็นฉ่ำ
ราวพรำพรมด้วยเมฆฝนปกคลุม..ครึ้มทะมึนเทาทาบ
ทอทอดค่อยๆลอดแสงรำไรลงโลมไล้ประโลมดวงดอกไม้ไพร
ให้คลี่กลีบหวานใสบอบบาง
ให้มวลหมู่ภมรมาร่อนภิรมย์คลึงเคล้า 
ให้วัฎฎะแห่งไพรยังดำรงไปมิสิ้นสุดสะดุดลง..


ตะวันเดือนธันวา
ขึ้น...
ในดงตาล 
ยามเช้าแสนหวาน 
ที่มีฝูงนกกระยางขาวเดิน
เหยาะย่างเลาะเลียบริมนาริมหนองมองหาเหยื่อพอประทัง
สีเขียวพร่างใสของรวงไหวเอนไปตามแรงลมล่อง
ทั้งทั้งห้วยหนองคลองบึง
จะได้ยินเสียงร้องก้องระงม..ของกบเขียดท้องนาคลาคล่ำ
บรรเลงร่ำลอยลมด้วยท่วงทำนองดนตรีธรรมชาติ..
ราวให้วาดเวิ้งฟ้างามได้พลอยยลยิน..
******

ตะวันเดือนธันวา..
ขึ้น...
ในทะเล สีมรกตใส  
ที่ตะวันดวงใหญ่ค่อยๆลอยตัวโผล่พ้นจากผืนน้ำ 
พร่างสีเงินงามสาดแสงอ่อนอุ่น

 เรือหาปลาลำน้อยที่ลอยลำมาลิบๆ....
เห็นเพียงเสากระโดงเรือ
ลอยใกล้เข้ามาๆ..กับคลื่นแห่งความฝัน
ถึงฝั่งจริงฝั่งใจที่มีใครบางคนคอยเฝ้ารอเฝ้าหวังจะได้ปลา
มาร้อยเป็นพวง.. 
ร้อยเป็นห่วงสร้อยแสนคาว..หากมีราคาแปรค่าเป็นเงินงาม

แทนความหวังพลังกายใจทุ่มเทของ*พรานทะเล*
ที่ยอมเร่ร่อนรอนแรม...
มีชีวิตคราคร่ำกลางน้ำเวียนวนสู้ทนเหว่ว้า
ทายท้าทั้งพายุใจและพายุจริง..
ที่มองไปทางไหนก็มีเพียง*น้ำจรดฟ้า*
ราวเพลงพรานทะเล ที่แสนงาม
*****************

และ
กับวันนี้
ที่นวล..รู้สึกเบื่อโลกโศกสุขวายวุ่นของคนเมือง
ที่แสนจะเรืองรุ่ง
แต่
นวลมิเคยประเทืองประทับใจแต่ไหนแต่ไรมา


นวล..จึงตัดสินใจ
ขอลาล่วงจากบ่วงกรรมที่แบกไว้บนบ่า..
ที่แสนเป็นภาระหนักหนามานานปี
ขอลาลี้พาร่างหนี 
ไปยัง*สถานที่หนึ่งในดวงใจ*ที่แสนงามนัก

ที่นวลเคยอยากมาทายทักพักพิงใจ 
และฝากใจสงบงามแม้ชั่วยามก็ยังดี
นวล..ตะวัน..จึงมีอันต้องเดินทางดายเดียว
แม้นเหลียวไปอยากมีใครสักคนร่วมทาง 
เผื่อจะมิต้องอ้างว้างว้าเหว่ใจ


แต่ช่างแสนหนาวในหัวใจ
ที่ช่างหาแสนยากเป็นยิ่งนัก
และ..กับชะตากรรมที่
บางครั้งคราที่นวลตะวันถึงกับ
ไประรินหลั่งน้ำตาร่ำไห้กระซิบถามต่อหน้างาม
พระพักตร์พระพุทธผู้พิสุทธิคุณในโบสถ์คร่ำ


ทำไมวิบากกรรมลูกถึงมิหมดสิ้น
ให้ลูกรับแต่ถวิลเหว่ว้า
ให้ลูกต้องเสียน้ำตากับใครบางคน
ที่เพียงวนเวียนให้มาชดใช้กรรม
และสิ้นไร้ใครคู่ควรคู่เคียง
มาร่วมเตียงเคียงหมอน
มานอนฟังเสียงกระซิบรักพักพิงใจให้ไออุ่น..


ยามนั้น
หัวใจดวงละมุนราวจะได้ยินคำกระซิบตอบ
ปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน
จากจิตเบื้องลึกรู้สึกจากบ้านภายใน
ที่พร่ำปลอบให้หัวใจรู้รำงับดับด้วยธรรม..


*อย่าได้เสียใจน้อยใจบอบช้ำ
เฝ้าคร่ำครวญหวนหาทุกข์
เพราะชีวิตรักนั้นมิได้สนุก
หากแฝงทุกข์ทนทุกนาทีมิได้ปรีดาอย่างเข้าใจ
หากเจ้าอยากให้หัวใจงามผ่องใสพ้นทุกทุกข์รัก


ก็จงรู้จักหยุด
และเพียรฝึกสมาธิ
จะได้มีสติมีปัญญาพาใจรู้แจ้ง
และทุกสิ่ง
ที่เจ้าว่าจะร้ายแรงรานร้าวเศร้าหมอง
จะพัดผ่านชีวีเจ้าไป


เหมือนดั่งกระแสน้ำที่ไหลไปไหลไป 
อย่าเก็บกักไว้ภายในใจให้หนักอุราร้าวนาน
ให้ทุกเรื่องราวร้ายดี..ผันผ่าน
 มิว่าหวานสุขทุกเศร้า
อย่ายาวยืนอย่ายึดมั่นถื่อมั่น


แล้ว
หัวใจเจ้านั้นจะค้นพบความสงบเงียบงาม
ที่เกิดจากความว่างเปล่าหลุดพ้น*
และ
นี่คือชีวีนวลตะวันดวงละออละออง
ที่หวังหนีความข้องเกี่ยวเหนี่ยวรั้ง
ให้รับวิบากกรรม
ภาระมากมายมากมีที่มากรายกล้ำ


หวังพาตัวตนหนีพ้นความจำเจสักพัก
ขอพักใจในวันนี้
พาชีวาชีวีที่ยังพอเหลือน้ำนวลใสใจดวงงาม
ก่อนหวานจะแห้งจะแล้งลาโรย..


นวลตะวัน..
จึงขอผันพาตัวเองไปไกล แทบสุดขอบฟ้า
แม้นจะรู้ดีว่าคนเรานั้นแม้นร่างจะอยู่ที่ไหนๆ
หากตราบใดหัวใจยังดวงเดิม
ยังคิดมิขาด
ตัดสายสวาทยังมิสิ้นสวาทวาย
ก็ยังคงต้องหมายวน..ซ้ำๆซากๆ..


แต่ช่างเถอนะหัวใจ
เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น
ขอเพียง
เปลี่ยนบรรยากาศ
พาร่างใจไปให้ไกลสุดขอบฟ้า
เหลียวหาไม่เห็นผืนแผ่นดินใหญ่
ไปยังเกาะในฝันอันสงบงาม
ที่น้อยคนนักจะรู้จักจะมาทายทักจะมาเยือน


และ..
สถานที่ในดวงใจ
เป็นงามง่ายได้บรรยากาศ
คล้ายในหนังเรื่อง*OUT OF AFARICA*
 ที่นวลพันผูกใจจนต้องดูซ้ำซาก
จนแทบอยากละลายร่างใจ
ไปฝากไว้แทนในบางฉาก
ยามที่นางเอกนอนระทดระทวยระทม
ในทุ่งหญ้าไสวสะบัดพัดไหว
ชูช่อล้อสายลมในยามค่ำระร่ำริน


สถานที่ที่นวล
กำลังหมายมุ่งร่างใจไปสัมผัสรัดร้อยรึงนั้น
ก็ราวฉากฝันแทบคล้ายเรื่องเดียวกัน
มีท้องทุ่งราวทุ่งหญ้าสะวันนา
งามพราวราวทองทาทาบ
อาบโลมไล้สะพรั่งรับพรายแสงตะวันยามเย็น


จากดวงสุริยา
ยามที่ฟ้ากำลังเล่นแสงแปรสี
และ
กับดนตรีไพร
ยามนกร้องก้องกู่หาคู่ผกโผผินบินกลับรัง
และ
กับทะเลทรายขาวนวล
เคลียคลอข้างร้างไร้ใกล้ป่าเสม็ด
ป่าที่หลงเหลือน้อย
ราวมีเพชรเม็ดงามซ่อนในราวไพร
ไกลห่างจากการบุกรุกทำลาย..


เป็นป่าดงดิบ
ที่ซ่อนความชื้นปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่
มีเถาวัลย์พันรกระโยงระยาง
คล้ายเกาะในงามหนังทาร์ซานเจ้าป่า
ยามพาตัวเหนี่ยวห้อยโหน
และ

ราวกับบวกความเป็นเกาะของโรบินสัน ครูโซ
ยามมาสร้างกระท่อม
เหมือนกระท่อมไพรของคนเผ่ามอแกน
เพราะกระท่อมน้อยที่พักแสนน่ารัก
น่ามีคู่ไหวหวาม
มาดื่มด่ำหวานล้ำ..น้ำผึ้งฝันพระจันทร์..ด้วยกัน

แถมยังมีเปลญวนน่านอนหลับตาฝันพักใจ
หรือไม่ก็อ่านหนังสือแสนดีสักเล่ม
ค่อยๆใช้หัวใจเงียบงาม
ท่องตามไปในโลกกว้าง
ร้างไร้สิ่งปรุงแต่งใดใด


โลกแห่งความฝัน
อันบรรเจิดใจเพริศพริ้งพราว..โลกบรรณพิภพ
ที่จะสยบใจและความฝันให้เรานั้น
ได้สัมผัสฝันที่ราวเรื่องจริงวิ่งไปตามจินตนาการ
ให้เราทิ้งทุกสิ่งไว้ภายนอก.


แม้จะเป็นความสุขหลอกหลอก
ในหลากเรื่องมากรส
หากราวได้ช่วยรักษาจิตวิญญาณ
ให้ยังงดงามภายใน
ให้ไสวพร่างสว่างเย็นดับร้อนรุ่ม
จากไฟรุมสุมเศร้าหนีจากโลกภายนอก


ที่บางครั้งลวงหลอนหลอกใจ
แก้ปัญหาชีวิตไม่สำเร็จ
จำต้องวางทิ้งไว้..ชั่วคราว..
คล้ายให้น้ำใสในโลกฝัน
พลันพร่างรินเติมพลัง
ให้หาญกล้าหันมาสู้โลกอีกครั้งอีกครา..
ใช่ว่าจะหนีใจไปถาวร..ลำพัง


กระท่อมฝันนั้นก็ใช้ไม้สนทะเลสร้าง 
หลังคาละเมียดมุงด้วย*จาก*งามพลิ้วไหว
ให้ได้ละมุนใจแบบใช้ภูมิปัญญาวิถีไทยท้องถิ่น
และ


ตกแต่งภายใน
ด้วยงามไม้งานไม้เสื่อกระจูดลายหวาน
ที่นอนม่านหมอนมุ้งสีขาวสะอาดตา
ดูนุ่มนวลน่านอน
และ
ไร้ซึ่งข้าวของรกตามีเพียงของใช้ที่จำเป็น
เน้นให้เสพธรรมชาติหอมหวาน

ต้นไม้นั้นเป็นพันธุ์ทะเล 
เช่นบุกทะเล ลำเจียกทะเล
ต้นมะม่วงหิมพานต์
ที่แย้มแง้มเม็ดงามแทงออกมาน่ารักนัก


แล้วไหนจะ
ลีลาวดีสีขาวดวงดอกพราวเต็มช่อก้านกิ่ง
ให้หอมระรินในยามค่ำ
แถมยังมีต้นเสม็ดขาวน้อยใหญ่


ที่งามใจจนยากจะบรรยายรำพันรำพึง
ให้ลึกซึ้งดื่มด่ำได้เท่าตาเห็น
จากดวงใจสาวนวล 
ผู้หญิงคนช่างซึ้งช่างฝัน
ที่นะวันนี้
ราวได้เกิดมารับสวรรค์ริมทะเลกว้าง 
แม้นร้างไร้ผู้ใดเคียง


ทุกยามเย็น
เมื่อตะวันรอนรอนดวงอ่อนอุ่นอ่อนหวาน
ลอยเรี่ยใกล้จะลาลับฟ้า
นวล..ในชุดผ้าปาเต๊ะ
สีชมพูลายหรูพรูพร่างสดกระจ่างแตะแต้ม
ด้วยดวงดอกชบาสีจัดจ้า
และ
กับเสื้อยืดเกาะอกสีฟ้าสว่างใส 
ที่ใส่สวยราวสาวชาวเกาะ


ก็จะถอดรองเท้าเดินย่ำรอยทรายและ
จะผันกรายร่างไปทรุดตัวนอนเหยียดยาว
เหนือโค้งอ่าวในท่ามกลางทุ่งหญ้า
ที่อร่ามเรืองพราว
ราวถูกไลมไล้
ด้วยสายแสงสุริยาราวทองทาบทา
กับขอบฟ้าขลิบส้มอมชมพู


กับดวงใจรู้งามนิ่งทิ้งทอดถอดใจ
นอนรับความว่างเปล่าเหงาเงียบงามตามลำพัง
กับเสียงคลื่นซัดคลอฝั่ง
ราวเสียงดนตรีระร่ำรินสั่งลา
มิพรากลามิพรากไกล


จนกระทั่ง..
ถึงยามย่ำสุริยาฟ้าเริ่มพร่างพรม
ห่มด้วยสีกำมะหยี่คลี่โอบรายล้อม
ดวงตะวันสีส้มสุกจัดจ้า
จะค่อยๆเรี่ยตัวผ่านดงดอกหญ้า
และทิ้งตัวหายลับไปกับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก
ฝูงนกกาก็จะพากันกู่ก้องร้องหาคู่
พากันโผผินบินกลับรัง


และนาทีนั้น..
นวลจะรู้สึกว่าร่างใจได้หลอมละลายหายไป
กับมวลธรรมชาติทุกสรรพสิ่ง...นิ่ง
เป็นหนึ่งเดียวอย่างสงบใจ..


แต่..
ทันใดนะยามเย็นนี้
กลับมีเสียงสวบสาบๆ
คล้ายใครบางคน
กำลังแหวกดงหญ้าใกล้เข้ามาใกล้เข้ามา

และ
นวลยังมิทันพาร่างลุกขึ้น
ด้วยความตกใจ!
ได้แต่นอนหรี่ตาย้อนแสงสวยดูร่างผู้บุกรุก
ที่
พลัน
เห็นเพียงร่างสีทองแดงต้องแดดสีทองสุกปลั่ง
ราวรับพลังสุริยาในยามเย็นจนมลังเมลือง


*เขา*ยืนตระหง่านง้ำเหนือร่างงาม..เงียบ...
ใกล้จนราวกับจะได้ยินเสียงหัวใจสองดวงเต้นระทึก..
เสียงสุภาพ..จากสุภาพบุรุษจึงแผ่วหลุดเสียงแว่วมา


*ขอโทษนะครับ ที่ผมทำให้คุณตกใจ
ผมบังเอิญเดินเล่นผ่านมา
และแปลกใจที่เห็นคุณ
ไม่อยากคิดว่า
จะมีนางไพรที่ไหน
มานอนสยายผมในทุ่งหญ้า
เลยมาดูให้แน่ใจกับตา
และอยากมาเตือนคุณว่าใกล้ค่ำแล้ว


*ค่ะ นวลยิ้มเขิน ก่อนกล่าวคำขอบคุณ
ในน้ำใจใสงาม
ที่ยังมีความห่วงใย
จากสุภาพบุรุษแปลกหน้า
ทว่าเปี่ยมด้วยความรู้สึกดี..
นวลรีบยันร่างอย่างฉับไว และ
พยายามปัดทรายแพรวพรายราวเกล็ดเพชร
ที่จับร่างระยับระยิบขับผิวเนียน..แดดนวลละออออก


แล้ว
นวล..จึงค่อยๆหันมาสบตาบุรุษรูปงาม
ที่พลางชั่วแวบเดียวก็ตัดสินใจได้..
*คุณ..จะให้เกียรติ
เดินเป็นเพื่อน
กลับกระท่อมที่พักพร้อมกับผมไหมละครับ*
เขากล่าวถาม..


*นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว อันตราย
หวังคุณคงพักที่เดียวกันกับผมนะครับ*
เพราะแถวนี้เห็นมีกระท่อมที่เดียว*


นวลรู้สึกดีและด้วยความขอบคุณ
นาทีนั้นราวกับฝันไป
นวลแอบยิ้มขำในใจ
เหมือนฉากรักในนิยาย
ที่ส่งพระเอกให้มาพบนางเอก
อย่างมิคาดฝัน
และพระเอกนั้นยังมีน้ำใจดีน้ำใจงามเสียอีก
ที่ราวจะมาพิทักษ์ร่างนางเอกให้ปลอดภัย
นวล..จึงมิลังเลใจที่จะกล่าวคำตกลง
*ค่ะ..ยินดี*


เคียงทะเลกว้าง
ที่ร่างสองร่างเดินคลอคู่ขนาน
ในยามย่ำสนธยา..และ
บทสนทนาก็ตามมา
อย่างถ้อยทีถ้อยปราศรัย
ก็เริ่มต้น..
นะท่ามกลางความงามเงียบของ
ทุกธรรมชาติสรรพสิ่งที่ราวตั้งใจนิ่งฟังและ
ราวฟ้าเบื้องบนกำลังรู้เห็นเป็นใจ..


ตะวันดวงเหว่ว้า มิว้าเหว่เฉกเช่นทุกวัน
ฟ้ายามค่ำก็ดูเรืองรองผ่องผุด
แทบอยากหยุดโลกหมุนสักชั่วครู่
เฝ้ารอดูคนทั้งคู่แสนหวานคลอร่างกันไป
ตามชายหาดทรายที่ขาวยาวเหยียดสุดตา


แม้นตะวัน
จะค่อยๆคลี่แสงสวยอำลาฟ้าเบื้องบน
คลื่นยังคงคลอครวญซัดสาดหาดทรายแผ่วแผ่ว
คล้ายรำพันครวญคร่ำ
รักษาคำมั่นสัญญา
มิยอมพรากลามิอยากพรากไกล


นวล..ได้ยินเสียงดนตรีในหัวใจ
บรรเลงบทเพลงฝันคลอฝั่งชล
หวานระรินพรั่งพรูรอรับรู้เรื่องราวสองดวงใจ
สายธารเกษมแห่งหอมห้อมห้วงใจก็ไหวหวามไหวหวั่น
ราวน้ำค้างฉ่ำเย็นในคืนฟ้าหนาว
มีแต่ดาวนับพันดวงกำลังพร่างพริบกระซิบหลิ่วตาล้อ..
คลอบทสนทนาอันอ่อนหวานนุ่มนวล
ปานรู้ใจรู้จักกันมานานแสนนาน..


*เขา*
ชวนนวล..รับประทานอาหารมื้อค่ำ
ที่ทางกระท่อมที่พักจัดบริการให้ทุกแขกได้
ดินเนอร์ภายใต้แสงเทียนหวานล้ำกับคนรู้ใจ
โคมไฟริมชายหาด
ถูกจุดพร่างสว่างเรืองรองรำไรๆ
เคียงทะเลใสสีสวยพราวมรกตที่นะบัดนี้ค่อยๆเปลี่ยนสี
ราวทองทาทาบอาบทาระยับระยิบ
เสียงเพลงหวานแว่วแผ่วมารับกับบรรยากาศ


นวล..ค่อยๆเรียนรู้และรับทราบเป็นนัยๆ
จากคำบอกเล่า..
*เขา*ทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ
เกี่ยวพันกับความยากไร้ของผู้คนผู้ทนทุกข์ยาก


ที่ต้องใช้พลังใจดวงใสงามละมุน..
มากมนุษยสัมพันธ์
คอยเกื้อหนุนสัมผัสต้อนรับอาคันตุกะ
จากต่างบ้านต่างเมืองแสนไกลแสนศิวิไลซ์
ที่มาดูงานยามแลกเปลี่ยน..วิชาการทางการแพทย์..
และ
*เขา*ต้องรับรู้รับทราบมากปัญหา
ที่ตามมากับความยากจน
ในทุกท้องถิ่นทุรกันดารไม่ว่าในเมืองไทย


หรือของประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง
บ้านพี่เมืองน้องในเอเชียตะวันออก
ที่*เขา*บอก
ต้องรับรู้อย่างหดหู่เหี่ยวแห้งใจในตวามยาไร้ในวิบากกรรม
ที่มาย้ำรอยใจดวงใสงามให้ยิ่งได้เห็นสัจจธรรม
มาน้อมนำใจมิให้หวั่นไหว
หลงลืมตัว...ใช้ชีวิตโดยประมาท


 และ
ให้รู้เสียสละดำรงร่าง
ใช้เวลาทุกนาทีอย่างชาญฉลาด
ให้เพียรทำหน้าที่แห่งชีวิตนี้
ที่พอจะยังมีโอกาส
อุทิศตัวรับใช้สังคม
และประเทศชาติอย่างผู้เข้าใจชีวิต
อย่างคนเหนือโลกโศกสุขอย่างผู้มีอุดมการณ์


*เขา*..
กล่าวถึงภัยนานาที่พากันมากับโลกอารยะ
มหันตภัยมืดเชื้อโรคที่ยากนัก
ที่นักวิทยาศาสตร์
และแพทย์ผู้เททุ่มใจทำงานหามรุ่งหามค่ำ
จะวิจัยหาวัคซีนป้องกันได้ทัน
อันเนื่องมาจากโรคร้ายปรับเปลี่ยน
กลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน


และนี่คือ..
โลกอีกด้านที่เราๆท่านจะนึกไม่ถึง
เป็นมหันตภัยมืดที่คนวงในเท่านั้นหวั่นวิตกกันว่า
จะมากมีเชื่อโรคร้ายคืนกลับมากลายกล้ำ
ให้มนุษย์นั้นล้มตายราวใบไม้ร่วง
เหมือนอหิวาห์หรือกาฬโรคในสมัยเก่าก่อน


และเพราะเหตุนี้
หัวใจดวงดีดวงงามดวงอุดมคติ
จึงราวรับภาระแบกหามจิตวิญญาณแห่งความรับผิดชอบ
ที่คิดแต่จะให้ประกอบกรรมดีพลีเพื่อแผ่นดินมาตุภูมิ


*เขา*จึงเพียรอยู่ในโลกนี้
อย่างผู้ถึงพร้อม
มิหลอมละลายใจร่าง
ไปตามกระแสโลกบ้าวัตถุ
ที่เชี่ยวกรากบ่าโหม
มาทำลายโลกให้แห้งแล้งร้างไร้รวดเร็ว
ด้วยเสพทรัพยากรโลกอย่างมิบันยะบันยังแถม
ทิ้งขยะไว้ให้ทำลายสิ่งแวดล้อม
กองล้นใกล้จะเต็มโลกเข้าไปทุกทีๆแล้ว


*เขา*
จึงพลีเพียรทุ่มพลังใจ
หวังให้มนุษย์ได้เรียนรู้*รักษ์พิทักษ์โลก*
ให้ใสสวยไปนานๆ
ถึงลูกหลานเหลนไทยในภายหน้า
และให้สมค่ากับ
ที่ได้เกิดมาในเงื้อมเงาพระบรมโพธิสมภาร
และในร่มเงางามศาสนาพุทธ
อันพิสุทธิ์ใสสอนให้รู้รักษาใจจิตวิญญาณให้ล่วงผ่าน
พบทางพ้นทุกข์หลุดพ้น


ให้พบ
งามจริงนิ่งวางว่างคือสัจจะธรรม
มาน้อมนำใจให้สมกับความยากลำบาก
กว่ากายจะได้มาใช้ชื่อสม
ค่าคำว่ามนุษย์ชาติในชีวิตหนึ่งนี้...
ที่แสนพึงมีพึงเป็น
รีบเร่งบำเพ็ญเพียรทำความดีก่อนที่จะสายเกิน.


และ
นี่คือบทสนทนา ล้ำค่ามากสาระใจ
ที่ใจนวลงามใส..ถึงกับอึ้งอั้น
ทำใจแทบไม่ทันกับฝันดีนี้
ที่กระไรเลยพระเจ้าเบื้องบนราวปรานีช่างมากเมตตา
ราวฟ้าดินส่งคนดีมาสถิตสอนใจนะกลางใจนวล..
ทุกถ้อยคำ..ช่างล้ำค่า


ช่างสมกับที่นวลรอท่าใครสักคนมาแสนนาน
ให้หัวใจหวานละมุนละไม
ราวอยากละลายหลอมปนเป็นหนึ่งเดียว
ด้วยดวงความคิดจิตวิญญาณเดียวกัน


และ
ด้วยความเป็นกุลสตรี
หัวใจดวงนวลดวงดี
จึงมีกล้าเปิดใจเร็วเกินไป
ว่าทุกถ้อยคำถ้อยใจ
ที่เขานำมาถ่ายทอดถอดใจ
นำมาบอกเล่าให้นวลฟังนั้น


ช่างแสนโดนใจประทับใจ
จนเกิดศรัทธาใจและ
คือความคิดฝัน
คือจิตวิญญาณบ้านภายในของนวลเฉกเช่นกัน


ที่นวลนั้นแผกคิด
ไม่เคยสนิทพอจะแจงใจให้ใครได้รับรู้รับทราบ
นอกจาก
นวลเพียรอยู่..เพียรทำ..แต่กรรมดีเสมอมา


หวังแม้นว่าจะไม่มีใครรับรู้
นวลก็จะมีชีวิตอยู่..อย่างภาคภูมิใจ..อย่างมีคุณค่า
ด้วยความปิติใจกับ
นวล..เนื้องามใจ


หวังเพียง
ฝากน้ำใจ*แห่งการเป็นผู้ให้*
ไม่ว่ากับคนกับใครจะในครอบครัวหรือในสังคม
หรือแม้กระทั่งกับคนที่เปรียบดังเพื่อนร่วมโลก
ร่วมโศกสุขด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น


และ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า
คืนฝันวันพระจันทร์หวาน
ดอกไม้แห่งการให้และ
น้ำใจรักจะเบ่งบานตระการหวานหอม
ระรินสายแข่งกันกับหยาดสายหวาน


ทั้งจากธารจันทร์ธารใจที่ยิ่งใหญ่จนสะท้านเยือก
เข้าเกลือกกลั้วให้หัวใจร้างห่างรักระรัวอีกครา
ด้วยความรู้สึกล้ำค่าด้วยศรัทธารัก
มาทายทักริมใจในนาทีนี้นะนาทีนั้น
ที่นวล..ตะวันคนดี

อาจจะต้องขยี้ตาเสมือนว่า
ทุกสิ่งตรงหน้าราวฝันไปใช่เรื่องจริง!
				
20 กรกฎาคม 2547 22:47 น.

ตลอดกาล!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3738
***************
คนดีครับ...

ผมกำลังจะจำพราก...
จากลาคุณไปไกลแสนไกล...อีกคราแล้ว
และ
ราวนกไพรหัวใจเสรี..
ที่นะวันนี้ 
กำลังจะติดปีกโผผินบินสู่ฟากฟ้ากว้าง...นะยอดรัก
จำใจร้างห่างลา..ไปไกลตานักนะเจ้ายอดดวงใจ..
และ
ทำไมหนอ..ในหัวใจ
ในหลับไหลในนิทราฝัน
ทำไมผมถึงพะว้าพะวังพะวงห่วงหาเพียงคุณ
คนดี
ระหว่างเรา
ผมขอฝากบทเพลงนี้..
ยามที่เรานี้ไกลร่าง..มิห่างใจนะคนดี



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480
ตลอดกาล 

รัก แรก
แทรกความหวานฉ่ำล้ำ ทั้งมวล
เหมือน ชวน ให้ใจต้องเสน่หา
เหมือน ดั่ง สายน้ำชื่นฉ่ำเย็น
ไหลผ่านมา
สองอุรา พาให้ฝันใฝ่
รัก นั่น
ไม่มีวันเปลี่ยนผัน หัวใจ
ให้ ใคร มีใจเพียงเพื่อเธอ
แม้ โลก
หยุดหมุนรักก็ยัง มั่นเสมอ
ฟ้า มีดาว ฉัน มีเธอ
ตลอดกาล
ขอให้ รักเรา เคียงอยู่คู่ฟ้า
ไม่มีวัน ร้างรา
พลัดพรากจากไกล
ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
ตลอดไป นานเท่านาน
ตลอดกาล

ขอให้ รักเรา
เคียงอยู่คู่ฟ้า
ไม่มีวัน ร้างรา
พลัดพรากจากไกล
ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
ตลอดไป นานเท่านาน
ตลอดกาล...

..............


และ
ดวงใจ..

อย่าร้องไห้..
เหมือนทุกยามที่สายฝนพรมพรำ
ที่เรารู้กันดีว่า
มันหมายถึงทั้งสองใจนี้กำลังระรินร่ำ..ระหว่างเรา

คนดี..ครับ
คุณอย่าผลักไส..หัวใจผมนักเลยนะ
เพราะหัวใจดวงดายเดียวดวงเหว่ว้า
ช่างอ้างว้างร้างไร้นักยามสิ้นไร้คุณ
และ
คุณก็รู้ดี..ว่านะบัดนี้..
ดวงใจรักของเรา
ได้สถิตหลอมรวมเป็นดั่งดวงเดียวกัน
และจะลอยคู่กันไปในเวิ้งฝันอันแสนงดงามในทุกนาที
ทุกราตรีทุกทิวาวารทิวาวัน
ทุกงามฝัน

และ
ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้
จะมิมีสิ่งใดกล้ามาขวางกั้น...
ขุนเขา..
มหาสมุทร 
ผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่
หนทางจะยาวไกลสักแค่ไหน
ต่าง
ยอมพ่ายใจแห่งรักแท้ของสองเรา
ที่ยากจะบอกใคร
ให้เข้าใจในมหัศจรรย์รักนี้
ที่ชะตาพรหม..บันดาล..ประทานพร..
และจะเป็นเช่นนี้..ตราบชั่วกาลตลอดกาล
ตลอดนานนิรันดร์รัก
นะคนดีนะดวงใจ..อย่าไหวหวั่นเลย..!

...................




จุดไฟรักริมริมใจจนไหวหวั่น
ประกายฝันเปล่งแสงแรงเสน่หา
ไสวพร่างสว่างเย็นในชีวา
แก้วล้ำค่าสถิตสว่างนำทางใจ...

เหมือนท้องฟ้ามิเคยอิ่มอวลอากาศ
สายธารมิเคยขาดกระแสชลระรินไหล
เหมือนนกผกโผผินฟากฟ้าไกล
เหมือนดวงใจรักเรานี้พลีชั่วกาล

หวานหรือเศร้าร้าวหรือรักรับได้หมด
โศกสลดหรือสุขพร่างต่างเติมหวาน
รักวันเติมวันฉันเธอมิเศร้านาน
สวาทหวามสวาทหวังช่างฝังใจ

ระหว่างเราระหว่างใจใครเล่ารู้
ระหว่างคู่ระหว่างรักเป็นไฉน
ระหว่างพรากระหว่างร้างใจถึงใจ
ระหว่างไกลระหว่างชิดสนิทภักดิ์

เป็นนิยามยิ่งใหญ่ในชีพหนึ่ง
นิยามซึ้งนิยามฝันมหัศจรรย์รัก
ร่างห่างไกลใจข้ามฟ้ามารวมรัก
รักแน่นหนักรักเหนือโลก..โบกโบยบิน....

................




จูบ!ลาเธอ ตรงไรผม พรมจูบนิ่ม... พุดพัดชา 
 
มองตาเธอ เห็น ความเหว่ว้า
มองหน้าเธอ เห็น ความใจหาย
ยิ่งใกล้วัน จำพราก ยิ่งเดียวดาย
ฉันจะตาย ด้วยสงสาร รานร้าวใจ

กอดฉันซี ให้แนบแน่น ด้วยแรงรัก
หยุดใจภักดิ์ คงมั่น อย่าหวั่นไหว
ฝากไว้ที่ ตรงนี้ ตรงกลางใจ
ถึงตัวไกล ทิ้งคำมั่น คำสัญญา

ฉันเชื่อเธอ เสมอมา นะยอดรัก
ศรัทธารัก จักคงอยู่ ให้โหยหา
กี่เดือนปี จำนวนนับ แค่เวลา
ระยะทาง ขวางหน้า แค่ท้าใจ

จูบ!ลาเธอ ตรงไรผม พรมจูบนิ่ม
จูบ!ทุกสิ่ง ที่เธอให้ จะได้ไหม
จูบ!แก้มหอม ฝากชีวิต ฝากดวงใจ
ขอคนไกล ฝากจูบ!นี้ พลีมัดจำ!
................



จูบแก้ม..แกล้มจันทร์! พุดพัดชา 

จันทร์ดวงเดิม จันทร์ใจดี จันทร์ดวงเดียว
จันทร์ครึ่งเสี้ยว จันทร์แกล้มเศร้า ใจสับสน
จันทร์เต็มดวง จันทร์ยิ้มหวาน ปลอบกมล
จันทร์ซุกซน จันทร์ล้อเลียน จันทร์รู้ใจ

น้ำผึ้งพระจันทร์ รอเราสอง นะยอดรัก
รอความภักดิ์ หนักแน่น นานแค่ไหน
จันทร์รอเรา รักจริงจัง ไม่เปลี่ยนใจ
จันทร์เป็นใจ จูบแก้มขวัญ แกล้มจันทร์งาม ..
...............
				
20 กรกฎาคม 2547 22:17 น.

ตลอดกาล

พุด


คนดีครับ...
ผมกำลังจะจำพราก...
จากลาคุณไปไกลแสนไกล...อีกคราแล้ว
และ
ราวนกไพรหัวใจเสรี..
ที่นะวันนี้ 
กำลังจะติดปีกโผผินบินสู่ฟากฟ้ากว้าง...นะยอดรัก
จำใจร้างห่างลา..ไปไกลตานักนะเจ้ายอดดวงใจ..
และ
ทำไมหนอ..ในหัวใจ
ในหลับไหลในนิทราฝัน
ทำไมผมถึงพะว้าพะวังพะวงห่วงหาเพียงคุณ
คนดี
ระหว่างเรา
ผมขอฝากบทเพลงนี้..
ยามที่เรานี้ไกลร่าง..มิห่างใจนะคนดี






จุดไฟรักริมริมใจจนไหวหวั่น
ประกายฝันเปล่งแสงแรงเสน่หา
ไสวพร่างสว่างเย็นในชีวา
แก้วล้ำค่าสถิตสว่างนำทางใจ...

เหมือนท้องฟ้ามิเคยอิ่มอวลอากาศ
สายธารมิเคยขาดกระแสชลระรินไหล
เหมือนนกผกผินฟ้ากว้างไกล
เหมือนดวงใจรักเรานี้พลีชั่วกาล

หวานหรือเศร้าร้าวหรือรักรับได้หมด
โศกสลดหรือสุขพร่างต่างเติมหวาน
รักวันเติมวันฉันเธอมิเศร้านาน
สวาทหวามสวาทหวังช่างฝังใจ

ระหว่างเราระหว่างใจใครเล่ารู้
ระหว่างคู่ระหว่างรักเป็นโฉน
ระหว่างพรากระหว่างใจถึงใจ
ระหว่างไกลระหว่างชิดสนิทภักดิ์

เป็นนิยามรักจริงยิ่งใหญ่นัก
นิยามรักนิยามฝันมหัศจรรย์รัก
ไม่ว่าไกลใจข้ามฟ้ามารวมรัก
รักแน่นหนักรักเหนือโลก..โบกโบยบิน..!






				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด