28 เมษายน 2549 12:22 น.

สายบุญ..!!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3363.html
ลมเหนือ..


กระท่อมไพรมีเสียงธรรมทุกค่ำเช้า
มีดอกไม้ร่ายมนตราแสนหวานฉ่ำ
มีเสียงนกร้องพร้อมผีเสื้อเริงระบำ
มีน้ำอมฤตธรรมร่ำรินต่อ*สายบุญ..*

เสียงมงคลดั่งธารใจใสชื่นฉ่ำ
หยาดพรมพรำเนื้อนวลใจให้หอมกรุ่น
ดอกไม้ใดไหนเล่าจักหอมเท่าดอกไม้บุญ
ดั่งธรรมทุนหนุนน้อมใจใสทุกวัน

วางมาลัยเคียงหมอนอธิษฐานจิต
ดอกไม้ทิพย์กราบถวายพระพุทธาแห่งสวรรค์
กราบครูบาแม่พ่อน้อมชีวัน
จิตตั้งมั่นภาวนานิทรารมย์..

ยิ้มรับสายแสงแสนหวานเช้าวันใหม่
เปิดดวงใจรับหยาดน้ำค้างพร่างหอมห่ม
มองดอกไม้ฝากสัจจธรรมไร้ระทม
รู้ทันเท่าลมหายใจปัจจุบันเท่านั้นพอ..

ทำหน้าที่ทางโลกย์หยุดโศกทุกข์
ไม่ว่าสุขว่าเศร้ามิเฝ้าขอ
ทำหน้าที่ทุกนาทีให้ดีพอ
ก็เกิดก่อ*สายบุญ*แล้วนะแก้วใจ..แก้วกลางใจ..!
....................


เช้าวันใหม่..
หอมอวลดวงดอกไม้รายรอบวิมานดินราวอยู่ในไพรพฤกษ์

ฝนหลงฤดู...
ฝากผลึกหยาดน้ำค้างพร่างใส..
ราวหยาดเพชรพรมกลมกลิ้งทิ้งไว้กลางนวลกลีบ.....
ที่...
กำลังค่อยๆสยายเกสรแสนหวาน
รับนิรมิตตระการจากพรายแสงสีทอง..


ให้เปิดดวงใจภายในใสกระจ่าง..
พร่างสวยพอกันกับสายแสงแรกแห่งดวงตะวัน
รับเสียงธรรม มาระร่ำริน..
ดั่งธารธาราเกษมมิแล้งสิ้น
ให้จิตเอมอิ่มเอิบงาม..


แล้ว..
กราบกราน ณ..เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธในห้องพระ  
ก่อน..
ที่จักเดินทางไปทำหน้าที่ทางโลกย์ 
อย่างรู้ละวางสิ้น
ทั้งโศกสุขทุกผัสสะที่จักมากระทบใจ 
ให้มี...
เพียงความว่างใส
รู้สงบรู้สยบกิเลสแห่งทุกข์ผู้คน
ที่..
เราจักต้องผจญในทุกชีวิตประจำวัน 
อันยากจะหนีพ้น
คนที่ยังมีความเป็นปุถุชน 
ยังหลงวกวนว่ายอยู่ในวิบากกรรม
แห่งกลกามกินเกียรติกิเลส
อันแสนน่าเวทนาในสังสารวัฏฏ ..


หาก..
เรารู้ทันเท่าแล้ว
จักพาตัวให้พ้นน้ำดั่งบัวบูชา
แล้ว..
มองแลลงมาอย่างมีเมตตาอย่างแสนรักกรุณา
ดั่ง..
ทุกชีวีชีวาคือเพื่อนผู้ร่วมเกิด แก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น


จง..
ผินหน้ามาปราณี
ฝากเพียงความดี คิดดีพูดดีทำดีพลีแด่กันและกัน
ดั่งกัลยาณมิตรธรรม 
เพื่อ..
ประคองกันไปให้ถึงฝั่งแห่งความว่าง
พบความกระจ่างแจ้งถึงความสุขนิรันดร์...
....................


ค่ำ...
อย่าลืมพวงมาลัย หรือดวงดอกไม้ไพรพะยอมหอมๆ
มาน้อมนำพลี ประณมกร สิบนิ้วบูชา อีกคราครั้ง 
แล้ว...
ตั้งจิตอธิษฐานภาวนา
แสดงกตเวทิตารำลึกรู้
ในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
บุญการุณย์คุณแห่งผืนดิน พระมหากษัตริย์ 
ปวงบรรพชน ในร่มรัตน์ฉัตรทองคำ 


รวมทั้ง...
ครูบาที่ได้พร่ำประสิทธิประสาทวิชา
รวมทั้งแผ่เมตตา ให้ทุกสรรพสิ่ง
ทั่วสิ้นทั้งแดนดินอินทร์ พรหม ถึงยมโลก
ให้..
สิ้นโศกพบเพียงสุขอันผ่องแผ้ว 
ดั่งมีดวงแก้วอัญมณีใสผ่องประภัสสร์งามเจิดจรัส
พร่างพราว ณ..กลางใจ นะทุกดวงใจคนดี


และ..
อย่าลืม..นั่งสมาธิภาวนา 
ก่อนจะนิทราไปด้วยความสงบว่างแสนกระจ่างใจ
เพื่อ..
ตื่นมาพบวันใหม่...
ตราบเท่าที่ลมหายใจน้อยนิดเรายังมี...นะทุกที่รัก..ที่รัก...!
......................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3363.html
ลมเหนือ ..จรัล มโนเพ็ชร 

หม่นมัวดวงดาว ลับลา
แผ่วลมเหนือ มา ไกล ไกล
ยังพรม แต่ความหนาว ถึงใน
ดวงใจ ที่อ่อนล้า
ทุกครั้ง ที่ความมืด คลาย
หมายถึงวัน ที่ ดี กว่า
คือโอกาส ชี-วิต
ให้เรา ฟันฝ่า
ขอบ ฟ้า มี ตะวัน
แต่ยัง คง คิด ถึง ใคร
ที่เคย ซึ้ง ใจ และผูกพันธ์
เวลาแห่งความรัก แสนสั้น
คืนวัน ที่อ่อนไหว
คิดเสียว่ามันจบ แล้ว
ค้นหาในแนวทาง ใหม่
จะเป็นอยู่อย่างนี้
ทั้งปี หรือไร
สิ่งไหน คือสิ่งหวัง

คิดเสียว่ามันจบ แล้ว
ค้นหาในแนวทาง ใหม่
จะเป็นอยู่อย่างนี้
ทั้งปี หรือไร
สิ่งไหน คือสิ่งหวัง
หมู่ดาวแพรวพราว พริ้งพราย
แผ่วลมเหนือกราย มาอีก ครั้ง
ดวงใจเปี่ยมด้วยแรง พลัง
จะยังยืนหยัด ท้า
ทุกครั้ง ที่ความมืด คลาย
หมายถึงวัน ที่ ดี กว่า
คือโอกาส ชี-วิต
ให้เรา ฟันฝ่า
ขอบ ฟ้า คือ ตะวัน... 
 
  

				
26 เมษายน 2549 17:32 น.

สุดสายป่าน.!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song559.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song37.html
........


ยามสุริยารอนรอน
ท้องนภาสีชมพูเจือส้มอ่อนๆ
งามอะคร้าวไปทั่วทั้งราวฟ้า

ในเส้นทางคดเคี้ยวเลี้ยวลัดเลาะ
สู่ท้องนา ดงตาล  บึงกว้างเคลียดงหญ้า
รถคันหนึ่งค่อยๆขับมาอย่างช้าช้า...ช้าช้า
และ..
จอดลงภายใต้*ร่มหางนกยูง*
สีแดงจัดจ้าสว่างโรจน์โชติช่วงไปทั่วทั้งบริเวณ


ผู้หญิง..ผมยาวสยายราวแพรไหม
สวมหมวกสานปีกกว้าง
ซ่อนบังใบหน้าเนียนนวลงามสงบราวรูปสลัก

เธอ..ค่อยๆก้าวลงมา
พร้อมแหงนเงยทอดทัศนาดวงดอกหางนกยูง
ที่พราวพรายกรายช่อสล้างสว่างโพลง 
ประดับฟ้าโล่งแลละลิบ แทบเคลียทิวทิพย์เมฆ
ด้วย...
ดวงตาหวานเศร้า..ดายเดียว..


เธอ..เดินช้าๆคลี่ยิ้มรับกับบรรยากาศรายรอบ
จากสายแสงแสนสวย...
อันกำลังสาดสายให้ทุ่งหญ้ากลายเป็นสีทองผ่องพรรณราย 
จนพื้นหล้าแถวนั้น..
ราวพลันกลายเป็นแดนสวรรค์สรวง


ตะวันค่อยๆลอยเรี่ยต่ำลง ๆ
ทายทักดงไม้..ใบไม้รายรอบ
ให้แปรสีระยิบระยับยามถูกอาบไล้ด้วยพรายแสงสุริยาราวเรียวรุ้ง


ลมว่าว พัดตึงให้เธอหันร่างพลางเพลาลมแรง
ที่ราวพัดแกล้ง
จน..
พาให้กระโปรงลายดอกไม้แสนหวานบานแฉ่งหมุนวนแผ่พลิ้ว..

ผม..เธอปลิวสยาย ไร้พันธนา 
หลัง...ลมพัดพาหมวกใบงามปลิวร่วง..ควงไปตกลงบนพื้นหญ้าเขียวขจี


เธอ..คนดี เดินไปหยิบ*ว่าวงู*หางยาวตัวย่อม 
สีสันสดใสสลับลายออกมาจากท้ายรถ
ที่เพิ่งแวะซื้อมาจากข้างทางหลายชนิด ทั้ง ว่าวจุฬา ปักเป้า 


ว่าว..ที่เธอเคยติดตามข่าว..ดูกรรมวิธีการทำ
ที่ทางทีวีรายการหนึ่งนำเสนอให้แสนดื่มด่ำประทับใจ
ให้เธอแสนซาบซึ้งใจว่า 
*กว่าจะเป็นว่าวไทยแสนงามให้ได้สืบสานสืบทอดวิถีการละเล่น
อันเป็นประเพณีพื้นบ้านนั้นแสนมีกรรมวิธีทำ ลำบากนัก


และ..
จนณ..บัดนี้..
กลายกลับเป็นการละเล่นที่ทั่วโลกต่างยอมรับ
ถึงการประดิษฐ์ว่าวแสนหลากสีสันจากหลายแหล่งวัฒนธรรม
ถึงกับมีการจัดงานว่าวนานาชาติขึ้นทุกปี 
สลับสับเปลี่ยนที่กันไป
และแทบทุกจังหวัดในประเทศไทย

ณ..ถายในเทศกาลว่าวไทยและว่าวนานาชาติ  
ภายในงานนั้นจะมีการสาธิตการแสดงว่าว
แล้วไหน.
ยังจะมีการจัดการแข่งขันประชันกัน
ระหว่าง ปักเป้า กับจุฬา
ใต้ฟ้าเมืองไทยทุกปี ที่ท้องสนามหลวง


เธอ..ค่อยๆส่งว่าวขึ้นไปทายทักท้องฟ้า 
และ..
ไม่นานช้า
ก็ติดลมบน ขึ้นไปลอยล่องท่องเมฆาแสนงามอย่างไร้พันธนา
ใน..
ท่ามสายแสงทิวาวันอันอ่อนอุ่น
พาให้ใจดวงละมุนของเธอแสนอ่อนหวานบานเบิกพอกัน


ในยามสายัณห์..
ดวงใจเธอได้ยินเสียงระร่ำรินของสายน้ำ
เสียงอาทิตย์อำลาดงดอกหญ้า
เสียงกระซิบร่ำลาจากทุกสรรพสิ่ง
มนต์ขลังแห่งดินน้ำลมไฟ 
ที่ผสานกันไปราวโอบกอดเธอไว้อย่างปลอบประโลม..
..........


เมฆฝนเริ่มก่อตัวตั้งเค้า 
ลมพัดร่างให้หนาวเยือก
ราวหอบเอาไอฝนมาจากที่ไหนสักแห่ง


ว่าวบนฟ้ายังคงฉวัดเฉวียนไปมา...
พลิกพลิ้วเริงร่าถลาเล่นลมเหลิงลอย...

ใจดวงน้อยน้อยดวงนิ่ง ทิ้งสายตาไปบนเวิ้งฟ้ากว้าง
และ..
ยังไม่ทันตัดสินใจ*สาวสายป่าน*คืนกลับ
ลมก็พัดสายฝนพร่างพรมลงมา
จน..
พาให้*ว่าว*นั้นพลัน...ร่วงคว้าง
ตกลงไปในบึงกว้างในท่ามสายฝนหลงฤดู
และในท่ามกลางความเสียดายของเธอ...


หากทว่าไม่นานนาที..
ที่ดวงจิตดวงดี อันแสนใสกระจ่าง
กลับพบกับคำว่ารู้ปล่อยวางในความเสียดายนั้น
ราวพร่างพรายด้วยสายแสงสว่างแห่งปัญญา
ได้รู้เแจ้งแทงตลอดถึงสัจจธรรม และธรรมชาติ
ที่เฝ้าสอนให้ตามทัน ...รู้ทันทุกผัสสะ


ไม่ว่า..
ว่าว..สิ่งไร้ชีวิต
หรือกับทุกสรรพชีวิตผู้คนอันชิดใกล้ในกมลแสนรัก
ว่าสักวันจักมีจากจบ มิอาจพบได้ไปตราบกาล

นาทีนี้
มีเพียงได้น้อมนำสัจจธรรมจาก*ว่าว*มารินร่ำพร่ำสอนจิตตัว

ดั่งชีวิตทุกผู้คน 
ที่กมลยามพบประสบความสุข
ก็ดั่งว่าวได้ลมบน..เหินลอยละลิ่วปลิวปลื้มอยู่บนฟากฟ้า 
ใกล้แสนใกล้ดวงดาราดาระดาดแทบลืมดิน ..


หากแค่..
สิ้นสายป่าน..
ไม่นานช้า เมื่อพบมรสุมแห่งกาลเวลา
มีหรือที่จะไม่มีวัน ถลาร่วงราวนกปีกหัก
หรือ..
เปรียบพอกันกับปวงดวงดอกไม้แห่งชีวิต
ที่ในที่สุดจักปลิดปลิวโรยรา
พากันโปรยปรายทอดสนิทคืนพสุธา 
อย่างยากที่จะฝืนอำนาจแห่งฟ้าดิน

และ..
ดั่งฤดูกาล..
ที่ผลัดเปลี่ยนเวียนหมุนวนเป็นวงวัฎฏะ
มีทั้งแล้ง ทั้งฝน 
ทั้งหนาวกมลเสียจนเยียบเย็น
เพราะต้อง..
พานพบทั้งวันแสนทุกข์เข็ญแล ชื่นฉ่ำใจ
 ทั้งวันดีวันร้ายหมายฝากบทเรียนไว้ให้สอนใจ
*ดั่งโลกนี้คือละคอน*
ที่..
ในที่สุดทุกฉากตอน ทุกตัวละครโลกย์
ที่ไม่ว่าจะมารับบทโศกฤาสุข
ก็ต้องทิ้งทุกอย่าง วางทุกสรรพสิ่งไว้เบื้องหลัง
แม้นกระทั่งร่างของตัวเอง
ที่..
จักผุพังเน่าเปื่อย
กลบกลายเป็นดินน้ำลมไฟ
อย่างหาสิ่งใดจีรังให้หลงยึดมั่นถือมั่นก็หาได้ไม่

..............


เธอ..ผินร่าง..
ที่ถูกสายฝนพราวพร่างพัดสาดจนเปียกโชก 
ไปยืนโศกหากแสนสุขซึ้ง
ใต้ร่มเงาอันแสนหวานหอมเศร้าตรึงตรา
*ลั่นทม *หรือ*ลีลาวดี*ดอกไม้แห่งมนตรา..มายาเสน่หา
ที่กำลังต่างพากัน
ทิ้งกิ่งช่อ..พ้อร่วงพราวพราย..หมายให้เธอเอื้อมสู่อุ้งมือคว้า...


น้ำตาฟ้า น้ำตาฝน 
น้ำตาจากกมลปิติเกษมด้วยความเข้าใจในทุกทุกข์สรรพชีวิต
ไหลหลอมรวมสนิทเป็นหนึ่งเดียวดั่งเกลียวกรรม
รอ..
วันหลุดพ้น..จนกว่าจะสิ้นบุพเพ พันธนา!!!
.......................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song37.html
ฟ้าคลุ้มฝน สุนทราภรณ์ 

ราตรีนี้มืดไม่เห็นเพ็ญโสม ส่อง
ดารามิผ่องมืดมัวทั่วมุม
ร้อนรุมหมองไหม้เหมือนไข้รุม
ฟ้าดำมิดมืดเหมือนม่านคลุม
อกเรียมยิ่งคลุ้มกลุ้มรัญจวน
อัมพรสะท้อนดังครืน ดังใจสะท้านสะอื้น
คงช้ำกล้ำกลืน ปั่นป่วน
ฟ้า ร่ำไห้เหมือนใจร่ำหวน
เปรียบหัวใจ เรียมป่วน
ข้าครองฟ้าครวญ ตรอมใจ
เมื่อยามฝนตกหัวอกยิ่งคลุ้ม คลั่ง
ดุจดังฉันหลั่งน้ำตาไหล
นิจจาโอ้ฟ้า ร้องไห้ โถตัวข้าหรือจะทนได้
เศร้าใจให้ฝืน ชื่น บาน
ฟ้าแลบดู แวบ วับ
แปลบปลาบต้องหลับตา
เหมือนดังนภา ร้าวราน
ตัวข้าช้ำอุราช้านาน
ด้วยความรักทรมาน
อกเอ๋ยยิ่งคิดยิ่งร้าวราน
รักกำซ่าน ทรวงใน... 
................
 


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song559.html
ว่าวขาดลอย 

ชีวิตของคนย่อม
วนหมุนเปลี่ยน
มีแล้วจนวนเวียน
เปลี่ยนไปตามกรรม
เคยสร้างสม
เปรียบ ราว ดังว่าว ที่ขาด ลม
สิ้น ความ ชื่นชม
หมดแรงแห่งลม
ก็ล่วงหล่น ลง
ชีวิตยามมีนี้ดังคล้ายว่าว
ลอยเหิรลมกลางหาว
เมื่อบางคราวเล่นลมเริงหลง
แต่ ยาม
กรรมเคราะห์มาเจาะ จง
ลม พัด ขาดลง
ว่าว เอ๋ย เจ้าคงต้องร่วง ดิน
โชค ชะตาของคน
ย่อมเวียนเปลี่ยนวน
สับสน มิมีวันสิ้น
แต่ ดวงดาวนี้ยังร่วงริน
ความ สูญสิ้น
ย่อมมีทุกตัวบุคคล
ชีวิตคนเราที่เขลา
พลั้งพลาด
เป็นเพราะความประมาท
อาจจะพาให้ต้องอับจน
ขาด หลง ลืมนึกรู้สึก ตน
จะ ต้อง อับ จน
ไม่พ้นเป็นว่าวที่ขาดลมลอย
โชค ชะตาของคน
ย่อมเวียนเปลื่ยนวน
สับสน มิมีวันสิ้น
แต่ ดวงดาวนี้ยังร่วงริน
ความ สูญสิ้น
ย่อมมีทุกตัวบุคคล
ชีวิตคนเราที่เขา
พลั้งพลาด
เป็นเพราะความประมาท
อาจจะพาให้ต้องอับจน
ขาด หลง ลืมนึกรู้สึก ตน
จะ ต้อง อับ จน


				
20 เมษายน 2549 14:14 น.

กระท่อมทับเทวา..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
(บุพเพสันนิวาส)


ในเส้นทาง..กรุงเทพ..กาญจนบุรี
รถสปอร์ตคันหนึ่งวิ่งบึ่งมาด้วยความเร็วสูง
จุดหมายปลายทาง..
คือเมือง...
*แหล่งอารยธรรม แคว้นโบราณ 
ด่านเจดีย์มณีเมืองกาญจน์ 
สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก*


รถคันนั้น..
ขับผ่านดงตาล..บึงบัว นาข้าว 
ดงข้าวโพด ไร่อ้อย ...
พร้อม..
บทเพลงอ้อยสร้อยแสนตราตรึง
ที่กำลังเปิดคลอรับซึ้งแลพลังใจ..
จาก..
สายแสงแรกแห่งดวงตะวันสีไพลเพิ่งแย้มผลิ
มาพลี...ให้แด่..ทุกมวลมนุษยชาติบนผืนหล้า
นก บนฟ้า..ปลาใต้น้ำ...ได้เริงรื่นชื่นฉ่ำ..รับวันใหม่
พร้อม..
ด้วยอวลสายลมหวานใสโบกโบย


เธอ..ฮัมเพลง*พรหมลิขิต*เบาๆ
ไปตามเสียงนักร้องน้ำเซาะทราย

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html

เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด
บุพเพ สันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์
คู่ ใคร คู่ เขา รักยังคอย เฝ้าชม
คอยภิรมย์ เรื่อย มา
ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น
บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบ พบรักกันได้
ห่าง กัน แค่ ไหน เขาสูงบัง กั้นไว้
รักยังได้ บู ชา
ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กันนา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา

ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กัน มา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา...
........................


รถค่อยๆหยุดสนิท
หน้าประตูรั้วไม้สักบานใหญ่
ที่มีตัวอักษรไทยในกรอบไม้แกะสลัก
ตวัดลายเส้นอย่างแสนอ่อนช้อย..

กระท่อมทับเทวา

เคียงกัน...คือต้นพญาสัตตบรรณ นับหลายสิบต้น
ที่กำลังแผ่ช่อชั้นราวปราการไพรอันแสนร่มเย็น
ที่..
เจ้าของคงหวังซ่อนเร้นตัวเรือน
ให้รอดพ้นจากสายตาคนภายนอก...โลกภายนอก..


ไหน..
จะได้กลิ่นหวานหอมอ่อนๆเย็นๆจากดวงดอกไม้นานา
ที่เธอ..กำลังรู้เพียงว่า
คงมาจากอวลกลิ่นของพวงพะยอมหลากพันธุ์
อันยากจะบอกได้ว่ารวมกันมาจากดวงดอกไม้ใดบ้าง
ตราบจนกว่า..
จะได้พิศพันธุ์ต้นไม้นั้นเต็มตา..ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า


เธอ..ลงไปกดกริ่ง..ที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน
ก่อนที่..
บานประตูอัตโนมัติ...
จะค่อยๆเปิดออกต้อนรับ*เธอ *
อาคันตุกะ.
ผู้ได้รับมอบหมาย ให้มารับบทอินทีเรียร์ดีไซน์เนอร์..ในวันนี้
หลังจากที่...ได้รับการติดต่อ มาเมื่อสองวันก่อน...


อย่างช้าๆ...เธอกวาดตาทอดทัศนาทัศนียภาพไปรายรอบ
และ..แล้ว
เธอ...แทบเผลอร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นลืมตัว
เมื่อมองเห็นว่า...
ในม่านแสงแสนสวยยามเช้า
ที่สาดส่องผ่องพรายผ่านใบไม้ระยิบไปทั่วนั้น
ราว..
อาณาจักรแห่งสวรรค์*บ้านทรายทอง*

ในเนื้อที่...ที่เธอกะประมาณคร่าวๆว่าหลายสิบไร่นั้น
เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่อายุหลายสิบปี
ทั้ง....
กัลปพฤกษ์ กาสะลอง กันเกรา กรรณิการ์
เกด  จันทร์หอม จามจุรี..จิกทะเล ชิงชัน
ทองกวาว ทองหลาง นนทรี บุนนาค ประดู่ ปีบ
โมกลำดวน ศรีตรัง สารภี เสลา หูกวาง อินทนิล
และ
ยังอีกมากมี..
ที่เธอคงต้องสำรวจอีกที...ให้แน่ชัดว่ามีพันธ์อะไรบ้าง


และ..
ต่างพากันอวดดอกใบไหวก้านกิ่งทิ้งตัวระริกระเริงร่า
ราวกำลังต่างพากันแสนสเริงสราญ
ไปกับฟ้ากว้างที่สดกระจ่างสว่างไสวไปทั่ว...


ถัดจากแนวป่าโปร่งที่แสนงาม
มองเห็นเรือนไม้สักทองทั้งหลัง...ที่เล่นระดับ
ปลูกบนเนินหญ้าเขียวขจี
ที่ดูแสนสงบสุขในท่ามแมกไม้ใบบัง


เธอ..
ถูกนำไปยังส่วนต้อนรับ 
ที่จัดด้วยเก้าอี้หวายถักสานละเมียด
ที่มีเบาะผ้าไหมสีสด แดง เขียว..
เหลืองทอง.ผ่อง.แจ่มประดับจนนวลนุ่มน่านั่ง
ตั้งอยู่บนชานไม้...ใต้ซุ้มลัดดาวัลย์
ที่..
พันทอดตัวไปกับระแนงไม้สีขาว
เหนือสระพราว
ด้วยดวงดอกบัวงามแอร่มนับพันชูช่อประชันโผล่พ้นน้ำ..

และ....
ในท่ามสายแสงสุริยาที่กำลังพร่างพราย

ใครบางคน...
ก็..
ก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ...
มา...ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเธอ
ก่อนกล่าวคำสวัสดี..ทักทาย..


หนุ่มใหญ่...
หากใบหน้าคร้ามแดด..นั่น..เนียนใสราวเด็กน้อย
เขา...ค่อยๆแนะนำตัวอย่างช้าๆชัดถ้อยชัดคำ
ราววิถีชีวีที่ผ่านมาได้อบร่ำให้เขาแสนเป็นตัวของตัวเอง
....


และ..
ไม่นานนาที...
จาก..ถ้อยคำบอกเล่า
ที่ค่อยๆพร่างพรูออกมาราวสายน้ำ
ด้วยใบหน้าเงียบงามสงบ ราวรูปปั้นสีทองแดง
แฝงด้วยพลังนัยน์ตาสีน้ำตาลโศกราวสะกดให้โลกทั้งโลก
อยากหยุดหมุนคอยเงี่ยหูเฝ้าฟัง
ตั้งใจรับรู้วิถีชีวิต..ทุกความรักความชอบ..


ในทุกเรื่องราว ราวเรื่อง..
ก่อน...ที่เธอคนดี
จะได้รับมอบหมายให้มารับบท*นักตกแต่งภายใน*
*กระท่อมไพรทับเทวาแห่งนี้*
ที่..
เขาบอกว่าคงเป็นที่พำนักพักพิงครั้งสุดท้าย...
ก่อนวันแห่งแสงตะวันชีวิต
จะพรายลับหล้า..ลาโลกไปตราบชั่วนิจนิรันดร....
..............


เธอ..เงียบงัน กับทุกถ้อยคำ
ที่เขาเพียรเทใจถ่ายทอดราวถอดจิตถอดใจ
ถึงชีวิตที่*ราวนกไพรพเนจร*

จำพรากเรือนรังรอนแรมไปทำงาน
อย่างอ้างว้างณ..แดนดินทะเลทราย..
และ..
หมายเพียงเก็บเงินสักก้อน 
มาใช้ชีวิตผ่อนพักในบั้นปลายอย่างดายเดียว ลำพัง..


เพราะ...
จนถึงวันนี้ ที่เขามีพร้อมทุกสิ่ง
เขาก็ยังคงยืนยัน
*บอกไม่อยากหลงยึดมั่นกับทุกข์พันธนารัก*
ที่..
หวังจักต้องมีใครสักคนมาเติมเต็มในชีวิต
เพราะ..
เขายังมิพบผู้หญิง*สุภาพสตรีในฝัน* ที่ใช่..
ที่อยากใช้ชีวิตร่วมด้วยไปจนตราบวันตาย
และ..
หวังฟ้าคงได้ลิขิต ให้เขาหลีกหนีพ้นได้จริงๆ


เขา...เพียงอยากมีชีวิตสงบงามอยู่ในท่ามพงไพร
และ..
ได้พลีทำในสิ่งที่รัก

เมื่อพูดถึงตรงนี้ 
เขาลุกขึ้นผายมือ..เชิญชวน
ให้เธอได้ก้าวล่วงล้ำ
เข้าไปรับรู้สัมผัสบางสิ่งในร่มรักเรือนใจ
เรือนนอนของเขาที่มีอะไรจะให้เธอดู..

*ผู้หญิง*
ที่เขาแย้มประตูใจบอกกับตัวเองว่า..
มีอะไรบางสิ่งสื่อสะท้อนออกมา
ผ่านทางแววตาโศกรานราวสีอำพันน้ำงามอันแสนลึกล้ำ
ที่ทำให้เขาแสนประทับใจ
และ..
เขา..บอกกับใจ...
ราวกับเคยพบเจอกันมาแสนนานผ่านภพชาติในปางก่อน..
..............


สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้
คือตู้หนังสือรายรอบ..*ห้องสมุด*ที่สร้างจรดเพดาน
จน..
ต้องมีบันได้ไม้ไว้ให้ป่ายปีน..หากจะเลือกหยิบจับ..มาอ่าน 
ราว..
กับร้านหนังสือโบราณที่แสนใหญ่โต
ที่ได้รับการจัดวางไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ไว้อย่างมีระเบียบ..


เขา...
บอกเธอว่าจะเชื่อมั้ยนะ 
หากจะบอกว่าชีวิตเขาจบแค่มัธยมสาม
และ..
แถมแทบจะเรียนไม่จบ เพราะสมองในยามเยาว์วัยนั้น
ไม่สามารถจดจำอะไรได้เลย..
เขาสารภาพแบบติดตลก หากทำให้หัวใจเธอแสนอ่อนโยน
เมื่อได้ยินคำว่า..

*คงเพราะความยากจนจนขาดสารอาหารที่จะมาบำรุงสมอง*
เพราะ..
ชีวิตทั้งชีวิตยามนั้นฝันเห็นแต่อาหาร
พาลคิดคำนึงถึงแค่เพียงเรื่องปากท้องน้องพี่
ที่ร้องหิวโหยตลอดเวลา


จากชีวี..วิถีลูกชายชาวนา
ที่แม่พ่อเกิดมากับคำว่าหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน 
กับหยาดเหงื่อไหลรินราวสายเลือด..มิแห้งเหือดสาย
ที่..
พรายรินลงบนผืนนาผืนหล้า
หากหาได้หาพอมีพอกินไม่..
ด้วยความที่มีลูกหลายคน..


เขา..บอกนาทีนั้น
วันเวลาทำให้เขาได้ใกล้ชิดความจนเสียจนแทบเป็นหนึ่งเดียว
ราว..
เกรียวพันฝังแน่นในแก่นกระดูก 
ที่..ผูกหลอมให้ร่างกายเลือดเนื้อหัวใจ
ของเขามิเคยยอมอ่อนแอแพ้พ่ายในทุกข์สรรพสิ่ง

ไม่กลัวความยากลำบากยากแค้นใดอีกเลย 
ไม่ว่าคำอดมื้อกินมื้อ
หรือ..
เรื่องราวรานร้าวเศร้าทุกข์ใดที่ผ่านมา
ยิ่งกลับพาให้ชีวีเขายิ่งกล้ากร้าวแกร่ง
แข็งแรงพอกับ..*วัวควายเพื่อนยาก*
ที่..
เคียงข้างกันพบลำบากตรากตรำ
อย่างราวกับมีจิตดวงเดียวกัน..


เขาบอก..
พ่อจะให้ออกจากโรงเรียนตลอดเวลา
หากมีคุณครู 
ผู้มีหัวใจดวงเมตตาดวงทองดวงผ่องผุด..ได้ฉุดรั้งเอาไว้
ด้วย...การได้เพียรให้เหตุผลหว่านล้อม 
ให้พ่อเขา..ยอมรับว่า
อย่างน้อยกับการเกิดมาเป็นลูกผู้ชาย
น่าพอที่จะเขียนจดหมาย
*อักษรลายสือไท*กลับมาบ้านได้บ้าง
หากต้องไปใช้แรงงาน...อยู่..ณ..ที่ใดยามไกลบ้านไกลเมือง...


ในวันนี้..
ยามที่เขา..เอ่ยเอื้อนออกมา..
ถึงพระคุณอันแสนมากมหาศาลของคุณครู แต่ก่อนกาล 

เธอสังเกตเห็นหยาดน้ำใสใสคลอคลองในดวงตาของเขาตลอดเวลา 
ดวงตา...
ที่สื่อสะท้อนถึงความอบอุ่นอ่อนโยนแฝงฝัง
หากลองเทใจ เข้าใจ
ก็ดูราวกับมี พลังเวทย์มนต์ 
จนแทบสกดเธอให้จังงัง
ด้วยพลังแห่งความเป็นสุภาพบุรุษอาชาไนย..หัวใจนักสู้..เกินร้อย


และ
เขาบอก..
ในกาลเวลาต่อมาอาจจะเป็นเพราะชะตาฟ้าดินบันดาล
และ..
อาจจะเป็นเรื่องราวในชาติแต่ปางก่อน
ที่อาจได้ย้อนวนมา
หลังจากที่..
เขาอาจจะสะสม*เสบียงบุญ...ทุนทานบารมี*ไว้มากพอก็เป็นได้


จึงมีอันทำให้..
เขานั้น..ต้องพลันดั้นด้นพาตัวเองเข้าไปอาศัยในวัดวาอาราม
ใต้ร่มเงารัตน์พระบวรศาสนา
ด้วยความคิดว่าขอแค่มีข้าวกิน
ขอไปอาศัยชายคาวัด 
คอยเช็ดถูปัดกวาด
เพื่ออาศัยข้าวก้นบาตรของหลวงตาพอได้ประทังท้อง
ไหน..
ยังอาจจะได้นำมาแบ่งปันโอบเอื้อให้น้องๆผู้หิวโหยได้พลอยอิ่มอุ่น


เขา..จึงเททุ่มทำทุกสิ่ง อย่างรู้ซื่อสัตย์ผู้ขยันอดทน
และ..
ณ..ที่นั่น...พลันชะตา..
พาให้เขาได้พบเห็น*พระฝรั่ง*
ที่..
อุตส่าห์ฝ่าฟันข้ามน้ำ..ข้ามทะเลโลกย์หนีโศกทุกข์
มาค้นหา*ความสุขสงบนิรันดร์*
ด้วย..พลังแห่งศรัทธาปสาทะอย่างแรงกล้า


และ..
ได้มายึดร่มเงาพระพุทธศาสนาพุทธเป็นที่พึงพิง
อิงบุญที่แสนบริสุทธิธรรม 
นำพาตัวเขาให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งผอง
ที่..
มวลหมู่มนุษย์มากหน้า
ยังหลงลอยล่องในครรลองครองน้ำตา
เพื่อ..
เพียรพาร่างจิตใสให้ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน 
หากแม้นจะใช้เวลานานแสนนานสักกี่ชั่วกาลกัปป์กัลป์ก็ตาม 
ท่านก็จะไม่ท้อจักขอเพียรตั้งสัจจาธิษฐาน


และ..
นั่นคือ..
สิ่งที่เขาสัมผัสและงงงันเฝ้าค้นหาคำตอบให้กับชีวิต
จึงค่อยๆหยิบจับพระไตรปิฎกมาศึกษา 
และเริ่มพกพาไปไหนต่อไหน
จนถึง..
ยามมาตรแม้น..ร่างใจต้องจำพรากจากบ้านไป...ไกลจนสุดขอบฟ้า


หลายปี.... ที่*เขา*ไปทนทุกข์ยากแสนลำบาก
เพื่อปากท้องแม่พ่อน้องพี่...
ขอมีเพียงเงินงาม
นิยามที่ใครต่อใคร..หมายใจจะได้นำกลับมา..
เพื่อใช้บันดาลดวงชีวาชีวิตที่ดีกว่า 


หากทว่า....
สำหรับ*เขา*..ส่วนหนึ่งนั้น
ได้น้อมนำด้วยแรงจิตกตเวทิตาต่อพระศาสนา
ได้ส่งมาถวายเป็นปัจจัยไทยธรรมให้พระภิกษุ
 ได้ไปศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม
จนสอบได้เปรียญธรรมก็หลายองค์
เพื่อ..
หวังท่านยังได้ดำรง ธำรงสืบทอด...
*ยอดแห่งคำสอนของพระบรมศาสดา*
อันคือ..
*ความจริงแท้ แน่นอน*
ที่จักผ่อนเพลาให้มวลมนุษย์
ได้หยุดอยาก มากกิเลส..
จน..
เพียรพาจิตตนให้พ้นทุกข์
พบเพียงสุขเกษมว่างแสนกระจ่างแจ้งใจ


และ...
ปัจจัยส่วนหนึ่งได้นำมาซื้อที่ทางเอาไว้ 
จนกลายมาเป็นวันนี้...
ที่เขามากมีพอที่จะไม่ขอกลับไปอีกแล้ว


เขาบอกเธอ...
ที่นี่เขาจะแบ่งที่สักห้าไร่อุทิศให้ใช้เป็นที่*ปฏิบัติธรรม*
อีกส่วนนั้น..
ก็ คือ..*กระท่อมทับเทวา*..หลังนี้..
ที่..*เขา*ต้องการตกแต่งให้เรียบง่ายกว่าเดิม
เพิ่มเติมซ่อมแซมบางส่วนหลังจากทิ้งร้างไว้หลายปี
หลังจากที่..เจ้าของเดิมขายให้เขาพร้อมที่ดิน..


และ..
*เขา*..เพิ่งเข้ามาอาศัยจริงๆจังได้แค่ไม่นาน
จะมีก็เพียงห้องทำงานและห้องหนังสือ 
ที่..
เขาได้ลองใช้สมองและสองมือของเขา
แก้ไขและตกแต่งเอง
 เพื่อรองรับการเป็นนักอ่านตัวยง
หลังจากที่คงมีปมด้อยมานานปี
ที่ฝังใจว่า...
ตัวเขาเองนี้ช่างแสนสมองทึบ


แต่..
ใครจะรู้เล่าว่า ในทุกข์แห่งความรู้สึกกดดันนั้น
เขา..มิเคยยอมแพ้พ่าย คล้ายท้อแท้หยุดฝัน
ยอม..กระทั่งจุดเทียน..
เพียรนั่งท่องอ่านพระธรรมในพระไตรปิฎก
จน..
ราวจะรินร่ำเป็นสายธรรมธารา
อันพาให้เขาแสนเกษมซ่านซึ้ง..ปิติใจ..


ให้..
เขาได้ค้นพบคำ*ปาฏิหารย์รักอันแสนยิ่งใหญ่ว่ามีจริง*
เมื่อ..
ในวันหนึ่งเขาได้ลองพึงนั่งสมาธิ..
ศึกษาวิธีสมถกรรมฐานภาวนา...
ผ่านความทรมาทรมาน นานนับหลายปี
จึง...
สามารถจดจำแทบทุกราวเรื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์
หากทุกตัวอักษรานั้นพลันได้ผ่านตา..


และ..
นั่นคือที่มา ว่า..
ทำไม... ในวันนี้
 เขาจึงได้อยากมีห้องสมุดส่วนตัว
ที่อุดมไปด้วยหนังสือดีดี
ที่..
เขาได้น้อมนำพลี
มาอบร่ำพร่ำสอนจิตภายใน
ให้ยิ่งสงบสะอาดสว่างไสวแสนงามยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น..
.


นานนัก...
ที่เธอ..ทิ้งจิตดวงใสใจดวงดีพลีนิ่งฟัง..
ด้วยพลังแห่งความทึ่งศรัทธาในความใฝ่ดี
แถม..
เขา คนนี้..ยังมีหัวใจดวงทองดวงธรรม 
ที่สำหรับเธอแล้วดั่ง*ดวงอัญมณีอันล้ำค่า*
ที่คงเสน่ห์คุณค่า
มากกว่าทรัพย์สินนอกกายใดใดในโลกามนุษย์นี้
ที่..
สรุปแล้ว...คงหาใครอายุยืนได้เกินร้อยปี..แสนยากนัก..
นอกจากนั้น..
อาจจะยังพบ..
จบจากพรากลา...ด้วยอุบัติเหตุเภทภัย
พบวิบากกรรมใจ
มาพาให้ลมหายใจแสนสั้น..สิ้นสุดลงก่อนถึงวัยวันอันควร


และ..
ไหนจะยังมากล้วนผองภัยที่พากันดาหน้ามาโรมรัน
ให้คนทุกวันนี้แสนฝันร้าย..
ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับความเครียด
จากเหตุแห่งการชอบเบียดเบียนธรรมชาติอย่างขลาดเขลา 
ไม่ว่า..
จะจากอวลอากาศที่เต็มไปด้วยมวลสารมีพิษภัย
 การตัดต้นไม้ทำลายป่าไพรอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ให้สายธารธรรมชาติอุทกภัยน้ำป่ามาบ่าโหมทำลายบ้านเรือน
ให้ย่อยยับ ..
และ....
ไหนกับการค้าที่แสนเอาเปรียบผู้บริโภค
ด้วยการเติมสารเร่งในสัตว์พืชผักผลไม้
ให้ได้ผลเร็ว 
หากฝากพิษร้ายให้เราตายผ่อนส่งเช่นเฉกเดียวกัน


เธอ...
ฟังเขา..ด้วยความรู้สึกดื่มด่ำ..
ยิ่งเพิ่มพลังศรัทธา 
ในคำว่า*ค่าของคน*ที่คงอวลอยู่ในเนื้อนวลกมล
ที่คิดดี พูดดี..ทำดี พร้อมพลีเพื่อผู้อื่น 
และ..
มีความเป็นผู้ตื่นผู้รู้ผู้เบิกบาน
ราวดอกบัวบานเหนือน้ำ
รอรับสายแสงทองแสงธรรมอันแสนฉ่ำเกษมเย็น..
.........


*หัวใจ...เธอ*..แสนอิ่มเอมเปรมปรีดา
เมื่อได้พบและได้รู้จักลูกค้าคนดีคนนี้
ลูกผู้ชายคนดี ที่มีจิตพลีถึงพร้อม
ดวงทองดวงผ่องพรรณราย
ที่..นับวันจะ...แสนหายาก
ราวงมเข็มในมหาสมุทรอันแสนลึกล้ำกว้างใหญ่
และ...
เต็มไปด้วยผู้ที่ยังเวียนว่าย
ชดใช้กรรม ยากจะพบคนเพียรปีน*บันไดธรรม*
เพื่อขึ้นสู่ฟากฝั่งอันแสนสุขหมดทุกข์ภัยไปตราบชั่วนิจนิรันดร์..


เขา..เดินนำเธอ...มายังบึงบัวท่ามฟ้าสลัวโพล้เพล้
และ..
ในท่ามเสียงจั๊กจั่นจิ้งหรีดเรไรกรีดเสียงรายรอบ
ดั่งดนตรีไพรดนตรีทิพย์ธรรมแสนหวาน..
เขา...วอนขอ..ให้เธออยู่..เป็นเพื่อน.
เพื่อเป็นเกียรติ...แด่เขา
เฝ้ารอดู...พระจันทร์จากที่ตรงนี้
ที่...
กำลังจะหยาดสายหวานราวกับน้ำผึ้งในเดือนห้า...
ที่เขาหวังว่า...
จะทำให้เธอแสนสุขสงบใจ..ในท่ามโลกที่แสนแล้งไร้.....!!


..
				
16 เมษายน 2549 17:18 น.

แม่นวลนาเนื้อทอง..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html


นวลนาชื่อนวลนา
เกิดที่ตำบลผ้าไหม
ที่แสนขึ้นชื่อลือชาที่ชื่อว่า*พุมเรียง*
เมืองหัตถกรรมดีเด่นแห่งเมืองไชยา

เมืองที่มีวัดพระบรมมหาธาตุไชยาราชวรวิหาร
สวนโมกขลาพลาราม 



เมืองที่มีพิพิธภัณฑสถานไชยา
และที่เมื่อไม่นานมานี้
ยังมีการลักลอบขุดกรุสมบัติ 
และ...
พบพระพุทธรูป 
อวโลกิเตศวร สมัยอาณาจักศรีวิชัย 
พบสร้อยลูกปัดสีพันปีเกลื่อนกล่นไปทั่ว 


ในอดีตพื้นที่ 
ต.พุมเรียง เป็นอาณาจักรศรีวิชัย 
ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตวัตถุโบราณ
และ..
เป็นแหล่งการค้ากับชาวต่างประเทศ 

เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา..
กรมศิลปากร 
ได้มาขุดนำวัตถุโบราณไปเก็บรักษา
ไว้ที่*พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา*
จำนวนมากแล้วก็ตามที
 แต่ก็...ยังมีหลงเหลืออีกจำนวนมาก 


ในปัจจุบันพื้นที่จำนวน 38 ไร่ 
มีชาวบ้านอาศัยอยู่ 180 ครัวเรือน 
มี..
อาชีพทำประมง และหารายได้พิเศษ
จากการขุดหาของเก่าขายจำพวก 
ลูกปัดชนิดต่างๆ เช่น ..
ลายนกยูง ลายงูเหลือม 
ลายลูกยอ ลายลูกบอลธรรมชาติ ลายตั๊กแตน
 โดยมี..
ราคาตั้งแต่เม็ดละ 5,000 บาท ถึง 10,000 กว่าบาท 
ทำให้มีผู้ลักลอบขุดกันอย่างต่อเนื่อง 
จนต้องให้ทางราชการคอยเข้มงวด
กวดขันเฝ้าระมัดระวัง..
..............


ปีนี้นวลนา..เพิ่งเป็นสาวสะพรั่ง
หากยังหอมนวลสาว 
ราวกับข้าวใหม่เพิ่งแย้มผลิ
ไร้วี่แววอยากรับรักหรืออยากมีชีวิตแต่งงาน
อาจ...จะเป็นเพราะ
นวลนาเข้าวัดปฏิบัติธรรมกับคุณตาคุณยาย
และ...
ทำให้กลายเป็นคนมีปัญญารู้ตามจิตทัน
ไม่หลงยึดมั่นถือมั่นในวิถีทางโลกย์
ที่คงมีเพียงโศกสุขน้อยซ้ำรอยวน
จนกว่า..
จะหนีไม่พ้น..หากยังมีวิบากรรม..
ทำให้ต้องพบรักพันธนา..
หากว่าฟ้าดินอินทร์พรหมลิขิตโชคชะตา..


ในวันนี้..
กมลนวลนา..
จึงรักชีวิตสมถะสงบงามเงียบเรียบง่าย
ในท่ามความดายเดียว ลำพังมานานปี
ชีวิต...
ที่นวลนานี้กำพร้าแม่พ่อ ตั้งแต่จำความได้
มีเพียงคุณยายเฝ้าคอยประคบประหงมเลี้ยงดู

คุณยายเพียงเล่าให้นวลนาฟังว่า 
บุพการีทั้งคู่ของนวลนา
เสียชีวิต ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
วันที่ท่านเดินทางไปซื้อเส้นไหม
จากสุพรรณบุรี และกาญจนบุรี
เพื่อนำมาใช้ในการทอผ้า 
ที่บ้านพุมเรียง...สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน...
............


นวลนา เลี่ยงจะซักถาม 
ถึงความหนหลัง ที่ยากย้อนคืน
และ..
ไม่อยากเห็นหยาดน้ำตารื้นชื้นตา 
ยามคุณยายพรรณาถึงความรัก
ความหลังด้วยความอาลัยอาวรณ์ 
และ..
สิ่งเหล่านี้กระมัง ที่ย้อนวนมาสอนสัจจะใจ
ให้นวลนาหันมาสนใจและฝักใฝ่ในทางธรรม
หลังจากพบคำว่ามรณานุสติ..
ที่..
ก้าวมาทายทัก
คนที่นวลนาแสนรักอย่างมิทันได้ตั้งตัว


สัจจธรรมข้อนี้นี้เอง
ที่หล่อหลอมให้ชีวิตนวลนาแสนเข้มแข็ง
และ..
ได้รู้รสแห่งความพลัดพรากจากจบ..พบก่อนวัยอันควร
ที่ล้วนหวนกลับมาสอน
มิให้หลงประมาทในทุกบทบาทนาทีแห่งชีวิต
อันแสนสั้น


มี..
เพียงคุณตาคุณยาย 
คอยเฝ้าอบรมเลี้ยงดู เฝ้าอุ้มชูสอนสั่ง
เฝ้าพาหลานรักติดสอยห้อยตามเข้าวัด
อบร่ำจิตให้สวยใส
ให้..
ซาบซึ้งในรสน้ำพระอมฤตธรรม 
และฝึกการตามทันทุกผัสสะ..ที่จักมากระทบให้รู้จบ
ด้วยการปล่อยวาง
ไม่ว่าจะทางไหน


คุณตามีเรือนไทยหลังใหญ่ในสวนผลไม้นานา
ที่มีทั้งสวนเงาะแดงดกหลายสิบไร่
 สวนทุเรียน...ที่ให้ผลจนตัดขายไม่ทันพันธุ์หมอนทอง 
ที่คุณตาคนขยันคอยดายหญ้า ดูแล
ไหน..
จะลางสาด มังคุด  ที่ห้อยพวงระย้าราวฟ้าดินประทาน
เพราะได้ดินอุดมดี จนพาให้ออกผลแสนหวานแสนอร่อย
ที่ต้องคอยตัดแต่งกิ่ง มิทิ้งต้นให้ราโรย...


ผลไม้พวกนี้ จะมีรถจากถิ่นที่ต่างๆ
เป็น*พ่อค้าคนกลาง*...มารับซื้อไปขายต่อ
หาก
สำหรับ..
นวลนาแล้วไซร้..
กลับประทับใจ ในนาข้าวประมาณ 20ไร่ 
ที่..
คุณตาแบ่งที่ไว้เคียงดงตาล...ได้หว่านไถ มิให้รอยไถแปร
คุณตา..
จะไปขอแบ่งพันธุ์ข้าวชื่อ ...แก่นจันทร์ 
พันธุ์หอมมาจากเพื่อนคุณตาแถวพัทลุง 
ที่..
ยังคงมุ่งที่จะเพียรปลูกข้าวพันธุ์หอมหายากนี้เพียงอย่างเดียว
ด้วย..
พลังแห่งความหนักแน่นภักดีเด็ดเดี่ยว
ที่จักแสดงความกตเวทิคุณ
 ตอบแทนพระคุณผืนดินและพระบรมราชินีนาถ
ที่ท่านทรงโปรดข้าวพันธุ์หอมนี้มาก


และ...
ได้ทรงพระกรุณานำไปบอกกล่าว
เล่าถึงในวันมหามิ่งมงคล
*วันเฉลิมพระชนพรรษา*ของพระองค์ท่าน
เพื่อ..
ให้กำลังใจ แด่กสิกร..ทุกถิ่นที่
รวมทั้งชาวนาพัทลุง 
ให้..
ยังคงมุ่งรักในวิถีนา..
อย่า..
พากันเลิกหันไปทำสวนยางพาราเสียหมด
ให้อนาคตชาติ ในไม่นานช้า
อาจจะพากันพบกับคำว่า
*ข้าวยากหมากแพง*

 เนื่องจากภัยแล้งและไร้ที่นาทำกิน
ต่างทิ้งถิ่นทิ้งนาไปใช้ชีวิต..
ในวัฏฎคนเมืองอุตสาหกรรม 
ที่..
คราคร่ำด้วยความเร่งรีบในโรงงาน
ไปใช้ชีวีแบบตีนถีบปากกัด
ไปรับภาระหน้าดำคร่ำเครียด หาเงินผ่อนนั่นผ่อนนี่ (ผ่อนหนี้)
ไม่มีที่สิ้นสุดหยุดรู้พอ..เพียง..
...............


บ้านนวลนา
เลี้ยงวัวไว้หลายตัวทั้งแม่วัวลูกวัว
ให้..
นวลนามีเพื่อนเล่นแสนน่ารักนัก...มาตั้งแต่ไร้เดียงสา
นวลนาจะจูงมันลงนา 
พาไปอาบน้ำที่ริมธารท้ายไร่ที่มีสายน้ำ
แสนใสไหลเย็นมาจากเทือกเขาไม่ไกล

นวลนาพอใจที่จะ
ตั้งชื่อลูกวัวตัวน้อยๆ
ที่คุณตายกให้ว่า*เจ้าหางนกยูง*
เพราะ..
มันเกิดที่คอกใต้ต้นหางนกยูง ที่กำลังออกดอกแดงสะพรั่ง
วันที่..
นวลนาเอาใจช่วยเสียแทบแย่ 
กว่าจะเห็นภาพลูกวัวตัวน้อย
น่ารักนักโผล่พ้นครรถ์แม่วัวออกมาได้อย่างทุลักทุเล...เต็มทน..
.............


นอกจากนั้นนวลนา...
ยังมีกระท่อมหลังน้อย..
ที่...
คุณตาปลูกไว้ให้พักเล่น
ราวมีเรือนส่วนตัว

เรือนที่คุณตาสร้างเคียงเรือนใหญ่ไม่ไกลกันนัก
หาก..
เป็นเรือนที่แสนงามนักเพราะ
ใช้ไม้มะพร้าวลายงามเป็นฝา 
พร้อมทำนอกชานด้วยไม้ยางอย่างดี
ให้..
นวลนา
ได้ชวนเพื่อนบ้านคนในวัยเดียวกัน
มานอนฝันนับดาวเดือน
ที่กล่นเกลื่อนแสนสกาว
ภายใต้ร่มทองกวาวและลั่นทมหอมพราวพร่าง
ในคืนที่*จันทร์กระจ่างฟ้า *


นวลนา..จึงมิเคยเหว่ว้าหัวใจเลย
สิ่งเดียวในชีวิต
ที่สถิตในดวงใจนวลนาตั้งแต่ยามเยาว์จนเป็นสาว
คือ ...
ผ้าไหมลวดลายทั้งแบบเก่าใหม่ 
ที่คนในครอบครัวนวลนา..
และคนทั้งหมู่บ้านในพุมเรียง
ต่างสืบสานทอทอด...สืบต่อเรื่อยมา...ตราบจนถึงทุกวันนี้


ที่..
นวลนารู้จักชื่อลายดี...
 ไม่ว่า..จะเป็น...ลายราชวัตร ลายดอกดาวกระจาย
ลายดอกพิกุล ลายดอกลอย ลายแมลงวันสี่ตัว
ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ลายยกเบ็ด ลายมงกุฏดาว ลายหางนกยูง
ลายดอกโคม และลายนพเก้า


ผ้าทุกลายหลายๆผืนหลากสีดั่งมณีไหม นั้น
นวลนา เก็บพับรักษาไว้อย่างดี...
ในตู้โบราณเป็นชั้นๆ
แบ่งไล่โทนสีดั่งมณีรุ่งเหลือบลายพราวพรรณรายนพรัตน์
ที่..
จะต้องคอยหยิบจับมาจำหน่าย
หากมีลูกค้าแวะผ่านมาสนใจอยากได้..


อีก..
ส่วนหนึ่งนั้น 
เป็นสมบัติส่วนตัวของนวลนา
ที่จะใช้ยามใส่ไปงาน 
ยามจะไปวัด 
ที่..
ทุกคราที่นวลนานุ่งงามจะงามจรัสรัศมี
 จนคุณตาต้องชมเปาะ
ว่าใครหนอ..
จะใส่ผ้าถุงฝืมือคุณยายและที่ช่างคนพื้นบ้านช่วยกันทอ...
ได้งามเหมาะเจาะเท่าหลานรักของคุณตา..
...............

วันนี้ วันสงกรานต์ 
นวลนาตั้งใจตื่นแต่เช้าช่วยคุณยาย
หุงข้าวแก่นจันทร์พันธุ์หอม
และ..
ทำกับข้าวรสจัดพร้อมของหวาน
ทั้งขนมผลไม้ 
แล้ว..
นวลนาจะลงไปเก็บดอกไม้รายรอบบ้าน
ที่..
คือดวงดอกไม้นานา หลากสีสัน
ที่ต่างพากันประชันช่อชูโฉมประโลมไสวไปทั่ว
รอรับหยาดละออละอองน้ำค้าง
ในม่านหมอกสลัวเย็นเยียบในยามเช้า


พวงพะยอมไพร
ที่นวลนาและคุณตาช่วยกันหาพันธ์
มาขยันเพาะปลูกหว่านโปรยโรยไปรายรอบเรือน
เช่น..
ชบาชมพู คู่ดงดอกดาวเรือง หงอนไก่ 
ดวงดอกไม้ไพรพื้นบ้าน 
ไหน..
จะบานชื่นดอกโตและนั่นดอกยี่โถแสนสวย
กุหลาบ กล้วยไม้ป่า..ที่แสนหายาก 
มะลิลา จำปาจำปี กระดังงา
ที่..
กำลังพร่างพราวดอกนวลไปทั้งต้นจนหอมชื่น ..


ที่..
นวลนาตั้งใจ..
จะนำร้อยมาลัยแซมด้วยดวงดอกรักร้อย
แทนสร้อยศรัทธา นำไปถวายพระประธาน 
ในวันมหาสงกรานต์..งานประเพณีมงคลนี้
และ..
ที่..นวลนาจะไม่มีวันลืม
คือสรงน้ำพระพร้อมถวายมาลัยสามชาย
ที่เรือนใหญ่และที่เรือนนวลนา
ที่คืนนี้จักหอมกรุ่นด้วยกลิ่นกุหลาบมะลิ


ที่..
นวลนาตั้งใจจะนำมาไหว้กราบกราน
แล้ว..
ตั้งจิตอธิษฐานนั่งสมาธิสวดมนต์ภาวนา
ให้ทวยเทพเทวาบนสวรรค์ชั้นฟ้า
และ..
ปวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหล้าโลก
ได้ทรงพระเมตตาประทานพร 
ได้ช่วยกันปกบ้านป้องเมืองให้เรืองรอง
รอดพ้น จากภยันตรายทั้งปวง..

 
ให้..
ผองชนได้รู้รักปรองดอง
รู้ประคองชีวิตให้แสนงดงามในท่ามร่มรัตน์ ร่มฉัตร
รู้ตระหนักคำว่า สมานฉันท์ สามัคคี
 รู้ใช้ชีวีแต่พอดีพอเพียง
เลี่ยงจากกิเลสวัตถุเร่าร้อนทั้งสิ้นทั้งปวง ด้วยเทอญ..


และ...
วันนี้..
 นวลนาคนดี จะไปขนทรายเข้าวัด 
ไปร่วมก่อพระเจดีย์ทราย
ช่วยกวาดใบไม้ลานวัด 
และ..
ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา..
ด้วยความโสมนัสปิติเกษมอย่างที่สุด
ตามประสาพุทธศาสนิกชนคนไทย..
ที่มีดวงจิตดวงใจ
งามดั่งทอง หวังปองเพียงสร้างเนื้อนาบุญเพียงนั้น...
..


ไม่ช้า..
นวลนาก็นุ่งผ้าถุง*ลายมงกุฏดาว*
ที่แสนพราวพร่าง...*สีฟ้าแจ่ม*
เดินแฉล้มแช่มช้อย
ทูนกระเฌอตามคุณตาคุณยายมาที่วัด


วัดที่..
หลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนา
ที่ท่านสู้อุตส่าห์ลงแรงไปขอพันธุ์ต้นไม้
จากกรมป่าไม้ มาเพียรปลูกไว้จนให้ร่มราวฉัตรไพร 
ร่มรื่นไสวไปจนถึงนอกถนนใหญ่


ให้ผู้คน..
ได้มานั่งลงใต้ร่มไม้ ให้ดวงใจได้รับรสฉ่ำเย็น
จาก...อวลอากาศออกชิเจนที่แสนบริสุทธิ์
ไหน
จะยังดอกใบระยับระยิบ
ให้ประดับใจแสนไหวหวานแสนงามไปด้วยกัน
ทุกคน..
จึงรักที่จะพากันมานั่งฟังธรรม ณ..ลานธรรม ธรรมชาติแห่งนี้
และ..
พร้อมพลีได้อบร่ำจิต
ให้...รู้รักทั้งสองธรรม..พร้อมกันไป


วันนี้ หลวงพ่อออกมาเทศนาเรื่อง*ค่าของคน*
ที่..
ท่านสอนให้รู้รักกตเวทิตา
ต่อ..ผืนดิน น้ำ..ลม..ไฟ
พระมหากษัตริย์ไทยผู้ยิ่งใหญ่ในทศพิธราชธรรม
ธ..ผู้ทรงน้อมนำแบบอย่าง 
สว่างโรจน์ด้วยพระจริยวัตรที่แสนเพียบพร้อมแสนงาม
ในท่ามโลกแล้งไร้ 
อย่างยากหากษัตริย์ไหนในโลกนี้เทียบทัน..


และ..
สอนให้รู้คุณค่าวัฒนธรรมประเพณี
ที่แสนดีแสนงาม 
จนทั่วโลกต่างพากันแซ่ซร้องสรรเสริญ
ถึง.. ความเจริญด้านจิตใจ 
ไหน..
จะเตือนใจ...สอนให้รู้ตอบแทนพระคุณพระที่บ้าน
นั่นคือ...แม่พ่อ
ผู้ก่อเกื้อให้เลือดเนื้อ..ให้ชีวิตเรามา
ให้..
รู้รักษาความดี 
อย่าพลีชีวิตตกในบ่วงเหวอบายมุข
ที่สนุกจนขาดสติ ลืมตัว..ลืมตนจนพาตาย..
อย่างน่าเศร้าเสียดาเสียใจ...อย่างที่สุด


ในหอมห้วงดวงใจนวลนา..
ราวกับจะร้องไห้..อย่างแสนซาบซึ้งในบึ้งใจ
เมื่อ..หลวงพ่อท่านเทศนา
ให้..
รู้เพียรสร้างบ่อบุญทุนทานเอาไว้
เป็นขุมทรัพย์ในจิตใส 
ที่..
จักตามติดไปไดในภพหน้า
ใช่มัวเหว่ว้าหลงทาง ให้เสียชาติเกิด


นวลนา..
ค่อยๆพาร่าง..
เดินมาหยุดตรงใต้ร่มเงาพิกุล..ที่เธอแสนรักนักรักหนา

สายลมอรุณอุ่นอวลมา
พาให้กรุ่นพิกุลทองแพรวพร่างพราย
ร่วง....ปรายโปรยลงมา...
ราวปลิดปลิวมาจากแดนฟ้าแดนสวรรค์


เธอ..
ค่อยๆก้มตัวลงหวังกอบกำห่อหอมดวงดอกแก้วกุดั่นนั้น
ไว้ในผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย 
ที่..
ทำมาทุกคราครั้งจนเคยชินยามมาวัด..


หาก...ทันใดนั้น..
พลัน...
มีมือแสนแข็งแรงของใครคนหนึ่ง
เอื้อมมากอบกำ
และ....
วางพลีกำนัลให้เธอในห่อผ้าอย่างอ่อนโยน....

เธอ..ค่อยๆช้อนตาขึ้นดูร่างสูงเพรียว
ทางเบื้องหลัง
ที่...พร่างสะท้อนแสงสุริยา
พาให้เกิดประกายจ้า
ราวรัศมีสีทองสุกปลั่งรายรอบร่างนั้น...


ตาสบตากัน...ในพราวแสงอาทิตย์
 และ..
 ในนาทีนั้น
สำหรับคนทั้งสอง..

ราวโลกหยุดหมุนชั่วครู่ พร้อมรับรู้รักแรก...แสน...งดงาม...! 

....................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html
แต่ปางก่อน ....รณชัย-อัจฉพรรณี 
ช...รอ คอย เธอมา แสน นาน
ทรมาน วิญญาณ หนักหนา
ระ ทม อยู่ใน อุ รา
แก้วกานดา ฉันปองเธอผู้ เดียว
ญ...เธอเอย แม้เราห่างกันแสนไกล
ชาย ใด ดวงใจฉันไม่แลเหลียว
รัก เธอ แน่ใจจริงเชียว
รัก เธอ รักเดียว นิรันดร์
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ...คง เป็น รอยบุญมาหนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย

ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ ...คง เป็น รอยบุญมา หนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย... 

				
10 เมษายน 2549 13:18 น.

ตราบ..คนดียังมีลมหายใจ..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html


ฉันคือใครใครคือฉันเล่าที่รัก
จงประจักษ์ไร้ตัวตนแทรกทุกหน
ในดินน้ำลมไฟเกื้อกมล
ในทุกข์ทนสุขเศร้าหนาวดวงใจ

อาจเป็นดั่งดินทองผลิเรียวรวงระยับระย้า
อาจเป็นฟ้าฉ่ำฝนน้ำค้างใส
อาจเป็นลมพรมพรายนะดวงใจ
อาจเป็นไฟให้พลังฝันในวันนี้

เป็นดวงดอกไม้พยอมไพรไร้ใครปอง
เป็นบัวทองผ่องพรายพรรณรายสี
เป็นพุดซ้อนซ่อนซึ้งเศร้านะคนดี
เป็นมะลิพลีบูชาหน้าพระพุทธ

เป็นโค้งคอดกอดสายน้ำระรี่ไหล
เป็นธารใจหยาดรินมิสิ้นสุด
เป็นทุกสิ่งอิงธรรมนามสมมุติ
เป็นพิสุทธิ์พิเศษแค่ไหนตามใจเธอ

ไม่มีจิตแลร่างช่างว่างเปล่า
เป็นเพียงเงาผ่านมาสนองเสนอ
กระซิบพร่ำฝากสัจจธรรมพลีแด่เธอ
อย่าหลงเพ้อมายาฝันนิรันดร์กาล

อย่าไขว่คว้าหาฉันเลยที่รัก
หนาวเหน็บนักดั่งสายลมที่พัดผ่าน
ไม่มีฉันให้ยึดมั่นอนันตกาล
อย่าร้าวรานดั่งว่างสะท้อนวอนดวงใจ

หลับตาสิที่รักจักเห็นฉัน
ในเวิ้งวันไร้สุขทุกข์หวั่นไหว
ตราบที่เธอคนดียังมีลมหายใจ
หลอมรวมใจไปด้วยกันนิรันดร...
.........................



ฝนหลงฤดูโปรยสายหนักมาก
ทิ้งมวลอากาศหวานเศร้า
ด้วย..อวลกลิ่นดวงดอกแก้ว
ที่กำลังค่อยๆ..ปลิดกลีบทิ้งช่อ
พ้อพร่าง..พลางร่วงละลิ่วปลิวลงมา
พรายพรม..ณ..พื้นหญ้านวลขจี

สายฝนยังหยาดเย็นหยดย้อย 
ร้อยสายร่วงลงมา
จากเรียวใบไม้แลชายคารายรอบกระท่อมวิมานดิน

หยาดน้ำค้างจากฟ้ากลมกลิ้งพลิกพลิ้ว
กระทบแสงแดดสีทองจนเกิดประกายระยิบระยับ
่ก่อนจะ...มลายหายวับไป อย่างไร้ร่องรอย...
..............



จากแรงฝันบันดาลใจ
ที่ช่างซึ้งใจนัก
ในน้ำคำน้ำใจ*น้องดอกบัว*
ที่ระรินร่ำหยาดพลีมอบให้นวลใจพี่พุดแสนพริ้งพราย
ฉายฉานที่ยังมีคนรักงานพี่พุด

ในงาน
*ไพโรจน์จำรัสรัศมีบุญ*ค่ะ
...............
พี่พุดคะ บัวไม่รู้ว่าพี่พุดคือใคร
แต่งานชุดนี้ของพี่บัวชอบค่ะ
ไพโรจน์จำรัสรัศมีบุญ
บัวอ่านแล้วทำให้บัวต้องน้ำตาไหลออกมา

ภาพผองบรรพชนคนกล้า
ยอมพลีดวงวิญญาณปกบ้านป้องเมือง
ทุกร่างชายชาติอาชาไนยชาตินักรบ
เลือดไท ผู้มีดวงเหี้ยมหาญ
ยอมพลีร่างเพื่อผืนปฐพี ดีกว่าจะยอมไร้สิ้นอิสราเสรี
ให้ใครเข้ามาย่ำยีดวงใจ ดั่งทาส

ถ้าเราไม่มีบรรพชนผู้กล้าเราคงจะสิ้นแผ่นดินไทย
บัวขอกราบลงพื้นแผ่นดิน
ที่บรรพชนผู้กล้าทำให้บัวได้มีแผ่นดินอยู่ค่ะ
รวมทั้งขอบคุณเหล่าทหารหาญที่ปกป้องดินแดนไทย 

ดอกบัว 07 เม.ย. 49 - 22:35 IP 58.11.96.211  





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
คนเดียวในดวงใจ ศรีไศล สุชาติวุฒิ 

เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบ อุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม

คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบอุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม... 
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด