31 สิงหาคม 2549 23:12 น.

ส า ย รุ้ งแ ห่ง ชี วิ ต ฟ้ า ข ลิ บ ท อ ง...!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html
(บ้านเรา)

กลบทบุษบารักร้อย, บัวบานขยายกลีบ)

หอม..จันทร์อุบะอุบะเจ้า.......จำปี เรียมเอย
หอม..พุดซ้อนซ้อนวจี......... ..วจะห้อม
หอม..สายหยุดหยุดรวี...........สวาทพี่ บ่หยุดนอ
หอม..รื่นมะลิมะลิล้อม..........ร่ำแก้มตรลบหมอนฯ


ราตรี นี้...
กับพวงมาลัยมะลิแซมกุหลาบ
พร้อมอุบะดวงดอกรักสองชายแสนงาม 
วางในขันโตก ขันดอกใบเล็กสีแดง
เคียงโถแก้วที่ใส่ดวงดอกเล็บมือนาง
ที่ดวงเกี่ยวเก็บเอามาจากริมรั้วบ้านวิมานดินวิมานไพร

ดวงนั่งที่เก้าอี้แดงตัวเดิมโดดเด่น

ตรงหน้า...แลลอดมองผ่าน
จาก...กระจกบานกว้างจนเต็มผนัง
จะเห็นเรือนระแนงไม้ ซุ้มการะเวก 
ที่กำลังเกาะเกี่ยวชูช่อเลื้อยพันยอดอ่อนพิสุทธิ์สวยเขียวใส
ไปตามผนังปูน จนเกิดลวดลายลูกไม้แสนอ่อนหวาน
ให้แสนสราญใจ เสียไม่มี ยามทอดทัศนา


และ.....ดวง
เปิดโคมไฟสีฟ้าทำงาน 
พร้อมกับโคมเชือกถักสีทองให้งามผ่องพราย
ได้อารมณ์ดำดื่ม ล้ำลึก พร้อมพรรณนา..

ตั้งใจ...
อ่านเขียน  เพียรด้วยรักรจนาภาษาไทยภาษาทอง
ภาษา...แห่งผองชนคนไทยทั้งแผ่นดิน
ที่เราควรรู้คุณค่าอนุรักษ์ไว้
มิให้สูญสิ้นเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา
เพื่อ..
ดำรงธำรงรักษาไว้ให้ลูกหลานไทย
ได้ใช้ ด้วยความภาคภูมิใจ
ที่เรามีสร้อยอักษราอิสรา
เป็นภาษาของเราเอง...


ดวง...ตื้นตันใจ
กับพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ที่ทรงห่วงใยภาษาไทย
และ...
ทรงตรัสให้รู้คุณค่าช่วยกันสืบทอดรักษาไว้
ในทิศทางที่ถูกต้อง
ตามครรลอง..
แห่งภูมิปัญญาของบรรพชน บรรพบุรุษแห่งชาติเรา..


ดวง..จึงภูมิใจทุกครา ที่ได้ร่ายรจนา
และ...
ผ่านมาหลายปี 
ที่ดวงยังคงนั่งอยู่ตรงนี้ที่พิสูจน์ด้วยการกระทำ
หวังเพียงแค่ได้ซื่อสัตย์ทำในสิ่งที่รัก
ฝากคำใสคำภักดิ์คำหวานละมุนดับโลกแล้ง

รินร่ำพร่ำปลอบประโลม
ให้ทุกดวงใจได้มีนวลเนื้อใจไสวพร่าง
งามดั่งแก้วเก้าอัญมณี
มีชีวี แสนงามกระจ่างแจ่ม
 
ดั่งเส้นทาง..
*ส  า  ย   รุ้  งแ  ห่ง  ชี  วิ  ต  ฟ้  า ข  ลิ  บ  ท  อ  ง...!*




ได้พบไสวบุญ
รู้เพิ่มเติมต่อทุนธรรมทาน 
คือ การให้ ให้ อย่างไร้ร้องขอ
มิยอมท้อแท้ แพ้พ่าย 
ให้คอยสร้างสรรสิ่งที่ควร
แม้น..
จักสักนิดสักน้อยก็ยังดี ที่จักเรียนรู้ที่จักพลีปันแบ่ง
แบ่งฝัน ฝัน ฝัน 
อันคือพลัง...ที่จักขับเคลื่อนให้โลกแลชีวิต
มีแรงหมุน
หมุนไป ไม่มีที่สิ้นสุด 
เสมือนน้ำใส ในบ่อโลกย์โศกทุกข์ ได้ดับดำ


ที่ทุกวันนี้...
มีคนมากมายที่หาใช่มนุษย์ฤาก็หาไม่
เป็นได้แค่คนคนคน ที่มีดวงวิญญาณสัตว์ป่ามาสิงสู่
หมายรู้ได้แต่เพียงเที่ยวทำลาย
หมายเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์
อย่างแสนน่าเศร้า สะเทือนใจ


ดวง..เศร้าใจวันนี้
หลังมีเวลาดูข่าวภาคค่ำ
ที่เห็นโศกนาฏกรรมการลอบวางระเบิด
แม้นกระทั่งธนาคาร ที่จังหวัดยะลา


และ...
ทำให้คนดีต้องหนีตายด้วยความหวาดผวา
จำต้องทิ้งแผ่นดินบ้านช่องห้องหอเรือนรัก
ที่พร้อมพรักพร้อมหน้า อันเคยแสนสงบสุขร่มเย็น
มานานปี 
ที่ณ..บัดนี้กำลังลุกเป็นไฟ *ไฟใต้* ที่ร้ายแรง
และ
เราทุกคนต้องร่วมแรงใจ ดับไฟนั้นด้วยการปันพลี
ด้วยความดี  
วอนให้ทุกฝ่ายหันหน้ากันมาสมานฉันท์สามัคคี
และมีน้ำใจมีเมตตา 


และ..
จงได้สวดมนต์อธิษฐานจิตภาวนา
ให้ร่มพระบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ได้กางกั้น และเปิดจิตวิญญาณทุกผู้คนที่กำลังมืดบอด


ได้มีดวงตาเห็นธรรม 
น้อมนำมาสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ที่พระองค์ท่านได้ทรงทุ่มเทพระเสโท 
เพื่อแผ่นดินไทยแผ่นดินทองแผ่นดินธรรม นี้ 
มาอย่างยาวนาน อย่างเสียสละ อดทน
และ.....
ด้วยดวงกมลใสฉ่ำเย็น อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
ไม่ว่าชาติ ศาสนาใด.....


และ...
ดวง...
ขอจบบทรจนาด้วบทกวีของยอดมิ่งมิตร
*ลำน้ำน่าน*

ที่งามจิต งามใจ 
สอน..บทเรียนชีวิตให้เรา
รักชาติ
รักในวิถีไทยวิถีธรรมวิถีทุ่ง
และ
ยังคงมี บ้านเมืองแผ่นดินเรืองรุ่ง 
มีชีวิตแสนสุขสงบงาม

ดั่งนิยาม 
*ส  า  ย   รุ้  งแ  ห่ง  ชี  วิ  ต  ฟ้  า ข  ลิ  บ  ท  อ  ง...!*

ไปตราบนานเท่านาน
จนกว่า...
ลมหายใจเรานี้
จะปลิดปลิวอย่างไม่เสียชาติเกิด ไม่เสียใจ..เลย..!!


..................................
.............................................



แผ่นดินพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ยุคทองแห่งการดนตรี กวี แลศิลปะ


(กลบทบัวบานขยายกลีบ)
(๑) สิ้น..บัลลังก์บ่ายฟ้า.........จุฬาราง แล้วฤา
สิ้น..ศึกสรรพรายทาง..........ทัพเก้า
สิ้น..ทุกข์สุขสละวาง..............วัฏใหญ่ ยิ่งนา
สิ้น..แผ่นดินผลัดเจ้า............จรัสค้างชีพไฉนฯ

(๒) พระสืบแท่นกษัตริย์ท้าว...แทนบิดา 
ทรงเครื่องพระภูษา.................สง่าพื้น
เปลวทองปลั่งพารา.................ไพรจิตร จรดเอย
จารีตสังคีตครื้น......................ครั่นฟ้าเฟือนสวรรค์ฯ

(๓) โหมแตรสังข์ปี่โพ้น...........พลับพลา
สงฆ์สวดพาหุงมหากา..............โศลกซ้อง
ราชพิธีบรมราชา-....................ภิเษก พ่อนา
เสนาะพาทย์ประโคมก้อง........ เกริกหล้าโพยมหนฯ

(กลบทบัวบานขยายกลีบ)
(๔) ผลัด..เปลี่ยนกษัตริย์เจ้า....จรบัน สยามนอ
ผลัด..เครื่องกกุธภัณฑ์..............ปลาบปลื้ม
ผลัด..ภักดิ์บ่อาสัญ.....................ณรงค์ทาส นะแม่
ผลัด..แผ่นดินพม่าครึ้ม.............กริ่งใต้ทัพถลางฯ

(๕) ศึกอดีตรุมกรีดเร้า..........รอยลาญ นะแม่
ปราบม่านเจ้าชมชาญ............ชักช้าง
ชายชาติมิอาจทาน.................ทัพแตก เทวษนอ
ป่าเถื่อนห่อนเลือนร้าง...........ระลึกแค้นไพร่สถุลฯ

(กลบทวัวพันหลัก)
(๖) อยุธยายามยากโพ้น...........เพรงกาล แลแม่
กาลแตกสาแหรกลาญ.............ร่างช้ำ
ช้ำชอกหอกเสียบพาล..............แปลบพร่า สกนธ์เอย
พร่าไพร่เอ็นหวายซ้ำ..............เสียบร้อยเลือดสลายฯ

(๗) เสียงร้องร้าวร่ำไห้.............ปฐพี แม่เอย
หมกป่าคาหลายผี....................เหยื่อแร้ง
กวาดต้อนสู่หงสาวดี.................ดงดิบ
จากค่ายสามโพธิ์แจ้ง...............ประลาตแล้วเป็นไฉนฯ

(๘) พระปูนพระอิฐสร้าง............สอนใจ ใดฤา
ระลึกภาพอเวจีภัย...................พี่ห้าม
เหตุประหวัดพลัดเวียงชัย........ชาติแจร่ม นะแม่
สลักติดนิมิตข้าม......................คั่งแค้นอรินทร์เหวยฯ

(๙) หวังพระพุทธเลิศหล้า...........หลอมชน นะพ่อ
ฟื้นถิ่นฐานมณฑล.....................หว่านข้าว
เบิกบุญหล่อเทียนลน................ร้ายพ่าย
ขับกลิ่นมิ่งไม้เคล้า....................คู่หล้าวนาสยามฯ

(๑๐) ปางพระพุทธเลิศหล้า...........นภาลัย
ราชบุตรเกรียงไกร.....................ก่อนน้อย
ตามเสด็จภูวไนย........................นองศึก นานนา
พระบิดาหอบห้อย.......................ห่อนห้ามณรงค์หาญฯ

(๑๑) ราชพิธีโปรดให้.....................หวนครา
อยุธยายศล่มลา.............................เลิกร้าง
วิสาขบูชา......................................ชุบชื่น ชีพนา
แสงพระพุทธเคล้าข้าง....................ขับฟ้าสบสมัยฯ

(๑๒) สังคายนาบทสร้อย............เสน่ห์มนตร์
เสริญสวดร่ำมณฑล...................สงบแท้
สงฆ์สาวกอำพน........................ปราชญ์เปรื่อง
เพรงพระธรรมล้ำแล้.................หล่อเลี้ยงเหล่าสยามฯ

(๑๓) พระประสงค์โปรดแก้ว..........กิจกลาง
บูรณะพระปรางค์..........................เก็จเก้า
อุษาโยคอโศกราง.........................ฤกษ์รุ่ง รุจีเอย
ประพุทธ์ประภาสเจ้า.....................วัดแจ้งอรุณฉายฯ 

(๑๔) ภูมิภุชโปรดสิ้น.......................สนองเทศ
รณรงค์ประเวศน์...........................วัตรหน้า
ผูกอังฤกษโปรตุเกส.......................การทูต เจริญนา
จีนส่งเสริมการค้า...........................ครึกครื้นคั่งขายฯ

(๑๕) พระปรีชาชุบชื้น...................เชลงกานท์
ตาดทิพย์ศิลปาการ........................คร่ำแก้ว
ศิลปะสร้อยสังวาล..........................วังค่ำ แสดงนา
พิณพาทย์ไพรำแผ้ว......................ผ่องผ้าศิลป์สยายฯ

(๑๖) บานมณเฑียรสลักไม้..........มาลย์เนียน
วัดระฆังระเมียร........................ม่านฟ้า
หอไตรร่ำรำไพเทียน.................ภายค่ำ ประดับแฮ
แสงระยับขับบานอ้า...................อ่องพื้นสว่างสรวงฯ

(๑๕) บานประตูจำหลักไม้...............มนตร์วนา
สุทัศน์วิหารปรา-............................สาทสร้าง
สลักรูปสิงสา-.................................ราสัตว์
กระต่ายใต้จันทร์สล้าง...................แทรกไว้คล้ายฝันฯ

(๑๘) หุ่นหลวงพระนึกหน้า..........นาบรอย
ไม้ปักสลักสอย............................เสาะคว้าน
พระยารักใหญ่น้อย.....................นาทคู่ เนานา
ทิพย์หัตถ์ขัดปรางป้าน.................ปาดไม้สฤษฏ์สรรค์ฯ

(๑๙) กวีทองครองเก็จแก้ว..............ไกวัล
ปราชญ์เปรื่องกรองประพันธ์...........ประพจน์ฟ้า
ดั่งทวยเทพประพนธ์ธรรพ์..............ธีรราช พ่อนา
โปรยพร่างนภางค์หล้า....................หฤษฎ์สร้อยอักษรฯ

(๒๐) อิเหนาพรอดรักน้อง.........บุษบา
ราชนิพนธ์มณฑา-....................รพคล้าย
สุวรรณศิลป์รัมภา.....................รังเรข สยามเอย
กลอนละครละม้าย.....................มกุฎร้อยกรองสวรรค์ฯ

(๒๑) บทละครรัตน์ล้ำ.................ลำยอง
ไชยเชษฐ์ไกรทอง.....................แต่งไว้
สังข์ทองพระคาวีกรอง.................คำร่าย
งามละครดอกไม้........................มิ่งแก้วมณีพิไชยฯ

(กลบทบัวบานขยายกลีบ)
(๒๒) เห่..บทเห่กาพย์ถ้อย...........ลอยพิมาน ลงฤา
เห่..ขนาบทาบทองธาร.................ท่านเกื้อ
เห่..ชมเครื่องคาวหวาน...............หวิวซ่าน โสตแฮ
เห่..นักขัตฤกษ์เชื้อ.....................ชดช้อยกาพย์ขวัญฯ

(๒๓) เสียงซอซอซาบซึ้ง...............ศศิมนตร์
โสมส่องทองมณฑล......................ทิพย์หล้า
บุหลันเลื่อนลงยล........................ยศยิ่ง กษัตริย์แฮ
ซอเซ่นสรวงสายฟ้า-....................ฟาดฝ้าโศกสลายฯ

(๒๔) พระองค์ทรงโปรดด้าน..........ดนตรี
อุปถัมถ์คีตกวี................................เวี่ยไว้ 
ปี่พาทย์มโหรี.................................รังรักษ์ สฤษฏ์แฮ
ราชภัฏค่ำเช้าไซร้..........................ซ่านซึ้งซอสรวลฯ

(๒๕) กวียุคพระเลิศหล้าฯ..................พรรณราย
ดั่งเพชรเก็จประกาย.........................นพเก้า
พระปรมานุชิตชาย............................ชิโนรส พ่อนา
กรมพระยาเดชาฯเร้า........................เร่งร้องสืบศิลป์ฯ

(๒๖) กวีเอกกำเนิดนั้น...............พระสุนทรฯ
วรรณคดีคลี่ขจร.........................ขจ่างเช้า
โคลงแจ้วแว่วขับกลอน...............กรุงกล่อม เสนาะแฮ
นิราศหยาดหยดเคล้า.................ภู่ผึ้งมธุสรฯ

(๒๗) เสร็จสงค์ราชภิเษกแล้ว........เรียมอนงค์ พี่เอย
เสร็จศึกเสี้ยนเผ่าพงศ์...................ประสบเจ้า
แพรบำเหน็จธำมรงค์.....................รจิตรับ ขวัญแม่
สไบห่มตระกองเคล้า......................แนบเนื้อหอมสงวนฯ

(กลบทช้างประสานงา)
(๒๘) พิศพระจันทร์แจร่มหล้า..........หลิ่วเงา
หลั่นเงื่อนงามระบายเบา..................บ่มฟ้า
บุญฟากบ่มสองเรา...........................ร่วมสุข นะแม่
รักสร่างจันทร์เจ้าข้า..........................ขจ่างขึ้นแรมหลังฯ

(๒๙) เพรงกาลปางศึกร้อน..........รณรงค์ นะแม่
บากบุกป่าฝ่าดง..........................ดิบชื้น
หนาวเนื้อบ่ปลิดปลง...................ปรางอุ่น ระลึกแล
หวาดหวั่นจันทร์ข้างขึ้น...............แจร่มเจ้าเดือนหงายฯ

(กลบทกินนรเก็บบัว, บัวบานขยายกลีบ)
(๓๐) หอม..มะลิรวยมะลิซ้อน.............แซมวนา แม่เอย
หอม..อ่อนอกอ่อนบุษบา...................แบบเจ้า
หอม..อวลอบอวลเกศา.....................ศรัยสวาท 
หอม..ชื่นจิตชื่นเช้า.........................ชาตินี้บุญหอมฯ

(กลบทนาคบริพัตธ์)
(๓๑) แรมรบเรียบล่องน้ำ.........ธารปลา
ธารปล่อยไพร่ผยองมา..............มาดม้วย
มาดเมืองแม่อยุธยา..................ยศหยิ่ง สยามนอ
ยศหยาดยอดยิ่งด้วย.................ดาบแก้วกษัตริย์หาญฯ

(กลบทครอบจักรวาล)
(๓๒) นภางค์กว้างทางช้างเผือก.....พาดนภางค์
สร้อยอ่อนคล้องคอนาง..................เปรียบสร้อย
หมู่ลูกไก่ไถทาง............................ทวิหมู่ ระยิบนอ
สมานแข่งแสงหิ่งห้อย...................หนึ่งหน้าเรียมสมานฯ

(กลบทก้านต่อดอก)
(๓๓) หนึ่งนวลหนึ่งแม่นั้น..........นรีพลี
จงรักภักดีมี...............................ใคร่ให้
จากลาล่าไพรี.............................ร้างร่าง แลแม่
หน้าที่ราชการไซร้......................สาปเพี้ยงณรงค์หลงฯ

(กลบทบัวบานขยายกลีบ)
(๓๔) กลับ..สู่เรียมเหนี่ยวน้าว..........นอนเรือน
กลับ..สู่หับนับเดือน..........................เคลื่อนคล้อย
กลับ..สดับไก่ขันสะเทือน..................ทุ่งรุ่ง แล้วแม่
กลับ..ดื่มเสียงสำเนียงอ้อย................อิ่มลิ้นวจีสมรฯ

(กลบทบุษบารักร้อย, บัวบานขยายกลีบ)
(๓๕) หอม..จันทร์อุบะอุบะเจ้า.........จำปี เรียมเอย
หอม..พุดซ้อนซ้อนวจี......................วจะห้อม
หอม..สายหยุดหยุดรวี.....................สวาทพี่ บ่หยุดนอ
หอม..รื่นมะลิมะลิล้อม......................ร่ำแก้มตรลบหมอนฯ

(๓๖) คะนึงนวลมวลไม้ป่า................ลดาวัลย์ แม่เอย
กลางทัพศึกติดพัน........................ไพล่น้อง
ราตรีดอกกระสัน...........................กระส่าย สวาทแม่
จันทน์กะพ้อพะนอข้อง...................ขาดเนื้อนวลระหงฯ

(๓๗) ขึ้นสิบห้าค่ำแล้ว...................ลอยบุหลัน โพยมฤา
เดือนเจ็ดเดือนแปดผัน................ผ่านข้าม
ท้องทุ่งเจิ่งวสันต์...........................ไพสพสุข แล้วแม่
ไถหว่านสะคราญน้ำ.....................อู่ข้าวโกสินทร์ฯ

(กลบทบัวบานขยายกลีบ)
(๓๘) รอ..พรากหากพม่าแม้น........คืนผยอง
รอ...ร่วมบาปบุญครอง...................คู่สร้าง
รอ...ชายชาติณรงค์ทอง..................ทเมินศึก อีกเฮย
รอ...ชีพดับทัพร้าง..........................ร่อยเชื้อทหารหาญฯ

-------------------------------------



ในบรรดาวรรคทองของนิราศนั้น
กวีขาดไม่ได้ที่จักพรรณาถึงความรักและอาลัย
ในหญิงงามแห่งตน และการพลัดพราก
หมู่มวลดอกไม้ก็พร้อมใจกันส่งกลิ่นหอมตลบป่า
ในยามที่ชายชาญสกาแรมไพรเพื่อการศึก
จากการรุกรานของพม่าอยู่เนืองๆ

ปลายแผ่นดินรัชกาลที่ ๒ นั้นการศึกสลายแล้ว
อู่ข้าวอู่น้ำและดินแดนแห่งดอกไม้ไทยหอม
ยังคงงามสะพรั่งประดับยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์
สมัยที่บ้านเมืองยังดี เสียงขลุ่ยแผ่วแว่วมาสะอื้น
บ่งบอกถึงความมั่งคั่งและร่มเย็นเป็นสุข
ภายใต้ร่มโพธิ์พระมหากษัตริย์และพุทธศาสนา


เมื่อต้นข้าวออกรวงเขียวไสว วสันต์มาเยือนหล้า
ชีวิตชาวสยามต้นรัตนโกสินทร์จึงมีมนตร์เสน่ห์
อย่างไม่มีวันจรจางไปจากห้วงลึกแห่งดวงใจ
แม้นข้าพเจ้าเกิดไม่ทันสมัยบ้านเมืองยังดีก็ตาม

การสงครามมีแต่นำความวิบัติมาสู่เผ่าพันธุ์มนุษย์
แม้กระทั่งพม่าเองก็ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
จึงได้รามือพักรบชาวสยามตั้งแต่นั้นมา
กงกรรมกงเกวียนตามสนองอย่างมิต้องสงสัย


ในขณะที่สยามประเทศได้ภาคภูมิ
และดื่มด่ำกับเสรีภาพจากประเทศยุโรป
แล้วเหตุใดเล่าคนไทยสมัยนี้จึงมิรู้จักรักแผ่นดิน
ตอบแทนน้ำใจบรรพบุรุษแต่ปางบรรพ์
ที่พึงรักษาบ้านเมืองมา.....
แม้เพียงน้อยนิด ถือว่ากตัญญูต่อแผ่นดินแล้ว

นึกตอนที่พม่าต้อนชาวกรุงศรีไปหงสาวดีหลังพ่าย
เจาะเอ็นข้อเท้าร้อยด้วยเชือกหวายในป่า
ต้อนไปเยี่ยงสัตว์ ตายกลางทางก็ให้แร้งกาทึ้งกิน 
ปวดแปลบเหลือเกิน 
เกินกว่ามหาพรหมยมพญาองค์ใหนจะรับรู้


ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
๕ กันยายน ๒๕๔๘
.......................................





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html

บ้านเรา 

บ้าน เรา แสน สุขใจ
แม้จะอยู่ ที่ไหน
ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา
คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา
ด้วยพระบารมีล้นเกล้า
คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์
รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง
พริ้วแดดส่อง สดใส
งามจับใจ มิใช่ฝัน
ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน
ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น
หอมทุกวัน ระบือ ไกล
บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น
ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร
หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้
จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า
เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ
ขอวานหน่อยได้ไหม
ลอยล่องไป ยังบ้านเขา
จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว
ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า
ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย... 
 

				
27 สิงหาคม 2549 17:59 น.

นิ ร า ศ นุ ช....!

พุด


ขวัญพลีรจนา
ด้วยหยาดน้ำตาแห่งศรัทธารัก
ที่แสนยิ่งใหญ่โศกซึ้งสะเทือนใจ
อย่างที่สุดแล้ว..ค่ะ
จากใจ..
ถึง...
จิตวิญญาณอันแสนไสว*ดั่งมณีดวงเพชรกล้า*
ของ
 พ.อ.สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี  

และ
แด่*นายทหาร..นักรบไทยผู้กล้า..*ทุกท่านทุกนาย
ที่ได้ยอมพลีร่าง..ตราบสิ้นชีพวาย
เพื่อ...ถวายความจงรักภักดีและ
เพื่อ*แผ่นดินแม่มาตุภูมิแห่งเรา*นี้

ให้เราแสนภาคภูมิใจ..
และ
ขอเทิดเกียรติพลีดวงจิตแด่ทุกดวงใจ
ด้วย
ความศรัทธาคารวะอย่างสูงสุด
ขอ...
ตั้งจิตดวงใสเศร้า
น้อมใจน้อมเกล้าสวดมนต์อธิษฐานภาวนา
กราบกราน..
วอนให้...
ปวงเทวาเทวัญบนสรรค์ชั้นฟ้า
ได้โปรดเมตตาจงได้มารับ
*ทุกดวงวิญญญานแห่งยอดนักรบผู้หาญกล้า*
ไปสถิตสถาวรยังแดนฝันสวรรค์สรวง
อย่าได้ห่วงอาวรณ์อาลัย..
และ
จงหลับสนิทในนิทรา  หลับฝันดี...นะคะ...
ยอดทหาร..ยอดคน 
ยอดสุภาพบรุษอาชาไนยหัวใจไทหัวใจทองผู้ยิ่งใหญ่
คนดี  ในดวงใจ..ของไทยทุกดวง..!
........................





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song492.html
รักอย่ารู้คลาย

จำ พรากจากขวัญดวงใจ
ต่อนี้ไป ใครเล่าจะโลมสมร
โอ้ใคร จะคอยพัดให้คลายร้อน
โอ้ใครเขาจะร้องกลอน
กล่อมเจ้าให้นอน ฝันดี
ใคร เล่าโลมเล้าเอาใจ
ห่างน้องไป ใจห่วง นวลฉวี
ไม่ควร โศกตรมให้เสื่อมราศี
เมื่อยามน้องโศกฤดี
ก็เหมือนทรวงพี่แหลกลาญ
จาก น้อง ไป ทั้งที
ขวัญพี่คงหาย
ถ้าแม้นมิได้จูบลานงคราญ
จูบ ฝัง ใจ ฝากไว้ เป็นพยาน
เมื่อยามพี่ไปไกลบ้าน
รักอย่าราญ สลาย
ลา ก่อนลาแล้วกานดา
ห่างน้องมา ยังห่วงอาลัยไม่หาย
กี่วัน กี่เดือนรักอย่าสลาย
กี่ปีรักอย่ารู้คลาย
อย่ารู้วันหน่าย จากกัน

ลา ก่อนลาแล้วกานดา
ห่างน้องมา ยังห่วงอาลัยไม่หาย
กี่วัน กี่เดือนรักอย่าสลาย
กี่ปีรักอย่ารู้คลาย
อย่ารู้วันหน่าย จากกัน... 
 
  

...................




ผม..กำลังนั่งทอดตาดูทัศนียภาพชานทุ่งบึงบัวแถวอยุธยา
ในรถแวนคันใหญ่
ที่กำลังพาผมไกลออกไปจากกรุงเทพทุกทีๆ
สายฝน..
เริ่มพรมสาย..พรายตกต้องกระหน่ำ..ณ ภายนอกรถ
ทำให้เกิดเป็นม่านหมอกมัวสลัวเลือนลางไปทั่ว
หาก..
ไยเล่า..
ยิ่งทำให้หัวใจผมยิ่งแสนอ่อนหวานระรัวด้วยฤทธิ์รัก
ที่แสนอ่อนโยนเป็นยิ่งนักแล้ว
ในท่ามเงางามรายรอบที่ดูเทาทึมไปทุกทิศทาง


ผม...หลับตา..
พลาง..
ภาพใบหน้านวล *นางในคะนึง* พลันลอยวนมาเวียน
ภาพ..ใบหน้านวลเนียน..ราวสีงาช้าง
ภาพฝันสล้าง ที่แสนกระจ่างใจในมโนนึก

ภาพดวงตากลมโตล้ำลึกราวนิลมณีใสพิสุทธิ์
ที่ให้ความนิ่งงันสงบงาม
ราวสยบหยุดผู้ชายสิ้นทั้งหล้าโลกได้

คล้ายทอดลงมา ทายทัก
ด้วยพลังรักเร้นลับ..
เสมือนเสมอ..จะสะกดจิตสะกดใจ
ให้ทุกชีวิตหลงใหลในมนตรามายาเสน่หา
อยาก...
ทะนุถนอมแนบชิด
สนิทเนาในเงื้อมเงาใจเธอไปตราบชั่วกาล

ภาพ..ที่แสนหวาน
และกระซิบบอกผมได้เสมอเสมือนมีชีวิต
ให้ผมพบพิษสวาทหวามเสน่หา
อยากรักเธอ รักเธอ เพียงผู้เดียว..หนึ่งเดียว...!


ใจดวงดายเดียวเปลี่ยวเหงามานานปี
กับ..
โลกแล้งไร้นี้..
ที่ยิ่งหมุนวน..
พาให้หัวใจมนุษย์ยิ่งมืดมนมืดบอดเป็นยิ่งนัก
 ด้วย
ขาดความรักความเข้าใจ
อภัยเมตตา 

การโอบเอื้อแบ่งปัน ปันดี ปันพลี
มีแต่จะทำร้ายห้ำหั่น 
แย่งชิงกัน เพื่อความเป็นใหญ่
ซึ่งแท้แล้วไซร้...
ใช่..!เพื่ออุดมการณ์ ฤาก็หาไม่...

หากคือ การทำลายล้าง
อย่างโหดเหี้ยม ทารุณ ยิ่งกว่า..คนป่า..สัตว์ป่า
จุดจบ...
ที่แสนพบความปวดปร่า
พบเพียงหยาดน้ำตาและความรานร้าวเศร้าใจ 
โศกสะเทือนใจไปทุกหย่อมหญ้า
หาใช่...ความสุขสงบร่มเย็นเป็นสุขที่แท้จริงไม่


ผมอยากร้องไห้กับข่าวที่ได้รับทราบจากทางวิทยุ
ที่กำลังพาให้บ้านเมืองคุกรุ่นด้วยควันไฟจากปลายปืนสงคราม..


ยามนี้ นาทีนี้
ผม..สะอื้นในหัวอกหัวใจ
พลี..
มอบให้..ชาติบ้านเมืองที่ผมแสนห่วงใย
ด้วยน้ำตาแห่งหัวใจดวงเข้มแข็งนี้
ที่ยากยิ่งที่ใครจะหยั่งเห็น


ทุกอณูหัวใจผมเต้นด้วยความรัก
และ..รัก รัก

หาก..ทว่า..รักที่แสนยิ่งใหญ่นัก
ของมวลมนุษยชาติ
คือ..
ความรักชาติ รักแผ่นดิน 
รักที่...
จะยอมทุกข์เทวษถวิล
ยอม..
พลีสิ้นแม้นเลือดเนื้อ จิตวิญญาณ
เมื่อ..
ถึงยามต้องปกบ้านป้องเมือง..!


ผม..กำลังคิดย้อนนึกรำลึกไปถึง
อดีตอันเรืองรุ่งแห่งกรุงศรีอยุธยา
ราว..
มีเสียงเสภาร่ายขับกล่อมมาบรรเลง
ให้หัวใจผมยิ่งเงียบเหงาวังเวงดั่ง
กลัวเพรงกรรมจะย้ำรอย...มาเยือนอีกครา...


และ...
ราวดวงหน้า คนดี*สไบนวลสไบนาง*ในปรารถนา
ลอยมา..
กับฟ้ากว้าง..
พลาง...หลั่งน้ำตาราวหยาดเพชรพราย
วอนสังเวยให้...โลกย์หล้าแลฟ้าดิน...
ได้...บันดาลดล....
ให้...
ทุกดวงกมลคนไทยได้รู้รักสามัคคี ก่อนที่...จักสายเกิน...!!




นิราศนรินทร์

๑. ศรีสิทธิ์พิศาลภพ เลอหล้าลบล่มสวรรค์  จรรโลงโลกกว่ากว้าง 
แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ  ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า  แจกแสงจ้าเจิดจันทร์ 
เพียงรพิพรรณผ่องด้าว  ขุนหาญห้าวแหนบาท สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน  
ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน เข็ญข่าวยินยอบตัว  
ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว ทุกไทน้าวมาลย์น้อม ขอออกอ้อมมาอ่อน  
ผ่อนแผ่นดินให้ผาย  ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว เลี้ยงทแกล้วให้กล้า 
พระยศไท้เทิดฟ้า  เฟื่องฟุ้งทศธรรม ท่านแฮ 


๒. อยุธยายศล่มแล้ว      ลอยสวรรค์ ลงฤา 
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร เจิดหล้า 
บุญเพรงพระหากสรรค์  ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ 
บังอบายเบิกฟ้า              ฝึกฟื้นใจเมือง 
                              
๓.เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแสง 
รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า 
เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด 
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า  แก่นหล้าหลากสวรรค์ 
                              
๔. โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น ไพหาร 
ธรรมาสน์ศาลาลาน พระแผ้ว 
หอไตรระฆังขาน ภายค่ำ 
ไขประทีปโคมแก้ว ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์ 
                              
๕. เสร็จสารพระยศซ้อง สรรเสริญ 
ไป่แจ่มใจจำเริญ ร่ำอ้าง 
ตราตรอมตระโมจเหิน หวนสวาท 
อกวะหวิวหวั่นร้าง รีบร้อนการณรงค์ 
                              
๖. แถลงปางบำราศห้อง  โหยครวญ 
เสนาะเสน่ห์กำสรวล สั่งแก้ว 
โอบองค์ผอูนอวล  ออกโอษฐ์ อรเอย 
ยามหนึ่งฤาแคล้วแคล้ว คลาดคล้ายขวบปี 
                              
๗. รอยบุญเราร่วมพ้อง  พบกัน 
บาปแบ่งสองทำทัน เท่าสร้าง 
เพรงพรากสัตว์จำผัน  พลัดคู่ เขาฤา 
บุญร่วมบาปจำร้าง นุชร้างเรียมไกล 
                              
๘. จำใจจากแม่เปลื้อง ปลิดอก อรเอย 
เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้ 
สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่ 
ภาคพี่ไปหนึ่งไว้  แนบเนื้อนวลถนอม 
                              
 ๙. โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้ำ  แลโลม โลกเอย 
แม้ว่ามีกิ่งโพยม ยื่นหล้า 
แขวนขวัญนุชชูโฉม แมกเมฆ ไว้แม่ 
กีดบ่มีกิ่งฟ้า ฝากน้องนางเดียว 
                              
๑๐. โฉมควรจักฝากฟ้า  ฤาดิน ดีฤา 
เกรงเทพไท้ธรณินทร์  ลอบกล้ำ 
ฝากลมเลื่อนโฉมบิน บนเล่า นะแม่ 
ลมจะชายชักช้ำ ชอกเนื้อเรียมสงวน 
                              
๑๑. ฝากอุมาสมรแม่แล้  ลักษมี เล่านา 
ทราบสวยมภูวจักรี  เกลือกใกล้ 
เรียมคิดจบจนตรี โลกล่วง แล้วแม่ 
โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง 
                              
๑๒. บรรจถรณ์หมอนม่านมุ้ง เตียงสมร 
เตียงช่วยเตือนนุชนอน แท่นน้อง 
ฉุกโฉมแม่จักจร  จากม่าน มาแฮ 
ม่านอย่าเบิกบังห้อง  หับให้คอยหน 
...............................


โคลง

๑๓. สงสารเป็นห่วงให้ แหนขวัญ แม่ฮา 
ขวัญแม่สมบูรณ์จันทร์ แจ่มหน้า 
เกศีนี่นิลพรร โณภาส 
งามเงื่อนหางยูงฟ้า  ฝากเจ้าจงดี 

  ๑๔. เรียมจากจักเนิ่นน้อง  จงเนา นะแม่ 
ศรีสวัสดิ์เทอญเยาว์  อย่าอ้อน 
อำนาจสัตย์สองเรา คืนร่วม กันแม่ 
การณรงค์ราชการร้อน เร่งแล้วเรียมลา 

 ๑๕. ลงเรือเรือเคลื่อนคว้าง ขวัญลิ่ว แลแม่ 
ทรุดนั่งถอนใจปลิว  อกว้า 
เหลียวหลังพี่หวาดหวิว  ใจวาก 
แลสั่งสบหน้าหน้า  แม่หน้าเอ็นดู 

๑๖. ออกจากคลองขุดข้าม  ครรไล 
เรือวิ่งอกว้าใจ หวาดขว้ำ 
เด็ดแดดั่งเด็ดใย บัวแบ่ง มาแม่ 
จากแต่อกใจปล้ำ เปลี่ยนไว้ในนาง 

๑๗. บรรลุอาวาสแจ้ง เจ็บกาม 
แจ้งจากจงอาราม พระรู้ 
เวรานุเวรตาม ตัดสวาท แลฤา 
วานวัดแจ้งใจชู้  จากช้าสงวนโฉม 

 ๑๘. มาคลองบางกอกกลุ้ม  กลางใจ 
ฤาบ่กอกหนองใน อกช้ำ 
แสนโรคเท่าไรไร กอกรั่ว ราแม่ 
เจ็บรักแรมรสกล้ำ  กอกร้อยฤาคลาย 

  ๑๙. ชาวแพแผ่แง่ค้า  ขายของ 
แพรพัสตราตาดทอง เทศย้อม 
ระลึกสีสไบกรอง เครือมาศ แม่เฮย 
ซัดสอดสองสีห้อม ห่อหุ้มบัวบัง 

 ๒๐. วัดหงส์เหมราชร้าง รังถวาย นามแฮ 
เรียมนิราเรือนสาย  สวาทสร้อย 
หงส์ทรงสี่พักตร์ผาย พรหมโลก แลฤา 
จะสั่งสารนุชคล้อย  คลาดท้าวไป่ทัน 

  ๒๑. สังข์กระจายพี่จากเจ้า  จอมอนงค์ 
สังข์พระสี่กรทรง จักรแก้ว 
สรวมทิพย์สุธาสรง สายสวาท พี่เอย 
สังข์สระสมรจงแผ้ว  ผ่อนถ้าเรียมถึง 

 ๒๒. จากมามาลิ่วล้ำ ลำบาง 
บางยี่เรือราพลาง พี่พร้อง 
เรือแผงช่วยพานาง  เมียงม่าน มานา 
บางบ่รับคำคล้อง คล่าวน้ำตาคลอ 

 ๒๓. มาด่านด่านบ่ร้อง เรียกพัก พลเลย 
ตาหลิ่งตาเหลวปัก ปิดไว้ 
ตาเรียมหลั่งชลตัก ตวงย่าน 
ไฟด่านดับแดไหม้  มอดม้วยฤามี 

 ๒๔. นางนองชลน่านไล้ ลบบาง 
ไหลเล่ห์ชลลบปราง แม่คล้ำ 
แสนโศกสั่งสารปาง จากพี่ ปลอบแม่ 
นาสิกเรียมซับน้ำ เนตรหน้านางนอง 
............................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song275.html
  อยุธยาเมืองเก่า   มล.ขาบ กุลชร ณ.อยุธยา

อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน
จิตใจอาวรณ์ มาเล่า สู่กันฟัง
อยุธยา แต่ก่อน นี้ยัง
เป็นดังเมืองทอง ของพี่น้อง เผ่าพงศ์ไทย
เดี๋ยวนี้ ซิเป็นเมืองเก่า
ชาวไทยแสนเศร้า ถูกข้าศึกรุกราน
ชาวไทย ทุกคนหัวใจร้าวราน
ข้าศึกเผาผลาญ แหลกราญ วอดวาย
เราชน ชั้นหลังฟังแล้วเศร้าใจ
อนุสรณ์ เตือนให้ ชาวไทยคงมั่น
สมัครสมาน ร่วมใจกันสามัคคี
คงจะไม่มี ใครกล้า ราวีชาติไทย

อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน
จิตใจอาวรณ์ มาเล่า สู่กันฟัง
อยุธยา แต่ก่อน นี้ยัง
เป็นดังเมืองทอง ของพี่น้อง เผ่าพงศ์ไทย
เดี๋ยวนี้ ซิเป็น เมืองเก่า
ชาวไทยแสนเศร้า ถูกข้าศึกรุกราน
ชาวไทย ทุกคนหัวใจร้าวราน
ข้าศึกเผาผลาญ แหลกราญ วอดวาย
เราชน ชั้นหลังฟังแล้วเศร้าใจ
อนุสรณ์ เตือนให้ ชาวไทยคงมั่น
สมัครสมาน ร่วมใจกันสามัคคี
คงจะไม่มี ใครกล้า ราวีชาติไทย...
.............................................





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2313.html
นิราศนุช

ดวงฤดีพี่แสนตรม ระทมเศร้า
เงียบเหงาหงอย
ยามราตรีพี่หลงคอย คอยเจ้าเฝ้าฝันหา
น้องอยู่ไหน ไม่เห็นหน้า
หรือว่าอนงค์ หลงเพลินวิมาน
หรือใครซ่อนน้อง ไว้ไกลบ้าน
พี่ซานเที่ยวมอง หาน้องเนื้อนวล
ดวงฤทัยพี่ทุกข์ตรม ระบมเศร้า เฝ้าโหยหวล
ดวงกมลพี่ร้องครวญ ครวญเพรียก
เรียกโฉมศรี
ด้นดั้นหา น้อง พี่
ไม่มีสร่างซา นิทราไม่ลง
ถามมวลแมกไม้ ในไพรพง
แม้พบอนงค์ ช่วยกระซิบ มาบ้าง
พี่ค้นอนงค์เสียทั่วทิศา 
ตามหาแก้วตาจนทั่วทุกทาง
จนแสงรำไรฟ้าใกล้จะสาง
ไม่พบน้องนางพี่เศร้าฤดี
ถามดาวทั่วฟ้า นภา ทุกที่
ไม่มีร่างน้อง หมองดวงฤทัย

จนเสียงดุเหว่าร้องก้องไพรพฤกษ์
พี่นึกว่าเธอเพ้อเพรียกร้องไป
มองเห็นดวงดาววับวาวสดใส
พี่นึกว่าใช่ดวงเนตรของเธอ
พี่คอยผวา พาใจเก้อ
หลงครวญพร่ำเพ้อ ถึงเธอคนเดียว
เห็นจันทร์เคลื่อนคล้อย ลอยดวงเสี้ยว
คิดถึงรูปเรียว เล็บมือน้องนาง...
...................

				
25 สิงหาคม 2549 20:46 น.

ฤ า ล ม รั ก จั ก ห ว น ..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song828.html
ลมหวน  


ลมหวน ชวนให้คิด
ถึงความหลัง
พะวังจิต คิดขื่นขม ระทมใจ
ตัวใครเป็น คนผิดอยากถามนัก
รักไย ใจจึงกลับ
ดังลมหวน
ใกล้เรา กล่าวถ้อย
ในที่รัก
เจ็บนัก พอถึงอื่น ก็คืนคำ
มาทำชิด สนิทไม่ ใครจะเชื่อ
เบื่อแล้วไยจัก มารับกลับคืน

ตัวใครเป็น
คนผิดอยากถามนัก
รักไย ใจจึงกลับ
ดังลมหวน
ใกล้เรา กล่าวถ้อย
ในที่รัก
เจ็บนัก พอถึงอื่น ก็คืนคำ
มาทำชิด สนิทไม่ ใครจะเชื่อ
เบื่อแล้วไยจัก มารับกลับคืน...
.....................


ฟังลมหวนชวนให้คิดรอยพิษสวาท
หนาวบาดจิตบาดใจในท่ามฝัน
ไร้รอยรักรอยอาลัยมาไกลกัน
เหลือเพียงขวัญเดียวดายยังหมายรอ

กี่ราตรีทิวาวันอันชื่นหวาน
กี่กัปป์กาลผ่านภพมาให้พ้อ
กี่เหว่ว้าหลงทางกลางทะเลโศกโลกให้รอ
กี่ลมหายใจละหนอระหว่างเราจึงหลอมใจ

ยอดรัก..ไย..ไม่รู้จักเฝ้าถนอม
ให้หลงตรอมหลงตรมหลงหวั่นไหว
หลงละเมอไขว่คว้าเพียงเงาใจ
นานแค่ไหนฤาตราบกาลจักรานแรม

รอ..ลมหวน พัดโบกระบัดกลับ
มารอรับเจ้าจอมใจหอมริมแก้ม
มากระซิบวอนริมหูกับเดือนแย้ม
หยาดน้ำผึ้งแกล้มเสน่หาอิจฉารักนิรันดร์แห่งสองเรา...!
......................



นอนนิ่งนิ่งแก้มเคลียกิ่งการะเวกไหว
หอมบาดใจดวงเศร้าคราวเย็นย่ำ
เห็นนกไพรโบยบินไปร้าวระกำ
โมกรินร่ำหยาดน้ำตาพร่าพร่างริน..

ใจดวงเศร้าลึกลึกฝึกให้ใส
หากทำไมเหว่ว้ามิรู้สิ้น
ดายเดียวล้ำย้ำหนาวใจชั่วชีวิน
แสนถวิลถึงคนดีที่แสนรัก..

เมื่อรักใครไยจำพรากจากไกลแสน
ราวเดือนแขวนบนฟ้าเหว่ว้านัก
หลงเพียงเงาเขาลอยคอยทายทัก
ให้หลงภักดิ์หลงฝันวันสิ้นลม..

ใจดวงน้อยดวงนิดริบริบหรี่
หนาวใจนี้แสนเหน็บหนาวร้าวขื่นขม
ยิ้มทั้งน้ำตาวอนฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหม
ลูกมีลมหายใจทำไมนะ!




ผู้หญิงในชุดรัดรูปสั้นสีขาวขลิบดำราวนักเทนนิส
ปล่อยผมสยายยาวอย่างเป็นธรรมชาติ
พันผูกด้วยดวงจำปีกับปอยผมให้พร่างกลิ่นเคลียแก้ม
แกมหอมหวานเศร้า
ราวรอใครมาดอมดมพรมจูบละเมียดอย่างแสนรัก

เธอนั่งนิ่งพิงพนักเก้าอี้สูงสีแดง

ตรงหน้ามีโถแก้วใส่เล็บมือนางหลากสีสะพรั่ง
ใกล้กันยังมีดอกชวนชมแดงอมชมพูอวดดอกงาม
ในชามแก้วขอบสูงสีน้ำเงินเข้ม...
ตัดฉับรับกับดอกแดงเด่น


เธอนั่งตรงโต๊ะเขียนหนังสือสไตล์โบราณ 
มองออกไปจากกระจกรายรอบบ้าน 
จะเห็นเขียวไพลของนานาพรรณแมกไม้ธรรมชาติ
ลื่นไหลเข้ามาทายทักสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด.. 
ยามเหนื่อยล้าจากงานเขียน  


ต้นโมก ดอกหอมกระจิ้ดริด 
ที่ขณะนี้กำลังบานพราวหวานขาวนวลไปทั้งต้น 
ที่สูงแผ่ก้านกิ่ง เหนือโต๊ะที่ใช้เขียนหนังสือ  
เพื่อว่าให้งานฝันทุกบรรทัดอวลไปด้วย 
หอมงามละมุน ลองอ่านไปดมไปนะ...

บางทีจะได้กลิ่นหอมฟุ้งลอยล่องมาปลอบประโลมใจ
ให้เลิกดายเดียว เหงาเศร้า..ไปด้วยกันทุกอณูแห่งใจรัก 
ที่เธอยินดีรินรดให้ด้วยจริงใจและ
ด้วยรักมากมีมากมายต่อทุกดวงใจ 

ให้ใสงามสดชื่นแสนสุข....
ทุกอารมณ์รู้สึกสุขเศร้าเคล้าไหว...ในงามงาน..  

จากแนวตา ที่เขียนนี้จะมีซุ้มการะเวก และบ่อปลา .. 
ในยามเย็นจะมีกลิ่นการะเวกส่งกลิ่นแกล้มมาประชัน 
ให้งานเขียนงานฝันบรรเจิดใจเป็นยิ่งนักแล้ว... 
 เวลาเขียนงาน
เธอชอบมีดอกไม้สดหอมๆเคียงข้าง  
ในโถลายครามบาง
ที่จะเต็มไปด้วยกุหลาบกุหลาบและกุหลาบ 



และจะจุดเทียนหอมงามตามมุมต่างๆวางไว้ในยามค่ำ 
และ
บางค่ำคืนจะจุดตะเกียงโบราณ เขียนหนังสือ 
หรือไม่ก็เขียนกับแสงเทียนให้วับวับแวม.. 
ให้งานหวามไหวด้วยใจดวงนี้ที่สุขล้ำ..เกินรำพัน  

นี่คือชีวิตจริง..ของนักอยากจะเขียน.. 
ที่พากเพียร เขียนเรื่องรักโรแมนติก คนนี้  
ที่เกิดมากับใจดวงนี้ที่มิได้เสแสร้งแกล้งทำ  
เป็นผู้หญิงช่างฝัน อ่อนไหว  



จนใครๆบอกว่าสมแล้ว
ที่ใช้นามปากการาวลมพัดระบัดไหว
หรือหัวใจราวทะเลที่มิเคยหลับไหล 
ผันแปรเอาแน่ไม่ได้ในบางครั้งครา  
ยามอ่อนล้าใจเจอพายุร้ายพัดผันผ่านมา.

เธอ...
รักเก้าอี้แดง..ที่ได้นั่งสรรสร้างงานรจนา
มานานปีและมีที่มาแสนงามนัก

ที่สักวันเธอจะเล่าให้ฟัง
ถึงเบื้องหลังเก้าอี้แดงในห้องขาวตัวนี้
ที่ราว...
คู่จิตคู่ใจคู่คู่กายนักร่ายรจนางานรักโรแมนติก
ให้มีชีวิตชีวา



เขียนมาเล่า..กันฟังแค่อยากฝากฝัง 
ฝากฝันฝากกายใจ ให้รักและเข้าใจนักอยากจะเขียน
เพียรสร้างฝันถึงสวรรค์วิมานดิน
ว่ามีชีวิตติดดินและงามง่ายเพียงใด 
ในโลกสับสนเร่าร้อนนี้ ที่ตามไม่ทัน   

และเขียนเพื่อบอกว่า  เธอแสนโชคดีนัก 
ที่มีบ้านไว้ซุกกายใจ  ในยามเหว่ว้าดายเดียว
ให้ดวงใจคลายหนาวเหน็บ





เธอ..กำลัง*
ฟังเพลง..*ลมหวน*

กับจันทร์ค่อนดวง
ด้วยห่วงหาอาวรณ์ใครบางคนล้นใจ
หากสิ่งที่เธอทำได้คือแค่นั่งนิ่งๆทิ้งทอดตาใจเงียบงัน
กับทุกทุกฝัน 
ก็แค่ฝันฝันฝัน ก็แค่นั้น
ก็เท่านี้ก็เพียงนี้ก็เพียงนั้น..ก็พลันสลายลา.....




โลกละออล้อหมายมาทายทัก
ไม่นานนักเลยลาน่าใจหาย
เขาหรือเราเราหรือเขาคือเปล่าดาย
ชีพวางไว้คล้ายวางว่างกลางธารธรรม

ตราบลมหายใจไหวหวั่นยังมิสิ้น
ฝากถวิลฝากภักดีพลีรินร่ำ
พร่างน้ำใจใสงามลบระกำ
ลืมชอกช้ำลืมอดีตกรีดดวงใจ

ยิ้มให้กันในวันนี้เถิดที่รัก
ไม่นานนักชีพขวัญสิ้นไสว
ปลิดปลิวลงฝังร่างกลางพงไพร
เลิกหนาวใจหนาวรักเคยภักดี

ให้น้ำใจหอมน้ำคำย้ำรอยรัก
โลกประจักษ์จิตภายในใครคนนี้
หวังเพียงหวังทำแต่งามสร้างความดี
เพื่อพร้อมพลีเคียงข้างสว่างใจ..

ในดวงใจของฉันแสนเกษมปิติสุข
ว่างจากทุกข์ทิ้งจากเศร้าร้าวหวั่นไหว
ไม่มีแล้วแก้ววิเศษนำทางใจ
เหลือเพียงใจใสด้วยธรรมย้ำทางงาม..




				
24 สิงหาคม 2549 20:27 น.

ย อ ด ด ว ง ใ จ...!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song283.html
(ลาสาวแม่กลอง)

ยอดดวงใจริมลำธารสายหวานสายสวยใสสีเงิน..!

วันนี้ฟ้ากระจ่างแจ่ม
เมฆนวล..นุ่มใส...
เห็นนกเขาไพรมาจับกิ่งจำปี
แล้วไหวไกวเปลไม้ร้องขันเสียงเพราะเสนาะแสนหวาน


ลีลาวดีบานตระการเป็นช่อรวงเป็นพวงหอม หอมเศร้า...
ผม...นอนนิ่งนิ่งที่กระท่อมทับเทวา
หลับตา  คิดถึงเธอแม่*ยอดดวงใจ*ของผม...

ลมพัดพรายผ่านแมกไม้  กอไผ่ริมชายสวน 
ได้ยิน..
ราวเสียงครางครวญพร่างพ้อรอสายวสันต์ลีลามาพร่างโปรย


ผม...ตัดสินใจโทรไปหาเธอ คนดีที่ผมแสนรักนักรักหนา
พร้อมกับวอนว่า..อีกชั่วโมงนึงผมจะไปรับ
ให้เตรียมตัวไว้ให้พร้อม นัดนี้ 

ผมอยากไปพักผ่อนตีกอล์ฟและ
ผมจะพาเธอคนดีไป..*แก่งกระจาน *

ใช่เลย..แก่งกระจาน 
วิมานน้ำดั่งทะเลสาบแสนงามสวยสงบ
ที่..
ผมทราบดีว่า 
เธอ จักพึงพบความพอใจและแสนเอมอิ่มใจ
ด้วยรู้นิสัยเธอดี...ว่า...
ตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว
ที่ดวงชีวีชีวันเธอนั้น ชอบชิดใกล้*สายน้ำรักนิรันดร์*

เธอ... รักทุกแดนฝันสวรรค์หล้าที่ชิดเคียงใกล้ทะเลสาบสีเงิน..
ให้ดวงกมลเธอนิ่งเงียบงาม
ในท่ามกระแสธารธาราที่แสนสวยใสไหลฉ่ำเย็น....


ผม..ซื้อที่ดินผืนหนึ่งไว้ 
และอยู่ใกล้แสนใกล้ที่ทำการอุทยาน
ที่มีภูเขาสูงประกอบด้วยทุ่งหญ้ากว้าง
 ที่..
บริเวณโดยรอบยังคงเป็นป่าดงดิบ
มีสัตว์ป่านานาชนิดมากมาย สภาพภูมิประเทศสมบูรณ์ 
มีทิวทัศน์งดงามมองจากยอดเขาสามารถเห็นทะเลหมอก
ในช่วงฤดูฝนต่อฤดูหนาว ...


และ..
ห่างจากบริเวณเชิงเขาพะเนินทุ่ง 
ที่เป็นจุดชมวิว ไม่ไกลนัก..
ที่ผมจะยินดี พาเธอที่รักไปทายทักด้วยพาหนะของผมเอง....
อย่างมิเกรงอันตราย 
เพราะ..
ผมเคยชินกับการใช้ถนนสายแคบนี้บ่อยครั้ง
ด้วยความชำนาญเส้นทาง


และ..
จะพาเธอคนดี ไปเยี่ยมชม *เขาสนที่อยู่ห่างเขาพะเนินทุ่ง
ที่ เป็นภูเขาลูกเล็ก ๆ ริมทะเลสาบ
 มีป่าสนสองใบ และสนสามใบ สลับกับป่าเต็งรัง 
และ..
ไปชมศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทราย
ให้เธอได้ชิดใกล้ความน่ารักของสรรพสัตว์ที่ช่างแสนซื่อใสนัก



สุดท้ายไปดู*น้ำตกทอทิพย์*
ที่งามละออดั่งทิพย์ทอยามละอองน้ำถูกพรายแสงสุริยาสีทอง
สาดส่องกระทบพรายน้ำ พร่างพราวราวแสงสีรุ้งแสนสวย
ด้วยเป็นน้ำตกสูงเก้าชั้นที่งามแปลกตา 
เพราะ
ยังคงมีสภาพโดยรอบเป็นป่าไม้ร่มรื่น 
และ..
บางทีถ้ามีเวลาผมวางแผนว่า
จะพาเธอไปล่องแพไปตามลำน้ำได้ 
ให้เธอได้รับหนาวใจแบบจะประทับใจไม่รู้ลืมเลย


ผมเตรียมร่างแผนการไว้ในใจนานแล้ว
ที่จะพาเธอไปเมืองเพชรเมืองน้ำตาล
ที่แสนหวานปานรักเราพอกัน

เมืองทะเลสาบในฝันที่มีผู้ทำนายไว้ว่า
คืออาณาจักรโบราณในกาลก่อนที่ผมเคยครอบครองมา..
และ..
อย่าได้แปลกใจเลย..
ที่ในที่สุดแล้วชาตินี้ผมจึงมีวาสนาได้เป็นเจ้าของที่ดิน
อันแสนราวสวรรค์หล้าท่ามป่าเขาลำเนาไพร..


ผม....
ตั้งใจว่า..
หากมีเวลามากพอจะขอพาเธอแวะไปยังสถานที่เหล่านี้
เริ่ม..
จากที่อำเภอเขาย้อย
ผมจะพาเธอไปดูถ้ำเขาย้อย..และหมู่บ้านไทยดำ 
ไปเขาอีโก้กัน ไปเยือนวัดกุฏิ

หรืออีกทีอาจจะ..
ไปดู*น้ำพุร้อนที่หนองหญ้าปล้อง
ไปดู*พระนครคีรี(เขาวัง)
ไปปีนเขาบันไดอิฐ..แล้วแวะวัดมหาธาตุวรวิหาร
วัดพระพุทธไสยาสน์..ถ้ำเขาหลวง

วัดใหญ่สุวรรณราม..พระรามราชนิเวศน์
วัดกำแพงแลง..หาดเจ้าสำราญ..แหลมหลวง
วัดเขาตะเครา..หมู่บ้านขุนไทร
หาดปึกเตียน..หุบกระพงหาดชะอำ
และ..
สถานที่สำคัญ แสนงามในท่ามดงลั่นทมริมทะเล
คือพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน


และ..ทั้งหมดนั่น...
คือเส้นทางสายงามสายน้ำตาล 
ที่ผมตั้งใจจะพาเธอแวะหวานชมวิว
ตามรายทางก่อนที่จะไปกางเต๊นท์นอน
ให้..
เธอได้สัมผัสอารมณ์ป่าไพร 
ที่แสนงามสวยเกินที่ใดในโลกหล้า


ที่..
ผมหวังให้เธอได้ทอดทัศนา
และหันมาโอบกอดจูบแก้มผมฟอดฟอดอย่างแสนดีใจ
ในสิ่งที่ผมกำลังจะปันพลี ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว...
...............



และ...
ผมรู้ดี มีสถานที่ที่หนึ่ง...
ที่ตรึงตราประทับใจเธอ
ที่..ที่..
เธอต้องเว้าวอนอ้อนขอ..ให้ผมต้องแวะที่นี่ก่อนเลย
เพื่อ..
อธิษฐานจิตภาวนากราบขอพรหลวงพ่อในโบสถ์คร่ำ
เพราะ...
เป็นวัดที่เธอศรัทธามาก..
หลังจาก
ที่ผมเคยเล่าประวัติความเป็นมาให้เธอฟัง



*วัดบ้านแหลม*
เป็นวัดที่ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่กลอง 
และ..
เป็นวัดที่สำคัญที่สุดในจังหวัดสมุทรสงคราม 
ตั้งอยู่ในตัวเมืองเป็นที่รู้จักกันทั่วไป 
เพราะ..
เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปสำคัญ คือ"หลวงพ่อบ้านแหลม"
เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์


มีผู้เดินทางมา นมัสการกันเป็นประจำ 
สำหรับความเป็นมาของหลวงพ่อบ้านแหลมนั้น 
เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเมื่อใดนั้น 
ปรากฏ ตามพงศาวดารฉบับราชหัตถเลขาว่า 

เมื่อ พ.ศ.2307 พม่ายกทัพเข้ามาตีเมืองเพชรบุรี 
แต่กองทัพ ของกรุงศรีอยุธยา
ได้ยกทัพมาช่วยรักษาเมืองไว้ได้ 


ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรี
ได้อพยพหนีพม่า มา ตั้งบ้านเรือนอยู่ในตำบลแม่กลอง
เหนือวัดศรีจำปาขึ้นไปและเรียกหมู่บ้านนี้ว่า " บ้านแหลม" 
ตามชื่อบ้านเดิม ของตนในเมืองเพชร 


และได้ช่วยกันบูรณะวัดศรีจำปา
แล้วเรียกวัดศรีจำปาว่า "วัดบ้านแหลม" 
ชาวบ้านแหลมพวก นี้ เป็นชาวประมงมีอาชีพจับปลา

ในทะเล คราวหนึ่งได้ออกไปลากอวนในอ่าวแม่กลอง
ได้พระพุทธรูปติดอวน ขึ้นมา 2 องค์ 
องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปนั่ง
 อีกองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปยืน 


สำหรับพระพุทธรูปนั่งได้นำไป ประดิษฐาน
ไว้ที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี
 เรียกว่า "หลวงพ่อวัดเขาตะเครา" 

สำหรับพระพุทธรูปยืนอุ้ม บาตร สูงประมาณ 167 เซนติเมตร 
แต่บาตรนั้น สูญหายไปในทะเล 
ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม
 เรียกว่า "หลวงพ่อบ้านแหลม" 

มีความศักดิ์สิทธิ์ และอภินิหาร
เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้านทั่วไป 

วัดบ้านแหลมซึ่งแต่เดิมเป็นวัดเล็ก ๆ 
ที่ทรุดโทรมก็กลับ เจริญขึ้น เป็นวัดใหญ่ 
เพราะมีผู้คนมาทำบุญและนมัสการ 
หลวงพ่อบ้านแหลมกันอยู่เรื่อยๆ

 ต่อมาวัดนี้ได้รับ- การยกฐานะขึ้น
เป็นพระอารามหลวงชั้นวรวิหาร 
ได้รับ พระราชทานนามว่า
 "วัดเพชรสมุทรวรวิหาร" 


สำหรับ ..
บาตรของหลวงพ่อบ้านแหลมนั้น
 สมเด็จเจ้าฟ้ากรม พระยาภาณุพันธ์วงศ์วรเดช 
ได้ถวายบาตรไว้ให้บาตรหนึ่ง เป็นบาตรแก้วสีน้ำเงิน 
ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ทุกวันนี้ 


ภายในบริเวณวัดเพชรสมุทร
ยังมีพิพิธภัณฑ์สงฆ์ 
ซึ่ง...
ภายในมีพระพุทธรูปบูชา
และ...
พระเครื่องใน สมัยต่าง ๆ 
โบราณวัตถุเครื่องลายคราม
และ..
ธรรมมาสน์บุษบกสมัยกรุงศรีอยุธยาไว้ให้ชมด้วย 
.............
...............................



และ..
ทุกคนดี ในเรือนไทยร่มรัก
ตามผม..กับเธอมานะครับ ..
จะได้รับทราบว่า
ยอด*ดวงใจ*ที่รักของผม...จะตื่นเต้นสักเพียงไหน
กับ..
การผจญภัยพบธรรมชาติทุกสิ่งที่แสนดีแสนงาม
ที่ผมเพียรพยายามหาวันว่าง...
ท่ามกลางฟ้ากระจ่าง ใจแสนสุข
เพื่อ..
พบกับวันหยุด...ที่ผมและเธอได้หลอมรวมร่างใจ
เพื่อไปทอดทัศนาจรด้วยกัน


ว่า..
จะก่อเกิด
*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์น้ำผึ้งฝันหวานหวานหวาน*
ให้...
สวรรค์ทั้งโลกหล้าแลฟ้าดิน..อิจฉาเราสองสักปานไหน...!!!!

................................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song283.html
ลาสาวแม่กลอง..พนม นพพร-โอภาส ทศพรอ๊อด

สิ้น แสงดาว ดุเหว่าเร่าร้อง
จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง
พี่จำจากน้องคนงาม
แว่วหวูดรถไฟ พี่แสนอาลัย สมุทรสงคราม
คงละเมอเพ้อพร่ำ คิดถึงคนงามที่อยู่แม่กลอง
ราช การทหารเรียกใช้
ลูกน้ำเค็มโอ้ทัพเรือไทย
ฝึกเตรียมเอาไว้คุ้มครอง
พี่ต้องขอลาจากแล้วแก้วตาลาถิ่นแม่กลอง
คงหวนมาหาน้อง คนสวยแม่กลองคอยพี่กลับมา
เมื่อ สงกรานต์งานวัดบ้านแหลม
เคยเที่ยวชมกับโฉมแฉล้ม เมื่อคืน ค่ำแรมเมษา
สรงน้ำร่วมน้อง ปิดทองพระ ปฎิมา
อธิษฐานรักอยู่คู่ฟ้า หวังเกิดมา ร่วม ใจ
ป้อม พระจุลไกลบ้านห่างน้อง
เมื่อฝนมาฟากฟ้าคะนอง ได้ยินถึงน้องหรือไม่
พี่ส่งสัญญาฝากฟ้าครวญมาจากห้วงหัวใจ
คือเสียงครวญหวนไห้
ทหารเรือไทยยังห่วงแม่กลอง...
.................
				
24 สิงหาคม 2549 14:23 น.

แค่..อยากให้เธอ...รู้..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2097.html


กอดความคิดถึงไว้เต็มอ้อม
เคลียจูบหอมเจ้าจอมใจในความฝัน
รอและรอ รัก..ตราบนิรันดร์
ดั่งคำมั่นสัญญาแห่งสองเรา

โค้งคุ้งรุ้งพราย ณ ปลายฟ้า
เหว่ว้าดายเดียวเปลี่ยวเหงา
ท่องธารน้ำตารอท่าขวัญเงา
นานเนาในนึกกัปป์กัลป์

จันทราบนฟ้าครึ่งเสี้ยว
ดั่งเคียวเกี่ยวใจคว้างฝัน
เรือรักเร่ร่อนเวิ้งอนันต์
พิษน้ำผึ้งจันทร์หยาดหวานรานรอน

เกสรซึ้งปลิดปลิวร่วงพราย
พรมร่ายบทเรียนเฝ้าสอน
สัจจธรรมน้อมนำกรรมย้อน
หวังวอนฟ้าดินเมตตา

เกี่ยวก้อยเก็บดอกไม้หวานหว่านกำนัล
สู่สวรรค์แสนงามเสน่หา
โบกบินด้วยปีกฝันอิสรา
เหนือฟ้าเหนือโลกย์โศกพันธนา..

บึงบัวเพชรพร่างกระจ่างช่อ
ล้ำละออเกสรปรารถนา
ทิ้งสุขวางทุกข์ธารน้ำตา
พรายพร่ามายาสมมุติ...

หนาวแสนหนาว..หนาวเหน็บ
เจ็บแสนเจ็บเพียงไหนพบพิสุทธิ์
เรียนรู้โลกรู้วางทางวิมุติ
และ..รู้หยุดรู้ค่าโลกย์..โศก..สิ้นแล้ว..!

............................





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2097.html
ไม่อยากให้เธอรู้ ใหม่ เจริญปุระ 

อาจจะเป็น ทุกข์
อาจจะผิดหวัง
แต่ยังมี รอยยิ้ม ให้เธอเรื่อยไป
ข้างในจะร้อน จะรน
หมองหม่นทนทุกข์เพียงใด
ยังอยาก จะยิ้มให้เธอ อย่างนี้
ก็ไม่เคย คิด อยากให้เธอรู้
ข้างใน ที่แท้ มันเป็นอย่างไร
เพราะความที่รักเหลือเกิน
ไม่อยากถูกหมางเมินไป
แค่เพียงเห็น ก็ชื่นใจ เกินพอ
แม้ตอนพบ กัน ฉันทำร่า เริง
แต่รู้ไหม คิดอะไรอยู่
กลับมาล้มตัวลงนอน
กอดหมอนน้ำตาพร่างพรู
อยากเป็นเหมือนคนที่เธอ จูงมือ

ก็ไม่เคย คิด อยากให้เธอรู้
ข้างใน ที่แท้ มันเป็นอย่างไร
เพราะความที่รักเหลือเกิน
ไม่อยากถูกหมางเมินไป
แค่เพียงเห็นก็ชื่นใจ เกินพอ
แม้ตอนพบ กัน ฉันทำร่าเริง
แต่รู้ไหม คิดอะไรอยู่
กลับมาล้มตัวลงนอน
กอดหมอนน้ำตาพร่างพรู
อยากเป็นเหมือนคนที่เธอ จูงมือ
แม้ตอนพบกัน ฉันทำร่าเริง
แต่รู้ไหมคิดอะไรอยู่
กลับมาล้มตัวลงนอน
กอดหมอนน้ำตาพร่างพรู
อยากเป็นเหมือนคนที่เธอ จูงมือ... 
 

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด