14 สิงหาคม 2549 21:49 น.

สิ้นแล้วทุกรสชื่นสุคนธา..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html


จันทร์กระจ่าง ฟ้า
นภา ประดับ ด้วยดาว
โลก สวย ราว
เนรมิต ประมวล เมืองแมน
ลม โชย กลิ่น
มาลา กระจาย ดินแดน
เปรืยบ มี แสง
คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์

งาม ใด หนอ
จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง
เจ้า งาม ต้อง
ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน
ถ้า หาก น้อง
อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน
โลก จะ เหมือน
เมืองแมน แม่นแล้ว
นวลเอย... 
..............


 
ฟัง*คิดถึง*
ด้วยใจดวงดายเดียวเดียวดายบนเตียงโบราณ
ด้วยหัวใจดวงเงียบงามแสนสงบสุข...

ได้ยินเสียงโทรศัพท์เตือนให้รับข้อความ
จากแดนดินฟ้าจรดทราย
ที่ใครบางคนส่งข่าวเล่ามาว่า
ได้ย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนท์ใหญ่โตแล้ว
และรอเวลาให้ดวงไปเยือน กลางเดือนหน้าที่จะถึงนี้
อย่างใจจดใจจ่อ 
และ..มีนักบินรูปหล่ออาสาจะพาไปท่องทัศนาเมือง
ให้แสนประเทืองประทับใจ
และ..
หลังจากนั้น อาจจะวางแผนไปหลายประเทศ
ตามใจปรารถนา หลังอุดอู้ดั่งปลาผิดน้ำในท่ามเมือง
กรุงกรง มิหลงแสงสี มาแสนนาน

ก่อนจะตามมาด้วยเสียงใครบางคนแสนหวาน
โทรมารายงานอย่างเอาอกเอาใจ ว่า
กำลังรับรองเพื่อนจากฝรั่งเศส
ที่โรงแรมหรูอยู่ย่านดาวน์ทาวน์..ให้เรารู้สึก
หนาวใจ ด้วยไม่ค่อยเคยชินกับชีวินคนกลางคืนสุดหรู
ดูไฮโซ..เสียไม่มี

ได้ยินเสียงฝนเปาะแปะ
และเลยได้อารมณ์
หลัง...
ลมรำเพยพรายพร่างพรมแผ่วผิวปลิวมากระซิกกระซี้
ระริกระรี้รำพึงรำพัน...
ปลุกปลอบมอบฝันหวานหวานให้..
หาก..
ไยเล่าดวงใจเจ้ากรรมจึงย้ำรอยราน..



รายรอบบ้านเงียบ...จน..ได้ยินเสียงใบไม้หล่น
เทียน..กำลังวะวับแวม..แข่งกับแสงดาวรำไรรำไร
ที่..
เริ่มจะพร่าเลือนไปกับหมองมวลเมฆฝน

เสียงพายุหวีดหวิว...
ใบไม้ปลิดปลิวละลิ่วลอยควะคว้าง
อย่างอ้างว้างในคืนแรม..ไร้เดือน


ฟ้าครางครืน...
หัวใจตื่นเพรียกหาลมหายใจแห่งนิรันดร์รัก
ใกล้..แค่ริมหู ...
เสียงมาสิงสู่ราวมายาฝันมิใช่ความจริง
หากเป็นเพียงมั่นภักดิ์นิรันดร...



หัวใจดวงอรชร ...
หลับตาช้าช้า..อย่าง
ล้าอ่อน..
และ..
น้ำตาแห่งความคิดถึงคะนึงหา
ก็...พร่างริน..อย่างมิสิ้นสาย

ในคืนนี้..คืนที่ฟ้าสิ้นไร้ดาว
และกับคนใน..อารมณ์อาวรณ์ถวิล
จำพรากลาไกล..ไปสุดหล้า..ฟ้าดิน..อีกคราคราว..แล้ว...




ดวงดอกแก้ว ยัง...หวานหอมหากไยอวลเศร้า
สายลมหนาว...หลังฝน..ยิ่งหนาวเหน็บกว่าเคย

ดวงดอกเล็บมือนาง...หยุดเฉยมิกางฟ้อนอ้อนหาใคร
การะเวกมิไหวกิ่งพราวราวดายเดียวเต็มประดา

มะลิลา ลาระรินระริน กลิ่นระรวยระรวย...ระทม..

กล้วยเลิกสบัดไกว..
ไม่อยากโบกพัดพลิ้วไหวรับลม อีกเลยแล้ว



ทิวจำปีรายรอบเรือนหยุดเริงร่าย
ฟ้าคล้ายมืดมนอนธกาลกว่าเคย

ใจดวงนิ่งเฉย ยิ่งเงียบงัน..
ฟ้าร่ำไห้..
ราวหลั่งพลีเพื่อใจดวงนี้ที่จำพรากขวัญ

จันทร์เจ้าหลบหลังม่านเมฆ
วิเวกทับไปทั่วในวิมานดิน

พุดซ้อนหุบกลีบ...
มิยอมแย้มเผยอกลิ่น
ราวสิ้นแล้ว..ทุกรสชื่น..สุคนธา...!!!!




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html

หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา 

หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
สวยงามสดใส จริงเอย
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ

ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ... 
 


				
14 สิงหาคม 2549 19:26 น.

ไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song388.html


อุษาวดีคลี่แย้มฟ้าอีกคราแล้ว...
และ..
เฉกเช่นเคย..เหมือนทุกทิวาวัน
ที่..
ผม...ค่อยๆลืมตาตื่นอย่างช้าช้า..ช้าช้า
และ...
นาทีแรก..ในความคิดที่แสนหวานหอมหอมหวาน
ก็คือ..เธอ..เธอ..และเธอ

ผู้หญิง..
ที่ผมมิได้เผลอ หาก..รักรักรักเธอเข้าให้แล้ว
ผู้หญิง..
ที่ผมขอเรียกเธอว่านางแก้วนางใจนางในฝัน
ผู้หญิง..
ที่ปันแบ่งน้ำคำ น้ำใจ 
เติมรักแสนใสสะอาดให้ชีวิตชีวาผมอิ่มเต็มยิ่งกว่าเต็ม
ให้...
ทุกนาทีหัวใจเต้นของผมแสนมีพลังหวังหวาน
และ...
ผู้หญิงที่..ณ..นาที นี้*เปรียบประดุจดั่งทุกสิ่งในชีวิตผม*
เป็น..ลมหายใจ
เป็นนางไพร เป็นนางไม้ เป็นมนต์ร่ายเสน่หา
เป็นนางพญา และแน่นอนเป็น...
*ราชินีในเรือนใจ*
ให้..
ชายชาติอาชาไนย อย่างผม
ยอมพลีใจร่างวางแทบเท้าเธออย่างดุษณี..

ผู้หญิงที่..ผมละเมอหาแม้นในยามหลับยามตื่น
ผู้หญิงที่..ทำให้โลกผมแสนสดชื่นหวานฉ่ำ
ผู้หญิงที่..ทำให้โลกดายเดียวเหว่ว้าอันแสนเหน็บหนาวของผม
พลัน..กลับอุ่นไอ
เสมอเสมือน*ดวงใจเราสองหลอมรวมเป็นดวงเดียวกัน*

ผม...เพียงรอ รอ และ..รอ
ขออธิษฐานจิต
แด่ปวงเทพเทวาแลฟ้าดิน
หวัง..
ไม่นานวันที่เราสองจะได้ครองรักนิรันดร์
เป็นคู่ธรรมคู่ทอง
คู่ที่ทุกคนจะหันมามอง 
ด้วยซึ้งใจประทับใจ
ด้วย..
ทราบในตำนานรักอันแสนยิ่งใหญ่
แห่ง*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ*นี้
ที่..
มิเคยท้อแท้ยอมแพ้พ่าย..ตราบจนวันตาย..
ที่เราจะ*ไม่มีวันพรากจากกัน*



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song388.html

*ไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน*


ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ ฉัน จะขาดเธอ
รัก เธอเสมอ จิตใจ
ตัดน้ำ ไม่ขาด ฉันท์ใด
เยื่อใย ความรัก ไม่ขาดกัน
อยู่ แดน ดิน ถิ่นไหน ไม่เปลี่ยนแปลง
รัก เธอไม่แล้ง จากฉัน
ชุ่ม รัก ชื่นฉ่ำ ทุกวัน มั่นรัก เธอนั้น ตลอดมา
ภมร ไม่ เคย พราก ดอก ไม้บาน
สาย ธาร ไม่เคย พรากเหล่า มัจฉา
สายลม แทรก รัก ฉันปลิว ไปมา
ฝากไว้ ทั่วหล้า ตามติดเธอ ทุกแห่งไป
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ฉัน จะจืดจาง
รัก เธอไม่ร้าง จากใจ
อยู่หรือ ตายดับ ลับไป
รักยิ่งใหญ่ ซอนไซร้ ซึมใจเธอ
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน

ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน

ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน... 






				
12 สิงหาคม 2549 23:20 น.

เธอดั่ง..ดอกรักดอกบานไม่รู้โรยในดวงใจผม..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2951.html
(ลำนำรัก)


ราตรีที่ฟ้ายังระดะเต็มไปด้วยดาว
ผมกำลังขับรถออกนอกเมือง
สู่จังหวัดชายทะเลตะวันออก..ระยอง
เพราะ..
นัดผองเพื่อนก๊วนกอล์ฟจะออกรอบกันอีกสักครั้ง
หลัง..
ผมมีภารกิจวายวุ่นมานานเดือน
และ...
จุดหมายปลายทาง
คือ*สนามกอล์ฟเกรซเลค คันทรี่คลับ*

บทเพลงในรถกำลังบรรเลง....อย่างละมุนใจ
ให้ผมคิดคิดถึง คืนค่ำอันแสนหวาน..ระหว่างเรา..


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2951.html
ลำนำรัก ดิอิมพอสซิเบิ้ล 

ความรัก เหมือนกับบทเพลง
ที่บรรเลง กันอยู่เรื่อยมา
อีกทั้งความหวาน ชื่นระรื่นอุรา
และเศร้าหนักหนา ซึ้งสะเทือนใจ
ความรัก คือเพลงธรรมชาติ
พิไลพิลาส อานุภาพยิ่งใหญ่
ปลุกหนุ่ม ปลุกสาว ให้มีพลังใจ
เพื่อทำให้โลก มีชีวิตชีวา
ความรัก คือเพลงธรรมชาติ
พิไลพิลาสอานุภาพยิ่งใหญ่
ปลุกหนุ่มปลุกสาว ให้มีพลังใจ
เพื่อทำให้โลกมีชีวิตชีวา
ลำนำเพลงคือลำนำเพลงรัก... 
 
.................



ผมมีความสุข มากเหลือเกินกับนาทีนี้
เมื่อคิดถึงคนดีที่รักของผม 
ผู้หญิงที่แสนหวานบานฉ่ำ
ผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากกกกอดเธอแนบอกไว้ทั้งคืน
ผู้หญิงที่ทำให้โลกผมแสนสดชื่นตื่นเต้น เร้าใจและ
พาให้ผมค้นพบพลังรักอันแสนมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่
ในทุกลีลาอารมณ์..


และ..
น่าแปลกใจในทุกยามที่ผมได้ยินเสียงออดอ้อนวอนเว้า
ดวงใจแลร่างผมราวถูกหลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียว
อยากเฝ้าวนภักดิ์ เฝ้ารักเสน่หาเธออย่างมิรู้คลาย
อย่างอยากชิดใกล้
ได้พร่ำพรอดเพลงรักรักรักกันและกันตลอดไป

ผม...ฮัมเพลงที่เธอสอนให้ผมร้อง
และ..
กล่อมเธอให้นอนนิทราฝันดีในทุกค่ำคืน
ทั้งเพลงชื่นเพลงช้ำ 
แล้ว..
แต่เธอจะอยากได้ยินได้ฟัง
ในอารมณ์ไหน 
ขอเพียง..ให้นางใจบัญชามา
และ...
ก็ทำให้ทุกราตรีเหว่ว้าของเรา
 พลันแสนสุขล้นท้นฉ่ำเสียเหลือเกินแล้ว..


ผมแลลอดออกไปในเวิ้งฟ้ากว้าง ..

ดาวพระศุกร์..สว่างไสว
พอกันกับใจของผมในยามนี้
ที่ราวรออรุณรุ่ง..หวัง..หวานกำลังมาเยือน

หัวใจผมดั่งเสมือน
มีอัญมณีขวัญอันแสนงามฉายฉาน 
โชติช่วงคอยให้พลังใจไฟฝัน 
ดั่ง ดาวไสว ประดับใจ นำทางใจ
ไปตราบชั่วกาล

สำหรับผม..
รักนั้นไม่ว่าเก่าหรือใหม่...
ดังเปลวไฟแผดเผาถ้าหากเราใช้มันไม่เป็น.........
และ
รักนั้นเปรียบดั่งน้ำอมฤต..
ที่จะหยาดหยดลงมา
ให้...
ใจดวงงามสวยใสสดชื่นตราบวันตาย
ถ้าเรารู้ค่าคำว่ารัก คำว่าปรับตัว
และ..
การให้เวลา การให้เกียรติกันและกัน 
การแบ่งปัน 
แบบต่างคนต่างเติมเต็ม........


สำหรับผม...รักเธอคนดีของผม คงมั่น 
และจักเป็นเช่นนี้ตลอดไป 
เพราะ
ผมพบว่า..เธอคือคนที่ฟ้าดิน
แลพระเจ้าเบื้องบนปรานีประทานมาให้กับผม.
คนที่รู้ค่า..ซึ้งค่า..ในรักพอกัน...


และ
เธอ..
 ของผมนั้น เปรียบดั่งดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย 
ที่จะบานไสวอยู่ในดวงใจของผมตราบกัลปาวสานต์ 
ตราบนานเท่านาน
เท่าที่โลกนี้ยังมีคำว่ารักคู่โลกและคู่ใจ.

และ..
ผม..ขอให้คำมั่นสัญญา  ....
อธิษฐานจิต ...
รักษาสัจจะยิ่งชีวิต
ที่จะพลีพร้อม..
*ให้ *...ความรัก..แด่เธอ คนดี คนเดียว 
ไปตราบชั่วกาล...นานเนานิรันดร์...
...........................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
คำมั่นสัญญา 

ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป

แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป... 
 
  

				
11 สิงหาคม 2549 00:25 น.

ดวงจำปา..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song484.html


ดึกดื่นกับดายเดียว
ดวงฟังบทเพลง *ดวงจำปา*

พร้อม...อ่านบทกวี..ท่านเรียวกัน

"ชีวิตฉันอาจคล้ายจะเป็นทุกข์
แต่เมื่อท่องเที่ยวไปในโลกนี้
ฉันก็ยิ่งมั่นใจในสรวงสวรรค์
ในย่ามของฉันมีข้าวอยู่สามโช
ข้างเตาไฟของฉัน มีฟืนอยู่มัดหนึ่ง

ถ้ามีใครสักคนถามฉันว่า
อะไรคือเครื่องหมายของการรู้แจ้งหรือมายา
ฉันย่อมไม่อาจตอบได้

สำหรับฉัน ความมั่งคั่งและเกียรติยศ
หาใช่อะไรไม่ หากแต่คือฝุ่นธุลี
เย็นย่ำ สายฝนปรายโปรย
ฉันนั่งอยู่ในกระท่อม
เมื่อยนักก็เหยียดขาออก
นี่ไงคือคำตอบของฉันล่ะ

..........................

(โช..คือมาตราตวงโบราณของญี่ปุ่น)



สายลมพัดผ่านกระท่อมน้อยของฉัน
ภายในกระท่อมโปร่งโล่งไร้ทรัพย์สิน
นอกกระท่อมคือป่าซีดาร์ยืนรายเรียง
ที่ฝากระท่อมมีบทกวีปิดเรียงราย
ยามนี้กาต้มน้ำเขลอะไปด้วยฝุ่น
ไม่มีควันไฟจากเตาหุงข้าว
ใครกันนั่นกำลังดุ่มเดินมาที่ประตูกระท่อม
ที่อาบไล้ด้วยแสงจันทร์ของฉัน
อ๋อ..!ชายชราจากหมู่บ้านตะวันออกนั่นเอง..



คืนนี้อากาศเย็นยะเยือกยาวนาน
เป็นคืนฤดูหนาวที่ยาวนาน
เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อไหร่จะสว่างเสียทีหนอ

ไม่มีแสงไฟจากตะเกียง
ไม่มีถ่านในเตาผิง
ฉันนอนอยู่บนที่นอน
ฟังเสียงสายฝนหิมะ..."



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song484.html
ดวงจำปา คาราวาน 

โอ ดวงจำปา
เวลา ชมดอก
คิดถึงบ้านซ่อง มองเห็น หัวใจ
เฮานึก ขึ้นได้ ในกลิ่นเจ้าหอม
เห็นสวน ดอกไม้ บิดา ปลูกไว้
ตั้งแต่ ใดมา เวลาหงอยเหงา
ยังช่วย บรรเทา ให้หายโศกา
โอ ดวงจำปา คู่เคียงเฮามา
แต่ยาม น้อยเอย
กลิ่นเจ้าสำคัญ ติดพันหัวใจ
เป็นตาฮักใคร่ แพงไว้เซยซม
ยามเหงา เฮาดม
เอ๋ยจำปาหอม
เมื่อดม กลิ่นเจ้า
ปานพบ เพื่อนเก่า
ที่ได้พราก จากไป
เจ้าเป็นดอกไม้
ที่งาม วิไล ตั้งแต่ใดมา
โอดวงจำปา มาลา ขวัญฮัก
ของเรียม นี่เอย

โอ ดวงจำปา
บุปผาเมืองลาว
งามดั่งดวงดาว
ซาวลาว ปลื้มใจ เมื่ออยู่ ภายใน
แดนดิน ลานซ้าง
เมื่อได้ พลัดพราก
อดีต พลัดจาก บ้านเกิดเมืองนอน
ข้อยจะเอาเจ้า
เป็นเพื่อน ฮ่วมเหงา เท่าสิ้นชีวา
โอดวงจำปา มาลา งามจริง
มิ่งเมือง ลาว เอย... 
 


				
10 สิงหาคม 2549 18:18 น.

ดนตรีฝนบรรเลงเพลงซ้ำรอย..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
(อาลัยรัก)


ฝนกำลังพรำสายนอกหน้าต่างกระท่อม
หยาดหยดเป็นเพชรรวง
ร่วง..จากชายคาหญ้าแฝก...ไม่..ขาดสาย..
ดั่ง..
สายน้ำตานางฟ้าพลีแด่ทุกมวลมนุษย์ในโลกหล้า
ยามพบ..มายาโลก..มายาลวง

นอนงีบหลับไปกับจิตวิญญาณพเนจร
รอนแรมดั่งนกไพรเดียวดายดายเดียว
 คล้ายคล้าย..
ไร้..สิ้น..อ้อมรัก..อ้อมภักดิ์ใคร

ความฝันลอยล่องจากหมอนนวลนุ่ม
ไปท่องในกลุ่มเกรียวเมฆแสนหวานปานวิมานสายไหม

ราตรีมืดมนยาวนาน....
จันทร์หวานไร้สิ้นแสงสวย

ปวงดวงดอกไม้เลิกร่ายระบำชั่วครู่
ดาวรุบหรู่ ใจริบหรี่

ดนตรีฝนบรรเลง
บทเพลงธรรมซ้ำรอย

ในมหัศจรรย์ใจ ดวงน้อยๆ
ราวได้ยินเสียง*สายน้ำในดวงใจ*..รำพัน
บทเพลงฝันแห่งฤดูกาล..พรากลา....!

........................

ตะวันรอนนิ่งเงียบเกินเปรียบได้
ในหัวใจนิ่งงันราวฝันสลาย
เหมือนจะหลุดเหมือนจะร้างไร้
กลับทอใหม่วันรุ่ง..จรุงจรัส

ความเกิดดับในอารมณ์ชมแล้วปล่อย
ความเศร้าสร้อยจรมา..เพื่อลากลับ
ความงดงามเบ่งบานขึ้นขานรับ
ปล่อยจิตจับรับใจ....ก่อนไม่คืน..........
.......................................






วันฝนพรำ กับ..เสียงร่ำไห้..มิอายฟ้าดิน..




ผม...กำลังพายเรือ
อยู่ในท่ามกลางสายฝนพรำกับบึงบัวสีขาว
พราวดอกยังมิคลี่แย้ม 

ในวันที่ริ้วฝนฟ้าฉ่ำด้วยม่านหมอกสลัวมัวหม่น
เป็นสีขาวพราวพร่าง..มาทุกทิศทาง


และ...
ที่นี่คือริมลำน้ำโขง
*สายน้ำรักนิรันดร์*
ที่เชื่อมโยงหัวใจไทยลาวมานับนานวันอนันต์ปี

วันที่เรียวฟ้าไร้กระจ่างมาตั้งแต่เช้า จนถึงยามนี้
ยามที่
ฟ้าใกล้ค่ำ..ตะวันลา ใกล้โพล้เพล้เหว่ว้าเต็มทีแล้ว


ใจดวงแก้วดวงแหลกรานร้าวเศร้าสุดแสนทานทน
กำลังหลงทาง.... 
กำลังหนีห่างร้างเมืองมาแรมไกล
พาใจดวงบอบช้ำร่ำไห้ 
ยิ่งกว่าสายฝนตกต้อง ณ ภายใน
ให้หนีไกลมาถึงที่นี่



ที่ที่เพื่อนคนดี บอกว่า
*เผื่อบางทีอาการผมจะดีขึ้น*

ให้สายน้ำโขงที่ทอดยาวไกล อย่างเงียบงามสงบใจ
ได้พลีปลอบประโลม

ให้ลำน้ำโล่งลิ่ว 
ได้ทอดทอก่อความสุขสงบ ขึ้นบ้าง
ณ.. กลางใจผม...
ให้สายฝนพรมพรำราวพร่างพร
ให้หัวใจอ่อนแอแพ้พ่าย ได้ยอมลุกขึ้นมาสู้ใหม่อีกคราครั้ง


ผม..จึงได้มานอนฝากฝันปันพลีใจ 
ใน..*กระท่อมไพรสไตล์ลาวโซ่งกึ่งบาหลี..*นิดนิด

ที่มีหลังคาจาก 
ให้ฝากชีวิต  พักพิง อิงใจไปสักสัปดาห์ 
จนกว่า
ดวงชีวาชีวีผมจะเข้าที่เข้าทาง
ให้กลับมาเหมือนเดิม 

ให้มิหวังเพิ่มรัก..รอหวังหวาน..จากร่างและดวงใจใคร
ที่ช่างไม่แน่ไม่นอนเอาเสียเลย



ฉะนั้น...
จึงเป็นเช่นฉะนี้...!
ที่ผม..คนหัวใจไม่รักดี
ต้องมานอนคะนึงครวญ
รัญจวนจิต
ไปกับชีวาชีวิต...ที่แสนดายเดียวเปลี่ยวเหงาเหว่ว้าสิ้นดี

กับวันที่ฟ้าฉ่ำไปด้วยไอฝนพรำพราว
กับหนาวในเนื้อใจ
ราวปีศาจวสันต์มาร่ำไห้อย่างโศกสะเทือนแทน



ราวกับมาตกตี  ณ..กลางใจผม 
ให้ระบมระทมด้วยพิษรัก

ทั้งๆที่ผมหักใจตัดใจหนีภักดิ์รักใคร 
ก็ยังมิวายได้มาได้มีวิบากกรรม
มาตอกย้ำซ้ำเจ็บให้ยอมชดใช้ แด่คุณ


คนดี ..ในดวงใจ
ที่ถึงวันนี้คุณจะทำให้หัวใจผมแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี

ผมก็ยังฝังใจจะเรียกคุณ 
ว่า..*คนดี..*ไปตราบจนชั่วนิจนิรันดร์

ระหว่างเรานั้น
ผมไม่โทษคุณ โทษใคร
ที่ฟ้าดินอินทร์พรหม
มิพากันเสริมส่งดวงชะตา
จัดสรรให้เรามาพบกันช้าไป
ราวบทเพลง


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6727.html
บอกอะไรป่านนี้...

ฉัน นั้นเคยรัก
ทุ่มเท ให้กับเธอ
รอ คอยให้เธอ ใส่ใจ
เธอ เคยตอบแทน
ด้วยการ มองผ่านไป
เหมือน ว่าโลกนี้ ไม่มีฉัน
แล้ว ถึงวันหนึ่ง
เธอนั้น ก็เดินมา
พูด ว่ามีใจ ให้กัน
รู้ ว่ามันจริง
แต่ฉัน ก็ไม่ดี ใจ
เพราะ มันสายไป สำหรับฉัน
มาบอก อะไร ป่านนี้
รู้ไหม ว่านาน เท่าไหร่
ที่ เธอเคย ละเลย
ปล่อย ใจฉัน ให้ตาย
ตายด้าน จนเกิน จะรัก ใคร
เธอ จะเปลี่ยนใจ
มารัก ฉันวันนี้
ทำ ดีต่อกัน เพียงไหน
คง มีให้เธอ แค่คำ ว่าขอบใจ
คง ไม่มากมาย ไปกว่านั้น
ฉัน ก็ต้องการ
อยากรัก และให้ใจ
เหมือน เคยให้ไป ในวันก่อน
แต่ฉัน รู้ตัวดี
ตอบได้ชัด เจนและแน่ นอน
ว่า มันสายเกิน จะกลับไป
มาบอก อะไร ป่านนี้
รู้ไหม ว่านาน เท่าไหร่
ที่ เธอเคย ละเลย
ปล่อย ใจฉัน ให้ตาย
ตายด้าน จนเกิน จะรัก ใคร
โฮ่ โฮ๊ โฮโฮ่โฮ๊ โฮ

มาบอก อะไร ป่านนี้
รู้ไหม ว่านาน เท่าไหร่
ที่ เธอเคย ละเลย
ปล่อย ใจฉัน ให้ตาย
ตายด้าน จนเกิน จะรัก ใคร
บอก อะไร ป่านนี้
มาบอก อะไร เมื่อสาย
ที่ เธอเคย ละเลย
ปล่อย ใจฉัน ให้ตาย
จนไม่ มีทาง จะเหมือน เดิม
รู้ ไว้เลย ว่าสาย ไป
ไร้ อารมณ์ จะรัก เธอ...

................



ราวหนึ่งหญิงสองชายหมายใจ
ที่ไม่ก็ใครคนใดคนหนึ่งต้องจำบอกลา

ที่คุณละล้าละลังทำใจมิได้ว่าจะหันไปหาใครดี
คนนี้ก็ใช่คนนั้นก็รัก...
ช่างแสนวายวุ่นนักเจ้าคำว่ารัก..รักเอย



 ไม่เป็นไรครับผม
คนดี ผม..เข้าใจ 
เข้าใจครับว่า....
ในความรักนี้
จักไม่มีคำว่าเสียใจไม่มีใครถูก..ผิด

แม้นดวงใจและดวงชีวิตผม
จะแสนปวดร้าวราวกับกลัดหนอง


ผมก็จะบ่มร้าว คัดเลือดคัดหนองเอง  
อย่างมิเกรงกลัวเจ็บใดใดทั้งสิ้น
จนกว่า.....
จะสิ้นถวิลโหยหา 
สลัดตราแอกแบกรักอันหนักแสนหนักออกไปได้

ให้ผมได้พบเส้นทางธรรม 
นำเอาน้ำอมฤตธรรมอันแสนใสฉ่ำเย็น
มาเป็นดั่งยารักษาใจ 

ให้เดินตามรอยบาทพระศาสดาไป 
อย่างประจักษ์แจ้งแทงตลอด
ถึงค่าคำว่า*ที่ไหนมีรักที่นั่นมีทุกข์*



ผม..จึงรอเวลาให้หัวใจหยุดรักได้ด้วยตัวมันเอง
หากถึงเวลา
ที่ฟ้าเลิกลงฑัณท์ สวรรค์เริ่มปรานี
ให้ผม..ได้หมดเคราะห์กรรมสิ้นทุกข์เทวษเสียที

ผม..
คนที่หัวใจล้วนล้วนยามนี้ราวกับมีเข็มคอยทิ่มแทง
ราวกับแกล้งลวงหลอนหลอกใจ
ในยามที่ใจไหวหวั่นวอกแวกแหกสติสมาธิ 

ให้มีเพียงเสี้ยวหน้าคุณมาลอยคว้าง
มาแย้มหัวระรัวยิ้มพริ้มเพรา 
ราวกับวันแรกที่เราได้พบรัก



คนดี
ฝนยังพรำสาย ในท่าม..*สวนสีขาว*
ริมสายน้ำโขง

สวนไม้ดอกที่มีแต่ดวงดอกสีขาว ขาว ขาว
ไม่ก็พราวนวล นวล นวลพร่าง
กลีบหวานบานสะพรั่งพรึบไปหมด

สวน...ที่มีลั่นทม แก้วแพรวดอกพร่างกระจ่างงาม
จำปีนวล พุดซ้อนอวลกลิ่น ระรินด้วยมะลินานาพรรณ
กับ  กุหลาบพันธุ์นอก 
โมกที่ยังสะพรั่งดอกค้อมดวงลงสู่ดิน



และอีกหลายๆขาว
ที่ระรินปลอบใจให้แสนไหวหวาม 
แวววาวพราวด้วยเกสรงาม

และ
ที่แสนทำให้โลกในนิยามคนเศร้าหนาวใจอย่างผม
ได้หยุดระทมทับชั่วคราวคือ
บึงบัวพราวด้วยดอกขาวล้วนล้วน


ที่เพื่อนผมเจตนาขุดเป็นบึงกว้าง
ให้ได้คลี่กลีบแย้มหวานไหวสล้างหลายไร่

ให้หอมชื่นใจ ในยามฝนพรำพรม 
ที่พรายอวลอบมากับสายลมในยามค่ำ
ที่ราวกับภาพฝันของจิตรกรเอกของโลก
.............



ฝนพรำสายหนักหน่วงขึ้น 
ให้ผมนอนมองดูรวงฝนด้วยเรียวฝันอันแสนบางเบา
ในเหงางามเงียบเฉียบเย็นรายรอบ

ผมเห็นสายฝน
ราวสายฝันสวรรค์พลีในนาทีนั้น
ราวดวงดอกน้ำค้างจากสวรรค์
จากฟ้ากว้างพร่างใสสด 
หยดแตะแต้มให้โลกหล้าได้แย้มยิ้มปรีเปรมด์เกษมสุข

ให้ลบโศกรานในทุกถิ่นฐาน 
ที่หว่านหวังเพาะพันธุ์ข้าวกล้า
ให้ หัวใจชาวนาไทยแสนเอิบงาม



ให้ดวงดอกไม้ได้คลี่กลีบแย้มบาน...
รอมวลหมู่ภู่ผึ้งภุมรินทร์

ให้ชาวดินได้มีน้ำมิสิ้นแล้ง 
ให้แรงน้ำค้างจากฟ้า..กรายพร่างลงณ..กลางใบบัว
กลอกกลิ้งพริ้งพราวราวหยาดเพชร
และ...



ทันทีนั้น 
พลันผมก็ตัดสินใจ 
ที่ใครๆอาจจะคิดว่าผมบ้า
ที่พยายามพายพาเรือมาดลำน้อย
ออกมาค่อยๆไกลจากฝั่งแลละลิบ
และ...
ลอยละลิ่วปลิวไปท่ามกลางสายฝนพรำ
ไปลอยลำในท่ามกลางบึงบัวอ้างว้าง


ที่ผมรู้สึกดีกับความหนาวเหน็บในยามนี้ 
ยามที่
แหงนเงยใบหน้าทายท้า
ชะตาทั้งกับพสุธาฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหมยมพญา

ให้สายฝนพรายพร่าพร่างพราวลงกราวกรายฝากเจ็บ

ให้ใจดวงหนาวเหน็บเจ็บร้าว
ราวได้ยินบทเพลง*เย้ยฟ้าท้าดิน*ขึ้นมาทันที



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song175.html
เย้ยฟ้าท้าดิน

ฟ้าหัวเราะเยาะข้า ชะตาหรือ
ดินนั้นถือ อภิสิทธิ์ ชีวิต ข้า
พรหมลิขิต ขีด เส้น เกณฑ์ชะตา
ฟ้า อินทร์ พรหม ยมพญา ข้า หรือเกรง
ฟ้า หัวเราะ เยาะเย้ย เหวยเหวยฟ้า
พสุธา อย่าครวญว่า ข้า ข่มเหง
เย้ย ทั้งฟ้า ท้าทั้งดิน สิ้น ยำเกรง
หรือใคร เก่ง เกิน ข้า ฟ้า ดินกลัว
ข้า ขอ ลิขิต ชีวิตข้าเอง ไม่เกรง ดิน ฟ้า
อีก พื้นพสุธา พญายม พรหมอินทร์ ทั่ว
ข้า กระทำ แต่กรรมดี มีหรือจะกลัว
มิใช่ใจชั่ว ลืม ตัว หลง ลำพอง
อัน สวรรค์ อยู่ในอก นรก นั่น หรือ
ข้า ก็ถือ อยู่ในใจ ไม่ หม่น หมอง
ละ การ ทำ ชั่ว ควรหรือจะกลัว นรก มั่นปอง
หาก ทำดี ฟ้าดินต้อง คุ้ม ครอง เอย...
......................


ผมรู้สึกชาชิน
จนความหนาวเหน็บเจ็บที่ไหนไม่ว่าร่างรานหรือใจร้าง
กลับชาเฉยไปกับความอ้างว้าง เปลี่ยวเหงา ลำพัง
ที่พังสิ้นแล้วทั้งหวังหวาน

ไปกับม่านฝน ม่านฝัน
ไร้ใครมาปันพลีหัวใจ มาคอยห่วงใยโอบเอื้อให้อ้อมอุ่นไอรัก

ผมตระหนัก..ในนาทีนั้น 
ถึงความหมดทุกข์ สิ้นทุกไฟฝัน
เหลือเพียงความว่าง อันคือ*ความหนาวนิรันดร์สำหรับผม*


ผม..นอนพาดตัวไปกับลำเรือ
เกลือกตัวไปมาราวสัตว์บาดเจ็บ 
ราวกับเด็กสิ้นไร้ อ้อมอกแม่
และ...
กับ....พรายพร่าแห่งสายฝนพรำ
ที่พาให้ผมร่ำไห้ อย่างมิอายฟ้าดิน...!!!!!!!
.........................................
.........................................





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html
อายฟ้าดิน

จะบอกรักใครก็อายฟ้าดิน
ความหวังพังสิ้น ทางรัก มืดมน
เกิด มา ร่างกายเท่านั้นเป็นคน
แต่หัวใจปี้ป่น โดนรักขยี้แหลกราญ
จะเอ่ยรักใครให้เอือมระอา
เมื่อไร้คุณค่า จนมิ ต้องการ
ตราบ จน สิ้นคนมั่นรักยืนนาน
ต้องทุกข์ทรมาน ร้าวราน ฤดี
ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้
ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี
ดวงฤดี มีแต่ ชอกช้ำเรื่อยมา
ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน
กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา
สู้ กลืน เก็บความชอกช้ำอุรา
ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน

ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้
ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี
ดวงฤดี มีแต่ ชอกช้ำเรื่อยมา
ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน
กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา
สู้ กลืน เก็บความชอกช้ำอุรา
ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน...



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
อาลัยรัก

ฉัน รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
ว่า สัก วัน ฉัน คง ถูกทอดทิ้ง
มินานเท่าไร แล้วเธอก็ไป
จากฉันจริงจริง
เธอ ทอด ทิ้ง ให้อาลัย อยู่กับความรัก
แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มา ตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ด เลือด และ น้ำตา

แม้ มี ปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะ ต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มาตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ดเลือด และน้ำตา... 
 



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด