30 พฤษภาคม 2549 09:55 น.

ทะเลภักดิ์..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song78.html
(หนาวตัก)


วันที่ฟ้าฉ่ำฝน...
นกเหล็กสีเงินผกโผผินบินอำลา
พาจิตวิญญาณดวงเสรีนับร้อย 
อำลาเมืองหลวงเมืองลวง
ให้..
พ้นบ่วงพันธนาทุกข์ธุระรัดร้อย ดั่งสร้อยโซ่กรรม
ที่ต่างจำทำหน้าที่ทั้งดีร้าย...หมายให้ลมหายใจ..ยังมี...
หรือ
บ้าง..ก็พลีพร้อมอุดมคติเพื่อมอบคืนให้แด่โลกใบนี้..
พบ..เพียงแค่คำว่า..*ดีกว่า..*


เธอ..คนดี..
นั่งนิ่งเงียบเหม่อมองแท่งสุสานหินเบื้องล่าง
ด้วยใจดวงอ้างว้างดายเดียวดวงเดิม
เพิ่มเพียงเที่ยวบินที่อาจจะมากขึ้นๆหากนับๆไป


ผู้โดยสารทั้งไทยเทศ 
เริ่มสาละวนกับอาหารว่างบนเครื่อง
ในขณะ..
ที่เธอเริ่มหยุดคิดทุกราวเรื่อง
ปล่อยจิตดวงอิสรา ให้ได้สัมผัสความว่าง..เหว่ว้าตรงหน้า
ใน..
รัศมีพร่างพราวแห่งสายแสงสุริยา 
ที่ฟ้ายังรำไรรำไร
ด้วยเรียวรุ้งเริ่มพุ่งพรายฉายฉาน
เผย...ม่านฟ้าให้งามไสวด้วยพลังอาทิตย์อุทัย 
มาคลี่แย้มแต้มเยือนหล้าอีกวัน..และอีกวัน

ทะเลเมฆ..แสนหวานปานสายไหม..ก็..พลัน..จรัส..
ราวสวรรค์ทิพยพิมาน..


เธอ..ยิ้มเศร้า หนาวใจนิดๆ
เมื่อคิดถึงธุระสำคัญที่กำลังต้องไปเผชิญ
เพราะ..
เที่ยวนี้เธอคงต้องเดินขึ้นเขาลงห้วย
นับเป็นหลายกิโลเมตร
จนกว่า..
จะเสร็จสิ้นภาระกิจการแผ้วถางสวนนับหลายสิบไร่...


ใกล้เข้ามาแล้ว..*แผ่นดินแม่ *
ที่เธอคนดีอยากพลีร่างทรุดตัวลงไปจูบดิน
*ดั่งพรานทะเล*
ผู้เร่ร่อนแรมร้างห่างฝั่งไปไกลแสน...แสนไกล
ดั่ง..
บทเพลงหวานแว่วแผ่วมาในความทรงจำ
อันแสนให้ความละมุนละเมียดใจ...
.............

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song34.html
เพลงพรานทะเล...

ชีวิตที่คร่ำ กลางน้ำเวียนวน
ลอยล่องกลางชลไม่พ้นทนไป
อยู่กับเรือเบื่อใจ ผองพรานทะเลเร่ไป
อยู่ห่างไกลกลางสายชล
มองน้ำตรงหน้า จรดฟ้าไกลไกล
ว้าเหว่ดวงใจไม่เห็นผู้คน
คลื่นและลม สู้ ทน ทุกข์ใจปานใดไม่บ่น
สู้แดดฝนลำบาก กาย
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่ง สักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดิน เข้า มา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนา แทบจูบดิน
อยู่หว่างทะเล นาน นาน
ท้องเรือเป็นบ้าน ท้องธารเรือนตาย
สิ้นชีพสิ้นชนม์ เคราะห์ร้าย
ศพฝังโดยง่าย ฝากเอาไว้ใต้ คงคา
เพียงเห็นริมฝั่งสักครั้งดีใจ
มาบกทีไรให้แสนปรีดา
ใกล้แผ่นดินเข้ามา
เหมือนมีวิมานตรงหน้า
ปลื้มหนักหนาแทบจูบดิน...



เธอ....ใช้มือแตะที่ริมฝีปากแผ่วผิว
ด้วยความรู้สึกอิ่มเอม
และ..
ส่งจูบอันแสนดำดื่มปลื้มปิติเกษม
ให้...
ลอยละลิ่วปลิวโปรยลงไปพรายพรม..บนผืนพสุธา
อย่าง..
รู้ค่ารู้กตเวทิตาต่อคำว่า
 *แผ่นดินแม่**ผืนดินเกิด*ที่ก่อกาย
ให้...
 ได้รับสิ่งแสนงามแสนประเสริฐ
*ราวสวรรค์มีตาฟ้ามีใจ*
ราว...
มหัศจรรย์รักปาฏิหารย์รอที่ยิ่งใหญ่
ที่ต้องใช้ใจดวงใสดวงให้ดวงงามเท่านั้น...ถึงจะได้มา..
สัจจะธรรม...
ที่จักคงดำรงอยู่ตราบชั่วฟ้า 


และ..
จักประทานให้ผองชนบนผืนหล้า
ได้หยุดคิด...
พินิจไตร่ตรอง รู้ครรลองครองร่างครองธรรม
ให้ได้คอยนำมา...
รินร่ำพร่ำบ่มห่มหอมให้ใจยิ่งแสนนวลแสนว่าง
พบความกระจ่างในดวงจิต
ที่จักสถิต..*ดั่งแก้วมณี*
ที่มิมีวันจะแตกดับไปตราบชั่วนิจนิรันดร์.....


เธอ...คิดถึง..ใครบางคนในกมลนึก 
คนที่มิใช่รู้สึก...สวาทหวามเสน่หา
หากทว่า..
มากไปกว่านั้น คือ..ความสัมพันธ์ในรักอันแสนพิสุทธิ์ใส
ที่..
บริสุทธิ์เกินกว่าที่ใครจะหยั่งถึงหรือเข้าใจ
นอกเสียจาก..
ระหว่างใจต่อใจ ของคนสองคน


ที่มี..
นวลเนื้อกมลพอกัน 
ราวเป็นคู่บุญคู่ธรรม
เคยพบพานพิสวาทกันมาทุกภพทุกชาติไป...
มาตรแม้น..
ในวันนี้ ...จะไม่มีกายนอกเคียง
หากจิตก็ดั่งหลอมเป็นเพียงหนึ่งเดียว..
มิมีวันเปล่าเปลี่ยว
ด้วย..
*พลังแห่งปิติในรักนี้*..
ที่จักคงดำรงเป็น..*ดั่งรักนิรันดร์....*


และ..
หากสวรรค์มีตา
ใน..
ท่ามทะเลกว้างว้างเวิ้ง*น้ำจรดฟ้า*
จะเห็นร่างหนึ่งในชุดสีขาว..สะอาดตา
ยืนนิ่งงันฝันงาม..
ปล่อยให้..
สายลมพัดพร่างพาผมยาวสยายคล้ายแพรไหม
พัดปลิวไปทางเบื้องหลัง..
อย่าง...สิ้นไร้พันธนาใด..พันธนาใจ

ปล่อยให้...
ริ้วคลื่นแตกฝอยกระสานซ่านเซ็น
รายรอบเรือเร็วลำน้อยเฝ้าคอยซัดสาดเห่กล่อม 
และ..
กำลังค่อยๆพาร่างเธอ..ให้เข้าใกล้ฝั่งฝัน
*สวรรค์วิมานลอยวิมานวนาเข้าไปทุกทีๆ..*

น้ำตาเริ่มถะถั่งละหลั่งรินมิสิ้นสาย
ราวสายฝนพรำ ณ ภายในห้องใจ 
ที่ยากยิ่งที่ผู้ใดจักแลเห็น..


และ..
จักเป็นเฉกเช่นนี้ ..
ตราบจนกว่า...
ร่างเธอคนดี จักเหลือเพียงเถ้าธุลีกลับมา


และ...
มาตรจะสิ้นไร้น้ำตาแม้นใครสักคน..
รอหลั่งรินสังเวยแด่เธอ

เธอ ก็คงเมินเฉย ไม่รับรู้ 
ไร้ห่วงหา..ฤารอท่า..อาวรณ์ผู้ใด
คงปล่อยจิตดวงว่างดวงกระจ่างใส
ให้เหิรบินดั่งนกไพร
ดั่งดวงอัญมณีไพร
ให้...
แนบสนิทสถิตทอดไป...
ใน...*อ้อมกอดแห่งทะเลภักดิ์*...ไปตราบชั่วกาล...!
....................................................



รอติดตามตอนต่อไปค่ะ*จูบดิน*



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song78.html
(หนาวตัก)

ทะเล งาม ยามดึกดื่น
ฮึมเหมือนคลื่น หลับ
แสงเดือน จับ เจิดนภา เวหา หาว
นั่งเรือ น้อย เคลื่อนคล้อย ใต้แสงดาว
พร่าง น้ำพราว ผ่องเพชรเกล็ด นที
ดู ซิดู ใคร สอน ให้นอนหนุน ตัก
ซุก ซนนัก ไม่ กลัวน้อง จะหมองศรี
หนาว ตัก หนัก จิต ดรร-ชนี
หาก นาวี อรุโณทัย ไม่กลับคืน

ดู ซิดู ใคร สอน ให้นอนหนุน ตัก
ซุก ซนนัก ไม่ กลัวน้อง จะหมองศรี
หนาว ตัก หนัก จิต ดรร-ชนี
หาก นาวี อรุโณทัย ไม่กลับคืน.
				
22 พฤษภาคม 2549 20:54 น.

ช้ำ..นวล..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
(อาลัยรัก)


ซุกร่างนิ่งหน้าแนบหมอนนอนฝากขวัญ
สิ้นไร้จันทร์ดวงงามท่ามคืนนี้
แสนดายเดียวเดียวดายนะคนดี
โลกดูราวสีน้ำเงินมืดหม่นมัว

เสมือนนกนางนวลผกโผผินบินไร้รัง
สิ้นไร้หวังหวานใดในม่านหมอกสลัว
ปีกอ่อนล้าพายุกล้าช่างน่ากลัว
เลือดแดงทั่วเจ็บร้าวหนาวเยียบเย็น

ปีกเจ้าหักบาดแผลรักยากรักษา
หวังโลกหล้าฟ้าดินคงมองเห็น
ให้เจ้าตายไกลอ้อมตักคนเลือดเย็น
บินหลีกเร้นร่วงคว้างอย่างดายเดียว

ไม่มีน้ำตาหลั่งรินชินและชา
อย่างช้าช้าปิดเปลือกตาลาโลกเปลี่ยว
ยิ้มอำลาพสุธาและรวงเรียว
เคยกอดเกี่ยวณ..กลางใจไพรมายา

วิมานวนาเป็นเพียงวิมานฝัน
ราวสวรรค์เกินเอื้อมเฝ้าไขว่คว้า
แท้โลกนี้มีเพียงเศร้าทุกข์น้ำตา
ปรารถนาใดเล่าเจ้านางนวล...

ดายเดียวเดียวดายไร้และร้าง
ชีพควะคว้างอย่างช้าช้าฟ้ากำสรวล
เลือดเกรอะกรังละหลั่งรินสิ้นใจนวล
รอ....ลมหวนทวนกลับมาก็...ช้าเกิน..!


...............................




เจ้านกไพรในใจนวล

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song219.html
(เดือนต่ำดาวตก)


นวล..รอนกไพรกลับมาซุกปีกซบใจ นานเนิ่นเกินนับราวชั่วกัปป์กัลป์
ปี..เดือน..วัน ฝันพรายพลัด..ให้พรากจาก..มิพบเจอ

วันนี้!..นกไพรนกในใจนวล คืนคอนรอนแรม..คืนรังเก่า..

หัวใจนวล...พลัน...!..สุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์

นกไพรในใจนวลยืนอยู่นั่น!...ตรงหน้านวลนี่แล้ว
ใต้ร่มไม้ใต้เงาดาวใต้แสงจันทร์


นวลก้าวพลันออกมาจากเงามืดริมชานเรือน 
ท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญอาบพร่างร่างนวลละมุนหวาน..

เรียวตาสีสนิมเศร้า ร้าวรานจ้องจับนวลอย่างไม่เชื่อสายตา
ราวกับว่านวลคือนางไพรนางในฝันพลันโผล่มาจากสวรรค์สรวง..

นวลยิ้มรับหวานเศร้า แลเห็นพราวน้ำนัยน์ตาเขาวะวาววับ
เสียงเขาครางราวกับ...หวนไห้โหยหา ใครสักคน.


และใช่!..เลย
นวลรู้ดี..ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ 
รอยพิสวาส
ที่..เขาฝากไว้กับนวล มิมีวันจะลาเลือนลอยลับ..
ดั่ง..
ดวงดาว..ที่จักทอแสงสกาว..ประดับฟากฟ้ายามราตรี
และ..
นวลก็ซึ้งดีว่า..
ในทุกนาทีแห่งโลกหมุน..
หาก..
เขาดายเดียวไร้ใครเหลียวแล..ปลอบประโลม
เขาก็จะยังมี..นวลคนนี้ 
ที่ยินดีจะเคียงข้างมิร้างรา..แรมไกล
ที่จะเป็น..
ดั่งนางฟ้านางใจ
ดั่ง..ดาวไสว..รอนำทาง..ให้พ้นมืดมน.


นวล..ยังคงจำ...รอยรักรอยพิสวาส บาดใจ..มาเนิ่นนานปี
กับ..
ราตรีที่ผันผ่าน นานมาลาเลย
เป็น..
รอยรักรอยใจรอยอดีต
ที่คิดคราใดก็หวามไหวมิรู้เสื่อมสลายคลายมนต์..

คืนที่ฟ้าเบื้องบน..เฝ้ารับรู้เห็นเป็นพยานใจ 
พ่อแม่ญาติมิตรพี่น้องพลอยยินดีปรีดา
ต่างพากัน 
มาร่วมหลั่งน้ำสังข์..สวมมงคลคู่
ให้คล้องสายใยรัก..สายไยภักดิ์พิสวาท
รวมเป็นหนึ่งเดียว..ชั่วกาลนานนิรันดร์

คืนที่..
ฟ้าปรานี..
คืนที่...
ฟ้าแสนหวานแสนงาม
ให้นกไพรซุกซบกับอ้อมอกอ้อมใจนวลไปตราบชั่วกาล
ใน..
คืนหวานในคืนเพ็ญเด่นดวงอย่างเช่นค่ำคืนนี้..


ณ..คืนนั้น..
ที่เขาคนดีเป่าขลุ่ยเพลงเดือนเพ็ญ
พร่ำพลอดออดอ้อนพะเน้าพะนอรัก
เคล้าไปกับหวานซึ้งของโมกกอ 
กับ...หอมละออของดงดอกราตรีริมชานเรือน
กับ..ลำดวนดงส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจาย 
กับ..พรายพระจันทร์หวานหยาดสายไล้โลมร่างงาม
กับ...เงาไม้ล้อลมระริกไหว
กับ...กอไผ่ซัดส่ายซอนเซาะซอกแซก 
แหวกหวานหว่านมนต์ดนตรีธรรมชาติ


เสียงดุเหว่าแว่วมาพาให้หัวใจละมุน 
เขาคนดี..ค่อยๆคลึงเคล้าเล้าโลม
จูบแผ่วผิวริมเรียวแก้มปากคอคาง
อย่าง..แสนรักใคร่แสนทะนุถนอมแม่ยอดดวงใจ
ที่...
เขาคอยพร่ำเพ้อรำพัน
อยากกกกอดทั้งวัน
มิผันแปรร่างห่างเจ้านวลหอมหอมแห่งแม่จอมขวัญจอมใจ


ท่าม...
ดาวพราย ดวงดอกไม้เริ่มขยายกลีบละออ
รอน้ำค้างพร่างรับอุษาสาง
แสงจันทราทอทอดลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกแก้ว..
มุ้งม่านพลิ้วไหว ...
แสงตะเกียงริบหรี่ส่องรำไร สู่ร่างนวลละออ งามล้ำ
เขา....เฝ้าแต่พร่ำบรรเลงบทเพลงรัก
ตราบจน...
อุษาฟ้าสางจนอรุณเรื่อราง..สว่างหอมน้ำค้างไพรน้ำค้างรัก



เป็นความรัก..ความงดงาม หมดจดใจ 
จากเนื้อนวล นวลเนื้อ นวลใจ
นวลนางกลางไพร ที่พิลาสพิไลพิสุทธิ์ผุดผ่อง 
ดั่ง..
น้ำค้างไพรกลางกลีบเกสรดอกไม้แห่งรัก
ภักดีพลีพร้อมหลอมรวมร่างใจและจิตวิญญาณ
ที่..
ผ่านเพาะเพียรบ่มอดทนการรู้ค่ารักค่ารอ 
อย่างหญิงดีมีค่า ให้สมกับคำล้ำค่าคำว่ากุลสตรีไทย 
ที่..
เกิดมากับพงไพร ฟ้าใส ดาวสวย
ในชนบทงาม ที่รักแล้วต้องรู้รอวันหวาน
ด้วยการรักษาร่างรักษารักภักดี
ให้..
ผ่านพิธีวิวาห์สืบทอด
รักษาวัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมรัก
จัก..
ธำรงงามดำรงอยู่รู้ค่ารักหนักแน่นมั่นคง
รู้สัตย์ซื่อถือตรงในชายเดียวหญิงเดียว...


และ..
ไม่นานกับวันปีผันผ่านกับกาลเวลาแห่งคืนหวานหอม
ใครจะรู้..
ชะตา ฟ้า ดิน นรกฤาสวรรค์พลันดลบันดาล..

หัวใจลูกผู้ชายคนดีคนแกร่งคนเก่งคนกล้าเกินกว่าใคร
จำต้องเลือกตัดสินใจลาจาก
ด้วยเงื่อนไข งานดีเงินงาม
สู่...
เมืองแสงสีศิวิไลซ์ 
สู่ความซับซ้อนใจสับสนอลวนอลเวงแห่งเมืองลวง
เมือง...
แห่งแสงสี ที่ต้องสู้ที่มีทั้งคนดีคนชั่ว
คละเคล้าเกลือกกลั้วกันทั่วไปทุกสังคมเมืองใหญ่..


แสงสีที่เขาเคยเกลียดชัง..
นกไพรจำจากรวงรักแห่งรัก รอนแรม
ไร้ร้าง อ้างว้างเปลี่ยวเหงาดายเดียว 
ทิ้งนวล..ราวข้าวรอเคียวเกี่ยวเก็บกับแม่พ่อที่ท้องทุ่งรวงทอง
นองน้ำตารอรอและรอ...

เพื่อรัก เพื่อความหวัง เพื่อ..จะมีเงินกลับมาพลิกฟื้นผืนดิน 
หมดหนี้สิ้นหมดภาระผูกพัน..ตามหน้าที่...
เยี่ยงคำว่าลูกผู้ชายชาติไพร..ชาติเชื้อทรนง..
ที่..
คงพร้อมพลียินดีเสียสละ..ให้ผู้เป็นที่รัก
ที่ฝากความภักดิ์ความฝันความหวังไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว!


นกไพร..ใจอ่อนล้า 
ร่างกายผ่ายผอมตรอมตรมใจ
ในกรุงกรง...หลงทำงาน
ให้ลืมวันลืมคืนเหมือนอยากหลับมิรู้ตื่น
ฝืนเผชิญฝันร้ายฝันเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงาลำพัง..

กระทั่งวันนี้...
วันที่..
นกไพร ตัดสินใจคืนคอน 
จบละครโลกย์บทโศกแสนสะเทือน
ฝาก..
คำเตือนสอนใจฝากตำนานไพรแด่คนสู้มิรู้ถอย
คอยเวลาด้วยความอดทนเพียรพยายาม..
รอเวลา..
กลับสู่เรือนชานรวงรังแห่งรัก
ที่มีอ้อมตักแม่นวลละออแม่ยอดยาใจเพียงหนึ่งเดียวในชีวี..


นกไพร..ดำรงร่าง
ทำหน้าที่ลูกผู้ชายได้อย่าสมภาคภูมิ
บนเวทีแห่งเกียรติยศ 
หวัง
ฝากผลงานงามให้ปรากฏเกริกไกร
รับรางวัลใหญ่บนเวทีระดับชาติ 
จากพรสวรรค์บวกพรแสวง
สู่..
เส้นทางงามเส้นทางสายฝัน
ด้วยความขยันอดทนเพาะเพียรบ่ม
ด้วยเลือดรักนักสู้
เป็น..
ดั่งตำนานใจตำนานไพรไปชั่วกาล..


และ...
นกไพรได้ปิดฉากชีวิตอันยิ่งใหญ่
อย่าง..งดงามตระการตาตระการใจ
ฝากชื่อลือค่าไว้กับผืนดิน 
ฝาก..
ร้อยรจนาบทถวิลเป็นธรรมทาน
หว่านโปรยสู่ดวงใจผองชนผู้ทุกข์ทนยากผู้สิ้นไร้หวัง

ให้หาญกล้าทายท้าเผชิญโลก
อย่างผู้รู้ตน ผู้รู้รักรู้ธรรมนำมาเกื้อกมลเกื้อโลกละมุน.. 


ลดเร่าร้อนรุนแรงทุกแห่งหนในโลกหล้า..
ดั่งสายธาราดับแล้งทุกแห่งหนทุกผืนดินพร่างพรม
ห่มด้วยความรัก
น้ำใจอภัยเมตตากันและกันฉันท์น้องพี่
เพื่อนร่วมโลกแบ่งโศกปันสุขรวมโลกนี้เป็นหนึ่งเดียว




นกไพร..เจ้านกไพร..
น้ำตาปิติ..จากใจดวงงาม  กำลังพร่างสายรินไหล
หอมละเมียดหอมละไม
หลอมละลายไปกับรอยจูบดื่มด่ำกับเรียวแก้มนวล!
...........................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
อาลัยรัก

ฉัน รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
ว่า สัก วัน ฉัน คง ถูกทอดทิ้ง
มินานเท่าไร แล้วเธอก็ไป
จากฉันจริงจริง
เธอ ทอด ทิ้ง ให้อาลัย อยู่กับความรัก
แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มา ตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ด เลือด และ น้ำตา

แม้ มี ปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะ ต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มาตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ดเลือด และน้ำตา.
				
21 พฤษภาคม 2549 08:34 น.

นิยายมายา..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song112.html
(หัวใจสลาย)


หากปรียบหัวใจเป็นดั่งแก้ว
ก็แหลกแล้วดั่งธุลีในวันนี้
ยากประสานรอยร้าวให้คืนดี
เจ็บหนนี้สุดท้ายได้บทเรียน

ต่างความคิดต่างจิตต่างเหตุผล
แล้วไยทนฝืนรอคืนวันเปลี่ยน
หันหลังลาตราบชีวาเลิกวนเวียน
บทแนบเนียนละคอนโลกย์โศกมายา

เดือนและปีใช่พันผูกปลูกกอรัก
ถอนรากภักดิ์รดน้ำพิษให้สะสา
อย่าให้เหลือเยื่อใยในเวลา
ดีเสียกว่าทนกันไปใจไม่จริง

ไร้จริงใจเปิดเผยดั่งมิ่งมิตร
จะถูกผิดคิดเมตตารู้วางนิ่ง
หากค้นหาเหตุผลในทุกสิ่ง
เหนือกว่าจริงคือสิ่งน่าสงสารเวทนา

เพราะดั่งเงาเหงางามนิยามภักดิ์
ถึงแน่นหนักมั่นคงดั่งภูผา
หากหวั่นไหวมากมายในวิญญาญ์
กับเวลาในโลกจริงห่างกันไกล

อย่าคาดหวังสั่งสอนฉันใช่นางเอก
มิอาจเสกสมบูรณ์แบบด้วยหวั่นไหว
มีเพียงศรัทธารักให้สิ้นหมดทั้งใจ
ในเป็นไปบางครั้งพลั้งพลาดคิด

ถึงบทสุดท้ายนิยายมายา
ทั้งโลกนี้โลกหน้าอย่าตามติด
สวดมนต์คว่ำขันเส้นขนานชั่วชีวิต
ยอมทนพิษบาดแผลใจในรอยจำ...
ไม่.....
คร่ำครวญ...ไม่ครางครวญ..!
.........................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song112.html

ดัง แก้วบาง เขา ทุบ ทิ้ง แตก
ใจ ฉันแหลก เพราะน้ำมือเธอ
ปวด ช้ำ คร่ำครวญ พร่ำเพ้อ
เคย ไหมเธอ จะเหลือบเหลียวมา
คำ ทุกคำ ล้วน ซ้ำ หยาม เหยียด
คำ รังเกียจนั้นเหลือระอา
เทอด ทูนเธอ ดั่งเจ้า ชีวา
ไย ถึงฆ่า ฉันลง
คงเป็นสุขอุรา ที่สม ดัง ใจ
ลวงคนให้คลั่งไคล้ เหมือนนก เพลิน กรง
เธอช่างฆาตกรรม ได้แสน บรรจง
เกินดวงจิตพะวง ไหว ทัน
ดั่ง เหมือนถูก ทับ ไว้ ใต้ โลก
น้ำ ตาตกทุกค่ำคืนวัน
สุด โทษใคร ให้คน ขบขัน
ใจ ฉันมัน ง่าย เอง

คงเป็นสุขอุรา ที่สม ดังใจ
ลวงคนให้คลั่งไคล้ เหมือนนก เพลิน กรง
เธอช่างฆาตกรรม ได้แสน บรรจง
เกินดวงจิตพะวง ไหว ทัน
ดัง เหมือนถูก ทับ ไว้ ใต้ โลก
น้ำ ตาตกทุกค่ำคืนวัน
สุด โทษใคร ให้คน ขบขัน
ใจฉันมัน ง่าย เอง... 
 
  

				
19 พฤษภาคม 2549 21:10 น.

ลองรัก..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2281.html
(ลองรัก)


ปูเสื่อนอนใต้ร่มดอกลั่นทม
ดูพรายพรมเมฆนวลชวนให้ฝัน
หลับตานิ่งทิ้งทุกสิ่งท่ามคืนวัน
มหัศจรรย์รักนี้ที่เฝ้ารอ

ยอดดวงหฤทัยมาทายทัก
มาฝากภักดิ์พิมพ์ใจหรือไรหนอ
ฤาเพียงแค่มาปลอบขวัญผ่านวันท้อ
ฤาแค่ขอมาชิดใกล้คล้ายดั่งเงา

ในราตรีที่ดายเดียวของเราสอง
ไร้ใครปองไร้สิ้นรักแสนเงียบเหงา
โลกเสน่หาลาลับดับนานเนา
หากไยเราได้พบกันเพื่อฝันดี

และ..
จะเป็นเช่นเฉกนี้นานเท่าไร..
กลัว..หัวใจหวั่นหวามอยากถอยหนี
ละล้าละลัง...กลัว..รักภิณฑ์พัง..ดั่งธุลี
เรา..จะ..หนี..หรือ..จะ..ลอง..รัก..ดูสักครั้ง..!
.......................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2281.html
ลองรัก ....จันทนีย์ อุนากูล 

ยอม ฉันยอมเจ็บปวด 
ยอม ร้าวรวดอุรา
ยอม แม้รักจะพา
ไป เข่นฆ่า เย้ยหยันเล่น
อยากลองรัก ดูสักหน่อย
จะปล่อยให้ช้ำ ก็จำต้องเป็น
จะสุขหรือทุกข์ยากแค้นลำเค็ญ
จะลองให้เห็น รักเป็นฉันใด
เห็น โลกมาแล้วช่วงหนึ่ง
ต้องมองให้ซึ้งถึงช่วงต่อไป
ล้ม ลุก คลุกคลานเท่าใด
จะเรียนไว้สอนใจตัวเอง
ยอม ฉันยอมเจ็บปวด 
ยอม ร้าวรวดอุรา
ยอม แม้รักจะพา
ไป เข่นฆ่า เย้ยหยันเล่น
อยากลองรักดูสักหน่อย
จะปล่อยให้ช้ำก็จำต้องเป็น
จะสุขหรือทุกข์ยากแค้นลำเค็ญ
จะลองให้เห็น รักเป็นฉันใด
แม้เธอเมตตาปราณี
จะวอนคนดีนี้ด้วยบทเพลง
สงสารคนอ้างว้างวังเวง
อย่าข่มเหงหัวใจซ้ำเลย

อยากลองรัก ดูสักหน่อย
จะปล่อยให้ช้ำก็จำต้องเป็น
จะสุขหรือทุกข์ยากแค้นลำเค็ญ
จะลองให้เห็น รักเป็นฉันใด
เห็น โลกมาแล้วช่วงหนึ่ง
ต้องมองให้ซึ้งถึงช่วงต่อไป
ล้ม ลุกคลุกคลานเท่าใด
จะเรียนไว้สอนใจตัวเอง
แม้ เธอเมตตาปราณี
จะวอนคนดีนี้ด้วยบทเพลง
สงสารคนอ้างว้างวังเวง
อย่า ข่ม เหง หัว ใจ ซ้ำ เลย... 
 
  

				
18 พฤษภาคม 2549 13:32 น.

ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4437.html
(ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ)


ไม่มีสวรรค์ให้ฝันเพ้อละเมอหมาย
เมื่อสิ้นไร้น้ำใจไมตรีฝัน
ไม่มีวันบรรจบพบกันตราบนิรันดร์
ไม่มีขวัญไม่มีหวานรานร้าวนัก

ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณในวันนี้
สิ้นภักดีสิ้นเข้าใจแล้วที่รัก
ดั่งดวงแก้วเธอขยี้แล้วหมดสิ้นภักดิ์
เหน็บหนาวนักดั่งธุลีใต้ฝ่าเท้าราวทาสเธอ

ไร้สวรรค์หวานปานวิมานระหว่างเรา
เหลือเพียงเหงาอ้างว้างไร้คำเพ้อ
มิละเมอหลงทางหวังพบเจอ
มิรอเก้อสวดน้ำคว่ำขันสวรรค์วาย

ไม่มีสวรรค์ในราตรีที่เคยอ้อน
ที่เคยวอนคล้ายทาสสวาทหมาย
ให้คุกเข่าครวญคร่ำน้ำตาพราย
อย่าได้หมาย..*สวรรค์หวน...ทวนย้อนคืน..!
......................





บันดาลใจจาก
*บทเพลง*ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ*
(ขอให้เปิดดังๆจนให้คนข้างบ้านเขวี้ยงรองเท้ามาได้
จะยิ่งดีจะยิ่งมีอรรถรสในการอ่านค่ะ
หากหัวไม่แตกเสียก่อนนะคะอิอิ)

และ..ขอ
รจนาพลี...
ให้อ่านเอามันส์ทางอารมณ์
 (หนีความเป็นว่าที่แม่ชี..ที่มีคนค่อนว่าพุดพัดชารจนาได้แนวเดียว)

และ..
สำหรับ..
ทุกดวงใจที่จม..ขมอยู่ในทะเลน้ำตา
ทะเลโลกย์..ทะเลโศก  แสนโศกา
หาทางออกมิพบเจอ *สวรรค์แล้วค่ะ*


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4437.html

ไม่มีสวรรค์ สำหรับคุณ
สำหรับคุณสวรรค์ไม่มี
มีแต่เพลิงในอเวจี
มีแต่ไฟเผาไหม้ฤดี
มีแต่นรกหมกกาย
เคลือบเอาความหวาน
ลิ้นหลอกลวง
ลิ้นหลอกลวงจนหลงเล่ห์ชาย
คนอย่างคุณควรจะต้องตาย
คนอย่างคุณไร้สิ้นความอาย
คุณช่างเลวร้ายเหลือทน
ไม่เวทนา น้ำตาของลูกผู้หญิง
คุณเห็นเป็นสิ่ง
ต่ำต้อยน้อยค่าของคน
คนอย่างคุณนี้
ควรขยี้เสียให้ปี้ป่น
จงอยู่ใต้ผืนแผ่นสกล
ตายหมดทุกคน เสียนั่นแหละดี
ไม่มีสวรรค์ สำหรับคุณ
สำหรับคุณสวรรค์ไม่มี
มีแต่เพลิงในอเวจี
มีแต่ไฟเผาไหม้ฤดี
คนอย่างคุณนี้ต้องตาย

ไม่เวทนา
น้ำตาของลูกผู้หญิง
คุณเห็นเป็นสิ่ง
ต่ำต้อยน้อยค่าของคน
คนอย่างคุณนี้
ควรขยี้เสียให้ปี้ป่น
จงอยู่ใต้ผืนแผ่นสกล
ตายหมดทุกคนเสียนั่นแหละดี
ไม่มีสวรรค์ สำหรับคุณ
สำหรับคุณสวรรค์ไม่มี
มีแต่เพลิงในอเวจี
มีแต่ไฟเผาไหม้ฤดี
คนอย่างคุณนี้ต้องตาย... 
 
  



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด