31 ธันวาคม 2548 06:46 น.

เหนือมณี..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
คนเดียวในดวงใจ
...............


ลมหอมหอบพัดมาจากแดนสรวง
พัดพราวรวงทองใจยิ่งไหวหวาน
ปลอบขวัญหล้ารับภิรมย์แจ่มตระการ
พุดซ้อนหวานบานเหนือโลกย์โศกมายา

แว่วเสียงนกไพรจากผาเทิบเอิบอิ่มจิต
ดั่งน้ำทิพย์พร่ำรินสายธารป่า
ติดปีกขวัญอันแสนงามอิสรา
ประดับฟ้าประดับใจแจ่มจรัส

ลมหวานหวานล่องผ่านนทีทองธารสวรรค์
แล้วฝ่าดั้นเนินไพรสสงบสงัด
สู่วิมานลอยวิมานวนาป่ารกชัฎ
ดั่งเพชรรัตน์คล้องดวงหฤทัยไปตราบกาล

เป็นสร้อยใจสร้อยธรรมจากเทวา
ของขวัญฟ้าประทานผ่านทิพย์สถาน
พลังรักโอบโลกภักดิ์ผลิตระการ
ดั่งดอกไม้หวานมาร่ายมนต์มาดลดวง

ดุจน้ำคำล้ำค่าวารีทอง
ระรินล่องลบโลกโศกสิ้นหวง
หว่านน้ำใจใสพิสุทธิ์จากบึงทรวง
มารินร่วงกลางกลีบใจเพชรน้ำค้าง

เพชรน้ำค้างกลางกลีบบัวราวอัญมณีพฤกษ์
ตกผลึกดั่งหยาดแก้วแพรวพริ้งพร่าง
รออุษาทองไสวส่องยามเรื่อราง
มลายสู่นภางค์ไร้ยึดมั่นฝันถึงใด

ปลอบแมกไม้คล้ายหยาดฝนในวันหนึ่ง
พลีความซึ้งใสหวานสนานสมัย
ให้ดวงดอกไม้ป่าคลี่แย้มบานประดับใจ
ประดับไพรวัฎฎโลกลืมโศกสราญ

ดั่งน้ำตานางฟ้าหลั่งมิสิ้น
ถึงนวลดินนวลใจสวยใสหวาน
เทพีไพรเทพีข้าวยิ้มเบิกบาน
เลี้ยงอุทรจากสายธารน้ำนมทิพย์

ผลิเรียวรวงระย้าย้อยดั่งทองทา
รอข้าวกล้าคมเคียวเกี่ยวจากจิต
สวรรค์หล้าชาวนาทองนิรมิต
จากน้ำทิพย์น้ำใจไทนที

ปลามากมายว่ายวนรอรวงพราก
ดับเกิดฝากครรลองตามวิถี
สัจจะธรรมอันเที่ยงแท้ภูมิชีวี
กี่พันปีไม่มีวันอันตรธาน

หากรู้รักษ์รู้ภักดิ์พลีชีวิต
มีน้ำจิตมีน้ำใจสวยใสหวาน
พร่างพลีพรมดั่งพรขวัญนิรันดร์กาล
พรหมสถานวิมานไหนหนึ่งในทรวง

ดอกไม้เพชรบานกระจ่างสว่างไสว
ดอกไม้ใจดอกไม้จิตพร้อมลาล่วง
มิแตกดับนับอนันตกาลอัญมณีดวง
ถึงลาล่วงเหนือพรหมโลกโศกสิ้นแล้ว..!
.............




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html

เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบ อุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม

คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบอุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม... 
 
  


				
30 ธันวาคม 2548 11:43 น.

ปริมปรารถนา..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4603.html
หัวใจถวายวัด
..............


ปริม..
กำลังนอนฟังเพลง
*lonesom town* ...ในวันนี้
เพราะ..
ยังไม่มีที่ไป 
ยังไม่ได้ตัดสินใจ ..ที่จะไปไหนสักที่
ไปส่งท้ายวันสิ้นปี
ไปเฉลิมฉลองวันดีพลีใจรับขวัญวันปีใหม่


ที่ใครใครคนคนคน
หลากหลายผู้คนนับพันๆล้าน
กำลังสาละวนอยู่กับงานเลี้ยง
ที่..กำลังรอ
จะสนุกสนานสำเริงสำราญกันสุดเหวี่ยง
รอวันเถลิงศกศักราชใหม่


ในวันวาดวนมา
ให้พบพานหวังหวานฤารานโศก
เป็นวงวัฎฎโลกเป็นวันใหม่
ที่..
นานๆวันไป...
นานๆเดือนไป...ก็จักกลายเป็นเก่า
เหมือนชีวิตเรา ที่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย

และ...
ไม่นานก็ต้องแบมือ...
วางร่างไว้..
อย่างปล่อยวางอย่างไร้ยึดมั่นถือมั่น
ไร้สิ้นฝันใด ไฟใด
ที่..
จะมอดดับลับลาไป ไม่มีโอกาส
แม้นอยากปันพลีที่ยังปรารถนา
จะคืนดีคืนงามใด  แด่ใครแด่โลก
เพื่อลบโศกเพิ่มสุข
ให้หมดสิ้นทุกข์ ..อีกต่อไป


ฉะนั้น...
เมื่อยังมีวันคืนมาให้ชื่นให้ฉ่ำ
มาระร่ำริน
มารับกลิ่นดวงดอกไม้ไพรดอกไม้ป่า
ยัง...พอมีวันเวลา
มีลมหายใจ
ให้ตื่นฟื้นมารับชื่นอวลอากาศบริสุทธิ์ใส
มีวันหยุดยาวไปหลายวัน..


ก็..
น่าจะพลันขอโบกมือลาล่วง
อย่างสิ้นห่วงใจ ห่วงใด
ลาไกลไปจากเมืองลวง เมืองหลวง สักสองสามวัน
แล้ว..
ค่อยๆผันร่างคืนกลับมาทนรับกรรม 
รับระกำจำทนเป็นปลาผิดน้ำว่ายวนวิบาก
ลากสังขาร ทำงานในกรุงกรงห้องแอร์แพ้มนต์เมือง
ที่มิประเทืองประทับใจอีกต่อไป


ปริม..จึงกำลังจะตัดสินใจ
หิ้วกระเป๋าก้าวเดินออกไป*แสวงหาโลกไพร*
ท้องทุ่งนาฟ้าเกษมใส
แสนไสวพร่างกระจ่างแจ่ม
ที่ไหนสักแห่ง...
ในผืนดินทองแผ่นดินไทยนี้


ที่..
ยังคงมากมีธรรมชาติสิ่งงดงามมากมาย
ให้เราได้ใช้ชีวิตจิตวิญญาณ
ไปสัมผัสค้นหา...ไปทอดสายตาพักใจ
ไปสัมผัสความงามยิ่งใหญ่
ให้สมค่า
กับ
ที่ได้เกิดมาในแผ่นดินทองอันแสนผ่องผุด
สุดอุดมด้วยทรัพย์ในดินสินในน้ำ


เพราะปวงเราต่างมีกรรม
ที่จำต้องทิ้งถิ่นเรียวรวง
มีบ่วงวิบากห่วงปากท้อง
มีกรรมต้องทนทำหน้าที่


ซึ่ง..
บางทีแต่ละดวงชีวี
ก็ต่างมีเหตุผลองค์ประกอบมากมาย
ให้หันมาตะเกียกตะกายไขว่คว้า
*หาหินแทนดาว*
มา..
ใช้ชีวิตแบบมิชอบมิรัก..
คล้ายเป็นกรรมเก่านัก
ที่เราจำจักต้องทนชดใช้ ...


แม้น..
ดวงใจจะรักชีวีวีถิอิสรา..ไร้พันธนากิเลสใด
ไม่ชอบการแข่งขัน แย่งชิงวิ่งหัวซุกหัวซุน 
ต้องมาหมุนหาเงินตัวเป็นเกลียว
อยู่ในเมืองเปลี่ยวกรง
ใน..
วังวน แห่งโลกมายาวัตถุ 
ราวกับต้องทนสู้หมดหนทางไป


ชีวีปริม...
เองก็เช่นเฉกเดียวกัน
ได้แต่ฝันมาจนถึงวันนี้
ทั้งๆที่พระเบื้องบนได้ประทานพร
ให้หัวใจดวงอรชร
มีทรัพย์ในดินพลีสิ้นล้ำค่านับมากกว่าแสน
ก็..
ยังต้องทนแขวนชีวิตสถิตเบื่อเพื่อหน้าที่


จำทนอยู่ในแดนเมืองที่เรืองรุ่งนี้
หากมิใช่ที่ที่ปราถนา 
มิใช่...
ให้งามพราวราวรัศมีรุ้งจรัสจ้าภายในดวงใจ
อันเป็นดวงใจ...
ที่จัก..
พาพบสุขสงบเงียบเรียบง่ายได้ชิดใกล้ธรรมชาติ
ได้ทิ้งทอดถอดใจ
ให้พบเพียงห้วยหนองลำคลองใสลำธารใส
ในท้องทุ่งนาป่าเขาลำเนาไพร
อย่างใจรัก อย่างใจภักดิ์


ว่าแล้ว..
เมื่อจำจัก..ต้องทน..วนว่ายยังมิได้ไปไหน 
ในวันนี้  นาทีนี้
ปริมก็จะพาร่างใจ
ลุกขึ้นขับรถไปนั่ง..ยังริมฝั่งฝันสวรรค์หวาน
*ริมสายน้ำเจ้าพระยา*จะดีกว่า


ไปทำบุญกุศลปล่อยปลา
และ..
นั่งทอดทัศนาวิวทิวทัคน์
อันแสนงามในมโนนึก 
ด้วย..
รำลึกถึงเสียงลำนำ
จากอดีตอันแสนเงียบงาม
ราวย้อนกาลกลับไปในท่ามเมืองโบราณ
นาม*สุโขทัยธานี*
ที่..
ทุกถิ่นที่...ยังมีทุ่งนาข้าวกล้าสีทองผ่องไสว


มีแมกไม้ไพร
สายน้ำใสบึงบัวพร่าง 
มีผู้คนรักความงามเงียบสงบเย็น
ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขในร่มเงาพระพุทธศาสนา


มี...
ฟ้าที่แสนสว่างกระจ่างใจด้วยอวลอากาศสล้าง
มี..คลองลัดเลี้ยวหลบเข้าไปยังเรือนริมน้ำ
ในท่ามทิวไผ่ลำประโดง
และ..
แลโล่งละลิบเป็นลำคลองสายสวย
ด้วยดวงดอกโสนสีเหลืองพราวริมชายนา
มีข้าวกล้าระย้าย้อยห้อยพวงเคลียดิน
มีพวงดวงดอกผักบุ้งผักลิ้นประดับน้ำ
มี..
โบสถ์คร่ำวัดวาเจดีย์สีทองระดะยอด
ดั่งหลอมให้ทุกดวงใจชาวสยามสมัยนั้น
พลันพร่างสว่างงามดั่งทองแท้..ที่รักธรรม


ปริม..จึงมีฝันมีจินตนาการ
มีใจดวงนวลดวงหวาน
ที่ฟ้าประทานสวรรค์เมตตา
ฉะนั้น..
ในทุกยาม..
ที่เหนื่อยล้า เหว่ว้าเดียวดายสิ้นไร้ใคร
และ
ตราบใดที่..
ปริมยังมี*ดวงตาภายใน*ดวงใจดั่งอัญมณีไพร*
ที่..
แสนงามไสวเช่นฉะนี้
ดวงใจปริม...ดวงที่คิดดี คิดให้ 
ก็จะมิมีวันให้เศร้าหมองครองหม่นนาน
จะเพียรตามทุกข์ผัสสะให้รู้เท่าทันทันเท่า


และ...
เฝ้าฝึกจิตให้เกิดทิพย์กระจ่าง
เพียรผันพาร่าง
ไปรับพร่างหอมแห่งอวลเนื้อดิน
ได้จากทุกถื่นที่ 
ไม่ว่าใจดวงนี้จะอยู่ ณ.แหล่ง.แห่งหนใด


และ
มาตรแม้น
บางครั้งจะสิ้นไร้หวังหวานใด
และแสนเวทนาคนใครมากมาย
ยาม..
ไปพบความล้นแล้งจนล้าใจ
ไปพบพานกิเลสมืดบอดแห่งใจเพื่อนมนุษย์
ผู้ยังมิหลุดพ้นจากวังวนแห่งเงินงาม


ที่..
ถึงจะท่ามท่วมท้นล้นตัวก็ยังมิรู้จักพอ
ยังมิปันแบ่งผันพลีให้แด่ทุกคนดีผู้ยากไร้
ผู้รอโอกาส...
 ขอแค่ได้อิ่มท้องพอประคับประคองชีวิตรอด


นี่คือโลกนี่คือชีวิตที่ปริมคิดและเพียรพลีทำ
ใช่แค่ร่ำพร่ำบ่นเบื่อ
เหลือเพียงจิตดวงดี
ที่..
เคยพลีจิตอธิษฐานภาวนา
ตั้งสัจจาธิษฐานไว้
ณ ..ภายในโบสถ์คร่ำ 
ที่วัดบ้านเกิดบ้านเกาะ
หน้าพระพักตร์พระพุทธพิสุทธิคุณ


ให้..
ท่านทรงรับรู้รับทราบ
และมากพระพรเมตตามหากรุณา
ได้โปรดเปิดทางปรารถนา 
หาหาทางออกให้ลูก
ได้..
หว่านปลูก
*เพาะต้นจิตฝากต้นชีวิตต้นใจ*
เพียรฝังฝากรากยิ่งใหญ่แห่งการให้ทาน
ในสวรรค์วิมานบ้านเกิด


ได้เนรมิต
ยกที่ดินอันแสนงามสุดล้ำเลิศเลอค่า
ดั่งอัญมณีไพร 
ให้ได้ถวายวัด
ให้เป็นที่สงบสงัด ใจ
ให้..
ผู้คนจากทั่วทั้งทุกมุมโลก
มาพิงพักภายใต้ร่มเงาแห่งพระรัตนตรัย
แห่งพระบวรพุทธศาสนา


มาพาตัวค้นหา
จนพบพระสัจจะธรรม
*คำสอนอันแสนยิ่งใหญ่*
ที่จักสว่างไสวพร่างใจ
ดับทุกข์ร้อนทุกข์รักใด...
ไปตราบชั่วกาลนานเนานิจนิรันดร์..ด้วยเทอญ..!!!!
........................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4603.html
หลวงพ่อ เจ้าขา
ช่วยแผ่เมตตาลูกหน่อยได้ไหม
ลูกนี้อาภัพอับโชคหรือไร
มีรักครั้งใด หัวใจเหมือนไฟร้อนรน
หลายคน ที่พบ
พอเขาได้ซบต้องหนีหลบล่องหน
ขว้างทิ้งดังเศษดินข้างถนน
น้ำตาร่วงหล่น หาคนรักแท้ไม่มี
เข้าวัด ทุกวัน
ใส่บาตรทำทานบนบานขอให้โชค ดี
แต่ผียังตามหลอนหลอกย่ำยี
วันหยุดพักไม่มี บวชชีดีไหม
หลวงพ่อ เจ้าขา
ลูกหมดปัญญาเหนื่อยจังหัวใจ
สิ้นหวังรักทุกข์ครั้งสุดวุ่นวาย
จึงพร้อมมอบกาย หัวใจถวาย วัดเลย

หลวงพ่อ เจ้าขา
ลูกหมดปัญญาเหนื่อยจังหัวใจ
สิ้นหวังรักทุกข์ครั้งสุดวุ่นวาย
จึงพร้อมมอบกาย หัวใจถวาย วัดเลย...


				
29 ธันวาคม 2548 14:10 น.

สิ้นไร้ขวัญวันปีไหนไหน..!

พุด


ด้วยมิอาจอยู่ด้วยกันวันปีใหม่
จึงส่งใจมามอบให้เป็นของขวัญ
พร้อมขอบคุณปีเก่าให้เราได้พบกัน
สำหรับขวัญปีไหนไหนไม่ลืมคุณ...(ค่ะ)


ทุกดวงใจ
ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งมิ่งมิตรผองเรา
มานานเนาหลายขวบปี 
ที่
วันเวลาราตรีกาลทิวาหวานเศร้าฤาโศก
ก็แค่ค่านับที่โลกเลือกหยิบยื่นให้นึกรักนึกย้อน..!
ด้วยอาวรณ์อาลัยถวิลห่วงใยเสมอมา 
ตราบชั่วฟ้าดิน..มิสิ้นภักดิ์...มิสิ้นรัก....
.......................


ดึกดื่นดายเดียวกับเสี้ยวจันทร์
ฟังเพลงรักนิรันดร์ฝันคว้างหว่างโลกฝัน
คิดถึงคนดีเคยพลีคำร่ำรำพัน
*ไม่รักกันไม่ว่า*พาโศกนัก

ดวงใจเอ๋ยอยากจะเผยใจในวันนี้
ซึ้งคนดีพลีน้ำใจเคยฝากภักดิ์
ขอกระซิบคำฝากเธอนะที่รัก
*ถึงไม่รักไม่ว่า*อย่าลาไกล

วันเวลาลมหายใจช่างแสนสั้น
รอคืนวันได้พบเธอมิห่างไหน
ได้ชิดใกล้ให้หนาวคลายนะดวงใจ
แล้วแค่ไยเพียงคำลาหาไม่มี

กระซิบฝากดาวเดือนเกลื่อนฟ้าคอยเฝ้าดู
ได้รับรู้ความจริงใจใครคนนี้
ฝากอ้อมกอดปลอบประโลมนะคนดี
หวังชาตินี้มีวันขวัญพบเธอ

หนาวเหน็บเจ็บแค่ไหนให้ไออุ่น
ทุกอุทัยโลกหมุนฝากลมรักมาพ้อเพ้อ
ว่ารักรักรักห่วงใยราวละเมอ
หวังมีเธอกลับมา..*จะไม่ว่า.แม้ไม่รัก...*
..........................


ผมกำลังฟังบทเพลงแสนงามใจ
งามคำงามล้ำโศกสะเทือนนี้
*ไม่รักไม่ว่า*
ที่..*เรือนไม้ริมชายสวน*
ร้าน....
ที่รายรอบล้วนเต็มไปด้วยบึงบัวหลากสีสัน
เรือนที่ทำให้ผมคิดถึงหลายเรื่องราวในโลกมายาฝัน
ในค่ำคืนนี้... 
คืนที่....
โลกผมราวกำลังเป็นสีน้ำเงินอีกคราครั้ง..
ในรอบปี..

เมื่อผม..จำต้องงร่ำลาคนดีในดวงใจ
ที่จำจักจะต้องพรากลา
*ดั่งนกไพร*พรากรวงรังแห่งรักไปอีกหน
จนสุดหล้าขอบฟ้าไกล


บทเพลง
ที่ดลดวงฤดีผมให้แสนเศร้า
ที่ผมเคยได้รับเกียรติ
จากใครบางคนในกมลขวัญฝัน
เคยพลีใจร้องกำนัลพลีมอบให้


น้ำตาผมกับน้ำตาดาว...จึงพราวแสงแข่งกัน
เมื่อหันไปไม่เห็น
 ไม่ได้รับรู้แม้ข่าวคราว
ราวกับโลกสิ้นไร้แสงตะวัน 

กับ..
สิ่งที่หลงเหลือคือ 
เสียงหัวเราะ
เสียงเพลงที่เคยพ้อรำพันฝันฝากใจ 
ในยามหนึ่งแห่งลมหายใจของชีวิตที่แสนสั้น
*ราวพรหมลิขิตมายา*
สะท้อน...
ให้แสนโศกสะเทือนใจไปกับโลกมายาฝัน
เมื่อ...สุดจาบัลย์กับ
*มิ่งมิตรในฝัน *
ที่
เคยปันพลีปรารถนาดีกันและกัน


แล้ว...
ดวงแก้วนั้นพลันลอยลา
ราวกับว่า...
จะทิ้งแสงพราย 
ให้..
สายน้ำตาหยาด..ในทุกยามรำลึก
คิดถึงค่าคำ อันล้ำเลอค่า 
มิตรภาพตราบชั่วดินฟ้า
อย่างที่ชาติหนึ่ง
ถือว่าเป็นเกียรติเป็นบุญ
ที่ได้พบเธอนะคนดีนะดวงใจ...
.......................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song48.html
ไม่รักไม่ว่า

รู้รู้อยู่ มิควรคู่ กับจอมใจ 
วาสนาเราแสนไกล หนักหนา
แต่ความรัก หักฉันใดไม่เลือนลา
แค่เพียงไม่เห็นดวงหน้า เหมือนว่าจะบ้าตาย
สุดเหลือ จะบอกเขา ให้เข้าใจ
ว่าเรา รักเท่าใดจริงแค่ไหน ทั้งใจและกาย
ให้คิด เลิก รัก ไปเหมือนให้ตาย
มันโหดร้ายเกินไปแก้วตา
จอมใจไม่รัก ก็ไม่ต้องรัก ต้องฝืน
จอมใจไม่ชื่น ก็ไม่ต้องฝืน เวทนา
เพียงแต่ขอ ให้พี่รักภักดีสุดา
ก็สุขอุราเป็นวาสนา พี่นัก
ใจเธอนั้นจะรักชอบมอบผู้ใด
จะเป็นของใครเมื่อไหร่ ไม่ห่วงเลยที่รัก
ชาตินี้ พี่ น้อย บุญนัก เจียมตนสู้ข่มรัก
สร้างกุศล รอชาติใหม่มี

จอมใจไม่รัก ก็ไม่ต้องรัก ต้องฝืน
จอมใจไม่ชื่น ก็ไม่ต้องฝืน เวทนา
เพียงแต่ขอ ให้พี่รักภักดีสุดา
ก็สุขอุราเป็นวาสนา พี่นัก
ใจเธอนั้นจะรักชอบมอบผู้ใด
จะเป็นของใครเมื่อไหร่ ไม่ห่วงเลยที่รัก
ชาตินี้ พี่ น้อย บุญนัก เจียมตนสู้ข่มรัก
สร้างกุศล รอชาติใหม่มี...


................
				
29 ธันวาคม 2548 10:34 น.

แม่เนื้อทองของพสุธา..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song206.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song51.html
อันเป็นดวงใจ..เนื้อทองของพี่
...............


เนื้อทอง..
ถูกปลุก...ด้วยเสียงสายฝนพรำสายเปาะแปะๆ
ที่กำลังพรายกระทบแมกไม้ไทยรายรอบเรือนลีลาวดี
ประดุจดั่งเสียงดนตรีสวรรค์
อันแสนพริ้งพราวจากราวสรวงยามฟ้าใกล้สาง 

น้ำค้าง..ยังหยดเย็น
ดาวประกายพฤกษ์ยังทอดวงแจ่มจรัส
เคียงจันทร์ประดับฟ้า


เนื้อทองหนาวนวลเนื้อใจ
ไร้เนื้อใครห่ม
หนาวลมอุษา.... 
ที่พากันพัดพราย
คล้าย..
มาพลีร่ายลมหายใจสดชื่นคืนให้แด่โลก
ลบโศกแด่ผู้คนผู้รักษ์งามเงียบ
ได้ใช้ชีวิตเรียบง่าย ใกล้ชิดท้องไร่ท้องนา
และ..
ที่สำคัญรู้คุณค่าเทิดบูชา 
*อกแผ่นดิน*
ถิ่นรวงทองแห่งแหลมสุวรรณภูมิพุทธ..



เนื้อทองนอนหลับตา
พร้อม...สูดลมหายใจฉ่ำๆ
ที่..
อบร่ำพร่ำอวล..มาด้วยมวลกลิ่นดวงดอกไม้ไทย
ไม่ว่า..
จะเป็น วาสนาช่อพราว 
ขาวนวลของมะลิซ้อนมะลิลา 
กุมาริกา แก้ว แววประภัสสร
พุดดอกหวานอรชรที่บานสะพรั่ง
ฝากหวังหวานให้บานเบิกใจ

รับขวัญ...
วันปีใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา..ใกล้เข้ามา...


เสียงบทเพลงปีใหม่...
หวานแว่ว...
ลอยลมมาจากโค้งคุ้งในยามรุ่งสาง 
กับ..
ฟ้ากว้าง
กับสายลมหนาว..
จากเรือนไหน...กระท่อมไพร..ใครก็ไม่รู้..!



ไผ่ริมคลอง....
ครวญเพลงอ้อนออด
สอดเสียงซัดส่ายพร่างใบไหวซู่ช่าซู่ซ่า
ท้าสายลม
ราว...
ลีลาดนตรีผสานผสมในยามเช้า..
เฝ้ารอ...ทายทัก
พระอาทิตย์ชักรถมากับลมละมุน
อันอ่อนอุ่น
ให้ไออวลรับอรุณเบิกฟ้าหวานตระการ...
.............




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song202.html

เสียงดุเหว่าแว่ว ...ทูล ทองใจ 

เสียงดุเหว่าแว่วมาเหมือนเตือนให้
สอง เรา ผวา จาก กัน
ค่อน คืน ตื่น ฝัน เราเกี่ยวแขนกัน
เที่ยวในแดนฟ้า พบวิมานเทวา 
ผ่านดาราน้อยใหญ่ปราสาทสีทองงามผ่องอำไพ
โอ้เพลินใจในแดนสวรรค์
กอดกัน กระซิบกระแซะกัน
ชวนชมนั่นดาว ระยิบระยับตา
เพลินอยู่จนเสียงดุเหว่าแว่วมา
เป็นสัญญาให้เราจากกัน
อิงแอบ แนบ ปลอบใจ 
เสียงสะอื้น ยังจำได้ ร่ำอยู่จนใกล้ สว่าง
ฟ้าสางแล้วเรา ต้องพรากจากกัน
เสียง ดุเหว่า แว่วร้อง อยู่
กระตู้วู้ เมื่อครู่ เลือน หาย 
แสนเสียดาย สุดจะหมาย กลับ คืน.
.....................



นกกาเหว่าร้องเศร้าตู้วู้ ๆ ๆ 
ช่างให้บรรยากาศ
ราวมีบทเพลง..*ครูทูลทองใจ*
มาคลอพ้อกระซิบที่ริมหู 
คู่เรือนไทย..คนรักเพลงอมตะ

ดุเหว่า..
นกกาพากันผกโผบินไปทั่วทุกถิ่นไทย
 แม้นใครๆจะพากันเกรงกลัวไปทั่วหล้า
ว่านกไพร ทั่วท้องนภา
จะทำให้ร่างมลาย
ตายได้ด้วยโรคไข้หวัดมรณะก็ตามที
แต่..
จะห้ามนกนี้มิให้บิน ขังกรงสิ้นอิสรา
ก็คงหาใช่ธรรมดาธรรมชาติฤาก็หาไม่..


หาก..
นกนี้ยังต้องมีปีกพลีปีกบินไปบนฟ้า 
ควาย...
ยังคงรอท่าเทียมเกวียน

เสมอเสมือน*คน.*..
ที่ยังคงต้องวนเวียนหาเช้ากินค่ำ..รับวงวิบากกรรม
ให้โลกนี้..ยังมีพลังหมุน ไปๆไม่สิ้นสุด
ไม่ว่าจะไปในทิศทางใด
เพียง..
หวังให้ทุกดวงใจช่วยชะลอช้า 
มิให้...ฟ้าดินดับดิ้นสิ้นลับลา
พาพบโศกวิปโยคแหลกสลาย
กลายเป็นฝุ่นผงธุลีเร็วเกินไป
 ด้วย..
มรณานี้...ที่รอท่ามากับไฟสงครามนิวเคลียร์..
หากมวลมนุษยชาติ
ยังคงมิเข็ดหลาบจำจดกับทุกข์บทเรียน..
หากยัง...
คงเขลาประมาท.ให้เตรียมรอพลาด
รับโศกสะเทือนวิปโยคไปตราบชั่วกาล.!



เนื้อทอง..
นอนหนาวนิ่ง...
ทบทวนทิพย์นิมิต*ในฝัน*เมื่อราตรีกาลที่ผ่านมา
หลัง..
สวดมนต์ภาวนา
ณ..เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธสุกปลั่ง
ใน..
ท่ามแสงมลังเมลืองของแสงเทียนพราว
ในเรือสุพรรณหงส์ทองคำ
ที่จำลองมาเป็นราวเทียนเชิงเทียน


ใจดวงพิสุทธิ์..
ได้น้อมพลีถวาย...ดวงดอกไม้มาลัยแสนงาม
มาลัย...
ที่รัดร้อยด้วยมะลิตูมตั้ง 
รายรอบนั้น..พร่างด้วยกลีบกุหลาบหอมพราว
และ..
จุดเทียนทองเก้าเล่ม...ท่ามความเงียบงามสงบใจ


และ..
นั่งสมาธิ พลีจิตใส ให้แสนสว่างกระจ่างแจ่ม
ด้วยพลังศรัทธา 
ที่ปรารถนาเพียงรักษาจิต...
ให้..
รู้สลัดตัดความคิดทุกสิ่งอย่าง ...
ไม่ว่าดีร้าย
คล้าย..
หมดสิ้นแล้ว...ถึงความยึดมั่นถือมั่นใดใด 
มิมี..ดวงใจไหวโศกตรมระทมท้อ
ด้วยห่วงพันธนารักใด..รักใครอีกต่อไป..เลยแล้ว..


และ..
ในม่านราตรี
ยามที่เนื้อทองนอนบนเตียงโบราณ
กับจิตดวงตระการก่อนนิทรา
เนื้อทอง 
จะท่องคาถากำกับสมาธิ
ที่ทำให้นิทรารมย์ด้วยความสงบงามเงียบ
ในทุกค่ำคืน มิให้ตื่นมาด้วยฝันร้ายใดๆ

หากไยเล่า..!..

ราตรีที่ผ่านมา
เนื้อทองจึงนิมิตแผกพิเศษ
ฤา..
อาจจะเป็นเพราะว่า
ในมโนนึก..ก่อนหลับตา

เนื้อทอง..
ราวได้ยินเสียงเพรียก
จากราวฟ้าเบื้องบน 
ที่..
หม่นเมฆหวาน...กำลังค่อยๆเผยม่าน
คลี่ตระการ ผืนนภา สีกำมะหยี่ 
ที่มี...
มวลดวงดาราต่างพารอ
ขอออกันมาออดอ้อนกระพริบตาล้อมวลมนุษย์
อยู่แทบทุกค่ำคืน...


และ.....
เนื้อทอง ..อาจจะอ่านภพภูมิสวรรค์มากไป
แถม..ยังดูสารคดีสิบตอน
*ตามรอยพระพุทธเจ้า
จนเคล้าจิตจับไว้คล้ายดั่งได้เห็นภาพจริง
และ..
สิ่งที่เนื้อทองนิมิตเห็น
คือ..
ภาพ*เนื้อทองผ่องเพ็ญ*
ในชุดส่าหรีสีทอง..
งามเฉิดฉายพรรรณรายพราวแพรว
คล้ายดั่งนางแก้ว..เกิดมาในสมัยพุทธกาล...!


มี..กำไลงามรัดร้อย
เป็น..
สร้อยสายเสียงกระทบกัน*กรุ๋งกริ๋งๆ...
ยามก้าวเดินบนลานหญ้า

มุ่งหน้า..
ไปริมบึงบัวในยามพลบค่ำสลัว
ที่มีโบสถ์คร่ำ...ในท่ามลานโพธิ์..พิกุล
หอมละมุนละไมมาในคลองฝัน
และ..
บัวบุญในบึงฝันนั้น
มีบัวขาวนับพันดอก โผล่พ้นน้ำ
และ..
งามพราวราวเป็นบัวดวงดอกพิเศษพิสุทธิ์
เพราะคลี่ผุดกลีบแย้มหวาน
ปานประหนึ่งบานพร้อมกัน
ทั้งวังบัว
สะพรั่งพรึบราวนึกนัดรอรับแม่นวลเนื้อทอง...


เนื้อทอง..
จ้องมองภาพนั้น ...
แล้ว...พลัน..!
ราวกับเห็น
ภาพโบสถ์คร่ำนั้น...
มีแสงสว่างเป็นลำพร่างออกมา
ให้..
เนื้อทองเดินพาร่าง.....
ตามแสงไสวสวยเย็นใสราวอัญมณีรุ้ง


ที่..
พุ่ง...รัศมีฉายฉาน...ปานประหนึ่งเรียวรุ้งโชติช่วง
ประดุจดั่ง..รวงดาวนับล้านในกาแลคซี่
ที่มี..
พลังแสงแรงโรจน์หมุนวนจนแตกประกาย
คล้าย..
ดั่งดวงดอกไม้หมุนวนหวานบานบานบาน
ปานประหนึ่งรัศมีดาวดาราราย
วนพราย...พลิ้ว..พริบพร่าง..
ก่อพลังสว่างกระจ่างจ้ารายรอบ
เป็น..
วง...ทรงกลดอันแสนสดสีดงามเกินบรรยาย..!


เนื้อทอง..
ค่อยๆ...ก้าวช้าช้า...ช้าช้า...
พาตัวเดินไปตามลำแสง..ใสพร่าง
แล้ว ...
จึ่งทรุดร่างลงตรงหน้า *พระสงฆ์ชราองค์หนึ่ง*
ที่นั่งภาวนา...
อยู่ณ..เบื้องหน้าพระประธานสีทองอร่ามองค์โต

แสงสงฆ์จากจีวร
และ..
พลังแสงสุกปลั่งจากงามเงาองค์พระบรรเจิดจ้า
ราวพาให้ทั่วทั้งโบสถ์นั่น 
ทาบทาด้วยรัศมีทองคำอันแสนจรัสเจรืองตาม....
งามจนสุดพรรณนา...


ในฝัน...
เนื้อทองพลีน้ำตาปิติเกษม
และ
ก้ม..ลงกรานกราบแทบบาทพระสงฆ์
พร้อม
ได้ยินเสียงมากล้นพระเมตตา 
ทั้งๆที่ท่านหลับตา
ดังก้องกังวานมากระทบ
ราวลอยล่อง..มาจากแดนดิน
ที่ไกลแสน...แสนไกล..ในห้วงอนันตกาล..
เหนือกาลเวลา..เหนือหล้าโลกย์..นี้


*อย่าหยุดทำความดี 
รู้พลีจิต...ฝึกสมาธิ
 รู้รักษาศีลมีสติ 
ที่จักพาให้เจ้านี้มีปัญญา
มาตรแม้น..
ดวงชีวีเจ้า....
ต้องวนมารับวิบากกรรมอีกสักกี่ชาติ
ก็..
จงเพียรทำ
ถึงพบระกำระทมทดท้อ..อย่ายอมแพ้พ่าย
โลก..ใกล้จะแตกดับ
จะทิ้งคนนับพันๆล้าน
ให้..
มอดมลายสลายหายไปเป็นอากาศธาตุในไม่นานช้า
ราวสุสาน อันร้างลาไร้ร้าง
อันแสน..อ้างว้าง เงียบงัน..!
น่าโศกสะเทือนใจ..!


จะเหลือ..เพียงผู้คนผู้ยึดมั่น
ในร่มศีลธรรมและร่มพระรัตนตรัย
และ
พระอรหันต์
ผู้มากล้นบุญญาบารมี
ที่เพียรพลีสะสมกุศลผลบุญ
มานานนับอนันตชาติ

ได้เกื้อการุณย์
ขนเหล่ามวลมนุษย์สรรพสัตว์
เพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายให้
ว่ายพ้นวังวนกิเลสโลกโศกสุข
ให้พ้นทุกข์..รู้ดับ
ได้
พลีธรรมทานฝากไว้กับ
ผู้รู้รักความดีรักษาความดี
มีเมตตา
มีศีลธรรม
เพื่อ 
ได้น้อมนำจิตพลีมาผุดผลิในโลกใหม่
ที่..
จักงามไสวราวสวรรค์สรวง...
มี..
เพียงปวงธรรมชาติ เทวาอารักษ์
และผู้ปฎิบัติธรรมเท่านั้น


ที่จัก..
ได้ผันผ่านภพ
มาพบวิมานหล้า วิมานลอย
ยาม..
จิตดวงน้อยดวงใสไสวเย็นว่างกระจ่างแจ้ง
*ราวอัญมณีแก้ว*
แสนเพริศแพร้วสงบเย็นนั้น
ได้ถึงกาลเวลา.
พลันลอยลา...คล้อยเคลื่อน
เสมือนยามเดือนดวงแห่งชีวาชีวิต
ถึงลิขิต..กาลแยกต้องแตกดับ


และ..
มารับภพภูมิใหม่ 
*ภูมิวิลาสินี* ที่พลีรับเพียงคนดี เพียงนั้น
เจ้าจงตั้งมั่นทำความดี 
และ
มีน้ำใจพลีช่วยผองสัตว์
ที่..ยังมืดบอด ต่อยอดบุญ
ผู้ทนทุกข์ยากมิพ้นวิบาก
ยังมิพ้นวังวนพ้นโคลนตมดั่งบัวมิพ้นน้ำด้วย..เถิด
จักประเสริฐสุด ..

ให้สมกับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ในร่มเงาพระพุทธศาสนาพระรัตนตรัย
ได้พบพระธรรมคำสอนอันแสนเกษมใส
แห่งพระบรมศาสดา
พร้อม..
ได้มาอยู่ณ..ภายใต้ร่มฉัตร
*พระมหากษัตริย์*ผู้ทรงบุญญาทรงทศพิธราชธรรม

ธ..ผู้ทรงมีพระจริยธรรมงามล้ำล้นเลอค่า
หามี..ซึ่งผู้ใด จะเทียมเทียบได้ไม่..
พระองค์...
ผู้ทรงพลีร่างใจเสียสละ
อย่างแสนยิ่งใหญ่
มาอย่างตรากตรำแสนยาวนานนัก
ถึงหกสิบพระชันษาแล้ว


 จง..อย่าลืม...
เพียรเพียงทำความดี ความดี เท่านั้น 
และ..
อย่าหลงยึดมั่นถือมั่นคาดหวังใด
แล้ว
สักวันวิบากกรรม
ที่เจ้าเคยทำไว้จะสิ้นสุด
และจะหยุดการเกิดดับนับนิรันดร..*จงจำไว้
...................


เนื้อทอง...สะดุ้งตื่น..!
ในค่ำคืนอวลอากาศใกล้อุษา
ในราตรีแสนหนาว
ท่ามกลิ่นแมกไม้ไทยดอกหอมเศร้า
กับนวลใจ
ที่แสนไสวพราวราวรวงเพชรพร่าง..


เมื่อ..
เนื้อทอง นอนย้อนรำลึก
นึกถึงนิมิตแผก
หัวใจ..
ก็ราวได้ไออุ่นมาโอบแอบเอื้อประโลม
ให้สิ้นทุกข์ท้อระทมที่เฝ้าโหมจากชะตาพรหม


และ
กับเนื้อกมลดวงนวล ดวงดี
ที่ผ่องพรายคล้ายดั่งชื่อแม่เนื้อทอง
ช่างหอมพราว
รับสายลมหนาว
กับพรายฝนสั่งฟ้า
พาให้ดวงจิตยิ่งไสวเย็นเป็นยิ่งนักแล้ว....!!!!
........................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song51.html
เนื้อทองของพี่

เนื้อ ทอง ของ พี่ เจ้าหนี พี่ ไป
แรกเจ้ารัก พี่ก็รัก ปัก ใจ
แต่เจ้าพลาด พลั้ง ไป ให้ใครสุดชม
เนื้อ ทอง ของ พี่ พี่นี้ ต้อง ตรม
กลับเถอะหนา อย่าไปหา อื่น ชม
เจ้าให้พี่ ภิ รมย์ ชม ขึ้น ใจ
หวัง อยู่ เคียง ข้าง นาง นอน
สุดโศกศัลย์ เจ้าเท่านั้น บั่นทอน
อ้อมกอดพี่ร้าว รอน หรือ อย่าง ไร
รัก จึง ลา ล่วง ดวงใจ
พี่อ้างว้าง ด้วยเจ้าร้าง ห่าง ไกล
หลงอ้อมกอด ของใครใคร สุด ตรม
พี่ซิเฝ้าคอย คอยหา เนื้อทองไม่ มา ยิ่ง มอง
คอยแต่เธอละเมอใจปอง ขอให้คืน คง ครอง
พี่จะคอย เนื้อ ทองครอง คู่ เอย

หวัง อยู่ เคียง ข้าง นาง นอน
สุดโศกศัลย์ เจ้าเท่านั้นบั่นทอน
อ้อมกอดพี่ร้าวรอน หรือ อย่าง ไร
รัก จึง ลา ล่วง ดวงใจ
พี่อ้างว้าง ด้วยเจ้าร้างห่าง ไกล
หลงอ้อมกอด ของใครใคร สุด ตรม
พี่ซิเฝ้าคอย คอยหา เนื้อทองไม่ มา ยิ่ง มอง
คอยแต่เธอละเมอใจปอง ขอให้คืน คง ครอง
พี่จะคอย เนื้อทองครอง คู่ เอย...
..............




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song206.html

ฉันมีเธอนั้นอันเป็นดวงใจ
โอ้เป็นความรักยิ่งใหญ่
เหมือนดาวรักใคร่ฟากฟ้า
เหมือน ดังแสงสุริยา
สาดแสงส่องพื้นภพหล้า ลงมาจูบทานตะวัน
เห็นใจเถิดฉันนั้นยังดำรง
เทิดทูนความรักสูงส่ง
ซื่อตรงไม่เปลี่ยนแปรผัน
หวัง ใจได้คู่เคียงกัน
ตราบนิรันดร์มั่นหมายสวาท
เป็นทาสความรักเสมอ
อันเป็นดวงใจมานานแรมปี
เป็นราชินี แห่งใจฉันนี้คือเธอ
ทุกๆ ค่ำเช้าเฝ้าละเมอ
จิตใจพร่ำแต่เพ้อว่า รัก รักเธอรักจริง
ฉันรักเธอเหมือนดังดวงชีวา
ไม่เคยจะคิดเลยว่า สัญญาแล้วจะทอดทิ้ง
เห็น ใจฉันบ้างยอดหญิง
มอบหัวใจให้แล้วทุกสิ่ง
ด้วยความสัตย์จริงเสมอ
แด่เธอ ผู้เป็น ดวงใจ... 


  				
28 ธันวาคม 2548 11:17 น.

วิมานลอย..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1933.html
( ณ..วันนี้ เรือนมยุรา ..วิมานดิน)
...................



หนึ่งปีที่แสนสุขเสมอใจ
กำลังจะพ้นผ่านไป....
และ..
มี...
อะไรอะไรมากมาย
ทั้งเรื่องราวดีร้าย
มากรายกล้ำล้ำล่วง
เข้ามาพ่วงเป็นพวงพันธนาบ่วงวิบาก
มาสอนสัจจะธรรม
มาน้อมนำใจในชีวาชีวิตเรา....


บ้าง..
บางบทเรียนเวียนพลีมาฝากความเหงางาม
หากให้เรียบง่าย 
รู้ใช้ชีวิตอย่างสมถะพอเพียง
รู้เลี่ยงหลบผู้คน ในท่ามโลกแล้งไร้


บ้าง..
ก็ฝากแผลร้ายรอยระทมระกำให้แสนช้ำชอกแพ้พ่าย
คล้ายนาทีนั้นนาทีแห่งโศกศัลย์
ราวโลกกำลังจะถล่มทลาย
ด้วยความเศร้าโศกแสนเสียใจสะเทือนใจ


ที่...สรุปแล้วไซร้
ก็มีทั้งทุกข์สุขคลุกเคล้ากันไปอย่างยากจะแยกออก
และ..
ตราบใด
ที่โลกใบกลมกลมยังหมุนวนไปวนไปไม่มีวันสิ้นสุด
และ..
ตราบเท่าที่
ยังมากมีมวลมนุษย์มากมาย
กลับมาว่ายวนในวงกรรม..
มาก่อเกิดการกระทำทำลายบนผืนโลกนี้
ที่...
นับวันธรรมชาติ
จะลงโทษพิโรธสอนโศกมากกว่าสุข..
ให้กับทุกทุกชีวิต ได้แก้ไขก่อนสายเกิน
อย่ามัวแต่หลงเพลินสนุก
จนลืมวันมรณา
 ใช่ว่า....อายุเราจะถึงร้อยปีเสียที่ไหน...


และ..
เรื่องราวทุกข์ทุกๆอย่าง
ก็จักก้าวย่างพรากลาไป
ให้..
ผองเราตั้งใจเพียรแน่วแแก้ไขในสิ่งผิด
ฤาไม่..
ก็ฉลาดใช้วันปีใหมนิรมิต..
สร้างพลังจิตเกษมศรัทธา
*เริ่มต้นชีวิตกับฟ้าวันใหม่*
กับ..
วันเวลาแห่งศักราชใหม่
ที่ขึ้นอยู่กับ
ใครจะใช้กุศโลบายใดมาหมายมั่นฝันใด
ให้ใจยังคงดวงใสไสวงาม 
ยังคงเป็นดวงดีดวงเดิม...เพิ่มมาก็เพียงแค่วันเวลา.
.......


ในท่ามกลางสายลมหนาว
ที่พัดพราวพัดแผ่วผ่าน
ม่านใบไม้ลายดอกแก้ว
เข้ามาอย่างบางเบาเบาบาง
มา..
พรมพร่างให้เจ้าของเตียงโบราณ
ที่นอนเหงาเงียบรับงาม ช่างหนาวเนื้อนวลนัก


จึงเปิดบทเพลง...แสนรัก
ชุด*เสียงกระซิบจากสายลม*
มา...ทายทักริมรวงใจ
ให้..
หวานเศร้าเคล้าคลอพ้อภิรมย์ร่าย
คล้าย...ดั่ง
กำลังนอนริมกระท่อมเถียงนา..
ได้ยินเสียงข้าวกล้ากระซิบพร่ำกับสายน้ำรักนิรันดร์
ในบึงฝันบึงบัว
กับ..
เสียงเรไรร่ำระรัวจิ้งหรีดร้อง
พากันประลองเสียงเพรียกไพรระงม
ไปกับสายลมเหมันต์
ที่พากันโบยโบกโยกไหวระบัด
พัดเรียวรวงราวลมไล่ข้าวเบา...


เสียง...ตาลเดี่ยว..เดียวดายกำลังพรายพ้อ
พัดใบกราวกรูเสียดส่ายเซาะแซก...ราวแบกโลกทั้งโลกไว้
อย่างแสนเศร้าโศกวิปโยคพอกันกับโลกนี้
ที่ทุกนาทีชักไร้หวาน
ปานรอวันแตกดับลับลาเข้าไปทุกขณะแล้ว...


ในคลองใจในคลองฝันเห็นภาพ
*เจ้าลาแล้งและสายน้ำ*
กำลังเคี้ยวเอื้องอย่างช้าช้า
รอท่า..
เจ้าของผู้มีหัวใจดวงทองไปโอบกอดอย่างแสนรักใคร่
ให้ไออุ่นจากใจดวงละมุนละไมละม่อม
ที่พลีพร้อมยอมรับน้อมรับ*ความเป็นควาย*


ที่บางครั้งยังสอนงามให้ สอนให้รู้ค่าคำกตเวทิตา
ได้ดีเสียยิ่งกว่าคน 
และ..
ยังสอนให้ดวงกมลแสนสัตย์ซื่อถือมั่นรักมั่น
ในเจ้าของอย่างมิต้องสงสัย


ด้วยความเป็นสัตว์
ที่มีดวงใจแสนใสบริสุทธิ์ อาศัยอยู่แต่ในท้องไร่ท้องนา
ใช่เมืองฟ้าอมร ..หลอนลวงด้วยแสงสี 
ที่..
ผู้คนพากันพอกหน้ากากเข้าหากัน
แบบตัวใครตัวมัน แข่งขัน รีบเร่งรีบร้อน
ด้วยใช้ชีวีระบบเงินผ่อน ต้องผ่อนนั่นผ่อนนี่
พาชีวีให้อยู่รอดปลอดเจ้าหนี้หนีไปวันๆ
และ
ด้วยพลังแสงสีมนต์มายามากมาย 
คล้าย..มากคนคนคน...
ก็มากเรื่องราว วายวุ่นวกวน...วนวนวน
แบบคนคนคน จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง 
ถึงจะเลิกวุ่นวาย  ได้พักใจ..สงบใจ


ทุกข์ผู้คนยังคงตะเกียกตะกาย
คว้าไขว่โลกวัตถุ ที่ดูดูจักมิมีวันสิ้นสุดหยุดพอได้
หากให้สิ่งมากมายเหล่านั้นมามีอำนาจเหนือจิตใจ
เหนือจิตดวงใสดวงรักเงียบงาม
รู้รักความพอดีพอเพียง
รู้เลี่ยงหลบ
หาความสงบสุขจากวิถีชีวิต
จากจิตวิญญาณภายใน


ที่คือความงามใส ไสวสว่าง
จักพร่างพรายดั่งเพชรพราว
ให้เรานำตามติดไปในภพภูมิชีวิตหลังความตาย
ซึ่ง..
ต้องใช้ร่างใจเราเพียงนั้น
เพียรค้นหาพาพบให้จบด้วยบทพิสูจน์..


ที่ไม่ว่า
*สวรรค์ในอกนรกในใจ*
ในภายภาคหน้าจะมีจริงหรือไม่
ก็..ไม่ควรประมาท 
ฉลาดสร้างมโนคติ
ให้ใสงาม... ไปในท่ามทางสว่างสะอาดสงบ
สยบกิเลสโลกย์
ให้สิ้นโศก พบสุขสถิตว่างกระจ่างจิต....
ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์จะดีกว่า


วิมานบนฟากฟ้า..ทวยเทพ
จะรอท่ารอรับฤดีเราฤาไม่..
ก็คงดีกว่าไปสร้างกรรมใจ..ไปก่อกรรมทำความชั่วร้าย
ที่พอถึงวันที่ชีพชนม์เรามลาย 
อยากแก้ไขให้ร้ายกลายกลับดี...ก็สายเกินเสียแล้ว



สำหรับ..ดวงใจ
เจ้าของเตียงโบราณ
ที่มีแดนดินในโลกหล้า..ที่ฟ้าดินประทานพรให้
และ
ตั้งชื่อไว้อย่างแสนงามราวมีสรวงสวรรค์วิมานบนหล้า
ให้ปวงรุกขเทวามาสถิตในนิรมิตงาม
นาม*วิมานลอย**วิมานวนา*


ราวกับว่า
ดวงชะตาได้รับ
*พรพระเมตตา*..จากศรัทธาปาฎิหารย์แห่งรัก
ที่ภักดิ์พลี..*ให้*แด่ทุกคนดี..
ที่มีโอกาส และได้ชิดใกล้มาช้านาน
ผ่านจิตวิญญาณมากล้นกรุณาปรานี
จากจิตดวงนิดดวงน้อยนี้มาตั้งแต่ยามยังเยาว์


*ให้..*อย่างเต็มใจมิขลาดเขลาหลงลืมโลกย์
 แม้นดวงชีวาจะพบโศกมากว่าสุข..ตลอดมา
ที่เพื่อนมนุษย์...
ผู้ไม่ยุติธรรมมักนำมาพลีมอบให้อย่างน่าเศร้าใจเสมอมา


หากทว่า...ก็มิเคยท้อแท้
ยอมแพ้พ่ายที่จะทำความดี ด้วย
*หัวใจดวงทองดวงผ่องผุดพิสุทธิ์ค่านี้
พร้อมพลีประดุจ
*ดั่งข้าวกล้าในนายามออกรวงเรียวรอเกี่ยวเก็บ..*
ให้..
ทุกผู้คนที่หนาวเหน็บยากไร้ ได้อิ่มท้อง 
ดั่งมีนานวลเนื้อใจทอง
ที่ปองพลี ยินดีเพาะพันธุ์ ให้งามครองขวัญ
ให้ได้สรรสร้างเพียงสิ่งดี ปิดทองหลังพระนี้..สมหวังดั่งปณิธาณ..


ตราบนานไปจนกว่า..
นาเนื้อนวลใจดวงนี้จะแหลกสลายไป
ประดุจ..ดั่งกลีบดอกไม้
ที่
ถึงเวลา...รอราโรยร่วงหล่นพวงพร่างหอมไปกับพื้นพสุธา
ให้..
น้ำฟ้ารินรด ...
สลายลาหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง...อย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น
ไปกับธุลีหล้ากับดินน้ำฟ้าลมไฟ


ดั่งวันหนึ่งในชีวิตข้างหน้า...
ซึ่งกำลังรอท่าทุกผู้คน
ทั้ง..
จนรวย..จะสวยจะงามหรือไม่
จะยิ่งใหญ่หรือเป็นเช่นยาจก


ก็คงหนีไม่พ้นวันจบ วันสิ้น 
มิให้ถวิลรอเริ่มชีวีชีวิตใหม่  ในวันใหม่..ปีใหม่
ให้เริ่มต้นใหม่ ...
ดั่งใจดวงรักปรารถนารอท่าอีกต่อไป...ตราบชั่วฟ้าดินสลาย....!!!!!!

.................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
ณ..วันนี้..เรือนมยุรา

ญ ...ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น
นานแสนนาน ฮืม
จึงมาเจอกัน
คล้ายบางสิ่งผูกพัน
ร้อยใจเราร่วมกัน
ช... ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น
นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน
ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา
ช ...ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ ...หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช ...รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ ...คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป

ช ...ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ ...หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช ...รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม... นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป... 
....................
 
  

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1933.html
วิมานดิน

ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว
ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า 
ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา
คอยส่องมองเธอด้วยแวว ตา แห่งความภักดี
เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน
คอยห่มให้เธอได้อบ อุ่น ก่อนนอนคืนนี้
ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี
คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป
เป็น วิมานอยู่บนดิน 
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี

เป็น วิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่นอยู่ใน วิมาน...


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด