31 สิงหาคม 2552 22:56 น.

สวนขวัญ..สวรรค์ในรอยใจ...!

พุด


สวนในดวงใจนกไพรขับขาน
ดอกไม้บานรับแสงทองในอุษา
บัวบึงยังตราตรึงริมท้องนา
นวลนภางามไสวในใจดวง

วันชื่นคืนช้ำย้ำรอยโศก
ธรรมดาโลกฝากรักเคยห่วงหวง
ใช่จีรังหวังหวานปีลาล่วง
สัจจะลวงนิรันดร์รักภักดิ์มายา

ตื่นจากฝันแสนหวานกาลกลายกลับ
ใจยอมรับเงียบงามตามประสา
ใจดวงเดิมเพิ่มบทเรียนสอนชีวา
รู้ซึ้งค่าในดวงจิตชีวิตวน

ดวงดอกธรรมผลิตระการบานชูช่อ
งามละอออวลอุ่นบุญกุศล
อธิษฐานวอนไหว้ฟ้าดินดล
ให้กมลรู้วางว่างกระจ่างใจ....!

.............................


เส้นทางสายสวนฝันสวรรค์ไพร..!


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
(ณ..วันนี้)
 
หยดน้ำ..พาร่างในผ้าซิ่นลายดำสลับแดงราวสาวล้านนา 
กับเสื้อผ้าเปลือกไหมสีนวลไข่ไก่ไหล่ล้ำ
ค่อยๆเดินช้าๆ
ไปตาม..*เส้นทางสายสวน*สายฝันสวรรค์งาม
เพื่อไปวัด...


เส้นทางที่...
ยังพร่างไปด้วยแมกไม้ใบระยิบ
พลิกพรายพร่างฟ้อนอ้อนสายแสงตะวัน
ยามสะท้อนเสียดยอดออดอ้อนเวิ้งฟ้า
เส้นทางที่...
พาให้หัวใจดวงนิดดวงน้อยของหยดน้ำ
ยิ่งนวลใสนวลใยยิ่งแสนงามสงบสุข

หยดน้ำ... 
แหงนเงยมองยอดไม้แล้วแย้มยิ้มยินดี
ที่เกาะที่เธอรักแสนรักนี้
ยังคงมีพันธุ์ไม้เมืองร้อนนานาพรรณ
ที่พากันขึ้นเซาะซอนซ่อนซ้อนสลับราวป่าดงดิบณ..กลางเกาะ
งามอย่างพงพฤกษ์ไพรแสนเฉิดฉันท์ราวสวรรค์สรวง


ที่ยังพาให้ดวงใจได้รับพลังสดกระจ่าง 
ราวกับยังมีอัญมณีทิพย์เขียวไสไพรมณีซุกซ่อน
มิร้อนแล้งไร้ดั่งโลกรายรอบ....

เธอจึ่งรำลึกนึกถึงบทกวีที่แสนงามพอกัน
ที่พากันไหลหลั่งมาประโลมใจในนาทีนี้
................


วุ้งเวิ้งชะวากผา.....................................ฆนแผ่นศิลาสลอน 
ช่องชานชโลธร......................................ชลเผ่นกระเซ็นสาย 

ปรอยปรอยประเลห์เห-........................  มอุทกพะพร่างพราย 
ซาบซ่านสราญกาย................................กระอุร้อนก็ผ่อนซา 

ท่อธารละหานห้วย................................ ก็ระรวยระรินวา- 
รีหลั่งถะถั่งมา........................................บมิขาดผะขาดผัง 

ไม้ไล่สล้างชม........................................ขณะลมกระพือวัง- 
เวียงเสียงก็เสียดดัง.............................. ดุจซอผสานสาย 

แสนสาธรารมณ์.................................... จรชมก็ชวนสบาย 
ใจหงอยก็ค่อยหาย................................ หฤหรรษเหิมหาญ 

เซิงสนสล้างพฤก-...............................    ษพิลึกลดามาลย์ 
บงบุษยาบาน.........................................ระบุดอกระดาษไพร 

ฉุนโฉมระงมฆาน..................................สุวมาลย์จรูงใจ 
ส่งก้านตระการใบ..................................พิศล้วนพิไลพรรณ 

ริ้วริ้วพระพายพา....................................สุรภีละเวงวัน 
ผึ้งภุมรีสัญ-.............................................จรสูบสุเกสร 

ร้องร่อนวะว่อนเชย................................รสเรณุกำจร 
เกลือกบุษบากร..................................... ระกะกลีบกระหึ่มเสียง 

ที่มา อิลราชคำฉันท์ โดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ์) 


วิเวกการะเวกร้อง.......................รงมสวรรค์ 
เสนาะมิเหมือนเสนาะฉันท์.......... เสนาะซึ้ง 
ประกายฟ้าสุริยาจันทร์..................แจร่มโลก 
เมฆพยับอับแสงสอึ้ง......................อร่ามแท้ประพันธ์เฉลย


 สรวงสวรรค์ชั้นกวีรุจีรัตน์ 
ผ่องประภัสรพลอยหาวพราวเวหา 
พริ้งไพเราะเสนาะกรรณวัณณนา 
สมสมญาแห่งสวรรค์ชั้นกวี 

อิ่มอารมณ์ชมสถานวิมานมาศ 
อันโอภาสแผ่ผายพรายรังสี 
รัศมีมีเสียงเพียงดนตรี 
ประทีปทีฆรัสสะจังหวะโยน 

รเมียรไม้ใบโบกสุโนกเกาะ 
สุดเสนาะสำเนียงนกที่ผกโผน 
โผต้นนั้นผันตนไปต้นโน้น 
จังหวะโจนส่งจับรับกันไป 

เสียงนกร้องคล้องคำลำนำขับ 
ดุริยศัพท์สำนึกเมื่อพฤกษ์ไหว 
โปรยประทิ่นกลิ่นผกาสุราลัย 
เป็นคลื่นในเวหาสหยาดยินดี 

ที่มา หนังสือสามกรุง นิพนธ์ พระราชวรวงค์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ 


พิกุลบุนนาคบาน.......................กลิ่นหอมหวานซ่านขจร 
แม้นนุชสุดสายสมร...................เห็นจะวอนอ้อนพี่ชาย 

เต็งแต้วแก้วกาหลง...................บานบุษบงส่งกลิ่นอาย 
หอมอยู่ไม่รู้หาย.........................คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู 

มลิวันพันจิกจวง........................ดอกเป็นพวงรวงเรณู 
หอมมาน่าเอ็นดู........................ชูชื่นจิตคิดวนิดา 
ลำดวนหวนหอมตรลบ...............กลิ่นอายอบสบนาสา 
นึกถวิลกลิ่นบุหงา..................... รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง 

..........................


หยดน้ำ..
เห็นต้นระกำ..ลูกสีแดงสุกก่ำห้อยย้อยขึ้นเป็นกอ
ที่คงอยากพ้อเพื่อนมนุษย์ว่า
*ไฉนมาตั้งชื่อพิลึกไร้มงคลแบบนี้ให้
ทั้งๆที่ใครๆยังมิทันได้ชิมหวาน
ก็พานพาให้หลงเชื่อเบื่อคำว่าระกำ..ว่าจักทำให้ช้ำใจเสียก่อนแล้ว...


และ ...
นั่นกระท้อนต้นใหญ่ใบดกสูงเสียดฟ้า
ที่ทิ้งลูกเหลืองทองผ่องสุก
ให้หลุดร่วงหล่นปนเปรอะไปกับผืนดิน
ที่นกกาก็คงกินมิหมด ถึงยอมปล่อยคว้างอย่างมิเหลียวแล


และ...
แม้กระทั่งมนุษย์ ในเกาะแห่งเศรษฐกิจการท่องเที่ยวแสนดี
ที่ทุกวันนี้
 คงไม่ค่อยมีคนละเมียด
มานั่งคว้านมานั่งทำกระท้อนทรงเครื่องฤาแช่อิ่ม
 ด้วยคงคิดว่าเปล่าเปลืองเสียเวลา..

หาได้ซึ้งค่าที่จักสืบทอด
ภูมิปัญญาการแกะสลักผลไม้ไทย
อันมีฝีมือละมุนละม่อมละเมียด
ที่แสนเลิศวิไลให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก


 ดั่งบทเห่เรือชมเครื่องคาวหวาน
 บทพระราชนิพนธ์ โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ 

เห่ชมผลไม้ 


       ผลชิดแช่อิ่มโอ้             เอมใจ  
หอมชื่นกลืนหวานใน          อกชู้  
รื่นรื่นรสรมย์ใด                  ฤๅดุจ นี้แม่ 
 หวานเลิศเหลือรู้รู้               แต่เนื้อนงพาลฯ  
               
 ผลชิดแช่อิ่มอบ                    หอมตรลบล้ำเหลือหวาน  
รสไหนไม่เปรียบปาน           หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ  
 
ตาลเฉาะเหมาะใจจริง           รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ  
คิดความยามพิสมัย                หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น 

ผลจากเจ้าลอยแก้ว                บอกความแล้วจากจำเป็น  
จากช้ำน้ำตากระเด็น              เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง  

หมากปรางนางปอกแล้ว         ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง  
ยามชื่นรื่นโรยแรง                 ปรางอิ่มอาบซาบนาสา  
 
หวนห่วงม่วงหมอนทอง           อีกอกร่องรสโอชา  
คิดความยามนิทรา                 อุราแนบแอบอกอร  
 
ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น                      เรียกส้มฉุนใช้นามกร  
หวนถวิลลิ้นลมงอน                 ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน  
 
พลับจีนจักด้วยมีด                  ทำประณีตน้ำตาลกวน 
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน              ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ  

น้อยหน่านำเมล็ดออก             ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์  
มือใครไหนจักทัน                   เทียบเทียมที่ฝีมือนาง  
................


หยดน้ำ....ยืนนิ่งๆกลางสะพานเล็กๆ
ที่ทอดผ่านลำธารสายงามในอดีต

ที่ณ..บัดนี้...
รกเรื้อด้วยดงหญ้า
ดงไม้นานาพันธุ์
เถาวัลย์พันเกี่ยวเลี้ยวลดแทรกซอนเซาะไซ้ไผ่กอ
ที่กำลังเสียดสีด้วยแรงลมพัดผ่านแผ่วผิวหวิวแว่ว
ให้เกิดเสียงดนตรีธรรมชาติ
ที่ดูราวกับไร้ใครสนใจเหลียวแลอยากฟัง...ในวันนี้ณ..วันนี้..!.

 ในมโนนึกของหยดน้ำ..
ได้ยินเสียงตัวเอง
และเด็กๆร้องเพลงเสียงหวานใสลอยลมมา
และ....
ก่อนที่จะพากันกรูเกรียวขึ้นไปคว้าเถาวัลย์โหนเหนี่ยว
ทิ้งตัวลงยังธารน้ำสายใสใหลเย็น ณ.เบื้องล่าง


นั่นภาพเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ
แก้มอิ่มพรื้มเพราชมพูพริ้งพราว
ผมเปียลีบลู่กวัดแกว่งไปมา
ยามใบหน้าแหงนเงยหัวเราะเริงร่าแสนสนุก
และ..
เรือนผมถูกแตะแต้มด้วยรวงละอองเกสรพราว
กราวร่วงจากดวงดอกจิกสีชมพูพริ้งพร่างพรมห่มหอมงามให้

เธอ....หัวเราะเสียงดัง
ก่อนที่จะพากันแข่งกับเพื่อนๆ
กรูขึ้นบนตลิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า
และเฝ้าคว้ากิ่งเถาวัลย์โหนตัว
อย่างแสนสราญบานเบิกใจเป็นที่สุด


เป็นความสราญใจสนุกสนาน
ที่ทำให้หัวใจและร่างเธอได้พร่างด้วยกระแสสายน้ำเย็นใส
อย่างยากจะเลือนลืม...ลืมเลือน....

ในทรงจำ.....
เธอจะค่อยๆลอยตัวเหนือสายน้ำ
ด้วยการทำร่างให้เบาสบายราวไร้น้ำหนัก
และ...
ให้สายน้ำซัดร่าง
พาไปตามเส้นทางสายคดเคี้ยวสู่ทะเลเบื้องล่างแลละลิบ
ด้วยเวิ้งน้ำหม่นมัวสลัวรางในม่านฝน


ที่ยามนั้นด้วยกมลดวงใจใสเยาว์
เธอหาได้หวาดกลัว..หวั่นเกรงไม่
ราวเธอมั่นใจเกินร้อยว่า
*คืบก็ทะเลศอกก็ทะเลคือเพื่อนใจ*
ที่จักไม่มีวันทำร้ายกรายกล้ำเธอ
และกลืนชีวาเพื่อนเธอผู้ใด
หากชีวาชีวิตใคร ยังไม่ถึงคราวถึงฆาต  ถึงเวลาชะตาขาด 


เธอจะเฝ้านอนดูท้องฟ้า
และให้สายน้ำสายฝนในบางครานั้น....
ซัดพาร่างลอยละล่องไปเรื่อยๆเอื่อยๆอวลงาม
 ด้วยดวงดอกโพธิ์ทะเลสีเหลืองละมุนที่ขึ้นอยู่ริมตลิ่ง
 และ...


เฝ้าดูพวงเงาะ
ห้อยย้อยแดงดกไปทั่วราวกิ่งอย่างยั่วแย้มให้เด็ดมาชิม
ที่เธอ...ไม่กล้าเหนี่ยวกิ่งเก็บมากิน
 เพราะกลัวคำสาปแช่งของเจ้าของสวน

เธอ..แย้มยิ้มกับฟ้ากว้าง 
กับสายน้ำเย็นฉ่ำ กับระร่ำรื่นแห่งธารน้ำ สายสงบสุข
ที่ทำ ให้หัวใจอิ่มใส เย็นงามตาม วิถีไพร


และ
กับการกลับมาในวันนี้ที่พาลพาให้ น้ำตาเธอคนดี ปริ่มตา
เมื่อกาลเวลาล่วงผ่านเลย...
เธอ..
จึงแหงนเงยขึ้นซ่อนหยาดน้ำตา
พร้อมกระซิบกับฟ้ากว้าง
กับความดายเดียวแห่งฟ้าดิน
ที่แสนรับรู้รอยอาลัยถวิลในดวงใจอ้างว้าง
ว่า...
เธอยังมิสิ้นอาวรณ์ในเงางามสงบ
แม้ในยามนี้ที่กลับมาพบโลก และวิถีผู้คนที่แปรไป


ในคลองตา...เธอ... เห็นทุเรียนต้นใหญ่สูงเสียดฟ้า
แผ่เรียวกิ่งกว้าง
 ใบกระจ่างในพรายแดดสีทอง
ทอทอดลอดโลมไล้ให้แสงเงาพริบพร่าง
 

ที่ ณ บัดนี้ ห้อยลูกเล็กๆ ใหญ่น้อย
ไปตามกิ่ง แน่นขนัด
รอเวลาทิ้งตัวหลุดร่วง หรือให้เจ้าของสวนมาเก็บไป
ทุเรียนสวนที่หอมอร่อย รสชาติแปลกดี
ที่..
 ณ บัดนี้ 
เธอ พิสวาสเพียงผลงามแปลก หนามแทงแยก ตะปุ่มตะป่ำ
 ทั้งลูกเล็กๆ ที่น่ารักนัก
 ที่ธรรมชาติหยิบยื่นมาให้
ไม่ว่าสี รูปพรรณ หรือรสชาติอย่างชาญฉลาด
อย่างเกินที่จะเข้าใจในมหัศจรรย์รักนี้ที่ธรรมชาติแลฟ้าดินประทาน
................


และ..นั่น!...
อีกภาพ...ที่เธอตราจำไว้ในเงางามแห่งดวงใจ


ภาพ....
บึงบัวสีขาวไสวกลางสวน
เคียงเนินทรายดอกพราว
ภาพใบบัวแผ่กว้างเขียวไพลเขียวพรายแผ่กระจายบานลอยเต็มบึง


และ...
ในท่ามแสงตะวันรอนอ่อนสร้อยเศร้าซึ้ง
กับเรือลำน้อยสีน้ำเงิน
เด็กหญิงแก้มอิ่มพริ้มเพรา
ในชุดกระโปรงบานฟ่องสีขาวนั่งกลางลำ
และ..
มีเด็กชายผิวคล้ำเปลือยร่างท่อนบน
กำลังลอยคอช่วยเข็นเรือลำน้อย

ให้เจ้าหญิงที่มี...*มงกุฏสายบัว*ล้อมวงหน้านวลใส
ค่อยๆใช้พายพาไปกลางธารใสไหลเย็น


เธอ...
คนที่มีเขาคอยเคียงข้างมิร้างแรมไกล
ไปไหนไปกัน
อย่างพี่ชายอย่างผู้พิทักษ์
อย่างเพื่อนรักที่รู้ใจที่เข้าใจ
อย่างคนที่รอให้ที่พักพิงพึ่งใจ
คอยเอาใจราวเจ้าหญิงในทุกวันเวลา หากเธอต้องการ
ราว
ข้าทาสผู้ภักดีพลีรัก
ที่ขอแค่เห็นรอยแย้มยิ้มยินดีจากเธอ...ก็เป็นพอ..ก็พอใจปิติใจ....


เขา...
ค่อยคอยเอื้อมเก็บบัวดอกนั้นดอกนี้เท่าที่เธอบัญชาการ
ด้วยน้ำเสียงหวานใสอย่างออดอ้อน 
อย่างที่รู้ดีว่าเขานั่นยินดีพลีทำทุกสิ่งให้
ยกเว้น...ดาวเดือน

เธอ..ยิ้มหวานใสไร้เดียงสา
เมื่อเขาคว้าบัวมาได้มากมาย
ให้เธอนำมากองไว้กลางตักเธอ
อย่างไม่กลัวเปียกปอน


เธอยกขึ้นจุมพิตช้าๆ
ตรงกลางกลีบเกสรหวานบานพราว
อย่างมิหวั่นเกรงภู่ผึ้งภมรจะพากันร่ำร้องอิจฉา
และ
เพียรบอกให้เขาทำตาม
เขาปรามด้วยเสียงพี่ชายกำราบน้องคนดื้อ
บอกให้ระวังว่าเสื้อสวยจะเลอะหมดแล้วด้วยโคลนเลน
หาก..
เธอยิ่งแกล้งได้แกล้งดีแทนที่จะเชื่อฟัง
กลับทำท่าเอนตัวให้เขาอกสั่นขวัญหาย
คล้ายจะกลับกระโดดลงไปในน้ำ...คว่ำเรือเสียแทน
แล้วแย้มยิ้มหัวเราะเสียงดัง
เมื่อเห็นท่าทางอันแสนน่าตลกตกใจของเขา


เธอร้องเพลงขับขานเสียงหวานใส
ลอยไปกับฟ้าสีเงินกระจ่าง
ในท่ามบึงบัวและเรือสีน้ำเงิน..

บทเพลงที่ยังคงฝังใจจำมาจนวันนี้...


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3719.html
เรือลำหนึ่ง ....

หากชีวิต เปรียบดังทะเล
ฉัน คงคล้าย เป็นเรือ ล่องไป
ให้ลมพาพัดไป
ไร้ ทิศทาง
สุดขอบฟ้า กว้างใหญ่
ใคร รู้ บ้าง
สุดท้ายหนทาง
จะร้าย หรือดี
มีความหวัง
ฝั่ง อันแสนไกล
เห็น เพียงแสงรำไร อ้างว้าง
จะมีใครสักคน
หรือ ไม่มี
หากคืนไหน ไร้ ดาว
เหงา ทุก ที
ชีวิตก็อย่างนี้
อยากมี ความหมาย
เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง
ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่
ฟ้า คลื่นลมซัดมา
ก็ หวั่น ไหว
ในใจมีแต่จุดหมาย คือฝั่ง
มันจะไกลสักเพียงไหน ต้องไป
แม้ ว่าในหัวใจ ไม่มีใครเลย

ฉัน ก็คงเป็นแค่เพียง
ผงฝุ่นในสายลม ไม่มี
ไม่มีความหมายใด
ไม่ มี ใคร
มรสุม พัด ผ่าน
ทาน ไว้ ได้
ชีวิตวันต่อไป
ไม่มีใคร รู้
เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง
ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่
ฟ้า คลื่นลมซัดมา
ก็ หวั่น ไหว
ในใจมีแต่จุดหมาย คือฝั่ง
มันจะไกลสักเพียงไหน ต้องไป
แม้ ว่าในหัวใจ ไม่มีใครเลย
เราคงเป็นดั่งเรือน้อย ลำหนึ่ง
ในทะเลแห่งชีวิต กว้างใหญ่
ฟ้า คลื่นลมซัดมา
ก็ หวั่น ไหว... 
........................
 

และ...
ในหนาวน้ำตา..
กับวันนี้..ที่กลับมา
เมื่อเธอคนดี...
ย้อนรอยรำลึกซึ้งค่าแห่งน้ำใจภักดีบูชาใสงาม
ที่เขาเคยพร่างรินให้กับเธออย่างมิรู้สิ้นรู้จบ
ทบทวีคูณตราบจนวันลาร่าง


ภาพเด็กชายน้อยผู้แสนรักเธอรักมั่น
คงแสนเหน็บหนาวในวันนั้นในบึงนั้น

หากทำไมเล่า....!
เธอจึงเห็นเพียงรอยยิ้มกว้างอย่างแสนรักภักดิ์พลี
อย่างแสนดีแสนเสียสละด้วยความอดทนเสมอมา
ที่เธอแสนซึ้งค่าอย่างในยามนี้ที่แสนสายเกิน...


คนดี..หยดน้ำ...
ขอพลีน้ำตานะนาทีนี้นะดวงใจ
ขอให้...
มวลเมฆและ
ดวงดาวบนฟากฟ้ากว้าง...กล่อมเห่คุณ...
ให้นำทางไปพบสวรรค์พราว...ราวเรียวรุ้งอย่างที่คุณวาดหวัง...


และ
เพียรเฝ้าเพียงสร้างกรรมดีแด่ทุกผู้คน
ตราบจนนาทีสุดท้าย
ที่
ร่างไร้สิ้นลม
แลดวงวิญญาณของคุณถูกห้อมห่มด้วยสายฝนพรำ
ในวันที่เครื่องบินตก....อย่างเหน็บหนาว
ราว
ดวงใจหยดน้ำฝนและหยาดน้ำตานางฟ้าร่ำไห้พอกัน
ผู้หญิงที่คุณแสนรักรอมานานวัน
ได้มาปันพลีโอบเอื้ออ้อมภักดิ์ให้อ้อมตักไออุ่น
ในอ้อมกอด...พร้อมปิดเปลือกตานะยอดรัก..
และ...


หวังวอนฟ้าดิน...
ได้กล่อมคุณ...
ให้นิทราหลับสบาย...ฝันดี...ไปนานเนานิรันดร์....
จนกว่า..
จะถึงวันที่เราสองจะได้พบกันอีก..ใช่ไหมเล่าคนดีที่รัก
และ...
หยดน้ำ...ยังคงวาดหวัง
ให้...ดวงดาราบนฟากฟ้า...
ทำหน้าที่แทนดวงตาแห่งรักภักดีแห่งดวงใจคุณ
เฝ้าหมุนละมุนมาคอยส่องนำทางใจ

เฝ้าปกป้องคุ้มผองภัย
แด่*เด็กผู้หญิงน้อย**เจ้าหญิงน้อยๆ*
ที่...
คุณรักแสนรัก...ภักดิ์แสนภักดิ์
ดั่งดวงใจไปตราบชั่วกาล....
..........................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
ณ....วันนี้ ละครทีวี เรือนมยุรา 

ญ.... ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น
นานแสนนาน ฮืม
จึงมาเจอกัน
คล้ายบางสิ่งผูกพัน
ร้อยใจเราร่วมกัน
ช..... ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น
นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน
ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา
ช.... ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ.... หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช.... รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ.... คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป

ช.... ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ.... หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช..... รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ.... คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย

พร้อม.... นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป... 
................

				
18 สิงหาคม 2552 16:29 น.

แด่..กวีน้อย..น้องชาย..ในสายใจ..!

พุด

3514171945_4ac231e650.jpg?v=0
พี่พุดครับ ทุกเรื่อง และแทบจะทุกคำ ผมอ่าน  ที่บอกว่า แทบจะทุกคำ ผมอ่านแบบจับใจความ....

จริงๆ ผมมีหลายเรื่องจะพูด จะเขียน จะพิมพ์  แต่ผมเป็นคนเดียว ไม่อาจทำในหลายๆสิ่งที่ต้องการ...

คือ งานที่พี่พุดตอบผมในเรื่องที่แล้ว  ผมอ่านแล้วอ่านอีก  แต่ผมไม่อยากอธิบายอะไรมากมาย  ขอ สรุปเลยแล้วกัน  ผมเชื่อว่า ดอกไม้งามคู่ควรกับคนดี

แต่ผมเองแค่เห็นดอกไม้งาม  แม้หวังจะหยิบมาดมดอมให้ชื่นใจก็ถูกห้าม  เมื่อห้ามไม่ให้นำดอกไม้จากต้นๆนั้นมา  ผมก็จะไม่เอาหรอกครับ

หากทว่า ถ้าผมบอกว่า นำดอกไม้ไปบูชา บางทีผมอาจได้รับค่าจากต้นไม้ต้นนั้นก็ได้....

ผมเองก็ยังเป็นตัวตนของผม  ที่มีทั้งดีและชั่วตามประสา  หากใครมองผมดีเกินไป ก็อาจไม่ใช่ตัวผม และหากมองว่าแย่จนเกินไป  แล้วนั่นคือตัวผมจริงหรอ...

จริงๆ ผมไม่น่ามาทำให้บ้านพี่พุด รกรุงรัง จากถ้อยคำที่ไม่งดงาม  

แต่คนอย่างผมก็ยังเดินตามฝัน  ที่เลือนลาง  และแบกความหวังจาก พ่อและแม่เอาไว้ รวมถึงพี่ๆ และน้อง  ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นผม...

ทั้งๆที่ความฝันและความหวังของพ่อและแม่กับผม  เดินคนละสาย

หากผมไม่เคยศึกษาธรรมะบ้าง  ผมอาจไม่ได้มีชีวตถึงปานนี้  ผมเคยคิดว่าถ้าคนอย่างผมต้องตาย จะมีคนสักคนร้องไห้เพราะผมไหม?  นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมาในอดีต  ใครจะรู้ว่า ผู้ชาย ที่ดูจะมีอารมณ์ขัน คือคนช่างคิดและเก็บกด รวมถึงอดทนอย่างไร้สาระ

ที่ผมไม่คิดฆ่าตัวตาย...ทั้งที่ผมไม่ได้ผิดหวังอะไรมาก แต่สภาวะแวดล้อมที่แก่งแย่งชิงดี  ทำให้ผมเบื่อหน่าย ผุ้ชายที่โง่เขลาอย่างผม  เป็นเพียงแค่ที่รองรับอารมณ์  อาจจะมองผมเป็นแค่เศษสวะ  ชีวิตรอบข้างผมแสนจะเครียด...........

แต่การฆ่าตัวตาย เป็นบาปมาก เท่ากับ  
1 ทำให้พระพุทธเจ้าเลือดห้อ-กรณีพระเทวทัตกลิ้งหิน สะเก็ดถูกข้อเท้า  
2 ฆ่าพระอรหันต์
3. ทำพระสงฆ์ให้แตกแยกสามัคคี
4 ฆ่าพ่อ
5 ฆ่าแม่

ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า จำได้หมด หรือถูกต้องไหม?  แต่ที่แน่ๆ การฆ่าตัวตายเป็นบาปมากๆ

ที่ผมเกริ่นมาบอก เพราะมีช่วงหนึ่งเวลาหนึ่ง ที่ผุ้ชายคนนี้เครียด และกังวลกับหลายๆสิ่ง  แต่เพราะผมได้อ่านหนังสือธรรมะอยู่บ้าง แบบนานๆที ผมจึง ยังมีชีวิตอยู่เท่าทุกวันนี้

และผมก็ต้องการเสนอว่า อย่าฆ่าตัวเองเลย....  สามสี่วันก่อน ผมรู้จักน้องสาวคนหนึ่ง ที่รู้จักกันมาเกือบปี  เธอผิดหวังและเสียใจกับคนรักบ่อยครั้ง  แต่เธอก็มาปรึกษากับผม บ่อยๆ เวลามีปัญหา  แต่ไม่นานมานี้  เธอฆ่าตัวตาย  ผมจึงเสียใจและสงสารเธอมาก  ทุกครั้งที่ผมนึกถึง  คนที่เคยรู้จัก คนที่เคยสนิทสนม  ผมได้พูดว่า ไม่น่าเลย..และน่าสงสาร  เพราะชีวิตหลังความตาย ต้องรับกรรมแสนสาหัส  นี่เเหละที่ผมสงสาร

ผมเป็นชอบคิดไปเรื่อยเปื่อย ดังนั้น ถ้าไร้สาระก็ขอ อภัยด้วยนะครับ  แต่อย่าได้มองว่า  ดอกไม้ที่ผมเก็บมานั้น จะต้องเหยียบย่ำซ้ำรอย ตราบใดที่ผมยังไม่ได้ทำ  พี่พุดเคยบอกผมเองว่า มองแต่โลกในแง่ดี  แล้วพี่พุดไม่มองในแง่ดีล่ะครับ  เผื่อพี่พุดจะเห็นอีกทาง ที่มันดีบ้าง....

รักแลเคารพ  พี่สาวแสนสวย น้ำใจงาม  นามพี่พุด  ยอดรักแห่งน้ำ-ไพร ที่หนึ่งเสมอ 
 กวีน้อยเจ้าสำราญครับ  



น้องชาย...ในสายใจ

ฝนกำลังปรอยสาย ในนาทีนี้
ในขณะที่สายตาพาสายใจ
ไล่ไปตามตัวอักษรของน้องอย่างตั้งใจ
อย่าง..
แสนซาบซึ้ง
ในฤดีของพี่พุดอย่างที่สุดแล้ว

น้องชาย...ที่รัก
แก้วหน้าบ้านกำลังให้หอม
ราวอยากฝากกระซิบบอก
ข้ามขอบฟ้าไกล....
ไปปลอบประโลมใจน้อง
ว่า..
อย่าคิดมาก อย่าอาวรณ์วาดหวัง
สิ่งใด..
ทั้งในอดีตที่ลาเลือนลอยลับมิหวนกลับคืน
และ..
อนาคตที่ไม่แน่ว่าจักชื่นฤาช้ำ
จะพบระกำระทมตรอมตรมสักเพียงไหน

น้องรัก..
ยิ้มสิครับผม

ยิ้มหวานหวานรับแสงอรุณสีทองที่สาดส่อง
มาสอนจิตเตือนใจ
ให้ดวงใจเรายังคงปิติเกษมไสว
ไม่ยอมท้อแท้แพ้พ่าย..
และ..
ไม่หลงใช้ลมหายใจ ณ ขณะปัจจุบัน
ไปกับความหวั่นหวามไหว
ที่ไม่มีสรรพสิ่งใดเที่ยงแท้แลแน่นอน

ลมแห่งภักดิ์
รักอันละเมียดอันละมุน
อันกรุ่นด้วยเมตตาธรรม
จักล้ำค่า
จงใช้เวลาทุกนาทีแห่งชีวิต
อย่างภาคภูมิที่เราเกิดมาในพสุธาทอง
ในแผ่นดินแห่งร่มพระรัตนตรัย
เป็นคนไทหัวใจทอง
ใต้ฟ้าพุทธภูมิ...

น้องรัก...
น่าปลาบปลื้มเพียงใด
ที่เรามีร่มฉัตรเพชรกางกั้น
ประดุจดั่งขวัญหล้า
ภายใต้ร่มเศวตรฉัตรแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ที่มีพระพ่อหลวงทรงทศพิธราชธรรม
มีพระจริยาวัตรเลิศล้ำ
มีน้ำพระทัย
ดั่งหยาดน้ำค้างฟ้า
ที่พร่างลงมาจากสวรรค์สรวง
ด้วยทรงห่วงใยพสกนิกร
อย่างเท่าเทียมทุกถิ่นที่  ทุกธุลีหล้า
ข้าแผ่นดิน...
พระองค์ทรงรินน้ำใจผ่านหยาดพระเสโท
ที่ราวหยาดเพชรร่วง
พลีแด่ปวงชนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร
ให้..
รู้ซึ้งค่าคำว่า*ให้*อย่างไร้ร้องขอ
สอนสัจจธรรมล้ำเลิศให้รู้สร้างสรรปันพลี
ความพอดีพอเพียง
................................
น้องรัก...
บทที่น้องอ่านถึงในเรื่อง
*ธรรมรจนา   โพธิจิต*
ชายคนหนึ่งที่เขาไม่เคยได้ซาบซึ้ง
ในรสพระธรรม
ชีวิตเขาจึงพลันว่ายวนในโลกวัตถุ
ที่แม้นตัวเขาก็ยังไม่รู้คำตอบด้วยซ้ำ
ว่า..
ชีวิตนี้เกิดมาทำไม เพื่ออะไร
และ
นั่นคือความเบื่อหน่าย
พาให้เขาได้ค้นพบความล่วงหลุดพ้น
จากสิ่งที่รัดรึงตรึงตรมพันธนา
จาก...
มายาแห่งการเกิดดับนับเนื่องอสงไขย
จากกรรมใดใครก่อใครรับ
และ..
นับไม่สิ้นภพชาติ...
จิตจึ่งจะพบความสว่างสงบสะอาด
แล้ว..
เลิกยึดมั่น ในความเป็นตัวตน
ให้กมลได้รักษาศีล สร้างกุศล
สะสมเสบียงบุญภาวนา
จนมีสติปัญญา
พาค้นพบอัญมณีล้ำค่า
ณ ภายในใจเราเอง...
จนสิ้นเพรงกรรม

น้องรัก....
พี่พุด..
ตระหนักดีถึงความเป็นธรรมดาแห่งเสน่หา
มายามนตราพิสวาท กับทุกบทบาทชีวาชีวิต
ที่ยังติดในรสเกษมซ่านซึ้งหวาน
ปานประดุจดั่งน้ำผึ้งสวรรค์
ยังคงหวังวาดอย่างงดงาม
ว่า...
ในท่ามโลกแล้งหลอนลวงนี้
เราจะพบคนดี ใครสักคน ที่ใช่เลย
ที่ประทับใจ ที่จักเกาะเกี่ยวก้อยกันไป
สู่แดนขวัญสวรรค์รมณีย์
หรือ....
บางทีคือแดนสุขนิรันดร์
หลัง..
เรียนรู้ ผ่านพ้นบทเรียนทางโลกย์
ทั้งซึ้งโศกแสนสุข..
เลือก..ตามรอยบาทพระบรมศาสดา
ไม่เอาทั้งสุขสนุกแลทุกข์ร้อนร้ายมากรายกล้ำ
หลัง...
พบพระธรรม  ณ  กลางใจ
ที่สว่างไสวสุกใส
ราวดวงแก้วประภัสสร
ให้..
ค่อยละอาวรณ์อาลัยถวิล
สิ้น...
ความยึดมั่นถือมั่น
ให้ละทิ้งตัวตน ไม่ต้องวนมารับอนันตกรรม
อันเวียนว่ายวนซ้ำย้ำรอยเดิม
ไม่รู้จักกี่ภพชาติ

น้องชาย...
เวลาจะสอนให้รู้ค่า
คำว่า
*เห็นทุกข์เห็นธรรม*
เห็น..
สายน้ำตาร่ำจะเบื่อหน่ายคลายกำหนัด
และ..
สามารถขจัด..ทุกข์กิเลส เหตุแห่งทุกข์
ให้ค่อยๆพัฒนาไปสู่ความสิ้นสุดหลุดพ้น
แห่งการหลง พะวงภักดิ์พลี
ที่..
ทุกชีวิตนี้ต้องเรียนรู้และค้นพบด้วยตัวเองค่ะ...!



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
สี่แผ่นดิน

คนมี ชีวิตและกายา
ถือ กำเนิดเกิดมา
เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย
ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่
กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน
เป็นแดน ที่ให้ชีวา
พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน
คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน
เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย
ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน

ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน... 



3514977994_4c7331d834.jpg?v=03514980044_69d04ea7b9.jpg?v=03514979294_1118f1c205.jpg?v=02533791134_4deec5711d.jpg?v=0				
18 สิงหาคม 2552 16:24 น.

รสสุคนธ์..พ่าย

พุด

3514980044_69d04ea7b9.jpg?v=03514172351_32a8eb719c.jpg?v=03514978252_6ba3855c53.jpg?v=0
จะลงเรื่องใหม่แทนค่ะ
คืนนี้นะคะ
เพราะซ้ำกันค่ะ
อ่านเรื่องเก่าของพี่พุดไพรไปพลางๆ
ขอตัวไปเต้นระบำก่อนค่ะอิอิ


ในนามแห่งความรัก!


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song200.html
(ในฝัน)
...................

นวลบุญ..
กำลังเอนกายลงนอนบนเตียงไม้ไผ่
ในกระท่อมพิมานสรวงแสนขวัญอย่างช้าช้า

ที่มีฟูกอัดนุ่น ปูผ้าสีขาวสะอาดสะอ้าน รอรับร่าง
มีหมอนสองใบที่ริมหมอนยังหอมกรุ่น
ด้วยดวงดอกลั่มทม ราวรับรู้ระทมระกำล้ำลึก
ภายในดวงใจดวงรานดวงหวานซ่อนซึ้งโศกดวงนี้
ที่กำลังดายเดียวสุดทน..แล้ว


เธอ..คนดี..
นอนนิ่งงัน..กับทุกสรรพสิ่ง

มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรนกไพร
ร้องหวานแว่วแผ่วมา
ราวรับรู้ซึ้งโศกสะเทือนแทน
ในท่ามแสงตะเกียงวูบไหว
กับชายมุ้งไหวระบัด
ที่เธอค่อยๆผูกเก็บชายขึ้นไว้อย่างเรียบร้อย 

มีเพียงโต๊ะเล็กริมหน้าต่างกับลั่นทมดอกงามสะพรั่ง
กำลังบานพราวอวดดอกหวานเศร้า
ให้ยิ่งหนาวใจในทุกราวกิ่งราวใจให้ยิ่งเงียบงาม


น่าแปลกนัก 
ที่ในราตรีเงียบงามนี้
ผู้หญิงที่เจ้าน้ำตาเหมือนเด็กขี้แย อ่อนแอ อ่อนหวาน
ด้วยนวลใจรับรานเศร้าดายเดียวได้ง่ายดายนัก
กลับ..สิ้นไร้น้ำตา...
เสมือนเคยมีคนกล่าวว่า..แสนจะน่าเป็นห่วง...
หาก
วันใดที่หัวใจดวงนวลละมุนสลาย!
คล้ายแม้นน้ำตาก็มิอาจหลั่งริน
นั่น..
คงหมายถึงความสูญสิ้ถวิลเทวษเหลือคณานับ..


 เธอ..
เห็นบุหลันงาม...
ลอยดวงเด่นเหนือทิวเขาสลับซับช้อน
แห่งไพรพฤกษ์พงพนา 
ที่ซ่อนตัวหลับลึกหลีกเร้น
จากความวายวุ่นของเมืองหลวง
ในท่ามกลาง
*กระท่อมพิมานสรวงแสนขวัญ*
กระท่อมที่ก่อเกิดในพื้นพิภพนี้
ที่มีเพียงสองแห่งในหล้าโลก
ด้วย*นามแห่งความรักภักดี*ระหว่างเราสอง..


ด้วยน้ำพักน้ำแรงของ..
ยอดรักยอดหฤทัยของเธอ
*ภาคย์*
คือนามแห่งเทวดา
ผู้หอบรักแท้รักนี้รักพลีภักดิ์เดียว
มามอบให้แด่เธอ...
ผู้ฝังตัวปลีกร่างห่างไกลจากแสงสีศิวิไลซ์
ห่างไกล
จากใจผู้คนในโลกวัตถุทุกข์ทนมากมายวายวุ่น
ราวอยู่ปลายโลกร้างลำพัง
อันแสนงามเงียบเรียบง่าย
ที่เธอและเขาพอใจที่จะเลือกมาใช้ชีวิตด้วยกัน..


เขาคนดี
สุภาพบุรุษชาติไพร
ที่มีหัวใจดวงธรรมดวงทองอันผ่องผุด
ที่บานพราวราวดอกบัวแก้วพิสุทธิ์
ลอยเหนือโลกย์นิรพาน

เขา....คนดี!
ที่สอนให้เธอได้เรียนรู้รัก
รับตระการดอกไม้หวานบานพราว
*ราวอัญมณีเพชร*
ที่พรายพร่างช่วงโชติชัชวาลย์
หวานแสนหวานงามแสนงาม
มาส่องกระจ่างนำเส้นทางใจเส้นทางจิตเส้นทางชีวิต
ให้เคียงคู่จับมือกุมกันไปในเส้นทางธรรมเส้นทางทอง
เพื่อลอยล่องพานาวาทองแห่งชีวิต


ไปสถิตทอด
*เป็นดั่งรักนิรันดร์*
ในอาณาจักรแห่งพระนิพพาน
แดนดินที่มิไกลห่างหากมีกุศลทานมากบารมี
เพียงเพียรให้พอ
ด้วยการรักษาศีลบริสุทธิ์ฝึกสมาธิภาวนา
จะเกิดดวงปัญญาฉายฉานชัด
แจ่มจำรัสราวนิรมิตจับจิตใสว่าง
จน
พบวิมุตติหลุดพ้นทาง
แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนับอสงไขยชั่วกาลกัปป์


เขาคนดี ...เทวดาแห่งภักดิ์พลี
ที่มาสอน..
ให้รู้ค่าคำ*รักด้วยจิต*
อันล้ำลึกเหนือโลกย์โศกสุขนี้
ที่..
มิหวังครอบครองแค่เนื้อหนัง
ที่มินานวันก็จะเน่าเปื่อยหลุดร่วง
เป็นหนึ่งเดียวกับธุลีหล้าฟ้าแลดิน
แลบางทีอาจสูญสิ้นสลาย
กลายร่างงามเป็นเหยื่อเต่าตมเสียก่อน
หาก...
ประมาทและพบกับการหลับไม่ฟื้นตื่นไม่ได้แล้ว


ฝึกคำตายก่อนตาย
การใช้ชีวิตไม่หลงยึดติดยึดมั่น
ให้มีมรณาณุสติกำกับใจกายมิให้ประมาท
และ...
เพียรวาดวงชีวี
ให้ใช้เวลาทุกนาที
กับลมหายใจนี้ที่พลีพร้อมยังประโยชน์
เพื่อผองชนคนทุกข์ทนยาก
อีกมากมายนัก 
ที่เกิดมา
เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น


ให้รู้ซึ้งถึงค่าคำล้ำเลอเลิศ
*ปาฎิหารย์รักมหัศจรรย์รอ*
มาโบกโบยความงาม
แล..
มาสอนให้เชื่อมั่นศรัทธา
รู้ค่าแห่งความงามความดีพลีจิต
อุทิศชีวิตเพื่อแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง..
ที่เราผองได้พากันหยัดยืน..ในผืนดินอันงามอุดม
ทั้งด้านจิตวิญญาณและทรัพยากรธรรมชาติ
ราวฟ้าบันดาลสวรรค์เมตตา


นวลบุญ...
รัก..*กระท่อมพิมานสรวงแสนขวัญ*
ที่ราวสวรรค์เรียบง่ายลอยลงมาเยือนหล้า
บ้านป่าบ้านไพร
ที่..
มาสอนให้เข้าใจ
ถึงวิถีงามแห่งการพึ่งพาพึ่งพิง
ได้เอนอิงอ้อมจิตอ้อมใจไปกับธรรมชาติงาม
รู้รักความพอดีพอเพียง


ทุกสิ่งภายนอกในโลกนี้ก็เพียงแค่นี้แค่นั้น
หากจิตใสภายในรู้อิ่มทิพย์อิ่มฝันอิ่มสุขอิ่มงาม
ก็..
ราวอัญมณีพร่างพราว
ไร้ความต้องการมายาวัตถุใด
มาต่อเติมมาเพิ่มสุขเพียงภายนอกอีกต่อไป
ที่..
แค่หลอกให้หลงยึดมั่นถือมั่น
หลงฝันหลงเพ้อละเมอวนว่ายในวิบาก


เทวดา..เดินดิน...ที่เธอแสนรัก
สร้าง
*กระท่อมทับแห่งรักนิรันดร์นี้*
ด้วยน้ำพักน้ำแรง
ด้วยแรงรักภักดี
ที่เธอแสนภาคภูมิปิติ
ที่..
เขาบอกชั่วชีวิตนี้
เขามีเธอเท่านั้น
ที่จะจำตราติดตรึงไปตราบชีวิตจะหาไม่..
ที่ช่างแผกคิดพิเศษพิสุทธิ์นัก


กระท่อมไม้ไผ่หลังย่อม
มุงด้วยจาก ที่ภาคย์คนดีที่แสนรัก
เพียรเลือกใบจากแต่ละใบด้วยตัวเขาเอง
ก่อนที่..
ผู้เฒ่าในหมู่บ้าน ผู้แสนอารี
รับปาก เต็มใจทำหลังคาจากให้กับเขา
โดยไม่รับค่าตอบแทนแม้แต่บาทเดียว


ไม้ไผ่ที่เรียงรายขนาน
ไปกับสายน้ำที่หล่อเลี้ยงหมู่บ้านแห่งนี้
น้องชายคนดีหัวใจซื่อ
ที่เขาแสนถูกชะตา อาสาตัดให้เขา
และ
ลำเลียงมาส่งให้ถึงกระท่อม
โดยให้ญาติช่วยกันแบกไม้ไผ่มาส่งให้ถึงที่


นวลบุญ
รำลึกด้วยน้ำตา
วันที่...ภาคย์
โอบกอดเธอไว้ในวงแขนอันแน่นหนัก
ด้วยรักภักดี
และ..
กระซิบริมหูว่า
คนดีครับ...
ผมจะสร้าง
*กระท่อมรักนิรันดร์ที่นี่นะ 
*ชื่อพิมานสรวงแสนขวัญ*
เพราะผมรู้ดีว่าคุณต้องชอบที่นี่


คนดีรู้ไหมที่นี่
มีแต่ผู้คนเอื้ออารีเอื้อเฟื้อแบ่งปัน
ระหว่างกันภายในหมู่บ้าน
ใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน
หากไม่ใช่สักแต่ว่าใช้ 
พวกเขายังช่วยกันอนุรักษ์ฟื้นฟู
ดูแลเพื่อเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานต่อไป


ยอดรัก
มองที่โค้งฟ้าสิครับ งามนักงามหนา
ยามวสันต์ลา
ฟ้าใกล้ค่ำ
หรือ...
วันที่บุหลันลอยดวง
อวดอรชรอ้อนสองเรานะดวงใจ
ที่เราจะประคองเคียงกันชี้ชม
บนเปลยวนหน้ากระท่อม
ที่..
ผมจะผูกไว้ให้เราสองได้เบียดซุกแอบอกอุ่น
อิงแก้มแลกหอมให้แก่กันและกัน
เป็นระยะยามคลอเคลียเฝ้ามอง


คนดี..ดวงใจ
ผมรู้นะครับ
คุณรักสถานที่สงบ สันโดษ เรียบง่าย 
ซึ่งเต็มไปด้วยความงดงามแห่งวิถีธรรมชาติ
คนดี..ครับ
ฝันของยอดรักยอดดวงใจของผมกำลังจะเป็นจริง
คือสิ่งที่ผมพลีได้เพื่อคุณยกเว้นดาวเดือน

ผมจะสร้างกระท่อมนี้
ที่ไม่มีพื้น เป็นไม้
หากใช้ทรายละเอียดเป็นพื้น
ที่ผมจะหาบหามาเองจากแม่น้ำก่อนใส่
ด้วยตาข่ายสีน้ำเงินชนิดละเอียด
เพื่อให้ได้เม็ดทรายละเอียดที่สุดเท่านั้น


ก่อนโรยกรวดไว้เต็มพื้นกระท่อม
และ...
ผมจะบรรจงเรียงหินกรวดมนจากแม่น้ำ
ที่เช้าตรู่ทุกวัน 
ผมจะไปเดินลุยลำธารน้ำใส
เพื่อ..
คัดเลือกหินกรวดมนแต่ละก้อน
ด้วยหัวใจละเอียดอ่อน
ที่ผมจะวางเฉพาะจุดที่เป็นทางเท้าสำหรับ
เดินในกระท่อมเท่านั้นครับคนดี


นวลบุญ..
เศร้านัก..!
หากในวันนี้เธอรู้ดี
คืนวันแสนดีแสนรักระหว่างกัน
ที่ได้ผูกพันถักทอ
ด้วยรักด้วยเข้าใจก็เกินมากพอ
ที่จะตราจำหวาน
ให้เธอทบทวนด้วยความงามความภาคภูมิใจ
ในรักอันแสนยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยายนี้
ที่..
เธอแสนโชคดี...
ได้พบได้รักได้ภักดี 
ได้มีคืนวันที่แสนดีแสนงาม
ยามเคียงข้างประคองได้ใช้ชีวิตร่วมกัน


คืนวัน..
ที่มีแต่คำหวานคำรัก
เฝ้าคอยทนุถนอมห่วงใยกันและกัน
ปันแบ่งทั้งทางโลกทางธรรม
เพื่อน้อมนำชีวิต
ให้งดงามเตรียมผ่านภพภูมิรักนิรันดร์
มิพัก..
พรากจากแล้วจากเล่า
รักแล้วรักเล่า
เฝ้าแต่โหยหาคร่ำครวญ
ยามอีกฝ่ายจากไปไม่หวนคืนกลับมาอีก...


ยอดรัก
นวลบุญ..กำลังหลับตา
และในเวิ้งฝันอนันตกาล
นวลบุญ
พาร่างตัวเองไปเคียงกับคุณแล้ว
*ในดอกบัวแก้วนิรมิตแสนงามจิตงามใจ*
สองดวงใจคงมั่น*หลอมรวมรักภักดี*
แล้ว....
ก้มศิระลงกรานกราบ
เบื้องหน้าพระพุทธองค์
ด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งปิติเกษม
พร้อมกันแล้วนะบัดนี้
ก่อนที่..จะ
หันมายิ้มหวานฉ่ำเย็น
ให้แก่กันและกันนะยอดรัก
*ในอ้อมภักดิ์แห่งรักนิรันดร์*
*ในนามแห่งรักนี้*
ที่จะ
ไม่มีวันพรากลากันอีกต่อไป
ตราบนานแสนนาน
ตราบจนชั่วกาลกัปป์กัลป์...ที่มิมีวันจะสิ้นสลายลา!

 
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song200.html
ในฝัน   

หากฝันว่าฉันและเธอ 
ละเมอความรักร่วมกัน ทุกๆ วันแสน สุขฤทัย
หากความรักนั้นหนักเหลือ
แนบเนื้อเชื้อ รักดังไฟ ฉันขอตายบน ตักนาง
หากเราได้รักร่วมกัน 
ผูกพันกระสันแน่นเหนียว 
ขอรักเดียวไม่ จืดและจาง
หากเป็นดั่งเช่นที่หมาย 
จะตายฉัน ไม่ขอห่าง
ขอรักนางเนื้อนวลแน่นอน
มอบ ใจ และกาย ทุกสิ่งมั่นหมาย
ถึงตัวตายไม่คลายรักก่อน
สู้ ทน อ้อนวอน ยอมฝันแม้ยามหลับนอน
ทนกอดหมอน นานมา
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน

หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจ ปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน...

 
  

				
18 สิงหาคม 2552 10:56 น.

ยิ้มหวานหวาน..รับ..ดอกไม้บาน..ในยามเช้า..!

พุด


บันดาลใจจากบทกวี
*คำพิพากษา*
ปลอบขวัญรับวันชื่นลืมเรื่องราน
แด่น้องปรางทองปรางทิพย์


ยิ้มหวานหวานรับดอกไม้บานในยามเช้า
อย่ามัวเศร้าโศกจิตชีวิตฝัน
แค่มายามาเรียนรู้ผ่านวัยวัน
คำคนนั้นแค่น้ำลายปลายปากกา

ชีวิตคนมีมากด้านดูตรงไหน
ยุติธรรมใจเที่ยงแท้ฤาแค่ว่า
เชื่อตามคำเขาไปสิ้นเมตตา
พิพากษาตามจิตคิดมืดดำ

เจริญสติดูตัวเองดีกว่าไหม
ใช่เพ่งโทษผู้ใดหมายเหยียบย่ำ
เมตตาอภัยมองข้ามไปใจเป็นธรรม
ต่างเกิดมาชดใช้กรรมเพื่อนมนุษย์

กระจกเงาสะท้อนความคิดเราคงดีกว่า
พัฒนาจิตงามใสบริสุทธิ์
รจนาเรื่องธรรมะธรรมชาติล่วงวิมุติ
พาตนหลุดจากปลักตมบัวจมโคลน....!




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
หนึ่งในร้อย 

พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว
สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม
นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม 
น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี
เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี
ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง
ความ ดี คนเรานี่ ดีใด 
ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง
อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน
รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย

รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง... 
 


lotus-flower2.jpg				
16 สิงหาคม 2552 11:58 น.

ลีลาวดี..แด่..ช่ออักษราลี...!

พุด

dsc1667i.jpg1236577123-411-404.jpgDSC02278%20.JPGm.jpgp1000720za2.jpgR82-5.jpg
พลีแด่น้องช่อรักอักษราลี
น้องน้อยในดวงใจพี่พุดไพรค่ะ

จาก..*น้ำค้างคำ*

มาอ่านงานงามๆค่ะ
ชอบดอกลีลาวดีมากเลยค่ะ
ถ้า..
เป็นไปได้
อยากปลูกข้างๆบ้านในสวน
ให้เต็มไปเลยค่ะ เคยไปยืนข้างๆต้น
แม้เพียงต้นเดียว 
กลิ่นหอมยังโชยไปไกลเลยค่ะ 

ช่ออักษราลี  



ลีลาวดีหวานเศร้าเคล้ากลิ่นฝน
เก็บระทมบ่มไฟธาตุปรารถนา
ผลิกลีบขาวพราวไสวใต้จันทรา
เบ่งบานมาสืบหาค่าแห่งใจคน

ลั่นทมภิรมย์พรายหมายรักแท้
หนาวดวงแดฤดีร้าวคราวสับสน
บริสุทธิ์ใสไฉนเลยรู้เล่ห์คน
ลวงกมลไม่นานหวานมลาย

อธิษฐานจิตชิดใกล้ธรรมะธรรมชาติ
สิ้นสวาทวาดเพียงฝันบรรเจิดฉาย
ปลิดกลีบรักร้างพร่างพราวพราย
พลีโปรยปรายหมายสอนสัจจะใจ

ดอกลั่นทมรู้ซ่อนภักดิ์สลักลึก
ด้วยรู้สึกเศร้าโศกโลกหวามไหว
อดีตฝันวันลาลับดับสายใย
มิเคยไขว่อย่าไปคว้ามายาชีวี

จงเบ่งบานอย่างบุปผาบูชาสรวง
งามเด่นดวงชูช่อหอมศักดิ์ศรี
สะสมบุญกุศลเมตตาบารมี
เป็นมิ่งมณีประดับสรวงพ้นบ่วงกรรม...!


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song406.html
บนลานลั่นทม 

แดนดินใด ไม่แม้นแดนลานลั่นทม
ดุจดั่งสวรรค์แดนพรหม สวยสุดสมคำชมได้
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ทิว เขียว ลิ่วไกล เพลินมองไป
เสียงลมไกวกิ่งไหวดังซู่
ทิ้ง ขั้ว หล่นปลิว ลั่นทมพริ้วโชยร่วงพรู
แม้น ดังพรม ลาดปู ดุจทางสู่
สุดสวรรค์ เทวัญ

ลมรำเพย ความหอมชวนดอมลั่นทม
สูดกลิ่นถวิลเชยชม แสนสุขสมอารมณ์มั่น
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ใจ หวน ตื้นตัน เกินจำนรรจ์
เพ้อรำพันว่าหอมใดเท่า
หอม ชื่น ลั่นทม เมื่อลมพริ้วมาเบาเบา
ล้าง สิ่งตรม อกเรา ให้คลายเศร้า
ที่คอยเผา โทรมใจ... 
 


%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%6079048a9f184cc078e52c5240b640d4.JPGimg-6833.jpg				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด