31 สิงหาคม 2547 16:11 น.

กระท่อมทะเลขวัญ!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=78
(หนาวตัก)
********


ทะเล..กลับมา*กระท่อมทะเลขวัญ*ในวันนี้
กลับมานอนดูทะเลทิพย์ทะเลทองทะเลไทย
ทะเลแห่งดวงใจแห่งชีวิต..จิตวิญญาณ
ที่.....
หลอมละลายนวลเนื้อใจ
ให้หอมไพรหอมพร่างหอมหวาน
ใช่!..เค็มขมปี๋ดั่งเช่นทะเล..ทะเล


ฉะนั้น
ทะเล..
จึงมีชื่องามเช่นฉะนี้
ให้คนมากมีมากมายโอ้ละเห่ถาม
และหันมามองยามที่มีใครเรียกชื่อ..
ที่เขาคิดว่าแสนแปลก



แต่..
สำหรับทะเล..
จะชื่อนี้จะชื่อนั้นใช่จะสำคัญไฉน..
จะชื่อนี้ชื่อไหน..
ความภูมิใจในตัวเอง
ก็คงก่อเกิดจากคุณงามความดี
แค่มีชื่อดีหากทำชีวีแสนแย่
ก็สักแต่เกิดมาเป็นคน..คน..คน 
ก็แค่นั้นก็แค่นี้



ไฉนฉะนี้ เราทุกคนดีทุกดวงใจ
อย่าได้ไปหลงยึดมั่นถือมั่นเลยนะ
เพราะ
ทุกชีวัน..จำต้องมีชื่อ
ก็คือแค่นำมาใช้ในทางโลกย์
ให้มาพบโศกสุขสับสน
มิให้อลวลอลเวง
บรรเลงกันตามรอยวงกรรม 
จนกว่าจะถึงวัน...
*ตะวันใจ*ลาลับดับดวงไปชั่วนิจนิรันดร์
เพียงนั้นเพียงนี้
และแค่ใคร่ครวญเพียรค้นหาค่าขุมทรัพย์
ที่ระยับระยิบอยู่ภายในตน



เพราะตนเท่านั้นที่พึ่งแห่งตน..นะคนดี
ทะเล..แค่มาพลีค่าคำฝากอุบาย
ให้ทุกคนใช้สติมีสมาธิ
ที่จะเพียรพาพบปัญญาอันสว่างวาบวะวับวาว
ให้พราวดวงดอกว่างนะกลางใจ
เพื่อนำทางจิตนำทางใจไปในภพหน้าชาติหน้าท่ามีนะ



นาทีนี้ดนตรีธรรมชาติวาดเวิ้งฝัน
พาไปสู่สวรรค์หล้า ให้ธรรมชาติธรรมดา
ที่เราผู้ซึ่งก็ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นเฉกกัน

ที่เราพานพบเห็นอยู่ทุกวัน
ได้มากล่อมขวัญพร่าง 
ให้ได้พบแก้วกระจ่างนะกลางใจ
ให้มาสอนใจให้รู้รักรู้จักเงียบงาม
ให้ใช้ดวงตาตามค้นหา..ผสมผสานร่างจินตนาการเข้าด้วยกัน



วันนี้
ทะเล..
จึงพาชีวีชีวิตที่แสนหวานตระการงามมาค้นหา
พบฟ้าสวยสดสว่างไสว
ให้ทุกดวงใจพิสุทธิ์งามตามมาสัมผัสความงามงดเรียบง่าย
ภายใต้ชายคา*กระท่อมทะเลขวัญ*

มาร่ายมนต์ฝันบทกวี..
มาแทนที่..นะที่หนึ่งที่ทะเลหวังไปเยือน

*ที่ซึ่งขุนเขาทะลุเมฆ
บางวันฝนเสกรักโปรยหวาน
บางวันดอกไม้ได้เบ่งบาน
และบางวันลมสะท้านก็ทระนง*


ที่ชึ่งทะเลอยากจะเหชีวิตไปสัมผัสฝัน
บันดาลใจกับบรรดากวี*คลื่นใหม่*
ในแวดวงวรรณกรรม
ที่ระรินร่ำฝากผลงานมาจากยอดภู*คีรีวง*
(หนึ่งในยอดเขาสูงตระหง่านของเทือกเขาหลวง)
สูงเสียดฟ้า
ที่ด้านล่างคือต้นไม้
ห่มคลุมไปตามขุนเขาสลับซับซ้อน
จากในหุบเขาริมแม่น้ำที่ผูกเปลนอนเฝ้าจ้องมอง
ดูดวงอาทิตย์หย่อนดวงลงเบื้องหลังภูเขาหลังทุ่งนาเวิ้งว้าง*



ที่นะบัดนี้
ผลงานงามได้เข้ารอบสุดท้ายกวีนิพนธ์ซีไรท์ปี2547แล้ว
ฝากเกียรติยศให้ปรากฎแก่ผืนดิน
และแก่กวี..แก้ว คุณกานติ ณ ศรัทธา
ให้สมกับที่ได้เกิดมารจนาสิ่งที่รักด้วยความเพียร

ที่ต้องใช้ทั้งพรสวรรค์และพรแสวง 
แข่งกับความตั้งใจความขยันของตัวเอง
ถึงจะฝากผลงานอันงาม*นิยามกวีนิพนธ์*
มาประดับโลกประดับใจได้ ใช่เพียงแค่ใฝ่แค่ฝันฝันฝัน..



และ
นะที่ซึ่ง
คุณกานติ ณ ศรัทธากวีผู้กล้า
ได้ฝากคำรำพึงราวฝันไว้
หากทว่าคือ*ธรรมชาติขวัญ*อันจริงแท้
ราวสวรรค์ลอยเลื่อน
และดวงใจที่ประดุจดั่งนกไพรพร้อมจะเหินบิน
ลอยละลิ่วปลิวตามงามไปแล้วนะบัดนี้.



*ที่ซึ่งขุนเขาทะลุเมฆ*

ที่ซึ่งขุนเขาทะลุเมฆ
ฟ้าวิเวกวาววามวะวิบไหว
หมอกกระจายลอยล่องละอองไอ
นี่คือลมหายใจแห่งชีวิต

ขุนเขาสถาปนาอาณาจักร
ขอบเขตแห่งรักอันศักดิสิทธิ์
มีปราการต้นไม้ไว้ป้องพิษ
มีสายน้ำเย็นสนิทนิจนิรันดร์

เทวดาสร้างไว้มิไดเลย
นอกจากโลกจะเผยภาพในฝัน
คือสงบสะอาดมานานครัน
และแบ่งปันไปทั่วทั้งจักรวาล

ที่ซึ่งขุนเขาทะลุเมฆ
บางวันฝนเสกรักโปรยหว่าน
บางวันดอกไม้ได้เบ่งบาน
และบางวันลมสะท้านก็ทระนง

สูญไปแล้วใช่ไหมไข้เพ้อคลั่ง
เมื่อท่านมาหยุดนั่งเหนือลุ่มหลง
เหนือบุญบาปทั้งปวงที่ล่วงลง
นี่คือสิ่งสูงส่ง ณ ฟ้าพราว

ที่ซื่งขุนเขาทะลุเมฆ
เหมือนใจเสกสร้างฟ้าฝ่าเหน็บหนาว
นั่นแสงสาดหมอกวาบอยุ่วับวาว
ถามคนเอ๋ยปวดร้าวทำไมกัน*
*******



จำต้อง
กลับมาอีกทีนะคะ
ที่*กระท่อมทะเลขวัญ*
เมื่อไปไหนยังไม่ได้ตามใจฝันอิสรา.
กลับมายัง*กระท่อมทับ*
ที่มีมะพร้าวลูกดกรอบคอต้น

ที่กำลังระบัดใบไหวก้านไสวพร่างคลอลมทะเล
มีดงตาลโตนดหวานเคียงใกล้รายรอบ
มีกระบอกไม้ไผ่ปล้องใหญ่แขวนไว้ใส่น้ำตาลสด
แขวนไว้ใต้ต้น
รอคนขยันมาปีนเฉาะลูกตาล
นำน้ำตาลหวานๆมาใส่



และ
ให้ใครใครที่หัวใจขาดน้ำตาล
ทดลองชิมรสสดสดหวานหวานจากปากกระบอกตาล
ที่ลิ้นละมุนรอรับรสระรินมิสิ้นกลิ่นเมา..
และทะเลขออาจเอื้อมนำเอาบทกวี
ที่เคยตอบโต้ไว้
มาฝากผ่านทุกสายตาสายใจอีกคราครั้ง
เพื่อให้ระลึกถึงงานงาม



 
เพียงสดับคำร่ายคล้ายปลุกชีพ
เห็นใบตาลจีบลับกับขอบฟ้า
เมื่อหวันขึ้นฉายแสงแรงขึ้นมา
ให้หนุ่มนาปักต์ใต้ไต่ขึ้นตาล

น้ำตาลหวานปานหนึ่งน้ำผึ้งรวง
เมื่อพี่หลวงแบกบอก..คล้ายรอกผ่าน
ให้ประหวัดถึงกระดึงซึ่งแนบนาน
อยู่ท้ายบ้านนอกท่อง..มองเห็นลิบ

ตาลเดียวดายยืนเดี่ยว..เกี่ยวลมว่าว
เห้อ..น้องสาวมารับน้ำตาลจิบ
หวานตาลโหนดโจทย์นาน..หวานระยิบ
ก่อนเคี่ยมดิบบ่มใส่..ได้ตาลเมา

เสียงไก่เถือนขันเทือนทั้งหมู่บ้าน
ยางทะยานบินร่อนค้อนเหลี่ยมเขา
หวันจะตกเดือนจะขึ้น...ส่องถึงเรา
หนังโนราห์ตลุงเงา..จะบรรเลง

ช่วงเดือนเส หอมซัง--ครั้งนาข้าว
ทั้งลูกม่าวเด็กแย่งแข่งข่มเหง
ต้นยางเหลืองผลัดใบ...ให้วังเวง
พี่หลวงเห้อ...หนาวร้าวเล็งอยู่เมืองลวง

จิตวิญญาณเกลื่อนกระจาย..ในสายลม
เลือดเข้มขม..ปนน้ำครำ..ซ้ำเมืองหลวง
หนุ่มปักต์ใต้ฝากหัวใจไปตามดวง

รอลมว่าวพัดตกร่วง...ตรงดินเดิม
***********
 


สาวบ้านนาสาวบ้านทุ่ง..

เป็นสาวนาหลงหนังลุงนุ่งปาเต๊ะดอก
ชอบเพลงบอกเพลงโนราห์แม่ค่ะเหอ
ชอบพี่หลวงควงไปแลหลงละเมอ
หลอกให้เหรอเพ้อทุกวันมั้นน้อยใจ..
คงไม่หรอยเหมือนสาวกรุงนุ่งสั้นสั้น
คงไม่มันส์ผิวไม่ขาวดำไม่ไหว
แหลงไม่เพราะอ้อนไม่เป็นแหลงตรงใจ
แล้วมั้นไซไม่ได้แรงกับแหลงลวง
น้ำตาลปากบอกหลอกให้จิบใสพิษรัก
มั้นหวานนักไม่นานก็หายหวง
พี่หลวงเหอเจอสาวกรุงยุ่งลืมรวง
มัวแตหวงแต่หันหวันลาลับ
ลืมลูกม่าวแกงเคยเคยว่าหอม
ไปถุกหลอมสาวหมวยสวยระยับ
ลืมน้ำชุบพุงปลาในสำรับ
ลืมหนำนานอนนับเสียงดึงวัว
ทั้งเดือนสามเดือนเสเซไปไหน
คอยไม่ไหวพี่เหอเผลอมั่วซั่ว
สาวนาหว่านผ่านเดือนหกฝนระรัว
หยามหวันหลัวใจก็แล้งหมดแรงเลย..

*********


 แด่ชมรมวรรณกรรมลำน้ำตาปี
ด้วยจิตวิญญาณและเนื้อใจ

โอ้ตาปีไหลหลากเคยจากไป
ทิ้งกลิ่นไอแห่งหลังให้คลั่งหา
เมื่อจากไปใจหนึ่งคะนึงมา
คิดกี่คราคิดถึงซึ่ง...ลำนำ

ฝากดวงใจให้จมลงใต้น้ำ
เมื่อทุกยามหนาวดิ่งยิ่งระส่ำ
เพียงใด้ยลได้ยินสิ้นถ้อยคำ
ราวจะคลั่งจะใคล้ในเนื้อความ

หวังระวีคลี่งามตามเดิมดิน
หวังทิ้งสิ้นเลือดใต้ในสยาม
จะหลั่งรินไหลถมบ่มนิยาม
สงบงาม..ดั่งตาปี..ที่ข้ารัก

เถิดสายน้ำยามนี้มีเพียงเรา
สะท้อนเงากลิ่นใต้ให้ประจักษ์
เถิดตะลุงเล่นเพลงบรรเลงรัก
ให้คึกคักโถมถั่ง..ทุกวังเวียง

ขอเทริดส่งโนราห์ข้ายกทูน
มาช่วยหนุนเลือดใต้ให้ส่งเสียง
ให้ว่ากลอนฟ้อนรำ..จำสำเนียง
แว่วไกลเพี้ยงโพ้นฟ้า..ผาหลายก

เถิดตาปี..พัดพา น้ำตาหนึ่ง
ไปรวมบึงรวมหนอง..ทั้งคลองบก
เมื่อรวมสายหมายมั่น..พลันสะทก
เลือดจะซกฉาบล้ำ..ฉ่ำแผ่นดิน


**********
  


และนอกจากนั้นใกล้กระท่อมฝัน
ยังมีไม้ไทย โมกสะพรั่ง ที่ยังทนไอเค็มได้
พร่างพรายนวล..
ดวงดอกกระจิ๊ดริ๊ดมาทายทัก ทะเลจริงทะเลใจ..
ทะเล..พยายามปลูกไม้ไทย มากมาย 
และที่งามอย่างไร้ที่ติ
คือลีลาวดีหลากสีสวยเศร้า
ที่เฝ้าส่งกลิ่นระรวยในยามเย็น



ที่ดูราวกับจะเป็นพันธุ์ไม้
ที่ผู้คนทั้งรักทั้งชัง
ให้ทั้งหวานหวังและชมชื่น
แม้นจะน่าขื่นขมระทมใจในบางครั้ง
สำหรับบางคนที่ยังเชื่อถือโชคลาง
ที่บัดนี้กระทั่งคฤหาสน์มหาเศรษฐี
ก็ยินดีปลูกประดับบ้านประดับใจ
มิไหวหวั่นเมื่อนามลั่นทมนั้นได้เปลี่ยนไป๋
ผู้คนพากันหลงในมนต์สีสวยหอมเศร้าน่าเสน่หา
เหมือนผกาใจ
เปรียบหญิงงามใจ
ผู้มากความระทม
หากยังมีมนตราพาพิสวาทมิรู้คลาย
ชวนให้ชายเชยชมชิดมิเว้นวาง..



ทะเล..
พยายามสร้างกระท่อมในสวนป่า
มีโอ่งงามตามประดับไว้นะกลางสวน
ไว้ใช้ประโยชน์มากมี
เป็นที่ลอยดอกไม้งามยามมีงาน
ไว้ล้างเท้าล้างทรายก่อนกรายร่างเข้ากระท่อมทับ
เป็นโอ่งดินเผาแสนรักที่ราคาย่อมเยา
ให้เอาเพียงงามง่ายใกล้ชิดธรรมชาติดินเดิม
มาเติมต่อรัก
ที่แสนจะกลัวพลัดตกแตกหัก



สู้อุตส่าห์หอบหิ้วมาจากเกาะเกร็ดตระการ
ที่เป็นงามวิถีภูมิปัญญาไทยใช้ใจดวงรักดวงาม
ค่อยๆปั้นขึ้นมาและฝากลวดลายไว้จากพลังสมองสองมือ
ให้โลกลือให้ไทยเทศตามดู



ต้องอาศัยความรู้หลายองค์ประกอบ
ราวปั้นดินให้เป็นดาวพราวพร่างประดับฟ้าไทย
ประดับใจสอนใจให้รักในศิลปไทยให้รักษาสืบไว้
ให้กลายเป็นตำนานขวัญอันจรุงจำรัสใจ

ฝากไว้ให้ลูกหลานไทยได้ประเทืองประทับใจ
ดำเนินรอยตามไป
เอาเยี่ยงอย่างบรรพบุรุษไทย
ในทุกค่างานผ่านจิตวิญญาณเลือดเนื้อละมุนละม่อม
ละเอียดละเมียดละไม
ที่แม้นต่างประเทศยังทึ่งในฝีมือต้องยอมรับ
ไม่ว่าผลงานจักสานหรืองาน
จากทุกโครงการศิลปาชีพ..



ทะเล
ยังสร้างซุ้มไม้ไผ่ เป็นทางเดิน
ทอดริมรั้วให้ชมสวนงาม
มีดอกบัวชูช่อละออหวานเหนือบึง
ที่ขุดไว้รายรอบกระท่อมน้อย

มีปลามากมายกระโดดผึง
ล้อดวงตะวันอันอ่อนอุ่นทั้งเช้าเย็น
มีรั้วไม้ไผ่ลำทำไว้ให้มะลิวัลย์พันพร่าง
ราวเจ้าของจะบันดาลใจตามบทเพลง
ที่ผู้ประพันธ์ช่างมีนวลเนื้อใจแสนงาม
จนสามารถสร้างเนื้อเพลงได้งามพอกัน
ที่ทะเลนั้นแสนประทับจับใจ



ส่วนหนึ่งของบทเพลงสาวชาวสวน

*มองทุ่งมะลิวัลย์
เถาทอดเลื้อยพัน
รอบรั้วกระถิน
กลิ่นหอม ไกล
มะลิยังพรอด
กอดกระถินด้วยเหตุใด
แมลงแกล้งจูบดอกไม้
เหมือนมีใครแอบ จูบแก้มฉัน
โอ้ ดึก ดื่นคืนนี้
ในสวนยามราตรี
แจ่มจ้าด้วยสี แสงจันทร์
ยาม ฉันมีชายคู่
คิดดูวาบหวิวใจหวั่น

อยากให้เถา มะลิวัลย์
เป็นอ้อมแขนของ เธอ*

**********


ในบางราตรี
หากวสันต์ลีลาทิ้งช่วงนานไป
ไม่หวนคืนกลับมา
และหากทว่าดวงใจดวงนี้
ที่แสนรักสายฝนสายฝันสวรรค์ละไม

ก็จะเปิดน้ำตกที่ซ่อนไว้
ให้ระรินหยดติ๋งๆจากชายคาจาก
ฝากความรู้สึกราวฝนโปรย
ให้โชยฉ่ำระร่ำระรินใจ
ให้ไหวหวาม



ให้รินสาย ได้ความรู้สึกราวฝนจริง
ที่จะทำให้ดวงใจนิ่งงาม
หวานเศร้าได้ดายเดียวล้ำลึกดำดิ่ง

ทิ้งทุกสิ่งภายนอกไกลนอกใจ 
สร้างสงบงามใจ..ไปตามฝันวิเวก..เสกธรรมชาติงาม
ในท่ามกลางแสงเทียนอันอบอุ่นอันหอมละมุนพร่าง
ด้วยกลิ่นสล้างสดจากสมุนไพรและ
กับรสชาติผลไม้นานามาปรุงปนฝัน
ให้พลันบรรเจิดใจ



และ
กับเสียงเพลงบรรเลง
*สายน้ำเนรัญชรา*ที่มาคลอใจ
กับราตรีที่ฟ้าพร่างใส
ประดับไปด้วยดาวดวงดาริกานับหมื่นพัน
ที่กระพริบพราวพร่างแข่งกันกับ
หยาดสายน้ำผึ้งพระจันทร์
จากจันทร์ดวงแอร่มแจ่มฟ้าสีทองผ่องผุด

กับหยาดพิสุทธิ์ใสจาก*ครรลองน้ำค้าง*
พร่างพรมมาจากสวรรค์สรวง
จากหอมห้วงดวงใจปวงนางฟ้าพาพลีระริน
หวังดับสิ้นร้อนมาออดอ้อนโลก
มาฝากหวานมาฝากราน
ยามถูกแสงแดดกระทบกระทั่ง
ให้พรั่งพรูมลายสลายลาหายวับ
ราวกับจะสอนการดับมิเหลือ


ให้เผื่อใจให้เข้าใจในธรรมชาติอันหมุนวน
เฉกเช่นชีวิตคน
ที่มีการเวียนวนว่ายว่องท่องอยู่ในโลกโศกสุขนี้
ที่ก็จะช้ำๆ..ทำสิ่งอันเหมือนๆกันไปตามๆกันไป
ช่างหามนุษย์ผู้พาใจพาจิตเหนือโลกย์ยากยิ่งขึ้นทุกทีๆ


ครรลองน้ำค้างตกนะกลางใจราวสอนพิสุทธิ์ใส
ให้น้อมนำใจด้วยพระพุทธผู้บริสุทธิคุณ

น้ำค้างกลางใบบัว
น้ำค้างกลางพงไพรพฤกษ์
และทุกครรลองน้ำค้าง
ราวกับจะปลอบปลุกให้ระลึกรู้ความจริงของชีวิต
หยุดดูรู้ให้รักเมตตาพร่างพรมห่มหัวใจผู้ยากผองชน
ดั่งละออละอองน้ำค้างในท่ามกลางเมืองอันแล้งร้อน

และ
กับยามย่ำค่ำที่ตะวันใกล้ลาลับฟ้า
ทะเล...
กำลังนั่งริมฝั่งฝันสีทอง
กับใจกายนิ่งๆ
กับพรายพระจันทร์หวาน..
จนอดคิดถึงบทกวีฝัน
*พรายแสงจันทร์*ของคุณ กานติ ณ ศรัทธา..อีกคราครั้งไม่ได้



พรายแสงจันทร์

พรายแสงจันทร์ส่องฝันอันงามรื่น
กระทบพราวพริบคลื่นตื่นพลิ้วไหว
เต้นระยิบระยับงามจับใจ
ราวฝูงปลาฝันไกลไปจูบจันทร์

พรายแสงจันทร์ส่องจ้าแม้ฟ้าหม่น
ท่วงทำนองของคนอาบฝนฝัน
เย็นสนิทแม้ยากไร้ในคืนวัน
ยิ้มชั่วนิจนิรันดร์แม้ฝันร้าย

พรายแสงจันทร์กลางทำนองของเพลงขลุ่ย
วิเวกหวานผ่านปุยเมฆปุยฝ้าย
ฟังโดยใจสะอาดของหาดทราย
ฟังโดยคลื่นพลิ้วพรายใกล้ลำเรือ

พรายแสงจันทร์จับฟ้าเวลานี้
ณ  ท่ามกลางมหานทีที่ไหลเอื้อ
โอบสองฝั่งฝากใจไว้จุนเจือ
พรายแสงจันทร์แผ่เผื่อเอื้อผิวน้ำ

ค่ำที่โลกหลับใหลใต้ผืนฟ้า
พรายแสงจันทร์ส่องจ้ามาเริงร่ำ
แม้ยากปลุกทุกใจในมืดดำ
แต่พลิ้วคลื่นพรายพรำก็ร่ำเพลง*
******


ทะเล..ได้แต่ฝากจูบพรมแผ่วผิวให้โปรยปลิว
ไปจูบละอองทองบนผืนน้ำระยับยิบ

พร้อมฝากคำกระซิบพร่ำลำนำรัก
ด้วยบทเพลง
*หนาวตัก**เติมใจให้กัน*รักข้ามขอบฟ้า*ถึงทุกดวงใจ

ให้กมลละไมได้มี*กระท่อมฟากฟ้าทะเลขวัญ*
อันแสนสุขสงบงามได้ฝากใจทุกโมงยามแห่งชีวิต
และ



กับ
ค่ำคืนนี้
ขอให้ทุกดวงใจ
หลับตาฝันฝันฝันหวานหวานหวาน

ส่งใจผ่านฟ้ากว้าง
ขุนเขาทะเลเมฆ
ผ่านวิเวกงามล้ำ
กับสายแสงจันทร์อันสวยงาม
ไปถึงผู้อันเป็นที่รัก...

ยอดดวงใจภักดิ์พลี

ที่หากทว่าคืนนี้สองดวงใจ
จำใจจำพรากจากไกลกัน
ขอให้แหงนเงยหน้าขึ้น

ฝากฝันฝากใจฝากถวิลหาห่วงใย
ใช้ใจถึงใจ...
ใจเดิมพันใจ
ใจหลอมใจ
และ
ใจดวงดีพลีรักมั่นคงหนักแน่น
จักกลายเป็นดั่งใจดวงเดียวกัน
ที่
ไม่มีวัน.....
ไม่มีใคร.....
และ
ไม่มีสิ่งใด
จะมาขวางกั้นเอาไว้ได้

ราวไร้สิ้นซึ่งกาลเวลา

ทุกสรรพสิ่ง
จะยอมพ่ายให้กับผู้ที่มีรักแท้..ค่ะ

*********



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=78
หนาวตัก   
นันทิดา แก้วบัวสาย : : Key Eb  
ทะเล งาม ยามดึกดื่น
ฮึมเหมือนคลื่น หลับ
แสงเดือน จับ เจิดนภา เวหา หาว
นั่งเรือ น้อย เคลื่อนคล้อย ใต้แสงดาว
พร่าง น้ำพราว ผ่องเพชรเกล็ด นที
ดู ซิดู ใคร สอน ให้นอนหนุน ตัก
ซุก ซนนัก ไม่ กลัวน้อง จะหมองศรี
หนาว ตัก หนัก จิต ดรร-ชนี
หาก นาวี อรุโณทัย ไม่กลับคืน

ดู ซิดู ใคร สอน ให้นอนหนุน ตัก
ซุก ซนนัก ไม่ กลัวน้อง จะหมองศรี
หนาว ตัก หนัก จิต ดรร-ชนี
หาก นาวี อรุโณทัย ไม่กลับคืน...

 
  



				
30 สิงหาคม 2547 00:02 น.

สดุดีพี่นกตะวันงาน999จะครบพัน

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4370
(เก็บตะวัน)
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2247
(ดอกไม้ให้คุณ)
***********


พุด...
ขอแสดงความยินดีกับผลงานสุดยอดดวงใจ
ในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง
ของพี่นกตะวันในค่ำคืนนี้
ที่
กำลังจะครบหนึ่งพันถ้อยร้อยรจนาแล้วค่ะ

ทุกดวงใจมาแสดงคารวะสปิริต
นักสู้ผู้พิชิต
*พี่นกตะวัน*
ผู้กล้าทายท้าฝัน..เก็บตะวัน..เก็บดอกไม้
มาร่ายรสเป็นสร้อยสดอักษราฝากโลกฝัน
มาร่วมกันแต่งบทกวีสดุดีพี่เค้านะคะ

เพียง..วอนอ้อน
ทุกดวงใจมอบดวงดอกไม้จากดวงใจ
คืนกลับพี่คนละดอกดวง
กราบตักพี่คนดีผู้พลีรักสาระ
ให้บทเรียนรักบทเรียนโลกให้เราเรียนรู้
คู่ค่าคำคนบนผืนดิน
ที่มิสิ้นพยายาม

พุด
คนแรกนะคะน้องๆ
ขอฝากดวงดอกพุดพิสุทธิ์พราว
แทนน้ำใจอันใสฉ่ำเย็น
ให้พี่นกเป็นดั่ง..นกที่พาเหินบินไปเก็บตะวัน
เก็บฝันและ
บางที
สำหรับบางคน
อาจจะเป็นแรงบันดาลใจ
ได้เอื้อมไปคว้าไขว่ดวงดาวมาสู่อุ้งมือในเร็ววัน
เพียงอย่าสิ้นฝันสิ้นหวังสิ้นสร้อยศรัทธาใจ
และ
ตามสบายค่ะ
ใครจะฝากให้น้ำใจด้วยดวงดอกอะไร
ในเมื่อเรือนไทยเรือนทองเรามากมีมากดวงดอกไม้
ร้อยบุปผานานาพรรณหอมหวาน..อยู่แล้วนี่นานะคะ
*********


ร้อยดวงดอกไม้แทนดวงใจขวัญในค่ำนี้
มอบคนดีพี่นกตะวันฝันเคียงฟ้า
ลูกผู้ชายหัวใจไพรราวนกอิสรา
พุดคารวะคนดีพี่นก..ยกย่องใจ

นานเนาในใจใครเล่ารู้
ศรัทธาคู่ร่มรักมิพรากไหน
เป็นกวีศรีศักดิ์ภักดิพลีใจ
เป็นนกไพรเคียงฝันมอบวันดี

เป็นฮีโร่ผู้กล้าทายท้าฝัน
เป็นตะวันส่องนำทางกลางใจนี้
เป็นพลังรักรจนาศรัทธาพลี
เป้นความดีที่คงมั่นปันพรเพียร

เป็นตะวันมั่นคงตรงต่อฟ้า
เป็นนกกล้าเหินบินฉวัดเฉวียน
เป็นนกน้อยสอนใจมิวนเวียน
เป็นความเพียรพลีถ้อยร้อยรจนารัก

......มีต่อค่ะภาครอหายง่วงงุนงง




http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2247
ดอกไม้ให้คุณ   
แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ : : Key Eb  
ขอมอบ ดอกไม้ ในสวน
นี้เพื่อมวล ประชา
จะอยู่ แห่งไหน จะใกล้ จะไกล จนสุดขอบฟ้า
ขอมอบ ความหวัง ดั่งดอกไม้ ผลิ
สด ไสว งาม ตา
เป็นกำลังใจ ให้ คุณ
เป็นกำลังใจ ให้ เธอ
เป็นสิ่งเสนอ ให้ มา
ดวงตะวัน ทอ แสง
มิถอยแรง อัปรา
เป็น เปลวไฟที่ไหม้ นาน
เป็น สายธารที่ชุ่ม ป่า เป็น แผ่นฟ้า ทาน ทน

ดวงตะวัน ทอแสง
มิถอย แรง อัปรา
เป็น เปลวไฟที่ไหม้ นาน
เป็น สายธารที่ชุ่ม ป่า เป็น แผ่นฟ้า ทาน ทน
ขอมอบ ดอกไม้ ในสวน
ให้หอมอบอวล สู่ ชน
จงสบ สิ่ง หวัง ให้สม ตั้งใจ
ให้คลาย หมอง หม่น
ก้าว ต่อไป ตราบชีวิต สุด
ดุจ กระแส ชล
เป็นกำลังใจ ให้ คุณ
เป็นกำลังใจ ให้ เธอ
เป็นสิ่งเสนอ ให้ คุณ
เป็นกำลังใจ ให้ คุณ
เป็นกำลังใจ ให้ เธอ
เป็นสิ่งเสนอ ให้ คุณ
เป็นกำลังใจ ให้ คุณ
เป็นกำลังใจ ให้ เธอ
เป็นสิ่งเสนอ ให้ คุณ
เป็นกำลังใจ ให้ คุณ
เป็นกำลังใจ ให้ เธอ
เป็นสิ่งเสนอ ให้ คุณ...

***********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4370
เก็บตะวัน [ของแท้]   
อิทธิ พลางกูร : : Key C  
เก็บตะวัน
ที่เคย ส่องฟ้า
เก็บเอามา เก็บไว้ ในใจ
เก็บพลัง เก็บแรงแห่งแสง
ยิ่งใหญ่
รวมกันไว้
ให้เป็น หนึ่งเดียว
เก็บเอากาล เวลา ผ่านเลย
สิ่งที่เคย ผิดหวัง ช่างมัน
หนึ่งตัวตน หนึ่งคนชีวิต
แสนสั้น
เจ็บแค่นั้น ก็คง ไม่ตาย
ธรรมดา เวลาฟ้าครึ้ม
เมฆหม่น
พายุฝน อยู่บน ฟากฟ้า
คงไม่นาน ตะวันสาดแสง
แรง กล้า
ส่องให้ฟ้า งด งาม
หากตะวัน ยังเคียง คู่ฟ้า
จะมัวมา สิ้นหวัง ทำไม
เมื่อยังมี พรุ่งนี้ให้เดิน
เริ่ม ใหม่
มั่นคงไว้ ดังเช่น ตะวัน
  
ธรรมดา เวลาฟ้าครึ้ม
เมฆหม่น
พายุฝน อยู่บน ฟากฟ้า
คงไม่นาน ตะวันสาดแสง
แรง กล้า
ส่องให้ฟ้า งด งาม
หากตะวัน ยังเคียง คู่ฟ้า
จะมัวมา สิ้นหวัง ทำไม
เมื่อยังมี พรุ่งนี้ให้เดิน
เริ่ม ใหม่
มั่นคงไว้ ดังเช่น ตะวัน...

***********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4689
ร้อยบุปผา   
สุนารี ราชสีมา : : Key F#m  
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน

มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง

มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์

มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม

ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน

 
  

				
29 สิงหาคม 2547 18:34 น.

ลำนำข้าวพราวไสวในห้วงมหรรณพ

พุด


url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=25
**********

ปลีกวิเวก
ข้ามเรือลำน้อย
ค่อยค่อยพาลอยคว้างสู่ลำน้ำเจ้าพระยา
สู่ฝั่งฝัน นิรันดร์รัก*เกาะเกร็ดตระการ*


ใจดวงอิ่มงาม
ตื่นแต่อุษาสาง
แวะถวายภัตตาหารและใส่บาตร
นะลานหินโค้งลานโล่งว่างท่ามร่มธรรม..ธรรมชาติ
ให้วางทุกข์ทุกสรรพสิ่ง ทิ้งไว้ภายนอกใจ
ให้เสียงภายในกระซิบบอกสอนสั่งซ้ำๆย้ำใจตน
ฝึกให้ทาน ผ่านการเพาะบ่มโพธิจิต
ให้รู้จักชีวิต รู้เสียสละ ลดละและอย่าเลิกเพียร


เพื่อพาตนให้ข้ามพ้นสังสารวัฎฎ
แม้อาจจะต้องรอภาวนา
พาพบรหัสลับ
ที่จักไขบานประตูภายใน สู่อีกมิติหนึ่ง

ซึ่งมีเพียงตนเท่านั้นจะเพียรค้นพบ
ด้วยประสบการณ์จากตนเอง


หากมิท้อแท้แพ้พ่ายใจในคำใครคำคน
แม้นบางหนบางคราว
มากเรื่องราว
มากรายกล้ำทำร้าย
ทิ้งรอยแผลไว้ให้เจ็บปวดก็ตามที
จะสักกี่ทีกี่หน
กมลละไมก็มิยอมแพ้ใครแพ้ใจนาน
หากเซซังสิ้นหวังหวาน
ไม่ช้านานก็จะเพียรพยายามสร้างสติ


หยุดและทบทวนก้าวใหม่
ด้วยดวงใจอาจจะยังพอมีกุศลจิต
ให้พาคิดดีคิดได้
ไม่รานร้าวเศร้านาน
และดั่งบทกวีบทนี้
ที่ดั่งจะสะท้อนสะเทือนใจฝากประทับใจ
ตามติดเตือนใจสอนใจ
ให้ลุกขึ้นสู้กู้ความงามพร้อม
มิให้ดวงใจไหวครวญนาน


*อัตชีวประวัติห้าบท*ในเรื่องเหนือห้วงมหรรณพ*

1)ฉันเดินไปตามถนน
มีหลุมลึกอยู่ข้างๆ
ฉันตกลงไป
ฉันหลงทาง...ฉันสิ้นหวัง
นี่ไม่ใช่ความผิดของฉัน
แสวงหาชั่วนิจนิรันดร์เพื่อค้นหาทางออก

2
ฉันเดินบนถนนเส้นเดิม
มีหลุมลึกอยู่ข้างๆ
ฉันแสร้งมองไม่เห็น
แล้วก็ตกลงไปอีก
ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันกลับมาสู่ที่เดิม
แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของฉัน
ต้องใช้เวลาช้านานเพื่อออกจากหลุม

3)ฉันเดินบนถนนเส้นเดิม
มีหลุมลึกอยู่ข้างทาง
ฉันตกลงไปอีก...เป็นนิสัยเสียแล้ว
ดวงตาของฉันเปิดกว้าง
ฉันรู้ฉันอยู่ที่ไหน
นี่เป็นความผิดของฉัน
ฉันออกจากหลุมโดยพลัน
 
 4)ฉันเดินบนถนนเส้นเดิม
มีหลุมลึกอยู่ข้างทาง
ฉันเดินอ้อม

5) ฉันเดินบนถนนสายใหม่

*******


และ
ดั่งคำพระพทธองค์ทรงตรัสไว้
ถึง*ความไม่เที่ยง*

รู้ว่าสรรพสิ่งเป็นดั่ง
มายา ปราสาทเมฆ
ความฝัน พยับแดด
ปราศจากตัวตน 
แต่มีคุณสมบัติที่สามารถแลเห็นได้

รู้สรรพสิ่งสิ่งเป็นดั่ง
ดวงจันทร์ในฟ้ากระจ่าง
ที่สะท้อนในทะเลสาบใส
ถึงแม้ว่าพระจันทร์ไม่เคยเคลื่อนมาสู่ทะเลสาบนั้น

รู้ว่าสรรพสิ่งเป็นดั่ง
เสียงสะท้อนที่ก้อง
จากดนตรี เสียง และการร่ำไห้
กระนั้นเสียงสะท้อนนั้นหามีทำนองไม่

รู้สรรพสิ่งเป็นดั่ง
ภาพลวงตาที่นักมายากลสร้างขึ้น
ไม่ว่าเป็นม้า วัว เกวียน และสิ่งอื่นๆ
แต่สิ่งนั้นหามีอยู่ไม่..
******


และตรงท่าเรือข้ามฟาก
ดวงเลือกอุดหนุนหมวก
ฝีมือ
คนไทยทำ 
ไทยใช้ ไทยเจริญ
ใบละ20บาท มาสองใบเป็นหมวกใบเล็กมีขอบ
ลายดวงดอกไม้สอดสร้อย
ร้อยพันพร่างเหลืองไสว


และ
อีกใบ
สีฟ้าสดสว่าง
ใส่ขับเสื้อสีชมพูในวันนี้
รับกับสร้อยหินสีจากธิเบตสีเทอร์ควอย์
ห้อยด้วยจี้เงิน
กำไลขวัญยังงามวะวาววับ
สะท้อนรับเรียวแดดอุ่นละมุนหวัง
เป็นดั่งพลังอันโอบเอื้ออ่อนโยน


กับวันนี้..
วันที่เมฆใสนวลสว่างกระจ่างไปทั่วทั้งผืนฟ้า
ยามฝนลาหลบเพียงวันแห่งวสันตฤดู


ดวงยืนทอดตาเหว่ว้า
ดู
ชีวาชีวิต..
วิถีแห่งสายน้ำนามเจ้าพระยา
มากเรือนไม้โย้เย้
มีศาลาทายทักริมฝั่งฝันปันเย็นฉ่ำระร่ำรินจากชายชล
ให้กมลขวัญ  ฝันปันปรุง


คิดถึง...
รุ่งอรุณยามเช้า
ยามฟ้าพราวพราย
ด้วยสายแสงแรกแห่งดวงตะวัน
ที่คงงามแฉกส่องกระจาย
ราวรัศมีรุ้งพุ่งผ่านม่านไหมหมอกเมฆ
เสกสายหวานหว่านนภา


มวลนกกาคงผกผินบินโฉบเหยื่อ
เหนือลำน้ำจากเหนือจรดใต้
ทั่วคุ้งโค้งโล่งแลละลิบทิวทิพย์รวงทอง
ปลุกฟื้นคืนชีวิตให้ผองชนคนบนริมฝั่งฝัน
พร้อมเผชิญวันอันหมุนวนหมุนเวียน


เจดีย์กลางน้ำยังเอนไหว
เหมือนสะท้อนใจสอนใจให้รู้ว่า 
ไม่มีอะไรในโลกนี้จะตั้งมั่นอยู่คงที่คงทน
มิลับลาเสื่อมสลาย ไม่ว่าจะวัตถุหรือผู้คน
ที่พากันมาวนว่ายว่องท่องสายน้ำเจ้าพระยา 
*ลำน้ำแห่งชีวาชีวิต*


ที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของชาวนาชาวไทย
ทั่วที่ราบให้มีน้ำหว่านกล้าหว่านหวังมานานปี
ผ่านท้องทุ่งนา ป่าเขา เงาละหาน
 ผ่านบ้านผ่านเมือง
สร้างเรืองรุ่งมาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย


จากเหนือจรดใต้
เป็นสายใยอันแนบแน่นยาวยืน
บนผืนแผ่นดินทอง..นะที่แห่งนี้
มิหยุดไหลล่องหล่อเลี้ยงไทยทุ่ง มุ่งสู่ความเป็นจริง


จากที่สูง..ลงสู่ที่ต่ำ
ย้ำธรรมะ ธรรมชาติ
ไม่รู้สิ้น..
ว่าทุกสรรพสิ่ง
ย่อมคืนสู่ความเป็นธรรมดาชีวิต
ไม่มีอะไรสถิตสถาพร 
โดยไม่ยอมร่วงลับดับลง..คืนตรงสู่พื้นพสุธา
หากเราเพียรเพ่งพินิจ


ดวงอธิษฐานจิต
ในวันนี้หากดวงมีบุญหนุนนำ
ให้ใจดวงละมุนยิ่งงามสงบรำงับดับได้
ด้วยดอกความดีมีเพื่อนธรรมนำทาง
และ
ดวงตั้งใจพลีพร้อมน้อมจิตกราบกราน
พระประธานในโบสถ์คร่ำ
ขอคำอธิษฐานบนบานนั้นได้ผล


และ
เหนือสิ่งใด
ในวันนี้ที่แสนภูมิใจ
เมื่อดวง
ได้นำน้อมกมลละไม
อ่านบทกวีที่แสนงามออกอากาศ
วาดเวิ้งฝันอันละมุนละไม
ด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ


ที่
ทุกคนดีหลายดวงใจ..นิ่งฟังอย่างตั้งใจ
ถึงกับหยุดเดิน...

เสียงหวานเศร้า
มีพลังในบางครั้ง
แทรก..ทุกความรัก..ความหวัง
ความทรงจำ ความงาม ความดี
ความศรัทธาที่มีต่อผืนดิน
ดังร่ายมนตรา
ให้ก้อง..ทั่วท้องน้ำ
ลำน้ำเจ้าพระยา
ให้ฟ้าดินได้รับรู้
ถึงค่าคู่คำคนกวีเพื่อผืนพสุธา
ผู้รักรจนา
และ
มิหวังใด 
ด้วยเพียงใจรักร้อยสร้อยศักดิ์ศรี
สร้อยอักษราแห่งความดี
สร้อยชีวีชีวัน
อันเป็นพรสวรรค์พรแสวง
และ
อยากแต้มโลกนี้ด้วยดวงดอกไม้
และความงามความดี
ที่หวังจะมีชีวีทำสิ่งอันเป็นที่รัก
ฝากไว้ก่อนร่างไร้สิ้นลมหายใจ
ลาลับไปกับดวงตะวันมิช้านนาน
ขอเพียงฝากกานท์กลอน
อันหอมหวานละมุนกรุ่น
ด้วยความรักหนักแน่นภักดิ์พลี
ความมีน้ำใจเสียสละมากเมตตา
และ
การสอนให้รู้ค่ารักอันเหนือโลก
แม้นจะพบโศกสุด
ก็รู้หยุด รู้ให้ รู้อภัย
หวังเพียงใจดวงงาม
ได้สงบพบเงียบงาม
เพียงค่าแห่งความว่างในเบื้องปลาย
และฝากให้เป้นบทเรียนชีวา
ผู้ที่ยังว่ายวนในวงกรรม
ได้เรียนรู้รักอันเลอล้ำค่า
และฝากว่า
ให้เพียรหนีรักที่มักเป็นทุกข์วน
และ
ให้คนค้นคนผู้มากล้นค่า
ฝากงามแห่งธรรมชาติชีวิต
ด้วยถ้อยลิขิตรักรจนาอันน้อยนิดในธุลีไทย

ในผืนดินทองแห่งผองชน
ด้วยกมลอันอิ่มงาม
ตราบชั่วกาลนานนิรันดร์
เป็นขวัญพลีฝันดี
แด่ทุกดวงใจ



และ
น้ำตายิ่งเอ่อท้น
เมื่ออย่างน้อยก็ได้ทำกุศลจิต
ให้ทุกชีวิตได้ซึ้งซาบอิ่มเอิบอาบใจดวงเร่าร้อน
ให้หยุดผ่อนคลาย
ราวโลกคล้ายว่างลงชั่วสักขณะหนึ่ง


และ
น้ำตายิ่งล้นใจเมื่อไหววะแว่วหวาน
*บทเพลงบุพเพสันนิวาส*
ลอยแผ่วมาราวปลอบประโลม

หากวันนี้
คุณคนดีแวะผ่านมา
เห็นลีลาผู้หญิง..ผู้มาดมั่นใจ
ร่ายบทกวี..
ด้วยดวงใจ..ด้วยจิตวิญญาณ
คุณยังจะผ่านตาแบบไม่เหลียวมองได้ลงคอละหรือ!
นะคนดีที่รักเสียเป็นยิ่งนักแล้วค่ะ
*********



จบภาคแรก
และภาคต่อไป
พบกับ....คุณยายชราหมอดู
ที่ดวง..
ผ่านมาให้..ทายทัก
*ดวงชะตาของผู้เป็นที่รัก
ของใครบางคน
และ
น่าสนเท่ห์ใจที่มาในแนวเดียวกัน
ไร้คู่ไร้ขื่อ ไร้ใคร 
ถึงมีก็ไม่นานพานพลัดพรากจากลา
..........
และ
รอพบกับหนุ่มใหญ่
ที่ไม่น่าเชื่อเลย
ที่ชะตาฟ้าดินอินทร์พรหมส่งมา
พาให้พานพบ
จบลงด้วยคำว่ามหัศจรรย์ใจ
เขาคือใครใครคือเขา

หนุ่มใหญ่
บุตรชายพระฝรั่งที่เคยมาบวชกับ
พระพุทธโกษาจารย์ หลวงพ่อพุทธทาส
และ
มุ่งบำเพ็ญเพียรที่วัดเขาถ้ำวัด
สำนักวิปัสสนา
ที่ดวงได้อุทิศทาง..นำทุกดวงใจสู่ร่มธรรม

ให้เป็นดั่งฉัตรแก้วกางกั้น
คุ้มผองภัยแด่มวลมนุษยชาติ
ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยด้วยกัน


ชีวิต
วันนี้เหมือนฝัน
ส่ง..เขามา
ผู้บริหารโรงแรมระดับชาติที่ฮานอย
และที่เขมร
ที่มักต้องเดินทางทั่วโลก
เขารู้จักโลกย์เสียจนอิ่มเต็ม
และ
มีเสียงกระซิบให้เขานั้น
ทำหน้าที่สุดท้าย
คล้ายดั่งกัลยาณมิตรแด่เพื่อนมนุษย์
ด้วยบริสุทธิ์ใจบริสุทธิธรรมน้อมนำทาง

ดวง...
จะรจนา..ตามมาในไม่ช้าค่ะ
ได้โปรดรอติดตาม




http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=25
ลุ่มเจ้าพระยา   
สุเทพ วงศ์กำแหง : : Key Am  
ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน

เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...

 
  

				
28 สิงหาคม 2547 11:32 น.

สิ้นสร้อยศักดิ์ศรี

พุด

เหนือห้วงมหรรณพ
ยอมสยบสิ้นสร้อยศักดิ์ศรี
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=255
*********


สิ้นสร้อยศักดิ์ศรีราตรีผ่าน
ใจสิ้นหวานฟ้าสิ้นหวังสร้างพลังใหม่
นับจากนี้จะหนักแน่นถึงแก่นใจ
ไม่หวั่นไหววาบหวามตามโลกทัน..

จะลิขิตรจนาละวางทุกข์
ไม่มีสุขไม่มีเศร้าหนาวเหน็บขวัญ
สิ้นไร้ตนกมลว่างพบเงียบงัน
วางหอมฝันเรียกศักดิ์ศรีดีด้วยงาม..

ถึงร้อนหนาวเศร้าโศกโลกภายนอก
กระซิบบอกตอกย้ำทิวาหวาม
โลกชีวิตไม่ยึดติดเพียงนิยาม
มิวนตามรอหลุดพ้นบนทางทอง(บนทางธรรม)

มีปัญญาสอนใจบอกซ้ำซ้ำ
ลบรอยกรรมวิบากเก่าของเราสอง
มิหวังใดศรัทธาใจที่หมายปอง
เพียงเฝ้ามองเฝ้าฝันปันความดี...

ดำรงร่างดายเดียวมิเปลี่ยวเหงา
มิหลงเงาหลงฝันในวันนี้
หยุดทุกอย่างกระจ่างธรรมนำชีวี
ใจดวงดีคิดได้คล้ายบัวบาน..

โผล่พ้นน้ำลำธารใสให้เกิดก่อ
แตกชูช่อรออรุณรับแสงหวาน
สายแสงทองส่องแสงธรรมตราบชั่วกาล
กี่ภพพานพบสร้อยธรรมคุ้มกันใจ..คุ้มกันภัย!

********



เธอคือเมฆเสกสายหวานมาห้อมห่ม
มาพร่างพรมขวัญเจ้าคราวเหน็บหนาว
เธอคือสร้อยร้อยสวยด้วยรวงดาว
คล้องฝันพราวรับขวัญพลีราตรีเพ็ญ..

ราวสายลมพรมผ่านลุกขึ้นสู้
โลกยังอยู่ดอกไม้หวานบานให้เห็น
แม้นดายเดียวเปลี่ยวร้าวใจเยียบเย็น
เธอยังเป็นเช่นเทียนทองส่องกลางใจ

ราวรุ้งเรียวเกี่ยวฟ้าทางช้างเผือก
ลบหนาวเยือกให้อุ่นพร่างสว่างไสว
รจนาบทกวีที่งามงดหมดจดใจ
ระรินไหวลบโลกร้อนสอนกมล...

เธอคือสายธารหวานพรมห่มหอมร่าง
ให้ฉ่ำพร่างฉ่ำชื่นดุจสายฝน
เธอนั้นหรือคือน้ำค้างกลางกลีบรสสุคนธ์
เธอคือคนของสายธรรมนำชีวี..

เธอคือตะวันอันโอบเอื้อมนุษยชาติ
สว่างวาดรจนาร้อยสร้อยศักดิ์ศรี
เธอนะหรือคือยอดงามยอดความดี
เป็นสร้อยสีสร้อยแสงสร้างแรงรัก..

เธอคือไม้ไพรในป่าเมืองมนุษย์
สร้างพิสุทธิ์ดุจร่มธรรมล้ำค่านัก
เธอคือใครใครคือเธอเล่ายอดรัก
ยอมพลีภักดิ์ศรัทธารักศรัทธาใจในวันนี้..

*********




หลังอ่านหนังสือธรรมะ
คำสอนธิเบตเพื่อการอยู่
และตายอย่างไร้ทุกข์
*เหนือห้วงมหรรณพ*
จาก
THE TIBETAN BOOK OF
   LIVING AND DYING
     (part  1 Living )
โซเกียล รินโลเปซ เขียน
พระไพศาล วิสาโล แปล


และเล่มสำคัญ

ผลงานของกวีรางวัลดีเด่นจาก
คณะกรรมการหนังสือแห่งชาติปี2539 และ2545
   รวมบทกวี
*ที่ซึ่งขุนเขาทะลุเมฆ*
กวีนิพนธ์เข้ารอบสุดท้ายปี2547
   
กานติ ณ ศรัทธา
คนดีกวีแก้ว
คนทุ่งสงอย่างละเอียดละออ

พุดรักคำว่า
การอ่านคือ
*การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา*
และกับคำ
**ที่ซึ่งขุนเขาทะลุเมฆ
บางวันฝนเสกรักโปรยหว่าน
บางวันดอกไม้ได้เบ่งบาน
และบางวันลมสะท้านก็ทระนง*
พุด
คิดว่ามีกวีในนี้
รจนาได้งามพอกันเลยค่ะ
และ
อาจจะลำเอียง
พุดว่างามกว่าด้วยซ้ำ
หากส่งเข้าประกวด

พุดพัดชา
คิดถึงทุกดวงใจค่ะ
หลังอ่านหนังสือสองเล่มจบลง
อย่างล้นใจ
ที่อยากพลีใจแบ่งฝันปันงาม
ด้วยความรักด้วยความหวัง
ด้วยตั้งใจจะให้กำลังใจ
ด้วยรักปรารถนาดี
อยากเล่าความงดงามปลุกปลอบชีวี 
อยากให้คนดีได้อ่านหนังสือสองเล่มนี้
ด้วยกัน..
และ
พุด
ขอฝากถึงทุกดวงใจ
ที่เมล์มามากมายด้วยรักพุด
เป็นเกียรติที่ได้รับเมล์ค่ะ
และหากรักงานพุด
และอยากรู้จักรู้ใจพุด
อย่างละเอียดละเมียดละไม
ก็ฝากอ่านงานพุด500กว่าเรื่องนะคะ
ปีนี้ทั้งปี
จะอ่านหมดมั้ยละคะ

ความเป็นพุด..
ก็จะบอกจะสะท้อนสะเทือน
ในงานแล้วละค่ะคนดี

พุด
เคยมีความสุขวาง
งามเงียบเรียบง่ายมาแสนนานค่ะ
และ

นาทีนี้บทเรียนชีวี
ก็ได้สัจจธรรมค่ะ
ให้ลองอ่านหนังสือที่แนะนำทุกเล่มนะคะ
โดยเฉพาะเล่มแรก
ทำให้พุดอยากรจนาฝากคำสอนเตือนใจ
ทุกมิ่งมิตรสนิทใจเลยละคะ

พุด..
ฝากความรักและทุกสิ่ง
ที่จะบอกความเป็นชีวิตจิตวิญญาณ
กำนัลแด่ทุกคุณคนดีทุกดวงใจ
ที่เมล์มาด้วยรักและชื่นชมพุด..
ด้วย
ทุกถ้อยจากหนังสือ

คนดี
สิ่งนี้สามารถทำให้เราค่อยๆ
ล่วงลาพ้นทุกข์รัก
วิบากกรรม
ที่กระหน่ำซ้ำซัดมาค่ะ
เราจักต้องเรียนรู้โลกนะคะ
เพื่อหาดวงจิตเป็นอิสราค่ะ

และทุกงานพุด
คุณย่อมทราบว่าพุด
มักฝากข้อคิดเตือนใจไว้เสมอมา
ในงานเก่าก่อนที่พุดรู้วางว่างค่ะ

แม้นหัวใจพุด..บางครั้ง
จะละไมมากไปหน่อยในระยะหลัง
ตามกรรมตามวิบากใจ
และ
พุด
ได้
เรียนรู้จากใจตนเอง
ที่วิ่งหนีเพรงกรรมไม่พ้น
หากอย่าให้นานเกินที่จะรู้หยุดรู้ดับค่ะ
และ
รักคือไฟค่ะ
รักคือทุกข์ค่ะ
อย่าลองเล่นเลยนะคะ
ขอฝากไว้
พุด
ดีใจค่ะที่มีเมล์มากมายเข้ามา
เล่าเรื่องคุณมาสิคะ
พุดยินดีรับฟังค่ะ

อย่าลืมนะคะ
หากอยากทราบว่าพุด
เพียรฝากอะไรถึงคุณ
จากดวงใจแสนรัก
จงอ่านหนังสือนะคะ
ร้านซีเอ็ดมีค่ะ
และ
อีกเล่มนะคะ

พลังแห่งจิตปัจจุบัน
หนทางสู่แสงแห่งปัญญา
Eckhart  Tolle 
THE POWER OF NOW 
A GUIDE TO SPIRITUAL ENLIGHTENMENT
หนึ่งในหนังสือดีที่สุด
ที่วางแผงในช่วงหลายปีมานี้
ทุกประโยคนั้นเต็มไปด้วยพลังและสัจธรรม

พุดรักเล่มนี้มากค่ะ
ไปใต้ได้ถวายให้พระไปแล้วค่ะ
เลยต้องมาหาใหม่
และ
มีอีกสองเล่ม
ที่ยังตามไม่พบค่ะ
โดยนักเขียนคนนี้ที่มหัศจรรย์มากค่ะ
พุดได้แนะนำให้ใครๆ
หาไว้อ่านจนได้ผลหลายท่านแล้วค่ะ


สุดท้าย
พุดขอคารวะทุกดวงใจที่รักพุด
ทุกคำตอบ
ในทุกถ้อยแทนใจพุด
ปรากฎในหนังสือ*เหนือห้วงมหรรณพ*
ที่บอกจิตพุดแจ่มชัดยิ่งแล้วค่ะ
*******
				
26 สิงหาคม 2547 22:42 น.

ม่านมงคล!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=287
(นัดพบ)
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=452
(ม่านบังตา)



ถึง เธอจะพราก จากฉัน
ไกลกันสุดความหวัง ฉันก็ยังรักเธอ
ฉัน ยังซื่อตรงเสมอ
แม้เธอเป็นของใคร
ฉันไม่ แปร ผัน
ถึง โลกจะแหลกสลาย
จันทร์จะมืดแลหาย
ฉันไม่คลาย สัมพันธ์
ขอ เธออย่าลืมเลือนฉัน
แล้วเราคงพบกัน
เหมือนจันทร์ ที่คู่ ดารา
แต่ฉัน ยังนึกหวั่น เสมอ
รักเธอ เลือนเหมือนม่าน บังตา
บางวัน ฉันเฝ้าคอยหา เปลี่ยวอุรา
พาให้ อาวรณ์
ถึง เธอจะอยู่แห่งไหน
เธอคงไม่ลืมฉัน
เราจากกัน ร้าวรอน
ฉัน รอด้วยใจ เร่าร้อน
ทุกคืนวัน ฉันนอน ขอวอน เธอกลับคืนมา
เธอคงไม่ลืมฉัน
ดนตรี
แต่ฉัน ยังนึกหวั่น เสมอ
รักเธอ เลือนเหมือนม่าน บังตา
บางวัน ฉันเฝ้าคอยหา เปลี่ยวอุรา
พาให้อาวรณ์
ถึง เธอจะอยู่แห่งไหน
เธอคงไม่ลืมฉัน
เราจากกัน ร้าวรอน
ฉัน รอด้วยใจ เร่าร้อน
ทุกคืนวัน ฉันนอน ขอวอน
เธอกลับคืนมา...
********


บัว..ดอกงามกำลังฟังบทเพลงนี้
ที่กำลังบรรเลงโหยไห้
ราวตัดพ้อรอรักใครสักคน
และ
ในกมลละไม
ช่างอยากจะร้องดังดัง
ให้ใครสักคนได้ยินได้ฟัง


เพราะ
บางครั้งบางหนคนเรา
มักจะมีความรู้สึกลึกซึ้งดื่มด่ำดำดิ่งไปกับบทเพลง
ที่รำพึงรำพันฝันเพ้อให้ประหวัดใจ
ไปถึงความรู้สึกงดงามแสนดีที่แสนสุขใจในกาลเก่าก่อน
ลองสิ..ดวงใจ
หากเรามีอารมณ์ละไมละมุนสุนทรีย์
จงฟังดนตรีให้ชื่นให้ฉ่ำใจนะดวงใจ
ไม่ว่าบทเพลงใดจะ.. เศร้า สุข เริงร่า
หรือบทเพลงเหว่ว้าบรรเลงกล่อมให้ดวงใจสงบงามก็ตามที


บัว...ดอกนี้ ดีใจนัก
ที่เกิดมามีดวงใจรักในบทกวีและเสียงเพลง
และสามารถบรรเลงรจนา
ร้อยออกมาเป็นภาษาฝันภาษาใจภาษาจริงได้
แม้นบางครั้งบางคนจะไม่เข้าใจ
หัวใจสาวช่างฝันสวรรค์หวานแบบนี้เอาเสียเลย


ผู้หญิงที่
รักธรรมชาติ สายธาร หวานดอกไม้ 
รักสายฝน รักแสงตะเกียง รักเสียงจากธรรมชาติไพร 
รักกระท่อมใบไม้ รักดวงใจนิ่มนวลละเมียดละมุน 
รักแสงเทียนอบอุ่นในยามค่ำ 
รักตะวันตกดิน 
รักทุกสิ่งที่เงียบงามร้างไร้ให้ชีวีงามเงียบ 
รักเส้นทางสายธรรมชาติสู่ไพรลึก 
รักดำดิ่งล้ำลึกจิตวิญญาณไพร 
ภาวนาทุกชาติไป
ได้เกิดมากับงามดวงใจใครจะรู้นี้ ที่ติดดิน 
และขอรักศรัทธาเทิดทูนมิรู้สิ้น
ในชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ไทย ตราบสิ้นลม!  


เป็นรักอย่างงามแผกพิเศษพิสุทธิ์
ชนิดที่บอกมาเป็นภาษาคนภาษาเขียนสักเท่าไร
ก็ยังไม่สามารถแจงใจได้ถ้วนถี่เอาเสียเลย


มีบางวันที่
สาวบัวบังใบออกไปเต้นตะริ๊ดติ๊ดชึ่ง
แล้วพยายามจองทำเลทอง
ให้สามารถหันหน้าไปดูฟากฟ้าแสนหวาน
และดวงดอกไม้บานริมรั้วได้


ให้ชายตาชายใจใช้สายใยรัก
ดูเมฆงามยามตะวันชิงพลบ
ดูพระอาทิตย์แย้มหลบในม่านเมฆ
ทีเริ่มร่ายมนต์
เสกหว่านสายพรายพริ้มยิ้มละไมแสนใจดี
แกล้งเล่นแสงสีราวเวทีธรรมชาติ
มิแรงร้อนหากรอนรอนอ่อนหวานอบอุ่น
เป็นทีวาวันทิวาหวาม
อันอบอุ่นหอมกรุ่นกลิ่นดวงดอกแดด


และทำให้บัวรำลึกนึกถึง
บทบทเพลงพระราชนิพนธ์*ยามเย็น*
ที่ฟังทีไรหัวใจก็แสนซึ้งในงามอันแสนยิ่งใหญ่ทีนั้น
บัวขออัญเชิญมาให้ลองฟังดูนะคะ


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6191
ยามเย็น เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key C 

แดด รอน ๆ
เมื่อทินกรจะลับเหลี่ยมเม-ฆา
ทอแสงเรืองอร่าม ช่าง งาม ตา
ในนภาสลับ จับ อัม พร
แดด รอน ๆ
เมื่อทินกรจะลาโลกไป ไกล
ยามนี้จำต้องพราก จาก ดวง ใจ
ไกลแสนไกลสุดห่วง ยอด ดวง ตา
แต่ก่อนเคยคลอเคลียกัน
ทุกวันคืนรี่นอุรา
ต้องอยู่เดียวเปลี่ยววิญญา
เหมือนดัง นภา ไร้ ทินกร
แดด รอน ๆ
หากทินกรจะลาโลกไป ไกล
ความรักเราคง อยู่ คู่ กัน ไป
ในหัวใจคงอยู่ คู่ เชย ชม
แดด รอน ๆ
หมู่มวลภมรบินลอยล่องตาม ลม
คลอเคล้าพฤกษาชาติ ชื่น เชย ชม
ชมสมตามอารมณ์ ล่อง เลย ไป
ลิ่ว ลม โชย
กลิ่นพันธุ์ไม้โปรยโรยร่วงห่วงอา ลัย
ยามสายัณห์พลันพราก จาก ดวง ใจ
คอยแสงทองวันใหม่ กลับ คืน มา
แต่ก่อนเคยคลอเคลียกัน
ทุกวันคืนชื่นอุรา
ต้องอยู่เดียวเปลี่ยววิญญา
เหมือนดังนภาไร้ทินกร
โอ้ ยาม เย็น
จวบยามนี้เป็นเวลา สุด อา วรณ์
ยามไร้ความสว่างห่างทินกร
ยามรักจำจะ จร จาก กัน ไป..
*******


บทเพลงพระราชนิพนธ์นี้บัวร้องได้ตั้งแต่อายุ13ค่ะ
คุณครูของบัวชอบสอนบทเพลงพระราชนิพนธ์
ให้นักเรียนขับร้องตาม
ซึ่งไพเราะมากอย่างเช่นบทเพลง*สนต้องลม*
ที่ขึ้นต้นว่า*ลมพัดโชยพลิ้วมา เยือกเย็นอุราพาให้ชื่น*
และ
ดวงดอกบัวน้อยน้อย
เคย*เต้นบัลเล่ต์
ประกอบเพลง*เมื่อลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว*
ในงานประจำปีของอำเภอ


กับอีกบทเพลงพระราชนิพนธ์*ชะตาชีวิต*
ที่บัวเคยร้องให้คนไทยในสิงคโปร์ฟัง
และบางครั้งยังมีคนเป่าขลุ่ยคลอ
ให้ความรู้สึกงดงามดายเดียวมากค่ะ


.http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2529
ชะตาชีวิต เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key C 
นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปรานี
ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน
ขาดญาติบิดรและน้องพี่
บาปกรรมคงมี จำทนระทม
ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน
แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม
หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม
ชีวิตระทมเพราะรอมา
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี

นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย
คิดคิดมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง
ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงครอง
หลงไหลหมายปองคนปรานี
ขาดเรือนแหล่งพักพำนักนอน
ขาดญาติบิดรและน้องพี่
บาปกรรมคงมี จำทนระทม
ท้องฟ้าสายัณห์ตะวันเลือน
แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม
หากเย็นลงฟ้าคงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม
ชีวิตระทมเพราะรอมา
จวบจันทร์แจ่มฟ้านภาผ่อง
เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา
สักวันบุญมา ชะตาคงดี...
***********


และ
ในยามตะวันโพล้เพล้เหว่ว้า
บัวได้เคยบรรยายเวทีธรรมชาติ
ไว้มากมายหลายเรื่องรักรจนาเลยค่ะ

ในขณะ
ที่เห็นความงามงดของอาทิตย์อัสดง...
ไม่ว่าในยามใด
ที่ยืนอยู่ในผืนแผ่นดินทองแห่งนี้
ที่เปรียบประดุจดั่งอัญมณีเม็ดงามของโลกอุดม


ยามเย็นบนเรือเฟอรี่ในทะเลไทยทะเลทอง
ในเรื่อง*คำมั่นสัญญา*
เรือเฟอรี่ลำใหญ่...วิ่งฝ่าทะเลเงิน..งามเข้ม..
จนเกิดฟองคลื่นขาวนวล..กระจายรายรอบลำเรือ...
รัศมีฟองฝอย..ริ้วรายพรายพร่าง..
แผ่วงคลี่คลุมผืนน้ำจรดฟ้า..แลเวิ้งว่าง..กว้างไกลสุดตา....


ยามเย็น..อาทิตย์ดวงโตสีส้มสุก..ใบใหญ่เท่ากระด้ง..ใกล้ลาลับฟ้า....
แตะต้อง..ทายทักทะเล..อย่างอ่อนโยน..
นิ่มนวล..รู้ใจ..ร่ำลา..อ้อยอิ่ง..ทิ้งแสงสวย............

เบื้องบนนภา..รัศมีสีรุ้ง..ฉายฉาน..ส้ม..ปนเหลือง..
แสดแดงแรงร้อน..เริ่มราโรย..ในม่านเมฆ........
ซ่อนละมุนอุ่นไอ..กลมกลืน..ในพยัพหมอกบางเบา..นวลนุ่ม..
ดุจสายไหมหลากสี..สลับเลื่อมซ่อนลาย


คล้ายดั่ง..วิมานเมฆ..
ดังทิพย์สวรรค์ลอยเลื่อนจากฟ้า..มาแตะต้องโลก.........
ทายทัก..พักสายตา..พาสายใจไหลหลง..สัมผัสแลงาม..
.ตะลึงใจ..ตะไลฝันกับงามล้ำของม่านเมฆ..มนต์ขลัง
เสน่ห์ทะเลไทย.....
ตรึงดวงใจทุกดวง...ดื่มด่ำบนดาดฟ้าเรือ.....
ยามสนธยา..ใกล้ราตรีมาเยือนแย้ม........


หรือ
ในยามเย็นในสวนขวัญสวนสวรรค์หล้าใกล้บ้าน
ยามที่ทอดทัศนาเห็น
แสงสวยกระทบผ่านดงดอกหญ้า ต้องตกลงสู่ผืนน้ำ 
ก่อให้เกิดแสงสีทอง วิบวับวิบวับ สวยสุดใจ 
กระทบกับเส้นผมงาม เกิดประกายจรัส...... 


เมฆชมพูหวาน ราว สายไหม เกาะกลุ่ม ละเมียด 
เป็นช่อชั้นราววิมานเมฆ นวลละออน่านอนเล่น 


และ
ทุกราตรีอีกเล่า
ยามที่เฝ้าจ้องมองเห็นจันทร์ดวงแจ่มแอร่มงาม
สาดสายแสงสีทองหวานนวลละอองผ่องผุด
ทอทอดมาไล้โลมร่าง
บัว...จะยิ้มสล้างหวานเศร้า
ซึ้งน้ำตาแทบหยดไม่ทราบเพราะอะไร
ด้วยใจดวงดิบเดิมดวงดายเดียว
ที่ชอบเหว่ว้าหวลคะนึงหาใครก็ไม่รู้ที่ไม่มีตัวตน
เป็นเพียงอารมณ์ปรุงปั้นฝันเพ้อละเมอไปตามธรรมชาติ


ที่เพียงแค่ฉลาด
สามารถหยุดจับไว้ได้
เพียงมากระทบใจชั่วคราวมิได้เศร้านานรานไหว
รักษาใจมิบอบช้ำเกินจำเป็น


และ
ทุกยามเย็นบัว..จะแอบอ้อนอึ้งซึ้งจนน้ำตาร่วง
เมื่อเต้นไปกับบทเพลงที่ช่างแสนงามเศร้า
จนใจดวงร้าวนี้แทบหล่นด้วยความประทับใจโดนใจ
ในบางทีมีเชือดเฉือนใจ
ราวกับ
อยากให้หยาดเลือดรักระรินไหลไม่หยุด
ประดุจดังสายฝนพรำพรมห่มห้วงใจไม่ปรานีปราศรัย
ไม่ถนอมใจเอาเสียเลย


และ
บางครั้งเมื่อหัวใจไหวหวั่นสะเทือนไหวมากๆ
บัว..เองก็ช่างแสนเบื่อเสียนี่กระไร
ทำไมต้องเกิดมากับใจดวงละไมเกินแบบนี้ด้วยนะ


ซึ่ง
บางทีใครๆมักค่อนว่า 
แม่ศิลปินผู้ถวิลเหงาลำพัง
ไปไหนก็มักนั่งเหมือนแยกร่าง
และโลกไกลห่างผู้คนเข้าไปทุกทีๆแล้ว

ไม่สนอะไร..
นอกจากใช้สายตาสายใจสัมผัสงามธรรมชาติอย่างนิ่งงัน
สิ่งที่ดวงตาภายใน
รับอิ่มงามนั้นอย่างละม่อมละไมได้อย่างถ้วนถี่
อย่างสิ้นไร้คำอธิบายใจได้อย่างหมดจด
หมดทุกความคิดความรู้สึกที่ลึกๆๆๆๆ
เสียจนใจใครยากหยั่งถึงก้นบึ้งแห่งดวงใจอันพิลาสพิไลนี้


และ
นี่คือความเป็นผู้หญิงแบบ..บัวบังใบ..ใจละเมียดค่ะ


โอกาสนี้
บัว...ขอฝากกระซิบบอกนะคะ
ว่า...
ทุกดวงใจในร่มรักนักรักรจนานั้น
ที่ต่างพากันมาเดินบนถนนสายฝันสายดอกไม้งาม

ก็ต่างมี*เมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาบังเกิดแล้วละค่ะ
เป็นการเติมเต็มจิตวิญญาณภายในให้ยิ่งงามพร้อม
และน้อมรับสิ่งแสนดีคำมากมีค่า
ที่เราสามารถนำมาใช้สอนใจได้
ยามเราพบทุกข์ยังมิหลุดพ้นรักนะคะ


แล้ว
ไหนเรายังจะได้พบ
กับอ้อมขวัญอ้อมใจ
อันเกษมเปรมปรีย์จากเพื่อนพ้องน้องพี่
ที่มากล้นน้ำใจใสพร่างรินปลอบประโลมใจซึ่งกันและกัน


ให้ฝ่าฟันพายุใจพายุจริงพายุร้ายพายุรัก
ยามได้มาพักใจในร่มรักเรือนไทยเรือนทองนะแห่งนี้
ที่แสนมากมีมวลบุปผานานาพันธุ์
ต่างสีต่างกลีบกัน
หากเมื่อนำเมล็ดฝันพันธุ์รัก
มาปลูกสะพรั่งพรักริมเรือน
อย่างทะนุถนอม
ในสวนขวัญ
พลันก็หอมพร่างเกสรขวัญอันหวานบรรเจิดใจ


ไหนจะ
มีเรือนไม้ริมบึง
ไว้ให้เอนหลังฟังบทเพลงโบราณหวานหอม
ช่วยกล่อมเกลาให้รักงามเย็น
เน้นความสมถะเรียบง่ายไร้มายา


มีบทกวีธรรมะนำทางทอง
มีดวงดอกแก้วตระการหวานหอม
ระรินร่ำประดับใจ
ราวแก้วใสวิเศษ
มีไม้ใหม่ผลิใบผลัดแทนกันเข้ามา


มีราชินีเดือนอัลอันแจ่มจ้าพราวพราย
มีเพื่อนขวัญมากมายให้หอมจรุง
ดั่งดวงดอกไม้ไทย
ให้สนิทเนานวลรายรอบกระท่อมไพร
มีสาวนาหัวใจดิบเดิม
มาเติมความหอมยิ่งกว่าหอม
มีพวงมาลัยทองมาลัยใจมาลัยเพชรอักษรา
ราวแก้ววิเศษเลอล้ำค่า
หาไม่มีอีกแล้วในปฐพีนี้


มีภาษารักสูงส่งคงค่าคำงามล้ำ
ของนักโคลงนักอยากจะเขียน
เพียรฝันฝากมาพลีวางกำนัลนะคะ


ให้ทั้งโลกฝันโลกจริง
ได้สัมผัสงามทุกโมงยามทุกทิวาราตรีกาล
อย่างหวามหอมหลอมละลายใจ
ให้มีแต่สิ่งแสนดีแสนงาม
นามน้ำใจโอบเอื้อกันไปตราบนานเท่านาน


ราวตำนานมหัศจรรย์รัก
ที่จักจะสว่างกลายกลับ
เป็นความทรงจำอันประเทืองประทับใจ
ไม่ว่าโลกจริงจะกระชากเกลียวไป
ตามแรงวัตถุสักปานไหน

ทุกจิตวิญญาณในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
หวังจักจะมีแต่*พลังเกษม*
ให้เอมอิ่มพริ้มเพราฝากเหงางามเงียบ
ได้ฝากรักภักดิ์พลีนะคะ


และ
เหลือ
สิ่งสุดท้ายหวังให้เข้าตำรา
*เรือล่มในน้ำลำธารริมเรือนรัก*
ให้จัก
ได้ยินระฆังวิวาห์ดังกังวานหวาน
ให้คนในร่มรักสักคู่
ได้พบคู่ธรรมคู่ทองคล้องมงคลขวัญมงคลใจไปด้วยกัน
ให้หัวใจทองผ่องผุดพบพิสุทธิ์รัก


และ
หวังทองนั้นจักคู่กัลป์คู่กัป์ปไปตราบชั่วกาล
เป็น*ดั่งตำนานฝันมหัศจรรย์รัก*

ให้เราได้ร่ายรักบทกวี
เสมอเสมือนจิตวิญญาณฝันพลีเดียวกัน
ในวันมิ่งมงคลสมรสสมรัก
และ
หวังจักเป็นคู่สร้างคู่สมระดมพลังปัญญาใจ
สรรสร้างโลกใบใหญ่นี้ให้ยิ่งงดงามเป็นทวีคูณนะคะ

***********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=287
นัดพบ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี 
ถ้าเราจะนัดพบ กัน
เมื่อตะวันลับไม้
ฉันไม่หลอกจะบอกให้ อย่าเอ็ดไป สิจงฟัง
ฟัง สิฟัง สัก นิด
แล้วอย่าคิดว่าฉันสอน ว่าฉันสั่ง
ฟังสิฟัง ฟังกันเล่นเพลินเพลิน
แต่มันสุขเหลือเกิน ไม่เชื่อเชิญ ลองจำ
ถ้าเราจะนัดพบ กัน
เมื่อตะวัน พลบค่ำ
ธรรมชาติชุ่มฉ่ำ ฉ่ำชื้น ชื่น ใจ
ใต้ ร่มไม้ใบบางบาง แสงสว่างรำไรรำไร
ไม่ต้องระวังไม่ต้องระไว
จะอายทำไมกับพระจันทร์
ถ้าเราจะนัด พบ กัน
ควรให้จันทร์ เห็น ใจ
ลมอ่อนอ่อนพัด ผ่าน
ชูกิ่งก้านช่อใบ
บ้างก็แกว่งบ้างก็ไกว
บ้างเขยื้อนสะเทือนไหว
สะบัดใบไปตามลม
ผสมน้ำค้าง พร่าง พรม
เรไรจิ้งหรีดหวีดผสม
ต่างคลอต่างคล้อต่างล่ออารมณ์ เรา
ให้ชมให้ชื่น ใจ
นี่แหละถิ่นนัดพบ
แต่เราไม่พบกับใคร
เพียงแต่พบกับธรรมชาติ
แล้วเราก็อาจจะสุขใจ
ไม่ต้องไปพบ กับใคร ที่ไหน
เพลินใจ เพลิน ตา...

************
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด