30 เมษายน 2547 19:11 น.

แม่ดวงดอกกล้วยไม้ไพร!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=273
URL ttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=138
(ที่รัก)
************


*กล้วยไม้*
เป็นสาวบ้านป่าบ้านไพร
เกิดมาในป่าเขาลำเนาไพร
กับหัวใจดวงละมุนละม่อม..
หอมด้วยดวงดอกความดีที่แสนพิเศษพิสุทธิ์
ที่ตามติดเป็นเนื้อนาบุญมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
ให้ดวงใจแสนอ่อนหวาน
งามไสวสว่างราวดวงดอกไม้สวรรค์

และ
มาตรแม้นว่า...
ร่างจะเหว่ว้าอ้างว้างดายเดียว
เพราะเหลียวไปไม่มีใคร..ไม่พบใคร..
ในครอบครัวแล้วก็ตาม

แต่..
กล้วยไม้ไพรดอกนี้
ก็แสนโชคดีนัก..
ที่ยังมีพ่อ..สุดที่รัก
คอยดูแล
ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาอย่างดี
ในยามเยาว์วัย
ก่อนที่ท่านจะขอพรากลาไปทำใจใสสงบ
ไปพบงามเงียบวางว่างห่างอาวรณ์ในร่มธรรม
ร่มผ้ากาสาวพัตร์


ด้วยท่านหวังคิดจะดับรัก
หักอาลัย
ยอดหญิงในดวงใจ
แม่ของ*กล้วยไม้*.
ที่มาด่วนพรากลาไป..ตราบชั่วนิจนิรันดร
ก่อนถึงวัยอันสมควร

และ
เมื่อ..กล้วยไม้ไพร
ได้เติบใหญ่อย่างงามพร้อม
สาวน้อยละอออ่อนที่ท่านถนอมนวลมาด้วยห่วงหวง
ดั่งดวงใจ

ท่านได้
พิจารณาไกลและ
รู้เย็นเห็นว่าจักครองชีวิตนี้
ได้อย่างงามงดแล้ว

จึงได้มอบมรดก...ผืนดิน
ที่แผ้วถางและ
ปรับที่ทางที่มีมากมายหลายร้อยไร่
ลงผลหมากรากไม้
พร้อมเกี่ยวเก็บไว้ให้เลี้ยงชีพชอบ
หากรู้จักใช้ชีวิต
อย่างสมถะพอเพียงเพียงพอก็จะไม่ลำบาก


ณ..
หุบเขานั้น
ดั่งไพรรกโตรกธาร
ลดหลั่นละไล่กันไป
มีทั้งที่ราบลาดหลั่น
ไล่ระนาบลงสู่ลำธาร
สายสวยสายหวาน

ที่ค่อยๆระรินเทสายน้ำ
งามราวแพรไหมสีขาวสกาวพฤกษ์
แล้ว
ไหนยังจะได้ประโยชน์
ช่วยในงานการเกษตร

ในที่ดินยังมี
หินงามหินธรรมชาติราวแผ่นผากว้าง
ที่ไว้นอนอ้างว้างนับดาวเดือนดวงโต
ที่ราวกระด้งฝัดข้าว
และกับหวานพราวสุกใสสกาว
ด้วย ดาวพรายพร่างนับพัน
ในอ้อมฝันอ้อมฟ้า


ให้อ้อมใจลืมเหว่ว้า
สักเพียงชั่วครู่ชั่วคราว
ก็แสนดีแสนงามพอแล้ว
ให้ห้องหอมห้วงหัวใจ
ได้รับหวานระริน
จากดวงดอกไม้ป่าดอกไม้ไพร
ที่โชยกลิ่นระรินร่ำ
ทุกค่ำคืนแม้นไร้ใคร



 แม้นมีเพียงสุนัขไทยแสนรู้พันธุ์บางแก้ว
ชื่อเจ้าสิงโตเป็นดั่งเพื่อนใจผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดี
พร้อมพลีพิทักษ์เจ้านายสาวอย่างรู้ใจ
อย่างแสนดุ กับทุกผู้ที่คิดจะบุกรุก..ทั้งบ้าน..ใจ..
ก็พอแล้ว


และอีกทั้ง
กับมรดก
กระท่อมทับปีกไม้ลายสวย..
ที่พ่อคนดี
ใช้เวลานานมาก...
นับเป็นปีปี
ที่ค่อยๆเลื่อยไม้ป่า
ที่หักรานถอนรากถอนโคนลงมาเอง 
ค่อยค่อยนำมาเก็บไว้
และค่อยๆลงมือวาดแปลน
สำหรับกระท่อมแห่งความฝันหลังงาม

ที่
ตั้งใจสร้างอย่างพิถีพิถันแนบเนียน
เพียงเพื่อ
*อุทิศแด่ใครคนหนึ่งคนเดียว
ที่เกี่ยวเกาะกระจ่างสว่างนะกลางใจ
และจะเป็นดั่งดวงดอกขวัญ
เป็นหอมหวานแห่งความทรงจำ
ตราบชั่วนิจนิรันดร*


ซึ่งพ่อเคยบอก
ให้*กล้วยไม้*ได้รับรู้ว่า
*คือคำมั่นสัญญารักของพ่อที่มีต่อแม่*
เหมือนกับชาล์สที่สร้างกระท่อม
ท่ามกลางทะเลสาบสีเงินงามให้ภรรยา*
ในชุดเรื่อง*บ้านเล็กในป่าใหญ่*

ที่ทั้งแม่พ่อชอบอ่านด้วยกันอย่างไหลหลง
ในมนต์เสน่หาป่าไพร
การรู้จักต่อสู้บุกเบิกแผ้วถาง
พลิกสร้างผืนดินอย่างหาญกล้า


และ
เป็นรื่องวิถีงามแห่งการผจญไพรผจญภัย
ที่แสนยิ่งใหญ่เสียไม่มี
ในสมัยที่ป่าใหญ่ในอเมริกา
ยังอุดมและเต็มไปด้วยอินเดียนแดง

เป็นวิถีงามง่ายแสนอบอุ่นเป็นสุขกับครอบครัว
กับไพรกว้างมิร้างรัก
กับความรักอันมากมาย
ได้มีกันและกันมิอ้างว้าง
ภายในวิมานกระท่อมน้อย
กับป่าอันสงบสุขเงียบงามนิ่งงัน
ราวสรรค์ไพร สวรรค์ใจ


และ
อาศัยพ่อ..เคยเป็นครู
และมีหนังสือให้อ่านมากมาย
จึงคิดอะไรไม่เหมือนใครไม่เหมือนชาวบ้าน
ที่สร้างกระท่อมในดวงใจหลังนี้เสร็จแล้ว
กลายกลับไปละม้าย
คล้ายสไตล์อิงลิชคันทรี่ที่งามน่ารักนัก


ที่ฝรั่งบางคนแวะผ่านมาทายทักด้วยตะลึงหลง
และงงงันกับหลายสิ่งอันรายรอบงามด้วย
เช่นบึงบัวบานพราวอวดดอกไสวใกล้ลุ่มธารธรรมชาติ
ที่พ่อหว่านกอบัวสายพรายพันธุ์พร่างไว้อย่างงาม
ให้แตกกออวดช่อดอกโผล่พ้นน้ำ...โผล่เหนือน้ำ


ไว้ให้*กล้วยไม้*
ใช้เรือลำน้อยค่อยค่อยพายเด็ดทั้งสายบัว
และดอกบัวตูมบัวบานที่หวานแย้มยั่วมวลหมู่ภมร
ที่ร่อนภิรมย์ราวกับบทเพลง
ทั้งในยามรอนแสงตะวัน
และในยามอรุณรุ่ง
ที่จะนำไปพับจับจีบ
ด้วยใจละไมละมุน
ไปบูชาหลวงพ่อในโบสถ์..
กับบนหิ้งบูชาที่บ้านวิมานดินวิมานไพร


ในยามช่วงคืนที่แสนงาม
ยามจันทร์อิ่มดวงเต็มดวง
และกับคืนใสฟ้าสวย
ด้วยดวงดาวพราวฟ้าสุกสกาว
ในราตรีฝัน
ที่พ่อชอบสีไวโอลิน
ฝากม่านมนต์เพลงเสน่หา
สู่ปลายฟ้าไกล
ราวอยากให้ใครสักคน
ได้ฟังฝากฝังใจถึงใจสู่สวรรค์ไกล
ผ่านทางช้างเผือกโค้งคุ้ง
ราวเรียวรุ้งแสนรักแสนหวานที่เฝ้ารอ


บทเพลงเก่า
หากเกี่ยวใจให้*กล้วยไม้ไพร*
ตั้งแต่ยังเป็นเพียงดวงดอกเยาว์นี้..
ได้แสนซาบซึ้งตรึงใจเป็นยิ่งนัก

ในงามค่าคำรักงามภักด์พลี
ที่น้ำตากล้วยไม้นี้
จะละหลั่งรินสังเวยทันที
ที่ได้ยินได้ฟังแทบทุกครั้งครา
กับละออใจในบทเพลงลาวดวงเดือน
หรือไม่ก็เสียงขลุ่ยพ้อคลอแมกไม้สายลม
ผ่านไผ่พลิ้วละลิ่วล่อง
ท่องไปกับสายธารหวานระริน 
มิยอมสิ้น..ยอมขาด..
สายใจสายใยรัก
สายสวาท
สายเสน่หาแห่งดวงใจรัก
ฝากภักดิ์พลีภักดีใจ


และ
นี่คือ..วิถีใจอันละไมละมุน
ที่สาวงามนาม*กล้วยไม้*
ได้ใช้ดำรงใจร่างและพลีจิตวิญญาณรัก
หากจักเป็นนิรันดร์ในหวานงาม
แห่งความทรงจำในอดีต


และ
กับปัจจุบัน
กลางหุบไพรพะงันอันลี้ลับ
ที่ยังคงมีป่าดงดิบอุดมร่มครึ้มนับแสนไร่
ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้สูงใหญ่หลายคนโอบรอบ
สูงละลิ่วเทียมทิวทิพย์เมฆ
ราวป่าเรดวูดในรัฐแคลิฟอเนียร์


ที่ยังมีไม้ยางใหญ่ผิวเปลือกขาวพราวชมพู
ไม้สักทอง ไม้แดง ไม้เต็งรัง 
และไม้ที่ยังหายากมากมี
ไล่ลดหลั่นซ้อนซับสลับสล้างพร่างไพร
ไสวสดชื่นไปทั้งราวป่า
ทั้งเขียวแก่เขียวไพลเขียวใสอมน้ำตาล
เขียวพร่างอมเหลืองทองละออละออง
ทอทอดสอดก่ายเกี่ยวสลับกับเถาวัลย์พันเลื้อย
จนแทบไม่เห็นดาวเดือน


และยังมีสัตว์ป่ามากมายนานาชนิด
ทั้งหมูป่า กวางป่า ลิง ค่าง บางชะนี
กระแตกระรอกชะมด..มากมีมายนัก
รวมทั้งนกไพรนานา
มีทั้งนกเอี้ยงสีน้ำตาลปากเหลือง
นกขุนทอง นกแซงแซว
นกแก้วป่าสีเขียวมรกตหากทว่าปากสีส้มอมพู


และที่น่าอัศจรรย์คือ
ป่านี้นั้นเคยมีนกเงือก
พญานกสีดำ ปีกคาดดำคาดขาวเหลือง
หางสีขาวคาดดำ 
โดดเด่นตรงปากสีเหลืองอมส้มโง้งงอ
และ


ที่ว่าเหลือจะมหัศจรรย์คือ
นกประเภทนี้นั้นชอบป่าดงดิบที่ยังอุดมสมบรูณ์
บางคราจะพากันมาจิก*ลูกมะเดื่อ*หลากสี
เขียวอมส้มอมเหลืองอมแดง
ที่ผลคล้ายแอปเปิ๊ลหากขนาดเล็กกว่า
ที่คงจะหวานหอมอร่อยล้ำ
พาให้นกแทบทุกพันธุ์มา
สถิตจิกกินอย่างเอมอิ่มโอชารส
และบางทีก็ยังมีต้นหว้าสูงหลายสิบเมตร
ที่ออกลูกสีดำระดะดกไปทั้งต้น
พาให้ทั้งคนและนกปากดำปี๋เสียไม่มียามลองลิ้ม


และ
เคยมี*คนเก่าคนแก่*เล่าว่า
ป่าดงดิบอันแสนงามนั้น
หากคนโบร่ำโบราณเดินป่าเข้าไป
แค่ยามบ่ายเพียงนั้น
พลันต้องหยุดหาร่มไม้บังหรือกระท่อมไม้ให้ร่ม
เนื่องจาก ป่าดงดิบแสนชื้น
จะทำให้เกิดน้ำค้างพร่างสายราวฝนตกเลยทีเดียว..
นะบัดนี้จากป่าอุดมสมบูรณ์แสนดี
ที่มากมีมากมายดอกไม้ป่าหวานระริน
กล้วยไม้ไพรน่าถวิลสีม่วงละมุนกรุ่นกลิ่นหอม
บานพร้อมกันทีนับร้อยนับพันเหนือกลีบใบสีเขียวสด
ที่ขึ้นตามโขดหินหรือเหนือปุ่มปมรากไม้


ไหนยังมีกล้วยไม้
ที่พลีสีเหลืองทองสดอร่ามงามอวบอิ่มขนาดเท่าฝ่ามือ
และบางพันธุ์ที่คนภายนอกบอกว่าเหมือนกันกับพันธุ์
อ้อยช้างที่มากมีในป่าเมืองกาจญ์
และพันธุที่คล้ายว่าน..ที่คนเกาะเรียกว่า*พันธุ์เพชรหึง*
ที่เป็นงามกล้วยไม้ดอกใหญ่ที่สุดในโลก
ที่มากมีบนลานหินและคาคบไม้
จนอยากเรียกนามว่า


*มงกุฏไพร*
ที่มีกลิ่นหอมสะพรั่งรินออกดอกละลานตา
และผสานงามอย่างมิรู้ซึ้งซา
ราวจากหลายช่อรวงบุปผาสุมาลีหลากพันธุ์
ทั้งมะลิที่หอมเย็น
ทั้งกุหลาบที่หอมหวาน
ทั้งจากหอมรานร้าวเจ้ากระดังงา
ทั้งหอมแบบอ้อยช้างที่แสนตราตรึงในรู้สึก


และลำต้นมีลักษณะอวบอิ่ม
ความสูงราวสามเมตรใบสีเขียวมรกต
ยื่นยาวออกจากลำต้นทั้งสองด้านราวห้าสิบเซนต์
และจะแตกก้านดอกเฉียงออกไป
ในอากาศยาวราวสามเมตร
แต่ละช่อดอกจะประกอบด้วย
ดวงดอกพราวะละมุนม่วง
ไม่น้อยกว่า แปดสิบถึงร้อยดอก 
แต่ละกลีบดอกจะตูมแฉกแหวกพรายดอก
ออกอวดอวบอิ่มเอมอีกห้ากลีบ


และ
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้
ที่ราวกับเป็นความทรงจำอันหวานหอมตระการ
ที่*กล้วยไม้ไพร*ดวงดอกนี้
ถูกหล่อหลอมให้รู้หอมงามซึ้งค่า
ได้ซึมซึ้งตรึงซับรับรู้
ก็จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่
และที่สำคัญคือ
จากการยินดีพลีเปิดให้
นวลเนื้อใจไหวงามนี้
ที่แสนรักผืนดินเกิด
หุบเขาไพรพะงันได้รับรู้รับทราบ


ว่ายังคงมี
ป่างามอุดม
แม้นจะผ่านฝันร้าย
ทีมากคนมากหลายได้โค่นไม้
มาสร้างบ้านเรือนหมดไปเกือบสามหมี่นไร่ไปแล้ว


แต่
ก็ยังมีไม้ไพรอันสมบูรณ์ดี
ที่ยังมีโชคถูกรัฐไหวทันอนุรักษ์ไว้ทันการณ์
ให้เป็นเขตหวงห้าม*อุทยานแห่งชาติ*
ที่ใครมิบังอาจรุกล้ำได้แบบคดีที่ดินสปก
แบบที่เกาะภูเก็ต 
ที่ตอกย้ำให้หันมาเผชิญหน้ากันกับคำว่านายทุน
และเหล่าเหลือบผลประโยชน์
ที่แฝงฝังในวงราชการ


และ
หุบเขาไพรพะงัน ภูผาแห่งความฝัน
พันธุ์ไม้ไพรนานาพรรณ
กล้วยไม้ไพรนานามี
ก็เลยยังเหลือยังมีซ่อนละอองาม
*ราวอัญมณีไพรอัญมณีใจ*ในสภาพ
อันอุดมที่ยังคงเหลือน้อย
ให้ทอยทอดตัวลดหลั่นคดเคี้ยวเลี้ยวซ้อนซับสลับสล้าง
ราวมังกรกลางเกาะ..ราวผู้พิทักษ์..เพื่อนรักษ์ผืนไพร
ไว้กลางใจกลางเกาะให้ยาวนานยาวยืน


และ
ชีวิตสาวไพร นาม*กล้วยไม้*
ก็ยังจักดำเนินต่อไป
ฝ่ากระแสโลก
ที่บ่าโหมเชี่ยวกราก
มาฝากรอยร้าวไว้ให้ทั้งกายและใจคน
ที่ต้องผจญกับคำว่า..กิเลสเงิน..กิเลส
โลกย์..โลกาภิวัฒน์..ที่จะวิบัติ
หรือแสนดีแสนงาม
ก็คงต้องอาศัยใจดวงดีจิตวิญญาณดวงงาม
รู้รักษ์รู้ถนอมสืบทอดไป..สืบต่อไป


*กล้วยไม้*..
จึงจำใช้วิจารณญาณตามรอยเท้าพ่อ
เพียรใช้สมองสองมือ
แผ้วถางทางต่อไป..ในเส้นทางที่งามที่ควร
พยายามสวนกระแส..หันมาใช้ชีวิตดิบเดิม
เป็นเกษตรกรทำการเกษตรกรรม
ลงผลไม้หลากพันธุ์มากมี
เช่นเงาะ มะม่วง ลางสาด ทุเรียน 
มังคุด กระท้อน ละมุด ชมพู่ ฝรั่งพันธุ์เนื้อหวานสีชมพู 
 กล้วยมะละกอ และอีกมากมายมากมี


ทั้งแปลงผักนานาพรรณ 
ที่รุ่นพี่เกษตรกรอำเภอ
ที่จบมาจากแม่โจ้คนเก่งมากประสบการณ์
ได้ให้คำแนะนำและให้พันธุ์มาทดลอง
และทั้ง
ดอกไม้หลากสี
ที่สามารถทำเงินได้งาม
มีกุหลาบ..บานชื่น..หน้าวัวดอกยักษ์
และ
แม้กระทั่งกับดอกบัว
ที่ตัดส่งขายตามบังกาโลว์และรีสอร์ทแทบไม่ทันความต้องการ
เพราะ
ผักผลไม้*ในไร่กล้วยไม้ไพร*
ใครใครยอมรับและเชื่อถือว่าไร้สารพิษ


และเพราะในวันนี้ 
ไม่มีใครหันมาทำอาชีพเกษตรกรกันแล้ว
ทุกคนมีร้านรวงสวยงาม 
ขายเหล้าขายเบียร์ขายกาแฟ 
มีร้านเนตมากมาย
ให้นักท่องเที่ยวคนต่างชาติวาดฝันใช้ติดต่อกัน
แค่คลิ๊กมือเดียว...


และ
ทุกดวงใจ....ทุกใครๆ
ได้ก้าวล่วงล้ำผ่านรั้วไม้ไผ่พลิ้วไหว
ที่กำลังระบัดใบไกวกิ่งก้านกอเป็นแนวยาว
 เข้ามาในอาณาเขต*ผืนดินแห่งฝัน*
ราวสวรรค์ไพรนี้


ก็พลันราวกำลังจะหลุดโลก
ลอยเหนือโลก
หรือไม่ก็ราวค้นพบโลกอีกโลกหนึ่ง
ที่แสนอัศจรรย์ราวกับฝันไปในงามเงียบสงบสุข
ทุกรักทุกนักท่องเที่ยวต่างชาติ 
มักอุทานกันเป็นเสียงเดียวว่า
*พาราไดซ์ ๆ*


ที่ถึงแม้นสาว*กล้วยไม้*แสนดีใจ
แต่ก็กลับกังวล
กับกระแสโลกและสังคมการท่องเที่ยว
ที่เกี่ยวพันพากันรุกล้ำรุกรานเข้ามา
ราวไล่ล่าพรหมจรรย์ก็มิปาน

ใจ*กล้วยไม้.*.ซึ่งแสนรักเกาะมหัศจรรย์นี้
ที่ยังมีฝันงามบรรเจิด
ราวสวรรค์หวานประทานพรให้มา
และแม้นจะถึงกับเหว่ว้าสักเพียงใด
ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป


*กล้วยไม้*..
ผูกพันกับผืนป่ากลางไพรพะงันนี้มาก
ด้วยตั้งแต่ยามเยาว์
ที่ได้เห็นสองมือพ่อผู้กร้านกล้า
พร้อมหยาดเหงื่อหยดแล้วหยาดเล่า
ได้เฝ้าเพียรแผ้วถาง
 และเพียรคงไว้..
ให้ยังมีไม้ใหญ่อายุนับร้อยๆปี
อย่างรู้คุณค่า
พยายามสร้างป่าให้ยิ่งหอมงาม
ด้วยดอกดวงพวงพะยอมนานา
และด้วยพืชผักผลไม้มากมี
ที่ใช้เลี้ยงชีวีชอบได้อย่างพอเพียงเพียงพอ


และ
พลันไม่นานนี้
ที่ทางการออกหมายเวนคืน
ขอสร้างทางเลียบลัดเลาะหุบเขาลง
ตรงไปยังอีกชายฝั่งฝัน
ที่มีริมเรียวหาดกว้างเคยไร้ร้างผู้คน
หาดทรายขาวราวไร้แปดเปื้อน
มีเพียงทรายงามปรายปน
ราวนวลเนื้อแป้ง
ยามสัมผัสให้ได้หยุ่นเท้าบางเบาราวปุยนุ่น
ถนน..ที่มีเหตุผล
เพื่อเฝ้ารองรับกระแสนักท่องเที่ยว
ที่ต้องใช้เส้นทางวิบาก
มิสะดวกสบายมากรายกล้ำ..


*กล้วยไม้ไพร* ใจจึงหวั่นหวั่น
มิใช่หวั่นเพราะต้องสละผืนดินงามละออฝันมา
แต่อ้อนแต่ออกให้แก่รัฐ
เพื่อเป็นทางสาธารณประโยชน์
หากทว่ากลัวการคอรัปชั่นเสียละมากกว่า

ที่เจ้าที่รัฐนั้นอาจจะนำที่ดินไปออกโฉนดเสียเอง
มิเกรงใคร
เพียงเพื่อขายนายทุน ที่เห็นมานักต่อนักแล้ว


แล้ว..จะให้
หัวใจ*กล้วยไม้ไพร*
ที่หอมใสหอมซื่อดวงนี้..ทำไงได้
จะต้องใช้ปัญญา
วิทยายุทธิ์ไหน  มาต้านกระแสอำนาจรัฐ
นอกจากได้แต่สวดมนต์ภาวนา
ให้วิญญาณหลวงพ่อในโบสถ์
ได้โปรดช่วยปกปักรักษาให้ผืนดินเกิด
ได้เอื้อประโยชน์
ในทางที่ถูกที่ควรด้วยเถิด


บางครั้ง
หัวใจ*กล้วยไม้* ก็คิดได้ ก็คิดดี 
หัวใจดวงดี
พยายามบอกรู้หักห้ามอย่าคิดมาก

เหมือนคำหลวงพ่อเทศน์โปรดทุกวันพระ
ให้รู้ทำใจ ละวาง ปลดปล่อยว่าง
วางทุกอย่าง อย่าไปหลงยึดติดยึดมั่น
ตามโลกให้ทัน 
ดับใจให้ดีเมื่อมีไฟ
หรือขยะคนมากมายมากมีมากวนกิเลสใจ


ชีวีชีวิต*กล้วยไม้*
จึงแค่ใช้ชีวิตไปวันวันอย่างเรียบง่าย
ใช้เวลาแทบทุกอรุณรุ่ง
ลุกขึ้นมาพร้อมดาวประจำเมืองเรืองรุ่งประจำใจ
กับพร่างหอมดอกไม้ไพร
ให้ดอกไม้ใจเบ่งบาน


บางย่ำรุ่ง
ก็เปิดเพลงลูกทุ่งเนื้อหางามใจฟัง
ให้นวลเนื้อใจไหวระริกรับระรินในถ้อยระยิบงาม
ในถ้อยความถ้อยภาษา
ที่ฝากตรงไปตรงมาแสนงามใจ
และ
ก่อนที่หลวงพ่อจะสิ้น
*กล้วยไม้*
มีหน้าที่ไปวัดทุกวันถวายข้าวพระ


จึงต้องลุกขึ้นไปตักน้ำเก็บผัก
เดินแหวกหวานผ่านดงดวงดอกไม้
ผ่านเรียวร่องท้องนาสะพรั่ง
ดั่งผืนผ้าไหมสีทองกำลังโบกสะบัด
และในบางคราผ่านฤดูกาลใกล้เกี่ยวเก็บ
กับรวงเรียวห้อยย้อยคล้อยหนักแทบเคลียดิน


ที่เป็นเส้นทางเรียบง่าย
พร้อมเจ้าสิงโตคู่กายเคียงใจ
มิเคยเกรงกลัวใครทำร้าย
เพราะ
*กล้วยไม้*ใช้ชีวิตแบบพอเพียง
เพียงพอมานานวันจนชาชินจนชินชา
และสามารถยังชีพชอบ
ได้ด้วยผลไม้รายรอบกระท่อม
ที่สลับกันออกผลให้ตลอดฤดูกาล


แล้วยังมี
รุ่นพี่คนดีคนนั้นยังเฝ้าสอน
ให้ลงพันธุ์ไม้ไทยหอมๆพร่าง
เช่นโมกจำปีจำปาปาการะเวก
ลีลาวดีหรือลั่นทม
ทองกวาวชัยพฤกษ์ ลำดวนดง
และมากมายนานาพันธุ์
ให้สวนขวัญไร่หอมได้
หอมพรั่งระรินพร่างขจรขจายไกล
บางครั้ง


*กล้วยไม้*ก็แสนภูมิใจปลี้มใจ
เมื่อ..
ได้ยินเพื่อนผู้ปรารถนาดีมาเล่าให้ฟังว่า
กล้วยไม้ไพรดอกนี้นั้นถูกกล่าวขวัญว่า
ชูช่อได้ละออขวัญละออตาได้งามสง่า
งามพิสุทธิ์แม้นอยู่แดนดงในพงไพร
ด้วยงามดวงใจใสเย็นเป็นผู้ให้
ทั้งกับสังคมและคนรายรอบข้างอย่างโอบเอื้อเฟื้อ


ใช่แล้ว
*กล้วยไม้*คิด 
ราวชีวิตอยากชดเชยระทมโลก
ที่หยิบยื่นโชคร้าย
ที่สิ้นไร้ใครไม่มีแม่พ่อ
ต้องเรียนรู้กล้าสู้โลกเพียงลำพัง
ต้องรู้จักยืดหยุ่นรู้ทันเท่ากระแสโลก 
มิโศกรานมิโศกนาน
 รู้หักห้ามใจ
ไม่เพ้อบ้าหาเงินมิงาม
คล้อยตามคล้ายบางคนบางใครมากมาย
ที่มากร้ายกิเลสแห่งความอยาก
มากมีอยากๆตามๆกันไปในเกาะนี้


ที่คิดหลงผิดหลงพลาดยอมเป็นทาสเงิน
ขายยาเสพติดมอมเมาเยาวชนและพวกพ้องไทยกันเอง
จนต้องติดคุกไปตราบชั่วชีวาชีวิต
*กล้วยไม้ไพร*ดอกนี้
จึงหวังผลิเพียงดอกละออช่องามงาม
ฝากนิยาม*ให้*หากมีโอกาส
แด่
ทุกผู้คนจากกมลละไม
ไม่ว่าจะเป็นการให้คำสอนกำลังใจพลังใจ
เพื่อปลุกปลอบประโลมใจ
ก็พร้อมก็ยินดียอมพลีทำ..กับคนรอบข้าง
ที่อาจจะยังหลงในทะเลโลกย์ทะเลรัก
ไร้ฝั่งฝันเป็นที่พึ่งพิงพักใจ
ยังพาโศกใจอ้างว้างเสียยิ่งกว่า


ฉะนั้น
ทุกวันนี้
ชีวีชีวิต*กล้วยไม้*
จึงงามพรายหอมดอกดวงด้วยฉะนี้
และ
มานะวันนี้
หลังจากที่
*กล้วยไม้*
หุงข้าวหอมข้าวไร่แล้วโรยด้วยงามดอกมะลิ
ที่หอมหวานหว่านเอง
ใส่ขันเงินวะวาววับไปวัด


และ
จัดพับกลีบดอกบัวงามอย่างละเมียดละมุนใจ
กับหอมกรุ่นของกับข้าว
และจัดผลไม้ไทยหลากพรรณ
ที่ไปเด็ดเดี๋ยวนั้น
และพลันพาไปฝากให้สายน้ำจากลำธารฉ่ำเย็น
ให้ไหลผ่านจนสดฉ่ำน่าลิ้มรสกรอบอันโอชารส
เพื่อน้อมนำไปถวายบูชา
พร้อมด้วยงามใจเป็นดั่งพุทธบูชา


และ
กลับมารอเวลา..
ที่วันนี้
พี่เกษตรกรอำเภอคนดีที่นับถือ
ที่แสนดีมากมีน้ำใจคอยช่วยเหลือแนะนำ
บอกว่า
จะมีผู้ชายสองคน
หนึ่งไทย..หนุ่มไทยชื่อมังกร 
ที่ยอมเป็นไกด์กิติมศักดิ์ให้
หนึ่งฝรั่ง..


ซึ่งกำลังศึกษาพันธุกรรม
ดอกกล้วยไม้ป่าที่แสนหายาก
ในป่าดงดิบแบบ
ที่ได้ยินได้ฟังว่ายังมีหลงเหลือนะที่แห่งนี่
ที่กลางหุบไพรพะงันเพียงแห่งเดียว
และ
เป็นอาณาบริเวณที่*กล้วยไม้*เป็นเจ้าของ


เขาขอเพียงมาดูและหากเป็นไปได้
อยากเก็บไปทดลองเผยแพร่พันธุ์
อันหอมหวาน*ราวไม้สวรรค์*
อันนับวันจะหายากยิ่งนัก
และจักเป็นประโยชน์
กับวงการน้ำหอมอย่างมากมหาศาล


*กล้วยไม้*
จึงยินดี
และพร้อมที่จะพาไปยังดินแดนลี้ลับมหัศจรรย์นี้
ที่น้อยคนนักจะรู้จัก
และ
ที่*กล้วยไม้*โชคดีได้รู้จักสถานที่ในดวงใจ
นะแห่งนี้ดียิ่งกว่าใครในละแวกนี้ก็เพราะ
*พ่อคนดี*เคยนำทางไปหลายครั้งหลายหน


ช่วงเวลาที่รอ
กล้วยไม้รีบพาร่าง
แหวกวงล้อมหอมกอข้าว
ที่กำลังออกรวงพราวกับพยอมไพร
ไประเริงสายน้ำเล่น เพื่อรอเวลานัด
และทุกครา
ที่ได้ลงมาอาบฉ่ำระร่ำริน
ในสายธารแสนหวานสวยใส
ให้ค่อยๆไหลผ่านร่าง
ช่างเป็นช่วงเวลาแสนวิเศษ


ราวได้ปลดปล่อยร่าง 
ราวนางไม้นางไพรระเริงรมย์
ชื่นชมชื่นฉ่ำใจกับงามธารน้ำใสไหลเย็นนี้
ที่ราวเป็นเพื่อนใจให้มาพิงพักใจในทุกทิวาราตรี
*กล้วยไม้*  นอนนิ่งๆ
ดูดวงดอกจิกปลิดปลิวละลิ่วลอย
หว่านหวานพร่างพรายละออละอองเกสร
เรียวนัยน์ตา
พาเห็นดวงดอกกระจิ๊ดกระจ้อย
ราวพวงชมพูดอกน้อยน้อยลอยควะคว้าง
ลงกลางลำธารและร่างงามของตัวเอง


ตะวันทอแสงอ่อนอุ่น
ราวแสงทองทอทอด
ลอดแมกไม้ใกล้ชายชล 
ให้กมลระรินรับเงียบงาม
กับกรวดทรายในท้องละหาน
ที่เกิดประกายสะท้อนวะวาววับ
ราวกับเพชรพร่างกลางสายธารแห่งรัก
*กล้วยไม้ไพร* หลับตาพักใจ
มีเพียง*เจ้าสิงโต*ทิ้งตัวเป็นผู้พิทักษ์..นอนเงียบรอริมตลิ่ง


ยิ้มและแย้ม
เมื่อคิดถึงนิยายรักนักผจญไพรบางเรื่อง
ที่เคยอ่านแล้วประเทืองประทับใจ
จนบางคราเมื่อหัวใจว่างร้างไร้ใคร
มักคิดฝันให้มีพระเอกสักคนมาโผล่พลัน!


และ
ก่อนที่จะทันหยุดฝัน!
ก็บังเกิดมหัศจรรย์รัก..พลันจริง


*กล้วยไม้*
ได้ยินเสียงกระแอมกระไอ
คล้ายเตือนให้*กล้วยไม้*ได้รู้ตัว
และให้ทันไหวตัวร้องห้ามเจ้าสิงโต
ที่ร้องเสียงดังเห่าขรมใส่ชายแปลกหน้าสองคน
ที่หยุดยืนอยู่เหนือเนินทรายใกล้ชายธาร


และกับร่าง*กล้วยไม้ไพร*ที่สล้างละอองาม
ด้วยผ้าถุงที่เปียกน้ำรัดร่างนวลหนั่นแน่น
ราวนางไม้นางไพร
*กล้วยไม้*
ลืมตัวผวายืนขึ้นเหนือน้ำ
เพื่อร้องห้ามเจ้าสิงโต


และ
ทันทีนั้นหัวใจ*กล้วยไม้*ก็พลันแทบหยุดเต้นตาม
เมื่อสบตางามกับผู้ชายไทยนัยน์ตาเศร้าสีสนิมเหล็ก
ที่ดูราวกำลังวะวาววับ


ด้วยพลังบางอย่างที่สว่างวาบไหวราวกระแสใจ
ที่ส่งมามีพลังไฟฟ้าดึงดูด
ให้กาย*กล้วยไม้*ระริกไหวหวั่นสั่นพลิ้ว
ราวกับโลกจะค่อยๆหมุนช้าลงและช้าลง
ราวกับจะหยุดหมุน
กรุ่นไปด้วยกลิ่นของดวงดอกรักกลีบกุหลาบงาม
ที่กำลังพรายพร่างหอมหอมหอมล้อมกายและรายรอบ..ใจดวงงาม...



				
29 เมษายน 2547 02:47 น.

หยุดหลั่งเลือดชะโลมหล้าชะโลมดิน

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6199

ไพลนอนแต่หัวค่ำ
และ
ทันตื่นขึ้นมาดูรายการข่าวภาคดึก
ที่แสนเศร้าสะเทือนใจจากรายการหนึ่ง
ราวฝันร้ายไป
ที่เห็นสามจังหวัดภาคใต้
ในวันนี้ราวไฟสงครามกำลังลุกปะทุ
ราวกับเกิดสงครามย่อยๆ
สงคราม
ที่มีคนตายนับร้อย
ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์
และ
ในมือมีสร้อยประคำ
ราวเครื่องรางยึดมั่นอธิษฐานบนบานใจก่อนตาย
และ
รายงานข่าวยังแจ้งว่า
สถานการณ์ยังอาจมิน่าไว้วางใจ
โอ้
สามเดือนผ่านไป
กับหลากหลายการสูญเสีย
ทั้งชีวิตผู้คนบริสุทธิ์
และทรัพย์สินโรงเรียนวายวอดนับร้อยหลัง

นะนาทีนี้ที่ไพลคิด
ขอสวดมนต์ภาวนา
ให้ฟ้าดินและ
สิ่งศักดิ์สิทธิทั้งสองทั้งของไทยพุทธและไทยมุสลิม
ได้โปรดประทานพร
ให้หยุดการฆ่า 
หยุดหลั่งเลือดชะโลมหล้าชะโลมดินเดียวกันเสียที

เพระเราเกิดมาใต้ฟ้าเดียวกัน
มีร่มฉัตรร่มธรรมปกเกศอย่างยุติธรรม
อย่างเที่ยงธรรมดั่งคำตรัสของในหลวงที่ว่า
*เราจะปกครองแผ่นดินนี้โดยธรรม*
และ
ระยะเวลายาวนานนั้นก็ได้พิสูจน์
ให้ไทยทุกดวงทั้งไทยพุทธไทยมุสลิม
ได้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแล้ว
ถึงความสงบร่มเย็นเป็นสุข
ภายใต้เบื้องพระบรมธิสมภาร
ขอให้
เกิดงามสงบสุขสันติสุขในใจในเร็ววัน
ด้วยเถิด

สงคราม
ในความรู้สึกของไพลคือ 
ความสูญเสีย ที่ยิ่งใหญ่
ความสะเทือนใจใหญ่หลวง 
กับ การพลัดพราก 
กับชีวิตทุกชีวิตที่ต้องมาสังเวยพลีชีพ
ปลิดชีพกันและกัน

สงคราม..เป็นเครื่องหมายคำถาม ?
เป็นความขัดแย้ง ..ในความคิดที่ต่างกัน...
ต่างฝ่ายต่างคิด ต่างเหตุต่างผล 
ต่างความเข้าใจ ไม่มีใครถูกใครผิด..
ไม่มีคำตัดสิน..

เพราะคนเรานั้นย่อมคิดว่า
ต้องทำสิ่งที่ดีกันทั้งนั้น     
หากทว่าทุกความดีนั้น
มิควร
ต้องแลกมา
ด้วยหยาดเลือดและหยดน้ำตา
หลั่งหล้าชะโลมดินเดียวกัน

อันเคยผูกพัน
ให้ข้าวให้น้ำแบ่งปันโอบเอื้อ
ให้ความรักความอบอุ่น
ให้ชีวิตจิตวิญณาณ
ผ่านมาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น
ไยหรือถึงต้องมาประหัตประหาร
เข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเอง
เลือดเนื้อเดียวกันเอง..

เพราะเราคือไทยไทยและไทย
ที่ยังมีผืนดินอุดม
มีร่มเย็นงามจากธรรมะธรรมชาติ 
มีความหวัง
อิสระภาพ
มีเสรีมีประชาธิปไตย 
มีน้ำใจใสเย็นที่จะเอื้อโอบแบ่งปัน
มีฝันมีรัก  
มีผืนดินให้หยัดยืน
อย่างมิเป็นทาสใครมายาวยืน
อย่างยาวนาน

ผ่านการเสียสละ
จากจิตวิญญาณบรรพบุรุษ
ที่พยายามอย่างที่สุด
ที่แสนน่าปลาบปลื้มภาคภูมิใจกตัญญูกตเวทิตาใจ 

ที่สู้พลีร่างและ
หยาดเลือดหวงแหนปกป้องไว้ให้
เรา..ลูกหลานไทยได้หยัดยืนมาจนถึง วันนี้
อย่างเต็มเท้า
อย่างทุกย่างก้าวได้เงยหน้าอย่างทรนง                                                       
องอาจมิใช่ทาสแต่คือไท..และไทย

มีรอยยิ้มรอยน้ำใจที่ฝากเลื่องลือไกล
ยามแขกคนไกลต่างบ้านต่างเมือง
มาเยี่ยมเยือนบ้านเราว่า
ให้กลับไปด้วยรอยยิ้มนิ่มรับนับพัน

นะวันนี้
ช่างแสนโศก
โลกและชีวิตคนไทยทุกดวงต่างเฝ้าห่วง
ต่างเฝ้าจับตามองอย่างสะทือนใจในวิกฤตการณ์
ที่มิอยากให้ผลาญพร่าบรรยากาศการท่องเที่ยวการลงทุน
ที่หมุนเงินนับหมื่นล้านเข้าประเทศ

แค่อยากให้ทุกฝ่ายหยุดคิด..
ลดความโกรธ ลดศักดิ์ศรี  
จงคิดดีคิดเป็นว่า
สงครามคือการเริ่มต้นความเลวร้าย
และจะขยายมากยิ่งขึ้น 
มิมีวันยุติที่จะแก้ปัญหาถาวร                                                                                           
ให้โลกนี้สงบสันติ
ทั้งๆที่ยังมีวิธีการหันหน้ามาเจรจา
ทำความเข้าใจกันและกัน

สงคราม...เหมือนวัฏจักรของโลก
ที่เจริญแล้วย่อมเสื่อมถอย                                                                                        
ให้โลกแหลกสลาย
แล้วหันมาเริ่มต้นกันใหม่..
แต่รู้ไหม..บางทีอาจจะสายเกิน..

ทุกดวงใจในชาติ..
จึงควรหันหน้าเข้าหากัน ด้วยรู้รักสามัคคี
มาช่วยกันวิงวอนและร้องขอเพื่อให้
มีสันติเกิดขึ้นในชาติไทยเรานี้ 
ที่แสนดีนักหนากว่าบ้านเขาเมืองใครแล้ว
แทนวิธีการแก้ปัญหาที่แสนรุนแรง และเจ็บปวด...
ทั้งสองฝ่าย

มีเรื่องราวมากมายของสงคราม
ในอดีตที่ฝากไว้ให้นำมาสอนใจ
และให้บทเรียน
ให้แก่มวลหมู่มนุษยชาติ

แต่เหตุใดจึงไม่จดจำ 
ยังคิดห้ำหั่นอย่างโหดร้าย..

ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่สงครามทิ้งไว้
คือความทุกข์มากมี การสูญเสีย
ทุกสิ่งทั้งวัตถุ และที่สำคัญกว่าสิ่งใด
คือกายใจที่มิอาจจะหวนคืน...

วันนี้..ดวงใจไพล แสนปวดร้าว 
เมื่อเห็นภาพความตายมากมาย
ที่กำลังใช้กำลังแก้ปัญหา
ด้วยดวงใจมืดบอดด้วยอัตตา...ความหลงผิด                  

กำลังหลงทาง.อ้างว้างใจ 
และกับคำถามคาใจว่า
สิ่งที่ตัดสินทำลงไปนั้นมันถูกหรือผิดกันแน่... .
และ
ซึ้งใจภาพทหารไทยตำราวจไทย
ที่ดวงตานั้นฉายแววแห่งความหาญกล้า
เพื่อพลีชีพ
เพื่อทำหน้าที่ลูกผู้ชาย                        
เพื่อคำว่าอุดมการณ์ 
และเพื่อมาตุภูมิ  

แต่ในดวงใจนั้นเล่าใครจะหยั่งรู้
ถึงความสับสน 
ความคิด ความรักชีวิต
ความหวั่นกลัว ความคิดถึง..บ้าน
คิดถึงความรักความอบอุ่น ลูกเมีย  แม่พ่อ
และทุกดวงใจของผู้ที่รออยู่เบื้องหลัง 
ด้วยมิอาจจะรู้ว่าจะได้กลับคืนหลังไปอีกครั้งหรือไม่
หรือต้องทิ้งร่างไว้กลางป่าเขาลำเนาไพร 

และกับ..

วันนี้
ร่างสุภาพบุรุษนักสู้ผู้หาญกล้าทรนง
ที่ไพลและดวงใจคนไทยทั้งชาติต้องขอคารวะ
ด้วยน้ำตาแห่งความสะเทือนใจด้วยความชื่นชมศรัทธา
เต็มหัวใจที่ยอมพลีเลือดพลีร่างจิตวิญญาอย่างสมชาติชาย
*
สิบตำรวจตรีณรงค์ชัย พลเดช

ที่ได้ฝากงามอันแสนยิ่งใหญ่
เป็นตำนานใจตำนานชีวิตอุทิศรักกตัญญูสังเวยมาตุภูมิ

ที่นะนาทีนั้น
หัวใจไพลดวงไหวหวั่น
พลันก็โศกตามยามแลเห็นธงชาติไทย
ธงไตรรงค์คลุมร่างอย่างงามอย่างนักรบเกียรติศักดิ์
และได้พักร่างลงพสุธารักได้อย่างเต็มภาคภูมิ


ภาพ..คนดี 
ที่ถูกคนร้ายฟันแขนขาด
และชายชาติอาชาไนยอีกมากที่บาดเจ็บ
เพื่อออกมาปกป้องชาติ และแผ่นดิน ..

ภาพเด็กน้อยไร้โรงเรียน 
และภาพผู้คนที่
คงอยู่อย่างกังวลขวัญเสีย
ต้องอพยพจากบ้าน 
จากความเคยคุ้น จากความสุข 
ความอบอุ่น
เป็นความหวาดกลัวและสิ้นหวัง...กับอนาคต...
ภาพดวงตา..ที่ไร้สุข แห้งผาก..
ของทุกๆคนในสมรภูมิเลือด 
ที่ไร้สิ้นหวัง มีแต่คำว่าเข่นฆ่ากันและกัน

ให้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง 
ชะโลมแผ่นดิน 
เพื่ออะไรละหนอ..ละนี่
แทนที่
จะรู้รักงามเงียบสงบเย็น
รู้ดีรู้อยู่รู้เป็นแบบเพียงพอแบบพอเพียง
และ
รู้รักสามัคคี รู้ค่าความโชคดีแล้ว
ที่ได้เกิดมาในผืนดินอันอุดมและร่มเย็น
ด้วยพระเมตตาบารมี

มีพระมหากษัตริย์ไทยที่แสนยิ่งใหญ่
ที่แม้นโลกยังยกย่องมองเห็นน้ำพระทัยสดุดีงาม
ที่ห่วงใยพสกนิกร
และเททุ่มทุกหยาดพระเสโท
ยอมทรงหลั่งเพื่อคำว่า
ให้ประชาชนของพระองค์ท่าน
ได้อยุ่ดีกินดีมีสุขสมถะ

ที่ยากยิ่งนักที่จะหามี..นะแห่งใดในหล้าโลกนี้
แล้ว
ยังให้มีอิสระเสรี
ในการเคารพนับถือกราบไหว้ได้ทุกศาสนา
มีวาสนาได้พบพระธรรมอันผ่องผุด
สอนให้รู้หยุดทุกข์รู้วางว่างรู้งามรู้ให้รู้อภัย

ที่สุดนี้
ไพลขอเป็นตัวแทน
ในฐานะเราคนไทยด้วยกัน
และ
ดั่งมีใจดวงเดียวกัน
จากเนื้อดินเดียวกัน
ที่หลอมผูกพันให้รัดร้อยแสนรักยิ่งใหญ่
ใน*ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์.*
เทิดไว้เหนือเกล้า.เหนือกระหม่อมยิ่งชีวิต..

ขอวอน
จงเลิกเข่นฆ่ากันกันเถิดนะทุกดวงใจ
เพราะเราคือไทยด้วยกัน
และนี่
คือสงคราม..สงคราม...
ที่เปิดฉาก แห่งความตายอย่างสิ้นไร้ปรานี.... 
 



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6192
 ความฝันอันสูงสุด   
เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key Eb  
ขอฝันใฝ่ ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์ รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด
จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง
จะยอมตาย หมายให้ เกียรติดำรง
จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
ไม่ท้อถอย คอยสร้าง สิ่งที่ควร
ไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา
ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา
ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป
นี่คือ ปณิธาน ที่หาญมุ่ง
หมายผดุง ยุติธรรม อันสดใส
ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด
ยังมั่นใจ รักชาติ องอาจครัน
โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่
เพราะมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน
ยังคงหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทิดผองไทย... 

				
28 เมษายน 2547 12:30 น.

ผู้หญิงแพ้ฝน..มิพ่ายฝัน!

พุด



URL..http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=90

(ฝนหยาดสุดท้าย)
**********
ในราตรี...
ที่จันทร์จริงกำลังลอยควะคว้างกลางเวหาหาว
กับคืนไร้ดาวกับเมฆหมอกหมองเฝ้าครองฟ้า
ที่ดอกดวงพวงพุดจริงกำลังบานพราวเต็มราวกิ่ง
แต่ไยดวงดอกพุดเศร้ากำลังบานร้าวเต็มหอมห้วงดวงใจ


ดวงนอนนิ่งนิ่งทิ้งใจ
ดูดาวประจำเมืองประจำใจ..รินน้ำตา
ด้วยเหว่ว้าเสียใจ
กับใจดวงละไมละมุน..ดวงนี้
ที่มัก..มองงามในทุกนิยาม..แล้วชอบร่ำไห้
มีทั้งยามรักภิณฑ์พัง
ยามพลาดหวังดายเดียวขมขื่น
ยามชื่นฉ่ำใจใน..ทุกรส...ทุกรัก..


ทั้ง..สดชื่น
ทั้ง..ระรื่นรมย์
ทั้ง..ตรอมตรม
ทั้ง..ระทมทับแทบดับดวงใจ
ทั้ง..หวั่นไหววาบหวาม


ที่ช่างเป็นความรู้สึกแสนงามแสนดี
เป็นนวลประทับ
รับเนียนเนื้อใจ..
ของ*สาวงามแห่งไพรพฤกษ์* คนนี้
ให้มี
ใจดวงดีดวงใส
ราว*อัญมณีไพร**อัญมณีใจ*
ที่แสนภาคภูมิใจแสนปลี้มใจ
ที่ได้รับเกียรติได้รับนิยาม
ที่งามวาม
ราวดวงดอกเพชรพรายพร่างกระจ่างใจไสวสว่าง


เพราะ
รู้ว่ากับทุกเรื่องราว..ไร้สาระ
มิได้เสียใจวูบไหว..นาน..กับทุกสิ่ง
เพราะใจดวงนิ่ง
รู้รำงับดับทันเสมอ..


และ
อยากสารภาพว่า..
ใจกล้าเผชิญพอ...กับทุกฝันพลี 
ไม่ว่าจะดีจะร้าย 
ใครจะมากำนัล
มอบไม้ฝันไม้ใจไม้ไหนมาให้
ก็คงมิยอมพ่ายยอมแพ้ใจ 
ยอมหวั่นไหวสิโรราบวาบหวาม..นาน


เพราะ
ดวงใจภายในจริงแท้
เพียรสร้างเกราะกั้น
ให้มีใจดวงธรรม..ดวงธรรมชาติ
ที่สะอาดพอจะรู้ทันรู้เท่าว่า
ทุกอารมณ์..รัก..รานร้าวเศร้าฝัน..นั้น
ก็แค่เพียง
สวรรค์ส่ง..ฟ้าประทานมาให้..เรา
ดั่งพรสวรรค์


ให้ไหวทันทดสอบใจ
ให้รู้มีไหวพริบมีปัญญานำสติ
ให้หลงยินดีปิติเพียงฝันฝันฝัน
ให้รู้ทันนำมาหลอมละลายทายทักเนื้อใจ
ให้ไหวงามรับละเมียดละมุน

มาสร้างรักสร้างงานหอมกรุ่น
อันหวานหอม..หอมหอม
ให้หลอมทุกอ้อมใจ
ให้ดวงใจได้สัมผัสละไมรักภักดี
ได้โอบเอื้อใจแบ่งฝันปันใจไปด้วยกัน..


มาหมุนฝัน
สวรรค์หวาน
มาหมุนคน
หมุนดวงกมลมากมีมากมาย
ให้พรายพบดวงตาสวรรค์
ได้ค้นพบสงบงามเงียบเรียบง่าย
ได้ใช้ชีวีอย่างมีคุณค่า


นำมาเรียงถ้อย ร้อยรสรักอักษรา
ภาษารักภาษาใจภาษาฝัน
ดั่งดวงบุปผาสุมาลีหลากสีหลากพรรณ
หลากบทเรียนได้พากเพียรน้อมนำมาสอนใจ
ให้
สมกับงามดวงใจใครเล่ารู้นี้
ที่พระเจ้าพลีพร้อม
หลอมส่งลงมาเกิด
หวังคง
เพียงเพียรให้รู้ค่าคำ
ค่าคนกมลละไมในทุกดวงใจ
ทั้งปวงงาม *นามศิลปิน*


คนดี..ดวงใจ
จึง..
มิอาจ.ทิ้งจิตวิญญาณไพร
ที่*ฟ้าสร้าง..สวรรค์ส่ง*สั่งตรง*ลงมา..
ได้ช้านาน....
มิยอมให้ราน..ทิ้งรักภักดิ์พลี

แม้นบางหนบางที
จะสับสนกับกมลใครกมลใจ..
ที่
ก้าวมาหยิบยื่นแล้งไร้น้ำใจ
ให้ไหวเหว่ว้าอ้างว้าง
มิรักจริงมิเข้าใจ...
ที่วิ่งมาใส่มาชน
ราวนรกสั่งตรงให้มาเชือดเฉือน
ให้ประหัตประหาร..ดับดวงจิตวิญญาณใจ


จึง..
ทบทวน หวนไห้ทุกเรื่องราว
ด้วยเศร้าด้วยเสียใจ
กับใจคนใจใคร...
ที่มิเข้าใจ
ที่ผ่านมาผ่านไป
ที่มิยั่งยืน 
อย่าง..มิเศร้าใจมิยาวยืนมิยาวนาน.. 

 
ด้วย..ดวงดอกใจในรักฝัน
มักพลัน
ได้ยินเสียงคลื่นคลอพะนอเศร้า
แห่งผืนดินเกิด
ครวญคร่ำร่ำให้...ให้รู้ทำใจทำสิ่งสวยงาม
ก่อนตะวันหวานแห่งดวงใจ
จะอ้อยอิ่ง..อำลา..โลกโศกสุขนิรันดร์


ได้ยินเสียงฟากฟ้าทะเลฝัน
เพรียกหารำพันพิไรกับผืนทราย

เสียงไพรพฤกษ์
ราวร่ำไห้กระซิบกระซาบฝากใจ

ไฉน!ไยยอมแพ้..กับเกมใจไม่จีรังรัก
ให้
หัวใจดวงภักดี ที่สวรรค์สรร 
สวรรค์สร้างให้อย่าแรมร้างห่างลา

.
ด้วยเวลาแห่งชีวีช่างแสนสั้น
มิมีวันที่เราจะรู้กำหนดโลกโชคชะตาได้


คนดี
ดูถูกมาซีเหยียบย่ำมาเลย
เผยความสาใจความสะใจ
ในสับสนมิทานทนมินานวัน

ก็ยอมผันยอมแปรแพ้ดวงใจ..
แพ้จิตวิญญาณภายใน
ราวกับกลืนน้ำลายตัวเอง
และยังคงกลับมาบรรเลงบทเพลงแห่งหัวใจ
ในวันนี้นะนาทีนี้
และ
ยังคงใช้หัวใจดวงขวัญฝันฝัน
ยืนยันมั่นใจเต็มร้อย


ว่า
ไม่ว่าจะถอยหน้าหรือถอยหลัง
หรือ
อยากหยุดตามฝันตามตะวัน
ยามไฟฝันไฟนำเส้นทางใจแสนริบหรี่ไหวระริก
ราวจะมอดดับลงช้าๆ

แต่..!จำไว้..
ทุกฝีก้าว
ก็ยังคงเคารพการกล้าตัดสินใจของตัวเอง
มิยำเกรงใจมิใช่เพราะใครเพราะคน


จะ
ไม่มีวันเสียใจนะ..
และจะขอบรรเลงเพลงรักระริน
ดั่งขลุ่ยครวญถวิลพ้อคลอละออเจ้าดวงดอกไม้
ทายทัก..มอบรักให้ทุกดวงใจ
ในถนนสายฝันสวรรค์งาม..
นะวิมานร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
ไป..จนกว่า..จะอยากลาจริงลาใจ..ด้วยตัวเอง


ที่จะมิมีวันยอมพลี
ด้วยอารมณ์ใครที่วูบวับดับหวังดับดวง
จาก
ผู้หญิงคนนี้
ที่แพ้ฝนมิพ่ายใจ
มิพ่ายใคร
ในกมลลวงมิได้หวงห่วงในรักใจในรักจริง!
************


ผู้หญิงแพ้ฝน..มิพ่ายฝัน
รจนาเรื่องนี้สดค่ะ
พร้อมฟังบทเพลง
*ฝนหยาดสุดท้าย*คลอครองใจ
ด้วยหยาดน้ำใสเต็มเรียวตา
ในขณะที่
สายฝนกำลังพร่างสาย
ในยามเช้านี้นะคะ
และ
กับทุกอณูความรู้สึก
ที่ได้ทบทวนสับสน
ในใจมาตลอดคืน

ที่บางครั้งครามีใครบางคน
กล่าวคำกระทบจิตกระทบใจ
กระทบวิญญาณภายใน
ให้สะเทือนไหวสะเทือนใจ
ให้แทบอยากเลิกรจนา
ลาลับดับดวงดอกฝัน
แต่ค่ะ
สำหรับผู้หญิงคนนี้
กับใจดวงดี
ที่ขอแค่แพ้ฝน
มิพ่ายฝัน..มิพ่ายใจ..มิพ่ายใคร..
ที่ไม่เข้าใจไม่รักเราจริงนะคะ
********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=90

ฝนหยาดสุดท้ายหัวใจหวั่นไหวให้ตรม
ซ่อนรอยน้ำตาขื่นขม ร้าวระบมสุดที่จะฝืน
ถึงคราวจำพราก โศกช้ำกล้ำกลืน
ฉันนอนซบหมอนสะอื้น
ค่ำคืนผวาโศกศัลย์
ฝนหลั่งสั่งฟ้านิจจาจำร้างห่างกัน
อย่าลืมรักเคยผูกพัน ทุกคืนวันอย่าลืมเสน่หา
ถึงกายจะห่าง แต่รักอย่าลา
เธอเคยสัญญาไว้ว่า 
จะมาเมื่อฝน เยี่ยมเยือน
จงหมั่นจำความหลังอย่าลืม
สองเรา เคยรักเคยปลื้ม
ด่ำดื่มจำไว้อย่าเลือน
คอย ฉันคอยจนฝนใหม่เยือน
หวั่นเกรงรักลวงลอยเลื่อน
เพื่อนใจอยู่ไหนไม่มา
ฝนหยาดสุดท้ายเขาใยปล่อยฉันให้คอย
ส่งกระแสใจเลื่อนลอย
หลงรอคอย คอยร่ำเรียกหา
ฝนเอยอย่าด่วน สิ้นร้างสร่างซา
เพราะชื่นหัวใจของข้า
ไม่มาฝนจ๋า ข้าตรม

ฝนหยาดสุดท้ายเขาใยปล่อยฉันให้คอย
ส่งกระแสใจเลื่อนลอย
หลงรอคอย คอยร่ำเรียกหา
ฝนเอยอย่าด่วน สิ้นร้างสร่างซา
เพราะชื่นหัวใจของข้า
ไม่มาฝนจ๋า ข้าตรม...
				
26 เมษายน 2547 22:54 น.

ทะเลฤาอิ่ม

พุด


URL.http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6020
**********

ทะเลเงินงามเรียบวะวาววับไม่มีเส้นตัดขอบฟ้า
ราวทะเลสวรรค์ลอยแลละลิบ..
เสียงคลื่นซัดแผ่วคลอหาดกว้างร้างไร้ผู้คน
หัวใจหวัน..ราวถูกบ่มหอม
ล้อมด้วยกลีบกุหลาบแดงงามเข้มดั่งสีทับทิม



ผีเสื้อ..บินทายทักลีลาวดีหลากสี
จำปีที่เพิ่งคลี่กลีบแรกแย้มริมหน้าต่างกระท่อมหลังงาม
ที่เคียงขนานไปกับโค้งอ่าว
ที่หวันมาฝากร่างร้าวคืนไร้ในรีสอร์ทหลังงาม
ที่มากหวามไหวด้วยแมกไม้ดวงดอกไม้ไทยไทยรายรอบ



หวันค่อยๆ...
ลืมตารับหอมพร่างของกลิ่นพวงพะยอม
ที่อวลหอมมากับสายลมสดฉ่ำในยามเช้า
นอนฟังเสียงคลื่นพ้อทรายเว้าวอน
ราวหนุ่มอ้อนสาวในอ้อมกอดยามฟ้าสางดุเหว่วแว่ว


เรียวแดด..ดวงดอกแดด..ส่องมากระทบผนังกระท่อม
ที่บุด้วยไม้ไผ่สานลายละเมียดละเอียดละออ
ให้เห็นงามดิบ..พร่างกระจ่างใจจับเรียวนัยน์ตา
ผู้หญิงสนิมสร้อย ที่นอนอ้อยสร้อยเหว่ว้า


ที่ค่อยๆหรี่ตา..
อย่างช้าช้าเปิดใจรับหอมดอมดม
พลังสดในยามอรุณรุ่ง..ที่พรมพร่างให้กมลระรินรับ
กับลมหอมหอม..ระรื่นรมย์ที่ไม่ต้องซื้อหา
ลมที่ธรรมชาติโอบเอื้อให้มา..อย่างยุติธรรมแด่ทุกดวงใจ
สุดแต่ใครจะพาร่างใจไปไขว่คว้ารับเอา..หอมงาม
ตามใจฝันฝันฝัน..ตามใจนึก


กลิ่นทะเลฝันรัญจวนใจ 
จากทะเลใสสวยสดสีเทอร์ควอยซ์แสนงาม
กับบทเพลงธรรมชาติ
ไหวพลิ้วยามมะพร้าวกรายกิ่งไกวแกว่งรับหวานลม


หวัน นิ่งฟังทุกสรรพเสียง
พลางเรียวนัยน์ตาก็ซึมซึ้ง
ที่ไม่มีใครเลยจะเข้าถึง..จิตวิญญาณดวงนี้ ดวงแบบนี้

กับนาทีนี้ที่ขอนอนนิ่งนิ่งในที่นอนนุ่มนุ่ม
กับม่านมุ้งหมอนสีขาวโปร่งใสที่กำลังระบัดไหว
ให้หวันแหวกแลลอดไป
แลเห็นงามระยิบเต้นเต็มเรียวตาเติมนวลใจ


ให้ทองหลางดอกพราวแดงโดด..งามเด่น 
ทายทักตรงริมเรียวตา
ตัดฉับกับขอบฟ้า
ที่ค่อยๆถูกรินสีพร่างสายจากพรายตะวัน
ที่กำลังผันดวงโผล่ขึ้นมา
ให้โค้งฟ้างามราวเรียวรุ้งพยับหมอก..


หวันเดินดายเดียวส่งแย้มยิ้ม
รับฉากตระการตาตระการใจที่พร่างไสวงาม
ด้วยดวงใจหวานใสเงียบงาม
ส่งจูบละมุนแผ่วผิวจากริมเรียวปากจากริมเรียวใจ
ลอยคว้างไปทายทักประทับอ้อยอิ่งนิ่งนาน
กับผืนน้ำทะเลใสสวยสีมรกต


กับเกลียวคลื่นที่กำลังซัดระรินระลอกฝั่ง
กับหมู่นกนางนวลสีขาว
ที่กำลังเหินหาวคอยเวลาโฉบเหยื่อ
กับงามระเรื่อของแสงทองสาดส่องกระทบผืนน้ำงามระยิบตา
กับกลีบม่วงละมุนอ่อนหวานจับใจ
ของดวงดอกผักบุ้งทะเลที่เคลียทราย



ราวร่ายมนต์เสน่หา
ให้ดวงใจหวันได้สัมผัสทุกกรุ่นกลิ่นละมุนรัก
ให้ดวงตาหวานเศร้าได้วาววะวับด้วยตื้นตัน
ในหอมงามซ่านสุขสงบทุกอณูคะนึง
ให้พบชึ้งตรึงใจที่เพ้อพ้อรอท่ามานานปี..มานานวัน..


ให้เท้าหวันได้สัมผัสผืนทราย
ได้กรายร่างย่างเหยียบ
ในผืนดินที่ก่อเกิดกาย 
ราวได้กลับกลายกำลังหลอมละลาย
เป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณภายใน


 
เสียงฝีเท้า..ใครบางคนย่ำทรายมาทางเบื้องหลัง
และก่อนที่หวันจะหันร่างกลับไปดู
*เขา*คนนั้น..ก็เดินมาทันพอดี


.
และนาทีที่ตาต่อตาสบกัน
โลกก็พลันราวหยุดหมุน....



ผู้ชายนัยน์ตาฝันฝัน..ช่างฝันยืนอยู่ตรงหน้า
นาที่ต่อมา...
ที่เขาเปิดยิ้มกว้างและร้องอุทานอย่างดีอกดีใจ
ลืมตัวเข้ามาประคองตระกองกอดหวัน อย่างหลงลืมตัว
ที่ยังงันงงราวหลงฝัน..ใช่จริง



*มาได้ไงนี่*
โอไม่น่าเชื่อเลยนะ..
*เขา*กล่าวคำด้วยรอยยิ้มเขิน
ก่อนที่จะค่อยๆปล่อยหวันออกจากอ้อมกอดรัดรึง
*เขา*ยังแย้มยิ้มตรึงใจ
และยังคงตื่นเต้นดีใจพอกับหวัน
ที่พลันนะนาทีนั้น
หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ..เอาเสียเลย



เพราะ
ระหว่างเราสอง..นั้นความสัมพันธ์นานเนิ่นในวัยเยาว์
ราวหวนกลับ..
กับคืนวันที่ชีวิตชีวา
ได้ถูก..คลื่นแห่งความฝัน
สะบัดพัดโบกให้ลอยพรากจากกันไปไกลแสนไกล
ในละซีกโลกคนละทิศ
จำจากสถิตวิมานบ้านแห่ง *มนต์รักทะเลใต้*



*เขา*คนดี..ไปไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์
 แดนดินทะเลสาบงาม
และเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ
ที่แสนหนาวเยือกแทบตลอดปี



ที่ตรงข้ามกับบ้านเรานี้ราวฟ้าดิน 
ที่ยังงามแรงร้อนด้วยดวงดอกไม้ฟายฟ้อน
อ้อนฟ้าสดใสสว่างแทบตลอดปี
ที่มีสายลมและเสียงคลื่นฝันรัญจวนใจ
ราวประหนึ่งดนตรีทิพย์จากสวรรค์สรวงสรวงสวรรค์



เรา....
หยุดนั่งเหนือเนินทราย 
คุยกันราวกับมิจบสิ้น..ในหลากเรื่องมากราว
ถึงจิตวิญญาณรานร้าวราวนกขมิ้นไร้รัง
เศร้าดายเดียวลำพัง
ในโลกว้างทางไกลที่พานพบ
ยามเร่ร่อนรอนแรมลาพรากจากบ้านเกิดเมืองนอน



น้ำตาลูกผู้ชาย..ซึมซึ้งตลอดเวลาและ
ราวกับว่าจะรอเวลาร่วงริน
เมื่อกล่าวถึงสายถวิลในอดีตหนหลัง
ที่ยังพร่างสายสวยงาม
ฝากฝันฝากใจฝากรอยทรงจำ



*ผมเบื่อ โลกศิวิไลซ์ แล้ว
ผมเดินทางไกลจนปีกแห่งดวงใจปีกแห่งความฝัน
เริ่มอ่อนล้า....
หลงรอเก้อเพ้อละเมอหาแต่ฝั่งฝัน..
ที่จะคืนหลังฝังฝากใจไปชั่วนิรันดร์..แห่งชีวาชีวิต



และผมพบว่าแท้จริงแล้ว..
ใจดวงเหว่ว้า
ก็ราวถูกชะตาลิขิต
ไห้โหยหา..เพรียกหา..แต่ที่นี่
*แผ่นดินแห่งรักเรา*
มิมีวันเลือนลา
ผมถึงกลับมา ราวนกปีกหักรักร้าว 
ยอมมาพบดายเดียวอีกครานะคนดี*



มามะ ผมจะพาไปดูอะไร*
เขาลากมือหวันราวเด็กน้อย
ที่อยากอวดของเล่นชิ้นงาม



นำทางลิ่ว
เดินผ่านหาดทรายขาวยาวเหยียด
เลาะลัดเลียบขึ้นเนินผาที่มีบันไดหินทอดรับ
สองข้างทางไล่ระดับ
ด้วยแมกไม้ไทยพันธุ์ท้องถิ่นที่หาง่ายเช่น
ขิงแดง บานบุรี  สีเหลืองสวย 
กอกล้วยที่บังแดดได้



โมกหอมกรุ่นพุ่มงาม
ชัยพฤกษ์ เหลืองละออพ้อสายลมไหว 
ดวงดอกแก้ว หวานเศร้า
 ลีลาวดีบานพราวหลากสี
มีจำปีจำปาพุ่มงาม
ตามด้วยมะลิซ้อนมะลิลาและนานาพรรณไม้
ที่ราวป่าดงพงไพรพฤกษ์



และ
เหนือเนินผา...
ในเรียวตาหวันที่ทำให้ใจนิ่งงันอั้นอึ้งคือ
เรือนไทยภาคกลางหลังงามไม้สักทองทั้งหลัง
หลังคามุงด้วยกระเบื้องว่าว 
และดัดแปลงให้รายรอบเป็นกระจก
สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างกว้างไกล 
ไปจนราวสุดขอบฟ้าทะเลฝันทะเลกว้าง
ไร้ร้างสิ่งกีดขวางสายตาสายใจ



 ยอดจั่วประดับด้วยไม้
สลักลวดลายคล้ายแบบ*ไหลสู่ฟ้า*พลิ้วงาม
อย่างเรือนกาแลล้านนา
และตกแต่งด้วยฝาปะกนเปิดใต้ถุนโล่ง
มีชานฝันยื่นออกมานอนนับดาวเดือนเป็นเพื่อนใจ
เคียงทะเลใจทะเลกว้างยามร้างไร้ใคร
ให้สงบงามดายเดียวเดียวดาย


มีศาลาริมผาไว้นั่งผ่อนพักใจ
ในวันที่อากาศสดใสแสนดี..

และ
หวัน..พลีใจ..
ประทับใจจนมิอาจกล่าวชมได้
*เขา*จับมือหวันกุมไว้
ด้วยแรงรักแรงรอแนบแน่นผ่านกาลเวลา

ที่*เขา*สารภาพว่า
นี่คือ เรือนใจเรือนในฝัน
ที่หวันเคยวาดฝันไว้ไง


นะบัดนี้..
เขาได้สร้าง
ด้วยดวงใจด้วยจิตวิญญาณภักดิ์พลีไว้รอแล้ว
*เขา*ขอเพียงคำมั่น..
อย่าหนีหายเขาไปอีกนะ
เพราะเวลาช่างแสนสั้นสุดทนแล้ว...



หวัน..กล่าวอะไรไม่ออก..
บอกไม่ถูกกับทุกสิ่งเงียบงามงดงาม
ที่ราวฝันไป..ในวันนี้...
ที่ราวมีดวงดอกไม้พร้อมพลีบาน
แย้มแต้มหวานในดวงใจมาตลอดชั่วชีวาชีวิต
และมาสถิตสว่างกลางใจเป็นนิรันดร์รัก..


.
*เขา*นัดหวันอีกครายามสนธยาย่ำ
ที่ท้องฟ้าหวานฉ่ำสวยราวรู้เห็นเป็นใจ
พายเรือบดสีขาว
ให้หวันนั่งงามเศร้าราวแม่ย่านาง
ไปกลางทะเลกว้าง..ดูพระอาทิตย์ดวงอ้างว้าง
ที่กำลังร่ำลาอ้อยอิ่งทิ้งแสงสวย
ฝากพรายแสงงามให้ผืนน้ำทะเล
อย่างอ้อยอิ่งพิไรร่ำ


ที่นะบัดนั้น
พลันเปลี่ยนสีราวทองทาทาบ
อาบประกายราวเกร็ดเพชรพร่างพรายไปทั่วทั้งท้องน้ำ


หวัน..
ค่อยๆถอดเสื้อคลุมออก 
เผยให้เห็นบิกินี่สีฟ้าสดกระจ่าง
ขับผิวนวลเนียนหนั่นแน่นเนินอกรำไรรำไร
ละเมียดละมุนละไมละเอียดละออ
ราวนางใจนางในฝันนางพรายทะเล
ที่น่าเสน่หาวาบหวามหวาน


*หวัน*กระซิบ
ขอลงลอยคอในท่ามกลางทะเลทองทะเลทิพย์
ที่งามพร่างราวมีเกล็ดเพชรหว่านระยิบระยับ
พร้อมดำผุดดำว่ายราวเงือกสาว
ทั่วทั้งร่างเกิดประกายพราวพรายน้ำวะวับวาว
แตกพรายในยามสนธยาราตรี
ราวมีแพลงตอนหิ่งห้อยนับร้อยพัน
พร้อยพราวเคล้าคลึงร่างงาม


*หวัน*
ทิ้งตัวเบาสบายนอนหงายหลับตานิ่งทิ้งใจฝันฝันดำดื่ม
ไปกับพลังใจพลังจันทร์
ที่กำลังปรายโปรยหยาดสายหวานราวน้ำผึ้งพระจันทร์
รายรอบร่างงาม



โลกรายรอบสงบงัน 
ใจหวันนิ่งตาม
ราวอยู่ปลายโลกร้าง ลำพัง...


*เขา.*.
มองภาพฝันนางในใจในฝันนางกลางใจด้วยปิติ
แหงนเงยซ่อนหยาดน้ำตาลูกผู้ชาย
ที่กำลังพรายพร่างราวสายฝน


มองดาวประจำเมืองเรืองรุ่งประดับใจ
ดาวแห่งสัญญาใจสัญญารัก
ที่ราวกระพริบพราวราวโปรยพร
ให้กับสองดวงใจอย่างอ่อนไหวอ่อนหวานอ่อนโยน
ที่แสนหนักแน่นมั่นคงชื่อตรงในรัก



ที่มิมีวันลาลืมเลือน
มิมีวันเหมือนกับแสงตะวัน..ที่กำลังร่ำลาทะเล..!



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6020
 MY HEART WILL GO ON   

Every night in my dreams
I see you, I feel you
That is how
I know you go on
Far across the distance
and spaces between us
You have come to show you  go on
Near, far, wherever you are,
I believe
that the heart does go on
Once more,
you open the door
And youre here in my heart,
And my heart will  go on and on
Love can touch us one time
and last for a lifetime,
And never let go till
were gone
Love was when I loved you,
one true time I hold to
In my life well always go on
Near, far, wherever you are,
I believe
that the heart does  go on
Once more,
you open the door
And youre here in my heart,
And my heart will go on and on
  
Youre here,
theres nothing I fear,
And I know that my heart will
go on
Well stay forever this way,
You are safe in my heart and
my heart will go on and on...
 

				
25 เมษายน 2547 12:10 น.

หอมห้วงขวัญสวรรค์หวาน

พุด


 URL..http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=19
(อาลัยรัก)
 ***************


แปลกดีไหมใจดวงแผกเห็นแตกต่าง
เห็นงามว่างงามยากไร้คล้ายดอกฝัน
ยิ่งไม่มียิ่งเห็นงามเกินรำพัน
งามดอกฝันดับดอกใฝ่ใจยิ่งงาม...

ในทุกข์ยากฝากดวงใจไหวประทับ
ยิ่งจนจับยิ่งตราตรึงซึ้งวาบหวาม
ยิ่งสิ้นไร้ยิ่งไม่ได้ยิ่งงอกงาม
ยิ่งทุกยามพบทุกข์ทนยิ่งข้นใจ...

ยิ่งลำบากยิ่งเคี่ยวใจไหวทนสู้
ยิ่งให้รู้ทันเท่าใช่ร้าวไหว
ยิ่งจนยากยิ่งอดทนยิ่งเข้าใจ
ยิ่งไร้ใครยิ่งไร้ฝันสวรรค์วาง..

ยิ่งไร้รักยิ่งสงบสยบร้อน
ดับไฟฟอนช่อเชื้อเหลือกระจ่าง
ดอกดวงใจไม่ไหวพ้อรอสายกลาง
พบเส้นทางพบร่มธรรมกางกั้นใจ..

ยิ่งเงียบงันยิ่งงามงอกแตกดอกฝัน
ยิ่งงามขวัญยิ่งงามใจกระจ่างใส
ยิ่งไม่มีเธอคนดีเคียงข้างใจ
ไม่แบกใครแบกรักหนักทุกข์ทน

ยิ่งหันหลังลาพรากอยากให้พ้อ
ยิ่งละออยิ่งละมุนเลิกสับสน
ยิ่งเห็นเธอแบกรักใหม่หนักทุกข์ทน
บัวกมลยิ่งบานพราวราวพ้นน้ำ.....

*********



ไพล..ไปดูหนัง*เรื่องคำพิพากษามาค่ะ*และ
สะอื้นไหวร้องไห้เงียบๆตลอดเวลาแทบตลอดเรื่อง
ที่มากฉากรักประทับ..สะเทือนใจ..
อย่างมิอายใครมิอายฟ้าดิน



เพราะ
ไพลเห็น..งามในทุกสรรพสิ่ง
ที่เป็นธรรมชาติไพรธรรมดาใจ
ในทุก..ทุกข์ธรรมดาชีวิต
เห็นงามใน..
กระท่อมน้อยของ*ฟัก*พักพิงใจ
ริมบึงบัวไสว
ยามสายฝนพรำปรายโปรย

ยามฟักค่อยๆจุดตะเกียงน้อยน้อย
ริบริบหรี่คลี่แสงระริกไหว
จับนวลเนื้อนาง..หนั่นแน่น นวล นวล

ยามฟักสะเทือนใจ
หอบกล่องกระดาษใส่อัฐิพ่อ
หน้าตามอมแมมเปรอะเปื้อนดำ

ยามฟักร้องครวญครางครวญคร่ำราวสัตว์บาดเจ็บ
เมื่อถูกเขี้ยวเล็บแห่งคำพิพากษาตัดสิน
และ
ไม่มีผู้ใด มางานเผาศพพ่อ
ที่ฟักแสนรักแสนบูชาและเข้าใจ
แม้นแต่สักเพียงผู้เดียว

ภาพนางแบกร่างรักไร้ลมหายใจของฟัก
ราวอาลัยนกปีกหักอาลัยรักอย่างสุดน่าสงสาร
สะเทือนไหวสะเทือนใจ

ภาพทุกภาพในวิถีการใช้ชีวีเรียบง่าย
ภายในกระท่อมน้อย
ที่เต็มไปด้วยรอยจนยากหากมิแล้งไร้ซึ่งน้ำใจ


ที่
สำหรับดวงใจไพลคิดว่า...
งามกระจ่างใจกว่าคฤหาสน์ใหญ่
ที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูดูแสนแพง..
แต่แล้งสิ้นไร้น้ำใจเสียอีกนะคะ

ไพล..เคยอ่านบทประพันธ์เรื่องนี้นานมา
และตราไว้ในดวงใจในกมลละมัย 
ได้นำมาเตือนตนสอนใจเป็นบทเรียนใจมาตลอดเวลา


และจำได้ว่า
ในหลายเรื่องรักรจนา
ที่เคยขอฝากกระซิบรัก..
ย้ำปรารถนาดี  อย่างจริงใจจริงจัง
ด้วยน้ำใจใสเย็นนี้
ถึงทุกดวงใจ
ที่แสนรักเอยแสนรักในกมลละมัยนี้

ให้..อย่าได้พิพากษาใจพิพากษาใครตัดสินใคร
หากไม่รู้ใจรู้จักเขาดีพอ
อย่าเชื่อสิ่งใดตามคำใครคำคน
จาก*ปากต่อปาก*จากคำที่เขาเล่ามา* 
จาก*คำเขาว่า* ว่า....ว่า..และว่า...


เพราะ
ก้นบึ้งดวงใจทุกดวงใจทุกใครทุกคน
เป็นมหัศจรรย์รักมหัศจรรย์ใจ..
ที่ยากยิ่งนักในบางใครในบางคนในบางครา
ที่ยากจะหยั่งถึง...


และ
บางหนบางทีก็
ไม่มีใครสามารถสัมผัส..*งามดวงใจใครเล่ารู้นี้*
ได้อย่าง ที่ปรารถนา..ได้อย่างที่คิด..
ได้อย่างที่อยากจะตามติด..ตามต่อ
จ่อกุญแจใจไขประตูรักเข้าไปให้ได้

ด้วยเหตุว่า..เขา...หรือ...เธอ.
อาจตอกสลักลั่นดาลรัก

มิอยากเอ่ยมิอยากเผย
มิอยาก*เปิดบ้านภายใน..ใจดวงงาม
*นิยามรักนิยามจริงนิยามใจ..*
ให้ใครมารับรู้รับทราบ
มิจำต้องอยากป่าวประกาศ
ความดีความงาม
ความวาบหวามละออละอ่อนอ่อนหวานอ่อนไหว
ในใจดวงใสดวงสวยดวงงาม


เพียง
*ใจ..เดิมพันใจ....ใจรู้ใจ ..ใจเพียงใจ..ใจพอใจ..
แค่ใคร..แค่คนเดียว..มาเกี่ยวเก็บรักไว้..กลางใจ
ก็เกินพอ..ก็งามพอ..ก็งามใจ..ก็งามจริง..แล้วค่ะ
และ
อาจเพราะ..
เบื่อความสับสนมากกมลมากความมากรายกล้ำ
ทำความวุ่นวายวกวนเวียนวน
ไร้วางว่างกลางดวงใจ...ใสสวย..


และ
คงด้วยประการละฉะนั้นจึงเป็นฉะนี้..

ที่บางที
ราวชีวาชีวิตไพล
จึงขอแค่เปิดใจ
หวังสร้างงานงามใจงามไพร
ดับเร่าร้อนด้วยอักษราภาษารัก
ดับไฟฟอนแห่งอคติ
ที่มนุษย์มากมีมากมาย
ชอบใช้ปากกานำมาทิ่มแทงประหัตประหารกัน


ไพลจึง..
เพียรพยายามเพิ่ม..เติมใจดวงเดิมดวงดี
ฝึกจิตรู้ใจให้ไหวทัน
และยิ่งเพิ่มงามขวัญงามใจให้ยิ่งรักงามเงียบ

และ
จากดวงใจแสนรัก
จากดวงใจแสนจริง

ไพล..จึงหวังจักแค่
อยากให้ทุกดวงใจ
สร้าง..บ้านภายใน..กมลละมัยแห่งใจตน..
สร้างกุศลให้รู้รักตัวเอง เคารพตัวเอง เชื่อมั่นตัวเอง
มิเกรงคำคนคำใคร
มิพิพากษา
มิหาเรื่องสาดโคลนสาดใครสาดใจ
ให้รานแยกแหลกยับ
กับความไม่รู้ใจรู้จริง..กันและกัน นะคะ



ไพลจึงหวังและหวัง
ให้ทุกดวงใจแห่งรัก
มีภักดิ์พลีสร้างเชื่อมั่น ฝันดี
ว่า..
เราทุกผู้มนุษย์มากมายมากมีในโลกนี้
ทั้งเขาและเราแสนโชคดีเป็นยิ่งนักแล้ว


ที่ยังมีดวงตาดวงใจ
มีอวัยวะครบถ้วนสามสิบสอง

มีสมองสองมือ..ที่งามพร่างงามพราว
ราวฟ้าดิน..สวรรค์หวาน..ประทานพรให้มา
ให้รู้รักรจนารู้ระบายได้คลายใจ
ได้พักพิงใจ..เอนอิงไหล่..
เกาะเกี่ยวใจ..เก็บฝันตามตะวันไปด้วยกัน


 
ได้สรรสร้างฝันแสนดีแสนงาม
ฝากไว้ ในโลกงาม โลกหล้า 
จนกว่าผืนพสุธาจะกลบหน้า
ตราบชั่วฟ้าดิน
ให้มีถวิลรักถวิลรอถวิล..ให้..มิรู้สิ้น
ในน้ำใจในเยื่อใยรักซึ่งกันและกัน
ฉันท์น้องพี่ ดีเสียยิ่งกว่าดี ดีเสียยิ่งกว่าใคร..


.
ดวงใจ....
จงเชื่อมั่นในตัวตน 
แต่ละคนแต่ละดี 
ที่พระเจ้าจะให้งามแผกแตกต่าง
อย่างพิเศษพิสุทธิ์บริสุทธิ์ยุติธรรม 
ต่างกันไปคนละรูปแบบ

อย่ามัวมอง จ้องหาเรื่อง
ไม่ประเทืองประทับใจของผู้อื่น
และหยิบยื่นดาบจ้วงแทงทำร้าย
และบางทีด้วยปลายปากกาที่รู้เท่ามิถึงการณ์..



จงให้อภัยมีเมตตา
ยื่นมือมาฉุด..ผู้ทุกข์ทน
ให้พ้นทุกข์ที่พลาดผิดถลำ จะดีเสียกว่า
และหยิบยื่นน้ำใจรัก มากเมตตา
รินรดน้ำใจฝันให้โอกาสเขาแก้ตัว..



เพราะ...
โลกแห่งชีวาชีวิตช่างแสนสั้นเป็นยิ่งนักนะคะ
และ
ไม่มีรักไหนไม่แปรพรากจากลา..
ไม่มีใครกำชะตาใครได้แม้แต่ตัวตนของเราเอง



จงคิดถึงความตาย
และการพรายพลัดพรากจากเจ็บ
ที่เป็นธรรมดาโลกธรรมดาโศกธรรมดาใจ..
ที่จะไม่มีใครหนีพ้น..



และ...
รักคือการให้..
คือการวาง..คือการฝากความหวานจำ..ในทรงจำ
ก็น่าจะพอเพียงเพียงพอ  

จงอย่าได้ท้อแท้แพ้พ่ายใจ
หากใครไม่รักเรา 
ไม่รู้จักรู้ใจเราดีพอนะดวงใจ..นะคนดี



จงสร้างพลังปลอบประโลมใจ
ดวงร้าว ดวงเศร้า ดวงดายเดียว เดียวดาย
ดวงระกำดวงช้ำตรม ให้แก่กันและกัน
เพื่อมอบฝันพลี
เกื้องามฝันงามใจทั้งในโลกฝันในโลกจริงนะคะ



และสวรรค์..สวรรค์
สวรรค์ไพล สวรรค์ใจ 
สวรรค์ไพร ของทุกดวงใจ

เพียงขอแค่เห็นงามง่ายงามนิ่งงามว่าง
การใช้ชีวิตและร่างอย่างติดดินธรรมดาๆ
อิงธรรมชาติ
มิจำต้องพิลาสพิไล
ไม่ต้องหรูแฟ่ประดับเปลือกนอก
หลอกใจด้วยวัตถุมากมีมากมาย



ขอเพียง..
แค่..ทุกดวงใจแสนรัก
ได้พักพิงในวิมานไพรวิมานดิน

รู้รักรู้ค่ารู้จักรู้จัด..
ให้ผู้อันเป็นที่รักได้อบอุ่น
ในอ้อมโอบแห่งงามนิยาม*วิมานใจ...บ้านของเรา*
ให้นิทราหลับฝันดี แสนสุขใจ เสียไม่มี..
และ
ใจเราจะงามพร่างสว่างสะอาดสงบไม่รกเรื้อ
ได้พบงามในทุกโมงยามแห่งชีวาชีวิต



คนดี...
เราทุกคนมีเพื่อนไพล เพื่อนใจ เพื่อนไพร
ทั้งในโลกจริงโลกฝันสวรรค์สวาท
ก็สามารถสร้างปรารถนาได้
สามารถสร้างหวานหวังพลังรัก
หยิบยื่นให้แก่กันและกันได้



และ...
เราโชคดีนัก
ที่ได้เกิดมาในร่มรัก  ผืนดินอุดม
ในร่มธรรมพระพุทธศาสนา
ที่สอนสัจจะจริงแท้แก่นแท้แน่นอนแห่งชีวิต
ให้จิตวิญญาณถึงพร้อมงามพร้อม..
ให้ถนอมนวลเนื้อใจ
ให้ไสวละมุนพร่าง
ราวมีดวงแก้วกระจ่างใสแสนวิเศษพิเศษพิสุทธิ์
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระผู้มากล้นบริสุทธิคุณ..



และ...
เรายังมีร่มฉัตรเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
เป็นดั่งจอมขวัญจอมใจไทยทั้งชาติ
พระมหากษัตริย์ไทย ธ..ผู้ทรงงามใจงามจริยวัตรทรงธรรมนำทาง
เป็นยอดเยี่ยงอย่าง เป็นแบบฉบับอันงามวิจิตรใจ

ให้ดวงใจไทยทุกดวงงามใส  
รู้รักสามัคคี  มีสุขสงบพบสมถะสันโดษ 
รู้พอเพียงเพียงพอขอแค่ใจสุขเงียบงาม
มิหวั่นไหวหลงตามโลกอารยะไกล
ที่นะบัดนี้นั้น
กรุ่นไปด้วยสงครามและควันปืน..เร่าร้อน..
ไร้เยือกเย็นมิเห็นงามแล้ว



และ...
สำหรับเราทุกดวงใจในโลกฝันสวรรค์หวาน
ที่แสนโชคดีนักที่ได้มาพานพบเพื่อนพ้องน้องพี่
นะที่นี่ 
นะร่มรักเรือนไทย..เรือนใจ..เรือนในฝันในใจ
อันแสนวิเศษเสียไม่มี



เรามีปีกฟ้าโอบรายรอบครอบคลุม
ให้อ้อมอุ่นอ้อมอกอ้อมใจเอื้อไออุ่น
ให้แบ่งฝันปันรัก
ถักถ้อยร้อยดวงบุปผาสุมาลีสุมาลัย

มีฟากฟ้า แสนกว้างใหญ่
ให้ดวงใจรักรจนาได้สลัดเลือดรักผ่านปลายปากกา
จากสมองสองมือไขว่คว้า.คว้าไขว่จากพรสวรรค์พรแสวง
ดั่งสลัดฝีแปรงฝากภาพงาม
ดั่งสลัดเพชรพรายร่ายรักอักษรา
ฝากภาษาใจจากจิตวิญญาณภายใน
แต่งแต้มประดับฟากฟ้าไสว
เสมือนดั่งดาวเดือนพร่างพราวเต็มราวฟ้า



และ...
จากทุกหยาดเลือดรัก หยดน้ำตา 
บทเรียนมากค่ามากคำมากความ
จากจิตวิญญาณรักนักฝัน

ให้ราวจับสวรรค์หวานสวรรรค์วาง
ให้พบเส้นทางฝันเส้นทางใจ
ให้พบงามใจงามใสงามเย็น
ฝากเป็นพลีบรรณาการแด่โลกบรรณพิภพ
จบหล้าโลกลบโศกราน



จนกว่า...
ผืนดินจะกลบหน้าแด่พสุธาที่ข้ารัก
ให้จักเป็นนิรันดร์รักนิรันดร์ใจนิรันดร์จริง
เป็นยอดยิ่งแห่งความภาคภูมิใจ
ครั้งหนึ่งในชีวาชีวิต


และ...
จักสถิตเป็นนิรันดร์รักอีกนิยามหนึ่งพึงตราไว้
ให้กับชีวิตนี้ที่แสนสั้นเป็นยิ่งนักแล้ว..
นะยอดขวัญยอดดวงใจ

*****************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=19
  อาลัยรัก   
ชรินทร์ นันทนาคร : : Key Ab  
ฉัน รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
ว่า สัก วัน ฉัน คง ถูกทอดทิ้ง
มินานเท่าไร แล้วเธอก็ไป
จากฉันจริงจริง
เธอ ทอด ทิ้ง ให้อาลัย อยู่กับความรัก
แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มา ตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ด เลือด และ น้ำตา

แม้ มี ปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะ ต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มาตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ดเลือด และน้ำตา... 





				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด