26 เมษายน 2548 09:28 น.

สายธรรมธาราทอง!

พุด


url.http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=25
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=265


ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน

เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
เพราะว่าชีวา แสน สั้น
เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน...
.........

 
 



นานนานทีที่ไพลจะได้นอนพักใจดูทีวีนานๆ
และรายการที่ชอบดูที่สุดคือรายการสารคดี
หรือไม่ก็รายการที่สร้างสรรสังคม
บางทีก็งงๆ ราวตัวเองหลงไปอยู่โลกอื่นเพิ่งกลับมา
ค่าที่มิได้ติดตามข่าวสาร..
แล้วก็เห็นรายการแปลกๆมาปรากฎ


บางทีไพลก็ตลกตัวเอง
ที่ชอบดูโฆษณาขำขำ เช่น
ที่เด็กชายน่าตาน่ารักมาตอบคำถามว่า มัมมี่คืออะไร
เขาตอบตรงไปตรงมาดีจังเลย..
คือผี..ที่มีแผล..ไง..ก็พันร่างไว้ออกยังงั้นน่ะนะ



และ...
ชอบดูโฆษณาที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยที่แสนงาม

หากไม่ชอบใจที่สปอนเซอร์เป็นเหล้า..ยี่ห้อนึงเลยบึ้งๆดู..

ซึ่งทุกวันนี้ก็คือบ่อเกิดปัญหามากมีมากมาย
ที่นำมาจากอบายมมุขร้ายข้อนี้แหละสุราเมรย..นี่ละนะ
ที่พาให้คนในชาติไท..
ที่ไทเสียจนแสนมีอิสระเสรีขาดสติกันเต็มบ้านเต็มเมือง
ที่ไม่บ้าๆบอๆก็บวมๆพากันไปตายเป็นเบือ
ในฤดูสงกรานต์ที่ผ่านมา

แล้วก็มาแก้กันที่ปลายเหตุ มาดักจับ..รถเป็นแถว..ทุกที่..ทั่วไทย
ก็ยังตายๆไปพบยมบาลตั้งหลายร้อยเลย...



และ..
โฆษณาที่
ไพลชอบอีกอันหนึ่ง
คือที่เด็กหนุ่มคนนึงทำงานทุกอย่างรักษาดวงตาให้แม่
และ..
คำสุดท้ายฝากให้ผู้ชมซาบซึ้งอึ้งอั้นกินใจมากเลยค่ะ

*แม้มิเห็นด้วยตา หากสัมผัสได้ด้วยใจ..*

และนี่คือ..เพียง
ตัวอย่างจากดวงตาที่เลือกดูเอาตามดวงใจ
ที่เลือกรับสิ่งแสนดีแม้นไม่กี่นาทีที่ผ่านพบ



แต่ทว่า เด็กๆเล่า
ที่เฝ้าดูทุกอย่างที่ทีวียัดเยียดมาให้อย่างไร้ไตร่ตรองไม่รู้สิ้นรู้จบ
ทำให้ใจไพลรอนๆร้าวๆเศร้าๆยังไงไม่รู้ว่า..
ว่าแล้วอนาคตเยาวชนของของชาติจะเป็นเช่นไร
ก็ได้แต่นึกห่วงใย มากๆเลย



ที่เล่ามานี้..แค่จะมากระซิบว่า..
เมื่อคืนก่อนได้ดูเรื่องจริงที่แสนยิ่งใหญ่มหัศจรรย์รัก
ที่แสนประทับใจไพล จนคงไม่มีวันลืมเลือน

นั่นคือ..
เรื่อง*ผู้นำแห่งสันติ*เกี่ยวกับท่านสันตปาปาที่เพิ่งล่วงลับไป
ทางช่อง9...
ให้หัวใจไพลราวพบปาฎิหารย์รักเกินกว่ารัก 
ที่มนุษย์ในหล้าโลกนี้คงคิดเช่นเดียวกันกับไพล


ไพล..น้ำตาซึมซึ้งตลอดอย่างกลั้นใจไม่อยู่..
หากใครดู..
คงได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ในพระหทัยมากเมตตาของพระองค์ท่าน
ที่ช่างแสนงดงามนัก
และ...นาทีนั้น
ทันทีนั้นไพลก็รู้สึกว่า..
ชีวิตเรานั้นราวธุลีหล้าแสนน้อยนิดเสียเหลือเกิน



ภาพทุกภาพ
ที่ฉายชัดถึงพระราชกรณียกิจที่ท่านได้เสด็จเพื่อเพียรนำสันติ
ไปตามที่ต่างๆทั่วโลก
เสด็จไปโปรดประทานคุณงามความดี

ที่ท่านยอมพลีเพื่อมวลมนุษยชาตินับเป็นพันๆล้านคน
และแม้กระทั่ง
กับคนที่ลอบปลงพระชนม์ท่านก็ยังทรงอภัย
โดยได้เสด็จไปเยี่ยมถึงในคุกที่คุมขังและโอบกอดไหล่ไว้อย่างให้อภัยรักใคร่


ภาพที่พาให้คนทั้งโลกได้สรรเสริญประทับใจในน้ำพระทัย
ที่มากเมตตาหลั่งรินสอนให้คนทั้งโลกได้พบหยาดเย็น
ไม่เพียงแต่คริสต์ชนเพียงนั้น

หากเราพุทธศาสนิกชนคนไทยที่มีหัวใจดวงทองผ่องพิสุทธิ์
ก็ควรน้อมนำมาประพฤติปฎิบัติตาม
หยุดทิฐิ.มีแต่อภัยหันหน้ามาปรองดองสามัคคีรักกัน
เพราะไม่รู้วันไหนจะถึงวันพรากลามรณาณุสติ..ไว้ได้เลย..


และ
แทบทุกฉากตอนที่ไพลได้ย้อนนำมาสอนใจไพลว่า
ชีวิตเรานั้นหนานิดน้อยเพียงนี้เพียงใด
เมื่อเทียบกับความรักเสียสละอันแสนยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่าน
และทุกวีรบุรุษสตรี
ที่ได้พลีชีพเพื่อประชากรโลก...ลบโศก..ร้อนไปทุกหย่อมหญ้า



สุดท้ายในท่ามน้ำตาแห่งความสำนึก..
ไพล..อยากกระซิบถึงทุกลูกผู้ชายชาติไทยชาติไพร
ผู้มากมีมีน้ำใจงามงดดั่งพุทธพลีที่แสนมากละมุนทุกดวง
หากไพลทำได้
และ...
ให้ดอกดวงใจทุกคนนั้นที่ราวมีดวงดอกธรรมมาตั้งแต่กำเนิด
มีใจดวงงามดวงประเสริฐ
ที่ยังอยากเดินตามรอยทางรอยทองของพระบรมศาสดา
พอที่จะหันมารับฟังคำวอนอันแสนรักปรารถนาดี
ที่ไพลยินดีพลีมอบให้อย่างรักเข้าใจ..ปรารถนาดี



ไพล..อยากเพียงกระซิบวอนว่า..
หากวันไหนมีเวลาก็อย่าลืม
ตัดสินใจเดินเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์อย่างเงียบงาม

ให้สมค่าคำ..
ลูกผู้ชายไทยที่ได้เกิดมาในร่มเงาพระพุทธศาสนาฟ้าพุทธภูมิ
และเพื่อเพียรได้อบร่ำดวงจิต
ให้รู้ทันเท่าในความเป็นไปแห่งชีวีชีวิต
ให้พบแสงสว่างพร่างพราวราวดวงแก้วตระการโชติชัชวาลย์
สำหรับ..
ไพลคงได้แต่พลอยอิ่มบุญอนุโมทนา..
ด้วยน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มปิติใจจนหลั่งรินมิสิ้นสาย
ราวสายธารทองคำอันงามล้ำด้วยพลังเกษมบุญ



ไพล..
จึงอยากกระซิบบย้ำเตือนอีกครานะคะ..ว่า
อย่าเอาแต่มัวหลงโลกย์โศกสุข..อยู่เลยนะ
ลองเข้ามาศึกษาพระธรรมที่ดั่งสายธาราเย็น
เพียรน้อมนำคำสอนมาห่มหอมห้วงดวงจิตให้ใสงาม
เหนือท่ามท้นท่วมทุกข์สุข..
เพราะว่า..
ชีวิตคนเรานี้หนาแสนสั้นนัก
ให้จงทำทุกสิ่งแสนดีแสนงามแสนรักเมตตาฝากไว้ในพื้นปฐพีจะดีกว่า
และ..
ก่อนที่เงาแสงตะวันแห่งดวงตะวันชีวาที่แสนจะสั้นถึงวันพลันริบหรี่
มิรู้จะดับลับลาหล้าไปณ..วันไหน นะดวงใจ..


และ..
เมื่อเราคือพุทธศาสนิกชนคนไทย
 เราก็คงต้องเลือกเดินเข้าไปสู่ร่มธรรมร่มทอง
ที่จะได้ประคองพระพุทธศาสนาให้จักธำรงคงอยู่สืบไป

และ
ด้วยดวงใจที่ไม่ค่อยสบาย..
ไพล..กลับรจนาไม่ได้งามเท่าใจนึก



จึงเพียงแค่ฝากรำลึกจากใจดวงงาม
เพียรอธิษฐานจิตภาวนาว่า..ให้ทุกคนดีที่ไพลแสนรัก
คนที่งามนักในน้ำใจมากความดี 
ที่พระเบื้องบนได้พลีประทานพรมาให้
ให้มีจิตกระจ่างดวงโชติช่วงชัชวาลย์ดั่งดวงแก้ววิเศษ



จงได้อย่ารีรอช้านาน
จงตัดสินใจพลีร่าง
และจิตวิญญาณเพื่อ
เดินตามรอยเบื้องพระบาทพระบรมพระศาสดา..

เดินเข้าสู่ร่มธรรมในไม่นานช้า..นี้
อย่างที่ไม่สายเกินอย่างไม่เสียชาติเกิด..นะคนดีนะดวงใจ
...............
................



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=265

เกิด เป็นคนอย่าเห็นแก่ตน
แหละ ดี
ถึงจะมี ร่ำรวย สุข สันต์
จน หรือมี ไม่เป็นที่ สำคัญ
แม้รักกัน พึ่ง พา
อย่าไปตัด ไม ตรี
เกิดมาพึ่งกัน
ผิว พรรณ ใช่แบ่งศักดิ์ศรี
วันนี้ เราอยู่ คิดดู ให้ดี
ถึงจะจน จะมี
อย่าไปสร้างเวรกรรม
ขืนทำ ชั่วไป
อาจต้องใช้กรรมเวร
อย่า งมงายโลภหลง
เพราะคงจะเกิดลำเค็ญ
สร้างบุญพระท่านคงเห็น
ร่มเย็น พ้นความกังวล
ถึงวิบัติขัดสน ผลบุญนำให้
ศีลธรรมมั่นใจ
ไม่ต้องไป กังวล
ถึงจะมีจะจนจะเกิดกุศลดลใจ

..........


 

				
25 เมษายน 2548 07:53 น.

ดั่งหยาดน้ำค้างกลางใบบัว!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=831
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_61724.php
ใบบัวใบบุญภาคแรกค่ะ
********



คืนนี้จันทร์เพ็ญนวลผ่อง
เป็นจันทร์ขึ้นสิบห้าค่ำ
ที่แขวนตัวในม่านราตรีสีกำมะหยี่
ราวลูกจันทร์สีทองทอ เด่นดวง



ฟ้าระดะด้วยดาวสุกใสพริบพราว
จนดูราวใกล้แสนใกล้แค่เอื้อม

ในท่ามแสงจันทร์อันสกาวจรัส
แสงเทียนทองงามจรุงถูกจุดขึ้น ตั้งแค่หัวค่ำ
ในกระท่อมใบบุญของใบบัว
ที่ออกแบบราววิหาร
ให้โอบล้อมลานหญ้าตรงกลาง
ที่มีอาคารราวโบสถ์คร่ำ


ใบบัว...
ในชุดผ้านุ่งซิ่นไหมสีไพลยาวกรอมเท้า
มุ่นผมพันเกลียวทบด้วยดวงดอกลีลาวดีรัดร้อย
ราวสร้อยงามอะคร้าวให้หอมเศร้าดายเดียว..อวลพร่าง..

ร่างเธอนั่งเงียบงาม
เอนอิงพิงหมอนขวาน
บนเสื่อกก..
ค่อยๆทบพับจีบกลีบบัวอย่างละมุนละม่อมใจ
เพื่อน้อมพลีถวายเป็นพุทธบูชาในราตรีนี้...ที่กำลังจะมาเยือน..
ให้ใบบัวได้เตรียมตัวสวดมนต์ทำวัตรเย็น..อย่างมิเว้นสักค่ำคืน..


ใกล้ๆ..กัน
มีตู้เก่าแบบเดียวกับตู้เก็บพระไตรปิฎก
ไว้เก็บพระธรรมคำสั่งสอนมากเล่ม..
ที่ณ..วันนี้ 
ใบบัวได้มีเวลารื้อออกมาจัดเรียงทำความสะอาดเสียใหม่


และ..
ทำให้หัวใจใบบัว
แสนจะอิ่มใสแสนงาม

ใบบัวค่อยๆหยิบหนังสือธรรมเล่มน้อย
หลายเล่มมาพลิกดู
ด้วยดวงใจโสมนัสปิติอย่างที่สุดแล้ว
ในยามบ่ายคล้อยใกล้ตะวันลา
ที่รายรอบกระท่อมแสนสุขสงบงาม

เงียบเสียจน...ได้ยินเสียงจักจั่น..ร้องระงม


ใบบัวไล้สายตาช้าช้า
ไปยัง...
หนังสือเล่มงามในมือ*ความรู้สึกตัว*ของหลวงพ่อเทียน*
ก่อนที่หยาดน้ำตาจะเอ่อซึมซึ้งด้วยปิติเกษมในคำสอน
.......
****


*ธรรมะคือตัวเรานี่เองทุกๆคนคือธรรมะ
ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง 
คนไทย คนจีน หรือชาวตะวันตก
ทั้งหมดคือธรรมะ ..


การปฎิบัตินั้นอยู่ที่ตัวเรา
และคำสอนของพระพุทธเจ้าสามารถนำเรา
ไปสู่สภาพของการดับทุกข์อย่างแท้จริง

มนุษย์ก็คือธรรมะ ธรรมะก็คือมนุษย์
เมื่อเรารู้ธรรมะ เราก็จะเข้าใจว่าทุกๆสิ่งนั้น
มิได้เป็นอย่างที่เราคิด 
ทุกๆสิ่งคือสมมุติ(สิ่งที่ยอมรับตกลงกัน)


นี่คือปัญญาที่เกิดขึ้น 
เพื่อที่จะประจักษ์แจ้งในคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า
ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นหรือไม่ก็ตาม
พระธรรมนั้นมีอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเราเห็นสิ่งนี้อย่างแท้จริง

เราจะอยู่เหนือความเชื่อที่งมงายทั้งหลาย
เพราะเรารู้ว่าธรรมะคือตัวเรา
ตัวเราเท่านั้นที่จะนำชีวิตของเราเองมิใช่ใดอื่น
นี่คือจุดเริ่มต้นของความสิ้นสุดแห่งทุกข์**
......


*และคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนั้น
มีจุดมุ่งหมายเพื่อยังความสิ้นสุดแก่ความทุกข์
ถ้าเราไม่เข้าใจสิ่งนี้เราจะเกิดความลังเลสงสัย
เกี่ยวกับคำสอนของพระองค์และคาดคิดเกี่ยวกับเรื่อง
การเกิดใหม่ นรก สวรรค์และอื่นๆ..*
..............
..........


*คำสอนของพระพุทธเจ้านั้น
ไร้กาลเวลาและไม่ถูกจำกัดอยู่ด้วยเชื้อชาติ
สัญชาติ หรือศาสนาใดใด

ตามหลักฐานในสติปัฏฐานสูตร 
ถ้าเธอปฏิบัติสติปัฎฐานอย่างต่อเนื่องดุจลูกโซ่นั้น
คือเจริญสติในทุกขณะ แล้ว 
ความเป็นพระอรหันต์
(ผู้ดับกิเลสได้ดับเชื้อได้เห็นจริงรู้แจ้งในตัวของตัว)
หรือภาวะแห่งพระอนาคามี(ผู้ไม่หวนกลับ)


เป็นสิ่งที่หวังได้อย่างนาน
ภายใน7ปีอย่างกลาง7เดือนและอย่าเร็วสุด 7วัน
ถ้าเธอเจริญสติตามวิธีที่ข้าพเจ้าอธิบายให้ฟัง
และ..
มีสติต่อเนื่องติดต่อกันเป็นลูกโช่แล้วอย่างนานที่สุด3ปี
ความทุกข์ก็จะลดน้อยลงถึง60เปอร์เชนต์
และในบางกรณีอาจจะหมดสิ้นโดยสมบูรณ์

สำหรับบุคคลบางคนนั้นอาจจะได้รับผลนี้ภายในเวลา1ปีหรือ
ภายในเวลา 90วัน
จะไม่มีความดีใจหรือเสียใจความพอใจหรือความไม่พอใจ
หนทางไปสู่ความสิ้นสุดของทุกข์นี้
เป็นหนทางที่ง่าย
เหตุที่ยากเพราะเราไม่รู้มันอย่างแท้จริง เราจึงมีความสงสัยลังเล...
.......
.........


ใบบัว..อ่านไปและเพียรทำความเข้าใจ
พร้อมมิระย่อท้อใจที่จะฝึกเพียรเจริญสติ
เฝ้าดูความคิดและรู้เห็นทันเท่า
 รู้หยุดทุกข์เศร้ามากขึ้นมากเข้าได้ทันท่วงที
อย่างผู้ที่ไม่ยอมแพ้...


นาทีนี้ น้ำตาอุ่นๆของใบบัวจึงละหลั่งริน
ด้วยความรู้สึกว่า
ดวงชีวีใบบัวมีที่พึ่งทางจิตแล้ว
*คือยอดพระรัตนตรัย*

ที่เปรียบดั่งอัญมณีจิต
ที่จักทอดทอสถิตนำทางใจไปตราบชั่วนิรันดร์
และ
ประดุจ
*ดั่งดวงแก้วแสงเทียนตระการ*มาคอยส่องนำทาง
มิให้หลงดายเดียวอ้างว้างยึดมั่นหลงมั่น..
เฝ้าหลงฝันหลงรักรอใครอีกต่อไป!แล้ว
...........



ใจดวงละมุนของใบบัว..
จึ่งหอมกรุ่นราวเกสรบัวตรงหน้าในมือ

ที่ใบบัวกำลังค่อยๆจัดใส่แจกันแก้วอย่างทะนุถนอมเบามือ
ที่กำลังให้หอมเต็มไปด้วยพลังแห่งรักศรัทธา

ใบบัวค่อยค่อยทรุดตัวลงนั่งเบื้องพระพักตร์พระพุทธ
ที่งามสุกปลั่งมลังเมลืองรำไร
ในท่ามเทียนทองแห่งศรัทธา...


ที่คือศรัทธาทิพยนิรมิต
พาพบจิตสะอาดสว่างสงบพบความงามว่างร้างไร้
และ
กับทุกคืนค่ำ
ที่ใบบัวจะสวดมนต์อย่างยาวนานที่จักเริ่มด้วย



บทบูชาพระรัตนตรัย
กราบพระรัตนตรัย
นมัสการพระรัตนตรัย
ขอขมาพระรัตนตรัย
ไตรสรณคมม์
ถวายพรพระ
ชัยมงคลคาถาพาหุง
อิติปิโสเท่าอายุ
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
บทแผ่ส่วนกุศล
กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
สวดพระคาถาชินบัญชร
ตามด้วยยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก


และ...
พระคาถามากมาย

สำหรับ...
คาถาพาหุงนั้น...
ใบบัวช่างแสนปิติตรึงศรัทธาในดวงจิตอย่างสูงสุดเกินเปรียบประมาณ
ด้วยได้รับบุญทานบารมีกุศลได้อ่านคำของ

*พระเทพสิงหบุราจารย์(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมโม)
เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี
อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ได้ประทานเล่าไว้ดังนี้ถึงที่มาว่า*
..........


**เมื่ออาตมาได้พบกับ
สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว*

คืนวันหนึ่งอาตมานอนหลับ
แล้วฝันไปว่า...
อาตมาได้เดินไปในสถานที่แห่งหนึ่ง

พบพระสงฆ์รูปหนึ่งครองจีวรสีคร่ำ
สมณสารูปเรียบร้อยน่าเลื่อมใส
อาตมาเห็นว่าเป็นพระอาวุโส ผู้รัตตัญญู...จึงน้อมนมัสการท่าน

ท่านหยุดยืนตรงหน้าอาตมา
แล้ว..กล่าวกับอาตมาว่า...


*ฉันคือ สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้วแห่งกรุงศรีอยุธยา
ฉันต้องการให้เธอได้ไปที่วัดใหญ่ชัยมงคล
เพื่อดูจารึกถวายพระเกียรติ
แก่สมเด็จพระนเรศวรผู้เป็นเจ้า..


เนื่องในวาระ..
ที่สร้างเจดีย์ฉลองชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชาแห่งพม่า
และประกาศความเป็นอิสระของประเทศไทยจากหงสาวดีเป็นครั้งแรก 

เธอไปดูไว้แล้วจดจำมาเผยแพร่ออกไป 
ถึงเวลาที่เธอจะได้รับรู้แล้ว*


ในฝัน..อาตมา..รับปากท่าน..
ท่านก็บอกตำแหน่งให้ 

แล้ว..
ก็ตกใจตื่นนอนตอนใกล้รุ่ง

อาตมาก็ทบทวนความฝัน 
ก็นึกอยู่ในใจว่าเราเองนั้นกำหนดจิต
ด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ
เรื่องฝันฟุ้งช่านเป็นไม่มี


อาตมาก็ได้ข่าวในวันนั้นแหละว่า
ทางกรมศิลปากร
ทำการบูรณะปฎิสังขรณ์พระเจดีย์ใหญ่ในวัดใหญ่ชัยมงคล
และ..
จะทำการบรรจุบัวยอดพระเจดีย์ 
อันเป็นนิมิตรหมายการสิ้นสุดการบูรณะ
แล้วจะรื้อนั่งร้านทั้งหมดออกเป็นการเสร็จสิ้น


อาตมา จึงได้ขอร้อง ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร 
ให้เลื่อนการปิดยอดบัวไปอีกวันหนึ่ง

เพื่อที่อาตมาจะได้นำพระซุ้มเสมาชัย ซุ้มเสมาขอ
ที่อาตมาได้สร้างขึ้นตามแบบดั้งเดิม
ที่พบในเจดีย์ใหญ่ใกล้กับวัดอัมพวันซึ่งพังลงน้ำ
ที่ก๋งเหล็งเป็นคนรวบรวมเอามาให้อาตมา
ตั้งแต่เมื่อเริ่มพัฒนาวัดใหม่ๆ
แต่แตกหักผุพังทั้งนั้นหลายสิบปิ๊บ

อาตมาได้ป่นเอามาผสม 
สร้างเป็นองค์พระใหม่ไปร่มบรรจุไว้ที่ยอดพระเจดีย์บ้าง



วันนั้น..
อาตมาเดินทางไปถึง
ก็ได้เดินขึ้นไปบนเจดีย์ตอนที่สุดบันไดแล้ว
มองเห็นโพรง
ที่ทางเขาทำไว้สำหรับลงไปด้านล่าง

มีร้านไม้พอไต่ลงไปภายใน 
ตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่าลงไปคราวนี้
ถ้าพลาดตกลงไปจากนั่งร้านม้า ...ก็ยอมตาย
คนที่ร่วมเดินทางมาด้วย
เขามัวแต่ไปบนลานชั้นบน 


อาตมาก็ดิ่งลงไปชั้นล่างมีไฟฉายดวงหนึ่ง
เวลานั้นประมาณ  09.00น 

อาตมา..
ลงไปภายใน..
แล้วก็...พบนิมิต...ดังที่สมเด็จพระพนรัตน์ได้บอกไว้จริงๆ

อาตมาจึงได้พบว่าแท้ที่จริงแล้ว
สิ่งที่สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้วท่านได้จารึกถวายพระพร
ก็คือ*บทสวดที่เรียกว่า*พาหุง มหากรุณิโย*


ท้ายนิมิตนั้นระบุว่า
*เราสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว ศรีอโยธเยศ คือผู้จารึกนิมิตรจนาเอาไว้
ถวายพระพรแด่มหาบพิตรเจ้าสมเด็จพระนเรศวรมหาราช...


พาหุงมหากา
ก็คือบทสวดสรรเสริญ
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
แล้วก็..
พรพาหุงอันเริ่มด้วย
พาหุงสหัสไปจนถึงทุคคาหทิฏฐิแล้วเรื่อยไป

จนถึงมหากรุณิโก
นาโถ หิตายะ และจบลงด้วย ภะวะตุสัพพะ มังคะลัง 
สัพพะพุทธาสัพพะธัมมา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุเต 
อาตมาเรียกรวมกันว่า พาหุงมหากา


อาตมาจึงเข้าใจในบัดนั้นเองว่า..
บทพาหุงนี้คือ
บทสวดมนต์
ที่สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว
ได้ถวายให้พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ไว้สวดเป็นประจำเวลาอยู่พระมหาราชวังและในระหว่างศึกสงคราม
จึงปรากฏว่า....


พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า
ทรงรบ ณ ที่ใด
ทรงมีชัยชนะอยู่ตลอดเวลาามิได้เพลี่ยงพล้ำเลย
แม้จะเพียงลำพังพระองค์กับพระอนุชาธิราชเจ้า
ท่ามกลางกองทัพพม่าจำนวนนับแสนคน
ก็ทรงมีชัยชนะเหนือกองทัพพม่า

ด้วยการกระทำยุทธหัตถี
มีชัยเหนือพระมหาอุปราชา ณ ดอนเจดีย์ปูชนียสถาน

แม้ข้าศึกจะยิงปืนไฟเข้าใส่พระองค์
ในตอนที่เข้ากันพระศพของพรมหาอุปราชาออกไป ราวห่าฝนก็มิปาน
แต่ก็มิได้ต้องพระองค์
ด้วยเดชะพาหุงมหากาที่ทรงเจริญอยู่เป็นประจำนั้นเอง



อาตมา...พบนิมิตแล้ว..ก็ไต่ขึ้นมา
ด้วยความสบายใจ..

ถึงปากปล่องที่ลงไปใช้เวลา
เกือบสามชั่วโมงเนื้อตัวมีแต่หยากไย่

เดินลงมาแม่ชีเห็นเข้ายังร้องถาม
ว่า*หลวงพ่อเข้าไปในโพรงนั้นมาหรือ*แต่อาตมาไม่ตอบ



ตั้งแต่นั้นมา 
อาตมาจึงสอนการสวดพาหุงมหากาให้แก่ญาติโยมเป็นต้นมา
เพราะอะไร..
เพราะพาหุงมหากานั้น..
เป็นบทสวดมนต์ที่มีค่าที่สุด มีผลดีที่สุด
 
เพราะชัยชนะอย่างสูงสุดของพระบรมศาสดา
จากพญาวัสวดีมาร 
จากอาฬวกะยักษ์ 
จากช้างนาฬาคิรี จากองคุลีมาร
จากนางจิญมานวิกา 
จากสัจจะกะนิครนธ์ 
จากพญานันโทปนันทนาคราช
และท่านท้าวผกาพรหม 


เป็นชัยชนะที่พระพุทธองค์ทรงได้มา
ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์และด้วยอำนาจแห่งบารมีธรรมโดยแท้ 

ผู้ใดได้สวดไว้เป็นประจำทุกวัน
จะมีชัยชนะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดกาลนาน
มีลติระลึกได้จะตายก็ไปสู่สุคติภูมิ..


ขอให้ญาติโยมสวดพาหุงมหากากันให้ทั่วหน้า 
นอกจากจะคุ้มตัวแล้ว
ยังคุ้มครองครอบครัวได้ สวดมากๆเข้า
สวดกันทั้งประเทศก็ทำให้ประเทศ
มีความรุ่งเรืองพวกคนพาล สันดานหยาบก็แพ้ภัยไปอย่างถ้วนหน้า



ไม่ใช่แต่พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้น
ที่พบความมหัศจรรย์ของบทพาหุงมหากา
แม้พระเจ้าตากสินมหาราช
ก็ทรงพบเช่นกันโดยมีบันทึกโบราณบอกไว้ดังนี้...


*เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราช
ตีเมืองจันทบุรีได้แล้ว ก็ทรงเห็นว่าสงครามกู้ชาติ
ต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาวจึงทรงโปรดเกล้า 
ให้สร้างพระยอดธงแบบศรีอยุธยาขึ้นแล้ว

นิมนต์พระเถระทั้งหลาย
มาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้ในองค์พระ
 พระองค์ก็ทรงเจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ด้วยการเจริญพาหุงมหากา
จึงทรงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ*



สวดพาหุงมหากากันให้ทุกบ้านสวดให้ได้มากๆ
จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง 

สวดพาหุงมหากาก่อน
แล้วจึงสวดชินบัญชร

เพราะชินบัญชรนั้น
เจ้าประคุณสมเด็จท่านใช้สวดบูชาพระอรหันต์ของท่าน
ต้องสวดพาหุงมหากาก่อนแล้ว
จึงมาถึงชินบัญชรให้จดจำกันเอาไว้นั่นแหละมงคลชีวิตในชีวิต*
...................
...................



และ..
ณ..บัดนี้..ในยามนี้
ที่ราตรีสีทองกำลังหยาดสายผ่องเพ็ญ
ผสานกับแสงเทียน รำไรกระจายจับ
พระพักตร์พระพุทธิ์ผู้บริสุทธิคุณ 
ส่องสว่างให้กระจ่างจิตราว*แสงสงฆ์*โชติจรัสเจรือง..



เสียงธรรมก้อง..กังวาน....
อย่างไพเราะอ่อนหวานเสนาะโสตยามผู้ใดได้สดับ

จากหอมห้วงแห่งดวงใจอันแสนใสฉ่ำเย็นของใบบัว
ที่งามล้ำยิ่งกว่าคำใด
ที่แสนยิ่งใหญ่เลอล้ำค่ากว่าอัญมณีใดในโลกหล้าปฐพี

ให้พรายพร่างพรมพัดไปในเวิ้งฟ้าพุทธภูมิ...
อันคืออนันตกาล
แห่งเวิ้งฝันสัจจะธรรมนิรันดร์รักอย่างจริงแท้.....แน่นอน..!!!!
...........
............

*************************




ชัยมงคลคาถา(พาหุง)
พาหุงสะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตังครีเมขะลัง
อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธืนา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะ *ภะวะตุเม*ชะยะมังคะลานิ

มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธืนา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเม*ชะยะมังคะลานิ

นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเม*ชะยะมังคะลานิ

อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะ สุทารุณันตัง
ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะดน ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเม*ชะยะมังคะลานิ

กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเม*ชะยะมังคะลานิ

สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง
วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเม*ชะยะมังคะลานิ

นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเม*ชะยะมังคะลานิ

ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง**วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเม*ชะยะมังคะลานิ

เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โย
วาจาโน ทินะทิเน สะระเต มะตัมที
หิตวานะ เนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ 
โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ


ชัยปริตร(มหากา)

มะหากรุณิโก นาโถ หิตายะ สัพะ
ปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต
สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
โหตุ  เม*ชะยะมังคะลัง
 
ชะยันโตโพธิยา มูเล สักยานัง นันทิ
วัฑฒะโน เอวัง อะหัง วิชะโย ดหมิ***
ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะ
ปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อภิเสเก
สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต  ปะโมทะ
ติ  สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง
สุหุฏ ฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะสิยิฏฐัง
พรัมมะ****จาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง 
วาจากัมมัง ปะทักขิณัง   ปะทักขิณัง
มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะทักขิณา นิ
กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ 
 
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทะานุภาเวนะ สะทาโสถถี ภะวันตุ เม*

ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา 
สัพพะธัมมานุภาเวนะ
สะทาโสถถี ภะวันตุ เม

ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทาโสถถี ภะวันตุ เม*
..........


ถ้าสวดให้คนอื่นให้เปลี่ยนจากคำว่า เม เป็น เต
**อ่านว่าพรัมมัง
***ถ้าสวดให้คนอื่นให้เปลี่ยนจากคำว่า อะหัง วิชะโย โหมิ
เป็น ตวัง วิชะโย โหหิ
****อ่านว่าพรัมมะ
.............
...........
**************************



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=831
บัวขาว........... แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ 

เห็นบัวขาว
พราวอยู่ในบึงใหญ่
ดอกใบบุปผชาติสะอาดตา
น้ำใสไหลเย็น เห็นตัวปลา
ว่ายวนไปมาน่าเอ็นดู
หมู่ภุมริน ฮึมบินเวียนว่อน
คอยร่อนดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อนในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไปในกลางน้ำ

หมู่ภุมริน
ฮึมบินเวียนว่อน
คอยร่อนดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อนในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไปในกลางน้ำ
ค่อยพาจรห่างไป
ในกลางน้ำ...
				
23 เมษายน 2548 19:07 น.

YOU MEAN EVERTHING TO ME!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5870
YOU MEAN EVERTHING TO ME ...Neil Sedaka : : Key Fm 

You are the answer
to my lonely prayer
You are an angle from above
I was so lonely
till you came to me
With the wonder of your love
I dont know how I
ever lived before
You are my live my destiny
Oh, my darling I love you so
You mean everything to me
If you should ever,ever go away
There would be lonely
tears to cry
The sun above would
never shine again
There would be tears drop
in the sky
So hold me close and
never let me go
And say our love
will always be
Oh, my darling I love you so
You mean everything to me

So hold me close and
never let me go
And say our love
will always be
Oh, my darling I love you so
You mean everything to me...

************


ใกล้ค่ำแล้ว..นอนนิ่งนิ่ง..ลำพัง
บนระเบียงบน..
โมกปนการะเวก..
กำลังปรนกลิ่นร่ำ..อวลลมร้อน..มาให้รอนรอนภิรมย์ใจ!

นั่น..นกไพรบินกลับรวงรังแห่งรัก...
โน่น..นกสีเงินปีกวะวาววับ..กลับบินไกลไปในเวิ้งฟ้าแสนกว้าง

ค่อยๆห่างออกไป..ออกไป......

ให้ หนาวใน..ใจนวลนวล จวนจวบน้ำตาซึมซึ้งเอ่อท้นล้นดวงใจ..!!!



ขอฝากความรักแสนรักแลคิดถึงแสนคิดถึง 

ไปกับฟากฟ้านภาแสนไกล..ไปถึงถิ่นทะเลทรายแสนงาม!!!!

ไปโอบเอื้ออ้อมหวานอ้อมหวัง
ให้พลังใจสู้ทน...ดายเดียว ลำพังนะดวงใจนะดวงใจ

น้ำตา ที่ราวสายฝนไหลละหลั่งริน
มิสิ้นสายให้ตกต้องนะภายใน..นะภายใน นะคนดีนะคนดี

และ
ทุกนาที
รู้ไหมจะหลอมใจรานให้แข็งแรง

ไม่ว่าดีร้าย คล้ายดั่งพายุพัด..ผ่าน
ที่หวังจักสอนสัจจะธรรมร้าวรานให้พบพานไม่นานนาที...

ด้วยจิตดวงดีดวงใสใจเราเอง...ใช่ใคร...!

จงหยุด..!อย่าได้โศกครวญพิลาปพิไรรำพัน..

หวัง..ซุกซบหาอ้อมอกอุ่นไอ..จากใจเมตตาปรานี

จากใครเลย...นะคนดี  นะดวงใจ....นะดวงใจ...

*************



				
23 เมษายน 2548 09:52 น.

ดอกตัดรักหักอาลัยไร้ไยดี. ผลิบานแทน...!!!!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=60

มะลิลามาลาต้นหล่นตามฝน
แก้วร่วงปนพร่างพ้อรอไม่ไหว
จำปีพรากจากกิ่งเจ้าจอมใจ
การะเวกไหวไกวซุ้มกลุ้มกับรัก

ลั่นทมคลี่ดอกเศร้าเคล้าลมพร่าง
พุดซ้อนสล้างซ่อนซุกทุกข์อกหัก
เล็บมือนางกางฟ้อนอ้อนรอเจ้ายอดใจ
ดงดอกรักปลิดกลีบสิ้นมิยินดี..

โมกกระจิ๊ดนิดน้อยลอยประท้วง
ดอกลำดวนหวงกลีบหอมหันหน้าหนี
พวงชมพูบานหรูคู่ราตรี
มาวันนี้สลัดดอกตอกย้ำใจ

หางนกยูงริมรั้วสะพรั่งสี
ไม่ไยดีชูช่อพ้อลมไหว
คูนเหลืองพราวดูทุกคราวตอกย้ำใจ
กุหลาบไหวไกวกลีบดอกชอกช้ำนัก

นอนนิ่งนิ่งลำพังกับฝันค้าง
ดอกอ้างว้างดอกดายเดียวบานทายทัก
ดอกเสน่หาดอกรอท่าคนแสนรัก
ดอกตัดรักหักอาลัยไร้ไยดี. ผลิบานแทน...!!!
..........
..........



มีหลายดวงใจแสนรัก
ในร่มรักเรือนไทยเรือนใจทองน้องพี่
ผู้รักปรารถนาดีราวมิ่งมิตรสนิทเนาในใจมายาวนาน
อ่านงานพุดแล้วทายทักเสียงเดียว
ว่าแสนจะยาวจัดค่ะ

พุด..เลยหันกลับมารจนาบทกลอน
ให้สั้นจุดจู๋ดูบ้างอิอิ
ก่อนที่พุดจะต้องเขียนเองอ่านเอง..ลำพัง..อิอิ

เช้านี้..
พุดไพรก็ตื่นมารับหยาดน้ำค้าง
กับดวงดอกไม้สล้างรายรอบวิมานดินด้วยใจดวงดายเดียว
เหมือนเดิม เพิ่มก็แต่กาลเวลา..
.........

..............



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=60
สิ้นสวาท....   เพ็ญโพยม เรืองโรจน์ : : Key C  

เฝ้าแต่คอย รอรักอยู่
หมายชื่นชู รักคู่ใจ
กลับไม่สมดังฝันใฝ่ นับวัน ร้างไกล
เขาใย ด่วนตัดรอน
แอบไปมี คนรักใหม่
แท้ดวงใจ ไร้แน่นอน
ไม่นานนักรักคลายคลอน นับวัน ผันจร
มิเคย ย้อน กลับคืน
ปวด ร้าว เพียงใด
ช้ำ ใจ สู้จำ กล้ำกลืน
ไปรัก คนอื่น ดีแล้ว อย่าคืน มาเลย
สิ้นสวาท กันเสียที
รักไม่มีเหมือนดั่งเคย
อย่ากลับหวน ชวนชื่นเชย
ฉันกลัว แล้วเอย เพราะเคย ช้ำอกตรม

ปวด ร้าว เพียงใด
ช้ำ ใจ สู้จำ กล้ำกลืน
ไปรัก คนอื่น ดีแล้ว อย่าคืน มาเลย
สิ้นสวาทกันเสียที
รักไม่มีเหมือนดั่งเคย
อย่ากลับหวนชวนชื่นเชย
ฉันกลัว แล้วเอย เพราะเคยช้ำอกตรม...

 
  










				
22 เมษายน 2548 16:53 น.

วสันต์สุข!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=499
(ม่านบังตา)


ดวงตื่นมาตอนตีสาม
ในท่ามแสงสีทองแสนหวานอาบร่างราวทองทาบทา

ค่อยๆลืมตาช้าช้า
แล้วอดคลี่ยิ้มหวานๆไม่ได้
เมื่อดวงตาได้ประสบพบพักตรา
วงหน้าพระจันทร์ดวงนวลงาม
ในท่ามเมฆราวรุ้งเรียว


จันทร์เจ้าแก้มอิ่มพริ้มพรายหยาดสายธารทองคำราวน้ำผึ้งรวง
ลงมาให้ทุกดวงใจได้หลับไหลนิทราไปด้วยฝันดี
หากมีสายใจสายใยรักรู้จักแหงนเงยมองจ้องแล
ไปสบตากับพักตราสีส้มสุกแสนงามในยามราตรี
แล้ว..เพียรพลีใจให้ใสหวานตาม....


จันทร์ไสว ดวงแจ่มจรัส...ราวกับฟักทองฤาลูกจันทร์ลอยควะคว้าง
 อย่างที่ใจดวงขวัญ ฝัน วาดรำพัน ฝากรำพึงมาให้ซึ้งซ่าน
หวานเท่าได้อย่างยากเย็น...



ใจดวงซึ้งๆ..เศร้าๆ..ร้าวร้าว..ใสใส  ไปตามประสาอามรมณ์ ปุถุชน
คนช่างฝันแสนขยันโรแมนติก 
จึงได้แต่ชะแง้แลหา พาให้จินตนาไปถึงฟักทอง
กับลูกจันทร์หอมนวลในยามเยาว์
ที่ชอบเก็บเอามาใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียน
แล้วแอบมาดอมดมหอมนวลในพราวไสวนั้น


ดวง..ขอขอบคุณฟ้า..ที่พร่างฝนมาในยามกลางวัน

ให้สายวสันต์หวานโปรยชื่นระรื่นฉ่ำระร่ำรินให้โลกน่าถวิล 
ให้มีทิวาหวามและฝากงามเศร้าหนาวใจในยามราตรีตามมา


ฝากให้ดวงหฤทัยแสนดีดวงทองดวงผ่องผุดของชาวนาไทยในทุกผืนนา
ได้รับหยาดน้ำใจเมตตาจากน้ำตานางฟ้า

ให้ยอดกล้าได้ชูชันช่อ  ได้ต่อยอดชื่น
รับสายฝนพรำพรมแสนภิรมย์ฉ่ำใจใสเย็นเสียไม่มี


และ...
ยุติธรรมกับทุกชีวีเมือง 
ที่มาตรแม้นจะไม่ประเทืองประทับใจ *ฝนไพรี*
เพราะทุกชีวีคงคิดว่า
ราวปีศาจวสันต์มาวาดวนวังน้ำ...ให้ท่วมถั่งละหลั่งท้นจนถนนกลายเป็นคลอง
ให้ต้องค่อยๆประคองรถไปทีละคืบ
คืบกระดิ๊บๆไปทีละนาทีแสนยากลำบาก..


หาก...คนดี ที่มีใจดวงรักธรรมชาติ
ที่แสนสะอาดบริสุทธิ์
ก็จักจะฉลาดที่จะหยุดคิดเร่าร้อนในตอนนั้น


หากเพียงแค่ใช้สายสวรรค์มานำทางใจให้ไหวรู้ตามสัจจธรรมทัน
ว่าฟ้าฝนนั้นคือพลังที่มาสอนงาม
ให้ทุกโมงยามที่รีบร้อนเร่งรุด
ได้หยุดนั่งผ่อนคลายไปกับสายฝนเย็น
ไม่ใช่พากันตะเบ็งสาปแช่งไม่เว้น..ดินฟ้าฝน..

ที่ต่างคนต่างพากันรีบกลับกรงมาหลงวนในวังวิบาก..
ราวหนูถีบจักรก็มิปาน..ประมาณนั้น...


สำหรับดวง...
ผู้หญิงรักสายฝนลมบนกมลดวงไพรไพรดิบดิบเดิมเดิม
ช่างแสนรู้สึกดี ...
จนอยากฝากจูบพลีไปกับทุกรวงฝน

ให้หล่นหอมหวานไปสู่หอมห้วงแห่งทุกดวงใจ
ที่ดวงแสนรัก 
ฝากไปทายทักทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพร 
ไปเป็นดวงดอกฝนดอกฝันในสวรรค์ทะเลไทย
พร่างหยาดใสหวานราวดวงดอกไม้
ในท่ามเวิ้งน้ำอันไร้จุดจบ



ไปให้ทุกดวงใจรอนราน
ได้พบหวานเศร้าเคล้าสายฝน
บนภูฤากระท่อมไพรที่ไหนสักแห่งมีคนเคียง
เอียงแก้มหอมกรุ่นให้ได้รับรสจูบละมุนละเมัยด
เบียดซุกพบสุขแสนหวานไปนานนิรันดร์

มิให้ฝันค้างนั่งร้างไร้ลำพังแสนเหงาเปลี่ยวเดียวดายเหว่ว้า
ในกระท่อมริมเชิงผาบนเกาะเต่าอย่างที่ดวงเคยเป็น


ให้มิว่างเว้นได้เรียนรู้บทเรียนเพียรทำความดี
เมื่อมีโชคได้พบหวานใจมาเคียงประคอง

พากันไปสู่ร่มใจร่มบุญ...สร้างบุญ
ให้มาหนุนนำเนื่อง
ให้ได้ดวงใจได้พบทุกเรื่องราวเรืองรุ่งราวเพชรพราว
ราวมีอัญมณีที่จะชี้นำทาง...พบว่างปิติเกษมไปตราบชั่วนิจนิรันดร



นี่คือ..หัวใจสาวดวง ดวงสะออน อ่อนหวาน
ที่รับรู้..ทุกรสเศร้า เคล้าสุข ทุกข์หนาวร้อน
ที่ธรรมชาติฝากมาสอนสัจจธรรมนำทางใจ

ที่ทุกสิ่งมิเคยแท้เที่ยงแม้นกระทั่งร่างเรา...

มีฤดูมีฤดีที่จำต้องเวียนวนพบผ่านพรากจาก
ฝากจำเจ็บหรือ..รัดร้อยดั่งสร้อยพันธนาจิต


และ
ให้ตระหนักคิด
ว่าทุกสิ่งในโลกหล้าที่เราผ่านมาพานพบ
ก็จะจบเหมือนๆกันในฉากสุดท้าย

ที่มิใช่จะงามดั่งฝันพบสวรรค์หวานเสมอไป
หากเพียรรู้เท่าทัน
มิไหวครวญหวนไห้โหยหา
ยอมรับกติกาชีวิต
ที่จะมีดีร้ายถูกผิด มาสนิทแนบเนาให้เราได้ชดใช้
อย่างไร้..คำถาม..ตามวิบากกรรมวิบากเก่า
ทั้งตัวเราตัวเขาและตัวใคร


และ...
ก่อนที่ลมหายใจดั่งแสงเทียนในดวงใจ
จะลาลับฟ้าพรากลาหล้าไปกับดวงสุริยา
แห่งวารวันอันคือราวชีวีหมุนเวียน
.........
........



ราตรีนี้..
ดวง..จึงนอนนิทราไร้ฝัน..ไปกับสายวสันต์ลากับม่านฟ้าฉ่ำชุ่ม
กับรุมรุมร้อยรัดริมขอบใจ
ด้วยหวานใสหวานเศร้าของมวลดอกไม้แมกไม้
กับ...
กรุ่นกลิ่นผกาแก้วไทยไทยรายรอบวิมานไพรวิมานดิน
ราวกับ...
พรายละออละอองของสายฝนยังค้างคาพรายพร่าง..ณ...กลางกลีบใจ

ยังฝากใสนวลหวานหอมอวลตระลบ
ในยอดไม้ใบหญ้า
ในเหว่ว้าเงียบงามท่ามสายันณ์ตะวันรอนๆ
ให้ใจดวงอรชรอบอุ่นอ่อนอ่อนหวานอย่างที่สุดแล้ว



ดวงจุดเทียนทองและอ่านแสงธรรม
คืองามคำสอนอันแสนล้ำเลอค่ายิ่งกว่าเพชรทอง
*คืออัญมณีสอนใจจากคำ*หลวงพ่อเทียน*
ที่ท่านอ่านหนังสือไม่ออก 
ได้แต่บอกสัจจะใจ สัจจะจริง...ทิ้งสัจจะธรรม..จากการฝึกค้นพบ
ด้วยตัวท่านเอง..
มาสยบร้อนโลกย์...

ดวง..อ่านพระไตรปิฏกในฉบับสำหรับประชาชน..ตามมา


และ
ราวกับกมลอ่อนล้าได้พบสายธารธาราธรรม
ที่ค่อยๆไล้โลมให้จิตใสได้รับรสอันแสนชุ่มฉ่ำยิ่งกว่าหยาดเย็นจากฝนโปรย..

ที่มาร่ำรินหอม พร่างพรมเพาะบ่มลงตรงกลางดวงจิต
ให้ราวพบแก้วทิพย์นิรมิตกระจ่างใสตระการ



ดวงจึงอยากถ่ายทอดทุกคำอันคือดำดื่มลึกซึ้ง
หากทว่าแค่เพียงคำนึงเพราะทำยาก

นอกจากจะฝากให้
ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทยเรือนทองผองมิ่งมิตรน้องพี่
ได้ไปไขว่คว้าสายธารธาราธรรม
ที่แสนเย็นล้ำ...ที่ราวรวงเพชรพราวมาประดับชีวี
ตามแต่จะมีจิตศรัทธาปสาทะนะ..คนดี นะทุกดวงใจ



และ...
เพียงนาทีนี้ดวงเพียงปิติยินดีพร้อมพลีภาคภูมิใจ
ที่จะขอ....เปิดเส้นทางไสวสว่างกระจ่างงามสว่างจิต
มาวางทอดพลี..
ให้ทุกชีวีชีวิต
ได้หยิบจับไปพิจารณา
และ
หากอยากรู้ว่า...
สายน้ำใสแสนงามนามพระธรรมนั้นเย็นฉ่ำเช่นไร
ก็จงพลีใจเดินตามรอยมา..



ที่แม้นจะช้า  
ก็จะยังดีกว่า  เส้นทางพันธนาทุกข์ทุกสายอื่น
ที่มากผู้คนทนฝืนเหว่ว้า
และน้ำตานองหน้าด้วยทุกข์ทนที่หาทางออกชีวิตมิพบเจอ
ได้แต่ละเมอหลงวน...จนในที่สุดต้องทนจนดับดวงชีวี..



ดวง..เอง..
ก็เพียงเพียร..เช่นทุกชีวี..เพียงมิท้อแท้..ยอมแพ้พ่ายรอรา
และ..
ตราบชั่วดินฟ้า
จิตดวงนี้ก็ปวารณา...ว่าจะมิยอมพ่ายมารใดมารใจ..
.................



และ...
ในท่ามกลางแสงเทียน หนังสือธรรม 
กับคืนงามล้ำดำดื่มในปิติธรรมชาติยามฝนโปรย
กับ...ที่นอนนวลนุ่ม
กับกรุ่นกลิ่นหอมเศร้าของเจ้าดวงดอกไม้
ที่เคล้าคลุกมากับสายฝนและลมเย็น
กับอารมณ์อันสงบสุข  
ที่ซุกเร้นเงียบงามไว้อย่างอ่อนหวานอบอุ่นอ่อนโยนที่สุดแล้ว



ดวงค่อยๆเพียรฝึกสมาธิ ภาวนาและพักจิตไปกับฟ้าหลังฝน
ไปกับดาวเดือนบนท้องนภา
ที่กำลังเริ่มทอแสงกระจ่างจ้าประดับเวหาหาว
กระพริบพราวมาทายทัก
ในทุกค่ำคืนให้รู้หยุดพักใจราวเพื่อนยาก



และ
ได้นอนนิทราเต็มอิ่ม จนตื่นมาในยามนี้
กับจันทร์ใจดีดวงเดิม
ที่มาเติมใจ
มาคลี่หอมหยาดใส่ร่าง
มาพร่างหยาดสายหวานพราวสีทอง
ราวคอยๆแอบส่องปลอบประโลมใจ


มาฝากกระซิบสั่งดวงใจ
ให้อย่าลืมสร้างไฟฝันพลังหวังหวาน
ขอ..
แค่ให้มีใจดวงใสสราญมีนัยน์ตางามเฝ้ามองทุกข์ทุกนิยามโลกย์เป็น
อย่างไม่ยึดติด
อย่างผู้เข้าถึงชีวีชีวิต
และทุกสรรพสิ่งที่ธรรมชาติฝากพลังนิ่งงามไว้
ที่ให้มากับฤดูกาลและฤดีระกำ


สอนสัจจธรรมว่า 
จงวางว่างให้ทุกผัสสะกระทบ
ที่จะจบด้วยคำว่าจากพรากลาไปทั่วหน้าฟ้าไทย

ให้รู้มรณาณุสติอย่าประมาท 
และจงฉลาดเลือกใช้ชีวิต สอนจิตบำเพ็ญบุญ

ให้หอมกรุ่นเย็นพลี
ฝากไว้ให้หล้าโลกนี้ก่อนที่แสงตะวันแห่งชีวีจะวูบดับ
พลันลาลับดับไปกับแสงเทียน..เสียงธรรม..อันคือนิรันดร์รัก..อย่างมิร่ำไร ...!!!

**************




http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=499
ม่านบังตา   
นัดดา วิยะกาญจน์ : : Key D  
ถึง เธอจะพราก จากฉัน
ไกลกันสุดความหวัง ฉันก็ยังรักเธอ
ฉัน ยังซื่อตรงเสมอ
แม้เธอเป็นของใคร
ฉันไม่ แปร ผัน
ถึง โลกจะแหลกสลาย
จันทร์จะมืดแลหาย
ฉันไม่คลาย สัมพันธ์
ขอ เธออย่าลืมเลือนฉัน
แล้วเราคงพบกัน
เหมือนจันทร์ ที่คู่ ดารา
แต่ฉัน ยังนึกหวั่น เสมอ
รักเธอ เลือนเหมือนม่าน บังตา
บางวัน ฉันเฝ้าคอยหา เปลี่ยวอุรา
พาให้ อาวรณ์
ถึง เธอจะอยู่แห่งไหน
เธอคงไม่ลืมฉัน
เราจากกัน ร้าวรอน
ฉัน รอด้วยใจ เร่าร้อน
ทุกคืนวัน ฉันนอน ขอวอน เธอกลับคืนมา
เธอคงไม่ลืมฉัน
ดนตรี
แต่ฉัน ยังนึกหวั่น เสมอ
รักเธอ เลือนเหมือนม่าน บังตา
บางวัน ฉันเฝ้าคอยหา เปลี่ยวอุรา
พาให้อาวรณ์
ถึง เธอจะอยู่แห่งไหน
เธอคงไม่ลืมฉัน
เราจากกัน ร้าวรอน
ฉัน รอด้วยใจ เร่าร้อน
ทุกคืนวัน ฉันนอน ขอวอน
เธอกลับคืนมา...

 
  


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด