9 เมษายน 2548 23:05 น.

สร้อยปรารถนา!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=255
(สายสร้อยร้อยใจ)
..................



คนดีทุกดวงใจ...ในร่มรัก..

กี่ปีแล้วนะ
ที่เรามาพบกัน
มาปันแบ่งหอมงามจากนวลเนื้อใจ

มาแลกทัศนะ คุยกัน.
จากฝันสู่ฝัน.
ใจสู่ใจ... 

จากใจถึงใจ..
ใจเดิมพันใจ... 

จน

ใจรักใจ.. 
ใจได้ใจ..
ใจเอื้อใจ..




จากใจที่ใสงาม
ราวอัญมณีเพชรพร่างกระจ่างแสง
ด้วยแรงรักบทกวีดั่งชีวิต

ที่ได้ดลจิตดลใจ
ให้มาลิขิตอักษราภาษาฝันขวัญ
พากมลให้เรา...
มาพันผูกปลูกกอรักให้แตกช่อรอกระจาย
พรายพร่างมิไร้รักมิสิ้นรัก

ทั้งเช้า..สาย..บ่ายเย็น 

จนเย็นย่ำน้ำค้างระร่ำริน
จนราตรี..มาแย้มเยือน
จนดาวเดือนเกลื่อนฟ้า



จนดึกดื่นทั่วเวหาหน..หลับไหล
จนดุเหว่า..นกไพรมาร้องเตือนจุ๊บจิ๊บ
ให้เราจุมพิตฝากลายามฟ้าใกล้สว่างแล้ว
ไปกับภาษาแสนสล้างมิอ้างว้างใจ



ไปกับภาษาใจ..ภาษารักภาษาไพร
ผ่านจอแก้ว
แสนแพร้วเพริศพร่าง

ให้ใครบางคนก้าวย่างเดินเข้ามา

พร้อมกับคำว่า
รัก..รักและรัก เป็นยิ่งนักแล้ว



จะในฐานะไหน..
ก็กระไรเล่ากระไรเลย

ดีกว่าอยู่เฉยสิ้นหวังใด

จะรักแบบ
น้องพี่..คนดีคนงามในดวงใจ
ในโลกบรรณพิภพ
ในถนนสายฝันมิรู้จบรู้สิ้นสายดอกไม้งาม

ในถนนงามว่าง
ให้เรามีที่ว่างรจนาฝากทุกเหว่ว้าดายเดียว



ให้ระบายรัก ระบายธรรม ธรรมชาติ 

ผิดหวังเสียใจสมหวัง
ปรารถนาดี ฝากชีวีชีวา 
ฝากสายเสน่หาสวาทหวาม

แม้นมิอาจยาวยืน..คงทน..
ก็ช่างแสนชื่นฉ่ำใจ
และ
ยามได้ฝากทัศนะอันพิไลพลีแด่โลก..ให้ภาคภูมิปิติ


จอสี่เหลี่ยมแคบๆ
หากทว่า
ไร้สิ่งใดมากางกั้น
ปันแบ่งงาม
ยามต้องการปันแบ่งน้ำใจให้กันและกัน 

ฝันและฝัน..ฝันทุกฝัน



ราวย่อโลกทุกสิ่งอัน
ทุกพันธุ์รัก
ร้อยพันจิตให้มาแสนสนิทชิดใกล้
ให้ได้มานวลพราวใจ
เป็นพลังสวยใสแสนหวังหวาน

ไม่ว่า
ในยามใดที่ดวงฤทัยจะพบเศร้าทุกข์ฤาสุขสงบ..งาม

ให้ได้พบนิยามฝันดี
เป็นพลังชีวีขับเคลื่อนเตือนตน

ราวกมลได้พบแก้วแพร้วพร่างสว่างใส
ราวเพชรพรเพชรพรหม
มาหอมห่มให้บทเรียน

มาสอนและนำทางใจไปสู่แสงแสนไสว..เรืองรอง
......
........


กี่ปีแล้วนะ..คนดี..ดวงใจ
ที่ปีกฟ้าติดปีกใจ
ให้นกไพรหัวใจรักอิสราได้ผกโผบิน
ไปทุกถิ่นที่..ที่แสนดีแสนงาม

ได้พบผูกพันร้อยรัด
ได้มัดดวงใจให้สวยใสแสนหวาน
ได้ไหวหวามหวั่นไหวมากนิยาม


ราว
*สร้อยโซ่ปรารถนาผ่านอักษราขวัญ..ฝัน*
ให้เราทุกดวงใจพากันได้พลีภักดิ์

ได้เททุ่มพลังรักพลังไฟฝัน

พลันพาสู่สวรรค์
แดนดินนิรันดร์รัก



ได้แย้มยิ้มทายทักดอกไม้สายลม
ได้หอมห่มอยากอ้อนใครสักคน
ได้พลีระทมทอดทับ

ได้ดับร้อนโลกด้วยสายน้ำใจ
จากทุกกมลคนดีอันแสนสวยใสเย็น


ได้ฝากบทเรียน
ที่เพียรหวังวาดฉลาดคิด
จากสมองน้อยนิดมาแนบเนา.นำทาง
มาวางพลีให้ทอดย่าง..กล้าก้าวเดินเผชิญกับโลกย์ราน



ให้รู้ความหวานหอม
ได้หลอมละลายใจ

ให้รู้รักภาษาไทย
อันคือมรดกล้ำค่าที่แสนน่าภาคภูมิใจ

จากพรสวรรค์พรแสวงพรไสวสว่าง
เพื่อให้โลกแล้งไร้ร้าง
ได้รับอรรถรสอันแสนฉ่ำเย็น


จาก..พลังสมองสองมือนี้ที่มิเคยท้อแท้
แพ้พ่าย..
ตราบ...จนกว่าลมหายใจสุดท้ายแห่งรักจะมาเยือน
ให้ดับสิ้น
ตราบจนกว่าผืนแผ่นดินแม่..มาตุภูมิจะพลีรับร่าง



ท่ามกลางรอยยิ้มอันแสนอิ่มเอมปรีดา
ให้สมค่าคน..ผู้รู้ค่าคำ..นะคนดีนะทุกดวงใจ

..................





http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=255
สายสร้อยร้อยใจ......   ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ : : Key Dm  

สายสร้อยร้อยใจสายไยสวาท
หมายขาดหลุดสุดหนทาง
รักจางตรอมตรมไม่หาย
โอ้ใจเอ๋ย ไหน เลย มาหน่าย
ฟ้า ดินแม้สิ้นสลาย รักมิคลายรักสุดบูชา
สายจิตร้อยทรวงไยลวงหลอกหลอน
อกสั่น หวั่นรักรอน ยามกินยามนอนผวา 
ภาพความหลัง นั้น ยัง เตือนตา 
น้อง คงมิปรารถนา จึง ลาระทมตรมใจ
พี่ แพ้ เจ้าไม่แลเหลียวมองมาเลย 
อก เอ๋ย ไปชื่นชมหลงคารมใคร 
พี่ รัก ใช่หลอกลวงรักเต็มทรวงใน
รัก ซ่อนซ้อนใจ ห่วงหรือไรทิ้งพี่ให้ตรม
สายโซ่คล้องใจสายไยสวาท
พี่อยู่ ก็เหมือนคน ไม่กายไร้ใจชื่นชม 
สร้อยใจหาย รัก กลาย เป็นลม 
เหลือรอยสายสร้อยขื่นขม 
ร้อยอารมณ์ระทมตรมทรวง...

 
  

				
9 เมษายน 2548 12:23 น.

กระท่อมริมเชิงเขาใกล้เงาลำธารฝัน!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=161
(เพ้อ)
....................

เช้าที่แดดทอสวย...
กับ..
ทางลูกรังเล็กๆ....
คดโค้งที่ทอดตัวสู่เส้นทางชนบทสายงาม

เส้นทางที่ขึ้นเนินและเลาะเลียบไต่ตามภูผา
กำลังพาผมเข้าสู่..กระท่อมเชิงเขา

กับพริ้วลมแสนหวานฉ่ำจากสายลมป่าที่ช่ำปอด
ราวมีละอองฝนปรายปนมา
ราวกับว่าหัวใจของผมนะนาทีนี้
กำลังได้รับละอองเย็นจากสายวสันต์อันแสนรื่นร่ำปลอบประโลมใจ



เป็นเช้าวันหยุดที่แสนสดใส
ฟ้าสีครามงามเข้มเต็มผืนกระจ่าง

มีเพียงมวลหมอกเมฆ
บางเบาราวขนนกลอยประปรายประดับให้นวลนภา
พาให้หัวใจผมแสนสงบสุขเงียบงามอย่างเหลือเกิน
..........



ผมตื่นมาตั้งแต่ยามฟ้าสาง
ได้ยินเสียงนกดุเหว่าร้องตู้วู้ๆๆๆ
ปลุกให้รู้ว่าฟ้าเริ่มสว่างรำไรๆแล้ว
ให้..ทุกผู้คน..ขยันออกหากินแต่เช้าตรู่
อย่ามัวเอาแต่นอนคุดคู้
ให้เอาเยี่ยงอย่างนกกาบ้างท่าจะดี...




และ...
สำหรับ
ผม..เตรียมจัดข้าวของเครื่องใช้ไม่กี่ชิ้น
กับของกินไม่กี่อย่าง..ที่จำเป็น
เพื่อเตรียมตัวเดินทาง
ไปใช้ชีวิตสักสามสี่วัน
ใน..กระท่อมเชิงเขาใกล้เงาลำธารฝัน..



ที่ดินที่ผมแผ้วถางซื้อเตรียมรองรับเอาไว้..
ยามผมเหนื่อยล้า
ยามที่ผมเบื่อสังคมเมืองเสียเต็มประดา..
หากทว่า..
ยังต้องประกอบหน้าที่การงาน
ที่ยังรัดรึงตรึงร่างผมไว้ด้วยความจำเป็น



กระท่อม..เชิงเขา
ที่ผม..มาใช้ชีวิตลำพัง
บ่อยครั้งเสียเหลือเกิน

ราวเป็นที่ซุกซ่อนหลบเลียแผล
จากความเป็นโรคแพ้เมือง และผู้คน
เพื่อจะหลุดพ้นทางจิต ให้มีอิสระ


แม้ใครๆอาจจะคิดว่าช่างน่าเงียบเหงาว้าเหว่
ที่มาใช้ชีวิตดายเดียวราวฤาษีชีไพร
ในราวป่าที่ห่างไกลแสงสี

มีเพียง..
เสียงดนตรีไพร..
จั๊กจั่นจิ้งหรีดกรีดร้องประลองเสียงเคียงประโลม



หากคือความคลี่คลาย รู้สึกดี
กับทุกนาทีที่ได้นอนใต้ร่มไม้
ริมลำธารสายเล็กๆและเฝ้าดูดอกไม้ป่า
หลากสีสัน
พากันปลิดปลิวละลิ่วลอยมากับสายน้ำอย่างช้าช้า
พร้อมได้ยินเสียงสายน้ำไหลซอนเซาะอย่างแผ่วเบาขับกล่อม


ในยามนั้น
ผมจะ...
หลับตานิ่งนิ่งเพียงอย่างเดียว
วางทุกเรื่องราวไว้ภายนอกใจ
ให้จิตภายในเพียงผสานรับกับทุกสรรพสิ่งเป็นธรรมชาติ

ราวกับว่า...
ผม..กำลังว่ายวน..
เป็นผีเสื้อไหวร่างไปตามลำเนาไพร..
ท่องไปในแดนดินสุดหล้าฟ้าฝัน...
กับเรียวรุ้งอันแสนตระการหวานนวล..


ผม..
ดีใจที่ตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนี้ไว้
ราวกับรู้ว่าโลกเล็กๆที่นี่
คือที่ที่เหมาะกับชีวีชีวิตผมอย่างที่สุด
ในทุกโมงยาม ..



ผมรักผืนดินทองในคลองตายามขับรถผ่านมา
รักไร่นาเขียวเขินเนินไศล
ที่กำลังไสวรวงเรียว


รักพฤกษ์ไพร
ที่กำลังห้อมห่มด้วยสไบใบไม้หลากสีสัน
ทั้งเขียวส้มอมน้ำตาลทอง

ที่พากันผลัดใบไหวระยับ
ราวถูกสาดสลับสีด้วยฝืมือธรรมชาติให้แสนสวยสงบงาม
ในท่ามความห่างไกลเมืองศิวิไลซ์

เป็นฉากยิ่งใหญ่
ที่ผู้สร้างคนใดผู้กำกับมือทองก็ต่างต้องยอมแพ้



ยิ่งยามตะวันลา
ยามฟ้าโพล้เพล้เริ่มเปลี่ยนสี
ให้เวทีฟ้าแสนจรัสเจรือง
ด้วยสีส้มอมชมพูพรายพร่าง

ที่กำลังสร้างความรู้สึกแสนหวาน
ออดอ้อนอาลัยอ้อยอิ่ง..อำลาแผ่นดิน
ที่ราวสะบัดสะบิ้งทิ้งแสงรักเอาไว้นะเบื้องหลัง


ผ่านลานดอกไม้สยายกลีบชันชูช่อ..นับล้านดอกดวง
ผ่านกอบัวล้วนถ้วนหล้าหลากสีหลายพันธุ์

ผ่านดงดอกหญ้าอันไหวเอนโอน
ราวพากันร้องเพลง
หยอกล้อพ้อพร่างกับสายลมราวแพรหมอก
หรือ
ที่กำลัง..กระซิบบอกลากับท้องทุ่งนาดงตาล
กับทะเลงาม อาบสายแสงราวทองทาบทา



และ...
กับ..
ทุกธุลีหล้าในผืนดินแผ่นดินธรรมแผ่นดินไทยนี้

ที่คือความงาม..อย่างยิ่งใหญ่
เหนือจิตรกรใดจิตรกรรมใดจะเทียมเท่าถ่ายทอด
ได้งามออกมาอย่างหมดจดใจ..



มีเพียง
หัวใจดวงใสดวงนวลดวงเนียนเท่านั้น
ที่จะซึมซับประทับงามไว้ได้ในซอกส่วนลึก
ผนึกเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ


ที่คือแค่เราผ่านมาทายทัก 
ได้พิงพักโอบเอื้อ..รู้ค่ารักรักษ์ธรรม ธรรมชาติ
อย่างมิหยาบไร้ฉาบฉวย
มาผลาญพล่าทำลายให้แหลกราญเป็นผุยผง
ลงในชั่วพริบตา 
มิทันผ่านตาไปถึงลูกหลานเหลนโหลน..ภายหน้า..
ช่างน่าแสนเศร้าโศกสะเทือน..เสียเป็นยิ่งนัก..



ผม..กำลังใกล้จะถึง
*กระท่อมริมเชิงเขาเหนือเงื้อมเงาลำธารฝัน*เข้าทุกทีแล้วนะครับ


ตามผมมาสิ
ผม...
จะพาไปพบกับความสุขแบบเรียบง่าย
หวัง...
คุณคงอยากชิดใกล้ตามติดมานอนเคียง
ริมลำธารสายหวานใสราวกระจก

มาฟังเสียงนกไพรเพ้อละเมอหาคู่

มานอนนับดาวพรูพร่างฟ้า
ราวกับมือนางฟ้ามาหว่านโปรยกำนัลมอบแด่คุณเพียงผู้เดียว



มาลองนอนเปลี่ยวเหงาฟังสายน้ำระริน
ดูนกไพรโผผินยามสายัณห์
ดูฟากฟ้าฝัน
กับ..
พรายพระจันทร์แสนหวาน
ที่รอหยาดสายธารน้ำผึ้งรวงให้หอมรินสู้ห้วงหอมใจ



มาดูปวงดอกไม้ไพรดอกไม้ป่าร่ายฟ้อน
อ้อนให้คุณซึ้งค่าความงามเงียบ...เงียบงาม..อย่างดายเดียว..ลำพัง

ว่า..งามนั้นจะตราตรึงจิต....

ให้...ชีวิตคุณ.แสนสุขซึ้งสักปานใด..
มาตรแม้นหัวใจจะไม่มี..คนรัก..เคลียคลอ..คลอเคียง..แม้สักคน!
......................




ติดตามตอนต่อไปค่ะ..
ในวิถีชีวิตพระเอกกับ
แสงตะเกียง ..เคียงหัวนอน
กับการเฝ้าดูไก่ฟูมฟักออกไข่เหลืองนวล....
.....
.......

ตามไปใช้ชีวิตงามเงียบเรียบง่าย
ในกระท่อมเชิงเขาในเงาลำธารฝันกันค่ะ

*********************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=161
เพ้อ...   

เห็นลมละเมอเพ้อหวาดผวา
เห็น ฟ้า พะวงหลงโทษโกรธดิน
เห็นสายน้ำหลาก สาดเซาะ แก่ง หิน
เห็น พื้น ดิน แยก แตกเพราะถูกรอยไถ
เห็นใบไม้ครวญหวนอยู่ริมธาร
เห็น ศาล เพียงตาแล้วข้าปวดใจ
เห็นแสงเดือนส่อง ยิ่งมอง ใจหาย
เห็น เธอร้อง ไห้ ช้ำใจเพราะใครเขาทำ
เธอ ช้ำใจเพราะถูกใครลวง
บอกกับฉันอย่ามาหวง ใครลวงให้เธอชอกช้ำ
บอกฉันสักหน่อย อย่าปล่อยให้ใจระกำ
เธอร้องไห้เพราะใครเขาทำ
เธอช้ำเพราะใครหรือเธอ
เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน

เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน...
........
				
7 เมษายน 2548 11:28 น.

ศกุนตลา!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=745
(ศกุนตลา)
....................



ชื่อของผม..คือ..ทิน ครับ
เป็นหนุ่มใหญ่ร่างเพรียวผิวคร้าม
ตามแบบอย่างผู้พิสมัยกีฬากลางแจ้งทุกชนิดครับ
และ
ที่สำคัญทั้งไฟรักไฟแรงในการทำงานยังมิมอดดับครับ



ผมดัดแปลงส่วนหนึ่งของบ้านเป็นสำนักงานสถาปนิก
สำนักงานเล็กๆ..
ที่มีผมและเพื่อนสองสามคนรวมหุ้นกัน
มาสานฝันแบบมิหวังเงินงามเป็นใหญ่
ขอให้ได้ออกแบบอะไรก็ได้อย่างที่ไม่อัปลักษณ์สายตา
ฝากโลกหล้าเอาไว้ ก่อนตายจากโลกนี้ไป
และ
ยังพอมีกำไรแบ่งปัน
ให้มีชีพชอบทำสิ่งแสนรักสานฝันต่อไป
ที่หลังๆงานชักน้อยลงๆทุกที



เพราะพวกผม..ทนเบื่อรับงานกับไอเดียนายทุน
ที่ไร้สมองแทบไม่ไหว 
ที่พลอยพาให้บริษัทผม...เริ่มเห็นแววรำไรๆแล้วว่าไม่ช้านาน
เราอาจต้องพากันแตกกระจายกระจุย
ลุยร่างไปแบกหามทำอย่างอื่นแทน



หากก็ยังดีกว่า ทนขายจิตวิญญาณ
ขายอุดมการณ์อุดมคติทำงานแลกเงิน
แค่เอาใจนายทุนทำลายสิ่งแวดล้อม
ด้วยตึกหน้าตาอัปลักษณ์ 
ที่ถึงเอาเงินมากองทับแทบท่วมเท้าก็รับไม่ไหวละครับ
ยอมอดมื้อกินมือหรือสามมื้อ...ถือคุณธรรมค้ำจุนโลกเสียยังจะดีกว่า...



กลับมาที่บ้าน..ผม..
ที่ใช้เป็นสำนักงานอีกทีจะดีกว่านะครับ

บ้านที่เต็มไปด้วยกระจกรายรอบปล่อยโล่งว่างหากมิร้างไร้ด้วย
รายรอบเต็มไปด้วยแมกไม้ไทยไหวสะพรั่ง
พาพลังเย็นฉ่ำสดชื่นให้ไหลรื่นเข้ามาให้เราได้รับรื่นรมย์


และ
เป็นเกราะกั้นกำบังตาจากโลกภายนอก
ราวกับว่า...
ผม..มีบ้านในป่าแถวอัฟริกาก็มิปาน ประมาณไหนประมาณนั้นเลยละครับ



เพราะว่าเวลาตื่นเช้ามา
ผมเองยังหลงฝันหลงเพ้อ

ยามถูกปลุกด้วยเสียงสิงสาราสัตว์อันมากมาย

โดยเฉพาพนกไพรหลายพันธุ์หลากชนิด
ที่มาสิงสถิต..ไกวเปลต้นไม้พากันร้องระงม..


จน...บางทียามอุษาสาง
ผม..ก็หลงละเมอว่าผมนอนอยู่
ในท่ามป่าใหญ่ไพรกว้าง..ที่ไหนสักแห่งหนึ่งในโลก
ที่แสนสุขสงบอย่างที่สุดเลย


คุณ..อย่าอิจฉาผมเลยนะครับ..
ที่ได้ใช้ชีวิตชิดใกล้ธรรมชาติแสนงามอย่างนี้
ก็ไม่เห็นจะยากสักนิดเลย

คุณก็สามารถเนรมิต..ให้มีได้...



ก็! เพียงเริ่มทำ..เลยละครับ
วันหยุดนี้

คุณก็ลองเปลี่ยนทัศนคติชีวิต...ลิขิตร่างและขา
พาไปเดินดูสวนต้นไม้พันธุ์รุกขชาติดาษดา...

แทนที่จะ
เดินห้างสรรพสินค้าดูสวรรค์ลวง
ล้วงเงินงามให้พลันพรากจากภายในพริบตา

แค่เพียงสักวัน
ก็คงไม่เลวนักดอกนะครับ..


ผม...อยากกระซิบบอกอะไรนะครับว่า
คนเรา..ทุกวันนี้..
ที่เกิดอาการ...เซ็ง..เซ้ง..เซ็ง..เบือ เบื้อ เบื่อ 

ถึงกับมีหมอจิตวิทยาพากันวิเคราะห์เจาะลึก
และ
พากันตั้งสมญานาม...
ให้คนในโลกรานร้าวเศร้าสิ้นสุขไร้สนุกสนานเบิกบานใจ

ในชื่อใหม่ว่า*โรคหน่าย*



ที่หากปลอยไว้นานๆจะพาลพาไปพบโรคซึมเศร้า
อยากตายวันละหลายๆหนเข้าก็เป็นได้

โรคนี้ผมอ่านพบจากคอลัมน์
มองชีวิตของศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระในนิตยสารดิฉัน
*คุณหมอบอกว่าคิดว่า .....


.............
...........
มาจากระบบความเร่งรีบ
กลางวันกินอาหารเร็วๆบ่ายๆก็ดื่มกาแฟแก้ง่วง
หรือทำงานจนถึงเย็นเสร็จ
แล้วก็รีบกลับบ้าน

หรือไปออกกำลังกาย ซ้ำที่เดิม 
พบคนเดิมๆเมื่อกลับบ้าน
ก็พบเหตุการณ์เดิมๆที่ทุกคนในบ้าน
มีกิจกรรมซ้ำๆเหมือนกันไม่มีอะไรน่าสนุกตื่นเต้น
.........
........



ท่านสรุปเอาไว้น่าฟังว่า
ดีกรีของความหน่ายชีวิตนี้
ขึ้นกับพื้นฐานของบุคลิกภาพของแต่ละคน




การจะลดความหน่ายชีวิตได้นั้น
ก็ขึ้นกับความสามารถ
ที่จะปลุกตัวเองให้พ้นจากความหน่ายได้
ลดความกลัวการเปลี่ยนแปลง 
ใจกว้างกับตัวเองและคนอื่นให้มากขึ้น


......
เพราะในสังคมวัตถุนิยม
และคนต้องทำงานหนักกันทุกวัน
ทำให้ผู้คนลืมสร้างมิตรภาพ
และความรักในจิตใจกับตนเองและคนอื่นๆ
จนทำให้คนเป็นโรคหน่ายชีวิตกันมากขึ้น..*
............



ฉะนั้น..วันนี้ผมเห็นว่าท่าจะดีนะครับ
หากคุณๆจะลองปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตดูบ้าง
จากเส้นทางชีวิตธรรมดาเดิมเดิม

เช่นวันหยุด
ก็เอาแต่นอนเขลงฟังเพลง
กับดูทีวีบรรเลงอยู่อย่างเดียวคนเดียวทั้งปี
(กรณีไม่มีพันธนาหาแฟนแม่แขนอ่อน
มานอนหนุนแขนคล้องขามัดใจเพ้อพรรณนาออดอ้อนออซาะฉอเลาะรักนะครับ)


ผมขอให้ลองหัดปรับเปลี่ยนทำอะไรๆแปลกๆบ้าง
จะได้สร้างสีสันให้กับวันหยุดแห่งชีวิต
ให้ได้พบเห็นมีอะไรใหม่ๆทำขึ้นมาบ้าง...



ผมมีเพื่อน..คนหนึ่งครับ
เขาคนนี้เป็นนักปรัชญาราวรู้ชะตาฟ้าดิน
รักในธรรม ธรรมชาติ

แต่..มิเคยฉลาดคิดสามารถปลูกต้นไม้
หรือหาต้นไม้มาไว้ประดับตาประเทืองใจ
ในห้องแคบๆราวกรงขัง
เพื่อสร้างหวังหวานแรงบันดาลใจได้เลยแม้แต่สักต้นเดียว..จริงๆ



ให้ตัวเขาเองได้แลเหลียวไปพบพันธุ์ไม้
ที่สามารถปลูกในกระถางวางไว้ริมระเบียงเคียงใจ
ยามลืมตาแล...



ราวได้เห็นไสวไพรพง
แทนดงเมืองน้ำครำ..คลาคล่ำด้วยผู้คนอลวนเอลเวง
ตะเบ็งเสียงแต่เช้ายันหัวตรอกท้ายตรอก
ด้วยดนตรีเมืองอันแสนเปลืองหูที่จะรับฟัง



ผม...คิดว่าคนเราหากจะขยันรักธรรมชาติ
ก็คงต้องลงทุน
คิดหามาปลูกเพาะพันธุ์สร้างฝันประดับจิต
สร้างพลังชีวิตดีกว่ามาบ่นเพ้อ..เบื่อบ้า
ชั่วนาตาปีว่าอยากหนีกรุงกรง



ที่จำต้องปลอบให้ปลงๆว่า

คนเรา..จริงๆแล้วอยู่  *ที่ใจ..*

ไม่ว่าอยู่ที่ไหนหากทำใจได้
ก็เหมือนราวกับอยู่ในป่า
ก็โอเคแล้วละนะครับ

ในเมื่อชะตาบังคับ
และ..
เรายังมิกล้าลิขิตเลือกตัดสินใจ
พาตัวเองไปให้พ้นดงเมืองมิเรืองรุ่งริ่งได้



ก็จำต้องชดร่างใช้ใจในวิบากเมือง 
แบบประเทืองสรรสร้าง
ไปตามกระแสโลกย์

หากยิ่งเอาแต่โศกก็คงยิ่งเหือดหายไฟฝัน
ทั้งน้ำหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณก็พลันจะแห้ง
ก็ต้อง..รู้ทำใจ
ทนทนทนเอา.ตาม..โลกแสร้างสวรรค์เมิน..
...........


ผม...ร่ายมายาวเลยครับ

แค่อยากเผยใจให้ทุกคน
ได้พบใจดวงแผ้วพร้อยสว่าง
หาหนทางพบสุขในทุกแรงโลกย์รานโหม


ก็...จึงอยากฝากให้ 
ทุกดวงใจได้คิดปลูกต้นไม้ปีละสักต้นก็ยังดี
ดีกว่า
ปล่อยให้ดาบวิชัยปลูกแทนอยู่คนเดียวทั้งประเทศไทย

โลกจะได้มีเขียวไพร..
ให้ได้พักตาพักใจให้ฝนตกได้ในทุกฤดูกาล


ผม..นอนมองแมกไม้สายใจสายใยรัก
รายรอบวิมานดินกระท่อมไพรของผม
ผ่านกระจกบานกว้าง

เห็นกล้วยน้ำว้าสล้างเริ่มลบเหลี่ยมเป็นมนป้อม
และนั่น...มีเหลืองละออสุกแล้วในบางลูก
ที่ผมลงแรงปลูกมากับมือ..


อย่ากระนั้นเลยนอนเฉยๆอยู่ไยเล่า
ก่อนที่..
เจ้ากระรอกน้อยจะมาเจาะ
เลาะเปลือกกินหวานเสียทุกลูกให้ช้ำรานหัวใจ

ผมจึงจำกระโดดผลุงลงไป
หาบันไดไม้ไผ่พาดแล้วก็ตัดสวาทหวีงาม..จากลำต้นนะทันที!



และ
นี่คือ..อาหารเช้าชีวจิตรสธรรมชาติพิลาสล้ำ
เอมอิ่มยามชิมลิ้มลองฉ่ำรสหวานจากกอกล้วยหวี

ด้วยประมาณว่าหวานนี้หวานกว่าหวานใด
ใช่เพราะอะไร..เพราะบวกแรงพยายามภาคภูมิ
ที่เราได้ ปลูกเพาะทะนุถนอมรดน้ำมากับมือ

ที่ดีกว่าไปซื้อหามา เข้าท่ากว่ากันเยอะเลย..



และ
อร่อยเกินเลยคำว่า*ปอกกล้วยเข้าปาก*
เมื่อมาดื่มกลั้วกล้ำกับน้ำองุ่นแดง
เพิ่มพลังแรงให้รับอรุณแสนงาม
ในยามเช้าอย่างได้รสชาติชีวีชิวิต..



แถมยังได้แบ่งให้เพื่อนบ้าน
ต่างพากันได้ลองลิ้มหวานงามตามๆกันไป
ได้ใช้เพาะไมตรีจิต
ให้น้ำใจมิตรไปพร้อมกับกล้วยไปอย่างกล้วยๆก็หลายหวี



ผม....
ชอบที่จะนั่งนิ่งนิ่ง
ทิ้งสายตาสายใจฟังเสียงนกไพร
นกน้อยๆตัวเล็กๆ
มาเกาะก้านกอแก้วกิ่งไกวไหวโยกในยามอุษาาง

และ
พลางทอดตาแลดูมะม่วงเขียวเสวยพวงงามห้อยย้อยระย้าดก
รอ..ยกตะกร้อสอย..คอยมันส์อีกสักนิด


และ..
แอบจ้องมองใบกล้วยนวลไสว
*แม่สไบสีไพลสีแพรแสนสวยใส*

ที่กำลังโบกใบอรชรอ้อนรับสายลม แลแสงแดดอ่อนอุ่น
ให้ใจผมละมุนเสียไม่มี
.......



และ......!
ก่อนที่..
วิมานฝันของผมจะพังทลายลง....
ด้วยเสียงแหลมใสของเทคโนโลยี่สมัยใหม่...

ที่พร่าผลาญความเป็นส่วนตัวเสียสิ้น
ตามไปให้ได้ยินแม้กระทั่งยามสุขี
มีสุขปลดทุกข์อยู่ในห้องน้ำ
ทั่วทุกโถทุกข์ถิ่นทั่วไทยทุกข์ถ้วน 
กวนด้วยเสียงโทรศัพท์
เจ้ามือถือฤามือไม่ถือ

ก็มิอาจเลี่ยงหลบกลบเสียงเลี่ยงไปไหนพ้น
หากมีธุรกิจหรือธุรเกินเผลอเพลินลืมปิดระบบ


เสียงตะริ๊ดติ๊ดติ๊ดๆๆๆ
ที่ตามติดราวมีชิวิตวิญญาณ
ตามล้างตามล้วงตามกวนตามล่า
ตามหารักแท้ตามทวงหนี้
ตามทวงชีวีให้แทบวายวอด
ยามต้นเดือนปลายเดือนแทบไม่พอกิน


เพราะลิ้นหลงพะวงเผลอละเมอรัก
ที่จะพูดๆๆให้หูรับรสหวาน
จากสาวฤาหนุ่ม
ให้กระชุ่มกระชวยใจ
หากพอเวลายามจ่ายก็แล้วแต่ตัวใครตัวคนนั้น
ให้ฝันสลาย..เงินมลายหายวับกันเอาเอง



และ
เพราะทุกเสียงสัมผัสพาให้ทุกผัสสะที่กระทบ
มักจบลงด้วยความพ่ายแพ้ใจต่างต้องไปเติมเงิน..
เอาไปใส่กระปุกให้นายทุนที่รวยกว่า..และยิ่งรวยกว่าๆ
จนกว่าทุกชีวาจะลาล่วงมิตกบ่วงมาร...บ่วงทาส...



หัวใจยามเช้าผม..
เริ่มรอรับระทมมากกว่าสุข
กับทุกเสียงในวันหยุดนี้

ที่ผมอยากอยู่...
กับความนิ่งว่างวางไว้ไร้ร่างเสียบ้างบางวันก็ยังดี



ที่จะไม่มีใครสักคน
ที่ไม่ว่าหวังดีหวังร้ายมากวนใจ..
ให้หูอยู่ไม่เป็นสุขทุกข์ไปตามเสียงที่ได้ยินหากรับไว้

ไม่ก็ต้องผุดลุกผุดนั่งคอยหาจังหวะวางสาย
คล้ายต้องเกรงใจ
ในกับบางคนที่ทนมาจนเคยชิน



แต่...ทว่า
สำหรับนาทีนี้..กับยามเช้าแสนดีนี้..
กลับ
ทำให้ชีวีผมไหวหวั่นผิดคาด
จาก...
เสียงใสใสหวานนุ่มนวลที่มาแปลกดี
ตรงที่แนะนำตัว
ด้วยชื่อที่แสนแปลกมิมีใครเหมือนพอกัน


*สวัสดีค่ะ ศกุนตลาค่ะ 
ขอโทษนะคะ
ที่รบกวนคุณในเช้าวันหยุด (ใจผมคิด...*รู้แล้วโทรมาทำไมล่ะ*)

ดิฉันได้เบอร์คุณมาจากเพื่อนค่ะ 
อยากปรึกษาคุณเรื่องบ้านนะคะ



เพราะเพื่อนบอกว่าคุณถนัดเกี่ยวกับเรือนไทยค่ะ*
*ดิฉัน..มีเรือนไทยริมทุ่งแถวมีนบุรี

 ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อยค่ะ
อยากให้คุณมาดู 
ทั้งๆที่เกรงใจคุณมากนะคะ


แต่...
พอดีระยะนี้ฝนหลงฤดูโปรยมา
เกรงว่าจะแก้ไม่ทันการณ์ค่ะ
อยากขอความกรุณา หากคุณว่าง นะคะวันนี้
เชิญได้มั้ยคะ
จะบอกเส้นทางให้นะคะ
ได้โปรดเถอะค่ะ..


เธอว่ามาเป็นชุด..พลางรอคำตอบ...
ที่ชอบมิชอบก็สุดแล้วแต่ผมจะกรุณา

โอ้อนิจจาฟ้าดิน สิ้นแล้ว...วันหยุด

กับใจดวงถวิลรักธรรมชาติ
ที่ชอบสะดุดด้วยใจอ่อน
กับคำอ้อนออดของสาวๆเสมอมามิหลาบจำ



*ผม...เองเลยเริ่มอึ้งอั้นงันงง
หลงเสียงนางเข้าให้แล้วละกระมัง
ถึงดันไปรับปากรับคำ

ทำให้ต้องรีบอาบน้ำแทบไม่ทัน
หากางเกงนุ่งก็แทบไม่ถูก
ขาแทบขวิดไปขวิดมา



แล้วยังรีบต้องพาร่างบึ่งขับรถอย่างสุดชีวิต
มาตามคำประกาศิตสุดท้ายของนาง

ที่ทอดเสียงแสนหวานได้ราวนางละคร
ผู้กำลังอ้อนพระเอกให้มาตามหารักแท้ประมาณนั้น...
.........


ว่าแล้วไม่นาน
ผมผู้จำต้องรับบทพระเอกผู้ใจดี
ที่มีหรือจะปฎิเสธทั้งเงิน(หวังจะงาม)ทั้งงาน..
ทั้งนายจ้างที่ดูราวจะใจดี..
อันนี้พยายามคิดเข้าข้างตัวเองเข้าไว้...จะได้มีแรงขับรถ
แบบรีบเร่งบุกป่าผ่าดงแบบไม่ชำนาญทาง
ที่ขับพลางโทรพลาง ถามทางมาเรื่อยราวกามนิตหนุ่มทีเดียวเชียว



ผมตะลอนๆมาแสนไกล
 คิดไปคิดมาคงใกล้ฉะเชิงเทราเข้าไปทุกทีแล้ว..
หากเส้นทางชนบทสายสวย
ที่ทอดตัวอรชรก็ช่วยจิตใจผมไว้ได้มากทีเดียว
ที่ช่างแสนงดงามแพร้วพร่าง

ด้วยนาข้าวสีไพลไหวระบัดราวแพรพรม
ช่างแสนบรรเจิดใจเสียนี่กระไร



ไหนจะคูนสองข้างทางไสวเหลืองละออ
ที่กำลังพร่างพ้อพรายพรมรับลมร้อน
เป็นทิวแถวริมทางให้งามสว่างไสวไปทั้งถนน

ที่ไม่ค่อยมีรถและคนจะผ่านมา
นั่น..ตะแบกพราวม่วงหม่น
ปนกับชมพูพันทิพย์จนแทบแยกไม่ออก




นั่นแคร์ฝรั่งแกมกับหางนกยูงสะพรั่งแดงแรงร้อน
อ้อนสายแสงแรกแห่งอรุณงาม
ที่กำลังเริ่มเข้ายามสายแล้ว




และ..
โน่นโอนเอนดงตาลริมนาสุดลูกหูลูกตา

ผมเริ่มเห็น..เรือนไทยไวไวในคลองตา
ก่อนที่
จะขับรถมาหยุดลงตรงหน้าประตูรั้วไม้
ที่เขียนไว้ด้วยลวดลายฉลุแสนงามนามว่า..


*เรือนศกุนตลา*
แลไปรายรอบในกรอบตา
คือนาข้าวไสวเขียวขจีที่ราวเพิ่งหว่านกล้า
และ
ก่อนจะข้ามสะพานทอดโค้งไปสู่เรือนไทย
ที่ถมที่ปลูกไว้ณ..กลางบึงบัว



ที่บัดนี้พากันชูช่อแข่งสีสันอวดอรชรว่อนงาม
ไปทั่วทั่งบึงกว้างมิให้ร้างรักราดอก..
ผมค่อยๆเดินก้าวเท้าข้ามสะพานไม้อย่างช้าช้า
และ
แปลกดี ที่ลมพัดไหวมาวูบหนึ่ง
ราวกับพลอยพาหัวใจผมพลันถูกตรึงด้วยพลังลึกลับกับบางสิ่ง



ที่ผม..ยิ่งงันงง
ราวหลงเข้ามาในแดนดินโบราณผ่านยุคสู่ต้นรัตนโกสินทร์
ผมรีบ..สลัดความคิดวูบไหวนั้นออกไปจากจิตรำลึกรู้

แล้ว...
ค่อยๆเดินดูบัวพร่างแสนงามในท่ามตะวันสีทอง
และมวลภมรผีเสื้อกางปีกร่ายฟ้อน
ว่อนภิรมย์ดมกลิ่นเกสรอ้อนสายแสงสีเงินกับฟ้าคราม



กับตระการตาของนาข้าว
และดงตาลหวานแสนหวานริมรั้ว
ก่อนที่จะถามทางครั้งสุดท้าย
ยืนยันว่าผมนั้นมายืนไม่ผิดที่ผิดทาง
กับ
สาวน้อยนามศกุนตลา...



ที่ณ..บัดนี้..
ผมเห็นเธอคนดีแล้ว..

ผู้หญิง..งามเศร้าราวนางในวรรณคดี..ศกุนตลาเสียจริงๆ
นางที่ผมพอจำวรรคทอง
บทพรรณณาอันแสนเพริศพริ้งจากท้าวทุษยันต์ได้ว่า


*ดูผิวสินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น 
สองเนตร์งามกว่ามฤคิน นางนี้เปนปิ่นโลกา
งามโอษฐดั่งใบไม้อ่อน งามกรดั่งลายเลขา
งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า งามยิ่งบุษบาเบ่งบาน
ครวฤามานุ่งคากรอง ควรแก่เครื่องทองไพศาล
ควรแต่เปนยอดนงคราญ ควรแก่ผู้ผ่านผไท..*
..............



เธอ..งามมาก
และค่าคำว่างามสำหรับผม
ในฐานะผู้รักศิลปะ
ผมตีค่าเสมอว่า...คือแผกพิศพิเศษพิสุทธิ์



คำว่างามคือคำ
ที่ละม่อมละมุน
หอมหวานกว่า
มีอะไรมากกว่าในร่างที่เห็น


ผม..บอกได้เพียงว่าเธอมีนัยน์ตาโศก..สีน้ำผึ้งรวง
มีมาดนุ่มนวลยามแย้มยิ้ม ที่แสนพริ้มเพรา
ที่ลบเหงาใจได้มากกว่าการยิ้มร่า
มีความนวลในทีท่าแสนสงบงาม
ในยามทายทัก



และ
ที่ผม..คิดว่างามนักงามหนา
แสนจะยอดงามสำหรับผมคือ

เธอมีดวงตา
ที่ยิ้มรับขวัญโลกได้
ทุกคราที่เธอคลี่ยิ้มราวโลกแสนไสวสว่าง
แม้นจะแฝงฝังความเศร้าเอาไว้อย่างลึกเร้น..


และ
ที่ทำให้หัวใจดวงโบราณผม
ที่รักงามศิลปะวัฒนธรรมไทยในทุกลีลาทึ่งนักทึ่งหนา
คือเธอย่างก้าวมารับผม
ในผ้าซิ่นสีชมพูลายขวางสลับทางฟ้าจางๆ
และ
พรางร่างบอบบางอรชรอย่าง
น่าทะนุถนอมนวลในเสื้อแขนกระบอกสีไพล



นี่ราว..นางในวรรณคดีไทยเสียจริงๆ
ที่ผม..พยายามสังเกตอย่างรวดเร็ว..

ไม่เกี่ยวกับคำพูดแสนมีมนต์ขลังของเธอที่ตามมา
ในนาทีต่อไป ที่ไหวหัวใจผม
ให้วูบวาบ หวามไหวอย่างแปลกสิ้นดี

อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ..


เธอ..
กำลังต้อนหน้าต้อนหลัง
เจ้าสุนัขที่หน้าตาน่ารัก
หากเสียงเห่าทายทักกลับไม่ค่อยน่ารักตามใบหน้าเอาเสียเลย

มันคงแค่อยากทำความรู้จักผมเฉยๆด้วยละกระมัง
ให้เธอต้องคอยรั้งปลอกคอ



และ
ค่อยๆก้มลงกระซิบบอกให้มันหยุดเห่าเสียที
ก่อนที่เธอจะบอกให้มันนั่งลง
ให้ผมงงในความเชื่องแสนดีของมัน
ที่คงภักดียิ่งนักต่อเจ้าของ..



เธอ..สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่มานะคะ
คงหาทางเข้ายากหน่อย
เพราะว่าไกลมากนะคะ
อย่ากลัวเจ้าแตงไทยนะคะ


เดี๋ยวจะให้มันไหว้ทักทายคุณค่ะ

ว่าพลางเธอยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เจ้าแตงไทย 
ที่ราวกลายเป็นเจ้าแตงอ่อนแสนว่านอนสอนง่ายเสียไม่มี

ก่อนที่มันจะยกร่างชันขาหน้า
และทำท่าสวัสดีแสนตลก



ที่ทำให้บรรยากาศคลี่คลายด้วยความน่าเอ็นดู
ที่ผมอดเมตตามันไม่ได้
ในความจงรักภักดีของมัน
เจ้าสุนัขพันธุ์ไทยที่แสนซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเสียนี่กระไร


ได้เบอร์คุณ..มาจากเอื้องค่ะ 
เจ้าของบ้านเก่าทรงยุโรปโบราณ
ที่คุณรับซ่อมแซมตกแต่ง
ทั้งภายในภายนอก

และออกมางามไม่หลอกตา
ยังคงรักษาเอกลักษณ์เอาไว้ได้
ไม่ใช้สีโดดเกินไปค่ะ 
ยังคงรักษาเอกลักษณ์เก่าให้ดูกลมกลืนรื่นรมย์
มีชีวิตชีวาไปกับบรรยากาศร่มไม้ริมชายคลอง
ราวย้อนยุคสมัยกลับไปในกาลก่อนค่ะ



ฉันจึงประทับใจ
แต่...ที่นี่เป็นเรือนไม้เรือนไทยนะคะ
อยู่กันมานาน
แต่ตอนนี้มีเพียงฉันค่ะ



เธอ..นิ่งงันเงียบ
ก่อนจะค่อยๆกล่าวออกมา
*คุณพ่อ..คุณแม่ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่ค่ะ*



นาทีนั้นหัวใจผมไหวระริก
ราวรับรู้ความเศร้ารานร้าวในน้ำเสียง
แม้เธอจะเลี่ยงหลบตา 
แล้ว..
กล่าวด้วยเสียงธรรมดาๆว่า



*ฉันรักผูกพันกับที่นี่มากค่ะ
เพราะบรรพบุรุษฉัน
อาศัยและอยู่กันมาหลายชั่วคน...นานมากแล้ว
หากคุณชอบอะไรๆที่โบราณ
หวังว่างานนี้คุณคงได้รับความสุขแถมนะคะ*



หญิงสาว...
ค่อยๆเดินนำทางเข้าสู่ภายในบริเวณลานกว้าง
ที่รายรอบปลูกพันธุ์ไม้ไทย
มีทั้งลำดวน ปีบ  จำปี ราตรี กระดังงา
พะยอม หอม นวลดอกแก้วริมรั้วโมก..
มะลิลามะลิซ้อนหลากพันธุ์หลายกอ
และ....อีกมากมายนัก



*เรามีเรือนสามเรือนเรียงรายล้อมชานกลางไว้นะคะ
มีเรือนนอน เรือนครัว..
ที่ดัดแปลงเป็นเรือนรับรองแขก
และที่สำหรับรับประทานข้าว


กับ
อีกเรือนเป็นหอพระค่ะ
เพราะว่าฉันใช้สำหรับนั่งสวดมนต์สมาธิภาวนา
สำหรับ
ชานเชื่อมตรงกลาง
เป็นที่สำหรับเอนอิงพิงหมอนขวานนอนดูดาวเดือนค่ะ


ตรงนี้จะงามมากหากมิใช่ฤดูฝน
พอฤดูฝนก็ต้องขยับไปนั่งในชายคาเรือน
คอยดูสายฝนพรำย่ำหยดลงกระทบแผ่นไม้
ก็งามไปอีกแบบค่ะ


และ
จะได้กลิ่นแมกไม้ไทย
แก้วราตรีกอ..
โมกจะพ้อพิไรลมพรมพร่างขึ้นมาถึงบนนี้เลยค่ะ

บางคืนที่อากาศดี..ดาวเดือนจะเกลื่อนฟ้า
ฉันจะมารับแสงจันทราด้วยแสงเทียนวูบไหว
หาอะไรมาร้อยเรียงมาเขียนมาอ่านมาทำค่ะ


บางทีก็นั่งร้อยมาลัยไปถวายพระ
ก็ได้บรรยากาศงามสงบสุขไปอีกแบบ
แถมมีเสียงเรไรร่ำจิ้งหรีดร้อง
ก็ได้ฟังดนตรีไพรแถมค่ะ



เอาละนะคะ
จะพาคุณไปชมหอพระค่ะ
จริงๆแล้วหอพระมีพระมากมายค่ะ
สะสมมายาวนานมาก
แต่ฉันเก็บไว้ในตู้บานกระจกเห็นมั้ยค่ะ
ให้ดูงามสงบและเป็นระเบียบค่ะ



มีเพียง
พระพุทธรูปจำลองพระชินราชศิลปะสุโขทัยองค์ใหญ่
ประดิษฐานวางไว้เพียงองค์เดียว
เพื่อเพียรนำน้อมมาจับนิรมิตค่ะ
ที่ทุกคืนค่ำ 
ฉันจะมานั่งสวดมนต์ฝึกสมาธิภาวนา



และ
นั่งสงบใจดูแสงเทียนระย้าระยับ
จับพระพักตร์ท่านราวทองทาบทางามจรัสเรือง
มลังเมลืองไสวสว่าง
ด้วยดวงใจสุขสงบงามมากค่ะ



และ
มีตู้เก่าเก็บหนังสือธรรมะมากมาย
เพราะว่าฉันชอบอ่านซ้ำไปมาค่ะ
หลบชีวิตวายวุ่นพาร่างใจไปฝากไว้ในโลกธรรม
ที่แสนฉ่ำเย็นและแอบน้อมนำมาสอนใจให้พลังใจได้ค่ะ

เห็นมั้ยคะ
หากคุณอยากหยิบยืมไปอ่าน
ก็รีบซ่อมหลังคาเรือนให้หลังคากันน้ำไม่รั่วซึมก่อนนะคะ
แล้วจะได้สบายใจเสียทีว่า..อะไรๆจะไม่สูญเสียไปมากกว่านี้
.......


*ต่อไป..ตามฉันมาค่ะ
ก็ห้องนอนค่ะ
เพราะมีปัญหาที่สุดเลย
นอนๆอยู่ฉันงงมาก
คิดว่านอนอยู่ท่ามกลางสายฝนโปรยที่ไหน



และถึงหัวใจฉันจะรักสายฝน
และแสนโรแมนติกสักประมาณไหน
ก็ไม่ไหวค่ะ เมื่อตื่นขึ้นมา
พบว่าน้ำท่วมที่นอนหมอนมุ้งหมดเลยค่ะ


และ
กับกองหนังสือ
และเล่มที่นอนอ่านจนหลับไป*สิทธารถะของเฮอมานเฮสเส
ละลายยุ่ยเลยค่ะ
สงสัยเพราะกระเบื้องเก่ามีรอยแตกค่ะ
อันนี้สันนิษฐาน 
คุณต้องดูอีกทีนะคะ*


ผม..เดินตามเธอ 
อย่างแขกที่ดี
อย่างคนที่มีพลังจะรับงานทำให้ดีที่สุด
จึงได้แต่ฟังฟังและฟัง 
ให้เธอบอกกล่าวเล่าถึงทุกปัญหา
นานๆทีถึงจะถามหากสงสัย



เธอ..
พาผมเข้ามาถึงห้องนอน
ที่เธอคงจะมิเคยยอมให้ใครเข้ามาก่อน..(อันนี้ผมพยายามคิดเข้าข้างเธอและตัวเอง)

ไม่น่าเชื่อ 
ว่าเธอคนดี..จะยิ่งทำให้ผมงงงันอั้นอึ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิม



เพราะมีบางคนบอกว่า 
คนเรานั้นหากเราอยากรู้จักรู้ใจรู้วิถีความเป็นไป
ก็ให้ตัดสินดูจากบ้าน จากความเป็นอยู่
และ
แค่ทุกห้องหับที่ผ่านมา
ก็เพียงพอจะบอกผมได้แล้วว่า



เธอนั้น... 
ต้องได้รับอิทธิพลอันงามล้นมากค่า
จากคำสอนของคนยุคโบราณ
ให้เก็บกวาดบ้านงามสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย



และ
แทบทุกห้องที่ผ่านมา
ผมทึ่งมาก ว่าเธอแสนมีรสนิยม
แห่งความเป็นไทยที่สมถะรักษาความงามเรียบง่าย
ราวรู้จักใช้ชีวิตบนวิถีความพอดีพอเพียงกระนั้น


และ
ผมยิ่งราวฝันไป
เมื่อเปิดประตูไม้เข้าไปพบ
ความละไมละมุนนวลนุ่มน่านอนในห้องนอนเธอ
ที่แสนสงบสุข



เธอมีเตียงไม้..เสากลมสี่เสา
ที่มีมุ้งนวลพราวขาวพ้อพันด้วยริบบิ้นไหมเกลียวทอง
ปูฟูกที่นอนด้วยผ้าลินินขาวสะอาด
พร้อมหมอนสีขาวเช่นกัน


มีม่านฉลุลายนกยูงรำแพน
ลงแป้งรีดเรียบงามระบัดไหว

เคียงหัวนอนมีโต๊ะกลมขางอนเรียว
ไว้วางพานดอกไม้
ที่นะบัดนี้มีดวงดอกพุดซ้อน
วางอรชรอยู่สามสี่ดอกเริ่มเหลืองนวล


ตรงข้ามกับเตียง
มีโต๊ะเครื่องแป้งโบราณ
ที่บานลิ้นชักทุกอันมีหูจับด้วยเม็ดมะยมสีขาว
มีกระจกหูช้างซ้ายขวา

มีตู้เสื้อผ้าที่เป็นกระจกสามารถมองเห็นผ้าพับไว้
อย่างเป็นระเบียบไม่กี่ชิ้นเป็นชั้นช่องน่ามองน่าใส่



และ
ที่งามผ่องผุดให้หัวใจแสนไหวหวามคือ
มีภาพวาดเธอในชุดไทย
ที่งามราวกุลสตรีไทยโบราณ
ราวนางศกุนตลาลอยเลื่อนลงมาจากสวรรค์สรวง



ในภาพ 
ดวงตาเธอหวานซึ้งราวน้ำผึ้งรอหยาด
ให้ผู้หยุดมองผาด
มิอาจผ่านตาและราวกับว่าจะต้องมนต์ขลัง
ให้แม้..มิอยากจะคิดหันหลังกลับได้นานนาที


เธอ..บอกผมว่า
หมดแล้วทุกห้องที่ควรจะแก้ไขพร้อมกับชี้ให้ดูรอยร้าว
พร้อมกับที่ผมรับปากจะกลับมา..



*คุณรู้ไหม..
ใครๆก็ว่าฉันราวผู้หญิงโบราณลงมาเกิด
ค่าที่นอนเตียงโบราณ คิดแบบโบราณ
รักเรื่องราวโบราณ*



และ
ทุกคืนฉันก็ยังกางมุ้งนอน
แถมเปิดหน้าต่าง
รอรับพร่างละอองฝนพร่างกับอากาศธรรมชาติแสนดีแสนหอม
ด้วยพวงพะยอมไพรนานาพรรณ




คุณเห็นดวงดอกลั่นทมริมหน้าต่างมั้ยคะ
มาพร่างพ้อล้อหน้ามาเยือนแย้มยิ้ม

ราวกับเพื่อนเคียงนิทราทุกราตรีฝันเลยค่ะ
มากล่าวคำว่าราตรีสวัสดิ์ทุกคืนค่ำ
มาร่ำรินกลิ่นหวานเศร้าเฝ้าเอาอกเอาใจ
ให้ฉันหลับไหลอย่างแสนสุขเสียไม่มี


แล้ว..
ฉันก็ชิน
กับการที่จะนอนดอมดมกลิ่นแสนละมุนคุ้นใจนี้ไปค่ะ
ตั้งแต่เล็กมาจนโตเลยทีเดียว


ดีว่าที่นี่ไม่มีขโมยค่ะ
และฉันมีผู้พิทักษ์..
ทั้งสัตว์คือเจ้าแตงไทย

กับคนคือ..*ลุงใหญ่* คนเก่าคนแก่
ที่ฉันให้ที่นาท่านทำนาฟรี
จะได้เลี้ยงลูกเมียค่ะ
ท่านปลูกกระท่อมก่อนข้ามบึงมาถึงเรือนค่ะ
ใครไปใครมาผ่านด่านหน้าไม่พ้นค่ะ
นอกจากฉันจะสั่งไว้ให้ผ่านมาได้*



เธอ..
ค่อยๆนำผมลงมายืนริมบึงบัวกว้าง
พร้อมกับที่ผมได้พร่างกลิ่นเกสรพรายกระจายจรุงใจ



ตะก่อนที่ตรงนี้ไม่มีบึงบัว
ฉันเพิ่งขุดเองให้รายรอบเรือน
ดูงามดีจังเลยค่ะ
เวลามายืนรับเยือนแย้มยามเย็นยามตะวันโพล้เพล้น่ะนะคะ



และ..
เพราะ
ฉันรักที่จะเด็ดบัวมาจับพับจีบ
นำไปพลีบูชาถวายหน้าพระพักตร์พระพุทธผู้พิสุทธิคุณทุกคืนค่ะ

ก่อนที่จะทำพิธีสวดมนต์ 
จะรู้สึกดีแสนสงบงามปิติล้ำลึกเลยละค่ะ



คุณก็รู้นี้นา บัว...คือสัญลักษณ์
แทนมนุษย์พุทธภูมิทุกคน
ที่มีกมลพร้อมจะโผล่พ้นน้ำ
หากเพียรพยายามอย่ายอมพ่าย
กลายเป็นเหยื่อเต่าตมจมโคลนไม่ยอมผุดโผล่


เพราะ...
พระพุทธองค์..ท่านจะมิทรงทิ้งทอดกุลบุตรกุลธิดา
ผู้รักษาศีลภาวนาจะพาให้มีปัญญาพบท่าน..ที่รอ
ในเส้นทางธรรมทอดรอธรรมทายาท
ผู้เพียร  มีจิตกระจ่างใสไสวพิลาสที่งามล้ำ 
ให้พบทางแห่งความว่างสว่างสะอาดสงบ..ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์



และ
นั่นท้องนา..
คุณค่าแห่งทุ่งธรรมรวงทอง
ที่จะสอนบทเรียนให้เราเพียรน้อมนำมาเคียงใจ
มาคิดมาสนิทจิต

ให้รู้คิดรู้คุณกตัญญุตา
รู้ค่าคำชาวนาไทยผู้มีหัวใจดวงผ่องผุดดุจทองคำ
มีพลังแห่งความเสียสละมาอย่างยาวนาน
ให้เราหัวใจไทยทุกร่างใจ


ได้ไหวตระหนักรู้ซึ้งถึงค่าข้าวทุกคราวคำที่เปิบกิน
ว่าคนแห่งดินกลิ่นแห่งวัวควาย
ได้หยาดน้ำตาพรายตกต้องผืนหล้า
กว่าจะเพาะพันธุ์หลอมมาเป็นรวงเรียวให้เคี้ยวกลืน


ที่สู้ทนพลีกมลแลหยาดเหงื่อ
หยดน้ำตา

หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินมาอย่างยาวนาน
ผ่านกร้านกล้าแดดร้อนพายุโหมโรครวงเรียว
ด้วยแรงอันแกร่งกล้า



ที่ยอมทายท้า
มิยอมทิ้งถิ่นแผ่นดินธรรมผืนดินทองแผ่นดินแม่มาตุภูมิ
ยังคงคอยประคองสู้
แม้ใครจะดูถูกดูหมิ่น
มิเห็นค่าคนค่าควายก็ตามที


และ..
เพราะเหตุนี้..ฉันจึงยังรักทุ่งนา..เรียวรวง
และ
ฉันชอบลุกมาดูดาวประจำเมืองลอยดวง
มาดูดวงดอกน้ำค้างร่วงรินกลิ้งกลางใบบัวสล้าง
และ
หุงข้าวท่ามกลางแสงดาวพราวพร่างฟ้าแสนสุกใสค่ะ



และ
ชอบที่จะได้ยินเสียงดุเหว่าไพร..ไก่ขัน
พร้อมหอมกลิ่นอันละไมละมุน
ของดวงดอกหอมกรุ่นดอกไม้ไทย
มะลิซ้อนโมกพิไรร่ำรำพัน
กับหยาดน้ำค้างก่อนสว่าง
 

บางทีจะจุดเทียนนั่งสวดมนต์ทำวัตรเช้า
เฝ้ารอสายแสงแรกแห่งพรายพระอาทิตย์
และรอใส่บาตรค่ะ



และ
นี่คือชีวิตเจ้าของบ้าน
ที่คุณคงต้องทราบก่อนการซ่อมเรือน
เผื่อจะได้เข้าใจความต้องการใช้ใช่ไหมคะ
และขอบคุณที่ทนฟังให้ฉันได้เล่าระบายค่ะ



ผม..อยากกระซิบบอกเธอว่า
ทำไมนะ..ทำไมหนอ ..!

ที่..ผมแสนเพลิดเพลิน
ยามได้ฟังบทสนทนาจากเธอ
ที่ทำให้เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก


เธอ..ตรึงตาตรึงใจผม..ด้วยลีลาโบราณๆนี่แหละ
ที่ผมคิดว่า..แผกจากผู้หญิงทุกคน
ที่ผมเคยผ่านมา
ดู..มีอะไรให้น่าค้นหาในความงามเงียบ



และ
นี่คือเสน่ห์ของเธอคนดี
ที่ผม..คิดแสนยินดี 
ที่ได้มาที่นี่ ได้รู้จัก ได้ทำงานให้กับเธอ
ผู้หาญกล้า และน่าศรัทธาใจ

ที่เธอยังมีความรักในเรือนไทยมรดก
มิยกขายให้ใครไป..


กลับรู้ซึ้งในค่างามนั้น 
ราวกับเธอได้รับการปลูกฝังมาให้รักวัฒนธรรมอัน
แสนจะเหลือน้อยเต็มทีแล้วในโลกโลกาภิวัฒน์



ราวเธอ..เดาใจผมออก
เธอ..บอกกลับมา..
*ฉันไม่ขายที่นี่ค่ะ
ทั้งๆมีฝรั่งมาขอซื้อหลายเจ้าแล้ว
ให้ราคางาม



ฉัน..คงอยากอยุ่กับความหลังแสนงาม
ในท่ามกลางความผันแปรของโลกค่ะ*



*ไม่นาน
หากฉันตาย
ฉันจะยกที่นาส่วนหนึ่งให้ลุงใหญ่
คนเก่าคนแก่ของฉันและลูกๆมีที่ทำกิน



ส่วนที่เหลือ..ฉันจะยกให้โรงเรียนค่ะ
ระบุให้ใช้เรือนไทยนี้
สำหรับเรียนดนตรีหรือวัฒนธรรมไทยค่ะ*

*ฉัน..หวังอยากเห็นประเพณีไทย
ที่แสนอ่อนหวานงดงามถูกสืบทอด
ไปในหมู่วัยรุ่นให้มากขึ้นมากเข้า
รองรับกระแสเชี่ยวกรากแห่งอารยะธรรม



ที่กำลังบ่าโหมมาทำลายผู้คน
ให้ใช้ชีวิตอย่างหยาบกระด้างกันมากขึ้นทุกทีทุกที

ไม่มีเวลาศึกษาธรรม ธรรมชาติ
อย่าว่าแต่รักวัฒนธรรมประเพณีเลยค่ะ*



*ขอโทษนะคะที่ระบายใจมากมาย
เพราะราวมีดวงตาที่สาม
ว่าคุณอยากรับทราบรับฟัง
นานๆฉันจะพบเพื่อนที่รักธรรม
และเข้าใจธรรมชาติชีวิตค่ะ*


*ฉันไม่ค่อยสนิทกับใคร
ไม่อยากรับขยะใจจากคนค่ะ
ที่เป็นธรรมดา 

หากทว่า
ขอกลั่นกรองเลือกคบหาคนพันธุ์เดียวคงจะดีที่สุด
ส่วนคนอื่นๆก็เพียงแค่ขอหยิบยื่นไมตรีให้
อย่างมีน้ำใจสวยใสสงบงาม
ไม่เลือกที่รักมักที่ชังค่ะหากใครจะเข้ามาแลกทัศนะ*


*ฉันเบื่อโลกแสงสีเบื่อความวุ่นวาย
บางครั้งจิตราวกับจะบอกฉัน
มนุษย์นับหลายพันล้านมากเกินไปที่โลกใบนี้จะทานอยู่
ยิ่งมากคนทำลายไร้คนสร้างสรรก็ยิ่งหวั่นว่า
โลกจะพบคำแตกดับจนตราบกัลปาวสานต์เร็วขึ้น..*


*ฉัน...ขอโทษจริงๆนะคะ
ที่รบกวนคุณและดูราวฉันจะแจงใจถ้วนถี่เสียเหลือเกิน*
ว่าพลางเธอยิ้มเขิน..


*วันนี้..แค่คุณตกลงก็ดีแล้วค่ะ
ฉันจะเตรียมรับรองหากคุณพาช่างกลับมา
และจะมีอาหารสามมื้อให้ตลอดเวลาทำงาน
ฝืมือฉันเอง
เพราะที่นี่ไกลตลาดค่ะ
คุณอาจจะผอมแย่นะคะมาเจอแม่ครัวคนนี้



ดื่มน้ำส้มคั้นสดสดนะ
แล้ว
ฉันจะเดินไปส่งคุณนะคะ
และ
จะรอวันพรุ่งนี้ค่ะ
เธอ..ค่อยๆเดินล่วงหน้าข้ามสะพานช้าๆ
ก่อนหยุดกลางสะพาน..*



แล้ว...
เอื้อมเด็ดบัวตูมสามสี่ดอกพอกำ
แล้วยื่นส่งมาให้ผม..พร้อมกล่าวคำร่ำลา..

*ให้คุณค่ะนำไปถวายพระ
หวังคุณคงสวดมนต์ทุกคืนค่ำนะคะ*



และ
ขอบคุณอย่างมากกับน้ำใจ..ค่ะ..
หวังเราจะได้ร่วมงานกัน*


แล้วเธอ..คนดี
ก็ค่อยๆหันหลังลาผมไป...
............
..........
ทิ้งผม..ไว้กับฟ้าที่เริ่มโพล้เพล้..เหว่ว้า
ให้ผมยืนนิ่ง..ซึมซึ้ง..ดายเดียว..เดียวดาย..ลำพัง
........
........

ไม่น่าเชื่อเลยว่า....
วันหยุดนี้...
เวลานาทีผมกลับได้รับการเปลี่ยนแปลงแปรผัน

ให้ผมพบกับเธอ
ผู้หญิง ไทยใจโบราณ
เรือนไทยงามกระจ่างกลางแมกไม้ไทยไสวหวานรึมบึงบัว



และ
ที่ผมทั้งแสนรักแสนกลัว
คือความรู้สึกผมในเวลานี้

ที่ราวกับมีดนตรีบรรเลงบทเพลงแสนหวานแว่วแผ่วมา
ให้ผมโหยหา รอท่าให้อรุณรุ่งมาเยือน
พร้อมกับการกลับมา..


และ
สารภาพว่า..
ผมไม่อยากกลับออกไปจากกรงใจเธออีกเลย!

ราวรักแรกพบ...
อยากจบด้วยความเข้าใจกันและกัน
และ...
ให้..*เรือนศกุนตลา*เป็นดั่ง
เรือนขวัญเรือนหอ*
ตราบชั่วนิจนิรันดรแห่งชีวิตสองเรา...!!!!*

****************




http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=745
ศกุนตลา   เพ็ญศรี พุ่มชูศรี : : Key D  

ศ-กุน ตลา
นางฟ้าแมกฟ้า ฤา ไฉน
เดิน ดิน นางเดียว เปลี่ยวใจ
นางไม้ แมกไม้ มิได้ ปาน
น้ำค้าง ค้าง กลีบกุหลาบอ่อน
คือเนตรบังอรหยาดหวาน
โอษฐ์อิ่มพริ้มรัตน์ ชัช วาล
เพลิงบุญอรุณกาลผ่านทรวง
ศกุนตลา
นางฟ้าแมกฟ้าจากสรวง
คลื่นสมุทรสุดฤทัยไหวปวง
คือทรวงนางสะท้อนถอนใจ
ยอดมณีศรีศิลป์ปิ่นสวรรค์
หล่อหลอมจอมขวัญผ่องใส
คือแก้วแพร้วพร่างกระจ่างใจ
อาบไออมฤตนิจนิรันดร์...

 
  

				
5 เมษายน 2548 10:05 น.

ธาราระทม!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=282
(ธาราระทม).
......................



ดวง..ยืนดายเดียวริมฝั่งฝันแม่น้ำเจ้าพระยา

ใต้คูนระย้าย้อยห้อยพวงพราวพราย
พร่างนวลเหลืองทองผ่องผุดไปทั้งต้น

กำลังพร่างพรมประดับเรือนผมแตะแต้ม
ราวประดับด้วยแวมแสงประกาย
จากมงกุฎเพชรพลอยพร้อยแพร้ว



วันนี้...
ดวง..พาร่างรานมายืนตรงนี้ ตรงที่เดิม 
ตรงที่...เริ่มวันรักแรก..แรกรัก..ระหว่างเรา



สายชลยังคงไหลล่อง..ไหลล่อง
สายธารทองยังคงเหงางามเงียบเย็นเฉียบฉ่ำใส...
ไหลรินไปรินไปพร้อมกับดวงตะวันใกล้ลาลับฟ้า

โอ้..ว่าสายชล สายชล 
ราวฝากกมลให้เรียนรู้สัจจะธารา..ธาราระทม
ที่จะไหลลงไหลลง..ไหลไปไหลไป..ไม่หวนคืนกลับมา...



โอ้ว่าน้ำ...ดิน..ฟ้า......มหาสมุทร
เจ้าคือที่สุดแห่งหล้าโลก

ที่มนุษย์ผู้ผ่านมารับโศกสุขสัมผัส
แล้วจำพรายพลัดพราก

มิหวนคืน..มิยืนยาว..
มีเศร้า..สุข
มีทุกข์..ร้าวหนาวใจ

มิคงทน มิคงที่..
มีพบพรากจากลา



เป็นธรรมดาโลก ธรรมชาติโศก ธรรมดารัก ธรรมดาชีวิต

ที่หนีลิขิตชะตาฟ้าดิน
ตามวิบากมิพ้นมิสิ้นวน...สักคน..สักใคร..

สายกมลดวง... ผู้มีดวงตา..เห็นธรรม
และ
ยังมีใจดวงวาบหวามอ่อนหวาน 
หวิวหวั่นแสนโรแมนติก

ที่มักคิดรักทุกสรรพสิ่งงามง่ายรายรอบตัว..เสมอมา...



ก็ราวกับว่าจะ
แว่วได้ยินเสียงบทเพลงแผ่วกระซิบแสนหวานรานร้าว
ถ่ายทอด
พลังสัจจะใจสัจจริงแสนงามแสนอมตะประทับใจ..สะเทือนใจ..



ผ่านฟากฟ้ากว้าง
ลงท่ามท่วมทอดโอบกอดปลอบประคองทั้งดวงใจดวง
และสายน้ำในมหานทีทอง..ธาราระทม..



พาให้พร่างธารน้ำตาผสานผสม
จากใจดวงระบมระทม..
หยาดเป็นสายเดียวราวหยาดน้ำตานางฟ้า
แสนงาม...ในยามเย็น..

พลีสังเวย..เจ้าพระยา..มิสิ้นสาย นะนาทีนั้น!!!
................






http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=282
ธาราระทม ...ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ 

แว่ว ยิน แต่ เสียง
น้ำหลากมาเสมือนยิ่งพาน้ำตาข้าหลั่ง
ธารารักเอยรักเคยฝากฝัง
ท่ามกลางแสงเดือนสะพรั่ง
รักกลับอ้างว้างในคืนเดือนเพ็ญ
รูป รอย ปาง หลัง
ฝังฝากใจมาไร้ความจริงทิ้งให้ลำเค็ญ
มองเดือนครั้งใดหมองใจไม่เว้น
ค่ำคืนรักเชยเคยเช่น
แสงแห่งเดือนเพ็ญเชยฟ้าราตรี
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ

รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ...

................
				
4 เมษายน 2548 07:43 น.

รุ่งอรุณแห่งความสุข!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=510
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=359
..................



เจ้านกเหล็กปีกเงินวะวาววับ
กำลังกางปีก
จะพาผมร่อนลงณ.สนามบิน*สุโขทัย*
สนามบินที่...
ผมคิดว่าแสนงามแสนมีมนต์ขลังที่สุดในประเทศไทย



ผมมองเห็นทัศนียภาพเบื้องล่าง 
ราวผมมีปีกเป็นนกไพรเสียเอง
นั่นบึงบัวตระการ 
งามตระการตาอย่างในภาพวาดสระหิมพานต์



บึงบัวหลากสีหลากพันธุ์กำลังชันชูช่อไสว 
ค่อยๆคลี่กลีบแย้มบาน
รอเวลาให้มวลภมรมาว่อนดมเกสรแสนหวาน
มาภิรมย์ฉ่ำเคล้าคลุกสุขไปตามธรรมชาติมหัศจรรย์
สร้าง..*ขุมทรัพย์อนันต์อณูแห่งดวงดอกไม้*
ให้ยังคงได้แพร่พันธุ์ประดับโลกประดับหล้าประดับใจ



และ
สำหรับผม แม้มิใช่ภมร
ก็กำลังได้กลิ่นหวานหอมปานประหนึ่งน้ำผึ้งรวง
ในละออละอองเกสรกรายกลีบ
เฉกเช่นกัน
ราวกำลังดอมดมด้วยจิตนิรมิตเอาเอง



ในยามนี้
ผม..กำลังคิดถึงแดนสวรรค์ชั้นต่างๆ
ที่ผมเคยสร้างภาพและอ่านผ่านตา
ในหลายเรื่องราว
เกี่ยวกับแดนฟ้าเหนือหล้าโลกเหนือโศกสุขนี้
อย่างในเรื่อง*กามนิตวาสิฎฐี*



และ..
ในทุกคราครั้ง
ที่..*ผม*มีโอกาสเดินทางกับเครื่องบิน
ผมมัก..คิดทุกคราจินตนาไปทุกทีว่า
ตัวผมนี้กำลัง
*ลอยล่องท่องนาวาทองนาวาบุญ..*ยานบุญ..หนุนนำ



กำลังพาผมไปสัมผัสเขตสวรรค์
แดนนิพพานอันแสนตระการราวเมืองแก้วแวววะวิบวับ
ที่...
ผมเคยหยิบจับมารจนาฝากพาให้ทุกดวงใจ
ได้สวยใสสร้างภาพงามตามค่าคำน้อมธรรมทาน
จากจิตใสใจดวงหวานของผมเอง



ที่...
ชอบบรรเลงแต่เรื่องธรรม ธรรมชาติ
มิสาดโคลนร้าย
หมายมุ่งพลอยพาให้ใครเจ็บร้าวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ราวไฟรานมาแผดเผาใจ
ไปกับคำคนคนคนวนวนวนด้วยกิเลสตัณหา
อัตตามากมายที่ช่อนกันไว้มีกันไว้
ให้ชดใช้ไปตามวิบากกรรมวิบากเก่า..ให้ลำบากใจ



กลับมา..นาทีนี้ดีกว่า
ที่..*ยานบุญ*..ของผม..
กำลังไต่ระดับลดเพดานบินลง
เหนือชั้นบรรยากาศ



ที่..
ราววิมานเมฆวิมานรุ้งนวลนุ่มซ้อนสลับสล้าง
ราวสายไหมในท่ามทะเลหมอก
งามตระการตา เป็นช่อชั้น ระยับระย้ายวง
ราวรวงฟ้าที่แสนงาม



ด้วยเจือสีส้มชมพูทอง
อันแสนอ่อนหวานคละเคล้าฉายฉาน
ส่องประกายพรายพราวพร่างระยิบระยับจับนวลใจ
ให้ไหวหวามด้วยมวลเมฆวิเวกสงบงาม
ในท่ามกลางความงามว่าง
งามเงียบยามตะวันรุ่งตะวันรุ้ง



และ
ผมคิด....
*นี่ไงล่ะคือแดนมณีรุ้ง แน่แน่เลย
ดั่งแดนฝันสวรรค์สรวง
ให้หอมห้วงแห่งจินตนาการกวีทุกดวงใจ
และ
พาให้ผมคิดถึงบทกวีอันแสนอลังการยิ่งใหญ่
*ของท่านอังคาร กัลยาณพงษ์*ขึ้นมาณ..บัดนั้น




วิมานน้ำค้าง.... โดยท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ 

วิมานน้ำค้างสร้างด้วยธาตุฝัน 
เอาหอไกวัลเป็นห้องแก้ว 
อัจกลับระยับระย้าอยู่พรายแพรว 
คือแววรุ้งรัตนาดาราราย 

หาดทรายอ่อนฉะอ้อนดั่งบรรจถรณ์ 
หมอนท่อนไม้คือเขนยฟ้าถวาย 
ธาราบ่าเซาะหินดินทราย 
คือนางไม้ขับกล่อมอ้อมใจ

 ละเมอผวาหาเสี้ยวเดือนทอง 
คือน้องนางแก้วแววขวัญสมัย 
อ่อนไท้โลมไล้ทิพย์ละมุนละไม 
แสงเสน่ห์ใสสุดสวาทบ่วาย 

น่านำน้องท่องหล้ามหาสมุทร 
สุดฝั่งฝันกว่าสวรรค์จะหาย 
หมั่นเจ้าด้วยค่าฟ้าพรรณราย 
สุดสายในบุรุษรัตน์รมณีย์ 

นั่นผาชะโงกโตรกชะง่อนง้ำเงื้อม 
อาจเอื้อมเอาดาววาววิเศษศรี 
หรือช่อปาริชาตสุดแสนดี
 หรือวิถีมิติฝันอนันตกาล 

พู้นทางช้างเผือกผุดผ่องสกาว 
บางดวงดาวพุทธเจ้าประดิษฐาน 
บางเอกภพคือทิพยนิรพาน 
คลื่นอดีตผ่านนานนับกัปป์กัลป์

 ปุยเมฆหอมเกสรรังร่วง 
มาทวงมโนคติหล้าอาถรรพณ์ 
ดาวไถไถทุ่งฟ้าวิลาวัณย์ 
จะเกี่ยวข้าวขวัญค่าชีวาใด 

น้ำค้างดงดึกดื่นสะอื้นโศก 
ชลเนตรโลกวิปโยคหรือไฉน 
หมู่มนุษย์น้อยอหังการ์ฆ่าใคร 
ฆ่าพิภพสบสมัยสุดสามานย์ 

ไม่รักทะนุถนอมคุณค่าโลก 
จะทุกข์โศกตราบฟ้าอวสาน 
ยุคมนุษย์จะสุดสิ้นมิช้านาน 
เป็นพยานเถอะสายธารที่จาบัลย์ 

น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง 
ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างฝัน 
ฆ่าชีวาคือพร่าคืนวัน 
จะกำนัลโลกนี้มีงามใด 





ผม..กำลังฝัน... ถึงเมืองแก้วเมืองสวรรค์ในมโนนึก
เมืองที่ผมเพียรฝึกคิดสร้างจิตใส
เนรมิตทิพยไสวพร่างกระจ่างราวอัญมณีเพชรไพร
จากใจดวงงาม..ณ..บ้านภายในของผมเอง



ผม..มิใช่นักบุญนักธรรม 
สารภาพว่า..
เป็นได้แค่เพียงปุถุชนคนธรรมดาเท่านั้น
ที่เพียรไขว่คว้าทำความดี
คิดดี พูดดี คบคนดี  ไปในสถานที่ดี



และ
พลีชีวี
ฝึกสร้างปัญญาจากการรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์
ดิ้นรนให้หลุดพ้นกิเลสตัณหาทุกข์ผัสสะที่มากระทบ
หาหนทางลบแผ้วถาง
ให้จิตกระจ่าง
เพื่อนำทางชีวิตให้จิตใสด้วยพลังใจของตัวผมเอง



ที่..
ผมพยายามศึกษาด้วยการอ่านมากมาย
และ..
ได้พบว่าทุก..ค่าคำสอนนั้นจะไร้สิ้นความหมาย
หากไม่นำมาใช้
หากุศโลบายเรียนลัดตัดตรง



*นิพพานที่นี่เดี๋ยวนี้*มิพักรอวันตายให้เสียเวลาเปล่าเปลือง
อย่างที่ท่านพุทธทาส
ที่ผมเทิดศรัทธาท่านไว้เหนือศีรษะ
ได้ฝากแง่คิดล้ำค่า
ที่แสนศักดิ์สิทธิ์สถิตสถาวร

แค่ว่าให้เราได้ลองคลิ๊กจิตเปลี่ยนชีวิตชีวาดู



เพียงแค่ให้รู้ว่า
ทุกทางธรรม ทุกคำสอนทุกข์ทุกสิ่ง
อยู่ที่.เราจะ.รู้หยุดนิ่ง..ปล่อยวาง ..หยุดคิดได้ เมื่อไร
หากจิตภายในเรา
ปล่อยให้ทุกผัสสะอารมณ์ภายนอกมากระทบจบลงตรงริมหู
มิเปิดประตูรับให้เข้ามาสู่บ้านภายในแล้วไซร้
ก็ไม่มีขยะใจขยะใดจะมาสร้างความปรุงแต่ง
แกล้งลวงหลงวนให้รกรุงรัง..



และ
หากยังเผลอเรอ..
ลืมปิดหูประตูใจก็จงให้ทุกราวเรื่องทุกรักร้อนใจ
ผ่านๆไปดั่งกระแสน้ำไหลไม่กักเก็บไว้นาน
ให้ท่วมท่ามทุกข์ทนทับจับระทมแทบดับดวงชีวีเลยทีเดียว



และนี่คือ
แก่นกระพี้ 
หากเรา...
มีใจดวงธรรมดวงทองดวงผ่องผุดพราวราวบัวพ้นน้ำ
เราก็จะมีดวงตาที่สามเห็นธรรม 



แล้ว...
น้อมนำมาทำตาม
เพื่อเลาะกระเทาะเปลือกอันหนา
ด้วยกิเลสเมือกตมกลกามกรรม
ให้เลิกระทมทดท้อยอมแพ้พ่ายยอมว่ายวนในวิบากกรรม
อย่างหาที่สิ้นสุดหยุดมิได้
ต้องหมายมาชดใช้อีกไม่รู้สักกี่สิบชาติ



หาก...
เราชาญฉลาดหรือวิบากกำลังจะสิ้น
เราจะมองเห็นกุศโลบายง่ายเข้า
ให้เราได้ตรงดิ่ง..ฝึกปฎิบัติธรรมน้อมนำยอดพระรัตนตรัย



อันคือสัจจะใจสัจจะจริง
มาแคะไค้ลอกเปลือกเชือดราคะจริตออก
ค่อยๆบอกตัวเองด้วยตัวเอง
ให้เลิกบรรเลงบทเพลงเศร้าหนาวใจ
วางจิตให้ใสลอยเหนือโศกสุขทุกข์ร้าวราน

ที่พากันดาหน้ามาประหัตประหารมิเว้นวัน
ให้ทุกชีวีชีวันหน่ายเหนื่อยเมื่อยล้า
กับการมีชีวิตอยู่ไปวันวันแบบรอท่าวันตายหายใจไปเปล่าๆ



ผม..เอง..ก็มิใช่จะฉลาดล้ำ
บางครั้งก็ยังย้ำวนยังคงหลงทางไปบ้าง
ตามกิเลสตัณหาตามประสามนุษย์ปุถุชน
ที่ยังคงต้องมีรักโลภโกรธหลงเป็นเรื่องธรรมดาๆ



หากทว่า ผมเริ่มเรียนรู้
ที่จะรู้จักหยุดจิต
และ
ปล่อยวางมากขึ้นๆและมากเข้า
มิให้หนาวใจนาน
มิให้รานร้าว..ด้วยความรำลึกรู้..สู้ยอมรับความจริง



ซึ่งเป็นสิ่งที่คนข้างใจ
*กัลยาณมิตรธรรม*ได้พร่ำบ่นห่มหอมให้ผมเสมอมา
อดทนรอให้ผม..ละเมอ..
มาแสนนาน
มานานแสน
อย่างอ่อนอกอ่อนใจ



ราว...
สายธารธรรมสายธารใจ
ที่คอยระรินใส่ด้วยรักนิรันดร์ฝ่าฟันอดกลั้น
ด้วยเมตตาผมอย่างมิ่งมิตรสนิทในมานานเนา
ในทุกยามที่...ผมเหงาใจไหวหวั่นวาบหวาม



ในท่ามระทมทับ
กับกระแสกิเลสโลกย์โศกสุขนี้
ที่เวียนผันพลันมากระทบทุกวี่วัน
ให้ฝันกระเจิงบ้างก็ระเริงร่ายามมีรัก
หารู้ไม่ว่าทุกข์หนักด้วยบ่วงเสน่หา
ที่รอมัดร่างจิตพันธนาคอยอยู่ไม่ไกล



ผมดีรู้ว่า...ทุกสรรพสิ่งคือมายา 
คือภาพลวงตา
คือสิ่งที่ผ่านมาแล้วจะผ่านไป
ไม่เหลือสิ่งใดให้เราจับต้อง
ครอบครองเป็นเจ้าของได้นานชั่วกาลกัลปาวสานต์



แม้แต่..*คำรักนิรันดร์ *
ก็ยังมิอาจพิสูจน์ได้ว่าจะแปรผันไปฤาไม่ 
เมื่อจิตดับไป...ใครเล่าจะหยั่งรู้!



ดังนั้น...จึงจงอยู่กับจิตเป็นปัจจุบัน
ให้น้ำใจรักกันเสียในวันนี้
จะยังดีเสียกว่า
การสร้างผูกพันรัดรึงหึงหวงห่วงหาพามืดบอด
ให้ใจร้อนเร่าด้วยฟอนไฟรักแผดเผาให้ทั้งเขาและเรา
มิพบกระจ่างสว่างสงบ
รู้วางว่างสยบโลกย์ร้อนด้วยรำลึกเห็นเย็นในธรรม
................



ผม..มองทิวทิพย์เมฆ
ที่พราวพร่างราวสวรรค์สรวง
ราวปวงนางฟ้าเทวดากำลังกรายกรมาร่ายร่ำเที่ยวท่อง
ในวิมานแมนวิมานเมฆ
ที่ผม..เห็นความงามวิเวก
ด้วยดวงตาที่สาม...ที่ผมได้รับพรมาจากสวรรค์



ให้ผมคิดฝัน
นิรมิตรู้คิดหยิบจับ...เลือกแต่สิ่งดีมา...
ตามที่อัญมณีใจดวงใสหวานตระการกระจ่างสอนสัจจะจริง

ให้ผมรู้วางนิ่ง...สงบงาม..
รู้ท่ามกลางความเป็นไปในสามโลก
รู้ยอมรับโศกสุข...
รู้หยุด...มองหาข้อบกพร่อง
ยามมีวิบากมาแผ้วพาล



ยามพบคนพาลมารานรุก
มาบุกมาบั่นด้วยน้ำคำคม
ที่สอนให้ผมรู้กลืนกล้ำและ
ตอกย้ำเพียรให้รู้อภัยด้วยน้ำใจมากเมตตาปรารถนาดี



ที่..
หัวใจผมราวมีบทเพลงประจำใจ
คอยสอนให้มองคน
แล้วอภัยรู้ให้น้ำใจรัก 
อย่างมิพักเสแสร้งด้วยความจริงใจ
อย่างไม่มีวันสิ้นสุด...ราวสายธารธาราริน



ให้พร่างพรมห่มหอมมิรู้สิ้นราวหยาดฝนจากฟ้า
ให้ทุกห้วงใจทุกใครคนที่มาชิดใกล้ได้รับฉ่ำเย็น
ได้รับเชื้อรักธรรม..ธรรมชาติอันแสนพิลาสพิไล
ก่อนที่จะรู้ค่ารักใดใดทั้งปวง...




http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=72
หนึ่งในร้อย 

พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว
สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม
นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม 
น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี
เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี
ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง
ความ ดี คนเรานี่ ดีใด 
ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง
อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน
รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย

รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง...



.............



ผม...คิดว่า....
แดนสวรรค์เข้าใกล้ผม..ใกล้เข้ามา..ใกล้เข้ามาทุกขณะ
ในทุกลีลานกไพรผู้มีดวงใจรักอิสรา
พาตัวตนราวไร้ร่างพันธนา
ราวบัวบุศย์พิสุทธิ์พราวโผล่พ้นน้ำรอรับวิมุตติหยุดคิดได้



ให้ดวงจิตสว่างใส
รอรับหนาดน้ำค้างไพรน้ำค้างธรรม จากธรรมชาติ
ที่รอหยาดรินมิรู้สิ้นรู้จบ
เพียงเพียรค้นพบจากจิตใสภายในเราเอง

อย่าหวั่นเกรงที่จะพาเพียรไปพบธรรมอันล้ำเลอค่า
ให้สมกับที่ได้เกิดมาในฟ้าพุทธภูมิ



ได้รับน้ำใจดั่งหยาดฝนจากดวงดอกน้ำพระทัย
อันแสนยิ่งใหญ่เกริกไกรในบุญญาบารมี
หยาดจาก
*พระมหากษัตริย์ไทย*นี้

ที่ทุกดวงใจปวงชนยอมพลีภักดีบูชา
ด้วยจิตร่างอย่างจงรัก
 
ตราบจนกว่าจะฝากร่างจิต
ให้พสุธาไทยผืนดินแม่มาตุภูมิกลบร่าง
มิให้หลง..วนไปมา



ปีกใจปีกไพรของผม
กำลังจะร่อนลงในแดนดินสวรรค์จริง
ในผืนดินตรงหน้า
กับ...
เมืองเก่าที่แสนมลังเมลืองเรืองรุ่งในอดีต
เป็นดั่งยุ้งข้าวยุ้งน้ำ
อันมากมีราวเรื่องเริ่มต้นให้เราเป็นไท ไทย



นามสุโขทัย....
เมืองที่วิไลด้วยข้าวในนาปลาในน้ำอันแสนงามอุดมสมบรูณ์



****เมืองมรดกล้ำเลิศ  กำเนิดลายลือไทย
เล่นไฟลอยกระทง มั่นคงพระพุทธศาสนา
งามตาผ้าตืนจก สังคโลกทองโบราณ
สักการแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข***




ผมตั้งใจ มาที่นี่
ด้วยคิดถึงดวงใจคนดีของผม

เธอ..เคยเล่าให้ผมฟังถึงความงามของสนามบิน
และ...สภาพเมืองสุโขทัย ในอดีต

ที่เคยเป็นราชธานีแห่งแรกของชาติไทย 
เมื่อ 700 ปีมาแล้ว 
ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนึ่งในเขตภาคเหนือตอนล่าง 
คำว่า สุโขทัย มาจากคำสองคำ
คือ สุข+อุทัย หมายความว่า รุ่งอรุณแห่งความสุข 



สุโขทัยได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ ปี พ. ศ. 1800 
ที่มีการสถาปนาราชวงศ์พระร่วงขึ้นปกครองสุโขทัย 
โดยมีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นปฐมกษัตริย์ 
ตลอดระยะเวลา 120 ปี ราชวงศ์สุโขทัย 
มีกษัตริย์ปกครองหลายพระองค์ 
ที่สำคัญคือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช 
ผู้ทรงประดิษฐ์อักษรไทย 



และ
วางรากฐานการเมือง การปกครอง ศาสนา 
ตลอดจนขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง 
และด้วยความสำคัญในฐานะ
ที่เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปะของไทย
ในสมัยเริ่มสร้างอาณาจักร
ที่ยังหลงเหลืออยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย 
ได้รับการยกย่องให้เป็น มรดกโลก 
โดยองค์การ UNESCO เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2534 



ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานไทยได้มาเยือนมาชม
มิระทมหากสุโข
ด้วยภาคภูมิใจปิติใจ
ในเงื้อมเงางามแห่งอดีตอันตราตรึง

ที่ยังคงฝากคะนึงนานแห่งกาลเวลา
ให้ย้อนรอยรอถอยหลังภวังค์ครวญหวนไห้หา
กลับไปสู่ยุคสมัยทอง
แห่งความร่มเย็นเป็นสุขในทุกถิ่นไทย


ไปซาบซึ้งใจกับวิถีทุ่ง
อันมีดงตาลหวานเคียงนา
มีฟ้าที่พราวไสว
ราวสายแสงทองทาบทาอาบหล้านาทอง
ให้ผ่องราวพรมคลี่ฝากให้ทุกชีวีในสมัยนั้น
ได้พันผูกปลูกรักวัฒนธรรมประเพณี


ที่มักมีที่มาตำนานลานทองท้องทุ่งนาป่าเขา
ลานที่สร้างสานความรู้รักสงบ
พบความประณีตละเมียดละไมในทุกวิถีแห่ง
ความเป็นไทยเรานี้ที่มีแผ่นดินราวทองคำ



มีสายน้ำปิงวังยมน่านเจ้าพระยา
พาไหลล่องให้ปองรักมั่น
ได้เพาะพืชพรรณขยันทำกิน


ได้มีชีวินแบบอุดมสมบรูณ์พูนเพิ่ม
เติมต่อด้วยธรรมชาติดาษดา
ที่หางามง่ายแสนใกล้ตัวใกล้ใจ

จนหลอมให้มีชีวิตไพรใสเย็น
รักความเรียบง่ายรักท้องนาท้องไร่
ได้ไปวัดทำบุญเพียรหนุนนำดวงใจให้ใสพราว



และ
ราวบัวตระการ
ให้ลูกหลานไทยยังคงมีใจดวงงาม
ยังเพียรสร้างวัดวาอารามมากมาย
ในสมัยตามมาที่มีชื่อว่าอยุธยา
ที่มีวัดวาจนมีคำกล่าวว่า

*มาตรแม้นนกบินพลัดตกจากฟ้าก็หาถึงพื้นไม่!*



ยังมีวิถีใจชอบชีวิตชิดใกล้ชายชล
ยังมีกมลผ่องผุด..ราวบัวผุดบัวทอง
รู้ค่าความหมายของจิตวิญญาณชาวพุทธ
ผู้รักรักษาจิตให้พิสุทธิ์ใสพอกัน



ผม..
กำลังนั่งรถมุ่งไปสู่..*อุทยานแห่งประวัติศาสตร์*
ไป..*วัดศรีชุม*

ที่ผมหวังวาดในมโนนึกมาแสนนาน
เพียงไปทรุดตัวลงนั่ง
*หน้าพระพักตร์พระอจนะ*..เพียงสักครั้งหนึ่งในชีวิต



รถกำลังพาผมใกล้เข้าไป...ใกล้เข้าไป..

ให้หัวใจผมระทึกพราวภูมิด้วยพลังแห่งความปิติเกษม

สู่..มณฑปขนาดสูงใหญ่หลังคาเปิดโล่ง

และ....
ทันที่...
ที่ผมก้าวเท้าสู่..ภายในพระวิหารน้ำตาผมก็เริ่มซึมซึ้ง
อย่างห้ามไม่อยู่..ด้วยรำลึกรู้ดำดื่มปลื้มปิติใจอย่างมหาศาล

ในท่าม...
วิหารที่ประดิษฐาน
พระพุทธรูปปางมารวิชัยปูนปั้นแกนในเป็นอิฐและศิลาแลง
ซึ่งมีขนาดสูงใหญ่15เมตรและหน้าตักกว้าง11.30เมตร
จึงดูงามสง่าน่าเกรงขาม
เพราะสร้างด้วยพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ของชาวสุโขทัย
จนเต็มมณฑปช่างแสนงดงามนัก



เป็นพระพุทธลักษณะศิลปะสุโขทัย
ที่มีความพิเศษตรงการก่อสร้างที่สร้างให้มีผนัง
สองชั้น มีช่องว่างขนาดพอที่ตัวคนจะสามารถเดินผ่านไปได้

เป็นอุโมงค์ทางเดินสูงขึ้นไปจนถึงเบื้องหลัง
ใกล้พระเศียรขององค์พระพุทธรูป
และส่วนที่เป็นเพดาน..


ในอุโมงค์มีภาพสลักบนแผ่นหินชนวนประดับไว้ห้าสิบกว่าภาพ
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชาดก
ในพระพุทธศาสนาที่น่าเรียนรู้อย่างยิ่ง



และ...
พระอจนะที่วัดศรีชุม
มีประวัติที่มาตามพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา

ว่า...ในรัชกาล...
พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เมื่อทรงนำกองทัพ
ไปทำสงครามปราบปรามกบฎเมืองสวรรคโลกและเมืองพิชัย
ได้ทรงพักกองทัพ ณ ที่วัดแห่งนี้..



และ...
นำไพร่พลทำพิธีบวงสรวง*พระอจนะ*ก่อนเสด็จยกทัพต่อ

ครั้งนั้นกล่าวกันว่า
*มีเสียงพูดออกมา*
จากองค์พระอจนะ สร้างความอัศจรรย์
และสร้างขวัญและกำลังใจ
ให้กับกองทัพกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างยิ่ง



และ
นี่คือสิ่งที่เป็นแรงฝันพลังศรัทธาของผม
ที่ทำให้ดั้นด้นมาถึงนี่

ให้ผม..มานั่งนิ่งงันกับพลังแห่งความสงบงาม
ที่ช่างแผ่ไพศาลไปรายรอบ
ราวกับจะโอบประคองผมไว้


ด้วยน้ำพระทัยมากล้นพระเมตตาบารมี
พลีให้หัวใจดวงดีดวงทองของผม
กำลังถูกคลี่ห่มด้วยพลังแห่งความขลังศักดิสิทธิ์



ใจดวงนิรมิตของผม...ราวได้ยินเสียงไพร่พล
โห่ร้องก้องกังวานมากับสายลมเย็น
ให้
ผมได้ตระหนักซึ้งค่าว่า ...
ความกล้าหาญ 
ความรักชาติ และความเป็นชายชาตินักรบ
ของลูกผู้ชายชาวไทยหัวใจแกร่งขวัญนั้น 

ได้ถูกปลูกฝังหล่อหลอม
ให้น้อมจิตคารวะ
สร้างพลังศรัทธาจากศาสนามาอย่างยาวนาน

ให้มีจิตวิญญาณถึงพร้อมยอมพลีชีพนี้  
หากจำเป็นเพื่อปกบ้านป้องเมืองจากอริราชศัตรู
ที่จำต้องเสียสละด้วยความจงรักภักดีอย่างสูงสุด!




ผมนั่งนิ่ง..งันเงียบ
ราวโลก...มีเพียงผมลำพังผู้เดียว...

ในท่ามกลางรำไรรำไรแห่งแสงเทียนทอทาบ
ที่อาบไล้ฉาบไปตามผนังโบสถ์คร่ำ



น้ำตาผมกำลังพร่างสายราวสายฝนริน
เต็มสองข้างแก้มลูกผู้ชาย
ที่ร้องไห้เป็น  ในรอบหลายสิบปี

ให้หัวใจดวงนี้ ที่รู้สึกราวมีพลังลึกลับ
คอยเฝ้าเตือนให้กลับมารำลึกรู้ยังสัญญาเดิม


ผม...เริ่มจับสมาธิภาวนา
ไปกับฟ้าใกล้ค่ำ
กับเสียงเรไรร่ำจิ้งหรีดจักจั่น
ร้องแว่วแผ่วมากับสายลมรำเพย...

จิตภายใน..ดวงวางเฉย..เริ่มนิ่งเฉย..
วางว่างราวไร้ร่างไร้ตัวตน....

เริ่มลอยพลัน...
พาผมไปสู่สวรรค์แห่งอดีตแสนงาม...

กับม่านน้ำตาแห่งปิติ
ที่พร่างรินพร่างรินมิสิ้นสาย.....

พร้อมกับได้ยินได้เห็นบางสิ่ง....

ที่กำลังลอยเลื่อนลงมาราวภาพเกิดตรงหน้านะบัดนี้...!!!!!!!

*************


 



รอติดตามภาคสองค่ะที่จะตามมาในไม่ช้า....



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=510
แผ่นดินของเรา   
สันติ ลุนเผ่ : : Key Cm  
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
ใกล้ไกล
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
เลือดไทยไหลโลม ลงดิน
ใครหมิ่น ศักดิ์ศรี คนไทย
ย่อมมีวัน สักวัน ให้ไทย
ล้างใจ อัปรีย์
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน

แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
สัก วันต้องคืนกลับมา
มั่นใจ เถิดหนา
ขอพลี ชีวารักษาชาติไทย
ชาติไทยคู่ฟ้า
เลือดทา แผ่นดิน...

****************



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=359
ไกลบ้าน   

วิปโยคโศกใจ เหมือนเมื่อไกลบ้าน
ไกลสถานพักพิง ยิ่งใจเหงา
ห่างไกลหัวใจจำเศร้า เจ้าอยู่ดีเป็นไฉน
พลัดที่พึ่งที่พิง ทิ้งที่พำนัก
ไกลที่รักพักพา จะอาศัย
เจ้ามีเพื่อนชมคนใหม่ แล้วทิ้งพี่ให้ชอกช้ำชีวี
อันรักกันอยู่ไกล ถึงสุดขอบฟ้า
เหมือนชายคา เข้ามาเบียด ดูเสียดสี
อันชังกัน นั้นใกล้สักองคุลี
ก็เหมือนมีแนวป่า มาปิดบัง
เพราะไกลบ้านซ่านมา โถนิจจาเจ้า
จะเงียบเหงาแล้วลืม ซึ่งความหลัง
ฝากเพียงเสียงกระซิบสั่ง
ขอน้องอย่าชัง คนร้างแรมไกล
  
อันรักกันอยู่ไกล ถึงสุดขอบฟ้า
เหมือนชายคา เข้ามาเบียด ดูเสียดสี
อันชังกัน นั้นใกล้สักองคุลี
ก็เหมือนมีแนวป่า มาปิดบัง
เพราะไกลบ้านซ่านมา โถนิจจาเจ้า
จะเงียบเหงาแล้วลืม ซึ่งความหลัง
ฝากเพียงเสียงกระซิบสั่ง
ขอน้องอย่าชัง คนร้างแรมไกล...

 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด